Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ต้นแบบโครงงานสะเต็มศึกษา2

ต้นแบบโครงงานสะเต็มศึกษา2

Published by Thummarat Suebchompoo, 2019-11-11 23:29:18

Description: ต้นแบบโครงงานสะเต็มศึกษา2

Search

Read the Text Version

ต้นแบบโครงงานสะเต็มศึกษา “การพฒั นาความคิด สรา้ งสรรค์” เปน็ หนังสือทจ่ี ดั ทาขนึ้ เพื่อ ใหก้ ารศึกษาเรอื่ งการ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์โดยใชโ้ ครงงานสะเต็มศึกษา ใน นกั เรียนระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 หนงั สอื เล่มนี้ใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั การพัฒนาความคดิ สรา้ งสรรค์ โดยใช้กระบวนการของโครงงานสะเต็มศึกษา กระบวนการพัฒนาความคดิ สรา้ งสรรค์ ตัวอย่างต้นแบบ โครงงาน ทส่ี อดคลอ้ งกบั ความคดิ สรา้ งสรรค์ 4 ดา้ น โดยผู้จัดท ไดเ้ รยี บเรียงเปน็ ลาดบั ข้ันตอนเพอื่ ง่ายตอ่ การศกึ ษา การเขา้ ใจ เพือ่ นาไปประยกุ ตใ์ ช้ได้ ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยงิ่ วา่ หนงั สือต้นแบบโครงงานสะเต็ม ศกึ ษา จะเป็นประโยชน์ต่อผเู้ รยี น และผู้สอน วิชาวทิ ยาสาสตร์ ระดับช้ันประถมศึกษาปที ่ี 5 ผจู้ ดั ทา นายธรรมรตั น์ สบื ชมภู

เรอ่ื ง หนา้ คานา 1 สารบัญ 3 บทนา 4 ขนั้ ตอนการพฒั นาความคดิ สร้างสรรค์ 8 โครงงานต้นแบบท่ี 1 13 โครงงานตน้ แบบท่ี 2 18 โครงงานต้นแบบท่ี 3 โครงงานตน้ แบบที่ 4

ตน้ แบบโครงงานสะเตม็ ศกึ ษา “การพัฒนาความคิดสรา้ งสรรค์ โดยใชโ้ ครงงานสะเตม็ ศกึ ษา” นายธรรมรตั น์ สบื ชมภู ผู้จัดทา ได้ทาการศึกษาเรือ่ ง “การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ โดยใช้ โครงงานสะเตม็ ศึกษา” พบวา่ โครงงานสะเต็มศึกษาเปน็ โครงงานท่นี าความร้แู ละทกั ษะทาง วทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยีและคณิตศาสตรม์ าใชใ้ นการแก้ปญั หาหรอื สนองความต้องการที่เช่อื มโยงกบั ชีวิต จริงโดยผ่านกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมเพอ่ื ใหไ้ ด้ผลลพั ธ์ซึง่ อาจเป็นชน้ิ งานหรือวิธีการที่สามารถ นามาใชไ้ ด้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยใชท้ รัพยากรทม่ี ีอย่ใู หค้ มุ้ ค่าและเกดิ ประโยชน์สูงสดุ และ ทาให้เกิด ความคดิ สร้างสรรคไ์ ด้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เพราะข้ันตอนของโครงงานสะเต็มเนน้ ข้นั ตอนการแก้ไขปัญหา อย่างเป็นระบบทาใหน้ ักเรยี นได้ คิดแกไ้ ขปญั หาอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละบรรลคุ วามต้องการ ในการทา โครงงาน กระบวนการทาโครงงานสะเตม็ ซ่ึงมี 6 ขน้ั ตอน ดงั ต่อไปน้ี 1) ระบปุ ัญหา(Problem Identification) 2) รวบรวมข้อมูลและแนวคดิ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับปัญหา (Related Information Search) 3) ออกแบบวิธกี ารแก้ปัญหา (Solution Design) 4) วางแผนและดาเนินการแกป้ ญั หา(Planning and Development) 6) นาเสนอวิธีการแกป้ ญั หา ผลการแก้ปญั หาหรือช้นิ งาน (Presentation) เพอื่ การแก้ไขปญั หาโครงงานได้อยา่ งสร้างสรรค์ ผจู้ ัดทาไดน้ าขนั้ ตอนการแกไ้ ขปญั หาอยา่ ง สรา้ งสรรค์ โดยขน้ั ตอนการแกป้ ญั หาอย่างสร้างสรรค์ CREATIVE PROBLEM SOLVING (CPS) มี ข้นั ตอนดังนี้ ขน้ั ที่ 1 การเขา้ ถึงปัญหา ขน้ั ที่ 2 การคิดวธิ กี ารแกป้ ญั หา ขัน้ ท่ี 3 การเลือกและเตรียมการ ขั้นที่ 4 การวางแผนการแกป้ ัญหา ข้นั ที่ 5 การลงมอื ปฏบิ ัติ

ผู้วิจัยจึงนาขนั้ ตอนการการทาโครงงานสะเตม็ และ ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ นามาประยกุ ต์เขา้ ด้วยกัน เป็น “ขัน้ ตอนการพฒั นาความคดิ สร้างสรรค์ โดยการใช้โครงงานสะเต็ม” ดงั นี้ 1) ระบปุ ญั หา(Problem Identification) ขนั้ ท่ี 2 การคิดวธิ กี ารแกป้ ัญหา ขัน้ ที่ 1 การเขา้ ถึงปัญหา ข้นั ท่ี 4 การวางแผนการแก้ปญั หา ขนั้ ที่ 3 การเลอื กและเตรียมการ ขัน้ ท่ี 5 การลงมอื ปฏิบตั ิ 2) รวบรวมขอ้ มลู และแนวคิดทีเ่ กีย่ วข้องกับปัญหา (Related Information Search) 3) ออกแบบวธิ กี ารแกป้ ัญหา (Solution Design) 4) วางแผนและดาเนินการแกป้ ญั หา(Planning and Development) 5) นาเสนอวิธกี ารแกป้ ญั หา ผลการแก้ปญั หาหรือช้นิ งาน (Presentation) เพื่อใหเ้ กิดความคิดสร้างสรรคอ์ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพของนกั เรียน โครงงานสะเตม็ ศึกษา ตอ้ ง สอดคล้องกับความคดิ สรา้ งสรรคท์ ั้ง 4 ด้าน คนทม่ี คี วามคดิ รเิ รม่ิ (Originality) คือ มีความคดิ ที่แปลกใหมต่ า่ งจากความคดิ ธรรมดาของคนทั่วไป มคี วามคดิ ยดื หยนุ่ (Flexibility) คือ มคี วามสามารถในการคดิ หาคาตอบได้หลายทิศทางหลายแงห่ ลาย มุม มคี วามคดิ คลอ่ งแคลว่ (Fluency) คอื สามารถคิดหาคาตอบได้อย่างคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว รวดเรว็ และได้ คาตอบมากท่สี ุดในเวลาที่จากัด มคี วามคดิ ละเอยี ดลออ (Elaboration) คอื การคดิ ได้ในรายละเอยี ดเพื่อขยายหรือตกแตง่ ความคิดหลกั ให้ไดค้ วามหมายท่ีสมบูรณย์ ่ิงขน้ึ ผู้จัดทาจงึ ทาตน้ แบบโครงงานสะเตม็ 4 โครงงาน เพือ่ ให้สอดคลอ้ งกบั ความคดิ สรา้ งสรรค์ ทั้ง 4 ดา้ น เพือ่ เปน็ ต้นแบบและแนวทางให้กบั นกั เรยี นท่ีจะทาโครงงานสะเตม็ วชิ าวิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปี ท่ี 5



โครงงานที่ 1 สอดคลอ้ งกบั ความคดิ สรา้ งสรรค์ ดา้ นท่ี 1 คนทีม่ คี วามคดิ รเิ รม่ิ (Originality) คอื มีความคดิ ทแี่ ปลกใหม่ ตา่ งจากความคดิ ธรรมดาของคนทว่ั ไป ขนั้ ตอนการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ โดยการสอนแบบโครงงานสะเตม็ 1) ระบปุ ญั หา(Problem Identification) ขนั้ ท่ี 1 การเขา้ ถงึ ปญั หา ปัญหาส่ิงแวดล้อม อันตรายจากพลาสติก และปญั หาภาวะโลกร้อน ขน้ั ที่ 2 การคดิ วธิ กี ารแกป้ ญั หา ค้นหาอปุ กรณท์ ดแทนกระถางต้นไมพ้ ลาสติก ขนั้ ที่ 3 การเลอื กและเตรยี มการ คน้ หาอุปกรณ์ทดแทนการใช้พลาสติกในการทากระถางต้นไม้ เช่น ฟางขา้ ว กากมะพร้าว หญ้า แห้ง ขนั้ ที่ 4 การวางแผนการแก้ปญั หา วางแผนและหาวธิ ีการทากระถางต้นไมจ้ ากวสั ดธุ รรมชาติ ขนั้ ที่ 5 การลงมอื ปฏบิ ตั ิ เขียนแผนการคดิ สรา้ งสรรค์ออกมาเป็นแผนงานในการทางานออกมาเป็นขน้ั ตอน ทาขนึ้ เพอ่ื ประดิษฐก์ ระถางตน้ ไม้จากธรรมชาติ เพ่ือเปน็ การลดปัญหาโลกรอ้ น ซึง่ กระถางตน้ ไม้ จากธรรมจะชว่ ยลดค่าใชจ้ ่ายในการซื้อกระถางตน้ ไม้พลาสตกิ ซงึ่ กระถางตน้ ไม้แบบพลาสติกจะทาให้ เกดิ ภาวะโลกร้อน

2) รวบรวมข้อมูลและแนวคิดทเี่ ก่ียวข้องกบั ปญั หา (Related Information Search) กระถางตน้ ไม้จากธรรมชาติ ซงึ่ เป็นเรื่องทส่ี าคัญตอ่ ชวี ติ ประจาวนั ของมนษุ ย์ทุกคน ในโครงงาน วทิ ยาศาสตร์ เร่ือง กระถางต้นไมท้ ท่ี าจากธรรมชาติ ที่ได้ศึกษามาน้นั มสี ่ิงทีจ่ าเป็นตอ่ โลกและมนุษย์ เช่นการลดภาวะโลกร้อนโดยวธิ ีทกี ารกาจัดกระถางต้นไมไ้ ด้ปลอดภยั กว่ากระถางที่ทาจากพลาสติก ไมท่ าใหเ้ กิดแก็สพษิ ในอากาศขณะทที่ าลาย สง่ิ ทีน่ ามาทดลองมี 2 ประเภท คือ กากมะพร้าว และ หญ้าแห้ง วัสดธุ รรมชาติพวกนี้ มีประโยชนต์ ่อมนษุ ยไ์ ดอ้ กี มากมาย คือ สามารถนามาประดษิ ฐเ์ ปน็ เครอ่ื งมือการเกษตรได้ และยังสามารถใชเ้ ป็นป๋ยุ ตกแต่งสวนให้สวยงาม ชว่ ยทาใหด้ ินอุ้มนา้ ไดด้ ีข้ึน และช่วยใหพ้ ชื ท่ีปลูกไว้มีความเจริญเติบโตไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์ ความสาคญั ของวสั ดุธรรมชาติ กากมะพร้าวและหญา้ แห้งเปน็ ที่นา่ สนใจทีท่ าใหอ้ ยากทราบวา่ กระถางตน้ ไมท้ ่ที าจากกากมะพรา้ ว และกระถางตน้ ไม้ทท่ี าจากหญ้าแหง้ น้ัน กระถางตน้ ไม้แบบใดจะ มคี วามคงทน การอุ้มนา้ ได้มากวา่ เราจึงได้จัดทาโครงงานน้ขี ้ึนมา เพื่อศึกษาคน้ ควา้ และทาการ ทดลอง

3) ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา (Solution Design) จดุ มงุ่ หมายการศกึ ษา 1. ศกึ ษาความสาคัญของวสั ดุธรรมชาติที่อยรู่ อบๆตวั เรา 2. เพือ่ ทดลองวา่ กระถางต้นไมแ้ บบใดทส่ี ามารถนามาใช้ไดจ้ รงิ และมปี ระสทิ ธิภาพมากกวา่ กัน 3. เพอ่ื ลดกาวะโลกร้อน ลดและแกส็ พษิ ท่อี ยูใ่ นอากาศ ออกแบบการทดลอง • ออกแบบกระถางต้นไม้ โดยใชก้ ระถางต้นไมด้ ินเผาเปน็ แม่พมิ พ์ • หาข้อมูลการทากระถางต้นไมจ้ ากอินเตอร์เนต็ • ออกแบบขั้นตอนการทากระถางต้นไม้ • เตรียมอปุ กรณ์การทา ตวั แปรตน้ 1. กากมะพร้าว 2. หญ้าแหง้ ตวั แปรตาม ปริมาณแป้งเปียก ตวั แปรควบคมุ 1. แปง้ เปยี ก 2. ปรมิ าณกากมะพรา้ วกบั หญา้ 3.ปริมาณน้าท่ผี สมในแป้งเปยี ก อปุ กรณก์ ารทา 1. หญา้ 2. กากมะพร้าว 3. แปง้ เปียก 4. กระถางต้นไม้ดนิ เผาขนาดต่างกัน (เปน็ แม่พมิ พ์)

4) วางแผนและดาเนนิ การแกป้ ัญหา(Planning and Development) สมมตุ ฐิ าน กระถางต้นไมท้ ีท่ าจากกากมะพรา้ วทนทานกว่ากระถางตน้ ไมท้ ่ที าจากกระถางท่ที าจาก กระถางตน้ ไม้ท่ที าจากหญ้า วธิ กี ารทดลอง 1. นากากมะพรา้ วมาผสมกบั แปง้ เปียก 2. ใชม้ ือนวดแปง้ เปียกกบั กากมะพร้าวให้เข้ากนั 3. นาแป้งเปยี กทผ่ี สมกบั กากมะพรา้ วมาใส่ในกระถางตน้ ไม้พลาสติกที่เตรียมไว้ 4. กดแป้งเปียกทผี่ สมกบั กากมะพร้าวท่อี ยู่ในกระถางให้แน่น 5. นากระถางพลาสตกิ อีกใบมากดทีบ่ นตรงกลางกระถางใหเ้ ป็นหลุมตรงกลางแล้วท้งิ ไวใ้ หแ้ ห้ง 6. คอ่ ยๆแกะกากมะพร้าวท่ีผสมกับแป้งเปียกออกอยา่ งเบามอื แลว้ ท้ิงไว้ใหแ้ หง้ ประมาณ 2-3 วนั หรือจนกว่าจะแหง้ สนทิ 5) นาเสนอวธิ กี ารแกป้ ญั หา ผลการแกป้ ญั หาหรือชิน้ งาน (Presentation) 1. นกั เรียนนาเสนอชนิ้ งานในงาน “STEM Project Fair”

โครงงานท่ี 2 สอดคลอ้ งกบั ความคดิ สรา้ งสรรค์ ดา้ นที่ 2 มคี วามคดิ ยดื หยนุ่ (Flexibility) คอื มคี วามสามารถในการคดิ หาคาตอบไดห้ ลายทศิ ทางหลายแงห่ ลายมมุ ขนั้ ตอนการพัฒนาความคดิ สรา้ งสรรค์ โดยการสอนแบบโครงงานสะเต็ม 1) ระบุปญั หา(Problem Identification) ขนั้ ท่ี 1 การเขา้ ถงึ ปญั หา ปัญหาสิง่ แวดล้อม อันตรายจากพลาสติก และการลดปัญหาขยะพลาสติก ขน้ั ที่ 2 การคดิ วธิ กี ารแกป้ ญั หา คดิ สร้างสรรค์ และ ออกแบบการนาขวดน้าพลาสตกิ ไปใช้ประโยชน์ ขน้ั ท่ี 3 การเลอื กและเตรยี มการ เลือกแบบท่ีจะสร้าง และออกแบบวิธีการสรา้ ง ขน้ั ที่ 4 การวางแผนการแกป้ ญั หา วางแผนวธิ กี ารสร้างสรรคเ์ ก้าอี้จากขวด ขนั้ ท่ี 5 การลงมอื ปฏบิ ตั ิ เขยี นแผนการคิดสรา้ งสรรค์ออกมาเปน็ แผนงานในการทางานออกมาเปน็ ข้นั ตอน ปจั จุบัน วิทยาการก้าวหนา้ ประชากรเพิ่มอย่างรวดเร็ว อตั ราการใช้ที่ดินเพม่ิ ขน้ึ เพื่อผลติ เครอื่ งอุปโภค บริโภค อาหาร ที่อยอู่ าศยั เปน็ เหตใุ ห้เศษส่ิงเหลือใชม้ ปี ริมาณมากข้นึ ก่อใหเ้ กดิ ปัญหาของขยะมูลฝอย ขยะ หรือ มลู ฝอย หรือของเสยี เปน็ เหตสุ าคัญประการหน่ึงท่กี ่อใหเ้ กิดปญั หาส่ิงแวดลอ้ มและมีผลต่อ สขุ ภาพอนามัย มลู ฝอยหรือของเสยี กาลงั มีปรมิ าณเพมิ่ มากขน้ึ ทกุ ปี เพราะสาเหตุจากการเพิม่ ของ ประชากรการขยายตัวทางเศรษฐกิจและทางอุตสาหกรรม นับเปน็ ปญั หาทส่ี าคัญของชมุ ชน ซงึ่ ตอ้ งจัดการ และแกไ้ ข ปรมิ าณกากของเสียและสารอันตราย ได้แก่ ขยะมูลฝอย สิ่งปฏกิ ูล และสารพษิ ทปี่ นเป้อื นอยู่ ในแหล่งนา้ ดิน และอากาศ ตลอดจนบางสว่ นตกคา้ งอยใู่ นอาหาร ทาใหป้ ระชาชนทว่ั ไป เส่ียงต่อ อันตรายจากการเปน็ โรคตา่ งๆ เชน่ โรคมะเรง็ และ โรคผดิ ปกติทางพนั ธุกรรม

2) รวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกีย่ วขอ้ งกบั ปัญหา (Related Information Search) ในโรงเรยี น เม่ือพักกลางวนั และหลังเลกิ เรยี น นกั เรยี นส่วนมากมกั จะเขา้ สหกรณ์ และตามรา้ นค้า ตา่ งๆ ภายในโรงอาหาร เพือ่ ท่จี ะซือ้ ขนม นม นา้ บะหมกี่ ึ่งสาเรจ็ รปู และของอื่นๆ เมือ่ กินเสรจ็ นักเรยี นจะ ทิ้งขยะ ทาให้เกดิ ปัญหาขยะล้นถงั โดยที่ขยะพวกนั้น ไม่กอ่ ประโยชน์อะไรเลย ทางคณะผู้จดั ทาจึงคิดท่จี ะ ลดขยะดว้ ยการนากลับไปใช้ใหม่อีกครั้ง ด้วยการทาโครงงานช้นิ นีค้ ือ การทาเกา้ อ้ขี วด เพ่ือช่วยลดขยะ ภายในโรงเรยี นและเปน็ ประโยชนต์ อ่ การใช้งานอีกด้วย ซ่ึงทางคณะผู้จดั ทาได้กาหนดขวดทม่ี ีลักษณะของ กน้ ขวด เป็นเหมือนปุ่ม เพื่อความสวยงามและนา่ ใช้จงึ เลอื กสขี องขวดเป็นสโี ทนเดียวกนั และได้เลือกขวดท่ี มคี วามแข็งเพื่อทจ่ี ะสามารถรองรบั น้าหนกั ของผทู้ นี่ ั่งได้ การทาโครงงานเรอ่ื งเก้าอ้ีขวดนี้ ไมเ่ พยี งแตช่ ว่ ย ลดขยะภายในโรงเรียนหรือเพือ่ ตกแตง่ ภายในบา้ นเท่านัน้ แตย่ งั สามารถเป็นเครอ่ื งช่วยใหผ้ ้ทู ่นี งั่ นัน้ ผ่อน คลายได้อกี ดว้ ย เน่อื งจากลกั ษณะของกน้ ขวดท่ที างคณะผู้จัดทาไดอ้ อกแบบข้ึนนัน้ เปน็ ปุ่มขนาดเล็ก ซง่ึ จะ เป็นตัวช่วยในการผอ่ นคลายใหแ้ กผ่ ูท้ น่ี ่งั หรือให้เก้าอี้สาหรับนอนพกั ผอ่ นไดอ้ ีกด้วย จากปญั หาดังกลา่ วทางคณะผู้จดั ทาจงึ ไดท้ าการประดิษฐเ์ ก้าอขี้ วดขึ้น เพื่อตอ้ งการทจี่ ะลดขยะภายใน โรงเรียนและเพ่ือนาขยะนน้ั ไปประยุกต์ใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ ซง่ึ การเลอื กเกา้ อข้ี วดน้ไี ดเ้ ปน็ สง่ิ ประดษิ ฐ์ที่ สามารถแกป้ ัญหาขยะภายในโรงเรยี นได้ และยงั สามารถนาไปตอ่ ยอดในการทาเป็นเฟอรน์ เิ จอรต์ กแตง่ บ้านไดอ้ ีกด้วย

3) ออกแบบวธิ ีการแก้ปัญหา (Solution Design) จดุ มงุ่ หมายการศกึ ษา 1 เพื่อลดขยะภายในโรงเรยี น 2 เพ่ือเสริมสรา้ งทกั ษะกระบวนการเรียนรู้ในการทางานคนเดียว 3 เพอื่ ให้เกดิ ความคดิ สรา้ งสรรค์ในการทางาน 4 เพอื่ ให้นกั เรียนได้ทาการทดลองและแกไ้ ข จนประสบความสาเรจ็ ในการทาโครงงาน ออกแบบการทดลอง • ออกแบบเกา้ อใี้ หน้ ่าใช้และทนั สมยั • หาข้อมูลขวดน้าขนาดตา่ ง จากอนิ เตอร์เนต็ • หาขวดน้าขนาดที่รบั น้าหนักไดด้ ีที่สดุ • เตรียมอปุ กรณ์การทา ตวั แปรตน้ ขวดนา้ ตวั แปรตาม น้าหนักที่เก้าอขี้ วดน้ารองรับได้ ตวั แปรควบคมุ จานวนขวด อุปกรณก์ ารทา 1. ขวดพลาสติก 2. เหลก็ เสน้ 3. เหล็กกลวงเหล่ียม 4. เหล็กเช่อื ม 5. เคร่ืองเชื่อมเหลก็ 6. คีม 7. กาวแทง่ 8. ปืนยิงกาว

4) วางแผนและดาเนินการแกป้ ญั หา(Planning and Development) สมมตุ ฐิ าน ขวดพลาสติกมีการแปรสภาพและนาไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั ไดอ้ ย่างหลากหลายในการนาไป ประยกุ ตเ์ ป็นขา้ วของเครื่องใชต้ ่างๆ วธิ กี ารทดลอง ครงั้ ท่ี 1 1. กาหนดระยะหา่ งของขวด 4 ซม. 2. ความยาวของเหลก็ เส้นเท่ากบั 150 ซม. 3. สว่ นสูงระหว่างพน้ื กับเก้าอ้ี ประมาณ 30-40 ซม. 4. เชื่อมเหล็กตามแบบทกี่ าหนดไว้ 5. ลองใส่ขวดว่ามีขอ้ บกพร่องอะไรบา้ ง 6. ทดลองน่ังว่าสามารถรบั นา้ หนักได้ตามทก่ี าหนดไว้ได้หรือไม่ ครง้ั ที่ 2 1. นาขวดนา้ ทเี่ ราตอ้ งการมาล้างใหส้ ะอาดแล้วตากให้แห้ง 2. วัดเหล็กยาวขนาด 63 เซนตเิ มตร แลว้ ตดั ให้ครบ 14 เส้น 3. วดั ขนาดระยะห่างของเหล็กแตล่ ะเสน้ 4 เซนตเิ มตร เพอ่ื ให้เท่ากับขนาดของขวด 4. เช่ือมเหล็กให้เป็นรปู ตะแกงตามยาว 5. ดดั เหลก็ ใหไ้ ดข้ นาดเท่าทเ่ี ราตอ้ งการเพ่ือท่ีจะทาฐานรอง 6. ลองนาขวดมาใสด่ วู า่ มีขนาดเปน็ อยา่ งไร 7. ปรับปรงุ ขนาดของเหลก็ ที่ทาโครง

ครง้ั ที่ 3 ไดน้ าการทดลองท้ังสองอย่างมาปรบั เปลี่ยนเพื่อเกดิ ประโยชนส์ งู สุดของการทาโครงงาน มีการ แก้ไขแบบเลก็ น้อย เพอื่ ทจี่ ะสามารถรับนา้ หนัก ตามทไี่ ดก้ าหนดไว้ 1.ใส่ขวดในโครงของการทดลองคร้งั แรก 2.นาลวดมายึดกับขวดเพอ่ื ไมใ่ ห้ขวดขยับหรือหลดุ ลงจากช่องตะแกง 3.ตดิ ดว้ ยกาวยงิ เพือ่ ยึดใหเ้ หล็กกบั ขวดตดิ แน่นกันยง่ิ ข้ึน 5) นาเสนอวธิ กี ารแกป้ ัญหา ผลการแก้ปญั หาหรือชิน้ งาน (Presentation) 1. นักเรยี นนาเสนอชน้ิ งานในงาน “STEM Project Fair”

โครงงานท่ี 3 สอดคลอ้ งกบั ความคดิ สรา้ งสรรค์ ดา้ นท่ี 3 มีความคดิ คลอ่ งแคลว่ (Fluency) คอื สามารถคดิ หาคาตอบได้ อยา่ งคลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว รวดเรว็ และไดค้ าตอบมากทสี่ ดุ ในเวลาทจ่ี ากดั ขน้ั ตอนการพฒั นาความคดิ สรา้ งสรรค์ โดยการสอนแบบโครงงานสะเตม็ 1) ระบุปญั หา(Problem Identification) ขนั้ ท่ี 1 การเขา้ ถงึ ปญั หา ปัญหาสิง่ แวดล้อมและปัญหาขยะประเภทกระดาษลัง ขน้ั ท่ี 2 การคดิ วธิ กี ารแกป้ ญั หา นาขยะประเภทกระดาษลังนามาประดษิ ฐส์ ่งิ ของตา่ งๆ ขน้ั ที่ 3 การเลอื กและเตรยี มการ ออกแบบ ของใช้ ของเล่นหรือ ส่งิ ของตา่ งๆ ทสี่ ามารถนากระดาษลงั ประดษิ ฐไ์ ด้ ขน้ั ที่ 4 การวางแผนการแกป้ ญั หา คัดเลอื กส่ิงของทส่ี ามารถประดษิ ฐด์ ้วยกระดาษลงั ได้จรงิ ขน้ั ท่ี 5 การลงมอื ปฏบิ ตั ิ เขียนแผนการคิดสรา้ งสรรค์ออกมาเป็นแผนงานในการทางานออกมาเปน็ ข้ันตอน ทาข้นึ เพอ่ื ประดษิ ฐ์สงิ่ ของจากกระดาษลงั เพอื่ เปน็ การลดปัญหาโลกร้อน ซงึ่ กระดาษลงั สามารถ นามาใชไ้ ด้ไมค่ งทน และ ใชป้ ระโยชน์ได้จานวนนอ้ งครั้ง ทาใหก้ ารใชป้ ระโยชน์จากขยะประเภทนี้ได้น้อง ซงึ่ ผปู้ ระดิษฐ์จะนากระดาษลงั นามาประดษิ ฐใ์ หเ้ กิดประโยชนส์ ูงทส่ี ดุ

2) รวบรวมข้อมูลและแนวคิดทเ่ี ก่ียวข้องกบั ปัญหา (Related Information Search) ในบ้านคณุ แมซ่ ้อื ตู้เยน็ เคร่ืองใหม่ จึงทาใหม้ ขี ยะประเภทกระดาษลงั ทไี่ มไ่ ด้มคี วามคงทนแขง็ แรง มาก จงึ คิดจะประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือของเลน่ ที่มขี นาดเลก็ จะได้ทม่ี ีความแขง็ เพ่ือทีจ่ ะสามารถใช้ เคร่อื งใชไ้ ดน้ านขยขิ่ น้ึ การทาโครงงานเรื่องเครอ่ื งแยกเหรยี ญอจั ฉรยิ ะ ไม่เพียงแต่ชว่ ยลดขยะ ภายในบา้ นหรือเพอ่ื ตกแตง่ ภายในบ้านและใช้ประโยชนไ์ ด้เทา่ นั้น แตย่ งั สามารถเปน็ เคร่อื งชว่ ยให้ผใู้ ช้ สามารถสนกุ สนานกบั การออมเงินไดม้ ากขนึ้ จากปญั หาดงั กลา่ วทางคณะผจู้ ดั ทาจึงได้ทาการประดษิ ฐเ์ คร่อื งแยกเหรยี ญอัจฉริยะ เพื่อ ต้องการท่จี ะลดขยะภายในบา้ นและเพ่ือนาขยะน้นั ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ ซ่งึ การเลือกเครอื่ ง แยกเหรียญอจั ฉริยะ นไี้ ดเ้ ปน็ ส่งิ ประดษิ ฐท์ สี่ ามารถแก้ปญั หาขยะภายในบ้านได้ และยงั สามารถนาไป ต่อยอดในการออมเงนิ ไดอ้ กี ด้วย

3) ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา (Solution Design) จดุ มงุ่ หมายการศกึ ษา 1 เพื่อลดขยะภายบา้ น 2 เพอื่ เสรมิ สรา้ งทักษะกระบวนการเรียนรู้ในการทางานคนเดยี ว 3 เพื่อใหเ้ กดิ ความคดิ สรา้ งสรรค์ในการทางาน 4 เพ่ือใหน้ กั เรยี นไดท้ าการทดลองและแก้ไข จนประสบความสาเรจ็ ในการทาโครงงาน ออกแบบการทดลอง • ออกแบบเครื่องแยกเหรียญอจั ฉริยะ • หาขอ้ มลู การทาเคร่ืองแยกเหรียญอัจฉรยิ ะจากอนิ เตอร์เนต็ • ออกแบบขั้นตอนการทาเครือ่ งแยกเหรียญอจั ฉรยิ ะ • เตรยี มอุปกรณก์ ารทา ตวั แปรตน้ ขนาดช่องแต่ละเหรยี ญ ตวั แปรตาม ขนาดของเหรยี ญขนาดชอ่ ง ตวั แปรควบคมุ - อุปกรณก์ ารทา 1.กระดาษลงั 2.คัตเตอร์ 3.กาวรอ้ น

4) วางแผนและดาเนนิ การแกป้ ญั หา(Planning and Development) สมมตุ ฐิ าน กระดาษลังสามารถทาเคร่ืองแยกเหรยี ญอจั ฉรยิ ะได้แขง็ แรงและคงทน วธิ กี ารประดษิ ฐ์ 1.วาดแบบลงบนแผ่นกระดาษลัง แล้วตัดตามแบบเลยโดยเว้นขอบ 5 mm. อีกฝงั่ จะเปน็ 5mm. 2ช่อง ขนาดชอ่ งเหรยี ญ - 1 บาท กว้าง 4 cm ยาว 1.5 cm - 2 บาท กว้าง 4 cm ยาว 1.7 cm - 5 บาท กวา้ ง 4 cm ยาว 1.9 cm ขนาดเวน้ ระหว่างช่องๆละ 2 cm ความยาวท้ังหมด 23 cm เว้นขอบด้านยาว 5 mm อีกฝั่ง 5 mm 2 ชอ่ ง 2.ตัดตัวปิดขอบขนาดตามใจชอบ แต่ความกวา้ งเท่ากับตัวแยกเหรียญ แลว้ ทาการตดิ กาวให้ เรยี บรอ้ ย ขนาดตัวปดิ ขอบ ยาว 3 cm กวา้ ง 23 cm 3.ตัดกระดาษลังใหเ้ ป็นทรงกล่องส่ีเหลีย่ ม ดไี ซนต์ รงนี้ตามใจชอบครับเพือ่ ท่จี ะเอาไว้ใส่เหรียญท่ี หล่นลงมา เม่อื ตัดเสรจ็ กป็ ระกอบใหเ้ ป็นกลอ่ งใหเ้ รียบร้อยครบั โดยจะมดี า้ นนึงท่ีสูงกวา่ ปกตเิ พือ่ ทจ่ี ะ เอาไว้ตดิ กล่องแยกเหรียญ 4.นาแผ่นกระดาษลงั ท่ีเหลอื ช้นิ เล็กๆ ตัดมาแปะท่ีขา้ งตวั กล่องแยกเหรยี ญเพ่อื ทีจ่ ะทาใหเ้ หรยี ญ เอยี งไปทางท่มี ีชอ่ งว่าง 5.นาไปตดิ กับตวั กลอ่ งท่ที าไวโ้ ดยติดให้กลอ่ งแยกเหรยี ญเอยี งลงไปทางเหรียญใหญ่ เพอื่ ให้ เหรียญตกถกู ช่องครับ

6.ตัดกระดาษลงั ไวข้ ้ันช่องที่เหรยี ญหล่น แลว้ ตดิ กาวให้เรยี บร้อย 7.ตัดกระดาษหลังไวข้ ้นั บรเิ วณปากช่องที่เหรียญจะหล่นครับ ตดิ กาวใหเ้ รยี บรอ้ ย 8.ตัดกระดาษหลงั มาทาเป็นตัวทาใหเ้ หรียญไหลไปขา้ งหน้า 9.ทดลองการแยกเหรียญ เม่อื โอเคแลว้ กต็ ดั กระดาษลงั ประกอบ ปดิ สว่ นกลอ่ งแยกเหรียญ 10.ประกอบเรียบร้อยกเ็ ขยี นตัวเลขกากับไว้ครับว่าชอ่ งไหนเป็นเหรียญอะไร 5) นาเสนอวิธกี ารแกป้ ญั หา ผลการแกป้ ัญหาหรอื ชน้ิ งาน (Presentation) 1. นกั เรยี นนาเสนอชน้ิ งานในงาน “STEM Project Fair”

โครงงานท่ี 4 สอดคลอ้ งกบั ความคดิ สรา้ งสรรค์ ด้านที่ 4 มคี วามคิดละเอยี ดลออ (Elaboration) คอื การคดิ ไดใ้ นรายละเอยี ดเพอื่ ขยายหรอื ตกแตง่ ความคดิ หลกั ใหไ้ ด้ความหมายทส่ี มบรู ณย์ ง่ิ ขนึ้ ขัน้ ตอนการพัฒนาความคดิ สร้างสรรค์ โดยการสอนแบบโครงงานสะเตม็ 1. ระบปุ ัญหา(Problem Identification) ขนั้ ที่ 1 การเขา้ ถงึ ปญั หา ปัญหาสิ่งแวดล้อม อนั ตรายจากพลาสตกิ และปญั หาภาวะโลกรอ้ น ขนั้ ที่ 2 การคดิ วธิ กี ารแกป้ ญั หา ค้นหาอปุ กรณห์ รอื ส่ิงของที่สามารถประดิษฐ์ดว้ ยขวดนา้ พลาสติกได้ ขน้ั ที่ 3 การเลอื กและเตรยี มการ ค้นหาอปุ กรณท์ กี่ ารใชพ้ ลาสตกิ อย่างขวดนา้ ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู ท่สี ุด ขน้ั ที่ 4 การวางแผนการแกป้ ญั หา วางแผนและหาวธิ กี ารทาสงิ่ ของเครอื่ งใช้จากขวดน้าพลาสติก ขนั้ ท่ี 5 การลงมอื ปฏบิ ตั ิ เขียนแผนการคิดสรา้ งสรรค์ออกมาเป็นแผนงานในการทางานออกมาเป็นขนั้ ตอน ทาขนึ้ เพือ่ ประดิษฐส์ ่งิ ของจากขวดนา้ พลาสติก เพื่อเปน็ การลดปัญหาโลกรอ้ น ซง่ึ ขวดน้า พลาสติก สามารถนามาใชไ้ ด้คงทน และ ใช้ประโยชนไ์ ดจ้ านวนหลายครง้ั ทาให้การใช้ประโยชน์ จากขยะประเภทนีไ้ ด้ ซง่ึ ผู้ประดิษฐจ์ ะนาขวดน้าพลาสติกนามาประดิษฐใ์ หเ้ กดิ ประโยชนส์ งู ทส่ี ุด

2. รวบรวมข้อมลู และแนวคิดที่เก่ียวขอ้ งกับปญั หา (Related Information Search) ในโรงเรยี น เมื่อพักกลางวนั และหลังเลกิ เรยี น นกั เรยี นส่วนมากมกั จะเขา้ สหกรณ์ และตาม ร้านค้าต่างๆ ภายในโรงอาหาร เพอ่ื ท่ีจะซ้ือขนม นม น้า บะหมก่ี งึ่ สาเร็จรปู และของอ่นื ๆ เมื่อกนิ เสรจ็ นกั เรยี นจะท้งิ ขยะ ทาใหเ้ กดิ ปัญหาขยะลน้ ถงั โดยทขี่ ยะพวกน้ัน ไมก่ ่อประโยชน์อะไรเลย ทางคณะ ผู้จดั ทาจงึ คิดที่จะลดขยะดว้ ยการนากลบั ไปใช้ใหมอ่ ีกคร้ัง ด้วยการทาโครงงานช้นิ นคี้ อื เครือ่ งดดู ฝ่นุ จากขวดน้าพลาสติก เพอื่ ชว่ ยลดขยะภายในโรงเรียนและเปน็ ประโยชนต์ อ่ การใช้งานอกี ด้วย ซงึ่ ทาง คณะผู้จัดทาไดก้ าหนดขวดที่มลี กั ษณะของก้นขวด เปน็ เหมอื นปมุ่ เพอ่ื ความสวยงามและนา่ ใช้ และได้ เลือกขวดที่มคี วามแขง็ เพื่อท่จี ะสามารถใช้งานได้คงทน การทาโครงงานเร่อื งเกา้ อี้ขวดนี้ ไม่เพยี งแต่ ชว่ ยลดขยะภายในโรงเรยี นหรือเพือ่ ทาความสะอาดบ้านเท่านนั้ แตย่ ังสามารถประหยัดเงนิ ไดอ้ ีกด้วย จากปญั หาดังกล่าวทางคณะผูจ้ ดั ทาจงึ ได้ทาเครอื่ งดูดฝุ่นจากขวดนา้ พลาสตกิ ขนึ้ เพอ่ื ต้องการที่ จะลดขยะภายในโรงเรียนและเพอื่ นาขยะนั้นไปประยุกต์ใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ ซึง่ การเลือกเก้าอขี้ วดนไี้ ด้ เปน็ สงิ่ ประดิษฐท์ ่ีสามารถแกป้ ญั หาขยะภายในโรงเรียนได้ และยังสามารถนาไปตอ่ ยอดในการทา เป็นเครื่องทาความสะอาดบา้ นไดอ้ กี ดว้ ย

3. ออกแบบวิธกี ารแก้ปัญหา (Solution Design) จดุ มงุ่ หมายการศกึ ษา 1 เพือ่ ลดขยะภายในโรงเรยี น 2 เพือ่ เสริมสรา้ งทกั ษะกระบวนการเรียนรใู้ นการทางานเดี่ยว 3 เพือ่ ให้เกดิ ความคิดสร้างสรรคใ์ นการทางาน 4 เพื่อให้นกั เรียนได้ทาการทดลองและแกไ้ ข จนประสบความสาเรจ็ ในการทาโครงงาน ออกแบบการทดลอง • ออกแบบเครือ่ งดูดฝุน่ จากขวดน้าพลาสติก • หาข้อมลู การทาเครือ่ งดดู ฝุน่ จากขวดน้าพลาสตกิ และ กลไกลหารทางานของ เครือ่ งดูดฝ่นุ จากอนิ เตอร์เนต็ • ออกแบบขั้นตอนการทาเครือ่ งดูดฝุ่นจากขวดนา้ พลาสตกิ • เตรยี มอปุ กรณก์ ารทา ตวั แปรตน้ ขวดน้าพลาสติก ตวั แปรตาม กลไกลการทางานของเครอ่ื งดูดฝ่นุ ตวั แปรควบคมุ ขนาดขวดนา้ 1.5 ลติ ร อุปกรณก์ ารทา 1. ขวดพลาสตกิ ทมี่ ขี นาดเหมาะสม 2. มอเตอรไ์ ฟฟ้า 3. สวิตช์ด้วยสายไฟ 4. แหลง่ จา่ ยไฟหรือแบตเตอรี่ 5. ขั้วต่อสาหรับแหล่งจ่ายไฟ 6. ทอ่ อ่อนหรอื ทอ่ ออ่ น 7. มีดสานกั งาน 8. กาว 9. กรรไกร 10. มาร์กเกอร์ 11. หมดุ สานกั งาน 12. ไนลอนหรือสายหนา 13. ตาข่ายไนลอนขนาดเล็ก

4. วางแผนและดาเนนิ การแก้ปัญหา(Planning and Development) สมมตุ ฐิ าน เครื่องดดู ฝุน่ จากขวดนา้ พลาสติกสามารถใช้งานไดจ้ รงิ และมีประสิทธภิ าพ วธิ กี ารประดษิ ฐ์ 1. ตดั สว่ นที่เกนิ จากการตดั คอและตัดออกเพ่อื ให้ปริมาณทเ่ี หลืออยูเ่ พียงพอสาหรับตัวเก็บฝุ่น และตาแหนง่ ของมอเตอร์ 2. การผลติ พดั ลมเราสามารถใชช้ ้นิ สว่ นโลหะออ่ นทีม่ ีขนาดเหมาะสม นอี่ าจเป็นส่วนลา่ งของขวด ฝากระปอ๋ งหรือสง่ิ ทสี่ ามารถตดั ดว้ ยกรรไกรแลว้ งอได้ ถ้าเราโชคดีทไี่ ดพ้ บใบพัดสาเรจ็ รปู จากของ เล่นทุกชิน้ เส้นผ่าศูนย์กลางของใบพดั พัดลมควรใกล้เคยี งกบั เสน้ ผ่าศนู ยก์ ลางภายในของขวด 3. ตัดวงกลมออกจากกระปอ๋ งและทาเคร่อื งหมายไว้ในแปดส่วนเทา่ ๆ กัน ตามเส้นเครอ่ื งหมาย เราจะตัดดว้ ยกรรไกรท้งิ ไวป้ ระมาณ 5-10 มิลลเิ มตรไปตรงกลางของวงกลม 4. ยดึ พัดลมและโรเตอรข์ องมอเตอรไ์ ฟฟา้ ไวก้ บั ตัวรอ้ นหรอื ในรปู แบบอ่นื ใดพยายามจะไมใ่ หเ้ กดิ ความผดิ เพีย้ นในการเชอื่ มต่อ 5. ทารสู าหรบั การไหลของอากาศเพียงตัดขอบย่นื ออกมาจากดา้ นล่างด้วยมดี ที่ทาจากเสมียนรู ชอ่ งอากาศแลว้ จะต้องแนบมอเตอรไ์ ฟฟ้าไปด้านในของด้านลา่ ง สาหรบั เรื่องน้เี ราต้องมฝี าปดิ พลาสติก สิง่ สาคญั คือขนาดของมนั ประมาณเกดิ ขนึ้ พรอ้ มกบั ขนาดของมอเตอร์ ตดิ กาวให้ มอเตอร์ไฟฟา้ กบั ก้นขวดโดยใช้กาวรอ้ นละลาย 6. สร้างตัวกรองซงึ่ จะแยกมอเตอรไ์ ฟฟ้าออกจากชอ่ งใส่ฝุ่น เมอื่ ต้องการทาเช่นน้ีเราจะใชต้ าข่าย ทดี่ ซี ึ่งเราขยายไปสู่การผูกไนลอนหรือลวดงอเปน็ วงกลม 7. สาหรับการผลติ ท่อเราใชห้ ลอดท่ีมเี ส้นผา่ นศนู ย์กลางเลก็ กว่าคอของขวดเล็กน้อย ในตอนท้าย ของหลอดคุณสามารถลมหลายช้นั ของปนู ปลาสเตอร์ทางการแพทยเ์ พื่อใหห้ ลอดพอดแี นน่ เข้าไป ในลาคอและไม่ลื่นออกจากมนั หัวดูดสาหรับเคร่อื งดดู ฝุน่ หวั ฉดี สามารถทาจากปากกาลูกลน่ื 8. เชือ่ มตอ่ สวติ ชแ์ ละแหล่งจ่ายไฟเข้ากบั แบตเตอร่ีซง่ึ อาจเปน็ แบตเตอรแี่ บตเตอร่ี

5. นาเสนอวิธีการแกป้ ัญหา ผลการแกป้ ัญหาหรือชน้ิ งาน (Presentation) 1. นักเรยี นนาเสนอชน้ิ งานในงาน “STEM Project Fair”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook