นางสาวสชุ าดา เนียนพลกรงั ปวส. 2 รหสั 6232040028 วทิ ยาลัยสารพัดชา่ งนครราชสีมา
เร่อื ง หัวลา้ นนอกครู เร่ืองมีอยวู่ ่า… ทิดทอง และ ทิดถม เป็นเพอ่ื นรักกัน ทั้งสองไดบ้ วชเรยี น ร่าเรียนต่ารับต่ารามา ด้วยกัน ถงึ แมว้ ่าฐานะของทัง้ สองตา่ งกัน แตท่ ้ังสองก็ไมไ่ ด้รงั เกียจเดียดฉนั ท์กนั เลย เม่ือท้งั สึก ออกมา กช็ ่วยเหลือพ่อแม่ทา่ งานดว้ ยความขยนั ขนั แขง็ อยมู่ าวันหนึง่ มพี ่อค้าเรม่ าขายน่้ามนั ใสผ่ มในหมบู่ ้าน ทดิ ทองกบั ทดิ ถมซึง่ ไมร่ ู้เรือ่ งอะไร จึง ไดซ้ ้อื น่า้ มันใส่ผมมาใช้คนละขวด ต่อมาไม่นานผมของทงั้ สองก็ร่วงเร่อื ยๆทกุ วัน นานวนั เข้าท้งั สองก็ กลายเปน็ คนหัวล้าน ทั้งสองรู้สกึ เปน็ กงั วลกนิ กไ็ ม่ได้นอนก็ไมห่ ลับ และรูส้ ึกอบั อายจนไมอ่ ยากจะออกไปไหนเลย เมอื่ ชาวบ้านรูเ้ ร่อื งข่าวกท็ า่ ทมี าแกล้ง โดยแนะน่ากับทงั้ สองวา่ ถ้าเอาไอ้โนน้ ไอ้นี่มาทา ผมกจ็ ะงอกมา ดงั เดมิ เชน่ บอกใหเ้ อา หนวดเตา่ เขากระต่าย น้่าลายยุง หรอื แม้กระทงั่ ขไ้ี ก่ มาทา ทงั้ สองก็ หลงเชอื่ กลายเปน็ ทข่ี ่าขนั ของชาวบ้านท้ังหมบู่ า้ น ทั้งสองอับอายเป็นอนั มาก จงึ ตดั สินใจไปขอความ ชว่ ยเหลอื จากโยคีทีอ่ ย่กู ลางป่า ด้วยความสงสารโยคีจงึ ใหก้ ารชว่ ยเหลือ โดยให้ทั้งสองไปดา่ น่้าในสระ นา่้ ขา้ งอาศรม 3 ครั้ง ผมก็จะงอกออกมาท่วั ทั้งหัวเหมือนดังเดิม ทง้ั สองไมร่ อช้า รีบทา่ ตามคา่ แนะน่าของท่านโยคี เม่ือลงด่าครั้งแรกแล้วโผล่หวั ขนึ้ มาปรากฏ ว่าผมงอกข้ึนมานดิ หนอ่ ย ครั้งที่ ๒ ผมงอกมาพอประมาณและคร้ังท่ี ๓ ผมของท้งั สองงอกเตม็ หัว เป็นปกติ แตเ่ น่ืองจากทง้ั สองมีแผลเป็นกลางหัวต้งั แต่เด็กๆ ผมจงึ ขนึ้ ตรงแผลเป็นไมไ่ ด้ แทนที่จะไป ปรกึ ษากับโยคี ทิดทอง และ ทิดถม ไดป้ รึกษากนั เองว่า หากดา่ คร้งั ท่ี ๔ ผมจะตอ้ งงอกตรงท่ีเป็น แผลเปน็ แนน่ อน ทั้งสองจงึ ตดั สนิ ใจด่านา้่ ลงไปอกี คร้ัง แต่ทวา่ เหตุการณไ์ มค่ าดฝันก็เกิดข้ึน เม่ือทัง้ สองโผลห่ วั ข้ึนมา กลบั กลายเป็นคนหัวล้านเชน่ เดิม คราวนแี้ มแ้ ต่โยคีเองก็ชว่ ยอะไรไมไ่ ด้แล้ว ทงั้ สองเสียใจ ร้องไหโ้ วยวาย แล้วเดินก้มหน้ากลบั หมู่บ้านดว้ ยความผดิ หวัง เปน็ ทีม่ าของส่านวนไทยท่ีว่า ” หวั ล้าน นอกครู ” :: นิทานเรือ่ งนีส้ อนให้รูว้ า่ :: ก่อนท่าอะไรตอ้ งคิดใหด้ ีเสียก่อน เช่อื ฟังค่าส่งั สอนของครบู าอาจารย์ ไมน่ อกลู่นอกทาง
เร่อื ง กาเนิดกบ (นทิ านพ้ืนบา้ นของประเทศ (ประเทศฟิลปิ ปินส)์ กาลครงั้ หน่ึงนานมาแล้ว มีชายผู้เกียจคร้านมากคนหน่งึ ในแตล่ ะวันเขาจะอยู่ในบา้ น กนิ ๆนอนๆ ทั้งวนั เม่ือเป็นเชน่ นน้ั ภรรยาของเขาตอ้ งท่าหน้าทีห่ าเลี้ยงสามีผ้เู กียจคร้านเอง โดยเธอจะออกไปปลูกผักน่าไปขายท่ีตลาด ฝ่ายสามไี ม่ยอมท่าอะไรเอาแต่กนิ จนพุงป่อง ท่าให้มือเท้าผอมลีบเพราะไม่ค่อยได้เคล่ือนไหว ต่างจากภรรยาของเขา เธอเป็นคนขยันขันแข็ง ท่า ให้ร่างกายแขง็ แรง ในทุกๆวันหลังจากต่ืนนอนตอนเช้าตรู่ เธอจะรีบออกไปท่ีสวน เพ่ือพรวนดินใส่ปุ๋ย รดน่้าผัก ท่าให้ผักงอกงามเต็มแปลง จากนั้นเธอก็จะใช้จอบขุดดินท่าแปลงผักเพ่ือขยายพ้ืนท่ีปลูกผักให้มากข้ึน หรอื ไม่ก็ปลูกใหม่ทดแทนผักทขี่ ายไป วนั ไหนทีเ่ ธอตอ้ งไปขายผัก เธอจะต่นื นอนเร็วกว่าปกติ เธอหาบผักท่ีตัดเตรียมใส่ตะกร้าขนาด ใหญ่ไปขายท่ตี ลาด เมอื่ ขายผกั หมด เธอจะซื้ออาหารเพอ่ื น่ามาทา่ กับข้าวใหส้ ามีผเู้ กยี จคร้านกนิ อยู่ มาวนั หน่ึงสามภี รรยาคู่น้ไี ด้รบั เชิญไปงานเล้ียงในเมอื ง ชายผเู้ ป็นสามีกินอาหารในงานเลีย้ งด้วยความ เอรด็ อรอ่ ย เขากิน กนิ และกก็ ิน จนเขาลุกไม่ขน้ึ เดินกลบั บ้านไมไ่ ด้ เมอื่ เห็นเช่นนนั้ ภรรยาก็ชว่ ย เอาสามีใส่ในรถเขน็ ผัก แลว้ เธอก็เขน็ สามีกลับบ้าน ซึง่ ในระหวา่ งทางกลับบา้ นต้องขา้ มสะพานไม้ เล็กๆ ดว้ ยเหตุท่ีสามีของเธอกินจนตวั ใหญห่ นักมาก ทา่ ให้รถเขน็ ผกั ตกจากสะพานลงไปในแม่น่้า เมือ่ ชายพงุ ป่องตกลงไปในน่้า เขาโกรธภรรยาของเขามาก เขาตะโกนดดุ ่าภรรยา ดว้ ยเสียง อนั ดัง แตเ่ สยี งที่เขาพูดด่าออกมากลายเปน็ เสียง ” โอบ๊ โอบ๊ โอบ๊ “ เขามองดตู ัวเองก็พบวา่ ตวั เอง กลายเปน็ นกบเสียแล้ว ท่าใหเ้ ขาตอ้ งว่ายน่้าหนีไปดว้ ยความอบั อาย
เร่ือง ฤาษเี ลี้ยงลงิ กาลครั้งหน่ึง… นานมาแล้ว มีฤาษีตนหนึ่งอาศัยอยู่ในป่าลึก ฤาษีตนนี้ได้เล้ียงลิงไว้ ฝูงหนึ่ง ลิงซุกซนมากจนฤาษีต้องเฆ่ียนตีอยู่เสมอ วันหนึ่งพระราชาเสด็จมานมัสการฤาษี เหน็ ฤาษตี ลี ิงก็รับสัง่ ว่า ” ลิงซนตามธรรมชาติของมัน ไมค่ วรต้องเฆ่ยี นตี ” ฤาษีก็รับค่าว่าจะไม่ตีลิงอีกต่อไป แต่ทูลขอพระราชาให้งดลงอาญาราษฎรด้วย เม่ือ ไม่มีการลงอาญา คนรา้ ยกก็ ่าเริบ ก่อความเดอื ดรอ้ นไปทวั่ :: ฤาษีทลู พระราชาวา่ :: “ ผ้ทู ไี่ มอ่ ยู่ในระเบียบวินยั ยอ่ มก่อใหเ้ กดิ ความเดือดร้อน จ่าเป็นตอ้ งมีการลงโทษ ” จงึ เปน็ ทว่ี ่าของส่านวน ฤาษเี ล้ียงลิง
เรอื่ ง กระต่ายสามขา นทิ านเร่ืองนมี้ ีความเก่ียวขอ้ งกับ สานวนไทยท่วี ่า “ ยนื กระต่ายสามขา ยืนกระต่ายขาเดียว ” กาลคร้ังหน่ึงนานมาแล้ว มีญาติโยมนากระต่ายย่างมาถวายหลวงพ่อท่ีวัด หลวงพ่อกใ็ หเ้ ดก็ วดั นาไปเก็บไว้สาหรับเป็นอาหารเพล แต่กลิ่นของกระต่ายย่างนนั้ ชา่ งหอม ยัว่ ยวนใจย่งิ นกั ทาให้เด็กวดั อดใจไว้ไม่ไหว เด็กวัดจึงฉีกขากระต่ายย่างออกมากินไปหน่ึงขา เม่ือนากระต่ายย่างไปถวายหลวงพ่อ หลวงพ่อเห็นกระต่ายเหลือเพียงสามขาจึงเกิดความสงสัย เลยถามเด็กวัดว่าใครแอบ กนิ กระต่ายยา่ งไป 1 ขา ? เด็กวัดตอบว่ากระต่ายตัวนี้มี 3 ขาตั้งแต่แรกแล้ว แม้ว่าหลวงพ่อจะสักถาม เพียงใด เด็กวดั ก็ยนื ยนั ว่ากระต่ายตัวนม้ี สี ามขา ไมไ่ ด้แอบกินกระตา่ ยจรงิ ๆ จึงกลายมาเปน็ สานวน “ ยนื กระต่ายสามขา ” หรือ “ ยืนกระตา่ ยขาเดียว ” หมายเหตุ : นิทานเรอื่ งนี้อาจมีมากอ่ น (เปน็ ตน้ กาเนดิ ของสานวน) หรือมีหลงั (แต่งข้ึนรองรบั สานวน) สานวนกระตา่ ยขาเดียว หรือ ยืนกระตา่ ยสามขา กไ็ ด้ ……………………………………………
เรื่อง กาเนิดอาข่า (นทิ านพนื้ บ้าน ชาวดอย) … หลังจากท่ีชนเผา่ ท้ังใหญ่น้อยต่างคนต่างอยู่ แตเ่ ผ่าต่างๆกย็ งั โดดเด่ยี วอ้างว้าง มีความเงยี บเหงาไมส่ นกุ ไม่มีคูค่ รองไวด้ ่ารงเผา่ พันธุ์ เม่อื เปน็ เช่นนนั้ ทกุ เผ่าพนั ธุ์จงึ ได้พรอ้ มใจกนั ไปขอคู่ครองกบั พระเจ้า ทุกเผา่ พนั ธุ์ ทกุ เชอ้ื ชาติ ต่างทยอยไปหาพระเจา้ เพอ่ื เลือกคู่ เวน้ ตา่ งอ่าข่าท่ยี ังไม่ได้มา เพราะมวั ต่างทา่ ไร่อยู่ ครนั้ ทา่ ไรเ่ สรจ็ ก็ไดร้ ีบไปหาพระเจา้ แตก่ ็สายไปเสียแล้ว เพราะพออ่าขา่ ไปถงึ ก็ไม่มีคูเ่ หลอื ให้เลือกแล้ว พระเจา้ บอกว่า ทา่ ไมไมม่ าต้งั แตเ่ มื่อวาน นึกวา่ แบ่งให้หมดแลว้ อา่ ข่ากบ็ อกกับพระเจา้ ว่าเม่อื วานมาไมไ่ ด้ เพราะท่าไรย่ ังไมเ่ สร็จ เมื่อไดย้ นิ ดงั นัน้ พระเจ้าจงึ บอกว่า ถึงแมไ้ มไ่ ด้วันนี้กไ็ มต่ ้องเสียใจ ไมไ่ ดว้ ันน้ี วันหนา้ ยงั มี จากน้นั อา่ ขา่ จงึ ได้เดินทางกลบั บ้านโดยไม่ได้คู่ครองกลับมา แต่เมือ่ เขากลบั ถึงบา้ นเขาก็ยงั ไม่เปน็ สุขอยู่ดี นอนไม่หลบั ไปไหนมาไหนก็ไมม่ เี พ่ือน รู้สึกเหงา ทีไ่ ม่มคี ู่เหมือนชาตอิ ื่น จงึ ตดั สนิ ใจไปหาพระเจ้าอีกครง้ั ไปคร้ังนี้ อาข่าตดั สินใจเด็ดขาด ไดพ้ ดู ขน้ึ ว่า “ เอาไงกเ็ อากนั วนั นีถ้ ้าพระเจา้ ไมใ่ ห้ คู่แก่เรา เราก็จะไมก่ ลับบ้านเดด็ ขาด ” สุดทา้ ยพระเจ้าก็แนะนา่ ให้ปฏบิ ัตติ ามน้ี เจ้าคนมาสาย ในระหว่างเดินทางกลบั บา้ น ใหเ้ จา้ ร้องเพลงไปด้วย แล้วถา้ เจอใครในปา่ หรือระหว่างทางให้รีบดึงคนน้นั ไว้นะ ทนั ใดนนั้ อา่ ขา่ ก็ออกเดนิ ทาง และปฏิบัติทุกอยา่ งตามทีพ่ ระเจ้าได้แนะนา่ และไม่ นานอาข่ากไ็ ด้เจอผหู้ ญิงคนหนึ่งในป่า อาขา่ ควงผู้หญิงคนนน้ั มายงั บา้ น อ่าขา่ จึงได้คคู่ รอง ตัง้ แตน่ นั้ เปน็ ตน้ มา ……………………………………………..
เรอื่ ง ต่อหน้ามะพลบั ลับหลังตะโก กาลครัง้ หนึง่ นานมาแลว้ มีพระราชาองค์หน่งึ เสดจ็ ป่าพร้อมด้วยขา้ ราชบริพารทงั้ หลาย ซ่ึง ในปา่ แห่งนนั้ มีต้นตะโกเปน็ จ่านวนมาก เมื่อเทวดาทราบข่าวว่าพระราชาจะเสด็จมา เทวดา นึกสนุกจึงได้เนรมิตต้นตะโกใหญ่ต้นหน่ึงให้เป็นต้นมะพลับที่มีลูกสุกเหลืองอร่ามหอมหวน ชวนน่ารับประทาน (ลูกมะพลับน้ันกินได้ อร่อย ส่วนลูกตะโกก็กินได้ แต่มีรสฝาดกินไม่ อร่อย) เม่ือพระราชาทรงทอดพระเนตรเห็นเข้าจึงอยากจะเสวย พระราชามีรับส่ังให้ มหาดเล็กไปเก็บมาให้เสวย และทรงให้แจกจ่ายพวกข้าราชบริพารท่ีติดตามมาด้วย รับประทานกันอยา่ งอเรด็ อรอ่ ย พระราชาทรงพอพระทยั ติดอกตดิ ใจในรสชาดของลกู มะพลบั น้นั มาก เมื่อพระองค์ก็เสด็จกลับเข้าวังไป อีกสองสามวันต่อมาพระองค์ทรงคิดถึงลูกมะพลับน้ัน ข้นึ มาอกี จงึ ใช้มหาดเลก็ ใหไ้ ปเกบ็ ลกู มะพลับตน้ นน้ั มาเสวยอกี เมื่อมหาดเล็กไปถึงบริเวณป่าท่ีมีต้นมะพลับต้นน้ันอยู่ เทวดาก็ไม่ได้เนรมิตแล้ว คลายฤทธ์ิแล้วก็เป็นต้นตะโกดังเดิม ท่าให้มหาดเล็กไม่เห็นต้นมะพลับเลย เห็นแต่ต้นตะโก ท้ังนน้ั มหาดเล็กกลับไปกราบทลู พระราชาว่า “ ไม่มีพระเจ้าขา้ ต้นมะพลับไมม่ แี ล้ว มีแต่ต้นตะโก ” ดว้ ยเหตุนี้ ท่าใหโ้ บราณจึงมคี า่ เปรยี บเทียบไว้ว่า “ ตอ่ หน้ามะพลับลับหลงั ตะโก ” ซึง่ มคี วามหมายวา่ “ ตอ่ หนา้ อกี อยา่ ง ลบั หลงั ก็อย่างหน่ึง ”
เร่ือง กลิ่นอาหาร (นทิ านพนื้ บา้ น ประเทศกมั พูชา) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว… มีชายยาจกคนหน่ึง ชายผู้นี้ปลูกเป็นกระท่อมเล็กๆใกล้ บ้านเศรษฐี แต่ที่แปลกประหลาดก็คอื เขาจะยา้ ยกระท่อมทพ่ี ักน้ตี ามทิศทางลม เพราะชาย ผูน้ จ้ี ะคอยสดู กลิน่ อาหารทมี่ าจากบา้ นเศรษฐแี ลว้ กนิ ขา้ วเปลา่ ตามไป เศรษฐีเกดิ ความสงสยั ว่าท่าไมชายยากจนผู้น้ียา้ ยกระทอ่ มบ่อย จงึ ให้คนรบั ใช้ไปสืบ ดูจงึ ได้รคู้ วามจรงิ ว่ายา้ ยตามฤดูกาลของทศิ ทางลม เพ่อื จะสูดกลนิ่ อาหารจากบา้ นของตน เม่ือเศรษฐีทราบดังนั้น ก็รีบไปบอกกับชายยาจกว่า “ เจ้ามีชีวิตอยู่ได้เพราะกล่ิน อาหารจากบา้ นของเรา ดว้ ยเหตุนีเ้ จา้ จะต้องมาเป็นคนรับใช้บ้านเรา ” ชายยาจกไมย่ อม เศรษฐีโมโหจึงน่าชายยาจกไปฟ้องผู้พิพากษา ผ้พู ิพากษาตัดสนิ ให้ ชายยาจกเปน็ คนรับใชข้ องบ้านเศรษฐี แต่ชายยาจกกย็ งั ไมย่ อม จึงย่ืนเรอื่ งอทุ รร้องทุกขต์ ่อ เจา้ เมือง เม่ือเจ้าเมืองทราบเร่ืองราว ก็ส่ังให้ขุนนางน่าผ้าขาวมาวางไว้กลางท้องพระโรง แล้วใหน้ ่าเงนิ ไปวางไวใ้ นผ้าขาว จากนั้นเจา้ เมืองก็พูดกบั เศรษฐวี ่า “ จงรับเงนิ ค่าตวั ของชายยาจกไปเถิด ” เมอ่ื เศรษฐรี ับเงนิ ไปแล้ว เจา้ เมอื งถามเศรษฐีวา่ “เมือ่ เศรษฐหี ยิบเงินคา่ ตวั ของชาย ยาจกนน้ั ชายยาจกก็เห็นท่านหยบิ เงิน แตเ่ ขามีสว่ นไดร้ บั เงนิ จากการมองเห็นหรอื ไม่?” เศรษฐตี อบว่า “ไมไ่ ดร้ บั เงนิ จากการมองเหน็ พระเจา้ ข้า”
เจ้าเมอื งพดู ตอ่ ว่า “กเ็ ปรียบไดก้ ับอาหารของเศรษฐี ถงึ ใครจะสดู กลน่ิ อาหาร แต่อาหารก็ยงั คงเดมิ ไมส่ ญู หายไป เพราะฉะนน้ั เศรษฐจี ะเอาชายยาจกเป็นคนรับใช้ไม่ได้” จากนัน้ ท้งั เศรษฐแี ละชายยาจกก็กลบั ไปบ้านของตนเองด้วยความยินดี และเปน็ เพอื่ นบ้านท่ีดตี ่อกนั อยดู่ ว้ ยกันอย่างสงบสุข เรื่องนี้สอนใหร้ ้วู ่า “ เพอ่ื นบ้านท่ดี ตี อ้ งมนี า้ ใจตอ่ กัน ” ………………………………………………….
เร่ือง นางผมหอม กาลครัง้ หน่ึงนานมาแล้ว… ณ หมู่บ้านแหง่ หน่ึง มีสองสามภี รรยาค่หู น่ึง แตง่ งาน อยู่กินกันมาตั้งนาน แต่ก็ยังไม่มีลูกสักกะที จึงไปบนบานขอต่อเทวดา และในท่ีสุด ก็ ตั้งครรภ์ และคลอดลูกเป็นเด็กหญิงน่ารักคนหน่ึง ตั้งช่ือว่า เทวี เด็กหญิงน้ัน ได้รับการ เลี้ยงดเู ปน็ อย่างดี ดว้ ยความรัก จากพ่อแมท่ ้ังสอง จนเตบิ ใหญเ่ ปน็ สาว อย่มู าวันหนง่ึ นางสาวเทวี ไดเ้ ข้าปา่ ไปหาของป่าและอาหาร วนั นน้ั เข้าไปในปา่ ลึก กว่าปกติ น้่าท่เี ตรียมมาได้หมดลง นางกระหายน้่ามาก ขณะที่เดนิ หาแหล่งน้่าอยู่ บงั เอิญ เหลือบไปเห็น น้่าที่ขังอยู่ในรอยเท้าโค จึงก้มลงดูดกินน่้าน้ัน ก็ให้รู้สึกหอแห้งกระหาย ย่ิงข้ึน คือกินแล้วย่ิงไม่อิ่ม จากน้ันนางก็มองเห็นน่้าที่ขังอยู่ในรอยเท้าช้างดูใสสะอาด ก้ม ลงดื่มกินนา่้ นน้ั ก็ให้รสู้ ึกชมุ่ ฉ่าคอยิ่งนกั จงึ ดม่ื กินจนอิม่ ความหิวกระหายน้นั ก็หายไป นางกลับมาถึงบ้าน จากนั้นไม่นาน ก็ต้ังครรภ์ โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อเด็กในท้อง พอ่ แม่ก็พยายามถามไถ่หาความจริง นางก็เล่าให้ฟงั ตามท่ีเป็นจรงิ และบอกว่าสงสยั เด็กคง เป็นลูกของพญาช้างหรือไม่ก็พญาโค พ่อแม่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ขอให้ได้หลานก็พอใจแล้ว ครบเก้าเดือน นางคลอดลกู เปน็ เด็กหญิงแฝดสองคน คนพใี่ หช้ อ่ื ว่า นางผมหอม เพราะผม ของนางมีกลิ่นหอมตั้งแต่แรกเกิด คนน้อง ให้ชื่อว่า นางลุน เพราะเป็นน้อง นางผมหอม เปน็ คนนิสัยดี โอบอ้อมอารี ชอบชว่ ยเหลือผ้อู ื่นอยูเ่ สมอ ผดิ กับนางลุนซ่ึงเป็นคนขีอ้ จิ ฉา ใจ รา้ ย ชอบรงั แกคนอ่นื รวมถึงชอบรงั แกและแกลง้ นางผมหอมอยเู่ สมอ
นางผมหอมและนางลุน ค่อย ๆ เติบโต ตามวัย เม่ือยังเป็นเด็ก ไปเล่นกับเด็กคน อืน่ ๆ ก็จะถกู ล้ออยูเ่ สมอว่า เป็นเด็กไมม่ ีพอ่ กระทั่งโตเปน็ สาว กย็ ังถูกล้ออยู่ ในที่สดุ ทนไม่ ไหว ทั้งสองจงึ ตัดสินใจไปถามความจรงิ กบั แม่ นางเทวี เล่าความจริงให้ฟัง ว่าไดไ้ ปดื่มน้่า ในรอยเท้าโคและรอยเท้าช้างในกลางป่า กลับมากต็ ้ังครรภ์ พ่อของพวกเจ้าก็คือ พญาช้าง และพญาโค แต่ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นลูกโค ใครเป็นลูกช้าง นางผมหอมและนางลุน จึงขอ อนุญาตมารดาออกตามหาบิดาในป่า รบเร้าบ่อย ๆ เม่ือมารดาอนุญาต ท้ังสองจึงออก เดินทางเข้าป่าตามทางทมี่ ารดาบอก เดินทางมาหลายวัน ในท่ีสุด ท้ังสองก็ต้องเผชิญหน้ากับ พญาช้างใหญ่เชือกหนึ่ง พญาช้างเห็นทั้งสองเข้าคิดว่าเป็นพวกมนุษย์ที่บุกรุกเข้ามา จงึ จะฆ่าเสีย นางผมหอมผู้เป็น พ่ี จึงร้องไหอ้ ้อนวอนขอชีวติ พญาช้างเกิดความสงสยั ว่า เหตุใดหญิงท้ังสองจึงเข้ามาในป่า ผิดวิสัยหญิงย่ิงนัก นางผมหอมจึงเลา่ ใหฟ้ งั ว่า พวกนางเป็นลกู ของแมเ่ ทวี กับพญาช้างและ พญาโค ซ่งึ นางลนุ ก็ชิงพูดว่า ตนเองเป็นลกู ของพญาช้าง ส่วนนางผมหอมเป็นลูกของพญา โค หากจะฆ่าก็จงฆ่านางผมหอมเถิด นางผมหอมพูดว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าใครเป็น ลูกช้าง ใครเป็นลูกโค พวกนางเพียงแต่อยากพบพ่อจึงอุตสาห์ด้ันด้นเข้าสู่ป่าใหญ่ ก่อนจะ ฆา่ นาง ขอใหน้ างไดพ้ ิสูจน์ตวั เองก่อน ถา้ นางไมใ่ ชล่ กู ช้างจรงิ จะฆา่ กย็ อม พญาช้างจึงกล่าวว่า ยินยอมให้พิสูจน์ โดยหากใครปีนงวงขึ้นขี่คอได้ คนน้ันน่ัน แหละคือลูก ว่าแล้วพญาช้างก็ตั้งจิตอธิษฐานตามน้ันแล้วยืนน่ิง ๆ นางลุนมั่นใจนักว่า ตัวเองเป็นลูกช้างรีบปีนข้ึนงวงหมายจะขึ้นหลังช้างให้ได้ เพราะนางเป็นลูกโค แม้พยายาม อย่างไร ก็ไมอ่ าจจะปีนขึน้ ได้ มแี ตล่ ่ืนตกลงมาดังเดมิ พญาชา้ งจึงบอกให้พอก่อน นางผมหอมกลับปีนข้ึนได้อย่างง่ายดายและนั่งอยู่บนคอช้างได้ส่าเร็จ ส่วนนางลุน เห็นว่านางผมหอมปนี ขึ้นได้อย่างง่ายดายจึงอยากลองดูใหม่แม้พญาช้างห้ามกไ็ ม่ฟังนางลุน ก็ยังปีนขึ้นไม่ได้ ในท่ีสุดพญาช้างจึงใช้เท้ากระทืบนางลุนตาย และน่านางผมหอมผู้เป็นลูก ไปยังท่ีอยู่ของตน ให้บริวารน่าหินมาสร้างปราสาทหินให้เป็นเรือนท่ีอยู่ของนางผมหอม เรียกว่าปราสาทนางผมหอม
นางผมหอม แม้จะดีใจท่ีได้พบพ่อ แต่ก็สงสารนางลุนผู้น้องสาว ร้องไห้มาตลอด ทาง แต่ก็ไม่กล้าต่อว่าอะไรพญาช้างผบู้ ิดา ไดแ้ ต่ตดิ ตามช้างดแู ลปรนนิบัตินางผมหอมเป็น อย่างดี ด้วยความรักในธิดา เมื่อนางผมหอมต้องการไปไหน ก็ให้ข่ีคอไป นางผมหอม อาศัยอยู่ในป่ากับพญาช้างเป็นเวลาหลายปี นางเป็นมนุษย์อยู่คนเดียว รู้สึกเหงามาก ท้ัง ตนเองกเ็ ปน็ สาวแล้ว อยากมผี ู้ชายใครสกั คน เป็นเพ่อื นใจ จงึ ออกอุบายเพ่อื ใหไ้ ดช้ ายผูเ้ ป็น เนอื้ คตู่ น วันนั้น นางผมหอม ไปอาบน่้าท่ีแม่น่้าเช่นเคย เตรียมผอบไปด้วย นางถอนผม ตัวเองออกมา 1 เส้น บรรจงม้วนใส่ลงไปในผอบน้ัน ผมของนางยาวจนถึงประมาณ สะโพกทีเดียว และด้วยบุญเก่าของนาง นางจึงมีผมท่ีหอมอยู่เป็นนิจ เม่ือใส่ผมลงในผอบ ปิดฝาเรียบร้อยแล้ว นางได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ผอบนี้ จงลอยน่้าไป ขอกล่ินหอมของเส้น ผมอย่าไดจ้ างหาย ขอให้ชายที่เป็นเนือ้ คเู่ ท่านนั้ สามารถท่ีจะเก็บผอบน้ีได้ คนอื่น ๆ แม้พบ เห็นหากไม่ใชเ่ น้ือคู่แล้วไซร้ ขอให้เก็บเอาไม่ได้เถิด หากชายที่เป็นเน้ือคู่เก็บได้แล้ว ขอให้มี ใจมั่นท่ีจะออกตามหาตัวเราจนได้พบกันเถิด” เม่ืออธิษฐานเสร็จแล้ว ก็ปล่อยวางผอบลง แม่น่้า ผอบนั้น ได้ลอยตามน่้าไปเร่ือย ๆ จนไปถึงเมืองรัตนา ก็ลอยวนเวียนไปมาอยู่แถว ๆ ท่าน่า้ ดา้ นหน้าพระราชวงั เมืองรัตนา มีกษัตริย์หนุ่มรูปงามคนหน่ึงปกครองต่อจากบิดาของตน นามว่าพระ เจ้ารัตนะ ยังไมม่ ีพระมเหสี วันนน้ั พระองค์กับเหล่าบริพารเสด็จไปเล่นน้่าอยู่ท่าน้่าน้ันพอดี เมื่อผอบน้ันลอยมาถึง กล่ินหอมแห่งผมก็ก่าจรขจายไปทั่วบริเวณ ท้ังพระราชาและเหล่า บริพารต่างได้กลิ่นหอมประหลาดน้ันซ่ึงแตกต่างจากกล่ินหอมท่ีเคยสูดดมอยู่ทุกวัน พอดี เหล่าบริพารแลเหน็ ผอบน้อยนน้ั ลอยอย่กู ลางนา้่ สงสยั วา่ มันคอื อะไร จึงต่างว่ายน่้าเข้าไปเพื่อท่ีจะเก็บเอา แต่ก็ไม่มีใครสามารถจะเก็บเอาได้ สร้างความ ประหลาดใจแก่พวกเขาย่ิงนัก จึงมากราบทูลให้พระราชาทรงทราบ พระองค์จึงทรงใคร่ ลองด้วยพระองค์เองบ้าง จึงว่ายน่้าเข้าไปและเก็บได้อย่างง่ายดาย สร้างความอัศจรรย์ใจ แกเ่ หลา่ บริพารย่ิงนกั
พระเจ้ารัตนะ ทราบว่ากลิ่นหอมต้องมาจากของในผอบน้ีเป็นแน่แท้ ข้ึนฝ่ังมาเปิด ผอบออกดู จึงพบเห็นเพียงเส้นผมยาว ๆ สีด่าขลับเงางามเส้นหน่ึง เส้นผมย่ิงส่งกรุ่นกลิ่น หอมอบอวลไปทัว่ พระองค์คดิ วา่ เสน้ ผมนี้ คงเปน็ ผมของเทพธิดากระมัง ถึงไดห้ อมปานน้ี หรอื หากเปน็ ของมนษุ ย์ ผูห้ ญงิ คนนั้น ต้องเปน็ คนมบี ุญมากเป็นแน่แท้ เอาเถิด เราจะออก ตามหานางให้พบ น่ามาเป็นพระมเหสใี หจ้ งได้ พระเจ้ารัตนะ ฝากบ้านเมืองไว้กับเหล่าบริพารท่ีไว้ใจออกเดินทางไปผู้เดียวทวน กระแสน้่าขึ้นไปตามทางท่ีผอบล่องลอยลงมา โดยไม่ลืมท่ีจะน่าผอบเส้นผมติดตัวไปด้วย เดินทางรอนแรมมานานหลายวัน ในที่สุดก็มาถึงบริเวณท่ีอยู่ของนางผมหอม พระองค์สูด ได้กล่นิ กร่นุ หอมแรงชัดยง่ิ ข้ึน จึงแน่พระทัยว่า เจ้าของเส้นผมต้องอาศัยอยู่บริเวณนี้พอดีวันน้ัน พระยาช้างพร้อม บริวารออกหากิน นางผมหอมอยู่คนเดียว พระเจ้ารัตนะเดินทางตามกล่ินแห่งเส้นผมมา เรอื่ ย ๆ จนมาถงึ ท่าอาบน้า่ นางผมหอม ขณะน้ัน นางผมหอมก่าลังอาบน้่าอยู่ เมื่อทั้งสองพบกัน ด้วยอ่านาจบุญท่ีเคยท่า ร่วมกันไว้ให้เป็นเน้ือคู่กัน ท้ังคู่ก็เกิดความรักแรกพบทันทีอยู่ในใจ เมื่อพูดคุยถามไถ่จนได้ ความจริงของกันและกันแล้ว นางผมหอมจึงพาพระเจ้ารัตนะไปบนปราสาทหิน ร่วมทาน อาหาร และอย่ดู ้วยกนั ตงั้ แต่นั้นมา โดยมีขอ้ แม้ว่า ห้ามพระเจา้ รตั นะลงจากปราสาทโดยเด็ดขาด เพราะกลัวพญาช้างจะ ทราบเรื่องแล้วฆา่ เสีย แม้พระยาช้างจะได้กลิ่นมนุษย์คนอื่นที่ไม่เหมือนกล่ินนางผมหอม แต่ด้วยเกรงใจลูก จึงไมไ่ ด้ถามและขอค้นดูในปราสาท เป็นแต่แบกความสงสัยไว้และคอยจับจ้องดูอยู่ภายนอก อยู่ไปอยู่มา ทั้งคู่เกรงวา่ หากพญาช้างจับได้จะเกิดอันตราย จึงวางแผนหนี เพื่อจะกลับไป ครองเมืองรัตนาดังเดิม และในที่สุด ก็หนีออกมาได้ ในวันที่พระยาช้างพร้อมทั้งบริวาร ทั้งหมดออกหากินไกล ๆ ล่องเรือ รอนแรมไพรไปจนถึงเมืองรัตนา ขณะที่ก่าลังเดินทาง
และพักแรมจนกว่าจะถึงเมืองน้ัน ปรากฏว่าเส้นทางน้ันมีนางผีป่าเฝ้าอยู่และเกิดความ เสน่หา ในพระเจ้ารัตนะ เมื่อนางผมหอมอาบน้่าจึงถูกนางผีป่าผลักตก น่้าไปและนางผีป่า กแ็ ปลงตนเองเปน็ นางผมหอมแทน เมื่อถึงพระนครนางผีป่าก็เข้าอยู่ในวังด้วยในช่วง ระยะ เวลาหน่ึง แต่เน่ืองจาก พฤติกรรมของนางผปี า่ แปลง แตกตา่ งกันกับนางผมหอมจริง เมอ่ื พระเจา้ รัตนะทราบความ จริง จึงหาทางก่าจดั นางผีป่าและไปรบั นางผมหอมมาอยดู่ ว้ ย พระเจ้ารตั นะได้แต่งตงั้ นางผมหอมเป็นพระอัครมเหสี และอยู่ครองรกั กันอยา่ งมีความสุข ……………………………………….. อา้ งองิ http://www.nitan108.com/category/%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0% b8%9e%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99 ขอบคุณที่รบั ชมและไดอ้ ่านค่ะ
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: