Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ฆราวาสธรรม

ฆราวาสธรรม

Published by Piyaphon Khatipphatee, 2021-10-29 13:32:26

Description: ฆราวาสธรรม

Search

Read the Text Version

ธรรมะใกล้ม้ ือ ฆราวาสธรรม ธรรมที่�เ่ ป็น็ เครื่่อ� งมืือในการเดินิ ทาง ฆราวาสธรรม พุุทธ ทาส ธรรมทเ่ี ปน็ เครอ่ื งมอื ในการเดนิ ทพาุุทงธทาสภิิกขุุ ภิิกขุุ

ฆราวาสธรรม พุทธทาสภกิ ขุ ___ ISBN 978-616-93631-3-2 พมิ พค์ รงั้ ท่ี ๑ มกราคม ๒๕๖๔ จ�ำ นวน ๔,๐๐๐ เล่ม การบรรยาย ธรรมะท่เี ป็นเครอื่ งมือส�ำ หรับการเดนิ ทาง โอวาทลาสกิ ขาบทแก่พระนวกะวดั ชลประทานฯ คร้งั ที่ ๓ วันทแี่ สดง ๑๙ ตลุ าคม ๒๕๑๓ รหสั ๒๕๒๕๑๓๑๐๑๙๐๓๐ ผู้้ถ� อดเสีียง นิริ มล โชติชิ ัยั สถิติ ย์์ ผู้้ต� รวจทาน นภาพร ฮึงึ วัฒั นากุลุ บรรณาธิิการ นันั ทรััตน์์ ศุุภวราพงษ์์ พิสิ ููจน์์อักั ษร กลุ่�มงานจดหมายเหตุุ กราฟฟิิก Art and Soul พมิ พ์ท่ี บรษิ ทั พมิ พด์ ี จำ�กดั โทร. ๐ ๒๔๐๑ ๙๔๐๑ จัดพมิ พ์โดย มูลนธิ ิหอจดหมายเหตพุ ุทธทาส อนิ ทปัญโญ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ถนนนิคมรถไฟสาย ๒ แขวงจตุจกั ร เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพฯ ๑๐๙๐๐ สั่งหนังสือ/สมทบหนงั สอื http://store.bia.or.th ๐ ๒๙๓๖ ๒๘๐๐ ตอ่ ๕๑๐๑ [email protected]





สารบัญั ๐ ธรรมะที่�เป็็นเครื่�องมืือสำำ�หรัับการเดินิ ทาง ๗ ๑ สัจั จะ ๑๕ ๒ ทมะ ๒๓ ๓ ขัันตี ี ๒๙ ๔ จาคะ ๓๗ ๕ ฆราวาสธรรมมีแี ล้้วแก้้ปัญั หาได้ห้ มด ๔๕ ฟ้า้ สางทางสุุภาษิติ ที่�ข้าพเจ้้าชอบ ๔๗

เพื่อใหช้ ีวติ เปน็ การเดนิ ทางที่ดที ่สี ดุ

๐ ธรรมะที่เป็นเครอ่ื งมอื สำ�หรบั การเดนิ ทาง การบรรยายสำ�หรับผู้ท่ีจะลาสิกขาบทในตอนนี้จะได้ พูดกันถึงธรรมะที่เป็นเคร่ืองมือสำ�หรับการเดินทาง หรือสำ�หรับ การทำ�การงาน หรือสำ�หรับการต่อสู้ในชีวิต น้ีก็ตาม มันใช้ เครอื่ งมือรว่ มกันเพราะวา่ มันเป็นเรอื่ งเดียวกัน เปน็ สิ่งเดียวกัน ขอให้ทบทวนขอ้ ความที่แลว้ มาถงึ เรือ่ ง การบวชและการ ลาสึกก็เพื่อให้ได้เรียนรู้ความรู้ที่จำ�เป็นสำ�หรับฆราวาส แล้ว ก็ออกไปปฏิบัติให้ความเป็นมนุษย์นั้นดีท่ีสุด เพื่อให้ชีวิต เป็นการเดินทางที่ดีที่สุด เป็นการทำ�การงานท่ีดีที่สุด หรือว่า ตอ่ ส้จู นชนะโลกทง้ั สามโลก คือทัง้ โลกนี้ ทงั้ โลกอ่ืน ท้ังโลกอดุ ร 7

ทนี สี้ ง่ิ ทจ่ี ะไดเ้ ปน็ ความรอู้ อกไปมนั กค็ อื ความรทู้ เ่ี กยี่ วเนอ่ื ง กนั อยูว่ ่า ไอช้ วี ิตนี้มันคืออะไร จะต้องเพ่อื ประโยชนอ์ ะไร หรือวา่ จะทำ�อยา่ งไร สำ�เรจ็ ได้โดยวธิ ใี ด มนั เนื่องๆ กันอยู่ ก็รู้แล้วชีวิตคือการเดินทางและการต่อสู้ในหน้าท่ี ทีน้ีก็ จะเหลอื อยวู่ ่าเดินอยา่ งไร ตอ่ สู้อยา่ งไรโดยเฉพาะ มันมีธรรมะอยู่ประเภทหน่ึงต้ังอยู่ในลักษณะที่เป็น เครื่องมือที่จะต้องใช้ในการเดินทาง หรือในการต่อสู้ในชีวิตน้ี แตข่ อย้ำ�อกี สักนดิ หนึง่ วา่ ไอ้เรอื่ งการเดินทางหรอื การทำ�การงาน หรือการต่อสู้น้ีมันเป็นเรื่องเดียวกันหรือสิ่งเดียวกัน การเดินทา งน้ันหมายความว่าจากตำ่�ไปหาสูง ด้วยการทำ�หน้าที่ ด้วยการ ทำ�การงานถูกต้องหมด และในการทำ�การงานนั้นย่อมเป็นการ ต่อสู้ทั้งภายนอกและภายใน ต่อสู้ภายนอกก็คือว่า คู่แข่งขันซ่ึง เป็นมนุษย์ด้วยกันหรือว่าในโลกน้ีมีส่ิงรบกวนมาก ต่อสู้ภายใน ก็คือต่อสู้กับกิเลสของตัวความเหลวไหลของตัวเองเป็นต้น ฉะน้ันเครื่องมือสำ�หรับต่อสู้ก็คือธรรมะประเภทน้ี ซึ่งในท่ีน้ี ก็จะยกเอาธรรมะหมวดท่ีดีท่ีสุด ท่ีสำ�คัญที่สุด เฉพาะเจาะจง ที่สุดแก่ฆราวาส คือธรรมะหมวดที่เรียกว่า ฆราวาสธรรม อยูใ่ นหมวดที่ปฏบิ ตั ิใน นวโกวาท คงจะเคยอา่ นเคยผ่านมาแล้ว 8

จะจำ�ได้แล้วด้วยซ้ำ�ไป ปัญหาก็เหลืออยู่ว่าจะเอามาใช้มันได้ อย่างไร จะปฏบิ ัติใหไ้ ดอ้ ยา่ งไรตามน้นั ที่จริงไอ้ธรรมะนี้ไม่มีฆราวาส ไม่มีบรรพชิต ธรรมะ สำ�หรับดับทุกข์ทั้งน้ันน่ะ แต่ถ้าจะกันเอามาเฉพาะท่ีมันเหมาะ สำ�หรับฆราวาสมันก็ได้พวกหนึ่ง แต่ธรรมะพวกน้ันมันก็ยัง ใช้ได้สำ�หรับบรรพชิต หรือใช้ได้สำ�หรับเรื่องอ่ืนๆ ต่อไปอีก เช่นมีดสักเล่มหนึง่ คนคนหนงึ่ หรือคนพวกหน่งึ กใ็ ช้ไปอยา่ งหน่งึ ใชไ้ ปอยา่ งหนง่ึ ไมเ่ หมอื นกนั ใชเ้ ปน็ อาวธุ กไ็ ด้ ใชเ้ ปน็ เครอื่ งมอื กไ็ ด้ ธรรมะ ฆราวาสธรรม น้ีก็บรรพชิตก็ใช้ได้ แต่ทีนี้เราจะพูดกัน เฉพาะในแงท่ ฆี่ ราวาสจะตอ้ งใช้ ฆราวาสธรรม แปลว่าธรรมสำ�หรบั ฆราวาส ทนี ชี้ ่ือบอก ชัดอยู่แล้วว่าจำ�เป็นแก่ฆราวาส ไปจัดไว้เฉพาะสำ�หรับฆราวาส ในความหมายอนั หน่ึงระดบั หนงึ่ มอี ยู่ ๔ ขอ้ คอื สจั จะ ความจริงใจ ทมะ การบงั คับตัวเอง ขันตี ความอดกล้นั อดทน จาคะ สละส่งิ ที่จะตอ้ งสละ 9

สัจจะ โดยใจความ สจั จะ กค็ อื จรงิ ในการทวี่ า่ ตง้ั ใจจะท�ำ ลงมอื ทำ� หรอื ท�ำ อยู่ กเ็ รียกวา่ จรงิ ฉะนัน้ เปน็ พระเปน็ เณรนกี้ ็บวชจรงิ เรียนจรงิ ปฏบิ ตั จิ ริง ได้ผลจรงิ เรียกว่า สัจจะ ต้องมีความจรงิ ซ่งึ กนิ ความกวา้ ง จรงิ ตอ่ ตวั เอง จรงิ ต่อผู้อืน่ จรงิ ต่อเวลา จรงิ ต่อ หน้าที่การงาน จริงต่ออุดมคติของความเป็นมนุษย์ หรือเกียรติ ของความเปน็ มนุษย์ นี้กเ็ รียกวา่ จริงท้งั นน้ั นะ่ ทมะ ทีนี้ ทมะ คือการบงั คับใจ บังคบั ตัวเองได้ คือบงั คับใจได้ เรียกกันท่ัวๆ ไปว่า การบังคับตัวเอง จะเรียกว่าการข่มกาย ข่มใจ ข่มกิเลส ข่มอะไรก็ได้ท้ังน้ัน ทีน้ีภาษาทั่วๆ ไปในโลกนี้ ใชเ้ รียกวา่ บงั คับตัวเอง การบงั คับตวั เอง ขันตี อนั ถดั ไปก็คอื ขันตี ความอดกลั้นอดทน หมายถึงรอได้ คอยไดด้ ว้ ยความอดกลนั้ อดทน กท็ �ำ ไปเรอื่ ย ทนท�ำ ไปไดเ้ รอื่ ยไมเ่ ลกิ 10

จาคะ ทนี อี้ นั สดุ ทา้ ย จาคะ ค�ำ นแี้ ปลวา่ สละออกไป บรจิ าค สงิ่ ใด ไม่ควรมอี ยู่ในตนก็ตอ้ งเอาออกไป ส่ิงใดควรบริจาคก็ต้องบริจาค ออกไป รวมทงั้ วตั ถสุ ง่ิ ของดว้ ย และความรู้สกึ คิดนกึ นิสยั สนั ดาน อะไรดว้ ย เปน็ สง่ิ ทต่ี ้องบริจาคออกไป ถา้ มันไม่ควรจะมีอยู่ในตน นี้เรียกวา่ มีอยสู่ ขี่ อ้ ทีน้ีก็ดูให้ดีว่ามันเนื่องกันอย่างท่ีมาแยกกัน ถ้าแยกกัน มันทำ�งานไม่ได้ดี หรืออาจจะล้มเหลวก็ได้ เหมือนโต๊ะสี่ขาน่ี ถ้าเอาออกสักขาหน่ึงหรือสองขามันก็ไม่สำ�เร็จประโยชน์ ธรรมะสี่ข้อน้ีก็เหมือนกัน ต้องไปด้วยกันจึงจะสำ�เร็จประโยชน์ ฉะนั้นขอให้มองเห็นความสัมพันธ์กันว่า อันแรกที่สุดต้องต้ังต้น ด้วยความจริงใจวา่ เราจะท�ำ อะไร เราเรียนมารูท้ ว่ั ถึงแลว้ เกยี่ วกับ อดุ มคตขิ องความเป็นมนุษย์ อะไรตา่ งๆ นี้ เหมอื นท่ีเราพูดกัน มาแลว้ สองครงั้ แลว้ ทนี เ้ี หลอื แตจ่ ะตง้ั ใจจะท�ำ ตามนนั้ จะเดนิ ทาง หรอื วา่ จะตอ่ สใู้ หเ้ ตม็ ท่ี คอื เตม็ ตามอดุ มคตทิ เี่ ราหวงั เรยี กวา่ สจั จะ ตง้ั สัจจะลงไปในการกระทำ� 11

ทีน้ีสัจจะน้ีอยู่ไม่ค่อยจะได้ถ้าไม่มีการบังคับตัวเอง ตัว สัจจะที่ไม่มีการบังคับตัวเองนั้นไปไม่รอด หรือว่าไปได้คร่ึงๆ กลางๆ มันกล็ ะลายไปเสีย ตอ้ งมกี ารบงั คบั ตวั เองนี้ ชว่ ยใหท้ �ำ ไป ไมย่ อมแพ้ ไมย่ อม ถอยหลัง ไมอ่ ะไร บังคบั ใหม้ นั ท�ำ ตามสจั จะน่ีอีกทหี น่ึง ทีนี้เมื่อทำ�ไปด้วยการบังคับอย่างน้ีน่ะมันเจ็บปวดหรือว่า มนั ตอ้ งทน มนั จงึ มขี นั ตเี ขา้ มา คอื ตอ้ งทน ถา้ ไมท่ นมนั กบ็ งั คบั ไป ไม่ได้ เด๋ียวมันก็เลิกเพราะการบังคับน้ันมันเจ็บปวด ฉะน้ันต้อง มขี ันตี ความอดทนเขา้ มาช่วยอดกลน้ั ตอ่ ความเจบ็ ปวด ทีนี้ความอดกลั้นนั้นมันมีขอบเขตจำ�กัด ถ้ามันเกินนัก มนั ก็อดกล้นั ไม่ไหว มนั จงึ มีการระบายออกไปอยเู่ รื่อยๆ เหมือน กบั ล้นิ ระบายอะไรสกั อยา่ งหนึ่ง คอยระบายไปเร่ือยพอใหท้ นไหว จึงมีจาคะเข้ามาเป็นข้อสุดทา้ ย นีว่ า่ ธรรมะสี่ขอ้ สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ นี่ทอ่ งกันไวใ้ หด้ ี ถ้าร้วู า่ มนั เป็นอะไร แลว้ รวู้ ่ามนั เนอ่ื งกันอยา่ งไร ทีนี้เราจะพิจารณากันดูโดยละเอียด ไอ้ส่ิงแรกที่จะ มองเห็นก็คอื ว่า เรามสี งิ่ เหลา่ นก้ี ันอยู่ หรอื ว่ารู้จักสิ่งเหลา่ นกี้ นั ดี แต่แลว้ มนั ไม่จรงิ นี่ขอให้พวกคณุ ทกุ คนน่มี องย้อนหลงั ไปแต่หน หลงั ทเี่ ปน็ มาแลว้ แตห่ นหลัง จะพบว่ามนั ขาดในคณุ ธรรมเหล่าน้ี 12

สัจจะ มันก็ไม่รอ้ ยเปอร์เซน็ ต์ ทมะ บังคบั ตวั เองแล้วกย็ ่ิงเหยาะแหยะๆ ไมเ่ อาจริง ขนั ตี กเ็ หมือนกนั มันทนแตป่ าก จาคะ นย่ี งิ่ ไมส่ ละ สละกเ็ พอื่ จะไดข้ องแลกเปลยี่ นอยา่ งน้ี เขาไม่เรยี กว่าสละ ถ้าสละจรงิ กต็ ้องเพอ่ื จะบังคบั ข่มข่หี รอื ละลาย กเิ ลส ไมใ่ ชไ่ ปซื้อหาอะไรมาบ�ำ รุงบ�ำ เรอตัว 13

สจั จะคอื ความจรงิ ใจ

๑ สัจจะ ขอให้พิจารณาดูให้ดีว่าตั้งแต่แล้วมา ตั้งแต่จำ�ความได้ มาจนบัดน้ี จนก่อนบวชน้ีแล้วก็มาบวชนี้สิ่งเหล่าน้ีเรามีกัน อย่างไร ผมพดู โดยไม่เกรงใจวา่ มกี นั อยา่ งใช้ไม่ได้ หรือไม่จรงิ ไมม่ ีอะไรมาท�ำ ใหจ้ ริง มนั ก็เลยไม่จรงิ มันอยากระบุลงไปว่า สำ�หรับข้อทห่ี นง่ึ คอื สจั จะ นนั้ น่ะ มันกลายเปน็ เรือ่ งโกหกตัวเองไปเสียเร่ือย ร้จู ักอดุ มคติของความ เปน็ มนษุ ยแ์ ลว้ มนั กไ็ มป่ รารถนาจะท�ำ โกหกตวั เอง มนั ไปตามใจตา หู จมกู ลนิ้ กาย ความเอรด็ อรอ่ ยทางเนื้อหนงั ยอมเสยี อุดมคติ แกต้ วั ไปตา่ งๆ นานาวา่ อดุ มคตนิ ม้ี นั ไมม่ ปี ระโยชนอ์ ะไร สขู้ องไอ้ 15

เปน็ ชน้ิ เปน็ ดนุ้ เปน็ กอ้ นสดๆ รอ้ นๆ นไ้ี มไ่ ด้ นม่ี นั กค็ อื โกหกตวั เอง เรียกตัวเองว่ามนุษย์แต่ไม่ทำ�อย่างมนุษย์ จริงหรือไม่จริงไป พิจารณาดู มันกค็ ือโกหกตวั เอง ทนี มี้ นั ละเอยี ดหรอื สงู ขนึ้ ไปกเ็ รยี กตวั เองวา่ พระ ถา้ ไมท่ �ำ อย่างพระ ก็ยังเห็นกันอยู่หยกๆ ว่าเล่นหัวหยอกเอินกันอย่าง เด็กๆ อย่างฆราวาส ท่ีเป็นพระนี่ น่ีมันพูดกันตรงๆ เป็นพระ ก็ไม่ทำ�อย่างพระน่ีก็เรียกว่ามันก็ไม่จริง คือโกหกตัวเอง นี่ยังจะ ต้องเป็นอะไรอกี มาก จะเป็นบุตรทด่ี ขี องบิดามารดา จะเป็นศิษย์ท่ดี ขี องครบู า อาจารย์ ของสำ�นักศึกษา จะเป็นพลเมืองท่ีดีของประเทศชาติ จะเป็นสาวกทด่ี ีของพระพทุ ธเจา้ เหล่านี้ มันว่าแต่ปาก วา่ รกั บิดา มารดาก็รักแต่ปาก เคารพบิดามารดาก็เคารพแต่ปาก ไม่ถึง ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของท่ีควรจะรัก ท่ีควรจะเคารพ เพราะไม่มี ใครมาทำ�อะไรได้อย่างก็เพราะว่าบิดามารดาก็ไม่ได้มาเรียกร้อง จู้จ้ีพิถีพิถัน ไอ้เด็กๆ นี่ก็เหลวไหลและก็ไม่จริง น่ีโตป่านนี้แล้ว บวชพระแลว้ จะสึกออกไปแล้วน่ี จะเปน็ บุตรท่ดี ีของบดิ ามารดา กนั สกั ที ก็ดจู ะไมจ่ รงิ เมอื่ นึกเมื่อคดิ นี้กด็ จู รงิ ตง้ั ใจจรงิ แตพ่ อไป กระทบอะไรเข้ามันก็เตลิดเปิดเปิง มันเฉ่ือยชาหรือเลอะเลือนไป 16

ไม่จรงิ บตุ รทดี่ ตี อ้ งยกบดิ ามารดาขนึ้ มาจากนรก คอื ความรอ้ นใจ ทุกชนิด ข้อนี้ก็ต้องจำ�ไว้ด้วย เพราะคำ�ว่าบุตรน้ันก็แปลว่า ผู้ ยกบดิ ามารดาขน้ึ จากนรก คำ�ค�ำ นี้มันแปลอยา่ งนนั้ ตามคำ�เดมิ ความหมายเดิมภาษาอนิ เดยี ทีน้ี นรกคือความร้อนใจทุกชนิด ทีน้ีบุตรนี่ต้องยกความร้อนใจของบิดามารดาออกไปเสียทุกชนิด เดย๋ี วนกี้ ลบั จบั บดิ ามารดาใสล่ งไปในความรอ้ นใจอยา่ งนน้ั อยา่ งน้ี ก็คือจับบิดามารดาใส่นรก มันก็เป็นบุตรไปไม่ได้ เพียงเท่าน้ี มันก็ไม่จริงเสียแล้ว เราไม่ยอมตามความประสงค์ของบิดา มารดา เราเอาความต้องการของเราเป็นใหญ่ น่ีเป็นตัวอย่าง ของการทเ่ี รยี กวา่ ไมจ่ รงิ ไมม่ สี จั จะหรอื ไมม่ คี วามจรงิ หลอกตวั เอง วา่ เปน็ ศิษยท์ ่ีดีของครูบาอาจารย์ ว่าเป็นพลเมืองทีด่ ขี องประเทศ ชาติ เป็นสาวกท่ีดีของพระพุทธเจ้า น้ีก็เล่นตลกอยู่เร่ือย น้ีโดยสว่ นใหญ่มนั เป็นอย่างนี้ ทีน้ีโดยส่วนที่มันเฉพาะเจาะจงลงไปอย่างเช่นว่าเรา จะต้องทำ�อะไร มีหน้าที่อย่างไร เราก็ไม่ค่อยจะจริงต่อหน้าที่ ต่อความหมาย ต่ออุดมคติหน้าที่นั้นๆ ถึงคราวท่ีเราจะต้อง เปน็ เองบา้ ง ทีน้ีเราจะเป็นบิดามารดาเองบา้ ง เป็นครบู าอาจารย์ 17

เองบ้าง เป็นเองบ้าง ก็ไม่จริงอีก ผลสุดท้ายพวกคุณแม้แต่จะ ละการสบู บหุ รี่คณุ ก็ท�ำ ไมไ่ ด้ เพราะมกี ารโกหกตวั เอง เพราะฉะน้ันพระพุทธเจ้าท่านยกเอาข้อสัจจะน้ีมาเป็น ข้อแรกเป็นจุดตั้งต้น ว่าจะต้องซ่ือสัตย์ต่ออุดมคติ ต่อหลักการ ต่ออะไรที่จะต้องทำ�น้ัน จะต้องอธิษฐาน รวบรวมกำ�ลังใจ ท้ังหมดท้ังสิ้นมาตั้งสัจจะอธิษฐานว่าเราจะทำ�อะไร มันมีอะไร ก่ีอย่างที่ต้องทำ� อะไรเป็นเรื่องใหญ่ อะไรเป็นเร่ืองเล็ก ชีวิต คือการต่อสู้ คือการเดินทาง คือการงาน น้ีก็เป็นเรื่องใหญ่ ต้องให้มันสำ�เร็จตามนั้น เพราะในโลกนี้จะต้องมีทรัพย์ มียศ มีไมตรี อยา่ งท่วี ่านต้ี ้องมใี ห้ได้ เรอื่ งโลกหนา้ ก็มีจติ ใจสงบระงบั ก็ต้องมใี ห้ได้เหมอื นกัน ฉะนั้นไปชำ�ระสะสางไอ้เร่ืองความหลอกตัวเอง โกหก ตวั เองนก้ี นั เสยี ทกุ ๆ ทา่ น ทกุ ๆ คน คดิ บญั ชมี นั ดตู งั้ แตต่ น้ จนปลาย มา ตั้งแต่ต้นจนบัดน้ีมันมีความเหลวไหลไม่จริงต่อตัวเองหลอก ตวั เองมาอยา่ งไรบ้าง มันคงจะจริงบ้างแหละ มนั มีสว่ นจรงิ บ้าง ด้วยความจำ�เป็น หรือความหวังความอยากอะไรอยู่ แต่มัน ไม่จรงิ ทั้งหมด มันมสี ่วนโลเล ดว้ ยอำ�นาจของกิเลสซงึ่ เปน็ เหตุให้ แก้ตัว ให้บิดพล้ิว มันก็ฉลาดในการที่จะหาเหตุผลมาแก้ตัว 18

หลอกตัวเองแล้วก็มันก็หาเหตุผลมาให้เห็นว่าไม่ได้หลอกตัวเอง นคี่ อื อุปสรรค นคี่ ือขา้ ศึก คอื พญามาร คือศัตรขู ้อแรก ตอ้ งรบ ให้มันชนะ ต้องฆ่ามันให้ตายด้วยธรรมะท่ีเรียกว่า สัจจะ – ความจรงิ ใจ ถา้ จะจ�ำ แนกดว้ ยรายละเอยี ดมนั มากนะ จรงิ ตอ่ เวลา จรงิ ตอ่ บคุ คล บคุ คลอน่ื จรงิ ตอ่ หนา้ ทกี่ ารงาน จรงิ ตอ่ อะไรกต็ าม และ จริงต่อตัวเอง คือมันมาสำ�คัญทีส่ ดุ มารวมอยู่ทจ่ี ริงตอ่ ตัวเอง ถา้ ไมจ่ รงิ ตอ่ ตวั เองแลว้ อยา่ งอนื่ มนั เหลวหมดนะ่ ทเี่ รยี กวา่ จะตรงตอ่ เวลา จริงต่อเวลา ตอ่ การงาน ตอ่ บุคคลอนื่ น้นั มันเหลวหมด มนั ตอ้ งจริงต่อตัวเองกอ่ น นี่มาสรุปอยู่ที่ว่าจริงต่อตัวเอง ถ้าจะพูดให้เพราะก็ว่า จริงต่ออุดมคติของความเป็นมนุษย์ของตัวเอง มนุษย์ควรจะ ไดอ้ ะไรบ้าง เปน็ อยา่ งไรบ้าง ตอ้ งใหม้ นั ได้ตามอดุ มคตนิ นั้ จงึ จะ เรยี กวา่ ซ่ือตรงต่อตวั เอง ทนี ี้มันก็ไมก่ ลา้ โกหกคนอ่นื ไมก่ ล้าโกง เวลา ไม่กล้าบิดพล้ิว ไม่กล้าอะไรต่างๆ หมด จึงต้องจำ�คำ�ว่า ตรงต่อตัวเองไว้ด้วย ซึ่งมันค่อนข้างจะยากน่ะเพราะว่าเมื่อ ตัวเองเป็นตัวเองแล้วใครจะมาด่ามาว่ามาเตือน มานั่น มันก็ ไมม่ ี มันก็เลยโกหกตวั เองได้งา่ ย ถา้ เราโกหกผูอ้ นื่ เพอื่ นมันก็ด่า 19

เอา หรือว่าไม่ตรงต่อเวลเราก็ไปไม่ทันรถไฟอย่างน้ีเป็นต้น น้ีมันมีไอ้เหล่าน้ีบังคับ แต่ว่าไอ้เร่ืองตรงต่อตัวเองสิมันไม่มีอะไร มาบังคบั มนั นอกจากธรรมะชั้นสูงคือความเปน็ ผู้ดี ความเปน็ ผู้มี ธรรมะเทา่ นน้ั ทจ่ี ะมาตกั เตอื นหรอื จะมาลงโทษใหเ้ สยี ใจ ใหล้ ะอาย ทีนเี้ มือ่ เกิดไม่ละอาย ไม่กลวั ไม่เสียใจตวั เองกล็ ้มละลาย ขอให้มี หริ ิ มโี อตตปั ปะ ใหม้ ากพอ ส�ำ หรบั จะซอ่ื ตรงตอ่ ตวั เองเปน็ ขอ้ แรก สจั จะทงั้ หลายมารวมอยทู่ สี่ จั จะตอ่ ตวั เอง นเ้ี ปน็ จดุ ตงั้ ตน้ ขอให้เหลียวดูไปรอบๆ ว่ามีสัจจะกันอยู่ที่ตรงไหนบ้างในโลกน้ี มากนอ้ ยเท่าไร มนั มแี ตเ่ ล่นตลกหลอกลวงกัน กระท่ังหลอกลวง ตัวเองเป็นท่ีสุด เรียกว่าโลกน้ีมันขาดธรรมะ มันจึงเป็นโลกที่ เดอื ดร้อนระสำ�่ ระสาย เป็นโลกนรก ไมม่ คี วามจริงต่อกันและกนั ไมม่ ีความจรงิ ต่อตัวเอง ทนี สี้ �ำ หรบั ฆราวาสเรานตี่ อ้ งจรงิ ตอ่ ตวั เองส�ำ หรบั ท�ำ หนา้ ที่ การงาน หรอื การเดินทางตามแบบท่วี ่าจะต้องเดินอยา่ งไร ทเ่ี รา พดู กนั แล้วในครัง้ ทแี่ ลว้ มา 20

ส�ำ คญั ที่สดุ มารวมอยู่ทีจ่ รงิ ตอ่ ตวั เอง ถ้าไม่จริงต่อตวั เองแล้วอยา่ งอ่ืนมนั เหลวหมด

ทมะคือการบังคบั ตัวเอง

๒ ทมะ แล้วทนี ี้ก็ดูต่อไปในขอ้ ที่สอง ทมะ ท.ทหาร และ ม.ม้า อา่ นวา่ ทะ-มะ ค�ำ นีม้ นั แปลวา่ ขม่ กค็ อื ขม่ ใจ บงั คบั จติ ใจ บงั คบั ตัวเอง คำ�ว่าจิตใจ คำ�ว่าตัวเองน่ีแทนกันได้ บังคับจิตก็คือ บังคับตวั เอง บงั คบั ตัวเองก็คอื บงั คบั ทจี่ ติ ค�ำ ว่าบงั คบั ตวั เองคือ บังคับจิตของตัวเอง ไม่ให้ทำ�อะไรไปตามการบังคับน้ัน ข้อน้ีก็ ต้องการการกระทำ�ทถี่ งึ ที่สดุ อีกเหมือนกนั พระพุทธภาษิตก็มีอยู่ชัดว่า \"จงบังคับตัวเองใหถ้ ึงขนาด มาตรฐานเดียวกันกับที่ควาญช้างฉลาดบังคับช้างที่ตกนำ้�มัน\" 23

คุณต้องฟังคำ�ว่า \"ควาญช้างที่ฉลาด\" และก็ \"ช้างที่ตกน้ำ�มัน\" มันมีความหมายอย่างไร ไม่ใช่ควาญช้างธรรมดา ไม่ใช่ช้าง ธรรมดา แล้วมันจึงเป็นไอ้ศิลปะหรือว่าเป็นไอ้การกระทำ�ที่มัน รุนแรงมาก ก็เปรียบจิตเหมือนช้างตกน้ำ�มัน ไม่ใช่ช้างธรรมดา เพราะว่าจิตนี้มันเหมอื นกบั สัตว์ป่า สัตว์ท่ีจับมาจากป่าใหม่ๆ เอามาขังไว้เฉยๆ ก็ดูไม่มี พิษสงอะไร แต่พอไปแตะต้อง ไปบังคับ ไปผูก ไปมัด ไปฝึก แล้วก็มันต่อต้านทันที มันก็เลยตึงตังขึ้นมา เป็นอันตรายขึ้นมา จิตจึงถูกเปรียบด้วยช้างที่ตกน้ำ�มัน ก็มันบ้า มันจะเอาแต่เร่ือง ของมัน ไม่ฟงั เสียงใคร ฉะน้ันการบังคับนั้นก็ต้องโดยบุคคลท่ีฉลาด เม่ือเป็น ควาญช้างทีถ่ ึงขนาดมีความรู้ ความสามารถ มอี าวธุ มเี คร่ืองมือ อะไรดี ก็บงั คับชา้ งท่ีตกน้ำ�มนั ได้ นี่สำ�หรับเรากลายเป็นว่าแยกออกเป็นสองคนแล้ว เรา คนเดียวถูกแยกออกเป็นสองคน คือจิตดวงหนึ่งท่ีเป็นจิตเหมือน กับสัตว์ป่า และจิตอีกดวงหน่ึงก็เหมือนกับว่าคนที่จะฝึก บังคับ ไอ้สัตว์ป่านั้น นี่จะงงๆ จะเข้าใจยากกันตอนนี้แหละว่า จิต มันมีดวงเดียวแล้วมันจะเล่นตลก เล่นละครสองบทสองบาท 24

ได้อย่างไร เรื่องเก่ียวกับจิตน้ีไปศึกษากันเป็นพิเศษหรือไว้พูด กันคราวอื่น แต่ให้รู้ว่าถ้ามันมีการกระทำ�หรือการฝึกฝนอย่างใด มาก อย่างน้ันแหละมันจะมีกำ�ลังมาก แล้วมันก็จะข่มข่ีไอ้ท่ีมัน มีกำ�ลังน้อย ฉะน้ันเราถึงอบรมจิตด้วยวิธีต่างๆ ท่ีท่านวางไว้ จะเรียกว่ากรรมฐานหรือวิปัสสนาอะไรก็ตามใจ แต่มันเป็นวิธี ฝึกฝนอบรมจติ ส่วนที่ให้เป็นไปในทางนี้ ทางขวา สมมติว่าทางขวา มากเข้าๆๆ มันก็มีอำ�นาจที่จะควบคุมการปรุงแต่งของจิตท่ีจะ เอียงไปทางซ้าย คือทางเลว ทางตำ่�ได้มากกว่าหรือได้ก่อนกว่า ฉะน้ันจิตดวงเดียวจึงทำ�หน้าที่ได้ทั้งสองอย่าง คือฝ่ายดีก็ได้ ฝ่ายช่ัวก็ได้ ฝ่ายสูงก็ได้ ฝ่ายต่ำ�ก็ได้ ถ้าเราอบรมไอ้ธรรมชาติ ฝ่ายสูงมากมันก็เคยชินแต่ที่จะสูง ฉะนั้นมันจึงเกลียด กัน ออกไปเสียได้ซึ่งฝ่ายต่ำ� หรือทำ�ลายฝ่ายต่ำ�ไปเสียได้ ไม่ให้มัน หือขึ้นมาได้ เรียกว่าฝ่ายสูงมันชนะ นี่อาการอย่างนี้คือ อาการ ทเ่ี รยี กวา่ บงั คบั หรอื ขม่ จติ นไ้ี วอ้ ยา่ งสดุ เหวยี่ งเหมอื นกบั ควาญชา้ ง ทขี่ ม่ ชา้ งตกน�้ำ มนั คอื มสี ตสิ มั ปชญั ญะ รกั ษาไอภ้ าวะหรอื สมรรถ- ภาพของจิตที่ฝกึ ไวใ้ นฝ่ายสงู ให้มนั จรงิ จัง 25

เมื่อคุณคิดว่าคุณจะละบุหรี่ จะท้ิงบุหร่ีน่ี ต้ังสัจจะลง ไปแลว้ ทนี มี้ าสกั ครหู่ นง่ึ คณุ คงเงย่ี นบหุ ร่ี เอาละทนี ม้ี นั กม็ กี ารตอ่ สู้ จะเอาอะไรมาบังคับไอ้ความรู้สึกท่ีเงี่ยนบุหรี่ ท่ีมันจะไปหลอก ตัวเอง เลิกลม้ ความคดิ ทจ่ี ะไปสูบบหุ ร่ี คณุ ไปศึกษาขอ้ นใี้ ห้เขา้ ใจ มันก็จะเข้าใจคำ�ว่า จิตท่ีอบรมดีแล้วมันจะบังคับจิตท่ีไม่ได้รับ ท่ีฝ่ายตำ่�ได้อย่างไร ท่ีเป็นฝ่ายต่ำ� นี่เราต้องสร้างจิตชนิดท่ี เป็นความจริง รักษาอุดมคติจริง แล้วก็บังคับให้มันนึกถึงอยู่แต่ ฝา่ ยนนั้ ดังนั้นมันจะต้องมีวิธีอบรมฝึกฝนจิตตามสมควร แม้ว่า เป็นฆราวาส หัดบงั คับตัวเอง บงั คบั จิตน่ใี หเ้ ต็มทเ่ี หมือนกับพระ ท่ีจะไปจะบรรลุมรรคผลนิพพานโดยเร็วเหมือนกันน่ะ บังคับให้ ทำ�แต่สิง่ ท่คี วรท�ำ แตส่ ่งิ ทถี่ ูกต้อง อยา่ งเฉยี บขาด เหมือนกบั การ บังคับข้างนอก เช่น ครูบังคับศิษย์ พ่อแม่บังคับลูก เดี๋ยวนี้จิต บังคับจิต เรียกว่าเราบังคับจิต มันเนื่องกันอยู่กับสัจจะ เพราะ ฉะนั้นสัจจะมันจะคอยกระตุ้นให้บังคับและการบังคับก็เพื่อจะ หลอ่ เลย้ี งสจั จะไว้ สัจจะมนั ก็จะคอยกระตุ้นการบังคบั ไวอ้ กี มนั ชว่ ยกันและกันอยา่ งน้ี 26

\"จงบังคบั ตวั เองใหถ้ งึ ขนาดมาตรฐานเดียวกนั กบั ที่ควาญช้างฉลาดบงั คบั ชา้ งทตี่ กน�ำ้ มัน\" พระพุทธสุภาษิต

ขนั ตีคอื ความอดกลั้นอดทน

๓ ขนั ตี ทนี กี้ ไ็ ปถงึ อนั ทส่ี ามคอื ขนั ตี –ความอดทน กนิ ความกวา้ งไปถงึ วา่ เราอดทนไดใ้ นระยะยาว รอได้ คอยได้ แมเ้ ปน็ ระยะยาว เปน็ ปี เป็นสิบปีอะไรกค็ อยได้ ทนได้ ความหมายมันเปน็ อยา่ งนนั้ ทีน้ีคนเข้าใจขันตีเป็นเร่ืองเบ็ดเตล็ดเล็กน้อย อดกลั้น อดทนอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็มาอวดดีอวดเด่นว่า เราเป็นคน อดทน ท่ีจริงยังไม่รู้ว่าตัวเองยังไม่ได้อดทนก่ีมากน้อย ทั้งใน โรงเรียนก็มักจะสอนกันแต่ว่า ทนลำ�บากตรากตรำ�เจ็บใจ น้ีมันก็ยังไม่หมด ทนลำ�บากคือเม่ือทำ�การงานแล้วมันลำ�บาก หรือเจ็บไข้มันลำ�บาก ทนตรากตรำ�นี่มันก็ มันต้องทนความ 29

เจบ็ ปวด ทนไอค้ วามหนาวความรอ้ นอะไรตา่ งๆ ทนเจบ็ ใจเมอื่ เขา ด่าว่าก็ทนได้ ไม่โกรธ คนสบประมาทก็ทนได้ ไม่โกรธ น้ีก็ เรยี กว่าการอดทน เปน็ ขันตี ถูกแล้ว เม่ือลำ�บากเหน็ดเหนื่อยก็ทนได้ เม่ือเจ็บไข้ ก็ทนได้ เม่ือถูกเขาสบประมาทก็ทนได้ แต่ว่าการอดทนเพียง เท่านี้มันยังไม่เก่ง มันก็ต้องอดทนให้ถึงขนาดที่เรียกว่า การ บีบคั้นของกิเลส เราทนการบีบค้ันของกิเลสได้เป็นระยะยาว จึงจะเรียกว่าอดทนทแ่ี ทจ้ ริง คำ�วา่ อธิวาสนขนั ตี เล็งถงึ การอดทนต่อการบีบค้ันของ กเิ ลสทงั้ นนั้ คณุ คดิ วา่ จะเลกิ สบู บหุ ร่ี มี สจั จะ แลว้ กม็ ี ทมะ บงั คบั ตัวเองให้เลิก น้ีพอเลิกเข้ามันเงี่ยน มันก็กระสับกระส่ายเหลือ ประมาณ นี่คือการบีบค้ันของกิเลสล่ะ รู้จักก็ดี ถ้ากิเลสมัน จะบังคับให้ไปเลิก เลิกความต้ังใจไปสูบบุหร่ีกันใหม่ หรือว่าจะ ไมไ่ ปดหู นงั บงั คบั ตวั ไมใ่ หไ้ ปดหู นงั ความอยากจะไปดหู นงั นน้ั นะ่ คือกิเลส มันก็บีบคั้นให้ไปดูหนังให้จนได้ ถ้าเราทนการบีบค้ัน ของกิเลสไม่ได้ เราก็สูบบุหร่ีอีก เราก็ไปดูหนังอีก หรือ ไปทำ�อะไรที่เป็นอบายมุขอีก น่ีก็ว่าการบีบคั้นของกิเลส ไม่ใช่ เขา ไม่ใชม่ ใี ครมาดา่ วา่ หรอื ไมใ่ ช่มีการเจบ็ ไขเ้ จบ็ ปวด แดดเผา 30

ลมพัดน่ะ มันเป็นเร่ืองการบีบคั้นของกิเลสท่ีมีอยู่ในจิตใจ เราต้องทนได้ หรือว่าสู้กันได้กับพญามารตัวนี้ คนเราทนไม่ได้ หรือว่าทนได้แต่ไม่เป็นระยะยาวน้ีก็เท่ากับทนไม่ได้ เพราะ บางอยา่ งต้องทนเป็นระยะยาว ฉะนน้ั คนจะทำ�มาหากิน จะทำ�กสกิ รรม ท�ำ สวนอย่างน้ี กต็ อ้ งทนระยะยาวกวา่ สวนที่ท�ำ มนั จะใหผ้ ล ถา้ ทนไม่ได้มันก็เลกิ ไปขโมยดีกว่า ไปคอร์รัปชันดีกว่า ข้าราชการทนรอคอยไม่ได้ก็ คอร์รัปชันดีกว่า เรื่องทนไม่ได้น่ันแหละคือทำ�ให้ไอ้ท่ีตั้งต้นไว้ดี เหลวหมด ตง้ั ใจไวด้ แี ลว้ เดนิ มาตง้ั ครง่ึ ตงั้ คอ่ นนี่ ถา้ ไปเกดิ ทนไมไ่ ด้ ตอนสดุ ทา้ ยนีก้ ็ลม้ ละลายเหมอื นกนั มันตอ้ งทนกันไดต้ ลอดเรื่อง ตลอดราว ต้องการทีจ่ ะต้องทน ทีนี้ฆราวาสน่ีมันจะต้องต้ังตัวจนมีทรัพย์ มียศ มีไมตรี อย่างที่ว่าแล้ว มันยิ่งต้องการระยะยาว กว่าจะมีทรัพย์มากพอ มีทรัพย์แล้วกว่าจะมีเกียรติยศช่ือเสียงมากพอ และกว่าจะมี คนรักรอบด้านน้ีมันก็ต้องทน ทนทำ�ไป คนโบราณเขาสอน ไวอ้ ยา่ งทีเ่ ราไม่ยอม ไม่ค่อยจะเช่ือหรือดูถูก คอื เขาพูดสน้ั ๆ วา่ \"อุตส่าห์ทำ�ไปเถอะ\" เท่านี้ ก็เห็นว่าเป็นคำ�สอนที่เล็กๆ น้อยๆ คำ�สอนเด็กเล่น อุตส่าห์ทำ�ไปเถอะมันดีเองแหละ ผมได้รับคำ� 31

ตักเตือนอย่างนี้จากคนเฒ่าคนแก่ กระทั่งจากพระมหาเถระ ที่รักใคร่เอ็นดูผม ท่านไม่เคยให้คำ�ส่ังสอนอะไรมากไปกว่า ประโยคส้ันๆ น้ีว่า \"อุตส่าห์ทำ�ไปเถอะมันดีเองแหละ\" น่ีหมาย ความว่าเม่ือเรามีสวนโมกข์ใหม่ๆ กำ�ลังเริ่มกิจการสวนโมกข์ คณะธรรมทานใหมๆ่ น้ี พระเถระผู้เฒา่ บางองคค์ ิดว่าผมอาจจะ เลิกล้มความตั้งใจเพราะสู้ไม่ไหว อุตส่าห์เตือนกันแต่เพียงเท่านี้ นผี่ มกเ็ อามาเตอื นพวกคณุ อกี วา่ \"อตุ สา่ หท์ �ำ ไปเถอะมนั ดเี องแหละ\" มีแต่คณุ ทนไมไ่ ด้ ท�ำ ไปเถอะน่มี นั ทนไมไ่ ด้ มนั จะเอาเดี๋ยวนี้ มนั จะเอาเรว็ ๆ เอาเอรด็ อรอ่ ยในทางวัตถุ ทางเนื้อ ทางหนงั ไม่เอา อดุ มคตเิ สยี แลว้ ก็ไมม่ ีการอดทนในระยะยาว ฉะน้นั จะตอ้ งรูจ้ ักอบรมจติ ใจอีก ไมม่ ีอะไร อบรมจิตใจ ให้มันทนได้ เม่ือเราอบรมจิตใจให้บังคับตัวเองได้ และอบรม จิตใจให้มันทนได้ ทนไปถ้าทนได้ ก็มีเคล็ดอยู่ว่า ให้รู้สึกสนุก ในการทนกันเสียบ้าง คือว่าดึงเอาไอ้ความเคารพนับถือตัวเอง เข้ามาช่วย ว่าพอเราทำ�อะไรในลักษณะที่เราเห็นว่ามันถูกต้อง เราควรจะมีความอ่ิมอกอ่ิมใจว่าเราก็มีอะไรดี และเราเคารพ ตัวเองได้ว่ามีอะไรดี อันนี้มันจะช่วยให้ทนได้ หรือให้มันย้ิมได้ ให้มันสนุกในการทน ไม่ใช่ว่าเราจะไปยินดีปรีดาพอใจต่อเม่ือ 32

ได้ลาภ ได้ยศ ได้ชื่อเสียง ได้อะไรต่างๆ เหล่าน้ัน นั่นละ จะทำ�ให้ทนไม่ได้ เราจะต้องยินดีเมื่อได้ทำ� เมื่อได้ทน เม่ือได้ ลงมอื ทำ�และได้ทน ได้อดทนอยู่นีเ่ ราจะยนิ ดี จะพอใจว่าเป็นการ ได้ที่ดี แล้วก็นับถือตัวเอง เคารพตัวเอง ยกมือไหว้ตัวเองว่ามัน อุตส่าห์ทำ�มาได้ถึงขนาดน้ีเชียวนะในการอดกลั้นอดทนหรือ อะไรกต็ าม นี่ผมพูดน่ีก็เพ่ือให้คุณไปทบทวนทดสอบดูว่าคุณเคยทำ� กนั อยา่ งนรี้ เึ ปลา่ ทแี่ ลว้ มาแตห่ ลงั ถา้ ไมเ่ คยท�ำ กจ็ ะตอ้ งเตรยี มตวั ที่จะทำ�แล้ว เพราะว่าต่อไปน้ีมันต้องออกไปเผชิญโลกให้ดีกว่า ท่ีแล้วมา มีเหตุการณ์บังคับหลายอย่างและโดยเฉพาะอย่างย่ิง ก็คือว่า ไอ้สังคมเขาจะไม่ให้อภัยแก่เราแล้วถ้าเราไปทำ�ผิด ทำ�พลาด เพราะเราได้บวชแล้ว เขาถือว่าคนบวชแล้วรู้แล้ว ทำ�อะไรผิดไม่ได้แล้ว ไม่เหมือนเม่ือก่อนยังไม่ได้บวชได้เรียนทำ� อะไรผดิ บ้างกไ็ มค่ ่อยจะถือสาอะไร แตน่ ีบ่ วชเรียนแล้วสึกออกไป ทำ�ผิดอะไรก็ไม่ยอมแล้ว จะชี้หน้าว่าบวชเสียผ้าเหลืองแล้ว นั่นแหละเตรียมตัวให้ดีที่จะมีความจริงใจ มีการบังคับตัวเอง มคี วามอดทน ใหเ้ ขาเหน็ ว่า มนั ประกอบอยดู่ ว้ ยคณุ ธรรมเหล่านี้ จรงิ ๆ เขาจะยกมือสาธกุ ารวา่ ไม่เสยี ทีท่ไี ดบ้ วช 33

ทนการบีบคั้นของกเิ ลสไดเ้ ป็นระยะยาว จงึ จะเรยี กว่าอดทนท่ีแทจ้ รงิ 34

อตุ ส่าห์ทำ�ไปเถอะมันดเี องแหละ 35

จาคะคือสละสิ่งท่จี ะต้องสละ

๔ จาคะ ทีน้ีอันสุดท้าย จาคะ –บริจาค น่ีใช้กับสิ่งของก็ได้ ข้าวของเงินทองอะไรก็ตามที่เป็นวัตถุบริจาคออกไป นี้ก็บริจาค ความรูส้ ึกคดิ นึกนิสยั สันดานเลวๆ ก็ต้องบริจาคออกไป ถา้ มันมี อะไรเป็นความเลวอยู่ในตัวต้องบริจาคออกไป นิสัยเลวๆ สนั ดานเลวๆ ทเี่ พ่ิงมาจบั ได้เดีย๋ วนีว้ ่า เอา้ , นี่มนั นิสัยเลวน่ีหวา่ ก็ต้องบริจาคออกไป นี้เรียกบริจาคไอ้ส่ิงที่เป็นนามธรรมไม่ใช่ วัตถุ ละเว้นความช่ัวน่ีก็เรียกว่าบริจาคความชั่วออกไป ละเว้น นิสัยสันดานท่ีเคยประพฤติเลวๆ เช่นสูบบุหร่ีน้ี นิสัยน้ีเลว เอ้า, 37

บรจิ าคออกไป ไมใ่ ช่เอาบหุ ร่ไี ปเทยี่ วแจกคนอืน่ นะ ไมใ่ ช่อย่างนั้น เรียกว่าจะละการสบู บหุ ร่ี ทิ้งบหุ รี่ สละบหุ รี่ ทีน้ี จาคะ หรือบริจาคนี้จึงใช้ได้เป็นความหมายรวมๆ กันว่า บริจาคสิ่งท่ีไม่ควรเอาไว้ คำ�แปลที่ดีท่ีสุดของคำ�คำ�นี้คือ บริจาคส่ิงที่ไม่ควรจะมีอยู่หรือเอาไว้ เงินส่วนน้ีถ้าไม่บริจาคออก ไป มันจะทำ�ให้คนนั้นเลวลงมาก คือเป็นคนข้ีเหนียว เป็นคน เห็นแก่ตัวจัด เม่อื เหตกุ ารณ์มนั อยใู่ นสถานะทีค่ วรชว่ ยเหลือกัน ดว้ ยเงนิ ด้วยของ ดว้ ยแรงอะไรก็ตาม คนน้ีมันยงั ไมช่ ่วย มนั ยัง ไมบ่ รจิ าค ดังนั้นเราถอื วา่ ไอ้เงนิ สว่ นน้คี อื เงนิ ทีเ่ อาไว้ไมไ่ ด้ คือเงนิ ท่ีต้องบริจาค ถ้าขืนเอาไว้เราจะเป็นคนเลว คือข้ีเหนียวเกินไป เห็นแก่ตัวเกินไป ฉะน้ันเราจึงบริจาคเงินน้ีให้คนขอทานบ้าง ให้การกุศลทสี่ ูงขน้ึ ไปตามล�ำ ดับๆ ในเม่ือควรจะบริจาค ใหถ้ อื วา่ เงินน้นั เอาไว้ไมไ่ ด้ ถ้าขืนเอาไว้มันทำ�ใหเ้ ราเลว ให้เปน็ คนเห็นแก่ ตัวก็บริจาคมันออกไป คือบรจิ าคเงินนัน้ ทีนี้ดูให้ดีบริจาคเงินน้ันไม่ใช่บริจาคแต่เงิน มันบริจาค ความเห็นแกต่ ัว บรจิ าคความตระหนี่ขเ้ี หนียวออกไปด้วย นน่ั นะ่ คือบริจาคข้างใน บริจาคข้างนอกคือเงินหรือของ ให้สุนัขกิน ให้แมวกินอะไรก็ตามใจมันบริจาคของข้างนอก ทีน้ีข้างในก็คือ 38

บริจาคความเห็นแก่ตัว จนไม่ให้ใครกนิ จนไม่เอ็นดเู มตตาปรานี ใครเสียเลยน่ีมันเลวมาก ก็เลยบริจาคความเห็นแก่ตัว ความ ข้เี หนยี วออกไปดว้ ย น้มี ันก็เรียกวา่ เน่ืองกนั ทนี ท้ี ม่ี นั ยังมีอีกไกลไปกว่านน้ั กค็ อื ว่า นสิ ัยเลวๆ สนั ดาน เลวๆ น้ี จะต้องต้งั ปณิธานท่จี ะละมนั ยกตัวอย่างมาแลว้ แล้วๆ เล่าๆ เช่นการสูบบุหร่ี ไอ้เรื่องน้ีมันเป็นเรื่องไม่มีประโยชน์ ขืน เอาไว้ทำ�ให้เราเลวลง เป็นคนไม่มีทมะ ไม่มีความรู้สึกผิดชอบ ชั่วดี เพราะฉะน้ันก็เห็นอยู่ว่า บุหร่ีมันไม่มีประโยชน์แล้วทำ�ไม เราต้องไปเป็นทาสมัน จนต้องไปซื้อหามาสูบแล้วเป็นทาสมันล่ะ ทำ�อยา่ งน้ันมนั เป็นคนไมร่ จู้ กั ผดิ ชอบชัว่ ดี ไม่รู้จกั ถูก ไม่รูจ้ ักผิด ฉะนั้นสันดานหรือนิสัยอันน้ีต้องละออกไป แม้ว่าจะเคยสูบบุหรี่ มาแล้วตั้งสิบปี ยี่สิบปี น่ีเขาเรียกว่าบริจาคสิ่งท่ีควรบริจาค ออกไปเสียจากจิตใจ อย่าเอาไว้ในจิตใจ จริตหรือนิสัยที่เลวนั้น สนั ดานที่เลวน้ันจะตอ้ งสละออกไป ต้องมกี ารไขออกระบายออก อย่างน้ีอยู่เรื่อยๆ ไป เราจึงจะรักษาหลักต่างๆ ไว้ได้ มิฉะน้ัน จะมีความกดดันมากจนเรียกว่าทน ทนไม่ไหว จริงใจอยู่ไม่ไหว บังคับตัวเองไม่ไหว อดกล้ันทนไม่ไหว เพราะมันมีความกดดัน ในส่วนนิสัยสันดานน่ะมันมากเกินไป ช่วยแก้ไขมันทุกอย่าง 39

ทุกทางเปน็ การระบายออกไป ระบายออกไปเลก็ ๆ น้อยๆ ทุกๆ วิถีทางท่ีมันจะระบายไอ้ความชั่วหรือนิสัยเลวออกไปได้ ฉะนั้น อย่าเหน็ เปน็ ของเล็กน้อยในการที่จะสงบจติ สงบใจ ไหวพ้ ระสวด มนต์ภาวนาเชา้ ๆ เย็นๆ กอ่ นนอนอะไรกนั บ้าง มนั กเ็ ป็นเคร่อื ง ชว่ ยระบายนสิ ยั เลวๆ ออกไป แล้วก็สรา้ ง หิริโอตตปั ปะ ขนึ้ มา นี่คุณคิดว่าเรื่องเหล่าน้ีเป็นเร่ืองพ้นสมัยแล้ว เป็นเรื่อง ของคนโงเ่ งา่ หรอื เปน็ เรอ่ื งของปู่ยา่ ตายายทพ่ี น้ สมยั แลว้ ในการ ที่จะมาไหว้พระสวดมนต์บ้าง เช้าๆ เย็นๆ หรือมาน่ังนึกรำ�พึง ถึงสงั ขาร อนจิ จัง ทุกขงั อนตั ตา บา้ ง อยา่ เขา้ ใจผิดว่านี้มันไมม่ ี ประโยชน์หรือพ้นสมัยแล้ว หรือว่ามันไม่เกี่ยวกับเรา เพราะว่า นนั่ แหละคอื ไอร้ เู ลก็ ๆ ทจี่ ะเปดิ ไขระบายไอน้ สิ ยั สนั ดานเลวๆ ออก ไป เรื่อยๆ ทีละเล็กทีละน้อย มันจะได้มีเหลือความกดดันน้อย แล้วเราจะทนได้ ไอ้เรื่องท่ีเราจะตอ้ งทนนี่มันจะทนได้ ทีนค้ี �ำ ว่า จาคะ บรจิ าคสง่ิ ท่ไี มค่ วรมอี ยู่ในตนออกไปเสีย จากตนนมี้ คี วามหมายกวา้ งมาก นบั ตงั้ แตใ่ หเ้ งนิ ใหข้ องชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื จนกระทง่ั ใหไ้ อค้ วามเหน็ แกต่ วั ทกุ ชนดิ สละความเหน็ แกต่ วั ทุกชนิด ความโง่ ความเขลา ความหลง ความมัวเมาต่างๆ นี้ต้องสละออกไป น่ี จาคะ คำ�นี้มันกว้างอย่างนี้ ไม่ใช่เพียง 40

แต่ว่าให้ของ ให้น่ันให้น่ีแก่กัน แล้วจะเป็นจาคะขึ้นมา น้ันมัน เป็นเรื่องค้าขาย เอาเงินไปซ้ือความรักอย่างนี้มันไม่ใช่จาคะ เอาเงินไปจา้ งเขามาเปน็ พรรคพวกของเรานีม้ ันไมใ่ ชจ่ าคะ ไม่ใช่ การให้ทาน เปน็ การลงทุนเพอื่ ผลก�ำ ไร แมท้ ีส่ ุดแต่วา่ ไปทอดกฐนิ ไปทำ�บุญให้ทานอย่างนั้นอย่างน้ีเพื่อจะได้สวรรค์วิมาน อย่างนี้ ก็ไม่ใช่จาคะ เป็นการค้าขายเอากำ�ไรเกินควร อย่างงมงาย บริจาคเงินทำ�บุญออกไปจริงแต่มันไม่ล้างความตระหน่ี มัน ไม่ล้างความเห็นแก่ตัว เพราะมันหวังว่าจะได้สวรรค์วิมานอะไร เป็นกำ�ไรมหาศาล น่ีมันไม่ละความเห็นแก่ตัว ไม่ละความ ตระหน่ีอย่างนี้ มันได้เป็น จาคะ แล้วก็ทำ�บุญนี้ออกไปน้ีเพื่อผู้อื่น จะไปทอดกฐนิ หรอื จะไปท�ำ อะไรก็ตาม ส่งิ ที่บรจิ าคไปนัน้ ขอให้ มันเปน็ ไป เปน็ ประโยชนแ์ ก่ผู้อน่ื เถอะ เราจะไมย่ อมรบั เอาอะไร เลย กแ็ ลว้ นเี่ ราจะไดม้ ากทส่ี ดุ คอื ไดท้ �ำ ลายความเหน็ แกต่ วั \"ไมเ่ อา อะไรเลยน้ันได้มากท่ีสุด\" คำ�พูดนี้ฉลาดเกินไปกว่าท่ีคนสมัยนี้ จะเข้าใจได้ เพราะวา่ คนสมัยนี้มันมวั เมาแตจ่ ะเอาแต่ได้ทางวัตถุ คนโบราณเขาพูดว่า ไอ้ไม่เอาอะไรเลยนั่นแหละจะได้ จะได้หมด เพราะว่าเมื่อเราไม่เอาอะไรเลยหมายความว่าเรา 41

ไมเ่ หน็ แกต่ วั เรากไ็ ดธ้ รรมะสงู สดุ คอื ความไมเ่ หน็ แกต่ วั ถา้ บรจิ าค สิง่ ของอะไรออกไปก็ขอใหเ้ ปน็ ประโยชน์แกผ่ อู้ ื่นเถอะ อย่ามานึก ถึงเรา อย่ามาเก่ยี วกบั เราเลย บรจิ าคไป สมมติวา่ ไปทอดกฐนิ น่ี ให้เงินนั้นมันไปเป็นประโยชน์แก่การสร้างวัดสร้างวา สร้างการ ศกึ ษา สร้างหมู่คณะสงฆ์ทดี่ ี มีศาสนาเป็นท่ีพงึ่ อยู่ในโลก ให้สตั ว์ โลกทั้งหลายมีความสุขเถิด เราอย่านึกเอาอะไร นั่นแหละจะได้ มาก และได้สูงสุด คงเป็นจาคะท่ีแท้จริง ในที่นี้ คือมันสละ ออกไปจริงๆ ไมใ่ ช่ลงทุนคา้ หาก�ำ ไรเกินควร ฉะนน้ั จาคะทแี่ ทก้ ต็ อ้ งสละไอค้ วามรสู้ กึ เลวๆ นไี้ ป เลวๆ สันดานเลวๆ โดยเฉพาะความเห็นแก่ตัวน้ันน่ะต้องสละออกไป ก็ทำ�ทุกอย่างทุกทางท่ีจะทำ�ลายความเห็นแก่ตัว เม่ือขี้เกียจ ก็ขยันเสียมันจะทำ�ลายความเห็นแก่ตัว เม่ือมันจะไปเที่ยว สนุกสนานอบายมุขก็หยุดเสียเพ่ือทำ�ลายความเห็นแก่ตัว ไหวพ้ ระสวดมนตเ์ พ่อื ท�ำ ลายความเห็นแกต่ ัว เพราะวา่ มันข้ีเกยี จ ไม่อยากทำ� มันจะทำ�เพ่อื ทำ�ลายความเห็นแก่ตวั จะท�ำ ไปแต่ใน ทางท่ีตรงกันข้ามต่อความเห็นแก่ตัว อะไรเป็นความเห็นแก่ตัว เราจะทำ�อย่างทางตรงกันขา้ มเรือ่ ย อยา่ งประชดมนั เลย นีจ่ งึ จะ เป็นจาคะในท่ีน้ี 42

จาคะท่แี ท้กต็ ้องสละไอค้ วามรสู้ กึ เลวๆ นี้ไป ... โดยเฉพาะความเหน็ แกต่ วั นัน้ น่ะต้องสละออกไป

สจั จะ คือความจริงใจ ทมะ คอื การบงั คับตัวเอง ขันต ี คือความอดกลัน้ อดทน จาคะ คือสละสง่ิ ท่ีจะต้องสละ

๕ ฆราวาสธรรม มีแลว้ แก้ปัญหาได้หมด น่ีเราพูดกันถึงฆราวาสธรรมส่ีข้อ ในฐานะท่ีเป็นตัว ธรรมะบริสุทธ์ิ ก่อนๆ เวลามันมีจำ�กัด ให้เรารู้จักไอ้ส่ิงท้ังส่ี น้ีอย่างถูกต้อง เก่ียวข้องกับเราอย่างไร เป็นความสำ�เร็จหรือ ความล้มเหลวอย่างไรเสียก่อน แล้วเราจึงจะศึกษาให้มันจำ�กัด เข้าไป ลงไป ท่ีเรียกกันว่าประยุกต์ แล้วเอาธรรมะนี้มาใช้ ไดอ้ ยา่ งไร พูดกันให้เห็นชัดยงิ่ ขึ้นไปอีก ในที่น้ีก็ขอให้ทุกคนจำ�คำ�พูดส่ีคำ�นี้ของพระพุทธเจ้าไว้ ว่า สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ น้ีเป็นธรรมะสำ�หรบั ฆราวาสโดยตรง 45

ถา้ ไมเ่ ช่อื กจ็ งไปถามสมณพราหมณ์ ครบู าอาจารยเ์ หลา่ อื่นดูทวี ่า ยังมีธรรมะไหนอีกบ้างท่ีเหมาะสำ�หรับฆราวาสย่ิงไปกว่าธรรมะ ส่ีอย่างนี้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสอย่างน้ี เมื่อฆราวาสมีธรรมะ สี่อยา่ งนแี้ ล้วจะแกป้ ัญหาต่างๆ ไดห้ มด สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ เป็นพระเครื่องรางแขวนไว้ที่คอ ให้ท่ีคอของเรามี สัจจะ ทมะ ขันตี จาคะ เป็นสัญลักษณ์ที่แขวนไว้ มีความจริง และบังคับ ให้ได้ แล้วก็ทนได้ แม้จะต้องทนในระยะยาว และก็ระบาย ความกดดนั ตา่ งๆ ออกอยเู่ สมอ ทนได้ เรียกว่า ฆราวาสธรรม สี่อยา่ ง เจาะจงไว้สำ�หรับฆราวาสโดยเฉพาะอย่างน้ี เราจะได้พดู กันถึงที่ใช้เป็นเครื่องมืออย่างไรโดยละเอียดในวันต่อไป น้ีก็หมด เวลาสำ�หรับวนั น้ี. 46

ฟา้ สางทางสุภาษิตที่ข้าพเจ้าชอบ (คดั สรรข้อธรรม สจั จะ ทมะ ขันตี จาคะ)

ความซื่อสตั ยต์ ่อหน้า ตา่ งกันอย่างดนิ กับฟา้ เมื่อนำ�มาเทียบกบั ความซื่อสัตยล์ บั หลงั . 48 อสตี สิ งั วัจฉรายศุ มานุสรณ์ น. ๑๗๕

เช้านี้ ไมม่ ีใครร้เู ร่อื งทเี่ ราท�ำ แต่พอค่ำ�ๆ ก็จะมีคนรู้, ดงั นน้ั ท�ำ แตเ่ ร่ืองที่เขาร้กู ไ็ ม่เป็นไร ดีกวา่ . อสีตสิ ังวัจฉรายศุ มานุสรณ์ น. ๑๗๕ 49

คนที่พอใจในการกระท�ำ ดขี องตน อยไู่ ดเ้ สมอน้ัน เป็นคนอายยุ นื ทงั้ โดยตรงและโดยออ้ ม. 50 อสีติสงั วัจฉรายศุ มานุสรณ์ น. ๑๖๖


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook