เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ เครื่องมอื ทางภูมิศาสตร์ คือ วัสดุ อุปกรณ์ ในรูปแบบตา่ ง ๆ ท่นี ามาใช้เปน็ สือ่ เพอื่ การศึกษาการสารวจ การเกบ็ รวบรวม การบนั ทึก การวิเคราะห์ข้อมูล ตลอดจนใช้เปน็ สื่อในการเผยแพรข่ ้อมูลทางภมู ศิ าสตร์ เครอ่ื งมอื ทางภมู ิศาสตร์จาแนกตามหน้าที่หลักของการใชง้ านได้ 2 ประเภท ดงั น้ีประเภทที่ 1 เครอ่ื งมอื ที่ทาหน้าทเี่ ปน็ สอ่ื ความรู้ทางภมู ศิ าสตร์ สื่อความร้ทู างภมู ิศาสตร์ หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ หรอื เทคโนโลยตี า่ ง ๆ ท่ีทาหนา้ ทเ่ี ผยแพร่ใหค้ วามรู้สาหรับการศกึ ษาเรียนรู้ทางภมู ศิ าสตร์ อาจอยูใ่ นรปู ของตวั หนังสอื รปู ภาพ แผนภมู ิ แบบจาลอง สอ่ื ดิจทิ ัล เสียงและภาพเคล่ือนไหวตา่ ง ๆ ตัวอยา่ งเครอ่ื งมอื เหลา่ นี้ เช่น ตาราเรียนภูมิศาสตร์ เว็บไซต์ทเ่ี ผยแพรค่ วามร้ทู างภูมิศาสตร์ แผนทป่ี ระเภทตา่ ง ๆ ลกู โลกจาลอง ภูมปิ ระเทศจาลอง รูปถา่ ยทางอากาศ ภาพจากจานดาวเทยี ม เป็นต้นประเภทที่ 2 เคร่อื งมือท่ีทาหนา้ ทีเ่ ปน็ สือ่ เกบ็ รวบรวมขอ้ มูลทางภูมศิ าสตร์ สื่อเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลทางภมู ศิ าสตร์ หมายถึง วัสดุ อุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทาหนา้ ทีเ่ พือ่สารวจ ตรวจวัด บนั ทึก เก็บรวบรวม และวเิ คราะห์ขอ้ มูลทางภมู ศิ าสตร์ ตวั อยา่ งเครื่องมือเหล่าน้ี เช่น สมุดจดบนั ทึกเขม็ ทิศ เทปวัดระยะทาง กลอ้ งสามมติ ิ (Stereoscope) เทอร์โมมเิ ตอร์ (Thermometer) ระบบกาหนดตาแหน่งบนพ้นื โลก หรอื จีพเี อส (Global Positioning System : GPS) ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตร์ หรือ จไี อเอส(Geographic Information System : GIS) ขอ้ มลู จากการรับรู้ระยะไกล (Remote Sensing : RS) เป็นต้น
1.1 แผนท่ี เปน็ เคร่อื งมือทางภมู ิศาสตรท์ ี่มีความสาคญั ต่อการเรียนวิชาภมู ิศาสตร์เปน็ อย่างมากเนื่องจากการเรยี นวิชาน้ีต้องกล่าวถึงสถานทที่ มี่ ขี นาดต่างกัน ท้งั ทีเ่ ป็นธรรมชาติและสงิ่ ที่มุนษยส์ ร้างขน้ึ ตลอดจนปรากฏการณต์ า่ ง ๆ ทเี่ กิดขึ้นบนพ้นื ผิวโลก และส่ิงทีจ่ ะสามารถนามาใช้อธิบายสภาพพ้นื ท่ี สถานที่ได้ดที ี่สดุ คือ แผนที่ 1) ความหมายของแผนท่ี พจนานุกรมศพั ทท์ างภูมศิ าสตร์ ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถานไดใ้ ห้ความหมายของแผนที่ไวว้ ่า “แผนที่ หมายถึง สอ่ื รปู แบบหนึง่ ท่ีถา่ ยทอดขอ้ มูลของโลกในรูปกราฟกิ โดยการยอ่ ส่วนใหเ้ ล็กลงด้วยมาตราส่วนขนาดต่างๆ และเสน้ โครงแผนท่ีแบบตา่ งๆ ให้เขา้ ใจตรงตามวตั ถปุ ระสงคด์ ว้ ยการใช้สัญลกั ษณ์” ดังนั้น จงึ กล่าวไวว้ ่า แผนทีเ่ ป็นสง่ิ ท่มี นษุ ยส์ รา้ งขนึ้ เพือ่ แสดงลกั ษณะของพืน้ ผิวโลก และสง่ิ ที่ปรากฏอยูบ่ นพ้ืนผิวโลก และส่ิงท่ีปรากฏอยูบ่ นพ้นื ผวิ โลก ท้งั ที่เกดิ ข้นึ เองตามธรรมชาติและสงิ่ ทีม่ นษุ ย์สร้างข้นึ ดว้ ยการย่อสว่ นให้มีขนาดเลก็ ลงตามอัตราสว่ นท่ตี อ้ งการและใชส้ ัญลกั ษณ์แทนสง่ิ ต่างๆ ทมี่ ีอยู่จรงิ บนผิวโลก ทง้ั น้ีจะคงความเหมอื นจรงิ ทั้งขนาด รปู ร่าง ทศิ ทาง และตาแหน่งทตี่ งั้ ไว้ 2) ชนิดของแผนที่ แผนทีส่ ามารถแบง่ ออกได้หลายชนดิ หลายลักษณะ ขนึ้ อยกู่ บั วา่ ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการแบง่ ทงั้ นโี้ ดยทว่ั ไปนิยมแบ่งเปน็ 2 ชนิด คอื 2.1) แผนทภ่ี ูมปิ ระเทศ (Topographic Map) เป็นแผนท่ีแสดงขอ้ มลู รายละเอียดของผิวโลกทเ่ี กย่ี วกบั ภูมิลักษณ์แบบต่าง ๆ ทั้งท่เี กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ เช่น ภูเขา ทร่ี าบสงู ทีร่ าบแมน่ า้ ทะเล ทะเลสาบเปน็ ต้น และสง่ิ ทม่ี นษุ ย์สรา้ งข้นึ เชน่ เมอื ง หมูบ่ ้าน พนื้ ท่เี กษตรกรรม อ่างเกบ็ น้า ถนน ทางรถไฟ เป็นต้น แผนที่ภมู ิประเทศแสดงความสูงต่าของผิวโลกดว้ ยเส้นชน้ั ความสงู (contour line) และหมุดระดับ (bench mark) จัดทาโดยกรมแผนทที่ หาร แผนทภ่ี มู ิประเทศทใี่ ชก้ นั มากมี 2 มาตราส่วน ไดแ้ ก่ แผนทม่ี าตราส่วนเลก็ คอื มาตราสว่ น 1 : 250,000 และแผนทมี่ าตราส่วนใหญ่ คอื มาตราสว่ น 1 : 50,000 เนอ่ื งจากแผนที่ภูมิประเทศทง้ั สองมาตราสว่ นจดั ทาขึน้ จากข้อมลู ทไ่ี ดม้ าจากรปู ถา่ ยทางอากาศและภาพจากดาวเทยี ม จึงได้ข้อมลู ที่ปรากฏอยบู่ นพ้ืนผิวโลกทถี่ ูกตอ้ งและทนั สมัย มจี ดุ พกิ ดั ภูมศิ าสตรอ์ ้างอิงได้ จึงเปน็ แผนท่ีท่ีมีความนยิ มใช้ในงานสาขาอ่นื ๆ เช่น การสร้างถนน การสร้างเข่อื น การสรา้ งเมืองใหม่ การป้องกันอุทกภัย เป็นต้น 2.2) แผนทเ่ี ฉพาะเร่ือง (Thematic Map) เป็นแผนทท่ี จ่ี ัดทาข้ึนเพ่ือแสดงขอ้ มูลหลกัเฉพาะเรื่องใดเรอื่ งหนึง่ เช่น แผนทป่ี ระชากร แผนทอี่ ากาศ แผนทีป่ า่ ไม้ แผนทท่ี ่องเทีย่ วแผนทีเ่ หล่านี้จะมีการสารวจเพ่มิ เติมหรือปรับแก้ไขข้อมูลให้ทนั สมยั เป็นระยะ ๆ ไปมาตราส่วนของแผนที่เฉพาะเรือ่ งมคี วามหลากหลายตามลกั ษณะข้อมลู ทีต่ อ้ งการแสดง แต่ส่วนมากจะเปน็ มาตราส่วนเล็ก เชน่ มาตราส่วนเลก็ กว่า 1 : 1,000,000 1 :500,000 หรือ 1 : 250,000 เป็นตน้ ส่วนแผนทเี่ ฉพาะเร่ืองท่ีมีลักษณะเชงิ วชิ าการ เชน่ แผนทช่ี ดุ ดนิ แผนทกี่ ารใชป้ ระโยชนท์ ด่ี ิน แผนที่ธรณวี ทิ ยาและแหล่งแร่ อาจทาเป็นแผนทม่ี าตราสว่ น 1 : 100,000 หรือ 1 : 50,000 แต่พ้ืนที่เฉพาะเรือ่ งบางชนดิ ทต่ี ้องการแสดงเฉพาะพนื้ ท่ขี นาดเลก็ เช่น ทรพั ยากรธรรมชาติในตาบลหรือหมู่บา้ นอาจจะมีการจัดทาแผนท่มี าตราส่วนใหญไ่ ด้ เนอื่ งจากแผนท่เี ฉพาะเร่อื งมีความหลากหลายชนดิ มาก จงึ ไดน้ าเสนอตวั อยา่ งเพยี งบางชนดิ ดงั นี้ (1) แผนท่ที อ่ งเท่ยี ว มกี ารจดั ทาทั้งในระดบั ประเทศ ระดบั ภาค และระดับจังหวัด โดยเนน้ ข้อมลู ด้านการเดนิ ทาง ได้แก่ ถนน ทางรถไฟ ท่ีตัง้ จงั หวัด อาเภอ สถานที่ ทอ่ งเทย่ี ว สถานทพ่ี กั ร้านอาหาร แผนทีท่ อ่ งเทีย่ ว
มีรูปแบบทเ่ี ข้าใจง่าย ดงั น้ัน จงึ มกั จดั พมิ พม์ าตราสว่ นเล็ก เชน่ 1 : 1,000,000 หรือ 1 : 2,000,000 หรือเลก็กวา่ เป็นตน้ (2) แผนที่แสดงเสน้ ทางคมนาคม แผนทน่ี จ้ี ดั ทาโดยกรมทางหลวง เพื่อแสดงรายละเอยี ดของเส้นทางคมนาคม ได้แก่ ถนน ทางรถไฟ สนามบิน เปน็ หลกั แผนท่แี สดงเสน้ ทางคมนาคมมีประโยชน์เพื่อใช้กาหนดเสน้ ทาง ระยะทางโดยประมาณและการหลีกเล่ยี งเส้นทางที่มีปัญหา เนือ่ งจากมีขอ้ มลู ไมม่ ากนกั แผนท่ีที่พมิ พ์ออกมาจงึ มีมาตราส่วนเล็ก เช่น 1 : 1,000,000 หรือเล็กกว่า เปน็ ต้น (3) แผนที่ธรณวี ทิ ยา เป็นแผนที่ท่ีแสดงอายุของหิน หนว่ ยหิน ชนิดหิน และโครงสร้างทางธรณีวิทยา นอกจากน้ียังแสดงขอ้ มูลประกอบอ่ืน ๆ เช่น ทางหลวงสายสาคัญ ที่ตั้งของจงั หวดั เป็นตน้ โดยขอ้ มลู ประกอบจะแตกต่างกนั ไปตามมาตราส่วน แผนทีธ่ รณวี ทิ ยามาตราส่ว 1 : 1,000,000 1 : 250,000 และ 1 : 50,000 จะมีการนามาใช้งานมาก ซง่ึ แผนท่ีนี้จัดทาโดยกรมทรพั ยากรธรณี (4) แผนทีก่ ารใช้ท่ีดนิ แผนที่น้แี สดงการใชป้ ระโยชนท์ ด่ี ิน โดยเฉพาะด้านการเกษตร มาตราส่วนที่จัดทา เชน่ 1 : 1,000,000 และ 1 : 250,000 และ 1 : 50,000 และเน่ืองจากการใชป้ ระโยชนท์ ่ีดินมีการเปลยี่ นแปลงมากและรวดเร็ว แผนท่ีการใช้ท่ดี ินจึงต้องมีการปรบั ปรงุ ใหท้ นั สมยั ตลอดเวลา ซงึ่ เปน็ งานท่ลี ะเอียดและตอ้ งใชเ้ วลามาก แตใ่ นปัจจบุ ันมีการใชข้ ้อมลู จากดาวเทียมเพ่อื จดั ทาแผนท่กี ารใชท้ ี่ดินทาให้การทางานรวดเร็วมากขึ้น แผนที่นจ้ี ัดทาโดยกรมพฒั นาทด่ี ินหรือสารกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร 3) องคป์ ระกอบแผนที่ แผนทีโ่ ดยทว่ั ไปมอี งคป์ ระกอบท่สี าคัญ ดงั น้ี
4) การอ่านแผนท่ี แผนทเี่ ป็นเคร่ืองมือทางภูมศิ าสตรท์ ่มี คี วามสาคัญต่อการดาเนนิ ชีวิตหลายประการ เชน่ ใช้แผนที่ในการเดินทาง การวางแผนการทอ่ งเทยี่ ว การศกึ ษาสภาพของพนื้ ท่ีเพ่อื การป้องกนั และแกป้ ัญหาภยั พบิ ัติตา่ ง ๆ เป็นต้น ดังนัน้ ผู้ใชห้ รอื ผู้ศึกษาแผนท่ีจงึ ควรมีความรู้และความเขา้ ใจองคป์ ระกอบต่าง ๆ ของแผนท่ี และฝึกฝนการอา่ นแผนที่อยเู่ สมอ จึงจะสามารถอา่ นแผนทไี่ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง รวดเร็ว และนาขอ้ มลู ทตี่ ้องการจากแผนที่ไปใช้ประโยชนไ์ ดต้ ามวตั ถุประสงค์
จากแผนที่ภูมปิ ระเทศบรเิ วณเขาพนมรงุ้ มาตราสว่ นเดมิ 1 : 50,000 ของกรมแผนท่ีทหาร มขี อ้ มลูและขา่ วสารดา้ นภูมลิ ักษณ์ ทง้ั สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตแิ ละสิ่งทมี่ ุนษยส์ ร้างขน้ึ แสดงดว้ ยสญั ลกั ษณ์แผนท่ีดังตวั อยา่ งต่อไปน้ี
5) ประโยชน์ของแผนท่ี แผนทีเ่ ปน็ เครื่องมือทางภมู ิศาสตรท์ ี่มคี วามจาเปน็ สาหรับการศึกษาสภาพแวดลอ้ มทางภมู ิศาสตร์ และเป็นประโยชน์ในการดาเนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของมนษุ ย์ ดังน้ี 5.1 ใช้ในชีวติ ประจาวัน เช่น ใชแ้ สดงเส้นทางคมนาคมในการเดนิ ทาง เปน็ ต้น 5.2 ใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว แผนทมี่ ปี ระโยชนใ์ นการเดินทางไปยังสถานทีท่ อ่ งเทยี่ วการวางแผนการทอ่ งเทยี่ ว รวมถึงการตัดสินใจเลอื กสถานที่ทอ่ งเที่ยวของนกั ทอ่ งเทย่ี ว 5.3 ใชใ้ นการรายงานปรากฏการณธ์ รรมชาติ เช่น แผนท่ีแสดงอุณหภมู ิ แผนท่แี สดงการเคลื่อนท่ีของพายุ ซ่ึงทาใหเ้ ข้าใจไดง้ ่ายขึน้ เป็นต้น 5.4 ใชเ้ ปน็ ข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนสร้างระบบสาธารณปู โภค เชน่ วางแผนการตดั ถนนวางระบบโทรคมนาคม วางสายไฟฟ้า วางท่อประปา การสรา้ งเข่อื น เป็นต้น 5.5 ใชเ้ ปน็ ขอ้ มลู พน้ื ฐานในการพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคม เช่น แผนที่แสดงความหนาแนน่ของประชากร แผนทแ่ี สดงแหล่งปลูกพืชเศรษฐกิจ ซ่ึงช่วยทาให้ทราบขอ้ มลู พน้ื ฐานเพือ่ นาไปวางแผนการพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมต่อไป เป็นตน้ 5.6 ใช้ในกจิ การทางทหาร โดยนาไปเปน็ ขอ้ มลู ในการวางแผนทางยทุ ธศาสตร์ เชน่การเลอื กตัง้ ทีค่ ่ายทหาร การทิ้งระเบิดโจมตีทางอากาศ เปน็ ต้น 5.7 ใช้ในดา้ นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เชน่ ใชเ้ ป็นขอ้ มูลในการสารวจและปกั ปนัเขตแดน เปน็ ต้น 5.8 ใช้ศกึ ษาวิจัยเก่ียวกับพ้นื ท่ี เชน่ ศึกษาชนิด คุณภาพ และการกระจายดนิ ธรณวี ทิ ยาปา่ ไม้เปน็ ต้น 1.2 ลูกโลกจาลอง ลกู โลกจาลอง เป็นสิง่ ทีม่ นษุ ยส์ รา้ งข้ึนเพอื่ จาลองลกั ษณะของโลกแสดงที่ตงั้ อาณาเขตพรมแดนของประเทศตา่ ง ๆ และลูกโลกจาลองยังสามารถใช้เป็นสอ่ื ในการเรยี นการสอนเกย่ี วกบั โลกได้เปน็ อยา่ งดี ลูกโลกจาลองแสดงสง่ิ ตอ่ ไปน้ี 1) รูปทรงของโลก โลกมรี ปู ทรงกลมคล้ายผลสม้ คอื ตรงบริเวณข้ัวโลกทั้งสองยุบราบลงเล็กนอ้ ยและป่องตรงบริเวณศูนยส์ ูตร โลกมีเส้นผ่านศูนย์กลางทเี่ ส้นศูนยส์ ูตร ยาว 12,756 กิโลเมตร และมเี สน้ ผา่ นศูนยก์ ลางจากขั้วโลกเหนอื ถึงขัว้ โลกใต้ยาว 12,714 กโิ ลเมตร จงึ เห็นไดว้ ่ารปู รา่ งของโลกไมเ่ ปน็ ทรงกลมอยา่ งแทจ้ รงิ บนผิวโลกจะมอี งค์ประกอบหลัก 2 สว่ น คอื สว่ นที่เป็นพ้ืนนา้ ไดแ้ ก่ ทะเล มหาสมุทรตา่ ง ๆ มีเนื้อทร่ี วมกนั 375 ลา้ นตารางกิโลเมตร และสว่ นทเี่ ปน็ แผ่นดิน ไดแ้ ก่ ทวีปและเกาะต่าง ๆ มเี นื้อทร่ี วมกัน 150 ล้านตารางกโิ ลเมตร เม่ือรวมทง้ั พ้นื นา้ และแผ่นดนิ แล้ว โลกจะมีเนอ้ื ที่รวมประมาณ 525 ลา้ นตารางกิโลเมตร โดยคดิ สดั ส่วนบริเวณผิวของเปลือกโลกจะเปน็ พ้ืนน้า 2 ใน 3 สว่ น และสว่ นท่เี ป็นแผน่ ดิน 1 ใน 3 ส่วน
ดังนน้ั การสรา้ งลูกโลกจาลองจึงตอ้ งเป็นไปตามสัดสว่ นของโลก แต่เนือ่ งจากเมอ่ื มีการยอ่ สว่ นเป็นลกู โลกจาลองแลว้ จะพบว่า คา่ ความยาวของเสน้ ผ่านศนู ย์กลางที่เส้นศนู ยส์ ตู ร และจากขว้ั โลกเหนอื ไปยงั ข้ัวโลกใต้ จะมีค่าไม่ต่างกนั มากนัก จงึ เห็นได้ว่ารูปโลกจาลองมีลกั ษณะทรงกลม เพราะมีความแตกตา่ งกนั เพยี งเล็กน้อย เม่อืเทียบกับขนาดจรงิ ของโลก 2) ขอ้ มลู ทแ่ี สดงบนลกู โลกจาลอง ลูกโลกจาลองมีหลายแบบตามวตั ถุประสงค์ของการแสดง ซึ่งอาจแบง่ ได้เป็น 2 แบบ ดังน้ี 2.1) ลกู โลกแสดงลกั ษณะผิวโลก โดยแบ่งผิวโลกออกเป็น 2 ส่วนอยา่ งชดั เจน คือ ส่วนท่ีเป็นพนื้ นา้ ซ่งึ ไดแ้ ก่ นา้ ทะเล มหาสมุทรเป็นส่วนใหญจ่ ะแสดงด้วยสีนา้ เงนิ ออ่ น และส่วนท่ีเป็นแผน่ ดิน ซึ่งไดแ้ ก่ รายละเอียดของทวีป ประเทศ ท่ตี ั้งของเมอื งหลวงและเมืองสาคัญ 2.2) ส่วนทีส่ มมตขิ น้ึ ลูกโลกจาลองจะแสดงเส้นเมริเดียนทล่ี ากจากข้ัวโลกเหนือสู่ข้ัวโลกใต้ และเส้นขนานที่ลากรอบโลกขนานกบั เสน้ ศูนย์สตู ร เส้นท้ังสองมไี ว้เพ่อื บอกพิกดั ภูมิศาสตรเ์ ปน็ คา่ ของละติจดู และลองจิจดู ของตาแหนง่ ต่าง ๆ ทีอ่ ยูบ่ นพ้ืนผิวโลก 1.3 รปู ถา่ ยทางอากาศ รูปถา่ ยทางอากาศ คอื รูปทีไ่ ด้จากการถา่ ยทางอากาศ โดยผ่านเลนส์กลอ้ งและฟลิ ม์ หรือข้อมูลเชงิ เลข ซ่งึ ถา่ ยดว้ ยกลอ้ งทนี่ าไปในอากาศยาน อันได้แก่ บลั ลนู เครื่องบิน เป็นตน้ ในสมยั ปัจจุบันมกี ารถ่ายรปูทางอากาศจากยานอวกาศไดด้ ว้ ย ปกตกิ ารถา่ ยรูปทางอากาศจะถา่ ยจากเครอ่ื งบินที่มีการวางแผนการบนิ และกาหนดมาตราส่วนของแผนทม่ี าแลว้ เปน็ อย่างดี กล้องถา่ ยรูปทางอากาศคล้ายกับกลอ้ งถา่ ยรูปท่ัวไปในอดตี แตม่ ีขนาดใหญ่กวา่ เลนสย์ าวกวา่ และใช้ฟลิ ์มขนาดใหญ่ ซ่งึ ปกตจิ ะมีขนาดประมาณ 24x24 เซนตเิ มตร รูปถ่ายทางอากาศจะให้ข้อมลู ทีค่ อ่ นขา้ งละเอยี ด นอกจากนี้ รปู ถา่ ยทางอากาศมกี ารถ่ายรูปซ้อนทับพน้ื ทบ่ี นรูปที่ตอ่ เน่อื งกัน จงึสามารถดูเป็นภาพสามมิติ หรอื ทรวดทรงของผวิ โลกได้ ซึง่ เป็นปัจจัยสาคญั ในดา้ นภมู ิศาสตร์ 1) ประเภทของรปู ถ่ายทางอากาศ รูปถา่ ยทางอากาศ มี 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะการถา่ ยรูปดงั น้ี 1.1) รปู ถ่ายทางอากาศแนวดง่ิ เปน็ รปู ถ่ายทางอากาศที่ถา่ ยรปู ในแนวตงั้ ฉากกบั ผิวโลกและไม่เห็นแนวขอบฟ้า 1.2) รูปถ่ายทางอากาศแนวเฉียง เปน็ รูปถา่ ยท่เี กดิ จากการกาหนดแกนของกลอ้ งในลกั ษณะเฉยี ง แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ คอื
1) รูปถ่ายทางอากาศแนวเฉยี งสงู ลกั ษณะรูปถ่ายจะเห็นแนวขอบฟา้ เป็นแนวกว้างใหญ่ 2) รูปถา่ ยทางอากาศแนวเฉียงต่า เป็นรปู ถ่ายทางอากาศทีไ่ มป่ รากฏเสน้ ขอบฟ้าในภาพรูปถา่ ยทางอากาศแนวเฉียงสูงและแนวเฉียงต่าใช้แสดงภาพรวมของพ้นื ทแ่ี ต่มมี าตราส่วนบนรปู ถ่ายทางอากาศแตกต่างกนั รูปถา่ ยทางอากาศแนวดิ่งมมี าตราส่วนในรูปคอ่ นขา้ งคงที่ จึงเปน็ ท่นี ิยมนามาใช้ทาแผนท่ี 2) หลกั การแปลความหมายจากรปู ถา่ ยทางอากาศ มีหลกั การ ดงั น้ี 2.1) ความแตกตา่ งของความเข้มของสี วตั ถตุ ่างชนดิ กันจะมีการสะท้อนคลน่ื แสงต่างกนัเช่น ดินแห้งทไ่ี ม่มีตน้ ไม้ปกคลุมจะสะทอ้ นคลืน่ แสงมาก จึงมีสขี าว นา้ ดดู ซับเคลื่อนแสงมากจะสะท้อนคลน่ื แสงนอ้ ย จึงมสี ีดา บอ่ น้าตน้ื หรือมตี ะกอนมากจะสะท้อนคลน่ื แสงไดด้ กี ว่าบอ่ น้าลึกหรือเปน็ นา้ ใส ปา่ ไม้หนาทึบจะสะทอ้ นคลนื่ แสงนอ้ ยกว่าปา่ ไม้ถูกทาลาย ดงั นนั้ ป่าไมแ้ นน่ ทึบจึงมีสีเข้มกว่าปา่ ถกู ทาลาย เป็นตน้ 2.2) ขนาดและรูปรา่ ง เชน่ สนามฟุตบอลรปู ส่เี หลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ เป็นต้น 2.3) เนือ้ ภาพและรปู แบบ เช่น ปา่ ไม้ธรรมชาตจิ ะมีเรือนยอดเป็นจดุ เล็กบ้างใหญบ่ ้างมีระดับสงู ตา่ และไม่เรียงเปน็ ระเบยี บ สว่ นปา่ ปลูกจะมีเรอื นยอดสงู ใกลเ้ คียงกันละเรยี งเป็นระเบียบ เปน็ ต้น 2.4) ความสูงและเงา ในกรณีท่วี ตั ถุมีความสูง เชน่ ตน้ ไม้สูง ตึกสูง เปน็ ต้น เมือ่ ถา่ ยรูปทางอากาศในระดับไมส่ ูงมาก และเปน็ ช่วงเวลาเชา้ หรอื เวลาบา่ ยจะมเี งา ทาใหช้ ่วยในการแปลความหมายได้ดี 2.5) ตาแหน่งและความสมั พนั ธ์ เช่น เรือในแมน่ า้ เรอื ในทะเล รถยนตบ์ นถนน ตา่ งแสดงตาแหน่งความสมั พันธซ์ งึ่ กนั และกนั เป็นตน้ 2.6) ขอ้ มลู ประกอบ เช่น ใชแ้ ผนท่ีการใชท้ ดี่ นิ แผนท่ปี า่ ไม้ประกอบการแปลความหมายดา้ นการใช้ท่ดี นิ และปา่ ไม้ เปน็ ต้น 2.7) การตรวจสอบข้อมลู ผแู้ ปลจะตอ้ งมคี วามรทู้ ี่จะนาองคป์ ระกอบมาผสมผสานกัน การตรวจสอบข้อมลู ภาคสนามจะช่วยให้การแปลความหมายถูกตอ้ งแม่นยา แตร่ ปู ถา่ ยทางอากาศท่ถี า่ ยในช่วงปที ่ีแตกตา่ งกันจะชว่ ยทาใหเ้ ห็นลกั ษณะการใชท้ ่ีดินทม่ี ีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทงั้ โดยกิจกรรมของมนษุ ย์และตามสภาพธรรมชาติ
3) ประโยชน์ของรปู ถา่ ยทางอากาศ มดี งั นี้ 1. การสารวจและทาแผนทีภ่ มู ปิ ระเทศ 2. การใช้ในกจิ การทหารและความม่ันคงของประเทศ 3. การสารวจและติดตามการเปลย่ี นแปลงทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม 4. การสารวจและตดิ ตามการเปล่ยี นแปลงพนื้ ท่กี ารใชท้ ี่ดิน 5. การวางผงั เมอื งและการสารวจแหล่งโบราณคดี 6. การสารวจและการตดิ ตามด้านยุทธศาสตรแ์ ละความม่ันคงของชาติ 1.4 ภาพจากดาวเทยี ม ดาวเทยี ม คอื วตั ถทุ มี่ นษุ ยส์ ร้างขนึ้ เลียนแบบดาวบรวิ ารของดาวเคราะห์ เพ่ือให้โคจรรอบโลกมีอุปกรณ์สาหรบั เก็บรวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกบั อวกาศและถา่ ยทอดขอ้ มลู น้ันมายงั โลก ดาวเทียมทโี่ คจรรอบโลกใช้เปน็อปุ กรณโ์ ทรคมนาคมดว้ ย เช่น ถ่ายทอดคล่ืนวทิ ยแุ ละโทรทศั นข์ า้ มทวปี หรือใชใ้ นการบันทึกทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ ทมี่ นุษย์สรา้ งขนึ้ บนแผ่นดินและผืนน้า ขอ้ มูลจากดาวเทียม เปน็ สัญญาณตัวเลขท่ไี ดร้ ับ ณ สถานรี ับสัญญาณดาวเทยี มภาคพน้ื ดินในประเทศไทยมสี ถานีรบั สญั ญาณดาวเทยี มสารวจทรพั ยากร ตั้งอย่ทู ่ีอาเภอศรรี าชา จงั หวดั ชลบรุ ี และท่เี ขตลาดกระบัง กรงุ เทพมหานคร และมสี ถานีรับสญั ญาณของกรมอุตนุ ิยมวทิ ยากระจายตามภูมิภาคของประเทศ เมอื่สถานีรับสัญญาณภาคพน้ื ดนิ ไดร้ บั ข้อมูลตวั เลขทีส่ ง่ มาแลว้ จงึ แปลงตวั เลขออกเป็นภาพอีกครง้ั หน่งึ ซง่ึ เรยี กว่าภาพจากดาวเทียม ท่ีนาไปแปลความหมายตอ่ ไปได้ในระบบคอมพวิ เตอร์สามารถนาข้อมูลตวั เลขมาวิเคราะห์เชงิ สถติ เิ พอ่ืจดั กลุม่ ขอ้ มูลใหม่ ซงึ่ เป็นการแปลความหมายอกี รูปแบบหนงึ่ ได้ 1) ชนิดของดาวเทยี ม แบง่ ออกไดด้ ังนี้ 1.1) ดาวเทยี มอตุ นุ ิยมวิทยา เปน็ ดาวเทียมทบ่ี นั ทกึ ข้อมูลด้านอตุ นุ ิยมวทิ ยาดาวเทยี มบางดวงจะโคจรรอบโลกในอัตราเร็วเท่ากับการหมุนของโลกและอยใู่ นแนวตะวันออกตะวนั ตกเสมอ เช่น ดาวเทยี ม GMS ดาวเทยี ม GOES เปน็ ต้น ซง่ึ จะมกี ารบนั ทกึ ขอ้ มลู ภมู อิ ากาศเกอื บตลอดเวลา จึงเปน็ ประโยชนม์ ากในการพยากรณ์อากาศและการเตือนภยั 1.2) ดาวเทียมสมุทรศาสตร์ เป็นดาวเทยี มท่ีบันทึกขอ้ มลู สมทุ รศาสตร์เช่น ดาวเทยี ม SEASAT จะบนั ทกึ ขอ้ มลู ด้านสมุทรศาสตร์ และดาวเทยี ม MOS (Marine Observation Satellite)นอกจากจะใชใ้ นการสารวจดา้ นสมทุ รศาสตรแ์ ลว้ ยังนามาใช้ในการสารวจดา้ นสมทุ รศาสตร์แลว้ ยงั นามาใชใ้ นการสารวจบนแผ่นดินแต่ไม่เปน็ ท่ีนิยมมากนัก เป็นต้น 1.3) ดาวเทียมสารวจแผน่ ดนิ เปน็ ดาวเทียมทบี่ ันทกึ ข้อมูลของผิวโลก จึงมีการนามาใช้ประโยชนม์ ากมาย เชน่ ดาวเทียมธีออส THEOS ดาวเทียมสารวจทรัพยากรดวงแรกของไทย สว่ นดาวเทียมLANDSAT ของสหรัฐอเมรกิ า ดาวเทยี ม SPOT ของประเทศฝรงั่ เศส ดาวเทยี ม ERS ของกลุ่มประเทศยโุ รปดาวเทยี ม RANDARSAT ของประเทศแคนาดา เป็นต้น
1.4) ดาวเทยี มสอ่ื สาร เปน็ ดาวเทียมเพ่อื การตดิ ตอ่ ส่ือสารและโทรคมนาคม เชน่ การรับส่งสญั ญาณโทรศพั ท์ โทรสาร ข่าวสาร ภาพโทรทศั น์ รายการวทิ ยุ ขอ้ มลู ข่าวสาร คอมพวิ เตอร์ เป็นตน้ ดาวเทยี มสื่อสารเปน็ ดาวเทยี มค้างฟ้าทอ่ี ยู่คงทบี่ นฟ้าของประเทศใดประเทศหนึ่งตลอดเวลา โดยหลายประเทศจะมีดาวเทยี มส่ือสารภายในประเทศของตนเอง เชน่ ประเทศไทยมดี าวเทียมไทยคม ประเทศญ่ปี นุ่ มีดาวเทยี มซากุระ ประเทศฝร่ังเศสมดี าวเทยี มยรู สิ หรัฐอเมรกิ ามีดาวเทยี มเวสดาร์ แคนาดามดี าวเทยี มแอนิค เปน็ ต้น1.5) ดาวเทยี มเพอื่ กาหนดตาแหนง่ บนพ้ืนโลก เปน็ ดาวเทียมทใ่ี ชใ้ นการสารวจหาตาแหนง่ของวตั ถบุ นพ้ืนโลก ซ่งึ สามารถนามาใช้ประโยชนไ์ ดห้ ลายด้าน เช่น เปน็ เครอ่ื งมือนารอ่ งยานพาหนะต่าง ๆ จากที่หนึง่ ไปสู่อีกท่หี น่ึง การกาหนดตาแหนง่ เพ่ือวางแผนกอ่ สรา้ งระบบสาธารณูปโภค การหาตาแหนง่ ของสถานทที่ ่ีต้องการเดนิ ทางไปโดยใช้ระยะทางท่ีสัน้ ทสี่ ดุ เป็นตน้1.6) ดาวเทยี มเพือ่ กจิ การทหาร เป็นดาวเทียมที่ใชใ้ นภารกิจของทหาร การถ่ายภาพจากกรรมความลับของข้าศกึ การศกึ ษาแนวพรมแดน การกาหนดเปา้ โจมตีทางทหาร ดาวเทียมทหารมักจะเป็นความลบั ของทกุ ประเทศ และดาวเทียมท่ัวไปก็อาจมกี ารติดตงั้ อปุ กรณพ์ เิ ศษเสรมิ เพอ่ื ใชง้ านทางทหาร เชน่ การใช้ดาวเทยี มสอ่ื สารในการตดิ ตอ่ ระหว่างกองทัพกับฐานทพั การใชด้ าวเทียมอตุ ุนิยมวทิ ยาในการสารวจอากาศท่ีเหมาะสมสาหรบั การปฏบิ ัติการทางทหารตา่ ง ๆ เปน็ ต้น2) การแปลความหมายภาพจากดาวเทียม สามารถทาได้ ดังนี้2.1) ในกรณีท่ีพิมพ์ข้อมลู เปน็ ภาพพิมพ์ อาจจะเป็นภาพขาว–ดา หรอื ภาพสี จะแปลความหมายโดยใชว้ ิธีเดียวกบั การแปลความหมายจากรูปถา่ ยทางอากาศ2.2) ในกรณีท่ีเป็นขอ้ มลู ตัวเลข ขอ้ มลู ตัวเลขที่ได้จากดาวเทยี มจะถูกแปลงเปน็ ภาพอกี ครัง้หนงึ่ โดยใช้เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ทีม่ โี ปรแกรมเฉพาะในการแปลความหมาย อาจจะให้เครอื่ งคอมพิวเตอร์และโปรแกรมช่วยจัดกลุ่มขอ้ มลู ตามหลกั สถติ ิ แลว้ จงึ กาหนดกลมุ่ ข้อมูลตามวัตถุประสงคต์ อ่ ไป3) ประโยชนข์ องข้อมลู จากจานดาวเทียม ขอ้ มูลจากดาวเทียมมปี ระโยชน์ ดงั น้ี3.1) ดา้ นการจัดการทรพั ยากรและสิง่ แวดล้อม หลงั จากท่ไี ดม้ กี ารศึกษาและวางแผนอย่างมีระบบ และได้มกี ารดาเนนิ งานในพ้ืนทีแ่ ล้ว เชน่ พืน้ ที่ทคี่ วรคืนสภาพป่า พืน้ ท่ที อ่ี นญุ าตให้ตดั ไม้ จาเปน็ ต้องมีวิธีการจัดการอย่างตอ่ เนื่อง เช่น การเขา้ ไปสงั เกตการณ์ การตรวจวัดหรอื ตรวจสอบ แต่ถา้ พ้นื ที่นั้นเป็นพื้นทที่ มี่ ีขนาดใหญ่ การตดิ ตามตรวจสอบทาไดย้ ากและมคี า่ ใชจ้ ่ายสูง จงึ มกี ารนาขอ้ มูลจากดาวเทียมมาใช้
ตัวอย่างเชน่ จากการสารวจพบวา่ ในปี พ.ศ. 2516 ไทยมพี ้ืนที่ปา่ ไมร้ ้อยละ 43.21 ของพน้ื ทีป่ ระเทศ แตใ่ นปี พ.ศ. 2536 ลดลงเหลอื เพยี งรอ้ ยละ 26.02 ของพ้ืนที่ประเทศ จากขอ้ มลู นี้จึงทาให้มกี ารรณรงค์เพอื่ รักษาพน้ื ที่ป่าไม้ใหม้ ากขึน้ เปน็ ต้น นอกจากน้ขี อ้ มูลจากดาวเทียมยังใช้ในการศกึ ษาติดตามการเปลยี่ นแปลงพื้นทปี่ า่ ไม้ โดยเฉพาะป่าตน้ นา้ ลาธาร สารวจพื้นท่ปี า่ ท่อี ุดมสมบูรณ์และป่าเสื่อมโทรมทวั่ประเทศ ศกึ ษาไฟป่า หาพื้นทท่ี เี่ หมาะสาหรับการปลกู สร้างสวนปา่ แทนบรเิ วณทีถ่ ูกบกุ รุก 3.2) ด้านการทาแผนท่ี ขอ้ มูลจากดาวเทียมสามารถนามาสรา้ งเป็นแผนทเ่ี ฉพาะเรื่องเช่น แผนท่ีธรณวี ทิ ยา แผนทด่ี นิ เป็นตน้ ซ่งึ จะมีการเปล่ยี นแปลงช้า และขอ้ มูลบางชนดิ ท่มี กี ารเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เชน่ การเคล่อื นยา้ ยของสตั ว์ป่า การใช้ท่ดี นิ เปน็ ต้น สาหรับในประเทศไทยยงั มกี ารใช้ประโยชนข์ อ้ มลูจากดาวเทยี มคอ่ นขา้ งจากดั สาหรับการจดั ทาแผนทเ่ี ฉพาะเรอ่ื ง บทบาทสาคญั ของขอ้ มูลดาวเทยี มจงึ ใชใ้ นการปรบั ปรุงแผนทเี่ ดิมที่มอี ยู่แลว้ เช่น การปรบั ปรุงแผนที่ภมู ปิ ระเทศ การเปล่ียนแปลงการใชท้ ดี่ ิน เป็นตน้ ข้อมูลส่วนใหญไ่ ดจ้ ากดาวเทียมสารวจทรพั ยากรทีส่ าคัญ เช่น ดาวเทยี ม LANDSAT ดาวเทยี ม SPOT และ MOS-1เปน็ ตน้ 3.3) ด้านอตุ นุ ยิ มวทิ ยา ขอ้ มูลจากดาวเทยี มสามารถนามาใช้ในการตดิ ตามลกั ษณะอากาศในชว่ งเวลาตลอด 24 ชัว่ โมง ทาให้การพยากรณอ์ ากาศมีความถูกตอ้ งแม่นยาและทนั เหตุการณ์
ข้อมลู จากดาวเทียมมปี ระโยชน์อยา่ งยิง่ ในการปอ้ งกันและเตือนภัยพบิ ัติ ลดความสูญเสียท่ีเกิดจากสภาพอากาศทเี่ ปล่ยี นแปลง เช่น การเกดิ ฝนฟา้ คะนอง การเคล่ือนตวั ของพายุ การเกดิ น้าทว่ ม เปน็ต้น ทาใหส้ ามารถวางแผนการช่วยเหลอื และฟืน้ ฟูไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ในปจั จุบนั ดาวเทียมมบี ทบาทมากขึ้นในหลายด้าน ทง้ั ดา้ นเศรษฐกิจ ดา้ นความบันเทิง ดา้ นการตดิ ต่อสื่อสาร ดา้ นธรณีวิทยา ดา้ นกรมอุตุนิยมวทิ ยา หรอื แม้แต่ดา้ นโทรคมนาคม และดาวเทียมกย็ งั ถกู พฒั นาตอ่ ไปอย่างไม่หยุดย้งั จนกา้ วไปสู่ระบบอตุ สาหกรรมดาวเทยี มhttps://etcgeography.wordpress.com/2011/07/19/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-1/
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: