Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วัดไตรมิตรวิทยาราม

วัดไตรมิตรวิทยาราม

Published by Sinjai Paipromrat, 2019-11-21 08:02:20

Description: วัดไตรมิตรวิทยาราม

Search

Read the Text Version

วดั ไตรมิตรวทิ ยาราม จัดทาโดย นางสาวสนิ จยั ไปพรมราช ๖๐๑๕๒๐๑๖ นางสาวกรกนก บญุ ยรตั นเ์ สวี ๖๐๑๕๒๐๒๓ นางสาวภทั รวดี เกตชุ าติ ๖๐๑๕๒๐๓๖

ประวตั ขิ องวัดไตรมติ รวิทยาราม ในปจั จุบนั เป็นพระอารามหลวงชนั้ โทชนดิ วรวิหาร ต้งั อยบู่ นถนนเจริญ กรงุ เดมิ วัดแหง่ นี้ชอื่ ว่าวัดสามจนี ตอ่ มาในปีพระพทุ ธศกั ราช ๒๔๘๒ ไดม้ กี ารเปลยี่ นพระนามของวดั เป็นวัดไตร มิตรวทิ ยาราม และไดร้ บั การยกฐานะเป็นพระอารามหลวง เมอื่ ปีพระพทุ ธศักราช ๒๔๙๙ เดมิ พื้นทข่ี องวัดเป็นท่ี ราบล่มุ มนี า้ ทว่ มขงั โดยรอบและสง่ิ สกปรกมากมาย ตอ่ มาเมอ่ื ปีพระพทุ ธศกั ราช ๒๔๗๘ ไดม้ กี ารปรบั ปรงุ วัด ท้งั หมดใหส้ วยงามและแบ่งอาคารภายในวัดเป็นโซนอย่างชดั เจน วดั ไตรมติ รวทิ ยารามเปน็ วดั โบราณไม่มีใครทราบ ว่าสร้างขึ้นในสมัยใด เล่าว่าวัดสามจนี เดมิ มีอยสู่ ามวัด ได้แก่ วดั ทีอ่ ยูใ่ นคลองบางออ้ ตรงขา้ มกบั เทเวศ วัดสามจนี เหนอื บางท่านกเ็ ล่าว่าอยู่บางขนุ พรม ไดแ้ ก่ วดั สงั เวชวทิ ยาราม บางทน่ กเ็ ล่าวา่ อยู่ทจ่ี งั หวดั นนทบรุ ี ไดแ้ ก่วัดโชตกิ า ราม สว่ นวัดสามจนี ใต้ ได้แก่ วดั ไตรมติ รวิทยามราม แหง่ นี้นน้ั เอง สามเหตุที่เรียกวา่ วดั สามจนี เพราะมพี ่อค้าคนจีน ท่ีอบพยบมาต้ังถน่ิ ฐานในสยามเป็นเพ่อื นสนทิ กันสามคน มคี วามสามคั คี ร่วมแรงรว่ มใจกันก่อสรา้ งวดั แหง่ นีข้ ้นึ มา เพื่อเปน็ ศาสนสถาน และเปน็ ทบ่ี าเพญ็ กุศลของทุกคนในสมยั นั้น วิหาร ภายในวัดนะคะเป็นอาคารหมู่ทหารไทยหลงั คาเปน็ ทรงจตรุ มุขมุงด้วยกระเบ้อื งเคลอื บสีเขยี วหนา้ บนั ประดบั ด้วยปูนปัน้ มเี รือนทิศลอ้ มรอบ สรา้ งขึน้ เมอื่ ปีพระพุทธศักราช ๒๔๙๗ เพื่อเปน็ ทป่ี ระดษิ ฐานพระสุโขทยั ไตร มติ รและเป็นที่ประดษิ ฐนของพระบรมมสารรี ิกธาตุของในหลวงรัชกาลท่ี ๙ ศาลาการเปรยี ญ ภายในวัดนะคะ เป็นอาคารหลงั ใหม่ตวั อาคารเป็นคอนกรีตเสรมิ เหลก็ เป็นลักษณะเฟอร์ คอนกรีต ทรงไทยประยุกต์ สร้างเมอ่ื ปีพระพทุ ธศกั ราช ๒๔๕๖ โดยนายห้างกาธร สทุ ธผิ ล

พระมหามณฑปเฉลมิ พระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา พระมหามณฑป ที่ประดษิ ฐานพระพุทธมหาสวุ รรณปฏมิ ากร (หลวงพอ่ ทองคา) พระมหามณฑปหลวงพ่อทองคา คือ ความรว่ มมอื รว่ มใจของรฐั ชมุ ชน และประชาชน เมื่อวันท่ี ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราช ดาเนนิ ทรงเปิดงานเทศกาลตรษุ จนี ไชนา่ ทาวนเ์ ยาวราช ๒๕๔๙ และไดท้ อดพระเนตร แบบจาลองพระมหามณฑป ฯ และนทิ รรศการโครงการจัดสรา้ งพระมหามณฑปประดิษฐานพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (หลวงพ่อทองคา) วัดไตรมิตรวิทยาราม โครงการจัดสรา้ งพระมหามณฑปฯ เกิดข้ึนจากความร่วมมือร่วมใจของวัดไตรมิตรวิทยาราม ชาวชุมชน เยาวราช และสมาคมนักธุรกิจเขตสัมพันธวงศ์ ในการริเร่ิมรังสรรค์พระมหามณฑปหลังใหม่ท่ีสง่างามสม ฐานานุศักดิ์ของหลวงพ่อทองคาถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระ ชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ การออกแบบพระมหามณฑป ได้ดาเนินการอย่างพิถีพิถัน โดยได้ รวบรวมผู้มีอัจฉริยภาพทางศิลปะระดับชาติในหลากหลายสาขามาร่วมกันสร้างสรรค์ พุทธสถาปัตยกรรมอัน ทรงคณุ คา่ หลงั น้ี

พระมหามณฑปหลวงพอ่ ทองคา สถาปตั ยกรรมไทยประยกุ ต์ พระมหามณฑปประดิษฐานหลวงพ่อทองคา เป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ ออกแบบให้กลมกลืนกับ รปู แบบของอาคารตา่ งๆ ของวัดไตรมติ รวทิ ยารามท่เี ป็นสถาปตั ยกรรมสมยั ใหม่ โดยให้ความสาคัญกับความเรียบ ง่าย คงทน และความสงา่ งาม พระมหามณฑปเหน็ อาคารจตั รุ มขุ ทรงปราสาท โครงสรา้ งหลกั เปน็ คอนกรตี สาเรจ็ ผนงั ภายนอกบดุ ว้ ยหิน อ่อนไวท์คารร์ าร่าสว่ นประกอบเครอ่ื งยอด เช่น บันแถลง เป็นโลหะหล่อปิดทอง และไดเ้ ชญิ ตราสญั ลกั ษณพ์ ระราช พิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ มาประดับไวท้ ี่หนา้ บันสว่ นบนยอดสูงสุด ของ พระมหามณฑป คือ ฉัตรโลหะ ๗ ชน้ั พระมหามณฑปประดิษฐานหลวงพอ่ ทองคา นอกจากจะเป็นพุทธสถาปัตยกรรมที่สานพลังศรัทธาของ พุทธศาสนิกชนในองคห์ ลวงพอ่ ทองคาแลว้ ยงั เปน็ ศูนยร์ วมจิตวญิ ญาณของชุมชน รวมทั้งมีศูนย์ประวัติศาสตร์เพื่อ การเรยี นรู้วิถชี วี ิตของชุมชนด้วย เพ่ือให้การรังสรรค์พระมหามณฑปมีความงดงามยิ่งใหญ่ สมฐานะบารมีขององค์หลวงพ่อทองคา มี เอกลกั ษณ์พเิ ศษคู่ควรกับกบั การเฉลิมพระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวในปีมหามงคล การออกแบบพระ มหามณฑปจึงได้ดาเนนิ การอย่างพถิ ีพิถนั โดยได้รวบรวมผ้มู อี จั ฉริยะภาพทางศลิ ปะระดับชาตใิ นหลากหลายสาขา มารว่ มกนั สร้างสรรคพ์ ุทธสถาปัตกรรมทรงคุณค่าหลังนี้ โดยคานึงถึงคุณลักษณะท่ียึดถือเป็นหลักปรัชญาในการ ออกแบบ ดังตอ่ ไปน้ี ๑. ความศักดิ์สทิ ธิ์และสงา่ งาม เพ่อื ให้สมกับฐานะบารมขี องหลวงพอ่ ทองคา และเหมาะสมคู่ควรแก่การ เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวอันเป็น โอกาสมหามงคลย่ิงน้ี จึงออกแบบโดยเน้นให้มีโครงสร้าง ขนาดใหญ่ เพื่อให้เกิดความรสู้ ึกสงา่ งาม นา่ เกรงขาม ขณะเดยี วกนั ก็รกั ษาคณุ ค่าทางสถาปัตยกรรมไว้ครบถ้วนทั้ง พทุ ธศลิ ป์ สถาปัตยศลิ ป์ และวจิ ิตรศลิ ป์ ๒. ความมั่นคงถาวร ด้วยมุ่งหวังให้เป็นภูมิสถาปัตยกรรมใหม่ของย่านเยาวราช และเป็นมรดกทาง วฒั นธรรมอันทรงคณุ ค่าสืบไปช่วั ลกู หลาน ในการออกแบบจงึ คานึงถึงอายุของวัสดุการใช้งานเป็นหลัก โครงสร้าง ของอาคารจึงเปน็ คอนกรตี เสริมเหลก็ และคดั สรรวสั ดทุ ่ีมีคุณสมบตั ิโดดเด่นเร่อื งความคงทนถาวร อาทิ หินอ่อน มา ใช้ในการก่อสร้าง

๓. ความร่วมสมัย ในการออกแบบพระมหามณฑปน้ี เน้นการออกแบบท่ีเรียบง่ายแต่สร้างสรรค์ โดย คานึงถึงความจาเป็น ประโยชน์ใช้สอย และบริบทแวดล้อมเป็นหลัก โดยรวมเอาพ้ืนท่ีใช้สอยท่ีจาเป็นเข้าไว้ใน อาคารหลงั น้ี อนั ไดแ้ ก่ พระมหามณฑป พพิ ิธภณั ฑ์ชุมชน และพน้ื ทจี่ อดรถ โครงการก่อสร้างพระมหามณฑปฯ ดาเนินงานและควบคุมดูแลออกแบบก่อสร้างร่วมกันระหว่างกรม ศลิ ปากร สานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จากัด (มหาชน) โดยมีระยะเวลา ดาเนินการประมาณ ๒ ปี “เมอ่ื ไดม้ านมัสการ หลวงพ่อทองคา กันแล้ว เราควรเข้าชมนิทรรศการที่จัดไว้อย่างดี ด้วยรูปแบบการ นาเสนอที่น่าสนใจ ประกอบด้วย” ช้นั ที่ ๒ ศูนยป์ ระวัติศาสตร์เยาวราชนาเสนอ \"ความรงุ่ เรืองบนถนนสายทองคา\" แบง่ เปน็ สว่ นๆคือ ๑. เติบใหญ่ใต้รม่ พระบารมี ฟังคาบอกเล่าจากอากงชาวเยาวราช เพื่อทาความรู้จักเบื้องต้นกับชุมชนชาวจีนสา เพ็ง - เยาวราช อันเป็นยา่ นการค้าเกา่ แกท่ ส่ี าคัญของกรงุ เทพฯ ซ่ึงเติบโตข้ึนจากการก่อร่างสร้างตัวของชาวจีนท่ี เข้ามาทามาหากนิ ในเมอื งไทย โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระมหากษตั ริย์ไทยตลอดมา ๒. กาเนดิ ชุมชนจีนแหง่ กรงุ รตั นโกสินทร์ (พ.ศ. ๒๓๒๕ – ๒๓๙๔) บอกเล่าถึงจุดกาเนิดของชุมชนจีนท่ีสาเพ็ง และการเขา้ มาของชาวจีนโพ้นทะเลในช่วงสมยั รชั กาลท่ี ๑-๓ จนกระทง่ั สาเพ็งกลายเปน็ ยา่ นการค้าที่ใหญท่ ส่ี ุดของ กรงุ เทพฯ ในยคุ นน้ั สมั ผัสประสบการณก์ ารเดินทางด้วยเรือสาเภาหัวแดงจากเมืองจีนสู่ผืนแผ่นดินไทย และเดิน เข้าสตู่ ลาดสาเพ็ง สมัยรัชกาลท่ี ๓ ทจ่ี าลองขนึ้ ใหมใ่ นบรรยากาศเสมอื นจรงิ ๓. เส้นทางสูย่ คุ ทอง (พ.ศ. ๒๓๙๔ – ๒๕๐๐) จดั แสดงพัฒนาการของชมุ ชนจนี จากตลาดสาเพ็งส่คู วามเปน็ ยา่ น ธรุ กิจสมัยใหม่ท่ีถนนเยาวราช สมั ผัสบรรยากาศภายในสานักงานบริษัทค้าข้าวที่ถนนทรงวาดสมัยรัชกาลท่ี ๖ ซึ่ง เปน็ จุดเรม่ิ ต้นความเจรญิ รงุ่ เรอื งของยา่ นการค้าเยาวราช แลว้ ชมโมเดลขนาดใหญท่ ีจ่ าลองถนนเยาวราชในยุคเฟือ่ ง ฟทู ีส่ ดุ ช่วง พ.ศ. ๒๕๐๐ ซ่งึ เยาวราชเปน็ ย่านธรุ กิจและแหลง่ บนั เทิงท่ีทนั สมยั ทสี่ ดุ ของกรุงเทพฯ ทง้ั ยงั เป็นทตี่ ั้งของ ตกึ สูงทส่ี ุดของประเทศถึง ๓ ตึก โดยรอบโมเดลยงั มี Diorama ๑๑ ฉากทแ่ี สดงเรือ่ งราววิถีชีวิตท่ีช่วยให้เกิดความ เข้าใจอยา่ งลกึ ซงึ้ ตอ่ วิถีทางสงั คมของชาวเยาวราชในยุคน้ัน

๔. ตานานชวี ิต Hall of Fame ประกอบวีดทิ ัศนแ์ สดงตานานชีวิตของบุคคลชาวเยาวราชท่ีเป็นแบบอย่างและ สร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลัง ในการก่อร่างสร้างตัวจากมือเปล่าสู่ความเป็นเจ้าสัว และเผื่อแผ่ดอกผลจาก ความสาเร็จของตนกลบั คืนสสู่ งั คม หลายคนได้สรา้ งคณุ ประโยชน์อนั ใหญ่หลวงตอบแทนใหก้ ับประเทศไทย ๕. พระบารมปี กเกล้า แกลเลอร่ีภาพถ่ายและวีดทิ ศั น์จดั แสดงเรอ่ื งพระมหากรุณาธคิ ณุ ของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ในรัชกาลปัจจุบันต่อชุมชนเยาวราช และพระราชกรณียกิจมากมายที่เช่ือม ประสานสายสมั พนั ธส์ องแผน่ ดินไทย - จีนใหแ้ นบแนน่ ๖. เยาวราชวันนี้ นาเสนอภาพลักษณ์ที่โดดเด่น ๔ แงม่ ุมของเยาวราชท่ีเปน็ อยูใ่ นปจั จบุ ัน ซงึ่ ได้รบั การขนานนาม ว่า \"ไชนา่ ทาวน\"์ ของกรงุ เทพฯ ไดแ้ ก่ ถนนสายทองคา ย่านตลาดใหญ่ทส่ี ุดของประเทศ แหล่งวัฒนธรรมประเพณี จีน และแหง่ รวมอาหารอร่อย นอกจากน้ยี ังมีคอมพวิ เตอร์ทัชสกรีนเพ่ือสืบค้นข้อมูลแหล่งท่องเท่ียวที่น่าสนใจใน ยา่ นเยาวราช ชน้ั ที่ ๓ นิทรรศการหลวงพ่อทองคา นาเสนอ \"จากพุทธศลิ ปส์ ุโขทัย สพู่ ุทธสมัยปจั จุบัน\" แบ่งเปน็ ส่วนๆคือ ๑. บทนา ศิลาจารึกบอกเล่าเรื่องราวโดยสรุปเกี่ยวกับองค์พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร และการอัญเชิญมา ประดิษฐานในพระมหามณฑป ๒. กาเนดิ พระพทุ ธรปู และพัฒนาการสู่พระพทุ ธมหาสวุ รรณปฏิมากร ห้อง Multimedia Theatre ท่ีจัดแสดง สอ่ื ผสม แสง เสยี ง และภาพ Animation ประกอบกบั โมเดลวดั มหาธาตุกลางเมืองสุโขทัย เล่าเร่ืองราวต้ังแต่เริ่ม กาเนิดพระพทุ ธรปู ขึ้นในโลก และพฒั นาการมาสพู่ ระพุทธมหาสวุ รรณปฏมิ ากร ๓. การสรา้ งพระพุทธมหาสวุ รรณปฏิมากร นาเสนอขอ้ สันนิษฐานเรื่องแหลง่ ที่สร้างและอายุสมยั ของพระพุทธ มหาสุวรรณปฏมิ ากร รวมถึงวิธีการสรา้ งโดยมีโมเดลและส่ือผสมแสดงข้ันตอนการทาแม่พิมพ์ การหล่อองค์พระ ตามวธิ กี ารของช่างไทยโบราณ ๔. พทุ ธศลิ ปส์ ุโขทัยในองคพ์ ระพทุ ธมหาสุวรรณปฏิมากร อธิบายลักษณะของพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร ซง่ึ เปน็ พระพุทธรปู ศลิ ปะสโุ ขทยั หมวดใหญท่ ถี่ ือวา่ เปน็ พระพุทธรูปแบบทง่ี ดงามทสี่ ดุ ในศลิ ปะไทย ๕. การพอกปูนทับ และลงรักปิดทอง นาเสนอข้อสันนิษฐานถึงสาเหตุที่มีการพอกปูนทับองค์พระพุทธมหา สุวรรณปฏมิ ากร พร้อมจัดแสดงโมเดลอธิบายขน้ั ตอนการพอกปนู และลงรกั ปดิ ทองตามวิธีการของชา่ งศลิ ป์ไทย

๖. อัญเชิญมาประดิษฐานท่วี ดั พระยาไกร นาเสนอข้อสันนิษฐานวา่ เหตใุ ดพระพทุ ธมหาสุวรรณปฏิมากรซึ่งเป็น พระพุทธรูปสุโขทัย จึงมาปรากฎอยู่ท่ีวัดพระยาไกร ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร โดยมี Diorama แสดงวิธีการ เคลือ่ นยา้ ยองค์พระในสมยั นนั้ ๗. พ.ศ. ๒๔๙๘ อัญเชิญมาประดิษฐาน ณ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร บอกเล่าเร่ืองราวการอัญเชิญพระ พทุ ธมหาสวุ รรณปฏิมากรจากวัดพระยาไกรส่วู ัดไตรมติ รวิทยารามวรวหิ าร โดยมี Diorama แสดงการอัญเชิญองค์ พระมาบนรถบรรทุกตามถนนเจริญกรุงเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ ๘. พ.ศ. ๒๔๙๘ พระพุทธรปู ทองคาปรากฏ จดั แสดงเหตกุ ารณ์ขณะยกองคพ์ ระข้นึ สวู่ หิ ารเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๘ ซึ่ง ปนู ที่พอกอย่ไู ดแ้ ตกกะเทาะออกทาใหอ้ งคพ์ ระทองคาปรากฎ และจัดแสดงช้นิ สว่ นของปูนท่ีกะเทาะออกจากองค์ พระ ๙. เน้อื ทองคา อธิบายลกั ษณะ \"ทองคาเน้อื เจ็ดน้าสองขา\" ท่ใี ช้สร้างพระพุทธรปู องค์นี้ ๑๐. พ.ศ.๒๔๔๑ อัญเชิญมาประดษิ ฐานในพระมหามณฑป บอกเลา่ เรอ่ื งราวการสร้างพระมหามณฑปและการ อัญเชิญพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากรมาประดษิ ฐานในพระมหามณฑป โดยเขียนเปน็ ภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาด ใหญ่ รวมท้ังมีวีดิทัศน์แสดงข้ันตอนการก่อสร้างพระมหามณฑป และพิธีอัญเชิญพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร จนถึงพิธสี มโภชพระมหามณฑป ชัน้ ท่ี ๔ พระพุทธมหาสวุ รรณปฏิมากร นาเสนอ \"พระพุทธรปู ทองคา ท่ีใหญ่ที่สดุ ในโลก\" ๑. ปูชนียวตั ถุท่ีมมี ูลค่ามากท่สี ุดในโลก พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (หลวงพ่อทองคา) เป็นพระพุทธรูปปาง มารวชิ ยั ศิลปะสุโขทยั สร้างด้วยทองคาเนอื้ เจ็ดนา้ สองขา เคยมปี ูนพอกทบั และลงรกั ปิดทอง ตอ่ มาเกิด เหตุการณ์ ปูนกระเทาะ ทาให้องค์พระพุทธรูปทองคาที่ซ่อนอยู่ภายในปรากฎออกมา ได้รับการบันทึกในหนังสือกินเนสส์ บุ๊คว่าเปน็ \"ปูชนียวัตถทุ ม่ี มี ลู ค่าสูงท่สี ุดในโลก\"

พระพุทธมหาสวุ รรณปฏิมากร \"หลวงพ่อทองคา\" เปน็ พระพุทธรปู ปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย ซึ่งในระยะเวลาอันยาวนานหลายร้อยปี ได้ ถูกอาพรางรูปพรรณทแ่ี ท้จรงิ ไวภ้ ายใต้องค์พระพทุ ธรปู ปูนปัน้ ความเปน็ พระพุทธรปู ทองคา เพิ่งเปน็ ที่ประจกั ษ์ใน พ.ศ. ๒๔๙๘ ขณะประกอบพิธอี ญั เชญิ องค์พระไปประดิษฐาน ณ พระวหิ ารท่ีกอ่ สรา้ งขน้ึ หลงั การบูรณะวดั คร้ังใหญ่ เกดิ เหตเุ ชือกรอกขาดระหว่างการเคลื่อนย้ายองค์พระตกกระแทกพ้ืน ทาให้ปูนท่ีพอกไว้กะเทาะออกมาบางส่วน มองเห็นทองคาวาวแววอยู่ภายใน ปรากฏการดงั กล่าวเสมือนเปน็ นมิ ิตหมายแหง่ ความเจรญิ ร่งุ โรจน์ของประเทศชาติ และความร่มเย็นเป็น สุขของพสกนกิ รทุกหมู่เหล่าภายใต้พระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ พระราชทานนามหลวงพอ่ ทองคาว่า \"พระพทุ ธมหาสวุ รรณปฏิมากร\" พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี ได้เสดจ็ พระราชดาเนินพรอ้ มดว้ ยสมเดจ็ พระเจ้าพ่นี างเธอ เจา้ ฟา้ กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ไปนมัสการและทรงบรรจพุ ระบรมสารรี ิกธาตุท่ยี อดพระเกตมุ าลา เมอ่ื วันที่ ๒๓ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๔๙๙

สมเดจ็ ยา่ ได้พิจาณาพระเกตมุ าลา หลวงพอ่ ทองคา หลวงพอ่ ทองคาหลอ่ ด้วยทองคาแทม้ ีน้าหนักถึง ๕.๕ ตัน สูง ๓.๐๔ เมตร ซึง่ \"กนิ เนสส์บุ๊ค\" หนงั สือบนั ทกึ ส่ิงมหัศจรรย์ท่ีสุดของโลก ได้บันทึกเม่ือ ค.ศ. ๑๙๙๑ ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคาท่ีมีขนาดใหญ่ท่ีสุดในโลก กิตติศัพท์ของหลวงพอ่ ทองคาแผ่กวา้ งไกลไปท่ัวโลก ในฐานะโบราณวัตถุล้าค่าที่มีอายุกว่า ๗๐๐ ปี ของประเทศ ไทย...... นับเป็นเวลากว่าครงึ่ ศตวรรษทพี่ ระพุทธมหาสวุ รรณปฏมิ ากร (หลวงพ่อทองคา) ประดิษฐาน ณ วหิ ารหลัง เกา่ ภายในวดั ไตรมิตรวทิ ยาราม ซ่ึงสร้างข้ึนตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๘ จนถึงปัจจุบัน มีประชาชนและนักท่องเท่ียวมา สักการบูชา และชื่นชมความงดงามย่ิงใหญข่ ององค์หลวงพอ่ ทองคาเปน็ จานวนมาก สถานทีป่ ระดษิ ฐานแห่งเดิมจึง คบั แคบ ไมเ่ หมาะควรแกค่ ณุ ค่าและฐานะบารมีขององค์หลวงพ่อทองคา ในวโรกาสทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ทรงครองสิรริ าชสมบัติครบ ๖๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ทรงเจริญ พระชนมพรรษา ๘๐ พรรษาในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ประชาคมนักธุรกจิ เขตสัมพันธวงศ์ และชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน ร่วมกับวัดไตรมิตรวิทยารามและพุทธศาสนิกชนท้ังหลาย จึงได้จัดให้มี “โครงการจัดสร้างพระมหามณฑป ประดิษฐานพระพทุ ธมหาสุวรรณปฏมิ ากร (หลวงพ่อทองคา) วัดไตรมิตรวิทยาราม” ข้ึน ด้วยจุดประสงค์ให้พระ มหามณฑปหลังใหมน่ ้ี เป็นที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อทองคา ท่มี คี วามวิจติ รงดงามควรค่าแก่องค์หลวงพ่อทองคา ท่มี ีความสาคัญในหลายๆดา้ น อกี ท้งั ยังเป็นการเฉลิมพระเกยี รติพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในโอกาสอันเป็นมหา มงคลนดี้ ้วย

๕๒ ปี ความทรงจาแห่งวิหารหลงั เดมิ หลวงพอ่ ทองคาในพระวหิ ารหลังเดิม พระพทุ ธมหาสวุ รรณปฏมิ ากร ได้ถูกค้นพบเม่อื ปี พ.ศ. ๒๕๙๘ และอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนพระวิหาร หลังเดมิ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ความงดงามแห่งพระพทุ ธรูปสมยั สุโขทัย ได้ถูกถ่ายทอดแก่สายตาชาวโลกผ่านพระ วหิ ารหลังเดิมตลอดมา จนเมื่อกระท่งั ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้ถูกอัญเชิญเคลื่อนย้ายเปน็ ครัง้ สุดท้าย เพ่ือประดิษฐาน ณ พระมหามณฑป เม่ือวันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมระยะเวลาทปี่ ระดษิ ฐานในพระวหิ ารหลงั เดิมท้ังสน้ิ ๕๒ ปี พระมหามณฑปหลงั ใหม่ ย่ิงใหญส่ มพระบารมี ปัจจุบัน พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (หลวงพ่อทองคา) ประดษิ ฐานอยูบ่ นช้ันท่ี ๔ แหง่ พระมหามณฑป เฉลิมพระเกียรตทิ ่ไี ด้กอ่ สร้างขึ้นใหม่ โดยความร่วมมือคณะรัฐบาลไทย, สานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์, สมาคมผู้ประกอบธุรกิจเยาวราช และอีกหลายๆ ฝ่าย ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ ๒ ปี โดยมีมูลค่า โดยรวมท้งั ส้ิน ๘๕๐ ล้านบาท ปัจจบุ ัน วดั ไตรมิตรวทิ ยาราม ไดเ้ ปิดใหน้ ักทอ่ งเทีย่ วกบั พุทธศาสนิกชนไดเ้ ยย่ี มชมพระมหามณฑปฯ และ นมสั การพระพทุ ธมหาสวุ รรณปฏมิ ากร มผี ้ศู รทั ธาหล่ังไหลเขา้ มาชมจานวนมากทุกวนั ทาให้พระมหามณฑปฯ วัด ไตรมติ รวิทยาราม กลายเป็นสัญลกั ษณ์ของกรุงเทพมหานคร ทสี่ าคญั อีกแห่งหน่งึ เปน็ พทุ ธสถาปตั ยกรรมแห่งใหม่ ท่ีเชิดชูเกียรติยศของวงการพระพุทธศาสนา ท้ังยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวท่ีงามสง่า มีคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม ดึงดูดศรัทธาของผู้คนจากท่ัวโลก และเป็นศูนย์รวมใจของชุมชนเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ และชาวพุทธทั้งปวง สบื ไป

ประวตั ิพระพทุ ธรปู ทองคา พระพทุ ธมหาสวุ รรณปฏิมากร พระพุทธรปู ทองคาสโุ ขทัยไตรมิตร หรือ หลวงพ่อทองคา หรือ พระพทุ ธมหาสุวรรณปฏมิ ากร ตามพระ นามท่ี พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัว รชั กาลที่ ๙ ไดพ้ ระราชทนิ นามให้ ปจั จุบันประดิษฐานอยู่ ณ พระมหามณฑป วัดไตรมิตรวิทยาราม เปน็ พระพทุ ธรปู ปางมารวิชยั คือ อริ ิยาบถน่งั ขดั สมาธิราบ พระหตั ถซ์ ้ายหงายบนพระเพลา พระหตั ถข์ วาวางเหนอื พระชานุปลายพระหตั ถ์ชี้ลงพนื้ ธรณี แตเ่ ดมิ พระพทุ ธรูปองค์น้ถี ูกพอกปิดด้วยปูนท่ัวทง้ั องคอ์ ยา่ งมดิ ชดิ เพ่อื ใหร้ อกพ้นจากศตั รทู เ่ี ขา้ มารุกราน ประเทศไทยในสมยั น้นั พุทธลักษณะภายนอกไมง่ ดงามหรอื โดดเด่น จากหลกั ฐานปรากฏว่าเคยประดิษฐานเป็นพระ ประธานในพระอุโบสถวดั โชตินาราม หรอื วัดพระยาไกร มาตัง้ แต่แผน่ ดนิ พระบาทสมเด็จพระนงั่ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว รัชกาลท่ี ๓ ต่อมาวดั พระยาไกรขาดคนบรู ณปฏสิ งั ขรณ์ จงึ ตกอย่ใู นสภาพรกร้าง เมอื่ ราวปี พ.ศ. ๒๔๗๔ บรษิ ัท อีสต์เอเชียติก จากดั ไดด้ าเนินการเกี่ยวกบั สมั ปทานป่าไม้ได้ขอเชา่ ทจี่ ากรัฐบาลเข้ามาจัดสร้างโรงเลอ่ื ยไมข้ นาด ใหญ่ ในบรเิ วรวัดรา้ งแหง่ นม้ี กี ารร้ือถอดส่งิ ปลูกสร้างท่ีชารดุ ทรดุ โทรมของวดั พระยาไกรออกจนเหลอื แต่ พระพุทธรูปปนู ป้ันขนาดใหญ่ ในขณะนน้ั วดั สามจนี ซึ่งไดเ้ ปลย่ี นชอ่ื เป็น วัดไตรมิตรวทิ ยาราม กาลงั อยู่ในระหวา่ ง บูรณปฏสิ งั ขรณ์ครงั้ ใหญท่ ่ัวทั้งพระอาราม โดยสร้างวิหารสาหรบั ประดิษฐานพระพุทธรปู เจา้ คณะแขวงเหน็ วา่ จะ ปล่อยพระพทุ ธรปู ปูนปนั้ ไว้ทเี่ ดิมคงไม่ดี ประกอบกบั วัดสามจีนมีพน้ื ทก่ี ว้างขวางเหมาะแก่การประดษิ ฐาน พระพทุ ธรูปขนาดใหญ่ จึงมอบใหค้ ณะกรรมการวัดสามจนี รว่ มกนั อนั เชญิ พระพทุ ธรปู องค์น้ี จากวัดพระยาไกรมา ประดษิ ฐานทวี่ ัดสามจนี แหง่ น้ี

จากพระพุทธรูปปนู ป้ันส่พู ระพทุ ธรูปทองคา เมือ่ พระพุทธรปู ถูกอนั เชญิ มาแต่ ณ ตอนนัน้ ที่ยังบรู ณปฏสิ งั ขรณไ์ มแ่ ล้วเสรจ็ คณะกรรมการได้ ประดิษฐานพระพทุ ธรปู ไว้ข้างเจดยี ์ชว่ั คราว ในระหวา่ งน้ีมีคนมาขออนั เชิญไปประดิษฐานยงั วดั ตา่ งๆมากมาย แต่ ไม่สามารถเคลือ่ นยา้ ยได้ ๒๐ ปตี อ่ มาพระอารามบูรณปฏสิ งั ขรณแ์ ลว้ เสร็จในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ เมื่อทกุ อย่างเสรจ็ สมบูรณ์แลว้ เจ้าอาวาสได้ดาเนนิ การเปน็ แมก่ ลองเคลือ่ นยา้ ยพระพุทธรูป เพอ่ื นาขน้ึ ไป ประดษิ ฐานยงั พระวหิ าร การเคลอื่ นย้ายเต็มไปด้วยความยากลาบาก เนอื่ งจากองคพ์ ระพทุ ธรปู มีขนาดใหญ่และ หนักมาก ตอ้ งใชป้ ้ันจ่ันยกองคพ์ ระพุทธรปู ขนึ้ ปรากฏวา่ ลวดสลงิ ทย่ี ดึ องคพ์ ระขาดเพราะรับนา้ หนักไมไ่ หว องค์ พระเลยตกลงกระแทกพ้ืนอย่างแรงพอดกี ับเวลานัน้ เปน็ ชว่ งคา่ และฝนตกหนักมาก จงึ ต้องหยุดชะงกั ลง ในตอนเช้าของวนั ร่งุ ขึ้น ท่านเจ้าอาวาส ไดม้ าตรวจดอู งค์พระ เพือ่ หาทางอัญเชิญขึน้ ประดิษฐานใหม่ ก็ได้ พบเห็นรอยแตกทพ่ี ระอรุ ะ และเหน็ รักทฉ่ี าบผวิ องค์พระดา้ นใน เม่ือแกะรกั ออก กไ็ ด้พบเนอ้ื ทองคาบรสิ ุทธิ์งามจับ ตาอยชู่ น้ั ในสุด ท่านเจ้าอาวาสจงึ ส่ังการระดมผูค้ นช่วยกันกะเทาะปูน และลอกรกั ออกหมดทั้งองค์ ความงดงาม แห่งเนื้อทองบรสิ ทุ ธข์ิ ององค์พระปฏิมากร จงึ ปรากฏให้เห็นพรอ้ มพทุ ธลกั ษณะทเี่ ปล่ยี นไปอยา่ งสน้ิ เชงิ กลายเปน็ พระพุทธรปู ปางมารวชิ ัย สกุลช่างสุโขทยั ทงี่ ดงามจบั ตาจับใจผพู้ บเห็นยง่ิ นกั ความยากลาบากในการเล่อื นย้าย หมดสิ้นลง เมื่อมกี ารคุ้ยดนิ ใต้ฐานทบั เกษตรออก และพบกญุ แจแลสาหรับถอดองค์พระออกเป็นส่วน ๆ ได้ ๙ สว่ น เพอ่ื สะดวกต่อการอัญเชิญขึ้นประดิษฐานยังพระวิหาร จึงดาเนินการถอดองค์พระออกแต่เพียง ๔ ส่วน คอื ส่วน พระศอ สว่ นพระหตั ถ์ทงั้ ๒ ข้าง และสว่ นพระนาภี ทาให้สามารถอัญเชิญพระพุทธรปู ทองคาองค์ขึ้นประดษิ ฐานยงั พระวิหาร ซึง่ เป็นสถานท่ีที่ได้จัดเตรยี มไว้โดยราบร่นื พระพุทธรปู ทองคาทสี่ ุดของไทย ทสี่ ุดของโลก การค้นพบพระพทุ ธรปู ทองคาปางมารวชิ ัยของวดั ไตรมติ ร วิทยารามในครั้งน้ัน ได้เป็นข่าวสาคัญอยา่ งอึกกะทกึ ครกึ โครมไปทวั่ ท้งั ประเทศ หนงั สอื พมิ พ์ฉบับตา่ ง ๆ หลายฉบบั ต่างก็พากันประโคมข่าวกันอย่างกว้างขวาง ทา่ มกลางความปล้ืมปตี ิยินดีของพทุ ธศาสนิกชนทวั่ หนา้ มกี าร ตรวจสอบและประเมนิ เนอื้ ทองขององค์พระพทุ ธรูป ซง่ึ เป็นทองคาบริสทุ ธ์ิ เรียกว่า ทองเนื้อเจ็ดน้าสองขา (มาตรา ทองคาของโบราณ ตง้ั ไวต้ ั้งแต่ทองเน้อื ส่ี คอื ทองหนกั ๑ บาท จะมคี ่า ๔ บาท ทองเน้อื เจด็ คือทองหนกั ๑ บาท จะ มีค่า ๗ บาท ซ่ึงเป็นทองท่มี คี า่ ของเนื้อทองรองจากทองนพคุณ หรือทองเนอ้ื เกา้ ซ่งึ ทองเน้อื เก้าจะเรม่ิ พบท่บี าง ตะพานในแผน่ ดนิ พระเจ้าบรมโกศ เรียกกันวา่ ทองคาบางตะพาน สว่ นคาว่าสองขาหมายถงึ ๒ สลึง) มนี า้ หนักกวา่ ๕ ตนั คดิ เป็นน้าหนักทองคา ๒๕,๐๐๐ ปอนด์ หรือคดิ เปน็ มลู คา่ เฉพาะเน้ือทองคาในขณะนน้ั (พ.ศ. ๒๔๙๘)

๑๔ ล้านเหรยี ญสหรัฐ หรอื ประมาณ ๒๙๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สองร้อยเกา้ สบิ ส่ลี ้านบาท) อนั เปน็ ราคาทองคาทถ่ี ูก ประเมนิ ในครง้ั แรก พระพุทธรูปทองคาสโุ ขทัยไตรมติ ร หรือ พระพทุ ธมหาสวุ รรณปฏิมากร นบั เป็น \"พระพุทธรปู ทองคาบรสิ ุทธิ์ ขนาดท่ีใหญ่ทสี่ ุดในโลก\" หนงั สือกนิ เนสบคุ๊ ฉบับปี ค.ศ. ๑๙๙๑ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ได้ทาการประเมนิ ค่าอยา่ งเปน็ ทางการในเดอื นเมษายน ค.ศ. ๒๙๙๐ (พ.ศ. ๒๕๓๓) และบนั ทกึ ไว้วา่ เป็นพระพทุ ธรูปทองคาขนาดใหญท่ ่ีสุดใน โลก มมี ลู ค่าเฉพาะเน้อื ทองคาสงู ถงึ ๒๑.๑ ลา้ นปอนด์ ก่อนจะมาเปน็ \"พระพุทธรปู ทองคา\" องค์พระพทุ ธรปู ทองคาที่ถกู คน้ พบ เป็นพุทธศิลปะสุโขทยั ทง่ี ดงามมาก ผู้เชย่ี วชาญทางพทุ ธปฏิมากรรม กล่าวเปน็ เสียงเดียวกนั วา่ พระพทุ ธรปู องคน์ ้ีมคี วามงดงามถงึ จดุ สดุ ยอดในกระบวนการฝีมือสกลุ ชา่ งสุโขทัย ซ่ึงใน การจดั แบ่งศิลปะพระพทุ ธรูปสโุ ขทัยของ เอ.บ.ี กรสิ โวลด์ (A.B. Giswold) น้ัน ไดแ้ บง่ ศลิ ปะออก เปน็ ๓ หมวด คอื ๑ กอ่ นคลาสสกิ ๒ คลาสสกิ บริบรู ณ์ ๓ หลงั คลาสสกิ พระพุทธรูปทองคาสโุ ขทยั ไตรมติ รน้ี นับเปน็ ศิลปะแบบคลาสสิกบรบิ ูรณ์ อันเปน็ ยคุ แหง่ ความ เจริญรงุ่ เรอื งอย่างสงู สุดของสกลุ ชา่ งสุโขทยั มอี ายใุ นราวปลายพุทธศตวรรษท่ี ๑๘ ต่อตน้ พุทธศตวรรษท่ี ๑๙ ทองคานับเป็นแรธ่ าตุสาคัญทีถ่ กู นามาใชใ้ นสงั คมสยามแต่โบราณ ในสมยั สุโขทัยนั้นจากข้อมลู ทางธรณวี ทิ ยาพบว่า มีแหลง่ แรท่ องคาบริเวณลาหว้ ยแม่บอ่ ย เขตอาเภอวังช้นิ จังหวัดแพร่ ซึง่ อยู่ห่างจากเมืองศรีสชั ชนาลยั เพียง ๒๕ กโิ ลเมตรมกี ารคน้ พบเหมืองแร่โบราณในบรเิ วณดังกล่าว แมจ้ ะมสี ายแร่ทองคาเนื้อทองคาเนือ้ ธรรมชาตไิ ม่มากนกั แต่นับเป็นสิง่ ที่ยืนยนั ถึงการนาทองคามาใช้ในสังคมสโุ ขทัยไดอ้ ยา่ งชัดเจน

ลกั ษณะพระพทุ ธมหาสุวรรณปฏิมากร หรือพระพทุ ธรูปทองคาสโุ ขทัย ไตรมติ ร เมือ่ ได้พิจารณาพระพุทธลกั ษณะ พระพทุ ธมหาสวุ รรณปฏมิ ากรหรอื พระพทุ ธรปู ทองคา สโุ ขทัยไตรมิตร องคน์ ต้ี งั้ แตป่ ลายพระเกตมุ าลาจนถึงทบั เกษตรหรือฐานขององค์พระทีเ่ ดียวขอแยกออกเป็นข้อ ๆ ดังน้ี คือ ๑. พระเกตมุ าลา เป็นเปลวยาวสงู และงดงาม ๒. เบ้อื งบนพระเศยี รเหนือพระอุณหิส (กรอบหนา้ /มงกุฎ) เป็นรปู โปน ๓. มีพระอณุ าโลมระหว่างพระโขนงปรากฏใหเ้ ห็นเปน็ เงา ๔. เส้นพระศกขมวดเปน็ ทักษิณาวตั รหรอื กน้ หอยไมม่ ีไรพระศก ๕. พระโขนงโกง่ งดงามเปน็ สัน ๖. พระนาสกิ คอ่ นขา้ งงมุ้ ๗. พระโอษฐ์เรยี วงามเหมือนกบั จะแย้มตรสั ๘. พระพักตรก์ ลมแบบรูปไข่ แตไ่ มใ่ ช่กลมแบบผลมะตมู ๙. พระปรางคไ์ ม่อวบเหมือนพระพกั ตร์พระพทุ ธชนิ ราชในยคุ หลงั แต่งดงามรบั กบั พระ พกั ตร์ไดส้ ่วนสดั พอดี ๑๐. พระหนเุ สี้ยม ๑๑. พระกรรณทัง้ ๒ ขา้ ง ยาวเป็นเหมือนกลีบบัว

๑๒. ปลายพระกรรณทงั้ ๒ ข้าง จะเจาะเหมอื นชาวเมอื งสุโขทัย ยคุ พอ่ ขนุ รามคาแหง มหาราชทเี ดยี ว ๑๓. พระศอเป็นปลอ้ งต้องตามพระพุทธลกั ษณะแท้ ๑๔. พระอรุ ะ ผายเสมอื นหนงึ่ พญาราชสหี ์ ๑๕. พระอังสา กวา้ งได้สว่ นสดั กับองค์พระ ๑๖. พระกรยาวและลกั ษณะการวางพระกรเหมือนกบั งวงไอยรา ๑๗. ปลายนิ้วพระหัตถ์ทง้ั ๔ น้วิ เหมือนอยา่ งสามญั มนุษยท์ กุ อยา่ ง คือปลายน้วิ จะไมเ่ สมอกันไมเ่ หมือน พระพทุ ธรปู ในยุคหลงั ทม่ี พี ระหตั ถท์ ง้ั ๔ น้ิวยาวเสมอกนั ๑๘. หัวพระถนั โปนขึ้นมา พอมองเห็นไดช้ ัดเจน ๑๙. ชายผ้าสงั ฆาฏิยาวถงึ พระนาภี ปลายผ้าสังฆาฏพิ ับทับกันเป็นแฉกเหมือนเขี้ยวตะขาบทงั้ เบ้อื งหนา้ พระนาภี และพระปฤษฎางค์ (ปริดสะดาง) และชายผา้ สงั ฆาฏิเบือ้ งหลังพระปฤษฎางคย์ าวลงมาเกอื บถึงทับเกษตรหรือฐาน ๒๐. น่ังขัดสมาธริ าบเห็นฝา่ พระบาทราบเรยี บเสมอกันอันเป็นลักษณะของผทู้ ปี่ ราศจากราคะกิเลส และชายผา้ อันตรวาสก(ผ้าน่งุ )เปน็ สัน ๒๑. ฐานท่ีทบั เกษตร เปน็ หน้ากระดานเกลย้ี งเรยี บตรงกลางของฐานทบั เกษตรจะเว้าหรือแอน่ เขา้ ขา้ งใน ๒๒. ผา้ จีวรทท่ี รงก็พอมองเหน็ เพียงบางแนบเนือ้ หรอื แนบกับองคพ์ ระและลกั ษณะของผ้าจีวรจะเหน็ เป็นสันพอ เปน็ ทส่ี ังเกตเท่านั้น ๒๓. ลกั ษณะการประทบั น่ัง เปน็ การวางพระอิริยาบถใหเ้ กดิ ศรทั ธาแกผ่ ู้ได้เข้าไปกราบไหว้นมสั การจรงิ ๆ เหมอื นกบั ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสมั พุทธเจ้าเสด็จมาประทบั อยู่ตรงหน้าของเรา ๒๔. พรหัตถซ์ า้ ยพาดบนพระเพลา พระหัตถข์ วาทรงชี้แม่พระธรณีเพอื่ เป็นพยานแม้จะเป็นพทุ ธลกั ษณะประทบั น่งั เหนอื วชิรอาสน์ แตก่ ด็ ูเหมือนจะเคลอ่ื นไหวพระองคไ์ ด้ และเหมอื นจะแยม้ พระโอษฐ์ตรสั กบั ผู้ทเ่ี ข้ากราบ นมัสการทเี ดยี วเมอ่ื ได้ตรวจสอบโดยละเอยี ดกจ็ ะเหน็ วา่ พระพทุ ธมหาสุวรรณปฏิมากรหรือพระพทุ ธรปู สมัยสโุ ขทยั ไตรมติ ร มพี ระพุทธลกั ษณะตรงตามลักษณะหรือพระพทุ ธรปู สมยั สโุ ขทยั ไมม่ ีผดิ เพยี้ นเลยแม้แต่น้อย น่แี หละเป็น หลักฐานบ่งชัดว่าพระพทุ ธมหาสวุ รรณปฏิมากรหรอื พระพทุ ธรูปทองคา สุโขทัยไตรมิตร เป็นพระพุทธรปู สมัย สุโขทยั อยา่ งแน่นอนทัง้ จะตอ้ งเปน็ พระพทุ ธรูป ที่อยู่ในหมวดใหญ่หรอื ยคุ กลางซง่ึ เป็นยคุ รงุ่ เรอื งของสุโขทยั อกี ดว้ ย

พระอุโบสถ พระอโุ บสถหลงั เดมิ เปน็ อาคารกอ่ อฐิ ถือปนู รูปทรงเป็นแบบไทยผสมศลิ ป์จึนหลงั คาลดสามช้นั มี เสาหารโดยรอบ หลงั คามงุ ด้วยกระเบื้องเคลอื บสี หนา้ บนั ประดับดว้ ยเบญจรงคเ์ ป็นรูปดอกพุตตาน ซ้มุ ประตู หน้าต่างประดบั ปนู ปัน้ ลายดอก พระอโุ บสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางถวายเนตร พระพทุ ธรูปองคน์ ้ีมศี ิลป์การ ครองจีวรเปน็ แบบห่มหนึบ(มงั กร) ภายในพระอุโบสถมจี ิตรกรรมฝาผนงั ทง้ั ๔ ด้าน เป็นรปู ภาพอดตี พระพุทธเจ้า โดยรอบ เหนือขอบหน้าต่างตอนบนระหวา่ งหน้าตา่ งและประตเู ป็นรูปทศชาติ กล่าวกันว่าจิตรกรรมภายในพระ อุโบสถเปน็ พระพทุ ธรูปปูนปน้ั ลงรกั ปดิ ทองมีพระนามว่า\"พระพุทธทศพลญาณ\" มีพระพทุ ธลกั ษณะงดงาม มาก พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว รัชกาลท่ี ๕ ทรงทราบวา่ พระประธานวัดสามจีนใต้(พระทศพล ญาณ)มีพทุ ธลักษณะงดงาม ไดเ้ คยเสดจ็ มาทอดพระเนตรใหป้ ระจักษแ์ ก่พระเนตรว่า งามสมคาเล่าลือกนั หรือไม่ แม้สมเด็จเจา้ ฟ้ากรมพระนรศิ รานวุ ัตวิ งศ์ ก็ยงั ได้มาชมพระประธานของวดั สามจีนเสมอ เมอื่ ทรงว่างจากพระ ภารกจิ ต่อมาเมอื่ เกิดมหาสงครามโลกคร้ังที่ ๒ ลกู ระเบดิ ไดล้ งในที่ไมไ่ กลจากพระอโุ บสถเทา่ ไรนกั แรงส่ันสะเทอื น ของอานาจระเบิด ทาให้พระอโุ บสถท้ังหลงั ยากต่อการบรู ณปฎสิ งั ขรณ์ ตกอยู่ในสภาพทเี่ ป็นอนั ตรายได้ จึงได้ทา การรอื้ ลงเมอื่ พ.ศ. ๒๔๙๓ หลงั จากทีไ่ ด้สรา้ งพระอโุ บสถหลงั ใหม่ พระอโุ บสถหลงั ปจั จบุ ันนี้ เปน็ พระอโุ บสถทีไ่ ด้ สรา้ งขึ้นใหมเ่ ม่ือปี พ.ศ. ๒๔๙๐ โดยมีพระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมขุนชัยนาทนเรนทร ทรงเสดจ็ มาวางศลิ าฤกษ์ เมือ่ วนั ที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๐ หลวงวิศาลศิลปกรรม เป็นผู้ออกแบบพระอุโบสถ การก่อสรา้ งเปน็ เฟอร์โร คอนกรตี ทรงจตุรมขุ หลังคาสามช้ัน มีชานรอบพระอโุ บสถ บานประตูหนา้ ต่างเขียนลายรดน้า และ พระอุโบสถ หลงั ใหมน่ ้ไี ดร้ ับพระราชทานวสิ งุ คามสมี าใหมเ่ ม่ือวนั ที่ ๑๓ สิงหาคมพ.ศ.๒๔๙๐ กวา้ ง ๔๐ เมตร ยาว ๘๐ เมตร ประกอบการผูกพทั ธสีมาเม่อื วนั ท่ี ๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๓ ธรรมมาสนล์ ายทองเทา้ สิงห์ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว ได้เสดจ็ นมสั การพระประทานใน พระอุโบสถ และไดต้ รสั ยกย่องวา่ เปน็ พระพทุ ธรูปทีม่ พี ทุ ธลกั ษณะทีง่ ดงาม ตอ่ มาจึงได้พระราชทานธรรมาสนล์ าย สิงห์ ประจาพระอุโบสถ

บรรณานกุ รม วดั ไตรมิตรงามวจิ ติ รพระทองคาเลิศลา้ พิพธิ ภัณฑเ์ ยาวราช. (2553). ประวตั วิ ัดไตรมิตรวทิ ยาราม.สบื คน้ เม่อื 15 กนั ยายน 2562 , จาก https://mgronline.com/travel/detail/9530000007981 นิทรรศการหลวงพอ่ ทองคา ชน้ั ท่ี 3 พระมหามณฑปเฉลมิ พระชนมพรรษา 80 พรรษา วดั ไตรมิตรวิทยาราม. พระครูวสิ ุทธสิ ตุ คณุ . (2558). ย้อนรอยอดีตวดั สามจนี ใต้-วดั ไตรมติ รวิทยาราม วรวหิ าร. สบื ค้นเมอื่ 21 กนั ยายน 2562, จาก http://www.wattraimitr.com/south-chinese-temple/mobile/index.html#p=1 พระมหาปกรณ์ กิตฺติธโร. (2557). วดั ไตรมติ รวิทยาราม. กรุงเทพฯ: อมรินทรพ์ ริ้นติ้งแอนดพ์ บั ลชิ ช่งิ . พระอารามหลวง . คณะผจู้ ดั ทา พสิ ิฐ เจรญิ สขุ ... [และคนอน่ื ๆ] กรุงเทพฯ : กรมการศาสนา กระทรวง วฒั นธรรม, 2551.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook