Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 3

หน่วยที่ 3

Published by k.katae446, 2021-06-14 02:25:30

Description: หน่วยที่ 3

Search

Read the Text Version

3.1.1 ความหมายของเทคโนโลยีชวี ภาพ เทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) คือ เทคโนโลยีซง่ึ นาเอาความรูท้ างดา้ นวิทยาศาสตร์ มา ประยกุ ตใ์ ชก้ บั สิง่ มีชีวิต หรอื ชิน้ สว่ นของส่ิงมีชีวิต หรือผลิตผลของส่ิงมีชีวิต เพ่ือนาไปใชเ้ ป็นระบบ พฒั นาหรอื สรา้ ง ใหเ้ กิดผลิตภณั ฑต์ า่ ง ๆ ท่ีเป็นประโยชนต์ อ่ มนษุ ยต์ ามที่ตอ้ งการ เทคโนโลยีชีวภาพได้ ถกู นามาใชป้ ระโยชนท์ ง้ั ทาง ดา้ นเกษตรกรรม อาหาร การแพทย์ และเภสชั กรรม โดยมีวตั ถปุ ระสงค์ ตา่ ง ๆ อาทิ เพื่อลดปรมิ าณการใชส้ าร เคมี เพื่อเพิ่มพืน้ ทเ่ี พาะปลกู เพื่อเพ่ิมผลผลติ ทางการเกษตร แสดงการนาความรู้ทางดา้ นวิทยาศาสตรม์ าประยุกตใ์ ช้กับส่ิงมีชวี ติ

3.1.2 ความสาคญั ของเทคโนโลยีชวี ภาพ ปัจจุบันมีการนาวิทยาการด้านเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ประโยชนอ์ ย่างกว้างขวาง ซ่ึง ก่อใหเ้ กิด ความหวงั ใหมใ่ นการคิดคน้ และแกป้ ัญหาสาคญั ที่โลกกาลงั เผชิญอยู่ อนั ไดแ้ ก่ 1. ความพยายามจะลดปรมิ าณการใชส้ ารเคมีในเกษตรกรรม ดว้ ยการคิดคน้ พนั ธุพ์ ืชใหม่ที่ ต้านทาน โรคศัตรูพืช อันจะช่วยลดปัญหาการใช้สารเคมีซ่ึงเป็นหน่ึงในต้นเหตุของปัญหาด้าน ส่งิ แวดลอ้ ม 2. ความพยายามจะเพิ่มพืน้ ทีเ่ พาะปลกู ของโลก ดว้ ยการปรบั ปรุงพนั ธุพ์ ืชใหมท่ ี่ทนทานต่อ ภาวะ แหง้ แลง้ หรอื อณุ หภมู ิท่ีสงู หรอื ตา่ เกินไป 3. ความพยายามจะเพ่ิมผลผลิตทางการเกษตรของโลก ดว้ ยการคิดคน้ ปรบั ปรุงพันธุ์พืช และพนั ธุ์ สตั วท์ ่ที นทานตอ่ โรคภยั และใหผ้ ลผลิตสงู ขนึ้ 4. ความพยายามจะคน้ คิดอาหารท่ีใหค้ ุณค่าทางโภชนาการสูงขึน้ หรือมีคุณสมบัติที่มี ประโยชน์ ตอ่ ผบู้ รโิ ภคมากขนึ้ เชน่ อาหารไขมนั ต่า อาหารท่ีคงความสดไดน้ านกว่า อาหารที่มีอายกุ าร บรโิ ภคนานขนึ้ โดย ไมต่ อ้ งใสส่ ารเคมี เป็นตน้ 5. ความพยายามจะคน้ คิดตวั ยาป้องกนั และรกั ษาโรคติดต่อหรือโรครา้ ยแรง ที่ยงั ไมม่ ีวิธี รกั ษาท่ี ไดผ้ ล เช่น การคิดตวั ยาหยดุ ยงั้ การลกุ ลามของเนือ้ เย่ือมะเรง็ แทนการใชส้ ารเคมีทาลาย การ คิดค้นวัคซีนป้องกัน ไวรัสตับในเชิงพาณิชย์ ซึ่งบริษัทใหญ่ ๆ ของโลกได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีชีวภาพที่มคี ณุ สมบตั อิ นั เป็นที่ ตอ้ งการของแตล่ ะสาขาออกจาหนา่ ย เกิดเป็นผลติ ภณั ฑช์ นิด ใหมข่ องโลกมากมาย

พนั ธุวิศวกรรม (Genetic Engineering) คือกระบวนการตดั ต่อยีน หรือการเคล่ือนยา้ ยยีนจาก สง่ิ มีชีวิต ชนิดหน่งึ ใส่เขา้ ไปในยีนของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหน่ึง น่นั คือทาใหเ้ กิดการถ่ายทอดของยีน และ ลกั ษณะท่ียีนนน้ั ได้ ทาการควบคุมอยู่ เพื่อใหส้ ่ิงมีชีวิตที่ถูกนายีนใส่เขา้ ไปมียีนท่ีมีคุณสมบัติตามท่ี ตอ้ งการ แสดงกระบวนการตดั ตอ่ ยีนจากเซลลม์ นุษยใ์ สเ่ ข้าไปในเซลลข์ องแบคทีเรีย

3.2.1 พนั ธุวิศวกรรมด้านการเกษตรและอาหาร 1. ผลิตพันธุพ์ ืชต้านทานแมลง ไดแ้ ก่ การถ่ายฝากยีนท่ีกาหนดการสรา้ งสารพิษจาก แบคทีเรีย Bacillus thuringiensis (BT toxin) เขา้ สตู่ น้ พืช เมื่อแมลงมากินใบพืชท่ีมียีนนีแ้ มลงจะตาย ดงั นนั้ ตน้ พืชทมี่ ยี ีน นจี้ ะไมถ่ กู แมลงกินมากเม่ือเทยี บกบั พืชตน้ อื่นทไี่ มไ่ ดร้ บั ยีน เช่น ฝา้ ย ขา้ วโพด และ มนั ฝร่งั และใชอ้ ยา่ งไดผ้ ล เป็นการคา้ แลว้ ในบางประเทศ การถ่ายฝากยีนท่ีกาหนดการสรา้ งสารยบั ยงั้ เอนไซมย์ ่อยโปรตีน จากถ่วั ผี (Cow pea) และจากมนั ฝร่งั เขา้ ไปในใบยาสบู พบว่าตน้ ยาสูบตา้ นทาน การเขา้ ทาลายของแมลงได้ 2. ผลติ พชื ตา้ นทานสารปราบวชั พชื มกี ารนายนี ตา้ นสารปราบวชั พืชใสเ่ ขา้ ไปใสพ่ ืช เช่น ถ่วั เหลือง ขา้ วโพด ฝา้ ย ทาใหส้ ามารถทนทานตอ่ สารปราบวชั พืชตา่ ง ๆ 3. ผลิตพันธุพ์ ืชต้านทานโรคไวรัส เช่น โรคจดุ วงแหวนในมะละกอ (Papaya ring-spot virus) สามารถป้องกันกาจัดไดโ้ ดยวิธีนายีนเปลือกโปรตีน (Coat protein) ของไวรสั ถ่ายฝากในพืช เหมือนเป็น การปลกู วัคซีนใหพ้ ืชน่นั เอง ซ่ึงกระบวนการดังกล่าว แสดงโรคจุดวงแหวนในมะละกอ ไดถ้ กู นาใชก้ นั อยา่ งแพรห่ ลายในพืชชนิดตา่ ง ๆ แลว้

4. ผลิตพืชที่มีคุณค่าอาหารดีขึ้น เช่น การเพิ่มกรดอะมิโนไลซีนในโปรตีน Prolamine ของข้าว การเพิ่มปริมาณกรดอะมิโนไลซีนและทริปโตเฟนในโปรตีน Zein ของข้าวโพด การเพ่ิม ความสามารถใน การสรา้ งวิตามินเอในเมล็ดของขา้ วที่เรียกว่า ขา้ วสีทอง (Golden Rice) โดยนายีน จากตน้ Daffodils และยีน จากแบคทีเรยี Erwinia breteria ถ่ายฝากใหข้ า้ ว แสดงขา้ วสีทองทสี่ ามารถสังเคราะหบ์ ตี าแคโรทนี ซึง่ เป็ นสารตั้งต้นของวติ ามินเอ 5. ผลติ พชื ทสี่ ามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศ โดยการถ่ายฝากยีนที่กาหนดการสรา้ ง เอนไซม์ ไนโตรจีเนส (Nitrogenase) ที่ใชใ้ นปฏิกิริยาการตรึงไนโตรเจนเขา้ พืช ทาใหพ้ ืชนนั้ สามารถ ตรงึ ไนโตรเจนไดเ้ อง โดยไมพ่ ่งึ พาแบคทเี รยี 6. การถา่ ยฝากยีนสุกงอมช้า (Delayed Ripening Gene) ในมะเขอื เทศ การสกุ ในผลไม้ เกิด จากการผลิตสาร Ethylene เพ่ิมมากในระยะสกุ แก่ นกั วิชาการสามารถวิเคราะหโ์ ครงสรา้ งยีนนี้ และมีวิธีการ ควบคมุ การแสดงออกโดยวิธีการถ่ายฝากยีนได้ ทาใหผ้ ลไมส้ กุ งอมชา้ สามารถเก็บไวไ้ ด้ นาน และส่งไปจาหน่ายไกล ๆ ได้ สหรฐั อเมริกาเป็นประเทศแรกท่ีผลิตมะเขือเทศสุกงอมชา้ ไดเ้ ป็น การคา้

7. การนายีนทกี่ าหนดการสร้างฮอรโ์ มนโกรทของวัว (Bovine growth hormone) ฉีด เขา้ ไป ในไขข่ องสกุ รทเ่ี พ่ิงถกู ผสม ทาใหส้ กุ รมีลกั ษณะทางผลผลิตดีขนึ้ โดยเติบโตมากกว่าปกติแมจ้ ะ ไดร้ บั อาหารเทา่ กบั สกุ รตวั อื่น ๆ และจะมีไขมนั ใชผ้ ิวหนงั นอ้ ยลง แตส่ กุ รอาจเป็นโรคได้ เช่น หวั ใจโต โรคไต ผิวหนงั อกั เสบ ขอ้ อกั เสบ จงึ ตอ้ งมกี ารศกึ ษาวิจยั กนั อีกตอ่ ไป 8. การสร้างพนั ธุไ์ ก่ที่ต้านไวรัส (Avian leukosis virus = ALV) โดยถ่ายฝากดว้ ยยีน ของไวรสั พันธุก์ ลาย ซ่ึงไก่ท่ีไดย้ ีนนีจ้ ะสรา้ ง RNA และโปรตีนของไวรสั ขึน้ มาแต่ไม่เกิดเป็นอนุภาค ไวรสั และไก่นจี้ ะตา้ นตอ่ การบกุ รุกของไวรสั ALV ทป่ี กติดว้ ย แสดงการสร้างพนั ธุไ์ ก่ต้านไวรัสและสุกรไขมันต่า 9. การถ่ายฝากยีนทม่ี ีผลทาให้ฮอรโ์ มน Gonadotropin เพ่ิมขึน้ ทาใหอ้ ตั ราการตกไข่ เรว็ ขนึ้ ซงึ่ เป็นการเพิ่มผลผลติ ปรมิ าณนา้ นมใหม้ ากขนึ้ ดว้ ย 10. การพัฒนาพันธุ์สัตว์เพื่อเพ่ิมคุณค่าของอาหาร เช่น การลดปริมาณคลอ เลสเตอรอล ในไขแ่ ดง การทาใหโ้ คและสกุ รเพิ่มปรมิ าณเนอื้

3.2.2 พนั ธุวิศวกรรมดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสุข 1. การวนิ ิจฉัยโรค (Diagnosis) ขอ้ มลู ทเี่ กี่ยวขอ้ งพนั ธุกรรมหลายอย่างมีประโยชนใ์ นการ วินิจฉยั โรค เชน่ ประวตั ิครอบครวั ผปู้ ่วยท่ีมาพบแพทยด์ ว้ ยโรคโลหิตจางเรอื้ รงั ตงั้ แต่เด็ก ๆ และมีพี่นอ้ ง เป็นดว้ ย โดยท่ี พอ่ แมไ่ มไ่ ดเ้ ป็น นา่ จะนกึ ถงึ โรคธาลสั ซีเมยี (Thalassemia disease) เป็นตน้ แสดงปริมาณเม็ดเลือดแดงจากภาวะโลหติ จางจากโรคทาลสั ซเี มีย 2. การตรวจแก้ไขโรคพันธุกรรมบางชนิด เป็นการตรวจสภาวะพนั ธุกรรมของเด็กก่อน เกิด โดย ใชน้ า้ ครา่ ตรวจหาดเี อน็ เอทผี่ ิดปกติ ทเ่ี รยี กวา่ Amniocentesis จากนนั้ ก็ทาการแกไ้ ขดีเอ็นเอที่ ผิดปกตนิ นั้ 3. การถ่ายฝากยีนของโกลบินปกติเขา้ ไปในเซลลไ์ ขกระดูกของคนป่ วยดว้ ยโรคทาง พนั ธกุ รรม ชนดิ โรคโลหิตจางท่ีเมด็ เลอื ดแดงคลา้ ยเคียวเก่ียวขา้ ว (Sickle cell anemia)

4. การรักษาโรค SCID (Sever combined Immunodeficiency) ดว้ ยการทายีนบาบดั โรค SCID เป็นโรคทางพนั ธุกรรมท่ีผปู้ ่ วยไมส่ ามารถสรา้ งภูมิคมุ้ กนั ไดแ้ ละมกั เสียชีวิตจากการติดเชือ้ เพียงเลก็ นอ้ ย ซงึ่ โรคนไี้ ดร้ กั ษาดว้ ยการทายีนบาบดั มาแลว้ ในสหรฐั อเมรกิ า 5. การผลิตอนิ เทอร์ เฟี ยรอน (Interferons, IFNs) ซึ่ งเป็ นสารประเภทโปรตีนที่ สรา้ ง ขนึ้ เมื่อพบการเจริญของไวรสั ใชต้ อ่ สกู้ บั ไวรสั ซึ่งปัจจุบนั สารอินเทอรเ์ ฟอรอนท่ีผลิตขนึ้ ไดโ้ ดยเทคนิค ทางพนั ธุวิศวกรรมได้ นามาใชร้ กั ษาโรคมะเรง็ บางชนิด และโรคไวรสั ไดด้ ีพอสมควร 6. การผลติ ฮอรโ์ มนอินซลู ิน (Insulin) ที่ใชค้ วบคมุ โรคเบาหวาน ซง่ึ จะไมท่ าใหผ้ ปู้ ่วยเกิด อาการ แพ้ คนที่ป่ วยเป็นเบาหวานบางคนจะแพอ้ ินซูลินท่ีสกัดมาจากวัวหรือหมูซ่ึงใชก้ ันอยู่ท่วั ไป เนื่องจากอินซูลินของ สัตวแ์ ตกต่างจากคนอยู่บา้ งเล็กนอ้ ย ร่างกายของคนสามารถตรวจพบและ กระตนุ้ ใหเ้ กิดระบบป้องกนั หรือเกิดการ แพ้ แตถ่ า้ เป็นอินซูลินของคนจะไมท่ าใหเ้ กิดการแพ้ สามารถ เพ่ิมอินซูลินของคนไดอ้ ย่างไม่จากดั ในการโคลนยีน ซึ่งเป็นเทคนิคการเพ่ิมจานวนยีนที่กาหนดการ สรา้ งอินซูลินใหม้ ีปริมาณมาก ๆ ตามที่ตอ้ งการ แลว้ นามาผลิตเป็น อตุ สาหกรรม โดยวิธีนีส้ ามารถ ผลติ อินซูลินเทา่ ใดก็ไดอ้ ยา่ งไมจ่ ากดั

แสดงฮอรโ์ มนอินซลู ินทใ่ี ช้ควบคุมโรคเบาหวาน 7. การผลิตดีเอ็นเอวัคซีน อย่างเช่น วัคซีนโรคตับอักเสบ บี (Hepatitis B vaccine) วคั ซีนโรค ปากเทา้ เป่ือยในสตั ว์ ซงึ่ การผลติ แบบเดมิ จะใชอ้ นภุ าคไวรสั หรือแบคทีเรียท่ีตายหรือออ่ นแอ ลงแลว้ ไมส่ ามารถทาให้ เกิดโรค แตส่ ามารถกระตนุ้ ใหร้ า่ งกายสรา้ งภมู ิตา้ นทานโรคได้ ปัญหาบางครง้ั ก็อาจเกิดเนื่องจากไวรสั หรอื แบคทีเรยี ที่ใชย้ งั ไมต่ ายหรือไมอ่ ่อนแอพอ เม่ือเขา้ สู่รา่ งกายยงั ทาใหเ้ กิด โรคได้ 8. การผลิตฮอรโ์ มนโกรท (Growth hormone) เป็นฮอรโ์ มนเรง่ การเจรญิ เติบโตของคน ในวัยเด็ก เด็กบางคนเป็นโรคเตีย้ แคระทางพนั ธุกรรม เน่ืองจากรา่ งกายผลิตฮอรโ์ มนนีไ้ ดน้ อ้ ย แตถ่ า้ เดก็ ไดร้ บั ฮอรโ์ มนของคน เสรมิ เขา้ ไปก็จะเตบิ โตเป็นปกตไิ ด

9. วคั ซนี สาหรับโรคเอดส์ (AIDS) ซงึ่ ปัจจุบนั การพฒั นาวคั ซีนยงั อยใู่ นขั้นทดลอง เพราะ ไวรสั เอดส์ มหี ลายแบบ และมแี นวโนม้ ท่จี ะเปล่ียนแปลงพนั ธุกรรมไดร้ วดเรว็ อกี ดว้ ย 10. การผลิตเซรุ่มแก้พิษงู ในปัจจุบันเซรุ่มยงั มีคุณภาพต่าอยู่ ซ่ึงการใชพ้ ันธุวิศวกรรม ผลิตเซรุม่ แกพ้ ิษงูไดผ้ ลดีกว่าและมีราคาถกู กว่า ในอนาคตยงั อาจผลิตเซรุม่ ซึง่ ใช้สาหรบั พิษงหู ลาย ๆ ชนดิ ซงึ่ จะชว่ ย แกป้ ัญหาการใชเ้ ซรุม่ ผิด เน่ืองจากไมท่ ราบว่าถกู งชู นิดใดกดั 3.2.3 พนั ธุวิศวกรรมด้านการอนุรักษส์ ง่ิ แวดล้อม การถ่ายฝากยีนตา้ นทานโรคและแมลง ทาใหไ้ ม่ตอ้ งใชส้ ารเคมีฉีดพ่นหรือใชใ้ นปริมาณที่ลดลงมาก นาไปสกู่ ารผลิตพืชทใ่ี ชป้ ๋ ยุ นอ้ ยและนา้ นอ้ ย ทาใหเ้ ป็นการลดการใชป้ ๋ ยุ เคมี เป็นการอนรุ กั ษ์ส่ิงแวดลอ้ ม และนาไปสู่ การสรา้ งสมดุลทรัพยากรชีวภาพได้ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาสายพันธุ์จุลินทรียใ์ ห้ สามารถกาจดั คราบนา้ มนั ไดด้ ี หรอื การผลติ พลาสตกิ และพอลเิ มอรช์ นิดตา่ ง ๆ ท่ีสามารถย่อยสลายได้ ง่าย และการปรบั ปรุงพนั ธแุ์ บคทเี รยี ท่ที าลาย ยงุ ได้ 3.2.4 พนั ธุวศิ วกรรมดา้ นการพฒั นาอุตสาหกรรม เมื่อวตั ถดุ ิบไดร้ บั การปรบั เปล่ียนคณุ ภาพใหต้ รงกบั ความตอ้ งการของอตุ สาหกรรม โดยใช้ พนั ธุวิศวกรรมแลว้ อตุ สาหกรรมใหม่ ๆ จะเกิดตามมามากมาย เช่น การเปล่ียนโครงสรา้ งแป้ง นา้ มนั และโปรตีน ในพืช หรือการลดปรมิ าณเซลลโู ลสในผลไม้ เป็นตน้ ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยีชีวภาพ ในอนาคต จะเป็นการปฏิรูป แบบอตุ สาหกรรมใหม่ โดยเนน้ การใชว้ ตั ถดุ บิ จากส่ิงมีชีวิตมากขนึ้ รถยนต์ ทงั้ คนั อาจทาจากแปง้ ขา้ วโพด สารเคมี ทงั้ หมดอาจพฒั นาจากแปง้ เป็นตน้

3.2.5 พนั ธุวิศวกรรมทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ จากหลกั การที่ว่า DNA ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จะมีรูปแบบท่ีเหมือนกนั เป็นแบบเดียวกัน ไมว่ ่าจะ เป็นเซลลร์ า่ งกายเซลลใ์ ดก็ตาม เน่อื งจากเซลลร์ า่ งกายทกุ เซลลล์ ว้ นมีกาเนิดจากเซลลไ์ ซโกตท่ี เป็นเซลลต์ น้ ตอเพียง เซลลเ์ ดยี ว ดงั นนั้ DNA จึงเป็นเครอ่ื งหมายบอกใหร้ ูว้ ่าคนคนน้ันเป็นใคร แตกตา่ ง จากคนอ่ืนอย่างไรลายพิมพ์ DNA (DNA fingerprint) ของแต่ละบคุ คลไดร้ บั การถ่ายทอดจากพ่อแม่ อย่างละคร่ึง และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เราจึงนามาใช้ ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น การพิสูจน์ ความสมั พนั ธท์ างสายเลอื ด การพิสจู นต์ วั บคุ คล การตรวจสอบทางนิติเวชศาสตร์ เพ่ือชีต้ วั ผกู้ ระทาผิด เป็นตน้ จากลายพิมพ์ดีเอ็นเอด้านล่าง ผู้ตอ้ งสงสัยคนที่ 3 มีลายพิมพด์ ีเอ็นเอตรงกับคราบเลือด ซง่ึ นา่ จะเป็นผกู้ ระทาผิด ลายพมิ พด์ เี อ็นเอของคราบเลือดและผู้ตอ้ งสงสัย

การท่ีแต่ละบุคคลมีรูปแบบของ DNA ที่แตกต่างกนั เราจึงนาเทคนิคทางพันธุวิศวกรรมต่าง ๆ มา ใชเ้ พ่ือวินิจฉัยรูปแบบของ DNA ในแต่ละบคุ คล เช่น การใช้ RFLP maker ตรวจสอบ จะเกิดเป็น แถบ DNA รูปแบบของแถบ DNA (DNA band) ท่ีเป็ นความแตกต่างของขนาดชิ้น DNA ท่ีเป็ น เอกลกั ษณเ์ ฉพาะบุคคล เรียกว่า ลายพิมพ์ DNA (DNA fingerprint) ซึ่งปัจจุบันมีการใชล้ ายพิมพ์ DNA เพ่ือประกอบคดีฆาตกรรมข่มขืน ในทางศาล โดยการตรวจลายพิมพ์ DNA จะใชเ้ ทคนิค PCR เน่ืองจากง่าย รวดเร็ว ประหยดั ค่าใชจ้ ่าย และใช้ ตวั อยา่ งเซลลป์ ริมาณนอ้ ย ในอนาคตอาจมีการนา ลายพิมพด์ ีเอ็นเอไปใชแ้ ทนการใชล้ ายเสน้ นิว้ มือเพ่ือทาบตั ร ประชาชน ซึ่งจะอานวยประโยชนใ์ นการ สืบหาตวั บคุ คลไดร้ วดเร็วและถูกตอ้ งมากขึน้ โดยเฉพาะกรณีการสืบหา ตวั บคุ คลที่เสียชีวิตแลว้ และ อยู่ในสภาพท่ีไม่สามารถระบุจากรูปพรรณสณั ฐานภายนอกไดว้ ่าเป็นใคร เช่น กรณี เครื่องบินตก เรอื ลม่ ไฟไหม้ เป็นตน้

สิ่งมีชีวิตดดั แปรพนั ธุกรรม (Genetically modified organisms , GMOs) หมายถึง สิ่งมีชีวิตท่ีได้ จากการดดั แปลงสารพนั ธุกรรม โดยอาศยั เทคนิคทางพนั ธุวิศวกรรม ดว้ ยการนายีนของส่ิงมีชีวิตชนิด อื่นใส่เขา้ ในเซลล์ สิ่งมีชีวิตท่ีตอ้ งการ เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ที่มีพันธุกรรมเปล่ียนไปจากเดิม ซึ่ง วิธีการนไี้ มไ่ ดเ้ กิดขนึ้ เองตามธรรมชาติ แสดงพชื ทนี่ ิยมดัดแปรพนั ธุกรรมในประเทศ สหรัฐอเมริกา

การผลิตสงิ่ มชี ีวิตดดั แปรพนั ธกุ รรมมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อเพ่ิมผลผลิตทางดา้ นการเกษตร โดยอาศยั การพฒั นาพนั ธุพ์ ืช หรือสตั ว์ ใหต้ า้ นทานตอ่ โรค และตอ่ สภาพแวดลอ้ มที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ ยงั เป็นการรกั ษา สภาพแวดลอ้ มและอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ โดยไม่ตอ้ งใชย้ าฆา่ แมลง หรือยาปราบ วชั พืชใหเ้ กิดผลตกคา้ งใน สภาพแวดลอ้ ม 3.3.1 เทคนิคทใ่ี ช้ในการถา่ ยฝากยีนเข้าสพู่ ชื ในการทาพืชจีเอ็มโอต้องใช้เทคนิคในการถ่ายฝากยีนเขา้ สู่พืช เพื่อให้พืชน้ันสามารถ แสดงออกใน ลกั ษณะตามทีต่ อ้ งการได้ โดยเทคนคิ เหลา่ นจี้ ะทาการสง่ ถ่ายสารพนั ธกุ รรมจากภายนอก เขา้ สภู่ ายในเซลลข์ องพืช ทาใหส้ ารพันธุกรรมจากภายนอกสามารถแทรกตวั เขา้ ส่ดู ีเอ็นเอของพืชชนิดท่ีตอ้ งการได้ แลว้ ทาใหเ้ กิดการแสดงออก ในลกั ษณะท่ียีนนนั้ ควบคมุ อย่ไู ด้ รวมทงั้ สามารถถ่ายทอดลกั ษณะทาง พนั ธุกรรมนนั้ ตอ่ ไปยงั รุน่ ลกู รุน่ หลานไดอ้ ีกดว้ ย ในปัจจุบนั การถ่ายฝากยีนจากภายนอกเขา้ ส่พู ืช แบ่ง ออกเป็น 2 วิธี คือ 1. การถ่ายฝากยีนโดยตรง เช่น การถ่ายฝากยีนโดยใชเ้ ครื่องยิงอนุภาคซึ่งเป็นวิธีการท่ี นิยมและ ประสบความสาเร็จ การถ่ายฝากยีนโดยใช้เข็มฉีด การถ่ายฝากยีนโดยใชก้ ระแสไฟฟ้า เป็นตน้ 2. การถา่ ยฝากยนี โดยใชพ้ าหะ เช่น การถ่ายฝากยีนโดยใชแ้ บคทีเรีย (Agrobacterium) ซง่ึ เป็นวิธี การทนี่ ยิ มและประสบความสาเรจ็ ในการถา่ ยฝากยนี เขา้ สพู่ ืชไดห้ ลายชนิด

แสดงข้ันตอนการถ่ายฝากยนี โดยใช้แบคทเี รีย Agrobacterium 3.3.2 ขอ้ ดีหรือประโยชนข์ องจเี อ็มโอ 1. ประโยชนต์ ่อผู้บริโภค ทาใหเ้ กิด พืช ผัก ผลไม้ มีคณุ ค่าทางโภชนาการเพ่ิมมากขึน้ เช่น ทาให้ มะเขือเทศมีวิตามินอีมากขนึ้ ทาใหส้ ม้ หรือมะนาวท่ีมีวิตามินซีเพ่ิมมากขึน้ ทาใหก้ ลว้ ยมี วิตามินเอเพิ่มขึน้ ช่วยทาให้ ลดการขาดแคลนอาหารได้ เน่ืองจากการปรบั ปรุงพันธุใ์ หม้ ีผลผลิตและ ความตา้ นทานต่าง ๆ มากขนึ้ ทาใหม้ ีผลผลิต ที่เพ่ิมมากขนึ้ ตอบสนองต่อความตอ้ งการอาหารท่ีเพ่ิม มากขนึ้ 2. ประโยชนท์ างด้านการเกษตร ทาใหเ้ กิดพืชที่ใหผ้ ลผลิตมากขนึ้ เช่น มะเขือเทศมีผล ขนาด ใหญ่ขนึ้ ปรมิ าณเมลด็ ขา้ วตอ่ ตน้ มากขนึ้ มะละกอที่มีนา้ หนกั มากกว่ามะละกอท่วั ไป ทาใหเ้ กิด พืชท่ีมีความทนทาน ต่อสภาพแวดล้อม โดยทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศท่ีไม่เอือ้ อานวยต่อการ เพาะปลกู หรอื เจรญิ เตบิ โตของพืช อยา่ งเชน่ ขา้ วทนแลง้ ขา้ วทนดนิ เคม็ พืชท่ีทนตอ่ ดนิ เปรยี้ ว เป็นตน้

แสดงมะเขือเทศดดั แปรพนั ธุกรรมทถี่ ูกทาใหส้ ุกชา้ แม้เกบ็ นานหลายวนั 3. ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ การผลิตวคั ซีนหรือยาชนิดต่าง ๆ ในอตุ สาหกรรม ยา ปัจจบุ นั นีล้ ว้ น แลว้ แต่ใชจ้ ีเอ็มโอช่วยแทบทงั้ สิน้ อีกไม่นานนีเ้ ราอาจมีนชา้ นมววั ที่มีส่วนประกอบของ ฮอรโ์ มนหรอื ตวั ยาท่จี าเป็นตอ่ มนษุ ย์ นอกจากนี้ ยงั ช่วยลดการขาดแคลนยาหรอื วคั ซีนไดม้ ากขนึ้ 4. ประโยชนท์ างด้านอุตสาหกรรม หากทาพืชจีเอ็มโอใหส้ ามารถลดการใชส้ ารเคมีและ ช่วยใหม้ ี ผลผลิตมากขนึ้ กว่าเดิม ทาใหต้ น้ ทุนการผลิตลดต่าลงและเวลาที่ใชก้ ็ลดลงดว้ ย วตั ถดุ ิบท่ี ไดม้ าจากภาคการเกษตร เชน่ ซงั ขา้ วโพด แกลบ กากถ่วั เหลือง อาหารสตั ว์ จึงมีราคาถกู ลง มจี ีเอ็มโอ หลายชนิดทไี่ มใ่ ช่พืช ที่ใชก้ นั อยู่ ในอตุ สาหกรรมอาหาร

5. ประโยชนท์ างด้านสิ่งแวดล้อม หากทาพืชจีเอ็มโอใหส้ ามารถป้องกันศตั รูพืชไดเ้ อง จานวนการ ใชส้ ารเคมีชนิดตา่ ง ๆ เพื่อการปราบศตั รูพืชก็จะลดนอ้ ยลงจนอาจถึงไม่ตอ้ งใชเ้ ลยก็ได้ ทา ใหม้ ลภาวะต่อสิ่งแวดลอ้ ม ที่เกิดจากสารเคมีลดลงก่อใหเ้ กิดความหลากหลายทางชีวภาพมากขึน้ เนื่องจากยีนที่มีการแสดงออกที่มีประโยชน์ ถูกเลือกให้รับโอกาสในการแสดงออกในส่ิงมีชีวิต หลากหลายชนิดมากขนึ้ 6. ประโยชนท์ างด้านการพาณิชย์ ช่วยลดขน้ั ตอนและระยะเวลาของการผสมพนั ธุพ์ ืช ซึ่งหาก ช่วงชีวิตของพืชที่ตอ้ งการปรบั ปรุงพันธุด์ ้วยวิธีเดิมยาวนานกว่าจะไดผ้ ล และต้องทาการ คดั เลอื กพนั ธอุ์ ยหู่ ลายครงั้ การทาจีเอม็ โอทาใหข้ นั้ ตอนนเี้ รว็ และแมน่ ยายิ่งขนึ้ กว่าเดิมมาก 3.3.3 ข้อเสียหรือผลเสยี ของจเี อ็มโอ 1. ปัญหาด้านของความเส่ยี งตอ่ ผู้บริโภค พืชจีเอม็ โอเขา้ สสู่ ายใยอาหารที่มนษุ ยบ์ ริโภค ในรูป ผลิตภณั ฑจ์ ีเอ็มโอหลากหลายรูปแบบ ทั้งดา้ นวัตถุดิบหลกั ในอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑท์ ่ี เก่ียวขอ้ งกบั อาหารเด็ก อาหารเสริม และขนมขบเคีย้ ว ซึง่ ผลิตภณั ฑเ์ หลา่ นีอ้ าจผ่านกระบวนการแปร รูปอย่างง่าย หรือกระบวนการแปรรูป ขั้นสูงจนลักษณะเปลี่ยนแปลงไป ทาให้ไม่สามารถแยก ผลิตภณั ฑจ์ ีเอ็มโอออกจากผลติ ภณั ฑธ์ รรมชาติไดจ้ ากรูปทรง ภายนอกเทา่ นนั้

แสดงถ่ัว Brazil nut 2. ปัญหาด้านของความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม พืชจีเอ็มโอเป็นส่ิงมีชีวิตหรอื ผลิตภณั ฑท์ ่ี ไดม้ าจาก เทคโนโลยีใหม่ ไมเ่ คยปรากฏในส่ิงแวดลอ้ มที่เป็นธรรมชาติและไมเ่ คยเขา้ มาในวิถีชีวิตของ มนุษย์มาก่อน จึงทาให้เกิด ความตื่นตัวและวิตกกังวลในเรื่องความเสี่ยงที่อาจเกิดขึน้ ในด้าน ผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มในขณะนาไปปลกู และ ผลกระทบตอ่ สง่ิ มชี ีวิตทีอ่ ยรู่ ว่ มกนั ในระบบนิเวศ 3.3.4 แนวทางการพจิ ารณาพชื จเี อ็มโอทมี่ ีผลกระทบต่อมนุษยแ์ ละสงิ่ แวดลอ้ ม การพิจารณาถงึ ผลกระทบต่อมนษุ ยแ์ ละส่ิงแวดลอ้ มที่เกิดจากการใชจ้ ีเอ็มโออยใู่ นแนวคิด เรอื่ ง ความปลอดภยั ทางชีวภาพ (Biosafety) ซงึ่ ขณะนเี้ ป็นที่สนใจอยา่ งกวา้ งขวางว่า ผลิตภณั ฑจ์ ีเอ็ม โอนีม้ ีความเส่ียงที่ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามยั มนุษย์ และสิ่งแวดลอ้ มหรือไม่ ซึ่งลกั ษณะความ เสี่ยงดงั กล่าวขึน้ อย่กู บั แหล่งยีน และส่วนประกอบของยีน ซ่ึงอาจเป็นยีนตา้ นทานสารปฏิชีวนะ หรือ ยีนตา้ นทานตอ่ สารกาจดั ศตั รูพืช ยีนแปลกปลอม ใหม่ ๆ ที่เขา้ ไปอย่ใู นพนั ธุพ์ ืชนั้นอาจทาใหเ้ กิดความ กงั วล และมีคาถามทีต่ ามมา เช่น

1. เสถียรภาพของยนี จะอยคู่ งทนในพืชพนั ธนุ์ น้ั นานแคไ่ หน 2. ยนี ที่มาจากจลุ นิ ทรยี ท์ ไี่ มก่ อ่ ใหเ้ กิดโรคมโี อกาสกลายพนั ธเุ์ ป็นยีนกอ่ ใหเ้ กิดโรคไดห้ รอื ไม่ 3. ยนี เหลา่ นมี้ ีโอกาสหลดุ ออกไปสพู่ ืชพนั ธอุ์ น่ื หรอื จลุ นิ ทรยี อ์ น่ื ไดห้ รอื ไม่ 4. ผลผลิตจะมพี ิษภยั ตอ่ สขุ ภาพคนหรอื สตั วห์ รอื ไม่ 5. ปัญหาราคาผลผลิต ทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา และการคา้ ระหว่างประเทศจะเกิดขนึ้ หรอื ไม่ 3.3.5 สถานการณจ์ เี อม็ โอในประเทศไทย สาหรบั เรอื่ งจีเอ็มโอในประเทศไทย รฐั บาลและนกั วิทยาศาสตรห์ ลายทา่ นใหค้ วามสาคญั ใน เรอ่ื งนพี้ อ สมควร มกี ารวางแผนรองรบั การพฒั นาทางเทคโนโลยีชีวภาพ แต่ยงั อยรู่ ะหว่างการวิจยั และ พฒั นาพืชดดั แปร พนั ธุกรรม เพ่ือประโยชนท์ างการเกษตรและอตุ สาหกรรมการเกษตร แสดงโรคจใู๋ นข้าว โรคขอบใบแหง้ และหนอนเจาะสมอฝ้าย

การโคลน (Cloning) เป็นการสรา้ งสิง่ มีชีวิตใหม่ท่ีมีลกั ษณะทางพนั ธุกรรมเหมือนเดิมทกุ ประการ ดว้ ยวิธี ขยายพนั ธุแ์ บบไม่อาศัยเพศ เปรียบเสมือนการเกิดของฝาแฝดแทจ้ ากเซลลไ์ ข่เดียวกันและ สเปิรม์ เดียวกนั หรอื เรยี กไดว้ ่าถอดแบบกนั ออกมา 3.4.1 ประวตั กิ ารโคลน มนษุ ยส์ ามารถทาการโคลนไดม้ าตงั้ แต่สมยั โบราณ น่นั คือ การโคลนท่ีทากบั พืชหรือการ ขยาย พนั ธุพ์ ืชโดยไม่อาศยั เพศของพืช ท่ีเรียกกนั ว่า การเพาะชาพืช โดยต่อมาการโคลนพืชก็ไดม้ ีการ พฒั นาโดยนาความรู้ ทางวิทยาศาสตรเ์ ขา้ มาช่วย เช่น การเพาะเลีย้ งเนอื้ เยื่อพืช สว่ นการโคลนสตั วน์ น้ั ไดเ้ กิดขนึ้ เมื่อประมาณตน้ ทศวรรษ ท่ี 50 ประมาณปี พ.ศ. 2495 โดยนกั ชีววิทยาชาวอเมริกนั 2 คน คือ โรเบิรต์ บรกิ กส์ (Robert W. Briggs) และ โทมสั คงิ (Thomas J. King) แหง่ สถาบนั การวิจยั มะเร็งในฟิ ลาเดลเฟี ย ไดร้ ว่ มทาการทดลองยา้ ยนิวเคลียสของเซลล์ กบที่เป็นตวั ออ่ นใส่ในไข่กบท่ีเอานิวเคลียส ออกแลว้ พบว่าสามารถสรา้ งลกู อ๊อดไดเ้ ป็นจานวนมาก จากนน้ั มีการโคลน กบโดยใชเ้ ซลลล์ าไสก้ บ จากตวั อ่อนเป็นเซลลแ์ มแ่ บบ และไดเ้ ป็นกล่มุ คนท่ีไดเ้ ร่ิมทาการโคลนดว้ ยวิธีการถ่ายฝาก นิวเคลียส (Nuclear Transfer) โดยอาศยั เทคนิคท่ีพฒั นามาโดย Sperman ซง่ึ ไดก้ ลายเป็นวิธีการที่ทาการโคลนท่ี ใชก้ นั ท่วั ไปในช่วงเวลานนั้

แสดง ดร.เอยี น วลิ มุต (Dr.Ian Wilmut) และแกะดอลล่ี (Dolly) 3.4.2 หลักการโคลน การโคลนสตั วม์ อี ยู่ 2 วิธี คอื การถ่ายฝากนิวเคลียส (Nuclear Transfer) และการแยกเซลล์ หรือ ตดั แบ่งตวั อ่อนในระยะก่อนการฝังตวั สาหรบั การโคลนแกะตวั แรกของโลกนนั้ จะใชว้ ิธีการถ่าย ฝากนวิ เคลยี ส โดยมี ขน้ั ตอนดงั นี้ 1. นาเซลลเ์ ตา้ นมมาจากแม่แกะฟิ นนด์ อรเ์ ซต อายุ 6 ปี ซึ่งตง้ั ทอ้ งมากกว่า 100 วันแลว้ ภายในเซลล์ เตา้ นมทกุ เซลลจ์ ะบรรจุยีนท่ีจาเป็นต่อการเจรญิ เติบโตเป็นตวั แกะไวค้ รบทุกยีน แต่จะมี เฉพาะยีนทส่ี รา้ งโปรตีนสาหรบั การเจรญิ เป็นเซลลเ์ ตา้ นมเทา่ นน้ั ที่ทางาน สว่ นยีนอ่ืน ๆ จะถกู ปิดสวิตช์ ไวไ้ มใ่ หท้ างาน 2. นาเซลลเ์ ตา้ นมมาเพาะเลีย้ งในภาวะอดอาหารประมาณ 5 วัน โดยลดเซรุ่มในสาร เพาะเลีย้ งเซลล์ ใหเ้ หลือเพียง 1 ใน 20 เพ่ือใหเ้ ซลลเ์ ขา้ ส่รู ะยะพักตวั และหยดุ การแบ่งตวั ณ ภาวะ เชน่ นี้ ยนี ทกุ ยีนภายในเซลลจ์ ะ เรม่ิ ปิดสวิตชใ์ หมอ่ ีกครงั้

แสดงขัน้ ตอนการโคลนแกะดอลลี 3. เก็บเซลลไ์ ข่ท่ียงั ไม่ปฏิสนธิมาจากท่อนาไข่ของแม่แกะหนา้ ดาพันธุส์ ก็อต หลงั จากฉีด ฮอรโ์ มน กระตนุ้ การตกไขไ่ ปแลว้ 28–33 ช่วั โมง 4. ดดู นิวเคลียสของเซลลไ์ ขอ่ อกไป ภายในเซลลไ์ ขจ่ ะว่างเปลา่ เหลือแต่เพียงองคป์ ระกอบ ภายใน ไซโทพลาซมึ ท่ีจาเป็นตอ่ การสรา้ งตวั ออ่ น 5. นาเซลลเ์ ตา้ นมและเซลลไ์ ข่ มาหลอมรวมกนั โดยใชก้ ระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ กระตนุ้ เม่ือ กระตุน้ ด้วย กระแสไฟฟ้าอีกคร้งั เซลลไ์ ข่เริ่มยอมรบั นิวเคลียสใหม่และเหนี่ยวนาให้ยีนทุกยีนใน นวิ เคลยี สเรมิ่ ตน้ ทางาน และแบง่ ตวั เพื่อพฒั นาเป็นตวั ออ่ นขนึ้ มาใหม่

6. ปลอ่ ยใหเ้ ซลลแ์ บง่ ตวั ประมาณ 6 วนั 7. นาตวั ออ่ นไปฝังในมดลกู ของแมแ่ กะหนา้ ดาอีกตวั หนง่ึ ซงึ่ รบั หนา้ ที่อมุ้ ทอ้ ง 8. แม่แกะหน้าดาที่อุ้มทอ้ ง ใหก้ าเนิดลูกแกะฟิ นนด์ อรเ์ ซต ซึ่งมีลักษณะทางพันธุกรรม เหมือนแมแ่ กะ ฟินนด์ อรเ์ ซต เจา้ ของเซลลเ์ ตา้ นมทกุ ประการ 3.4.3 ประโยชนห์ รือข้อดขี องการโคลน การโคลนนน้ั มีประโยชนท์ ้ังดา้ นทางการแพทย์ การทดลองทางวิทยาศาสตร์ และดา้ น การเกษตร ดงั นี้ 1. ชว่ ยเพิ่มจานวนพนั ธสุ์ ตั วแ์ ละพนั ธพุ์ ืชหายากหรอื ใกลจ้ ะสญู พนั ธไุ์ ดเ้ รว็ กว่าการผสมพนั ธุ์ กนั แบบ ปกติตามธรรมชาติ 2. ชว่ ยเพิ่มจานวนสตั วท์ ่ีมีลกั ษณะทางพนั ธุกรรมที่ดี เช่น หมทู ่ีใหเ้ นือ้ ในปรมิ าณมาก หรือ โคท่ีให้ นา้ นมในปรมิ าณมากและมคี วามตา้ นทานโรคสงู เป็นตน้ 3. ชว่ ยเพ่ิมจานวนสตั วท์ ่ไี ดม้ ีการปรบั ปรุงลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม ทง้ั สตั วท์ ี่ผสมพนั ธกุ์ นั ดว้ ย วิธี ทางธรรมชาติหรอื ผสมเทียม โดยสตั วเ์ หล่านีอ้ าจปรบั ปรุงพนั ธุม์ าเพื่อผลิตยารกั ษาโรคได้ ช่วยใน การทดลองทาง วิทยาศาสตรท์ ี่ตอ้ งใชส้ ตั วท์ ดลองท่ีมีพนั ธุกรรมและลกั ษณะท่ีเหมือนกนั เป็นจานวน มาก

4. ช่วยในการผลิตอวัยวะของสตั วท์ ี่มีลกั ษณะเหมือนกันเพื่อที่จะใชใ้ นการยา้ ยฝาก หรือ ช่วยใน การปลูกถ่ายทดแทนอวัยวะของมนุษย์ ซึ่งอาจไดอ้ วัยวะที่เขา้ กันไดโ้ ดยภูมิคุ้มกันตวั เองไม่ ตอ่ ตา้ นอวยั วะใหมท่ ่ี รบั เขา้ ไปซงึ่ ชว่ ยทาใหล้ ดความเสย่ี งในการใชย้ ากดภมู ิคมุ้ กนั 5. ช่วยใหน้ กั วิทยาศาสตรเ์ ขา้ ใจกลไกการทางานของยีนมากขึน้ เช่น กรณีผูป้ ่ วยท่ีสมอง ตายจาก การเป็นอมั พาตโดยท่ีอาจสามารถทาการกระตนุ้ ใหเ้ ซลลส์ มองเกิดการแบ่งตวั ทดแทนเซลล์ เดิมที่ตายไปได้ หรอื กรณีของผปู้ ่ วยที่ไตวาย อาจสามารถทาการกระตนุ้ การทางานของไตและทาการ กระตนุ้ ใหเ้ ซลลไ์ ตที่เหลอื อยเู่ กิด การแบง่ ตวั แลว้ ทาหนา้ ทีแ่ ทนกนั ได้ แสดงสตั วท์ เี่ กดิ จากการโคลน

3.4.4 ข้อเสียหรือผลเสยี ของการโคลน ถึงแมว้ า่ การโคลนนน้ั จะมีขอ้ ดีอยมู่ ากแตข่ อ้ เสียก็มีอยไู่ มน่ อ้ ย เชน่ 1. ทาให้เกิดความไม่เป็นเอกลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตท่ีเป็นตัวต้นแบบ ทาให้ขาดความ หลากหลายทาง ชีวภาพ 2. ทาใหก้ ารพฒั นาสายพนั ธทุ์ ีด่ ีมีนอ้ ยลง เพราะมลี กั ษณะเหมอื นกนั ไมเ่ ปลี่ยนแปลง 3. ทาใหส้ ิ่งมีชีวิตมีวิวฒั นาการลดลง และอาจลดความอยรู่ อดของเผ่าพนั ธุ์ได้ เพราะมีความ เหมอื น กนั เป็นจานวนมาก 4. การโคลนท่ีคดั สายพนั ธุ์ที่เป็นตน้ แบบผิดหรือมีลกั ษณะที่ไม่ดีอาจมีผลเสียอ่ืนตามมา ภายหลงั ได้ 3.4.5 การโคลนมนุษย์ ในปัจจบุ นั นีย้ งั ไมม่ ีการการโคลนมนุษยเ์ กิดขนึ้ อย่างเป็นทางการ เนื่องด้วยปัญหาทางดา้ น จรยิ ธรรม อยา่ งเชน่ 1. ในกรณีที่มีคนตอ้ งการอวยั วะใดอวยั วะหน่งึ เนื่องจากอาจสญู เสียไปหรอื ใช้การไม่ได้ อนั เน่อื ง เหตใุ ดเหตหุ นงึ่ แลว้ รอรบั บรจิ าคอวยั วะนน้ั อยเู่ พ่ือการปลกู ถ่ายทดแทนอวยั วะเดมิ ที่สญู เสียไป ซง่ึ ตอ่ ใหไ้ ดร้ บั บรจิ าคแลว้ ก็ยงั มีปัญหาเกี่ยวกบั ดา้ นภมู คิ มุ้ กนั ตนเองทอ่ี าจตอ่ ตา้ นอวยั วะทรี่ บั มาใหมไ่ ดท้ า ใหเ้ กิดผลไมด่ ีได้

2. หากไดท้ าการโคลนคนท่ีเหมือนกนั ออกมา ซึง่ จะมีลกั ษณะที่เหมือนกบั คนท่ีเป็นตน้ แบบ แลว้ ทง้ั รูปร่างหนา้ ตาและพันธุกรรม รวมถึงอวัยวะที่คนตน้ แบบสูญเสียไปก็ยงั มีอยู่ครบถว้ น แลว้ นา อวยั วะของโคลน นน้ั มาปลกู ถ่ายแทนที่อวยั วะคนท่ีเป็นตน้ แบบสญู เสยี ไป ซงึ่ ทาใหค้ นท่ถี กู โคลนออกมา มอี วยั วะไมค่ รบ และเป็นท่ี กงั ขาของหลายคนว่าคนที่ถกู โคลนน่งิ ออกมาถือเป็นมนษุ ยห์ รอื ไม่ 3. ปัญหาทางดา้ นกฎหมายในการพิสจู นผ์ กู้ ระทาผิดในคดีต่างๆ เช่น การตรวจดีเอ็นเอเพื่อ พิสจู น์ เอกลกั ษณบ์ คุ คล เนื่องดว้ ยโคลนมีดีเอ็นเอเหมือนกบั คนที่เป็นตน้ แบบทาใหย้ ากท่ีจะจาแนกได้ วา่ หากเกิดคน ตน้ แบบหรอื โคลนเป็นผกู้ ระทาผิดทางกฎหมายก็ยากท่ีจะจาแนกได้ หรือแมแ้ ต่ลกั ษณะ รูปรา่ งหนา้ ตาทีเ่ หมือนกนั อาจทาใหพ้ ยานระบผุ ิดคนดว้ ย 4. การโคลนมนษุ ยย์ งั ไมเ่ ป็นทยี่ อมรบั จากทางศาสนาอยา่ งนิกายโรมนั คาทอลิก ดว้ ยปัจจยั ทงั้ หลายเหลา่ นี้ ทาใหใ้ นปัจจบุ นั หลายประเทศออกกฎหมาย “หา้ มการโคลนมนุษย”์ ทาให้ รายงาน การวิจยั เก่ียวกบั การโคลนมนษุ ยม์ ีจานวนนอ้ ยมาก แตก่ ็อดท่ีจะคิดไมไ่ ดว้ ่ามีนกั วิทยาศาสตร์ แอบโคลนนิง่ มนษุ ย์ ในสถานท่ลี บั หรอื ในเขตท่ีไมม่ กี ารหา้ มการโคลนมนษุ ยท์ างกฎหมาย

3.5.1 ผลกระทบของการใชเ้ ทคโนโลยีชีวภาพ จากการพฒั นาเทคโนโลยชี ีวภาพ ยอ่ มทาใหเ้ กิดความหวาดกลวั ขนึ้ ในหมมู่ วลมนุษยชาติใน เรื่องของ ความปลอดภัยและจริยธรรมของเทคโนโลยีชีวภาพที่มีตอ่ สาธารณชน โดยกลวั ว่ามนุษยจ์ ะ เขา้ ไปจดั ระบบส่งิ มีชีวิต ซง่ึ อาจจะทาใหเ้ กิดความวิบตั ทิ างสิง่ แวดลอ้ มและการแพทย์ แสดงการคัดค้านพชื ดดั แปรพนั ธุกรรม 1. เทคโนโลยมี ีคุณอนันตแ์ ต่การพฒั นาเทคโนโลยมี ักมีเป้าหมายทางธุรกิจเป็ นleคญั งานวิจยั และ พฒั นาไดใ้ หค้ วามสาคญั ตอ่ ผลสาเร็จทางธุรกิจมากกว่าเพื่อตอบสนองความตอ้ งการของ สงั คม

2. พชื ตดั แตง่ พนั ธุกรรมทมี่ ีคุณสมบตั dิ eจดั แมลงเป็ นประโยชนต์ อ่ สง่ิ แวดล้อม โดย ช่วยลดปริมาณ การใชส้ ารเคมี แต่ความกังวลเกี่ยวกับพืชพวกนี้ คือทาใหค้ วามหลากหลายทาง ชีวภาพลดลง ซงึ่ มีผลในการทาลาย แมลงท่ีเป็นอาหารของนกและสตั วอ์ ื่น ๆ และพืชอาจจะผสมพนั ธุ์ กบั พืชท่วั ไป จนทาใหพ้ ืชตามธรรมชาตกิ ลายเป็น พืชตดั แตง่ พนั ธุกรรมไปหมด ก่อใหเ้ กิดผลกระทบตอ่ สิง่ แวดลอ้ มและระบบนเิ วศ 3. การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศตะวันตก ไดส้ ่งผลกระทบต่อสขุ ภาพ ของประชาชน ประเทศท่กี าลงั พฒั นามกั ถกู ใชเ้ ป็นแหลง่ ทดสอบความปลอดภยั ของยา และเป็นตลาด รบั สินคา้ ท่ีไม่ทราบถึงโทษภยั ดงั เช่น การทดสอบวัคซีนเอดส์ การจาหนา่ ยสินคา้ จีเอ็มโอ ซง่ึ ประเทศ กาลงั พฒั นาขาดความรู้ เงินทนุ และวิทยาการ 4. เป้าหมายหลักของเทคโนโลยีชีวภาพก็คือพืชและสัตว์ ในปัจจุบันได้มีเสียง เรยี กรอ้ งใหม้ คี วาม เคารพตอ่ สิทธิของสิ่งมีชีวิตอ่ืน เช่น การใหร้ บั รองสิทธิสตั วเ์ ช่นเดียวกบั การรบั รอง สิทธิมนษุ ยชน ผูท้ ่ีเรียกรอ้ งเช่นนีเ้ ชื่อว่า แมม้ นษุ ยอ์ าจใชส้ ตั วเ์ พ่ือประโยชนใ์ นทางใดทางหน่ึงได้ แต่ มนษุ ยไ์ มม่ ีสิทธิที่จะไปทาลายหรือเปลี่ยนแปลง เผ่าพนั ธุข์ องสตั ว์ กิจกรรมทางเทคโนโลยีชีวภาพที่มี จดุ มงุ่ หมายในการดดั แปลงลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของสตั วจ์ ึงมี ลกั ษณะท่ีหมิ่นละเมิดบรรทดั ฐานใน เรอ่ื งน

5. นักวทิ ยาศาสตรไ์ ด้นาเทคโนโลยีมาใช้ประโยชนใ์ นอุตสาหกรรมยา ซงึ่ ผลิตภณั ฑ์ ยาเหลา่ นลี้ ว้ น แลว้ แต่พฒั นาขนึ้ จากสารสกดั จากรา่ งกายของมนษุ ยก์ ่อใหเ้ กิดคาถามมากมายในทาง ศีลธรรมและจริยธรรม ทงั้ นี้ เพราะในกฎหมายมนุษยม์ ีสถานภาพเป็นบุคคลไม่มีประเทศใดที่ถือว่า มนษุ ยเ์ ป็นวตั ถทุ างกฎหมายทอี่ าจใชเ้ ป็นสนิ คา้ หรอื เพ่ือแสวงหาประโยชนใ์ นทางพาณชิ ยไ์ ด้ 6. เทคโนโลยชี ีวภาพอาจก่อใหเ้ กดิ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ เพราะความสาเร็จในการ สรา้ งจีเอ็มโอ ทาใหบ้ ริษัทเอกชนสามารถควบคมุ ผลิตภณั ฑท์ ่ีมีความสาคญั ตอ่ ชีวิตความเป็นอย่ขู อง ผูค้ น การเป็นผู้นาในการพัฒนา เทคโนโลยีผนวกกับการใช้สิทธิในทางทรพั ยส์ ินทางปัญญาเป็น เคร่ืองมือการตลาด จะทาใหบ้ ริษัทเอกชนผูกขาด การคา้ สินคา้ เกษตร ก่อใหเ้ กิดความเดือดรอ้ นแก่ ผคู้ นท่ีพ่ึงพิงสินคา้ เหล่านี้ ซึ่งสินคา้ เกษตรเป็นสินคา้ ที่มีความสาคญั และเป็นสินคา้ หลกั ของประเทศ กาลงั พฒั นา 3.5.2 มาตรการควบคุมความปลอดภยั ทางพนั ธุวศิ วกรรม การทดลองทางพันธุวิศวกรรมจาเป็นตอ้ งเกี่ยวขอ้ งกับการใชแ้ บคทีเรยี และสารเคมีหลาย ชนิด ซง่ึ นกั วิจัยจึงจาเป็นตอ้ งตระหนกั ถึงอนั ตรายที่อาจเกิดขนึ้ ได้ ดงั นน้ั จึงมีมาตรการควบคมุ ความ ปลอดภัยท้ังของผู้ทดลอง และผู้ท่ีเกี่ยวข้อง ในประเทศไทยมีหน่วยงานท่ีทาหน้าที่รับผิดชอบ ควบคมุ ดแู ล และใหค้ าแนะนาเกี่ยวกบั การวิจยั และ การใชส้ ิ่งมชี ีวิตดดั แปรพนั ธกุ รรมหลายระดบั ดงั นี้

1. ระดับหอ้ งปฏิบตั ิการ ตอ้ งเป็นหอ้ งท่ีอยใู่ นระบบปิด ซ่งึ สามารถควบคมุ ความปลอดภยั ตอ่ บคุ ลากร ทท่ี างานอยแู่ ละสิ่งแวดลอ้ มภายในหอ้ งทดลอง โดยตอ้ งจดั สถานท่ี อปุ กรณ์ และเครื่องมือ ใหเ้ หมาะสม รวมทง้ั ตอ้ งจดั อบรมบุลากรใหม้ ีความรู้ ความเขา้ ใจและระมดั ระวงั ในการทดลอง เพื่อ ปอ้ งกันการแพรก่ ระจายของส่ิงมีชีวิตดดั แปร พันธุกรรมหรือสารเคมีที่เป็นอนั ตราย สู่ผูท้ ดลองและสู่ สภาพแวดลอ้ มภายนอก 2. ระดับภาคสนาม เมื่อต้องการนาสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมออกมาทดสอบใน สภาพแวดลอ้ ม หรอื แปลงปลกู ตอ้ งไดร้ บั ใบอนญุ าตและทดสอบภายใตก้ ารควบคมุ ดแู ลของหนว่ ยงาน ท่เี กี่ยวขอ้ ง ตอ้ งมขี อ้ มลู อธิบาย รายละเอียดของสิ่งมีชีวิต ลกั ษณะหรอื ยีนท่ีถ่ายฝาก ความเส่ียงท่ีอาจ เกิดขึน้ ต่อสภาพแวดลอ้ ม และวิธีทดสอบผล ในดา้ นต่าง ๆ อย่างละเอียด เช่น ตอ้ งพิจารณาถึงการ เปลี่ยนแปลงทางสณั ฐานวิทยาของพืช ระบบการสืบพนั ธุ์ ระบบ การขยายพนั ธุ์ โอกาสที่จะผสมขา้ ม กบั พันธุพ์ ืชอ่ืน ผลกระทบต่อการปลูกพืชปกติ ผลกระทบต่อจุลินทรียด์ ิน รวมทง้ั ผลกระทบต่อแมลง และส่ิงมชี ีวิตชนดิ อน่ื ๆ 3. ระดับการผลิตเป็ นการค้า หลังจากผ่านการทดสอบภาคสนามแล้ว ถ้าผลการ ตรวจสอบไมพ่ บ ผลเสียหรอื เป็นอนั ตราย สง่ิ มีชีวิตดดั แปรพนั ธุกรรมนนั้ ก็อาจไดร้ บั อนญุ าตใหผ้ ลิตเป็น การคา้ ได้ แตต่ อ้ งผา่ นขนั้ ตอน การพิจารณาจากหนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ งอีกหลายหนว่ ยงาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook