Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จากวันนั้น ถึงวันนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

จากวันนั้น ถึงวันนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

Published by Arit E-News Letter, 2022-08-18 06:40:06

Description: จากวันนั้น ถึงวันนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

Search

Read the Text Version

บนั ทึกเรื่องราว จากวันน้ัน...ถงึ วันนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี History of Suratthani Rajabhat University

บันทกึ เร่อื งราว…จากวนั นนั้ ถึงวันนี้ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสุราษฎรธ์ านี History of Suratthani Rajabhat University ปที ่พี ิมพ์ พ.ศ. 2565 จัดพมิ พ์โดย หอสมุด มหาวิทยาลัยราชภฏั สุราษฎรธ์ านี เรยี บเรียงโดย นางสาวเบญจมาศ เทอดวรี ะพงศ์ คณะทำงาน นางสาวทิพวรรณ อักษรทิพย์ นางกฤติยา รักสวัสดิ์ นางสาวเพชรรัตน์ กิมยู่ฮะ นางสาวประทุมพร วีระสุข นางสาวสิริวัฒนา น้อยดอนไพร ที่ปรึกษา นางสาวจันทร์จิรา เครือสาย นางสาววราภรณ์ กรดเกล้า นางโชคดี กรดเกลา้ นางวรรนภา ทองสมสี นางสาวเยาวดี รงุ่ เรือง นางกิตตยิ า ใจซ่อื ผูท้ รงคุณวฒุ ิ นายอนุรักษ์ ศรีนาคนิล นายไตรเพชร พลดี นายณัฐนัย พิลึก และนาย ออกแบบปก กวีวัธน์ เทพทอง ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ปรญิ ญา นอ้ ยดอนไพร ผ้อู ำนวยการสำนกั วทิ ยบรกิ าร และเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ช่วยศาสตราจารย์เอพร โมฬี รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและ เทคโนโลยีสารสนเทศ ฝา่ ยหอสมุด ผู้ช่วยศาสตราจารย์กานต์ธดิ า บุญมา รองผู้อำนวยการสำนักวทิ ยบริการ และเทคโนโลยสี ารสนเทศ อาจารย์กิ่งกาญจน์ สุพรศิริสิน รองผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและ เทคโนโลยสี ารสนเทศ นางนันทนา เดชเกิด ข้าราชการเกษียณอายุ อดีตรองผูอ้ ำนวยการสำนกั วทิ ยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ ฝ่ายหอสมุด ผชู้ ่วยศาสตราจารยพ์ งษศ์ ักดิ์ สอนสงั ข์ รองศาสตราจารย์ ดร.ชศู ักดิ์ เอกเพชร อาจารยก์ รรณิการ์ นาคอยู่ นายธรี วฒั น์ กิจงาม

อาศิรวาทราชสดุดี พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี 5 “พระปยิ ะมหาราช” ณ คราหนงึ่ ซ่ึงสยามเจอความเสย่ี ง สดุ หลีกเลี่ยง เบยี่ งเคราะหก์ รรม นำขม่ เหง “เหลา่ นกั ล่า” มารุกล้ำ ทำนักเลง ไมก่ ร่ิงเกรง หมายรกุ เรา้ เอาแดนดนิ แตบ่ ุญญา ฟา้ สยาม ยงั ยง่ิ ใหญ่ จึงพาไทย ใหอ้ ยูร่ อด ปลอดติฉิน เพราะไทยนี้ มมี หาราช ปราชญบ์ ดินทร์ ทั่วทุกถนิ่ ยินทว่ั ฟ้า “จุฬาลงกรณ”์ ทรงเลกิ ทาส-เลิกเกณฑ์ไพร่ ใหเ้ หล่าขา้ ฯ เหล่าไพรฟ่ า้ ได้สขุ โข สโมสร นำสยาม สสู่ ากล ผลขจร ราษฎร ได้พง่ึ พา พระบารมี ดว้ ยเกล้าดว้ ยกระหมอ่ ม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ดร.สมปราชญ์ วฒุ จิ นั ทร์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและจดั การทรพั ย์สิน

อาศิรวาทราชสดุดี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลท่ี 9 “ราชภัฏ” ชอ่ื เรยี กขาน “ราชภัฏ” ประวัติวา่ พระราชา แหง่ สยาม ตัง้ นามให้ “ลญั จกร” แทนเอกองค์ พระทรงชยั เทิดมั่นไว้ ในสัญญา “ข้าแผ่นดิน” ราชพฤกษ์ เหลืองอรา่ ม ยามรุ่งแจง้ ถิ่นฟา้ -แดง แหลง่ เขยี นอา่ น ประสานศลิ ป์ สร้างบัณฑิต ประสิทธศ์ิ าสตร์ ราษฎร์ยลยิน ปลกุ ท้องถ่นิ ใหย้ ืนท้า ชะตาตน มนุษยศาสตรฯ์ คณะพ่ี ที่กำเนดิ ด้วยก่อเกดิ ยามบากบัน่ วนั ขัดสน ใชท้ ด่ี ิน “ค่ายเสอื เหลอื ง” สรา้ งเรื่องตน สรา้ งคา่ ฅน บนทางธรรม ลำ้ ปรัชญา วทิ ยาศาสตร์ คณะนอ้ ง รองมนษุ ยฯ เป็นอาวุธ ดุจทางแท้ แกป้ ัญหา ยามบ้านเมอื ง เกิดภัยพาล สะทา้ นมา ใช้ปญั ญา “วทิ ยาศาสตร์น้ี” จกั คล่ีคลาย คณะครู-ครศุ าสตร์ ประสาทศลิ ป์ โลกยลยิน วา่ เดก็ ดี ตอ้ งมีหวาย แตค่ รดู ี มี “ความรัก” พิทักษก์ าย เกดิ จนตาย รา้ ยถงึ ดี ดว้ ยมคี รู การจัดการ คณะใหม่ ใสผุดผอ่ ง สอนใหก้ รอง ตรองความจรงิ ส่ิงอดสู เศรษฐกจิ คิดอย่างไร ใหเ้ รียนดู นำความรู้ สู่ถน่ิ ฐาน บา้ นเมอื งตน นานาชาติ วาดฝันไว้ ไกลสดุ ฝัน เพือ่ ยืนยัน ขันอาสา ทา้ แดดฝน “ราชพฤกษ”์ จงึ เดินหนา้ สสู่ ากล สรา้ งพชื ผล บนแดนดิน ถ่ินฟา้ แดง นติ ศิ าสตร์ สร้าง “อาวธุ ยตุ ธิ รรม” เพื่อเหน่ยี วนำ ทำถ่ินไทย ไรแ้ อบแฝง บำบดั ทุกข์-บำรุงขวัญ อนั โรยแรง เพ่ือสำแดง แรงกฎหมาย คลายทกุ ข์ทน พยาบาลฯ งานมวลชน คนทกุ ขย์ าก ตอ้ งลำบาก ตรากตรำทาง สรา้ งพืชผล รักษาตวั -รกั ษาใจ ให้ผคู้ น ไดผ้ ่านพ้น ความจนยาก วิบากชะตา เหนือบัณฑิต คอื บณั ฑิต วิทยาลยั ผู้นำไทย ใหเ้ รยี นรู้ ส้ปู ัญหา สร้างวจิ ยั ดว้ ยวินยั ใส่ปญั ญา ดังนาวา พาโต้คลืน่ ฝืนแรงลม

“ราชภฏั ” คอื กำลงั หวงั เปลี่ยนโลก สู้ทุกข์โศก วโิ ยครั้ง ดงั ยาขม ย่ิงด่มื กิน-ย่งิ อาสา ทา้ ระทม ลา้ งทกุ ข์ตรม ใหช้ ื่นสุข ทกุ ตัวฅน สานสำนกึ แหง่ ชาตไิ ทย ให้เป็นผล ดังดำรสั ธ ตรสั ไว้ ใหร้ ำลกึ ให้หลุดพน้ ความจนทอ้ ดว้ ยพอเพียง ราชภฏั จงเคยี งข้าง ทางมวลชน ฅนของพระราชา ขา้ ของแผ่นดิน ดว้ ยเกล้าด้วยกระหมอ่ ม ขอเดชะ ขา้ พระพุทธเจ้า ดร.สมปราชญ์ วฒุ จิ ันทร์ รองอธิการบดฝี า่ ยบรหิ ารและจดั การทรัพยส์ ิน

อาศริ วาทราชสดดุ ี พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดีศรสี ินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้า เจา้ อยู่หวั รชั กาลที่ 10 ภมู ินทร์ องคป์ ่นิ แกว้ จอมไผท อคั รยศ เลศิ ไกร เดน่ ด้าว พระเกียรตยิ ง่ิ จอมไตร สถติ คู่ เสมอกาล เป็นมิ่งไทย เกรกิ กา้ ว สอ่ งฟ้า นภางาม ธรณนิ ทร์ พระทัยเย็นท่ัวท้งั สุขลำ้ ธ เสด็จ ชุบชีวิน ราชวัตร ขจรนาน ทวยราษฎร์ ต่างยลยิน คู่แคว้น สยามมา ตรึงแนน่ กลางใจค้ำ ภักดี ผองข้าฯ “ราชภฏั ” ประณตนอ้ ม จงสฤษฎ์ สมฤทัย ทนู เทิดใท้ องคภ์ มู ี กอ่ ให้ เจริญชนม์ “วชิราลงกรณ” ขวัญชวี ี พรเทพ ภมู ภิ พหลา้ ด้วยเกลา้ ด้วยกระหมอ่ ม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจา้ ดร.สมปราชญ์ วฒุ จิ ันทร์ รองอธกิ ารบดีฝา่ ยบริหารและจัดการทรัพยส์ นิ

สารนายกสภามหาวทิ ยาลัย ในโอกาสที่ข้าพเจ้าได้เข้ามามีส่วนร่วม ในการพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัย ได้มีโอกาส ใ น ก า ร ท ำ ง า น ร ่ ว ม ก ั บ ผ ู ้ บ ร ิ ห า ร ม ห า ว ิ ท ยาลั ย แ ล ะ บุ คล า กรทุ กฝ่า ย ได ้ เ ห็ น ความมุ่งมั่น ความร่วมมือร่วมใจ การช่วยเหลือเก้ือกูล และความสามคั คี เพอ่ื การพัฒนาของมหาวิทยาลยั ในด้านต่าง ๆ จนทำให้มหาวิทยาลัย มีผลงานท่ีโดดเด่นและมีคุณภาพ ทั้งด้านผลงานทางวิชาการ ด้านเทคโนโลยี การบริการและให้ความช่วยเหลือ แกช่ ุมชน หนังสือเล่มน้ี เป็นเหมอื นเคร่ืองยอ้ นเวลา เป็นแหล่งความรู้ให้คนรุ่นใหม่ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้เรียนรู้ ได้จดจำเรื่องราวในอดีตที่ดีงาม ซึ่งกลายเป็นรากฐานของความมั่นคงในปจั จุบัน ความก้าวหน้า และความยั่งยนื ในอนาคต ในนามของสภามหาวิทยาลัย ขอขอบคุณบุคลากรทุกฝ่าย ที่ร่วมแรง รว่ มใจ พฒั นามหาวทิ ยาลัย ให้มคี วามกา้ วหนา้ อย่างต่อเน่ือง ขอให้ทุกท่านจงเจรญิ ด้วยจตุรพธิ พรชยั ทง้ั 4 ประการ มีความสุข สมหวงั ในส่งิ ท่พี งึ ปรารถนาทกุ ประการ และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนามหาวิทยาลัยให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขนึ้ ไป นายวิชัย ศรขี วัญ นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสรุ าษฎร์ธานี

สารอธิการบดี เริ่มต้นจากการเป็น “วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธาน”ี ตั้งแต่พุทธศกั ราช 2516 ผ่านการเตบิ โตอยา่ งต่อเนื่อง สกู่ ารเปน็ “สถาบันราชภัฏสรุ าษฎร์ธาน”ี และพัฒนา มาตามลำดับ จนกระทั่งได้รับพระราชทานนาม จากพระบาทสมเด็จพระปมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เม่ือปีพุทธศกั ราช 2547 ในฐานะ “มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี” ตลอดระยะเวลา 48 ปี แห่งการเจริญเติบโต ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานของมหาวิทยาลัย ราชภัฏสุราษฎร์ธานี จนกลายเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยช้ันนำของภาคใต้ ปรากฏ บุคคล หน่วยงาน เครือข่าย ตลอดจนศิษย์เก่าจำนวนมาก ที่อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จ เป็นรากฐานของความมั่นคง และเป็นกลไกสำคัญในการสร้าง ความเจริญเติบโตดังกล่าว อีกทั้งยังได้สร้างคุณงามความดีไว้อย่างอเนกอนันต์ จนเปน็ ทปี่ ระจักษ์แกช่ นรุ่นหลัง ตลอดระยะเวลาท่ีปฏิบัติหน้าที่ในรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เราทุกคนตระหนักกันดีอยู่ว่า ต้องปฏิบัติหน้าท่ีอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพราะระลึกอยู่เสมอว่า การปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว เป็นการตอบแทนบุญคุณ ของแผ่นดิน และบูรพะคณาจารย์ ท่ีร่วมกันสร้างชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาลัย ตง้ั แต่อดีตจนถึงปจั จบุ ัน อีกท้ังยังเปน็ การสร้างคณุ ประโยชนใ์ หแ้ ก่ชมุ ชนและสงั คม อีกทางหน่ึงดว้ ย เพื่อให้การยังประโยชน์แก่การรับใช้ชุมชนท้องถ่ินต่อเน่ือง และ มีประสิทธิภาพมากขึ้น และในฐานะ “มหาวิทยาลัยแห่งการบูรณาการ ผสาน องค์ความรู้ สู่การสร้างนวัตกรรม เพื่อพัฒนาชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน” มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี มีเป้าหมายในการผลิตบัณฑิต ภายใต้แนวคิด

การสรา้ งวศิ วกรสงั คม ที่มีคุณลักษณะ 4 ประการ ไดแ้ ก่ มที ักษะการคิดวิเคราะห์ เชิงเหตุและผล เห็นปัญหาเป็นเร่ืองท้าทาย มีทักษะในการส่ือสารองค์ความรู้ เพื่อแก้ปัญหา มีทักษะการทำงานร่วมกับผู้อืน่ โดยปราศจากข้อขัดแย้ง สามารถ ระดมทรัพยากร และสรรพกำลังในท้องถ่ิน มาร่วมแกป้ ัญหาและมีทกั ษะการสร้าง นวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาบนฐานข้อมูลชุมชน โดยประสานความร่วมมือกับภาคี เครือข่ายในท้องถิ่น เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อน สร้างความเชื่อมโยงต่อชุมชน ในการสร้างสรรค์ พัฒนาท้องถิ่น และเพิ่มศักยภาพประชาชนให้สังคมเป็นสุข อย่างยั่งยืน เพื่อที่บัณฑิตเหล่านี้ จะได้กลับไปพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของตน และดำรงชื่อเสยี งในฐานะศิษย์เกา่ แหง่ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสุราษฎร์ธานี ที่ดีงาม สืบไป สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ ผู้ริเริ่มจัดทำเอกสารฉบับนี้ และผู้ร่วมเขียนบันทึก จากความทรงจำ เกี่ยวกับ “วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธาน”ี “สถาบันราชภฏั สุราษฎร์ ธานี” และ “มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี” ซึ่งจะช่วยสะท้อนภาพ แห่งการเจริญเติบโตของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ให้เป็นที่ประจักษ์ สืบไป ตลอดจนขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่สนับสนุนให้เอกสารชุดน้ี สำเรจ็ ไดอ้ ย่างสวยงาม (ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วฒั นา รตั นพรหม) รักษาราชการแทนอธกิ ารบดี

คำนำ หอประวัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งรวบรวม เก็บรักษา เผยแพร่ข้อมูล ความรู้ เก่ียวกบั ประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของมหาวิทยาลัย และเหตุการณ์สำคัญ ตลอดจนความเป็นเอกลักษณ์ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจบุ ัน มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี มีความคิด ที่จะสรา้ งหอประวตั ิของมหาวทิ ยาลัย ณ อาคาร หอสมุดและศูนย์สารสนเทศเฉลิมพระเกียรติ โดยได้รับเงินสนับสนุนจากมารดา ของนายกสภามหาวิทยาลัยราชภฏั สรุ าษฎร์ธานี นายวิชัย ศรีขวญั เปน็ จำนวนเงิน 1,000,000 บาท เพื่อสร้างหอประวัติให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เกี่ยวกับความเป็นมา ของมหาวิทยาลยั ตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจบุ ัน ตลอดจนไดบ้ นั ทึกเรื่องราว ความผูกพัน และความประทบั ใจในเหตกุ ารณ์สำคัญต่าง ๆ เป็นทเ่ี ชดิ ชูเกยี รติของมหาวิทยาลัย และบุคคลสำคัญท่ีมีส่วนผลักดัน ให้มหาวิทยาลัย ดำเนินงานไปสู่เป้าหมาย และ เปน็ มหาวิทยาลยั เพื่อชุมชนท้องถน่ิ การดำเนินการจัดสร้างหอประวัติมหาวิทยาลัย เริ่มด้วยการแต่งตั้ง คณะกรรมการ เพื่อดำเนินการเรื่องน้ี เม่ือปีพุทธศักราช 2562 มหาวิทยาลัย ได้ออกแบบหอประวัติ และมอบหมายให้สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยี สารสนเทศ ประสานกับหน่วยงานอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้องในการค้นหาข้อมูล ของมหาวิทยาลัย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และได้แต่งตั้งคณะกรรมการภายใน สำนักฯ เพอ่ื ติดตามและดำเนนิ การเร่ืองนี้ โดยมอบหมายให้หอสมุดกลาง จัดเก็บ ประวัติ เรื่องราวของมหาวิทยาลัย ที่เป็นเอกสาร เนื้อหา และภาพถ่ายในอดีต จนถึงปัจจุบัน ตลอดจนสัมภาษณ์บุคคลที่เก่ียวข้อง และเป็นผูท้ ี่สามารถให้ขอ้ มลู ไดม้ ากทส่ี ุด เพือ่ จดั ทำหนังสือหอประวัตเิ ล่มน้ีขึ้น กอ่ นท่จี ะนำเร่ืองราวในหนังสือ จัดทำหอประวัตขิ องมหาวทิ ยาลัยต่อไป

คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างย่ิงว่า หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ และ สามารถนำไปใช้ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลของมหาวิทยาลัย ในการอ้างอิงเกี่ยวกับ พัฒนาการของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เน่ืองจากเป็นแหล่งรวบรวม ข้อมูล และประสบการณ์จากผู้บริหาร บุคลากร นักศึกษา ทั้งอดีตและปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้ท่ีมีส่วนร่วมรับรู้ความเป็นมาและร่วมพัฒนามหาวิทยาลัยและถ่ายทอด ความทรงจำของมหาวิทยาลยั ออกมาเปน็ คำบอกเลา่ และเรยี บเรียงจนเปน็ หนงั สอื ฉบบั สมบรู ณ์ฉบบั น้ี ท้ายสุดนี้ ผู้จัดทำขอขอบคุณผู้ใหข้ ้อมูล และภาพถ่ายในอดีตและปัจจุบัน เกี่ยวกับเรื่องราวด้านความเปน็ มาของมหาวิทยาลัยราชภฏั สุราษฎร์ธานี ไว้ ดังน้ี อาจารยว์ ิรยิ ะ กลนิ่ เสาวคนธ์ อาจารย์เกษยี ณอายุราชการ คณะวิทยาการ จัดการ มหาวิทยาลยั ราชภัฏสรุ าษฎรธ์ านี ผศ.พงษ์ศักดิ์ สอนสังข์ อาจารย์เกษียณอายุราชการ ประธานชมรม อดีตอาจารยข์ า้ ราชการและบุคลากร มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สรุ าษฎรธ์ านี อาจารยก์ รรณกิ าร์ นาคอยู่ อาจารย์เกษียณอายรุ าชการ คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ และอดีตผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยราชภัฏ สรุ าษฎรธ์ านี รศ.ดร.ชูศักดิ์ เอกเพชร อดีตรักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัย ราชภฏั สุราษฎร์ธานี ผศ.ประสงค์ หลำสะอาด อาจารย์เกษียณอายุราชการ คณะวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และอดีตรองอธกิ ารบดีฝา่ ยบรหิ ารทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏสรุ าษฎรธ์ านี นายธิติ พิวัฒน์ ศิษย์เก่า สาขานิเทศศาสตร์ (สื่อสารมวลชน) คณะวิทยาการจดั การ มหาวิทยาลยั ราชภฏั สรุ าษฎร์ธานี นางสาวอภิญญา วงศ์อาหมัด ศิษย์เก่า โปรแกรมวิชาอุตสาหกรรมการ ทอ่ งเทย่ี ว คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั ราชภฏั สุราษฎรธ์ านี นายอนุรักษ์ ศรีนาคนิล ศษิ ย์เกา่ สาขาอุตสาหกรรมศิลป์ คณะวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี สถาบันราชภฏั สุราษฎรธ์ านี

นางกฤติยา รักสวัสดิ์ ศิษย์เก่า สาขาการศกึ ษานอกระบบ คณะครุศาสตร์ วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี และสาขาการประถมศึกษา คณะครุศาสตร์ สถาบัน ราชภัฏสุราษฎรธ์ านี นางสาวจันทร์จิรา เครือสาย ศิษย์เก่า สาขาสารสนเทศศาสตร์และ บรรณารักษศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ สุราษฎร์ธานี นางสาววราภรณ์ กรดเกล้า ศิษย์เก่า สาขาสารสนเทศศาสตร์และ บรรณารกั ษศาสตร์ คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ บุคลากร สือ่ สารองค์กร สำนกั งานอธกิ ารบดี คณะ สำนักและสถาบัน มหาวิทยาลยั ราชภฏั สุราษฎรธ์ านี ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ปรญิ ญา น้อยดอนไพร และคณะ ผจู้ ดั ทำ

สารบัญ • อาศริ วาทราชสดุดี 3 • สารนายกสภามหาวิทยาลัย 7 • สารอธกิ ารบดี 8 • คำนำ 10 • สารบญั 13 • จากวิทยาลัยครู สู่ มหาวิทยาลยั ราชภฏั 16 • กวา่ จะเปน็ “มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สุราษฎร์ธานี” 25 วิทยาลยั ครสู ุราษฎร์ธานี 27 สถาบันราชภัฏสุราษฎร์ธานี 35 มหาวิทยาลยั ราชภัฏสรุ าษฎร์ธานี 38 44 • สภามหาวิทยาลัย 47 • บัตรประจำตัวนักศกึ ษา ครุยวิทยฐานะจากวิทยาลัยครสู ู่ มหาวิทยาลยั ราชภฏั

สารบญั • พระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานปริญญาบตั ร แก่บัณฑิตราชภัฏ 50 • พธิ ีอัญเชญิ และมอบเข็มตราพระราชลัญจกร 53 • ราชภัฏสัญลักษณ์ 55 • ผู้บริหารวทิ ยาลยั ครู 59 สู่มหาวิทยาลยั ราชภฏั • คณะครุศาสตร์ 62 • คณะมนษุ ยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 71 • คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 75 • คณะวิทยาการจัดการ 79 • คณะพยาบาลศาสตร์ 85 • คณะนิตศิ าสตร์ 88 • วิทยาลยั นานาชาติการท่องเทีย่ ว 94 • บณั ฑติ วทิ ยาลัย 99

สารบญั 103 • สำนักงานอธกิ ารบดี 107 • สำนักส่งเสริมวชิ าการและงานทะเบยี น 114 • สำนักศิลปะและวัฒนธรรม 118 • สำนกั วทิ ยบรกิ ารและเทคโนโลยีสารสนเทศ 121 • สถาบนั วจิ ยั และพัฒนา 123 • หอสมดุ กลาง 127 • หอประชมุ วชิราลงกรณ 131 • หลวงพอ่ โสธร ศนู ยร์ วมจิตใจ • เรอ่ื งเลา่ …เมื่อวันวาน 133 กว่าจะเปน็ “ราชภัฏสุราษฎรธ์ าน”ี 134 ความทรงจำทภี่ าคภมู ใิ จ 140 การเดนิ ทางในความทรงจำ 141 • จากบทเพลง วิทยาลัยครูสมู่ หาวทิ ยาลัยราชภฏั 144 • คณะกรรมการจดั ทำหนังสือ 149

จากวทิ ยาลยั ครู สู่ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั

จากโรงเรยี นฝึกหัดครู สู่ มหาวิทยาลยั ราชภัฏ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลที่ 5 ทรงปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก การวางรากฐาน \"การศกึ ษา\" จงึ มกี ารจัดรปู แบบการศกึ ษาเพ่ือรองรบั การขยายตวั ในระบบโรงเรยี น มีหลักสูตร แบบเรียนและครู ในพุทธศักราช 2430 ได้จัดตั้ง “กรมศึกษาธิการ” ขึ้นมา เพ่ือรับผิดชอบและในปี พุทธศักราช 2432 ได้รวมกรมต่าง ๆ เช่น กรมธรรมการ กรมพยาบาล กรมพิพิธภณั ฑส์ ถาน และกรมศึกษาธิการ ข้นึ ตรงกับ “กระทรวงธรรมการ” มีสถานศึกษาด้านการฝึกหัดครูแห่งแรกของประเทศ เปิดทำการสอนเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พุทธศักราช 2435 จึงกำเนิดโรงเรียนฝึกหดั อาจารย์ การกำเนิดของมหาวิทยาลยั ราชภัฏ มีมาตงั้ แตเ่ รมิ่ ก่อตั้งกรมการฝึกหดั ครู ในปีพุทธศักราช 2434 ใกล้เคียงกับการก่อตั้งกระทรวงศึกษาธิการ หรือที่เรียก กันว่า กระทรวงธรรมการ ในสมัยนั้นกรมการฝึกหัดครูทำหน้าที่ผลิตครู ไปประจำการตามโรงเรยี นตา่ ง ๆ ท่ัวประเทศ สว่ นใหญ่เป็นครูสายสามญั สอนดา้ น วิชาการ โรงเรียนฝกึ ครูแหง่ แรกตงั้ ขน้ึ ณ บริเวณโรงเลี้ยงเด็ก สวนมะลิ ถนนบำรุง เมือง จังหวัดพระนคร เรียกว่า “โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์” เปิดสอนในระดับ ประโยคครูประถม มีกำหนดระยะเวลาในการเรียน 2 ปี เริ่มเปิดสอนเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พุทธศักราช 2435 ตามโครงการท่ีเจา้ พระยาพระเสด็จสุเรนทราธบิ ดี (ม.ร.ว.เปีย มาลากุล) ได้ร่างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2441 ภาค 1 หมวด 8 ข้อ 10 ว่าดว้ ยโรงเรยี นพิเศษ ซงึ่ กล่าวไวด้ งั น้ี “ การศึกษาในกรุงสยามในปัจจบุ นั และอนาคตก็ตอ้ งมคี รเู ป็นท่ีตั้ง ครดู ีแลว้ ใหก้ ารเลา่ เรยี นศึกษาดี การใหญ่สำคญั ของกรมการศกึ ษาธิการก็คือ ฝึกหัดครูใหด้ ีแล้วเป็นทางจรงิ ๆ ท่ีจะให้การศึกษาเล่าเรยี นในบ้านเมืองดำเนนิ ส่ทู างเจริญ เพราะฉะนน้ั ในการทจ่ี ะสรา้ งและต้งั โรงเรยี นฝกึ หดั อาจารย์น้ี เปน็ ท่แี รกและเปน็ การสำคญั ของกรมศึกษาธกิ ารที่จะทำการน้ี”

พุทธศกั ราช 2454 ถึง 2458 เจา้ พระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี เสนาบดี กระทรวงธรรมการ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการฝึกหดั ครูไว้วา่ “การใหญส่ ำคัญของกรมศึกษาธกิ ารก็คือ การฝกึ หัดครใู หด้ แี ลว้ เป็นทางจริง ๆ ทจี่ ะให้การศกึ ษาเลา่ เรียนในบ้านเมือง ดำเนนิ สทู่ างเจรญิ ” การประกาศจัดตั้งกระทรวงธรรมการในปีพุทธศักราช 2435 ทำให้ มีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น แต่ครูก็คือครูพระที่เคยบวชเรียนมาแล้ว เป็นครูสอน หอ้ งเรียนใช้กุฏศิ าลาวดั จงึ ทำใหข้ าดครแู ละสถานทีเ่ รยี น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์ เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ได้ทำหนังสือ กราบบังคมทูล พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาล ที่ 5 ขอตั้งงบประมาณ ปีรัตนโกสินทรศก (ร.ศ.) 110 สำหรับฝึกสอนผู้ที่จะเปน็ อาจารย์และฝึกหัดวิชาช็อตแฮนด์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจฬุ าลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระบรมราชานุญาต ให้กระทรวง ธรรมการ ซึ่งมีเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ เป็นเสนาบดี ดำเนินการและเปิดสถาบัน การฝกึ หดั ครขู นึ้ เมอื่ วันท่ี 12 ตุลาคม พทุ ธศักราช 2435 ทโ่ี รงเลย้ี งเด็กและที่ตึก ปนั้ หยา ถนนบำรุงเมอื ง เรียกวา่ โรงเรยี นฝึกหัดอาจารย์ (The Normal College) โดยในปีพุทธศักราช 2434 กระทรวงธรรมการ ได้จ้างมิสเตอร์จอร์จ เอช กรินรอด (Mr. Georges H. Grindrod) ชาวอังกฤษ ให้ดำรงตำแหน่งครูใหญ่ สำหรับวิทยาลัยฝึกหัดครูสยาม มิสเตอร์กรนิ รอด จบปริญญาตรีจากนิวคอลเลจ เมืองอ๊อกฟอร์ดและเคยเป็นอาจารย์สอนอยู่ ที่วิทยาลัยครูไดโอเซซัน (Mr. Georges H. Grindrod, B.A. of New College Oxford and on the Staff of the Diocesan Teachers College) โดยมที ่พี ักอยทู่ ีต่ ึกป้นั หยา

ตกึ ป้นั หยา เปน็ อาคารส่วนหน่ึงของโรงเล้ยี งเด็ก ซง่ึ เป็นสถานทตี่ ้งั ของโรงเรียนฝกึ หัดอาจารยแ์ หง่ แรก อยใู่ นยา่ นถนนบำรุงเมือง กรงุ เทพฯ มสิ เตอรจ์ อร์จ เอช กรนิ รอด (Mr. Georges H. Grindrod) และมิสเตอร์เอิรน์ เนส ยัง (Mr. Ernest Young) อาจารย์ใหญ่คนที่ 1 และคนท่ี 2 ของวิทยาลยั ฝึกหดั ครสู ยาม ภาพ : หนงั สอื พระราชลัญจกร ราชภฏั สัญลักษณ์ ซ่งึ เมอ่ื วนั ท่ี 23 มิถุนายน รตั นโกสินทรศก (ร.ศ.) 111 เจ้าพระยาภาสกร วงศ์ (พร บนุ นาค) ได้ทำหนงั สอื กราบบังคมทลู พระเจา้ นอ้ งยาเธอ กรมหม่ืนสมมต อมรพันธุ์ ข้าหลวงผู้บัญชาการศึกษา (อธิบดี) กรมศึกษาธิการ ขอเช่าตึกปัน้ หยา ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร ที่ต้ังอยู่ข้างโรงเลี้ยงเด็ก ซึ่งเจ้าพระยานรรัตน์ ราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์) ดูแลรักษาอยู่ให้เป็นที่ตั้ง โรงเรยี นสำหรับผู้สอนผูท้ ี่จะเปน็ อาจารย์และเป็นท่ีพกั ของมิสเตอรก์ รินรอดด้วย

พุทธศักราช 2497 มีพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ฉบบั พทุ ธศกั ราช 2497 ซึ่งใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ 16 กนั ยายน พทุ ธศักราช 2497 ประกาศ เปน็ พระราชกจิ จานุเบกษา ฉบับวันที่ 28 กันยายน พุทธศกั ราช 2497 มีผลบงั คับ ใช้เป็นกรมการฝึกหัดครูในวันที่ 29 กันยายน พุทธศักราช 2497 ทั้งนี้การต้ัง กรมการฝึกหัดครูน้ี เพ่ือที่จะรวมการฝึกหัดครูท่ีจัดขึ้นในกรมอื่น ๆ เช่น กรมอาชีวศึกษา กรมพลศึกษาและกรมมหาวิทยาลัยเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นการ ประหยัดและมีประสิทธิภาพในการปรับปรุงครูให้มีปริมาณและคุณภาพสูงขึ้น พระราชบัญญัติตั้งกรมการฝึกหัดครูดังกล่าว เกิดขึ้นพร้อมกับพระราชบัญญัติ วิทยาลัยวิชาการศึกษา พุทธศักราช 2497 กระทรวงศึกษาธิการ ได้ตั้งวิทยาลยั วิชาการศึกษาที่โรงเรียนฝึกหัดครูขั้นสูง ณ ที่แห่งเดียวกัน ตั้งชื่อเป็นวิทยาลัย วิชาการศึกษา โดยประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พุทธศกั ราช 2496 การต้ังวทิ ยาลัยวชิ าการศกึ ษา การออกพระราชบญั ญตั ิวิทยาลยั วิชาการศึกษาและการออกพระราชบัญญัติตั้งกรมการฝึกหัดครูนั้นสำเร็จลุล่วง ไปด้วยดี โดยพลเอกมังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในสมัยนั้น ความเจริญงอกงามของการฝึกหัดครูเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อในสมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม (แปลก พิบูลสงคราม) เป็นนายกรัฐมนตรี ได้สถาปนา “กรมการฝึกหัดครู” ขึ้นในปีพุทธศักราช 2497 ให้เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ กรมการฝึกหัดครูได้จัดทำหลักสูตรการฝึกหัดครู ที่ใช้ระบบการเรียนแบบหน่วยกิตขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยเริ่มด้วย การปรับปรุงคุณภาพของครูอาจารย์และคัดเลือกข้าราชการจากกรมอ่ืน ในกระทรวงศกึ ษาธิการโอนมารับราชการในกรมการฝกึ หัดครู พุทธศักราช 2502 กรมการฝกึ หัดครูเปิดการสอนระดับประกาศนยี บัตร วิชาการศึกษาขั้นสูงและประกาศนียบัตรครูมัธยมและยกฐานะโรงเรียนฝึกหดั ครู ขนึ้ เปน็ วทิ ยาลยั เรยี กว่า “วิทยาลัยครู” และตามด้วยชอื่ ของวิทยาลยั นั้น ๆ

พุทธศักราช 2503 กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศยกฐานะโรงเรียน ฝึกหดั ครู ในสังกดั “กรมการฝกึ หดั ครู” ที่มีท้งั หมด 17 แห่ง ในยคุ แรก และต่อมา เพิ่มขึ้นเป็น 19 แห่ง รวมทั้งหมด 36 แห่ง เป็น “วิทยาลัยครู” เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2503 พร้อมกับเปิดสอนในหลักสูตรประกาศนียบัตร วิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ.สูง) และหลักสูตรปริญญาตรีของสภาการฝึกหัดครู โดยกำหนดในพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พุทธศักราช 2518 เม่ือวันที่ 1 พฤษภาคม พุทธศกั ราช 2503 เป็นตน้ มา ดังปรากฏขอ้ ความในพระราชบัญญัติ วทิ ยาลยั ครู พุทธศกั ราช 2518 ดังนี้ “ให้วิทยาลัยครูเป็นสถาบนั อดุ มศกึ ษา สังกดั กระทรวงศกึ ษาธิการ เปดิ สอนนกั ศึกษาถึงระดบั ปรญิ ญาตรี ในสาขาครศุ าสตร์ หลักสตู รของสภาการฝกึ หดั ครู” พุทธศักราช 2511 มีจำนวนนักเรียนที่สมัครเข้าเรียนในวิทยาลัยครู ทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษาต่อ ในวิทยาลยั ครเู พม่ิ มากข้ึนและเพอ่ื สนองความตอ้ งการของสังคม กรมการฝึกหดั ครู จึงได้เปิดการเรียนการสอนนอกเวลาในระดับชั้น ป.กศ.สูงและเปิดสอนนอกเวลา สำหรบั ประกาศนียบัตรมธั ยมตามมาในปีพุทธศกั ราช 2513 พุทธศักราช 2518 รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติวิทยาลัยครู ใหว้ ทิ ยาลัยครเู ป็นสถาบนั อดุ มศึกษา เปิดสอนนักศกึ ษาถึงระดับปริญญาตรี สาขา ครุศาสตร์ ตามหลักสตู รของสภาการฝกึ หัดครู มีสภาการฝึกหดั ครทู ำหนา้ ทก่ี ำหนด นโยบาย ควบคมุ การบริหารงานวทิ ยาลัยครูทัว่ ประเทศ เปล่ยี นชอ่ื ตำแหนง่ หวั หนา้ สถานศึกษาเป็นอธิการวทิ ยาลยั ครู การบรหิ ารงานของวทิ ยาลยั ฯ จัดเปน็ คณะวิชา และสำนกั หรอื ศนู ยท์ ีเ่ ทียบเท่าคณะวชิ า

พุทธศักราช 2519 สภาการฝึกหัดครู ประกาศใช้หลักสูตรการฝึกหัดครู ฉบับใหม่ ยกเลิกหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา (ป.กศ.) จัดการศึกษา 2 ระดับคือ ระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ.สูง) และระดับ ปริญญาตรคี รศุ าสตรบัณฑติ (ค.บ.) พุทธศักราช 2522 กรมการฝึกหัดครเู ริ่มโครงการอบรมครูและบุคลากร ทางการศกึ ษาประจำการ (อคป.) โดยเปิดอบรมบคุ ลากรทางการศึกษาประจำการ ในวนั เสาร์และวนั อาทิตย์ ทงั้ ระดบั ป.กศ. ช้ันสูงและปริญญาตรี โดยมกี ารยกเลิก การฝกึ หดั ครภู าคต่อเนอื่ ง พุทธศักราช 2527 พระราชบัญญัติวิทยาลัยครูที่ให้วิทยาลัยครู เป็นสถาบันอุดมศึกษา เปิดสอนนักศึกษาถึงระดับปริญญาตรี สาขาครุศาสตร์ ตามหลักสูตรของสภาการฝึกหัดครู และมีการแกไ้ ขกฎหมายให้สามารถเปิดสอน ปริญญาตรี สาขาวิชาอ่ืนได้ พุทธศักราช 2530 กรมการฝึกหัดครูได้ปรับเปลี่ยนโครงการอบรมครู และบุคลากรทางการศึกษาประจำการ (อคป.) มาเป็นโครงการศึกษาสำหรับ บุคลากรประจำการ (กศ.บป.) จัดการศึกษาทั้งระดบั อนุปริญญา และปรญิ ญาตรี โดยจัดการเรียนการสอนในวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งได้ผลิตกำลังคนระดับปริญญา จำนวนมาก ล้วนเป็นพลังให้กับการพัฒนาบ้านเมืองในสาขาอาชีพต่าง ๆ นอกเหนือจากการผลิตครูเพียงดา้ นเดยี ว วทิ ยาลัยครู ปฏิบตั ิภารกิจภายใตพ้ ระราชบัญญัติวทิ ยาลยั ครู พุทธศักราช 2518 มายาวนาน เม่ือได้รับการยกฐานะให้ผลิตครู ได้ถึงข้ันปริญญา และพระราชบัญญตั ิวิทยาลัยครู ฉบับที่ 2 พุทธศักราช 2527 ได้กำหนดบทบาท ให้วิทยาลัยครูจัดการศึกษา เพื่อตอบสนองท้องถิ่น ทำให้วิทยาลัยครูทั้ง 36 แหง่ ตอ้ งพัฒนาศาสตร์ทุก ๆ ดา้ น นอกเหนอื จากการผลติ ครู ในระดับประกาศนียบัตร ได้ความรคู้ วามสามารถถึงข้ันปรญิ ญาตรี เพือ่ เป็นบคุ คลระดบั สมองของประเทศ

การผลิตบัณฑิตสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งด้านครุศาสตร์ ศิลปศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ จึงเป็นพลังให้กับการพัฒนาบ้านเมืองอย่างกว้างขวางและท่ั วถึง นอกเหนอื จากการผลติ ครเู พียงดา้ นเดยี ว และเพ่อื ให้เป็นทเ่ี ข้าใจของสงั คม ในกรณี ดงั กลา่ ว กรมการฝึกหัดครจู ึงเสนอขอแก้ไขพระราชบัญญัติวิทยาลยั ครูทง้ั สองฉบบั ให้สอดคล้องกับสภาพจริง รวมถึงชื่อ “วิทยาลัยครู” ที่เห็นสมควรเปลี่ยน จึงมีหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ เพื่อขอนำความข้ึนกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพิตร รัชกาลที่ 9 ให้ทรงทราบถึงสภาพปัจจุบันของวิทยาลัยครูและขอ พระราชทานนามวิทยาลัยครูชื่อใหม่ว่า “สถาบันราชพัฒนา” หรือชื่ออื่นใด สดุ แล้วแตจ่ ะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ เพอื่ ขอใหพ้ ระองค์มีพระบรมราชวินิจฉัย โปรดเกล้าฯ พระราชทานเป็นนามใหมข่ องวิทยาลยั ครตู อ่ ไป พระมหากรุณาธิคณุ อันยิ่งใหญ่ แห่งองค์พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกา ธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2535 เป็นวันสิริมงคลแก่วิทยาลัยครูทั่วประเทศ เนื่องมาจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อแก่วิทยาลัยครูชื่อว่า “สถาบนั ราชภฏั ” โดยคำวา่ “ราชภฏั ” ในภาษาองั กฤษ ได้ทรงพระกรณุ า โปรด เกลา้ ฯ กำหนดให้ใชว้ า่ “RAJABHAT” ยังความปติ ิยนิ ดีแกข่ า้ ราชการ ครูอาจารย์ นกั ศึกษาเปน็ ล้นพ้น วันที่ 6 มีนาคม พุทธศักราช 2538 ความปิติยินดีของชาวราชภฏั เกิดข้นึ อีกครั้ง เมื่อได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตราพระราชลัญจกร ประจำพระองค์ ให้เป็นตราสัญลักษณ์ประจำสถาบันราชภัฏ ซึ่งมหาวิทยาลัย ราชภัฏไดใ้ ช้มาจนถงึ ปจั จบุ นั

คำว่า “ราชภัฏ” ตามความหมายในพจนานุกรม แปลว่า “ข้าราชการ” หรือหมายถงึ คนของพระราชาท่ที ำงานสนองพระมหากษัตรยิ ์ จึงเปน็ คำท่ีมิมีผู้ใด คาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นนามพระราชทาน เป็นคำศัพท์ที่ทรงใช้พระบรม ราชวนิ ิจฉยั และทรงสรรหาดว้ ยพระองค์เอง แสดงใหเ้ ห็นว่าทรงสนพระราชหฤทัย ในกิจการของวทิ ยาลยั ครูอย่างแท้จริง นบั เป็นพระมหากรุณาธคิ ณุ ล้นพน้ หาที่สุด มไิ ด้ “ราชภัฏ” เป็นศัพท์โบราณมีความหมายตามพจนานุกรมว่า ข้าราชการ โดยนัยหมายถึง ปราชญ์ของพระราชา เพราะผู้ที่จะสามารถรับใช้เบื้องพระยุคล บาทจะต้องเปน็ ผู้รอบรู้ มีสติปัญญาเฉียบแหลมและมีความหมายที่กินใจความวา่ “คนของพระราชาข้าของแผ่นดิน” “การถวายงานประดุจข้าราชบริพารที่รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ท่ตี อ้ งถวายงานอยา่ งสุดความสามารถ สุดชวี ติ และสดุ จติ สดุ ใจ” ซึง่ การเปน็ คนของ ใต้ฝา่ ละอองธลุ ีพระบาท ย่อมเปน็ ขา้ ของแผน่ ดนิ ดังนั้น “ราชภฏั ” จึงเปน็ คำสงู สง่ เป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏ ในฐานะสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นสมควรจะเทิดไว้เหนือเกล้า และจงรักภักดีด้วยการต้ังปณิธานที่จะประพฤติและปฏิบัติหน้าที่เจริญรอยตาม เบือ้ งพระยคุ ลบาท สืบไป1 1 วิชเทพ ฦาชาฤทธิ.์ (2563). พระราชลญั จกร ราชภฏั สญั ลกั ษณ.์ กรงุ เทพฯ : มลู นิธศิ าสตราจารย์ บญุ ถิ่น อตั ถากร.

กวา่ จะเปน็ “มหาวิทยาลัยราชภัฏสรุ าษฎร์ธาน”ี

วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี สถาบันราชภัฏสุราษฎร์ธานี มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎรธ์ านี

วทิ ยาลัยครสู รุ าษฎรธ์ านี เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามนโยบายและเป้าหมายของแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 3 (พุทธศักราช 2515 ถงึ พทุ ธศักราช 2519) เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการศึกษาน้ัน กรมการฝึกหัดครู กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ได้มโี ครงการจัดตงั้ วิทยาลยั ครใู หม่ขึ้นในส่วนภมู ภิ าค จำนวน 7 แห่ง วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี ก็เป็นวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจำนวนวิทยาลัยใหม่ ดังกล่าว โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศการจัดตัง้ เป็นทางราชการ เม่ือวันที่ 29 กันยายน พุทธศักราช 2516 เปน็ ต้นมา วิทยาลัยใหม่ทั้ง 7 แห่งน้ี อยู่ในโครงการเงินยืมของธนาคารโลก ซึ่งธนาคารโลกไดใ้ ห้กระทรวงศกึ ษาธิการยืมเงิน เพื่อใช้ในโครงการน้ี โดยไม่ต้อง เสียดอกเบี้ย แต่จะต้องเสียค่าบริการในการดำเนินงาน จำนวนสามส่วนสี่ ของหนึ่งเปอร์เซ็นต์ และให้เวลา 50 ปี ในการคืนเงินต้น มีระยะปลอดหนี้ 10 ปี งบประมาณการก่อสรา้ งในแต่ละแห่งซึง่ ประกอบด้วย วิทยาลัยครู โรงเรียนสาธิต และพัสดคุ รุภัณฑ์ ในวงเงินแหง่ ละประมาณ 54 ล้านบาท โดยการจัดดำเนินงาน เปน็ โครงการระยะ 3 ปี (พุทธศักราช 2517 ถึง พทุ ธศกั ราช 2519)

ประวตั ิเกย่ี วกบั สถานที่จัดตั้งวทิ ยาลัยครูสุราษฎร์ธานี สถานที่ตัง้ วทิ ยาลัยครูสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ในบริเวณเขตนิคมสร้างตนเอง ขุนทะเล เลขท่ี 272 หมู่ที่ 9 ตำบลขุนทะเล อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ติดทางหลวงแผ่นดิน สายบ้านดอน-บ้านนาสาร ระหว่างกิโลเมตรที่ 8 และ 9 มีเน้ือที่ประมาณ 600 ไร่ เดิมเป็นท่ีดินสงวนของนิคมสร้างตนเองขุนทะเล กรมประชาสงเคราะห์ ภายหลังนิคมได้อนุญาต ให้สำนักงานศกึ ษาธิการ จังหวดั สรุ าษฎรธ์ านี ใชท้ ด่ี นิ แปลงนใ้ี หเ้ กดิ ประโยชน์ทางดา้ นการศึกษาของจงั หวัดต่อไป บริเวณด้านหน้าวทิ ยาลัยครู ภาพ : อาจารย์วิรยิ ะ กลิน่ เสาวคนธ์ ตอ่ มา ที่ดนิ แปลงน้ี ไดใ้ ชเ้ ปน็ ที่สร้างโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ กรมสามัญ ศึกษาเสียส่วนหนึ่ง ส่วนท่ีเหลือ หน่วยราชการอ่ืนได้ขออนุญาตจังหวัด ใช้ทำ ประโยชน์ต่าง ๆ คือ กองกำกับการตำรวจภูธรสุราษฎร์ธานี ใช้สร้างหน่วย ปฏบิ ตั กิ ารพเิ ศษ (น.ป.พ.) และอำเภอเมือง สรุ าษฎร์ธานี สร้างคา่ ยลกู เสือ เปน็ ตน้

เมื่อทางจังหวัดได้ตกลงกับกรมการฝึกหัดครู เพื่อจัดตั้งวิทยาลัยครูข้ึน ที่จังหวัดสุราษฎรธ์ านี เป็นที่แน่นอนแล้ว จังหวัดได้อนุญาต ให้กรมการฝึกหัดครู ใช้ที่ดินแปลงนี้ ตามแนวเส้นเขตสำรวจสีแดงท่ีปรากฏในแผนผังของกรม การฝึกหัดครู สำหรบั เปน็ ท่จี ัดต้ังวทิ ยาลยั ครสู ุราษฎรธ์ านี ไดต้ ามทีก่ รมการฝึกหัด ครู ทำหนังสือขอมา และนอกจากนี้ จังหวัดได้ขอร้องให้หน่วยงานอื่นที่ไม่ได้ เกี่ยวข้องกบั การศกึ ษาโดยตรงยา้ ยออกไปอย่ทู ี่อ่ืน เพ่อื จะไดใ้ ชท้ ีด่ นิ ส่วนน้นั สำหรับ สรา้ งวิทยาลัยครู บรเิ วณดา้ นหนา้ วทิ ยาลยั ครู ภาพ : อาจารยว์ ริ ิยะ กลิน่ เสาวคนธ์ อนึ่งในบริเวณท่ีดินที่จะใช้จัดต้ังวิทยาลัยครูนี้ เดิมท่ีดินของเอกชน แทรกคั่นอยู่ตรงกลาง จำนวน 56 ไร่ โดยได้หาทางตกลงจัดที่ดินสำหรับทำกิน ใหท้ ่ีแปลงใหม่ด้านหลงั วทิ ยาลยั พรอ้ มกบั จา่ ยเงินชดเชยค่าพืชผลและส่ิงปลกู สรา้ ง ให้ด้วยความเปน็ ธรรมอีกส่วนหนึง่ ด้วย และเพื่อประโยชน์สำหรับโครงการขยาย งานของวทิ ยาลัยในอนาคต จงั หวดั และกรมการฝกึ หดั ครจู งึ ได้ขออนญุ าตจากนิคม สร้างตนเองขุนทะเล กรมประชาสงเคราะห์ ขอใช้ที่ดินสงวนบริเวณใกล้เคียง เพิ่มเติมใหม่อีก 2 แปลง เมื่อรวมที่ดินได้มาทุกแปลงด้วยกันแล้วก็ได้ที่ดินครบ จำนวน 600 ไร่ ตามความประสงคข์ องกรมการฝกึ หัดครู ทุกประการ2 2 หอสมุดแห่งชาติ นครศรธี รรมราช. (2564). วิทยาลยั ครูสรุ าษฎรธ์ าน.ี [Online]. เข้าถึงได้จาก: https://www.finearts.go.th/nakhonsithammaratlibrary/view/18759 [2564, กมุ ภาพนั ธ์ 13].

เครื่องหมายประจำวทิ ยาลัย รูปเจดีย์ พระบรมธาตไุ ชยา มีรัศมีรอบยอดเจดยี ์ อยภู่ ายในโล่ห์ ทงั้ หมดล้อมดว้ ยวงกลมเสน้ คู่สองชน้ั ระหวา่ งวงกลมทั้งสองช้นั ตอนบนมขี ้อความว่า “วิทยาลัยครูสรุ าษฎร์ธาน”ี ตอนล่างมีข้อความวา่ “วริ เิ ยน ทกุ ขฺ มจฺ เจติ” รอบนอกวงกลม เปน็ รปู ลายเสน้ ลกู คลื่นแปดเหลย่ี ม คติธรรมประจำวทิ ยาลยั “วริ เิ ยน ทกุ ขฺ มจฺ เจต”ิ บคุ คลล่วงทุกขไ์ ด้ด้วยความเพียร 3 3 หอสมดุ แห่งชาติ นครศรีธรรมราช. (2564). วิทยาลยั ครสู ุราษฎร์ธาน.ี [Online]. เขา้ ถึงไดจ้ าก: https://www.finearts.go.th/nakhonsithammaratlibrary/view/18759 [2564, กุมภาพันธ์ 13]

การกอ่ ต้ัง วิทยาลยั ครสู ุราษฎรธ์ านี วิทยาลยั ครูสรุ าษฎรธ์ านี ภาพ : อาจารยว์ ริ ิยะ กล่ินเสาวคนธ์ พุทธศักราช 2516 เริ่มก่อตั้ง “วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี” ตามนโยบาย และเปา้ หมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 3 (พุทธศักราช 2515 ถงึ พทุ ธศักราช 2516) พุทธศักราช 2518 และสภาการฝึกหัดครู ได้ออกประกาศแบ่งส่วน ราชการ ลงวันที่ 19 พฤษภาคม พุทธศักราช 2520 ได้แก่ สำนักงานอธิการบดี คณะวิชาครุศาสตร์ คณะวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์และคณะวิชา วิทยาศาสตร์ พุทธศักราช 2519 เปิดรับนักศึกษารุ่นแรกเข้าศึกษาในระดับ ประกาศนียบัตรวิชาการศกึ ษา (ป.กศ.)

พุทธศักราช 2520 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 และมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญตั ิวิทยาลัยครู พุทธศักราช 2521 เปิดรับนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาการศึกษา ชัน้ สงู (ป.กศ. ชั้นสูง) พุทธศักราช 2522 เปิดโครงการการอบรมบุคลากรทางการศึกษา ประจำการ (อคป.) ในวันเสาร์-อาทิตย์ นักศึกษา อคป. ได้รับปริญญาครุศาสตร บัณฑิต เปน็ รุ่นแรก อาคารครศุ าสตร์ ภาพ : อาจารยว์ ริ ยิ ะ กลนิ่ เสาวคนธ์ พุทธศักราช 2523 เปิดรับนักศึกษาในระดบั ปริญญาตรี สาขาครุศาสตร์ และงดรับนักศกึ ษาระดับประกาศนยี บัตรวชิ าการศกึ ษา พุทธศักราช 2525 เปิดศูนย์อบรมบุคลากรประจำการขึ้นที่วิทยาลัย พลศึกษา จังหวัดชุมพร และได้เปิดการสอนวิชาเอกพลศึกษา ภาคปกติ ซึ่งเป็น โครงการร่วมมอื กับวทิ ยาลยั พลศกึ ษา จงั หวัดชุมพร ภาควิชาพลศกึ ษา ภาพ : อาจารยว์ ริ ยิ ะ กลน่ิ เสาวคนธ์

พุทธศักราช 2526 เปิดรับนักศึกษา หลักสูตรประกาศนียบัตรเทคนิค การอาชีพ (ป.ทอ.) ภาคสมทบ เพ่ือเปดิ สอนในอาชพี ตา่ ง ๆ พุทธศักราช 2527 เปิดรับนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตร เทคนิค การอาชพี (ป.ทอ.) เขา้ ศึกษาในภาคปกติ พุทธศักราช 2528 วิทยาลัยขยายฐานทางการศึกษากว้างมากข้ึน เนื่องจากพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2527 กำหนดให้ วิทยาลัยจัดการศึกษาในสาขาอื่นได้ จึงเปิดรับนักศึกษาระดับอนุปริญญา และระดับปริญญาตรีนอกเหนือจากสาขาครุศาสตร์ ในปีนี้ สภาการฝึกหัดครู ได้ออกบังคับว่าด้วยกลุ่มวิทยาลัยครูจึงส่งผลให้กลุ่มวิทยาลัยครูพัฒนาเป็น สหวิทยาลัยในภาคใต้ จึงมีสหวิทยาลัยทักษิณขึ้น ประกอบด้วย วิทยาลัยครู ท้งั หมดท่ีมใี นภาคใต้ 5 แห่ง มีสำนักงานของสหวทิ ยาลัยท่วี ทิ ยาลยั ครูสุราษฎร์ธานี และในปีนั้นวิทยาลัยได้เปิดรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย เข้าเรียนในโรงเรียนสาธติ วทิ ยาลัยครสู รุ าษฎรธ์ านี เปน็ รนุ่ แรก โรงเรยี นสาธิต ภาพ : อาจารย์วิริยะ กลนิ่ เสาวคนธ์

พทุ ธศักราช 2530 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แหง่ พระราชบญั ญตั ิ วิทยาลัยครู พุทธศักราช 2518 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2527 ลงวันท่ี 17 เมษายน ให้แบ่งส่วนราชการ ของวิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี ดังน้ี สำนักงานอธิการบดี คณะวิชาครุศาสตร์ คณะวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะวิชาวิทยาการจัดการ คณะวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศูนย์วิจัยและบริการการศึกษา ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม สำนกั กิจการนักศึกษา สำนกั วางแผนและพัฒนาและสำนักส่งเสรมิ วชิ าการ พุทธศกั ราช 2532 ยังคงรับนักศกึ ษาและนกั เรยี นเชน่ เดียวกับปีที่ผ่านมา ในส่วนของการจัดการศึกษา สำหรับบุคลากรประจำการ ได้เปิดศูนย์อบรมข้ึน ทโ่ี รงเรยี นสะอาดเผดิมวิทยา จังหวัดชมุ พรอกี แหง่ หน่ึง พุทธศักราช 2533 มีโครงการความร่วมมือระหว่างสถาบันวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ประเทศแคนาดา กับวิทยาลัยครสู ุราษฎรธ์ านี เพ่ือพัฒนาโปรแกรม วชิ าวิทยาการจดั การ มีระยะเวลา 3 ปี มีอาจารย์จำนวนมากไดเ้ ขา้ รบั การฝกึ อบรม ตามโครงการนี้ ณ ประเทศแคนนาดา อน่ึงในปีนี้ วิทยาลัยได้เปิดวิชาเอก วิทยาศาสตร์สุขภาพ ภาคปกติ โดยร่วมมือกับวิทยาลัยพลศึกษา จังหวัดชุมพร พุทธศักราช 2534 การจดั การศกึ ษาสำหรับบคุ ลากรประจำการซ่ึงมีศูนย์ อบรมทีจ่ งั หวัดชุมพรนน้ั ไดเ้ ปลี่ยนไปดำเนนิ การท่ีโรงเรยี นศรียาภัย ในปีนี้วทิ ยาลัย ได้รับความร่วมมือจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของรัฐบาลญี่ปุ่น (JICA) จดั โครงการทดลองการจดั ต้งั ศนู ย์ศึกษา ประจำภมู ิภาคข้ึนทีว่ ทิ ยาลัย เพ่ือ พฒั นาอาจารย์ของสหวิทยาลยั ทกั ษณิ ดา้ นเคมแี ละคอมพวิ เตอร์ 4 4 มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี. (2564). แนะนำมหาวิทยาลัย. [Online]. เข้าถึงได้จาก: https://sru.ac.th/university-info-history/ [2564, กมุ ภาพนั ธ์ 13]

สถาบนั ราชภฏั สุราษฎร์ธานี วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2535 พระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช รชั กาลท่ี 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานนามวทิ ยาลัยครวู ่า “สถาบันราชภัฏ”

พุทธศักราช 2536 ในปีนี้ สาขาศิลปศาสตร์ ได้เปิดรับนักศึกษา วิชาเอก นิเทศศาสตร์ ระดับปริญญาตรีและสาขาวิทยาศาสตร์ เปิดรับนักศึกษาวิชาเอก คอมพิวเตอร์ศึกษา ระดับอนุปริญญาและวิชาเอกเกษตรศาสตร์ หลักสูตร 4 ปี เพ่มิ ข้นึ พุทธศักราช 2538 มีประกาศใช้พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พุทธศักราช 2538 และสถาบันราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้ดำเนินภารกิจ ตามพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พุทธศักราช 2538 โดยยังคงเปิดรับนกั ศึกษา และนักเรียนเช่นเดียวกันกบั ปีทผี่ า่ นมา พุทธศักราช 2540 สถาบันราชภัฏสุราษฎร์ธานี งดรับนักเรียนสาธิต เน่ืองจากสถาบันมีนโยบายท่จี ะขยายฐานการศกึ ษาจากระดบั ปริญญาตรี ไปจนถึง ปรญิ ญาโท ประกอบกับแนวทางการฝกึ ประสบการณว์ ิชาชีพครเู ปล่ียนไป พุทธศักราช 2542 สถาบันได้จัดตั้งบัณฑิตวิทยาลัยและเปิดรับนักศึกษา ระดบั ปริญญาโทเปน็ ครง้ั แรก โดยเปดิ สอนในสาขาสังคมศาสตรเ์ พอ่ื การพฒั นา พุทธศักราช 2543 ปรับปรุงโครงการจัดการศึกษาสำหรับบุคลากร ประจำการ (กศ.บป.) เป็นโครงการจดั การศึกษาสำหรับบคุ ลากรทอ้ งถิน่ (กศ.บท.) เพื่อเปิดรับบุคคลทั่วไปโดยไม่จำกัดอาชีพและเปิดศูนย์ให้ก ารศึกษานอกสถาบนั เพิ่มขึ้นอีก 1 ศูนย์ คือ ศูนย์ให้การศึกษานอกสถาบัน จังหวัดระนอง และขยาย การจัดการศึกษาระดบั ปริญญาโท ในสาขาการบรหิ ารการศกึ ษา พุทธศักราช 2544 สถาบันเปิดรับนักศึกษาทั้งภาคปกติ ภาคสมทบ และโครงการจัดการศึกษาสำหรบั บุคลากรทอ้ งถ่นิ (กศ.บท.) และในปนี ี้ ไดเ้ ปดิ รับ นกั ศึกษาระดบั ปรญิ ญาโท พทุ ธศกั ราช 2545 สถาบันเปิดรบั นักศกึ ษาภาปกติ โดยขยายฐานในสาขา วิทยาศาสตร์มากขึ้น ลดการผลิตในสาขาการศึกษาเหลือเพียงหลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูและงดรับนักศึกษาภาคสมทบ โดยปีนี้ได้เปิด ศูนย์ให้การศึกษานอกสถาบันเพิม่ อีก 1 ศูนย์ ที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสรุ าษฎร์ ธานีและเปิดรับนักศึกษาปริญญาโทเพิ่มอีก 1 สาขา คือ สาขายุทธศาสตร์

การพัฒนาและได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่ อรองรับ การเปน็ มหาวทิ ยาลยั พุทธศกั ราช 2546 สถาบนั ได้มีการพฒั นาเพ่อื เตรียมการเป็นมหาวทิ ยาลยั โดยสมบูรณ์ ทั้งในสว่ นของการขยายฐานการจัดการศึกษาเพิ่มขึ้นอีกหลายสาขา ทง้ั ในระดบั ปริญญาตรแี ละระดบั บัณฑติ ศกึ ษา 5 อาคารโรงอาหาร บรรยากาศการเรียนการสอน ภาพ : อาจารยว์ ริ ยิ ะ กลิน่ เสาวคนธ์ 5 มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสรุ าษฎร์ธานี. (2564). แนะนำมหาวทิ ยาลัย. [Online]. เขา้ ถงึ ได้จาก: https://sru.ac.th/university-info-history/#1611038013787-c5a9b1f4-7702 [2564, กมุ ภาพันธ์ 13]

มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี พุทธศักราช 2547 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏ วันท่ี 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2547 และประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 14 มิถุนายน พุทธศักราช 2547 จึงมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พุทธศักราช 2547 เป็นต้นไป ทำให้สถาบันราชภัฏ ทั้ง 41 แห่ง ทั่วประเทศมีสถานภาพเป็น “มหาวิทยาลัยราชภัฏ” เป็นอิสระ และเป็นนิติบุคคลเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ในสังกดั สำนกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

พุทธศักราช 2548 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 6 และมาตรา 11 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พุทธศักราช 2547 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกกฎหมายกระทรวงใหจ้ ัดตั้งสว่ นราชการ ดังนี้ สำนักงานอธิการบดี คณะครุศาสตร์ คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ คณะวิทยาการจดั การ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบนั วจิ ัยและพฒั นา สำนักวทิ ยบรกิ ารและเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนกั ศลิ ปะและวฒั นธรรม สำนกั ส่งเสริมวชิ าการและงานทะเบยี น วทิ ยาลยั นานาชาติการท่องเท่ยี ว สำนกั งานอธกิ ารบดี ในปจั จบุ ัน ภาพ : เว็บไซต์มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สรุ าษฎร์ธานี

พุทธศักราช 2551 มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ดำเนินการ เปิดคณะใหม่ 2 คณะ โดยความเห็นชอบของสภามหาวิทยาลยั คือคณะนิตศิ าสตร์ และคณะพยาบาลศาสตร์และรับนักศึกษาเป็นรุ่นแรก พร้อมทั้งเปิดหลักสูตร อุตสาหกรรมการทอ่ งเที่ยว (ธรุ กิจการบนิ ) หลกั สูตรภาษาอังกฤษ คณะพยาบาลศาสตร์ ภาพ : เวบ็ ไซต์มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สุราษฎร์ธานี คณะนติ ศิ าสตร์ ภาพ : ไตรเพชร พลดี

พุทธศักราช 2553 เปิดการเรียนการสอน สาขาวิชาอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว (ธุรกิจการบิน) ที่วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเปิดสอนในระดับปริญญาเอก หลักสูตรครศุ าสตรดุษฎี บณั ฑติ สาขาวชิ าภาวะผนู้ ำการจัดการศกึ ษา วทิ ยาลยั นานาชาตกิ ารทอ่ งเทยี่ ว อำเภอเกาะสมยุ ภาพ : เวบ็ ไซตม์ หาวิทยาลัยราชภฏั สรุ าษฎร์ธานี พุทธศักราช 2555 มหาวิทยาลัยได้มีการปรับวิสัยทัศน์ จากเดิม เป็น “มหาวิทยาลัยต้นแบบแห่งประชาคมอาเซียน เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น” และพุทธศักราช 2556 มีการกำหนด “นโยบาย 5 สร้าง 3 พัฒนาสู่การเป็น มหาวิทยาลัย 5 มิติ” จัดตั้งสถาบันภาษา เพื่อทำหน้าที่ในการจัดการเรียนการ สอนภาษาตา่ งประเทศ และพฒั นาทกั ษะภาษาองั กฤษให้กับนักศึกษาและบคุ ลากร พุทธศักราช 2556 มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการจัดตั้งโครงการจัดตั้ง ศูนย์อาเซียนศึกษาและพัฒนา เป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคม อาเซียน เพื่อเป็นศนู ยก์ ลางทางการศึกษาและแหลง่ อา้ งองิ ทางวิชาการท่ีเก่ียวข้อง กบั อาเซียนศกึ ษา

พุทธศักราช 2557 มหาวิทยาลัยเปิดหลักสูตรการจัดการภัยพิบัติ และหลักสตู รการจดั การคา้ ปลีก พทุ ธศักราช 2559 มหาวิทยาลยั ได้ดำเนนิ การปดิ ศูนยก์ ารศึกษานอกท่ีตั้ง จังหวัดระนองและคณะวิทยาการจัดการได้ดำเนินการเปิดหลักสูตรธุรกิจ การเกษตรและหลกั สูตรการจัดการธุรกจิ อาหาร พุทธศักราช 2560 มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการย้ายอาคารบรรณราช นครินทร์ (หอสมุดหลังเก่า) และทำพิธีเปิดอาคารหอสมุดและศูนย์สารสนเทศ เฉลมิ พระเกียรติ (หลงั ใหม)่ เมื่อวันท่ี 22 มถิ นุ ายน พุทธศักราช 2560 อาคารหอสมุดและศนู ย์สารสนเทศเฉลิมพระเกียรติ ภาพ : ธติ ิ พิวฒั น์ พทุ ธศักราช 2561 ได้มกี ารปรบั วิสัยทศั น์ จากเดมิ “มหาวทิ ยาลยั ต้นแบบ แห่งประชาคมอาเซียนเพือ่ การพัฒนาท้องถิ่น” เป็น “มหาวิทยาลัยพลังแผ่นดิน สรา้ งแผน่ ดนิ ดว้ ยภมู ิปัญญาให้เปน็ พลงั ภายใตห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง” และปรับอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัย จากเดิม “มุ่งส่วนรวม มีวินัย ใฝ่รู้ สู้งาน” เปลี่ยนเป็น “มีคุณธรรม เลิศล้ำปัญญา จิตอาสา ใฝ่รู้ สู้งาน” และย้ายอาคาร สำนักงานอธิการบดีหลังเก่าและทำพิธีเปิดอาคารสำนักงานอธิการบดีหลังใหม่ เม่ือวันที่ 14 กมุ ภาพนั ธ์ พุทธศกั ราช 2561

เมือ่ วันท่ี 31 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สุราษฎร์ ธานี เปน็ เจา้ ภาพการแขง่ ขนั กีฬาบคุ ลากร สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กีฬา สกอ.) ครั้งที่ 38 “ขุนเลเกมส์” มีสถาบันการศึกษาเข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งสน้ิ 58 สถาบันจากทว่ั ประเทศ การแข่งขันกฬี าบุคลากร ขนุ เลเกมส์ ภาพ : เว็บไซต์มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สรุ าษฎรธ์ านี วันที่ 25 มถิ ุนายน พทุ ธศักราช 2562 ทปี่ ระชมุ สภามหาวทิ ยาลัยราชภัฏ สุราษฎร์ธานี มีมติเลือกผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วัฒนา รัตนพรหม และเสนอ เรื่องเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สรุ าษฎรธ์ านี 6 6 มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี. (2564). แนะนำมหาวิทยาลัย. [Online]. เข้าถึงได้จาก: https://sru.ac.th/university-info-history/#1611038054771-41ec17c1-73d9 [2564, กุมภาพนั ธ์ 13]

สภามหาวิทยาลยั

สภามหาวิทยาลัย พระราชบญั ญัติมหาวทิ ยาลัยราชภัฏพุทธศักราช 2547 มาตรา 16 กำหนดให้ สภามหาวิทยาลัยมีอำนาจและหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการทั่วไปของมหาวิทยาลัย แ ล ะ ก ำ ห น ด ใ ห ้ ม ี อ ำ น า จ ห น ้ า ท ี ่ โ ด ย เ ฉ พ า ะ อ ี ก ห ล า ย ป ร ะ ก า ร แ ล ะ ท ี ่ ส ำ ค ั ญ คื อ อำนาจและหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและอนุมัติแผนพัฒนาของมหาวิทยาลัย การออกกฎระเบียบข้อบังคับของมหาวิทยาลัย การประกันคุณภาพการศึกษา การตดิ ตามผลการดำเนินงานของมหาวิทยาลยั การอนมุ ตั ิงบประมาณรายจ่ายจากเงิน รายไดข้ องมหาวทิ ยาลยั การเสนอเรอื่ งเพอื่ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ แตง่ ต้ังนายกสภา มหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ อธิการบดีศาสตราจารย์ ตลอดจนการแต่งตั้งถอดถอนผู้บริหารของมหาวิทยาลัย อีกทั้งมีอำนาจหน้าท่ี ตามกฎหมายอ่ืน เชน่ พระราชบญั ญตั ิระเบียบขา้ ราชการพลเรอื นในสถาบันอุดมศึกษา เปน็ ตน้ เพือ่ ใหม้ หี น่วยงานท่ีสนบั สนุนสง่ เสริมใหส้ ภามหาวิทยาลยั สามารถปฏบิ ัติหน้าท่ี ให้บรรลเุ ปา้ หมายตามวัตถปุ ระสงค์ในพระราชบัญญตั มิ หาวิทยาลยั ราชภฏั พทุ ธศักราช 2547 ได้อย่างสมบูรณเ์ พม่ิ ประสิทธภิ าพและมีคณุ ภาพ เมือ่ วนั ท่ี 25 ตลุ าคม พุทธศกั ราช 2552 สภามหาวทิ ยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ประชุมคร้ังที่ 10/2552 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการ ศึกษาแนวทางการพัฒนา การดำเนินงานของสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ตามคำสั่งสภามหาวิทยาลัย ราชภัฏสุราษฎร์ธานีที่ 023/2552 ลงวันท่ี 28 ตุลาคม พุทธศักราช 2552 และ คณะกรรมการดังกล่าวได้เสนอให้จัดตั้งสำนักงานสภามหาวิทยาลัย เพื่อทำหน้าที่ ฝ่ายเลขานุการของสภามหาวิทยาลัยและงานอื่น ๆ ที่จำเป็นหรือสภามหาวิทยาลัย มอบหมาย โดยออกเป็นข้อบังคับมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ว่าด้วยสำนักงาน สภามหาวิทยาลัย พุทธศักราช 2554 และสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ในการประชมุ คร้งั ท่ี 1/2554 เม่ือวันท่ี 25 มกราคม พทุ ธศักราช 2554 ไดอ้ อกประกาศ สภามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เรื่องการจัดตั้งและแบ่งส่วนงานของสำนักงาน โดยให้เป็นหนว่ ยงานของมหาวิทยาลัยราชภฏั สรุ าษฎรธ์ านี มีฐานะเทียบเทา่ “กอง” 7 7 มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี สำนักงานสภา. (2557). คู่มือปฏิบัติงาน. สุราษฎร์ธานี : มหาวทิ ยาลัย.

รายนามผดู้ ำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลยั ปีท่ดี ำรงตำแหน่ง ช่อื -สกลุ พทุ ธศกั ราช 2548 - 2551 นายผดุงชาติ สวุ รรณวงศ์ พุทธศกั ราช 2551 - 2553 นายผดุงชาติ สวุ รรณวงศ์ พทุ ธศักราช 2553 - 2555 พุทธศักราช 2555 - 2558 นายวชิ ยั ศรขี วัญ พทุ ธศกั ราช 2558 - 2562 นายวิชัย ศรขี วัญ พทุ ธศกั ราช 2562 - ปจั จบุ ัน นายวิชัย ศรีขวัญ นายวชิ ยั ศรีขวญั นายกสภามหาวิทยาลยั ดร.ผดงุ ชาติ สุวรรณวงศ์ นายวชิ ัย ศรีขวญั ภาพ : เว็บไซต์ มหาวิทยาลัยราชภฏั สรุ าษฎรธ์ านี

บัตรประจำตัวนักศกึ ษา ครยุ วทิ ยฐานะ จากวิทยาลยั ครสู ู่มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั

บตั รประจำตวั นกั ศึกษา บตั รประจำตัวนักศกึ ษา รุ่นที่ 1 วทิ ยาลยั ครูสรุ าษฎร์ธานี ประจำปีพทุ ธศักราช 2519 ภาพ : ปฏทิ นิ บนั ทึก 39 ปี มรส. บตั รประจำตัวนักศึกษา ของวทิ ยาลยั ครูสุราษฎรธ์ านี ประจำปีพุทธศักราช 2536 บตั รประจำตัวนักศึกษา สถาบันราชภัฏสุราษฎร์ธานี ประจำปีพุทธศักราช 2538 บตั รประจำตัวนกั ศกึ ษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏสุราษฎรธ์ านี ประจำปพี ุทธศักราช 2558

ครุยวทิ ยฐานะ ประเทศไทยมแี นวคดิ เก่ียวกับการใชค้ รุยวิทยฐานะในปีพทุ ธศักราช 2457 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชานุญาตให้ผู้สำเร็จ การศึกษาในชั้นบัณฑิต จากโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่ หวั สามารถใชค้ รยุ เพอื่ เป็นเกียรตยิ ศได้ ชุดครุย วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี ชดุ ครยุ สถาบนั ราชภัฏสุราษฎรธ์ านี ภาพ : นางกฤตยิ า รกั สวัสดิ์ ภาพ : นายอนุรกั ษ์ ศรนี าคนลิ ชดุ ครุย มหาวิทยาลยั ราชภัฏสุราษฎร์ธานี ภาพ : นางสาวจันทรจ์ ริ า เครอื สาย