แผนการจัดการเรียนรู้ที0 4 เร$ือง : กฎการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของเมนเดล ระยะเวลา 3 คาบ/สัปดาห์ หน่วยการเรียนรู้ : การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ระดบั ชEนั มธั ยมศกึ ษาปี ท$ี 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 2 รหัสวชิ า ว31102 1. สาระสําคญั (Overview / Annotation) เกรเกอร์ โยฮนั น์ เมนเดล (Gregor Johann Mendel) ไดเ้ ริ$มงานคน้ ควา้ ทดลองทางวทิ ยาศาสตร์ดว้ ยการ ผสมพนั ธุ์พชื เขาไดส้ ังเกตเหน็ วา่ พืชท$เี กดิ จากการผสมพนั ธุก์ นั ในแต่ละครEงั มกั จะมีลกั ษณะบางอยา่ งปรากฏอยู่ เสมอ เช่น เม$อื นาํ ถวั$ ลนั เตาทมี$ ีลกั ษณะตน้ สูงและตน้ เตEียมาผสมพนั ธุ์กนั มกั จะมลี กั ษณะตน้ สูงปรากฏอยู่ในรุ่น ตอ่ ๆ มาเสมอ ต่อมาเมนเดลจึงไดป้ รบั ปรุงการทดลอง เช่น ไดม้ กี ารคดั เลอื กพ่อแม่พนั ธุท์ เี$ ป็นพนั ธุ์แท้ คดั เลือก ลกั ษณะทจ$ี ะศกึ ษา แลว้ ศกึ ษาทีละลกั ษณะ เป็นตน้ กฎเกณฑก์ ารถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของเมนเดลได้ ชEีใหเ้ หน็ วา่ ลกั ษณะตา่ งๆ ทีป$ รากฏในลกู เป็นผลเนื$องมาจากการถา่ ยทอดหน่วยทค$ี วบคุมลกั ษณะตา่ งๆ ซ$ึงได้ จากพอ่ และแม่ โดยผา่ นทางเซลลส์ ืบพนั ธุ์ อยา่ งไรก็ตาม ผลงานของเมนเดลในชว่ งแรกๆ ไมม่ ผี ูใ้ ดเขา้ ใจและไม่ เป็นท$ียอมรับทEงั นEีเนื$องจากความรูท้ างพนั ธุศาสตร์ยงั ไม่แพร่หลาย จนกระทงั$ ในปี พ.ศ. 2443 ฮิวโก เดอ ฟรีส์ (Hugo de Vries) ชาวฮอลนั ดา และไดท้ ดลองผสมพนั ธุไ์ มด้ อกและขา้ วโพดตามลาํ ดบั ซ$ึงผลการทดลองของทEงั สองทา่ นตา่ งกต็ รงกบั ผลการทดลองของเมนเดลที$ไดร้ ายงานไวเ้ มอื$ 35 ปี ท$ีแลว้ ดว้ ยเหตุนEีผลงานของเมนเดลจึง ไดร้ บั การยอมรับในเวลาตอ่ มา และเขาก็ไดร้ ับการยกยอ่ งใหเ้ ป็น บิดาแห่งพนั ธศุ าสตร์ 2. มาตรฐานการเรียนรู้การศึกษาขนHั พHืนฐาน (Local / National Standards) มาตรฐาน ว 1.2 : เขา้ ใจกระบวนการและความสําคญั ของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม วิวฒั นาการของสิ$งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ การใชเ้ ทคโนโลยีชีวภาพท$ผี ลต่อมนษุ ยแ์ ละส$ิงแวดลอ้ ม มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจติ วิทยาศาสตร์ สื$อสารสิ$งท$ีเรียนรู้และนาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชHันที0 3 : สืบคน้ ขอ้ มลู อภปิ รายและอธิบายเกี$ยวกบั สารพนั ธุกรรมในนิวเคลียส ทค$ี วบคุมลกั ษณะต่างๆ ของเซลล์ สารพนั ธุกรรมสามารถถา่ ยทอดไปสู่ลกู หลาน และรู้ถงึ ประโยชน์ของการ ใชค้ วามรูด้ า้ นพนั ธุกรรม 3. ผลการเรียนรู้ทค0ี าดหวัง (Content Standards) 1. สืบคน้ ขอ้ มูลและอธิบายความหมายของคาํ ต่อไปนEีได้ พนั ธุกรรม ลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ลกั ษณะเด่น ลกั ษณะดอ้ ย ยนี ทคี$ วบคมุ ลกั ษณะเด่น ยนี ท$ีควบคมุ ลกั ษณะดอ้ ย
4. จุดประสงค์การเรียนรู้ (Learning Objective) ด้านความรู้ (K) 1. มีความรูค้ วามเขา้ ใจเก$ียวกบั การถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมในมนษุ ยไ์ ด้ 2. อธิบายเก$ียวกบั การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมในมนุษย์ ได้ 3. บอกลกั ษณะที$ถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมในมนุษย์ ได้ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1. สามารถสาํ รวจ สังเกต เปรียบเทียบ ลกั ษณะของตนเองกบั ผอู้ $ืนได้ ( P ) ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) 1. นกั เรียนสนใจใฝ่รู้และมคี วามสุขกบั การเรียนและการร่วมกจิ กรรมในชEนั เรียน 2. นกั เรียนมคี วามรับผดิ ชอบในชEนั เรียนและเขา้ ชEนั เรียนตรงตามเวลา 5. การบรู ณาการ เป็นการบรู ณาการแบบสอดแทรก 6.สาระการเรียนรู/เนือH หาสาระ (Content) กฎการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรมของเมนเดล เกรเกอร์ โยฮนั น์ เมนเดล (Gregor Johann Mendel) เกิดเมื$อพ.ศ. 2365 ในเมืองบรึน ประเทศออสเตรีย เมนเดลเป็ นลูกชาวสวนที$ยากจน จึงเรียนมหาวิทยาลยั ไม่จบ เม$ือออกจากมหาวิทยาลยั จึงตดั สินใจบวชเป็ น บาท หลวงใน โบ สถ์แห่ งหน$ ึ งและได้รับการสนับ สนุ น ให้ เรี ยนต่ อทางด้านวิทยาศาสตร์ และคณิ ตศาส ตร์ ท$ี มหาวทิ ยาลยั เวยี นนา จนเรียนจบ เมนเดลไดเ้ ร$ิมงานคน้ ควา้ ทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยการผสมพนั ธุ์พืช เขาได้สังเกตเห็นวา่ พืชที$เกิด จากการผสมพนั ธุก์ นั ในแต่ละครEังมกั จะมีลกั ษณะบางอยา่ งปรากฏอยเู่ สมอ เชน่ เมอ$ื นาํ ถว$ั ลนั เตาท$ีมีลกั ษณะตน้ สูงและตน้ เตEียมาผสมพนั ธุ์กัน มกั จะมีลกั ษณะตน้ สูงปรากฏอยู่ในรุ่นต่อๆ มาเสมอ แต่เน$ืองจากผลที$ได้มกั จะ ซับซอ้ นทาํ ใหเ้ ขาไมส่ ามารถสรุปเป็นกฎเกณฑไ์ ด้ ต่อมาดว้ ยความท$ีเป็ นนักคณิตศาสตร์และมีความรู้พEืนฐานทางด้านการผสมพนั ธุ์พืช เมนเดลจึงได้ ปรับปรุงการทดลองเสียใหม่ เช่น ไดม้ ีการคดั เลือกพ่อแม่พนั ธุ์ท$ีเป็ นพนั ธุ์แท้ คดั เลือกลกั ษณะที$จะศึกษา แลว้ ศึกษาทีละลกั ษณะ เป็ นตน้ กฎเกณฑ์การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของเมนเดลได้ชEีให้เห็นว่า ลกั ษณะ ตา่ งๆ ทีป$ รากฏในลูกเป็ นผลเน$ืองมาจากการถ่ายทอดหน่วยท$ีควบคุมลกั ษณะต่างๆ ซ$ึงได้จากพ่อและแม่ โดย ผา่ นทางเซลล์สืบพนั ธุ์ อย่างไรก็ตาม ผลงานของเมนเดลในช่วงแรกๆ ไมม่ ีผูใ้ ดเขา้ ใจและไมเ่ ป็นที$ยอมรับทEงั นEี เน$ืองจากความรู้ทางพนั ธุศาสตร์ยงั ไม่แพร่หลาย จนกระทง$ั ในปี พ.ศ. 2443 ฮิวโก เดอ ฟรีส์ (Hugo de Vries) ชาวฮอลนั ดา และไดท้ ดลองผสมพนั ธุ์ไมด้ อกและขา้ วโพดตามลาํ ดับ ซ$ึงผลการทดลองของทEงั สองท่านต่างก็ ตรงกับผลการทดลองของเมนเดลท$ีได้รายงานไวเ้ ม$ือ 35 ปี ท$ีแลว้ ด้วยเหตุนEีผลงานของเมนเดลจึงได้รับการ ยอมรบั ในเวลาต่อมา และเขากไ็ ดร้ บั การยกย่องให้เป็น บดิ าแห่งพันธุศาสตร์ การทดลองของเมนเดล เมนเดลทดลองโดยใชถ้ ว$ั ลนั เตา (Pisum sativum) ซ$ึงมลี กั ษณะแตกต่างกนั ถงึ 7 ลกั ษณะ ดงั นEคี ือ
ลกั ษณะท0ศี กึ ษา ลกั ษณะเด่น ลักษณะด้อย 1. รูปร่างของเมล็ด เรียบ ขรุขระ 2. สีของเมล็ด เหลอื ง เขียว 3. สีของดอก แดง ขาว 4. ตาํ แหน่งของดอก ท$ลี าํ ตน้ ท$ปี ลายยอด 5. รูปร่างของฝัก อวบ คอด 6. สีของฝัก เขยี ว เหลอื ง 7. ความสูงของตน้ สูง เตEยี ในการทดลอง เมนเดลได้นําตน้ ถั$วพนั ธุ์สูงและพันธุ์เตEีย ซ$ึงเป็ นพนั ธุ์แทท้ Eงั คู่มาผสมกัน แลว้ ศึกษา ลกั ษณะความสูงความเตEยี ของลูกรุ่นที$ 1 หรือ F1 (First filial generation) พบวา่ ตน้ ถวั$ ในลูกรุ่น F1 มลี กั ษณะเป็ น ตน้ สูงทEงั หมดและไม่พบตน้ ถวั$ ที$มีลกั ษณะเป็ นตน้ เตEียเลย เมื$อนําถวั$ รุ่น F1 มาผสมกันเอง แลว้ ศึกษาลกั ษณะ ดงั กล่าว ผลปรากฏว่า ตน้ ถว$ั ในลูกรุ่นที$ 2 หรือ F2 (Second filial generation) หรือรุ่นหลานมีทEงั ลักษณะสูง เหมือนต้นพ่อและเตEียเหมือนตน้ แม่ โดยลักษณะต้นสูงมีประมาณ 3 ใน 4 ของรุ่น F2 และลกั ษณะตน้ เตEียมี ประมาณ 1 ใน 4 ของรุ่น F2 จากผลการทดลองทาํ ให้เมนเดล ไดข้ อ้ สรุปวา่ 1. ถา้ ใชพ้ นั ธุแ์ ทผ้ สมกบั พนั ธุ์แท้ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมซ$ึงมี 2 ลกั ษณะในพ่อและแม่ (ตน้ สูง-ตน้ เตEีย) จะปรากฏออกมาในรุ่นลูก F1 เพยี งลกั ษณะใดลกั ษณะหน$ึงเท่านEนั 2. ลกั ษณะท$ีไม่ปรากฏในลกู รุ่น F1 ไมไ่ ดห้ ายไปไหน แต่จะถกู ขม่ ไวไ้ มใ่ ห้ปรากฏออกมา และจะ ปรากฏออกมาอกี ครEังในลูกรุ่น F2 หรือรุ่นหลานในอตั รา 1 ใน 4 ของจาํ นวน F2 ทEงั หมด การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของลกั ษณะเดียว ลกั ษณะของสิ$งมชี ีวติ นEนั ควบคุมโดยยนี และยีนจะปรากฏเป็นคๆู่ เสมอ ในการสร้างเซลลส์ ืบพนั ธุ์ยนี ท$ี อยู่เป็ นคู่ๆ จะแยกออกจากกัน แลว้ เขา้ สู่เซลลส์ ืบพนั ธุ์ เซลลล์ ะ 1 ยีน เม$ือมีการผสมระหว่างเซลล์สืบพนั ธุ์ เช่น อสุจิกบั ไข่ ยีนก็จะกลบั มาเป็นคู่กนั อีก ขอ้ มูลท$ีเมนเดลรวบรวมจากการทดลองผสมพนั ธุ์ตน้ ถวั$ ชEีให้เห็นแบบแผนการถ่ายทอดลกั ษณะทาง พนั ธุกรรมดงั นEี ในลูกรุ่น F1 มีจีโนไทป์ แบบเดียว คือ เฮเทอโรไซกสั และมีฟี โนไทป์ แบบเดยี วเชน่ กนั คอื เป็นตน้ สูงทEงั หมด ดังนEนั ในรุ่นนEีจึงมีอตั ราส่วนของลกั ษณะเดน่ ต่อลกั ษณะดอ้ ยเป็น 1:0 แมล้ กั ษณะด้อยจะไมป่ รากฏ ให้เห็นในรุ่น F1 แตก่ ็ไม่ไดห้ ายไปเลย ยนี ทค$ี วบคุมลกั ษณะดอ้ ยยงั แฝงอยู่ และไปแสดงออกใน รุ่นลกู F2 ทาํ ใหม้ ี จโี นไทป์ 2 แบบคือ แบบโฮโมไซกสั และแบบเฮเทอโรไซกัส ในอตั ราส่วน 1:2:1 และมีฟี โนไทป์ 2 แบบ คือ ตน้ สูงและตน้ เตEยี อตั ราส่วนของลกั ษณะเดน่ ตอ่ ลกั ษณะดอ้ ยเป็น 3:1
รูปที$ 1 การทดลองผสมถว$ั ลนั เตาของเมนเดล รูปที$ 2 การถา่ ยทอดลกั ษณะพนั ธุกรรมของลกั ษณะเดียว การถ่ายทอดลกั ษณะเด่นไม่สมบูรณ์ (incomplete dominant) จากขอ้ มูลการศึกษาการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของเมนเดล เห็นได้ว่าการแสดงออกของยีน เพ$ือให้ได้ลักษณะเด่นและด้อยนEัน มีการข่มแบบสมบูรณ์ คือ F1 ที$ได้แสดงลกั ษณะเด่นเพียงอย่างเดียว แตล่ กั ษณะสิ$งมชี ีวติ บางอย่าง ยีนที$ควบคุมลกั ษณะดงั กลา่ วไมส่ ามารถขม่ กันไดอ้ ย่างเตม็ ท$ี ลกู ผสม F1 ท$ีไดจ้ าก พอ่ แม่พนั ธุ์แท้ ไมส่ ามารถแสดงลกั ษณะเด่นของพ่อแม่ แต่เกิดเป็ นลกั ษณะผสมใหม่ เป็นแบบกลางๆ ระหวา่ ง ลกั ษณะพ่อแม่ ซ$ึงถา้ หากปลอ่ ยให้ลูก F1 ผสมกนั เอง ก็จะได้ F2 ซ$ึง 1 ส่วนแสดงลกั ษณะของพ่อ 2 ส่วนแสดง ลกั ษณะของ F1 อกี 1 ส่วนเหมอื นแม่ (1:2:1) การถ่ายทอดลกั ษณะดงั กลา่ ว ถือว่าเป็นการถา่ ยทอดลกั ษณะเดน่ ไม่ สมบูรณ์ รูปท$ี 3 การถา่ ยทอดลกั ษณะเดน่ ไม่สมบูรณ์
การถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรมในมนษุ ย์และพนั ธปุ ระวตั ิ การถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมในสิ$งมชี ีวิต มที Eงั ลกั ษณะทด$ี ีและลกั ษณะทไี$ มด่ ี ซ$ึงหากเราตอ้ งการ จะรู้ว่าลักษณะดังกล่าวที$เกิดขEึนในรุ่นลูกและรุ่นหลานนEันเป็ นลกั ษณะท$ีไดร้ ับการถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม หรือไม่ จะตอ้ งมีการศึกษา ทดลอง และวเิ คราะห์ การศึกษาการถ่ายทอดทางพนั ธุกรรม โดยทว$ั ๆ ไป จะศึกษา และทดลองในพืชหรือสัตว์ เช่น ถวั$ ลนั เตา ขา้ ว แมลงหวี$ เป็ นตน้ ทEังนEีเนื$องจากส$ิงมีชีวิตเหล่านEีมีวงชีวิตสEัน สามารถนาํ มาผสมพนั ธุก์ นั ไดง้ ่ายและสามารถศึกษาไดห้ ลายชวั$ อายใุ นชว่ งเวลาไม่นาน ส่วนการศึกษาแบบแผนการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมในมนุษยจ์ ะเป็ นเรื$องท$ีมีความยุ่งยากมาก เน$ืองจากเหตุผลหลายประการ เช่น มนุษยม์ ีความลึกลบั ซับซ้อนทางสายพนั ธุ์ แต่ละคนมีช่วงอายุท$ียาวนาน จาํ นวนลูกมีนอ้ ยหรือเกิดลูกไดย้ าก ทีส$ ําคญั คอื เราไมส่ ามารถควบคุมการแต่งงานให้เป็นไปตามตอ้ งการได้ จึง ทาํ ใหย้ ากทจ$ี ะสงั เกตการถา่ ยทอดลกั ษณะในหลายๆ ชว$ั คนได้ เกรเกอร์ เมนเดล (Gregor Mendel) เป็ นบุคคลแรกที$ค้นพบข้อเท็จจริงที$ว่า ยีนมีการควบคุมการ แสดงออกของลกั ษณะต่างๆ อย่างมีแบบแผนที$ชัดเจนและแน่นอน จากการคน้ พบของเมนเดล และความรู้ เกยี$ วกบั โครโมโซม ทาํ ใหเ้ ราทราบวา่ ยีนทค$ี วบคมุ ลกั ษณะบางอย่างมีอยู่ 2 ชนิด คือ ยนี เด่นและยนี ดอ้ ย ยีนเด่น คือ ยนี ท$ีสามารถแสดงลกั ษณะนEัน ๆ ออกมาได้ แมม้ ียีนนEันเพยี งยีนเดียว เชน่ มียีนผมหยกั ศก อย่คู ่กู บั ยนี ผมเหยียด แตแ่ สดงลกั ษณะผมหยกั ศกออกมา แสดงว่ายีนท$ีควบคุมลกั ษณะผมหยกั ศกเป็นยีนเด่น คน ท$ีมีลกั ษณะผมหยิกปรากฏออกมาอาจจะมียีนที$ควบคุมลกั ษณะเส้นผมไดแ้ บบใดแบบหน$ึงใน 2 แบบ คือ แบบ หน$ึงมียีนเด่นกับยีนดอ้ ยอยู่บนคู่ของโครโมโซม อีกแบบหน$ึงมียีนเด่นทEงั คอู่ ยู่บนโครโมโซม ถา้ ลกั ษณะใดก็ ตามท$ีปรากฏอยใู่ นทุกชว$ั รุ่นแสดงว่าลกั ษณะนEนั นาํ โดยยนี เดน่ ยีนด้อย คือ ยีนที$สามารถแสดงลกั ษณะให้ปรากฏออกมาไดต้ ่อเมื$อมียีนด้อยนEันทEงั สองยีนอยู่บนคู่ โครโมโซม เช่น คนที$ผมเหยยี ดจะตอ้ งมยี ีนผมเหยยี ดบนโครโมโซมทEงั คู่ ตารางแสดงตัวอย่างต่างๆ ทน0ี ําโดยยนี เด่นและยีนด้อย ลักษณะ การถ่ายทอด โดยยนี เด่น โดยยนี ด้อย ต$งิ หู หูมีตงิ$ หูไม่มตี ิง$ แนวผมทห$ี นา้ ผาก แนวผมหยกิ แนวผมตรง ขนทีน$ Eวิ มือขอ้ ที$สอง มี ไมม่ ี ลกั ยิEม มีลกั ยมิE ไม่มลี กั ยิEม ผิวหนงั ตกกระ ตกกระ ปกติ ริมฝี ปาก หนา บาง สนั จมูก สนั จมกู โคง้ สนั จมกู ตรง สายตา ปกติ สEัน รูเหนือใบหู มี ไม่มี หนงั ตา ตก ไม่ตก
ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมที$ไดศ้ ึกษาผ่านมาแต่ละลกั ษณะควบคมุ ดว้ ยยีน 1 คู่ จงึ ทาํ ให้สามารถแยกความ แตกต่างได้อย่างชดั เจน และมีเพียง 2 แบบ เช่น ริมฝีปากหนากบั ริมฝีปากบาง มีต$ิงหูกบั ไมม่ ีตงิ$ หู มีลกั ยEิมกบั ไม่ มีลกั ยEิม แต่ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมบางลกั ษณะจะควบคุมโดยยนี มากกวา่ 1 คู่ เช่น ความสูง สติปัญญา ความดนั เลือด และสีผิว ทาํ ให้ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมท$ีแสดงออกมีความแตกต่างกันหลายระดบั เช่น สติปัญญา มคี วาม แตกต่างหลายระดับ คอื ฉลาด คอ่ นขา้ งฉลาด ปานกลาง ค่อนขา้ งไม่ฉลาด ปัญญาอ่อน ความสูงของคน มคี วาม แตกต่างกนั หลายระดบั คือ สูงมาก สูง คอ่ นขา้ งสูง ปานกลาง คอ่ นขา้ งเตEีย เตEีย และเตEยี มาก เป็นตน้ การแสดงออกของยีนท$ีควบคุมลักษณะต่างๆ นEียงั ขEึนอยู่กับส$ิงแวดล้อมภายในและภายนอก ซ$ึงไดแ้ ก่ฮอร์โมนในร่างกาย อุณหภมู ิ แสง และอาหาร 7. กิจกรรมการเรียนการสอน (1.) ขEนั สรา้ งความสนใจ (Engagement Phase) 1.1 ครูใชค้ าํ ถามเพ$อื กระตนุ้ ความสนใจของนกั เรียนว่า ลกั ษณะพนั ธุกรรมท$มี ีอยใู่ นพอ่ แม่ ถา่ ยทอดไป ยงั ลกู โดยอาศยั กระบวนการใด (กระบวนการสืบพนั ธุ)์ 1.2 ครูแสดงภาพเกรเกอร์ โยฮนั น์ เมนเดล จากนEนั ใชค้ าํ ถามเพอื$ นาํ เขา้ สู่บทเรียน ดงั นEี - บคุ คลในภาพคือใคร (เกรเกอร์ โยฮนั น์ เมนเดล) - บุคคลในภาพมคี วามสาํ คญั อยา่ งไรต่อการศกึ ษาทางดา้ นพนั ธุศาสตร์ (ผูค้ น้ พบกฎการถา่ ยทอด ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของสิ$งมีชีวิต) 1.3 ครูกล่าววา่ จากการคน้ พบดงั กลา่ วทาํ ให้เขาไดร้ บั การยกย่องวา่ เป็น บดิ าแห่งพนั ธุศาสตร์และเรียก กฎทคี$ น้ พบว่า กฎของเมนเดล (2.) ขEนั สํารวจและคน้ หา (Exploration Phase) 2.1 ครูเล่าประวตั ิของเมนเดล จากนEันถามนักเรียนว่า “นักเรียนคิดว่าคุณลกั ษณะเด่นของเมนเดล ที$ทาํ ให้เขาคน้ พบกฎการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมไดม้ ีอะไรบา้ ง (ความเพียร ความพยายาม ความอดทน เป็นตน้ ) 2.2 ครูแสดงภาพลกั ษณะถว$ั ลนั เตาท$ีเมนเดลใชศ้ กึ ษา พร้อมกบั อธิบายขอ้ ดีในการเลือกใชถ้ วั$ ลนั เตาใน การศึกษาดา้ นพนั ธุศาสตร์ ลักษณะทศี0 ึกษา ลกั ษณะเด่น ลกั ษณะด้อย 1. รูปร่างของเมลด็ เรียบ ขรุขระ 2. สีของเมล็ด เหลือง เขยี ว 3. สีของดอก แดง ขาว 4. ตาํ แหน่งของดอก ทีล$ าํ ตน้ ที$ปลายยอด 5. รูปร่างของฝัก อวบ คอด 6. สีของฝัก เขียว เหลือง 7. ความสูงของตน้ สูง เตEีย
จากนEนั ครูถามนกั เรียนว่า จากตารางแสดงลกั ษณะของตน้ ถว$ั ลกั ษณะใดของตน้ ถวั$ ท$เี ป็นลกั ษณะเด่น และลกั ษณะใดเป็นลกั ษณะดอ้ ย (ลกั ษณะเด่น ไดแ้ ก่ ลกั ษณะเมลด็ เรียบ เมลด็ สีเหลอื ง ดอกสีแดง ดอกเกิดทล$ี าํ ตน้ ฝักอวบ ฝกั สีเขียว ตน้ สูง ส่วนลกั ษณะดอ้ ย ไดแ้ ก่ เมลด็ ขรุขระ เมล็ดสีเขยี ว ดอกสีขาว ดอกเกิดทย$ี อด ฝักแฟบ ฝักสีเหลอื ง ตน้ เตEยี ) (3.) ขEนั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation Phase) 3.1 ครูอธิบายคาํ ศพั ทท์ ีน$ กั เรียนควรรู้จกั คอื - ลูก F1(first filial generation) ลกู รุ่นที$ 1 ลกู ทเ$ี กดิ จากการแต่งงานหรือผสมขา้ มพนั ธุ์รุ่นแรก หรือ ลกู ผสม (hybrid) ลูกทเี$ กดิ จากการผสมขา้ มระหว่างพอ่ แม่ท$ีมีจโี นไทป์ ตา่ งกนั - ลูก F2(second filial generation) ลกู รุ่นที$ 2 ลูกที$เกดิ จากการผสมภายในลูกรุ่นที$ 1 (ลกู F1) หรือรุ่นหลาน - จโี นไทป์ (Genotype) หมายถงึ แบบของยนี ทอ$ี ย่เู ป็นคู่ ๆ ซ$งึ ส$ิงมีชีวิตไดร้ ับมาจากพอ่ และแม่ มหี นา้ ที$ควบคมุ ลกั ษณะของส$ิงมีชีวติ ในร่างกาย การเขยี นจโี นไทป์ เขยี นไดห้ ลายแบบ เชน่ TT , Tt , tt , T/T , T/t , t/t - ฟี โนไทป์ (phenotype) หมายถึง ลกั ษณะของสิ$งมีชีวติ ที$ปรากฏใหเ้ ห็น ซ$ึงเป็นผลจากการ แสดงออกของจโี นไทป์ นน$ั เอง ไดแ้ ก่ ลาํ ตน้ สูงกบั เตEีย อยา่ งเชน่ TT, Tt มจี ีโนไทป์ ต่างกนั แต่มีฟี โนไทป์ เหมือนกนั คอื สูงทEงั คู่ เป็นตน้ - โฮโมไซกสั (homozygouse) เป็นสภาพของส$ิงมชี ีวิตทม$ี ียนี 2 ยีนเหมือนกนั ควบคุม ลกั ษณะหน$ึง เชน่ TT = homozygouse dominant gene (เดน่ พนั ธุแ์ ท)้ tt = homozygouse recessive gene (ดอ้ ยพนั ธุ์แท)้ - เฮเทอโรไซกสั (heterozygouse) เป็นสภาพของส$ิงมชี ีวติ ทม$ี ียนี 2 ยีนแตกต่างกนั และควบคุม ลกั ษณะหน$ึง เช่น Tt = heterozygouse gene (พนั ธุ์ทาง = hybrid) - ลกั ษณะเดน่ (dominant) หมายถึง ลกั ษณะทส$ี ามารถแสดงออกมาได้ ไมว่ ่าจะอยูใ่ นสภาพ โฮโมไซกสั หรือ เฮทเทอโรไซกสั - ลกั ษณะดอ้ ย (recessive) หมายถงึ ลกั ษณะทจ$ี ะแสดงออกมาไดเ้ มื$ออยใู่ นสภาพโฮโมไซกสั เทา่ นEนั 3.2 ครูอธิบายวิธีการทดลองของเมน ไดข้ อ้ สรุปว่า 1) ถา้ ใชพ้ นั ธุ์แทผ้ สมกบั พนั ธุแ์ ท้ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมซ$ึงมี 2 ลกั ษณะในพ่อและแม่ (ตน้ สูง-ตน้ เตEยี ) จะปรากฏออกมาในรุ่นลกู F1 เพียงลกั ษณะใดลกั ษณะหน$ึงเทา่ นEนั 2) ลกั ษณะทไี$ ม่ปรากฏในลกู รุ่น F1 ไมไ่ ดห้ ายไปไหน แตจ่ ะถูกข่มไวไ้ ม่ให้ปรากฏออกมา และจะปรากฏออกมาอกี ครEงั ในลกู รุ่น F2 หรือรุ่นหลานในอตั รา 1 ใน 4 ของจาํ นวน F2 ทEงั หมด 3.3 ครูอธิบายเร$ืองกฎการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของเมนเดล 3.4 ครูให้นกั เรียนใหค้ วามหมายของคาํ ว่ายนี เดน่ และยีนดอ้ ย ซ$ึงนกั เรียนเคยเรียนมาแลว้ จากนEนั ครู
ยกตวั อยา่ งลกั ษณะท$ถี า่ ยทอดทางพนั ธุกรรม เช่น ตง$ิ หู การมีลกั ยมิE โดยเชื$อมโยงกบั กฎของเมนเดล พร้อมกบั อธิบายถงึ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมบางลกั ษณะจะควบคมุ โดยยนี มากกว่า 1 คู่ เช่น ความสูง สตปิ ัญญา ความดนั เลอื ด และสีผวิ รวมถึงปัจจยั ทม$ี ีผลต่อการแสดงออกของยนี ทค$ี วบคุมลกั ษณะตา่ งๆ ว่าขEนึ อยกู่ บั สิ$งแวดลอ้ มภายในและภายนอก ไดแ้ ก่ ฮอร์โมน ในร่างกาย อณุ หภมู ิ แสง และอาหาร 3.5 ครูให้นกั เรียนเขยี นแผนภาพการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมตามกฎของเมนเดล (5.) ขEนั ประเมินผล (Evaluation Phase) 5.1ครูให้นกั เรียนทาํ ใบงาน เรื$องกฎการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของเมนเดล จากนEนั ร่วมกนั อภปิ รายและเฉลยคาํ ตอบ พร้อมส่งสมุดบนั ทกึ ประจาํ คาบ 8. ส0ือและ แหล่งการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนการสอน 2. ใบกจิ กรรม แผนภาพการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมตามกฎของเมนเดล 3. ใบงาน เรื$อง กฎการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของเมนเดล 9. ชินH งาน/ภาระงานของนกั เรียน 1. สมุดบนั ทกึ ประจาํ คาบ 2. ใบงานเร$ืองกฎการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของเมนเดล 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล 10.1 วิธีการวดั และประเมินผล 10.1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในชEนั เรียน/การทาํ งาน พจิ ารณาจาก - ความมีระเบยี บวินยั เชน่ เขา้ เรียนตรงตามเวลา รับผดิ ชอบต่อหนา้ ท/$ี งาน - การแสดงความสนใจและกระตือรือรน้ - การใหค้ วามร่วมมอื ในชEนั เรียน ตEงั ใจเรียน การอภปิ รายและแสดงความคิดเห็น 10.1.2 แบบประเมินคณุ ภาพของงาน พจิ ารณาจาก - ความรับผดิ ชอบ ส่งงานตามเวลาท$กี าํ หนด - ความถกู ตอ้ ง - ความเรียบร้อยของงาน 10.2 เกณฑ์การวัดและประเมินผล บนั ทึกคะแนนจากการตรวจใบกจิ กรรม และพฤติกรรม นาํ ไปประมวลผลในคะแนนรวมของรายวิชา สมุดสรุปความรูท้ ไ$ี ดจ้ ากการเรียน A = เขยี นสรุปครบทุกประเดน็ สะอาดเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย B+= เขยี นสรุปครบทกุ ประเด็น ไมเ่ ป็นระเบยี บเรียบร้อย B = เขียนสรุปไม่ครบทกุ ประเดน็ ขาดประเดน็ ใดประเด็นหน$ึง สะอาดเป็นระเบยี บเรียบร้อย C+ = เขยี นสรุปไมค่ รบทุกประเดน็ ขาดประเดน็ ใดประเดน็ หน$ึง ไมเ่ ป็นระเบียบเรียบรอ้ ย C = เขียนสรุปไม่ครบทกุ ประเดน็ ขาดหลายประเด็น ไมเ่ ป็นระเบยี บเรียบร้อย
บันทกึ หลงั การสอน ชEนั มธั ยมศึกษาปี ท$ี 3 วชิ า วิทยาศาสตร์ 2 รหัสวิชา ว32102 ภาคเรียนที$ 2 ปีการศกึ ษา 2561 เรื$อง กฎการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของเมนเดล 1. ผลการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปัญหาและอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… 3. วธิ ีแกไ้ ข / ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ลงช$ือ………………………………ครูผูส้ อน
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: