พอลิเมอร์

POLYMER พอลิเมอร์ จดั ทําโดย นางสาว กัญญ์วรา เพช็ รมีศร ม.6/1 เลขที 8 โรงเรยนห้วยนางราษฎร์บาํ รุง

POLYMER ? พอลิเมอร์ คืออะไร

พอลิเมอร์ พอลิเมอร์ เปนสารโมเลกลุ ใหญ่ทปี ระกอบด้วยหนว่ ยซําๆ กันจํานวนตังเเตห่ ลายพนั จนถงึ หลายล้านหนว่ ยเชือตอ่ กัน ด้วยพนั ธะเคมี หนว่ ยซาํ ๆทีเปนองคป์ ระกอบ เรยกวา่ มอนอเมอร์ พอลิเมอร์ เเบง่ ตามเกณฑต์ า่ งๆ ดงั นี เเบง่ ตามการเกิด 1.พอลิเมอร์ธรรมชาติ เกิดขนึ ตามธรรมชาติ เชน่ เเปง ไกลโคเจน เซลล์ลโู ลส กลโู คส โปรตีน ด กรดอะมโิ น DNA,RNA นวิ คลโี อไทด์ ยางธรรมชาติ

2.พอลิเมอร์สังเคราะห์ มนษุ ย์สังเคราะห์ขนึ พลาสติกตา่ งๆเเละยาง สังเคราะห์ เเบง่ ตามชนดิ ของมอนอเมอร์ 1.โฮโมพอลเิ มอร์ เปนมอนอเมอร์เพียงชนดิ เดียว เเปง พอลิเอทิลนี (PE) พอลโิ พรพลิ ีน (PP) 2.โคพอลิเมอร์ เปนมอนอเมอร์ต่างชนดิ กัน โปรตีน ไนลอน (Nylon 6,6) โครงสร้างของ พอลเิ มอร์ 1) โครงสร้างเเบบเส้น - โซย่ าว - พอลเิ อทิลนี เเละพอลโิ พรพิลนี สายโซ่เรยงชิดกนั ได้มาก จึงมคี วาม เเขง็ เเรง ขนุ่ เเละ เหนยี ว มีความหนาเเนน่ จดุ เดอื ดจุดหลอมเหลวสูง - พอลิไวนลิ คลอไรด์เเละพอลิไตรนโซ่หลกั อยู่หา่ งกนั ทาํ ให้มีความใสกวา่ พอลเิ อทิลนี

2) โครงสร้างเเบบกงิ -โซ่กงิ อาจเปนโซ่สันหรอโซ่ยาวเเตกออกจากโซ่หละก -โซ่พอลิเมอร์ไม่สามารถจดั เรยงชิดกันได้ พอลเิ มอร์ ชนิดนี มีความยดื หยุน่ มคี วามหนาเเนน่ ตาํ จุดหลอมเหลวตํากวา่ พอลเิ มอร์เเบยเส้น -พอลิเอทลิ ีนมคี วามหน่าเเนน่ ตาํ 3) โครงสร้างเเบบร่างเเห ตอ่ กันเปนร่างเเหเมือขึนรูปเเลว้ ไม่สามารถหลอมหรอเปลยี นรูแร่างได้ เบกาไลต์ เเละเมลามีน ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์ 1.พลาสติก คือ สารทีสามารถทําใหเ้ ปนรูปตา่ งๆ ได้ดว้ ยความร้อนซึง พลาสติกจัดเปนพอลเิ มอร์ ชนิดหนึง คุณสมบัตทิ วั ไป 1.อ่อนตัสได้เมือสมั ผัสกบั ความร้อน 2.ไมผ่ ุกร่อนงา่ ย ทนต่ปารสึกกร่อน ทนตอ่ สารเคมี 3.เหนยี ว เเข็งเเรง ทนทาน ยดื หยุน่ ได้ นาํ หนกั เบา 4.เปน ฉนวนไฟฟา กนั นําได้

1.พลาสติก 7 ประเภททึรไซเคิลได้ 1 . พอลิเอทธลิ ีนเทเรฟธาเลท (Polyethylne Terephthalate) หรอทรี ู้จักกนั ดีวา่ เพ็ท (PET หรอ PETE) เปนพลาสติกใส แข็ง ทนแรงกระแทกดี ไมเ่ ปราะแตกง่าย และ กันแก๊สซึมผ่านดี ใชท้ ําขวดบรรจุนาํ ดืม ขวดนํามนั พชื เปนต้น สามารถนํามา รไซเคลิ เปนเสน้ ใย สําหรับทาํ เสอื กันหนาว พรม และใยสังเคราะห์สาํ หรับยัดหมอน เปนตน้ 2 . พอลิเอธลิ นี ความหนาแนน่ สูง (High Density Polyethylene) หรอทเี รยกแบบยอ่ วา่ เอชดีพีอี (HDPE) เปนพลาสติกทีเหนียวและแตกยาก คอ่ นข้างแข็งแตย่ ดื ไดม้ าก ทนทานตอ่ สารเคมแี ละสามารถขึนรูปทรงต่างๆ ได้งา่ ย ใช้ทาํ ขวดนม ขวดนาํ และบรรจุภณั ฑส์ าํ หรับนาํ ยาทาํ ความสะอาด ยา สระผม เปนต้น สามารถนํามารไซเคิลเปน ขวดนํามันเครอง ทอ่ ลงั พลาสติก ไม้เทียม เปนต้น

3. พอลไิ วนลิ คลอไรด์ (Polyvinylchloride) หรอทีรู้จักกนั ดีวา่ พวี ซี (PVC) ใช้ ทาํ ทอ่ นําประปา สายยางใส แผ่นฟลม์ สาํ หรับห่ออาหาร แผน่ พลาสติกสําหรับทาํ ประตู หนา้ ตา่ ง และหนงั เทยี ม เปนตน้ สามารถนาํ มารไซเคลิ เปนท่อนาํ ประปาหรอ รางนํา สําหรับการเกษตร กรวยจราจร เฟอร์นิเจอร์ ม้านังพลาสตกิ ตลับเทป เคเบลิ แผ่นไมเ้ ทียม เปนต้น 4. พอลเิ อทลิ ีนความหนาแนน่ ตาํ (Low Density Polyethylene) สามารถเรยก แบบย่อวา่ แอลดีพีอี (LDPE) เปนพลาสติกทีมีความนิม เหนียว ยืดตวั ได้มาก ใส ทนทาน แต่ไม่คอ่ ยทนตอ่ ความร้อน ใช้ทําฟลม์ หอ่ อาหารและหอ่ ของ ถุงใสข่ นมปง ถุงเยน็ สําหรับบรรจอุ าหาร สามารถนาํ มารไซเคลิ เปนถงุ ดําสําหรับใส่ขยะ ถงุ หหู ิว ถังขยะ กระเบอื งปพู ืน เฟอร์นเิ จอร์ แท่งไม้เทียม เปนต้น

. 6 . พอลิสไตรน (Polystyrene) หรอทเี รยกโดย 5 . พอลโิ พรพลิ นี (Polypropylene) เรยกโดยยอ่ วา่ ย่อวา่ พเี อส (PS) เปนพลาสติกทีมีความใส แต่ พีพี (PP) เปนพลาสตกิ ทีมีความ ใส ทนทานต่อความร้อน เปราะและแตกง่าย ใชท้ ําภาชนะบรรจขุ องใชต้ ่างๆ คงรูป เหนียว และทนแรงกระแทกไดด้ ี นอกจากนียงั ทน หรอโฟมใสอ่ าหาร เปนต้น สามารถนํามารไซเคิล ต่อสารเคมีและนํามนั ใช้ทําภาชนะบรรจุอาหาร เช่น เปนไม้แขวนเสอื กลอ่ งวดีโอ ไมบ้ รรทัด กระเปาะ กลอ่ ง ชาม จาน ถัง ตะกร้า กระบอกใส่นําแช่เยน็ ขวด เทอร์โมมเิ ตอร์ แผงสวตช์ไฟ ฉนวนความร้อน ถาด ซอส แกว้ โยเกิร์ต ขวดบรรจุยา สามารถนํามารไซเคลิ เปนกลอ่ งแบตเตอรในรถยนต์ ชนิ สว่ นรถยนต์ เช่น กันชน ใสไ่ ข่ เครองมอื เครองใช้ต่างๆ และ กรวยสาํ หรับนํามนั ไฟท้าย ไม้กวาดพลาสติก แปรง เปนต้น

7 . นันมไิ ด้มีการระบชุ ือจาํ เพาะ แตไ่ มใ่ ชพ่ ลาสติกชนดิ ใดชนดิ หนงึ ใน 6 ทีไดก้ ล่าวไปในข้างต้น แต่เปนพลาสตกิ ทีนาํ มา หลอมใหม่ได้ 2.ยาง ยาง คือวสั ดพุ อลเิ มอร์ทีประกอบดว้ ยไฮโดรเจนและคาร์บอน ยางเปนวสั ดุทีมคี วามยืดหยนุ่ สูง ยางที มีต้นกาํ เนิดจากธรรมชาติจะมาจากของเหลวของพชื บางชนดิ ซึงมีลักษณะเปนของเหลวสขี าว คล้าย นาํ นม มสี มบตั เิ ปนคอลลอยด์ อนุภาคเลก็ มีตัวกลางเปนนํา ยางในสภาพของเหลวเรยกวา่ นาํ ยาง ยางทีเกดิ จากพชื นเี รยกวา่ ยางธรรมชาติ ในขณะเดียวกนั มนุษย์สามารถสร้างยางสงั เคราะหไ์ ด้จาก ปโตรเลยี ม

3. ยางสังเคราะห์ ยางสงั เคราะหจ์ ะแบ่งตามการ ใชง้ านออกเปน 2 ประเภท ยางสงั เคราะห์ไดม้ กี ารผลิตมานานแล้ว ตังแต่ ค.ศ. 1940 คอื [1][2] ซึงสาเหตุทที ําใหม้ กี ารผลิตยางสงั เคราะห์ขนึ ในอดตี ยางสาํ หรับงานทวั ไป เนืองจากการขาดแคลนยางธรรมชาติทใี ชใ้ นการผลติ อาวธุ (Commodity rubbers) ยุทโธปกรณแ์ ละปญหาในการขนส่งจากแหล่งผลิตในชว่ ง สงครามโลกครังที 2 จนถึงปจจบุ นั ไดม้ ีการพฒั นาการ เชน่ IR (Isoprene ผลิตยางสังเคราะห์เพอื ให้ได้ยางทีมีคุณสมบัตติ ามต้องการ Rubber) BR (Butadiene ในการใชง้ านทสี ภาวะต่าง ๆ เช่น ทีสภาวะทนต่อนาํ มนั Rubber) ทนความร้อน ทนความเยน็ เปนตน้ ยางสาํ หรับงานสภาวะพิเศษ (Specialty rubbers) เชน่ การใช้งานในสภาวะอากาศ ร้อนจัด หนาวจดั หรอ สภาวะ ทมี ีการสมั ผสั กบั นํามัน ไดแ้ ก่ Silicone, Acrylate rubber เปนตน้

4.เส้นใย เส้นใย ( Fibers ) คือ พอลิเมอร์ชนดิ หนึงทมี ีโครงสร้างของโมเลกลุ สามารถนาํ มาเปนเสน้ ด้าย เสน้ ใย เส้นใยธรรมชาติ : เส้นใยเซลลโู ลส ทาํ มาจากลนิ นิ ปอ เสน้ ใยสับปะรด เส้นใยโปรตนี : ขนสัตว์ เชน่ ขนแกะ ขนแพะ เสน้ ใยไหม : เส้นใยจากรังไหม เส้นใยสังเคราะห์ เช่น เซลลโู ลสแอซีเตด ไนลอน ดาครอน Orlo ประเภทของเส้นใย สามารถแบ่งไดเ้ ปน 3 ประเภท 1.เสน้ ใยธรรมชาติ (Natural fibers) มสี มบตั ิดูดนาํ ไดด้ ี แตย่ บั ง่าย แหง้ ชา้ ไม่ทน ต่อเชือรา แบง่ ยอ่ ยได้อีก 3ประเภท คอื - เสน้ ใยเซลลูโลสทีพบในสว่ นต่าง ๆ ของพืช เช่น เสน้ ใยฝาย นุ่น ปาน ปอ ใย มะพร้าว ลนิ นิ ใยสับปะรด - เสน้ ใยจากสตั ว์ เช่น ขนแกะ ขนแพะ ใยไหมซึงเปนโปรตีน - เส้นใยทไี ดม้ าจากแร่ธาตุ เชน่ เสน้ ใยหิน (asbestos)

2. เสน้ ใยสงั เคราะห์ (Human-made fibers) เกิดจากการนาํ พอลิเมอร์สังเคราะหม์ าปน โมเลกุลของเสน้ ใยตอ้ งมขี นาดยาวและมี การเรยงตัวของโมเลกลุ เปนระเบยี บตามแนวแกนของเส้นใย เช่น ไนลอน พอลิเอสเทอร์ เสน้ ใยสงั เคราะหม์ ีสมบัตไิ ม่ยบั งา่ ย ไมด่ ดู นาํ ซักงา่ ย แหง้ เร็ว ทนต่อเชือรา แตม่ ขี อ้ เสีย คือ การระบายความร้อน ไมด่ ี จึงไมเ่ หมาะทจี ะนาํ มาทอเปนเสือผ้า

ผลกระทบของพอลิเมอร์ สบื เนืองจากการเพิมขนึ ของปรมาณการใช้พอลิเมอร์โดยเฉพาะพลาสติกอยา่ งกา้ วกระโดด จงึ เกดิ ปญหาตอ่ สิงแวดลอ้ มตามมา คอื ปญหาขยะพลาสติกและการกาํ จดั เนอื งจากสมบตั ิทีดขี องพอลิเมอร์มคี วามคงทน ต่อสภาวะแวดลอ้ มตา่ งๆ เมอื อัตราการผลิตเพมิ ขนึ อย่างมหาศาล การกาํ จดั ขยะพลาสติกจึงทําได้ยาก หาก จะทิงใหย้ ่อยสลายกใ็ ชเ้ วลานานหลายสบิ ป หรอบางชนดิ กไ็ มย่ อ่ ยสลายเลย นอกจากนีเมือทําพอลิเมอร์มา เผายังทําให้เกดิ กา๊ ซพิษ ทสี งผลตอ่ ปญหามลภาวะเพิมขนึ อกี เมอื มองในส่วนของวตั ถุดบิ ทใี ช้ผลิตพลาสตกิ คือ ปโตรเคมที ีไดจ้ ากเชอื เพลงิ ฟอสซลิ (fossil fuel) พบวา่ มปี รมาณลดลงอยา่ งมาก เพราะอตั ราการเกดิ ขึนทดแทนเกิดได้ช้ามาก ใชเ้ วลาหลายร้อยป แตม่ กี ารขดุ มาใช้อยา่ งมาก จากผลการศึกษาพบวา่ หากเรายัง บรโภคเชือเพลิงฟอสซลิ ด้วยอตั รานตี ่อไป อกี ไม่เกนิ 100 ปข้างหนา้ เชือเพลิงชนดิ นีก็จะหมดไป

Reduce – ลดการใช้ (คิดก่อน หลัก3 R Recycle – นํากลบั ใช้) มาใช้ใหม่ Reuse – นํากลบั มาใช้ซํา (ใช้ คัดแยกขยะ ลดระดบั การใช้ แล้วใช้อีก) ปจจบุ ัน ควบคุมปรมาณการใช้ มลู ฝอยแต่ละประเภท ให้อยู่ในสดั สว่ นทพี อเหมาะ โดย การใช้ซาํ เปนการใช้ ทสี ามารถนาํ กลบั มาใช้ ลดการใช้ การบรโภคทรัพยากร ทรัพยากรใหค้ มุ้ ค่าทีสุด โดย ใหมห่ มุนเวยนกลับเข้า ทีไมจ่ าํ เปนลง เพราะการลดการ การนําสงิ ของเครองใชม้ าใชซ้ ํา บรโภคของเรา จะช่วยให้เราลด ซึงบางอยา่ งอาจใช้ซาํ ได้หลาย ส่กู ระบวนการผลิต ปรมาณขยะทสี ร้างขนึ ได้ ในขัน ๆ ครัง เช่น ใชบ้ รรจภุ ณั ฑ์ซาํ ของแตล่ ะประเภทได้ ตอนนีเรมต้นโดยการสํารวจวา่ หลายครังกอ่ นทิง ใชภ้ าชนะที เราจะลดการบรโภคทไี ม่จาํ เปน สามารถใชซ้ ําได้ เลือกซอื สนิ ค้า ตรงไหนได้บ้าง ตวั อย่าง เช่น ทสี ามารถใชซ้ ําได้ ซึงนอกจาก ชว่ ยลดการเกดิ ขยะแลว้ ยังช่วย ลดปรมาณการตัดต้นไมไ้ ด้เปน จํานวนมาก

THANK YOU.