ชว ยเหลือท่วั หนา มีขนุ นางทานหน่งึ แซอ ้งิ เม่อื ตอนท่ีทา นอยูในวัยกลางคน ไดเปนซ่ิว ฉายแลว แตยังไมไ ดเ ปน ขนุ นาง จึงไปน่งั ทองตาํ ราทชี่ ายเขาแหง หนงึ่ ซ่ึง ปลอดจากผูคนมารบกวน มเี สียงปศาจรอ งระงมชมุ นมุ กนั อยูใ นบรเิ วณนั้น ทานแซอง้ิ กไ็ มก ลัว อยูมาคืนหน่ึง ทา นไดย นิ เสยี งปศ าจคยุ กันวา มผี ูห ญิงผู หนง่ึ สามเี ดนิ ทางไปหากนิ ยังแดนไกลนานแลวไมก ลบั มา พอ ผวั แมผ ัวก็ เลยบังคบั ใหแตงงานเสียใหม ผูหญิงไมยอม จะมาแขวนคอตายบริเวณน้ีใน คืนพรงุ น้ี ปศ าจตนหนึง่ ซงึ่ ผกู คอตายมาเหมอื นกนั เม่ือมีคนมาแทนกจ็ กั ได ไปเกดิ ใหมเสียที ทา นแซอง้ิ ไดย นิ เขาก็บงั เกิดความเหน็ ใจผูห ญงิ คนน้ขี ึน้ มาจบั ใจ จึงนาํ ทน่ี าของตนไปขายอยา งเงียบๆ ไดเงนิ มาสีต่ าํ ลึง เขยี นจด หมายข้นึ มาฉบับหน่ึง แลว สง ไปยงั บา นของแมผ ัวพอผัวของผหู ญิงคนนนั้ พอ แมเหน็ จดหมาย กร็ วู า ไมใชลายมอื ของบุตรตน พากันสงสัย แตแลว กล็ ง ความเหน็ วา จดหมายน้ันอาจปลอมกนั ได แตเงินนัน้ ถาไมใ ชลกู แลวจะเปน ใครสงมาใหเลา ก็เชอื่ กันวาลกู ของตนคงสขุ สบายดี จึงสง เงนิ มาใหพ อ แม ใช ก็เลยกลับใจไมบงั คบั ใหล กู สะใภไปแตง งานใหม ตอ มาบตุ รชายของตน กลบั มา สามภี รรยากไ็ ดอ ยูกินเปน ปกติสขุ ตลอดมา อยูม าอีกคนื หนึ่ง ทานแซองิ้ ก็ไดย นิ ปศ าจพูดวา “ ฉันนะ จะมีคนตายแทนแลวเชียวนา แตซ วิ่ ฉายนท่ี าํ เสียเร่อื งหมด” ปศาจอีกตนหน่ึงกพ็ ูดขึ้นวา “ งนั้ เรากช็ วยกันฆา เสียเถอะ” ปศาจตนแรกบอกวา “ไมไ ดหรอก เพราะเทพเจาเบอ้ื งบนเห็นเขา เปนคนใจดี ไดแตง ตัง้ ใหเ ขาเปนขุนนางในยมโลก ใครกท็ ําลายเขาไมไ ด เสยี แลว”
ทานแซองิ้ ไดฟง เชนนั้น กย็ ่ิงมีกาํ ลงั ใจที่จะทําดียิง่ ๆ ข้ึน ยามเกิด ทุพภิกขภยั กน็ าํ ขาวและอาหารไปแจกจายแกผอู ดอยาก ยามเม่ือญาตมิ ติ ร เดอื ดรอ น ก็ชวยเหลอื อยางเตม็ ความสามารถ ยามประสบภยั พบิ ัติ กไ็ มเ คย โทษฟาโทษดนิ กลบั โทษตนเองวา ไดกออกุศลกรรมมาจงึ ยอมรับสถาน การณอ ันเลวรายไดอ ยางสงบ เมือ่ ไดเปนขุนนางแลว ลกู หลานก็ยงั ไดเ ปน ขุนนางอกี มากมาย ชว ยตองทันที มีซ่ิวฉายทานหน่ึงแซสวี๋ย บิดาเปน ผมู ั่งคั่งในเมอื งซูโจว มีอยปู ห นึ่ง ฝนแลงมาก ทานจงึ ใหชาวนาทํานาของทานฟรี ไมเกบ็ คาเชานาเลย เปนตัว อยา งอนั ดีงาม ที่เจาของนาท้ังหลายก็ปฏบิ ตั ิตามเชน กัน ไมเพียงเทา นนั้ ทาน ยงั นาํ ขาวทีเ่ ก็บไวมาแจกจายแกค นยากไรอกี ดวย พอตกกลางคนื กไ็ ดยนิ เสียงปศาจมารอ งวา “แมจ ะพูดสกั พนั ครง้ั หรอื สักหมื่นครง้ั ขาพเจาขอยนื ยันวาเปนความ จรงิ ทซี่ ิ่วฉา ยในตระกูล สว๋ยี นจี้ ะไดเปน จวย่ี เ หยนิ แลว ” ปศ าจรองติดตอกนั นาน จนกระทง่ั วนั หนึ่ง เมอ่ื มีการสอบไลซ่ิวฉาย ทา นนกี้ ็ไปสอบกับเขาดว ย ปรากฏวาสอบไดเปน จว๋ยี เหยินจริงตามทปี่ ศ าจ มารอง บดิ าของทานเห็นวา การทําดเี พียงเทา น้ี ยงั ไดผลดถี ึงเพยี งนี้ ทานก็ ย่ิงมมุ านะทําดยี ิ่งๆ ขึ้น สะพานชาํ รุดทา นก็ใหคนไปซอ มเสยี ใหดี ถนนหน ทางขรุขระสญั จรไมสะดวก ทา นก็ใหคนไปซอ มใหเ รียบรอย ภิกษุท่ีไมม ี โยมอปุ ฏฐาก ทา นก็ทาํ สํารบั กบั ขา วไปถวายทุกวัน ใครขาดแคลนขา วปลา อาหารเสื้อผา และอนื่ ๆ ทา นกเ็ จือจนุ อยเู สมอ ไมใ หอ ดอยากยากไร ไมวา ใครจะมเี รือ่ งทกุ ขร อนอยา งไร ทา นชวยไดเ ปน ชว ยทนั ที ตอ มาปศาจกม็ า รองอกี ทุกคืนวา
“แมจ ะพดู สกั พันครงั้ หรือหมืน่ คร้ัง ขาพเจา ขอยนื ยนั วา เปนความจรงิ ที่จว่ยี ในตระกลู สวยี่ น ้ี จะไดเ ปน ขุนนางผูใ หญที่มีตําแหนงสงู สุดในภูธร” ตอมากเ็ ปนเชนนัน้ จริงๆ การใหความยุติธรรมเปน ความย่ิงใหญ มีขุนนางอีกทา นหนงึ่ แซถ ู รบั ราชการอยใู นเรือนจําท่ีเมอื งเจียฟาง ทานพักอยใู นเรือนจํา มีเวลาวา งทา นกจ็ ะไปคยุ กับพวกนกั โทษ เพือ่ จะไดร ู ความจรงิ วา นักโทษนนั้ ทําผิดจรงิ หรือเปลา ปรากฏวา มีนักโทษหลายคนที่ ไมไ ดก ระทําผดิ ตามท่ถี ูกกลาวหา ทานจึงทาํ บนั ทกึ ไปมอบใหผูบ งั คบั บัญชา การพิจารณาโทษในสมัยนั้นก็ตองผานการพิจารณาคดีสามข้ันตอนดวยกัน เม่ือสอบสวนไดความอยางใด ในทอ งทีท่ ี่เกิดเหตแุ ลว กส็ งตวั นักโทษมายงั คณะกรรมการอกี ชดุ หน่ึงท่จี ะสอบสวนอีกครัง้ หนึง่ เมอ่ื ไดค วามอยา งไร แลว ก็นาํ ทลู เกลาฯถวายฮองเตใ หท รงวนิ จิ ฉยั อกี ทีหนึง่ โดยแยกเสนอนัก โทษออกเปนสามประเภท คือประเภททห่ี นงึ่ กระทําผดิ จรงิ ประเภททสี่ อง เปน นกั โทษทร่ี อลงอาญาได ประเภททีส่ าม เปนนกั โทษทคี่ วรใหอ ภยั โทษ ทัง้ หมดนี้สุดแลวแตฮ องเตจะทรงวินิจฉยั อยางใดอยางหนึ่ง ถา รับสง่ั ให ประหารก็ประหารทันที สว นพวกทีร่ อลงอาญา ถาโชคดีก็อาจจะไดร ับพระ ราชทานอภัยโทษในวันสาํ คัญของฮองเต ทา นแซถ นู ี้ เมือ่ ทา นสอบสวนได ความจริงจากนกั โทษแลว ทา นก็ทาํ บนั ทกึ สง ใหผ บู งั คบั บัญชา ธรรมเนียม ในสมัยน้นั ถา ผใู ดสามารถสบื ไดความจรงิ วา นักโทษไมผดิ แตถกู ปรกั ปรํา ก็จะไดความดีความชอบ แตทา นแซถูนี้ ทานมไิ ดค ดิ เอาดีเอาชอบ กลบั ยก ความดีความชอบนั้น ใหแ กผูบงั คับบัญชาของตน มคี วามประสงคแตจะ ชวยแกท กุ ขใหกบั นักโทษเทานัน้ นักโทษถูกปลดปลอ ยเพราะทา นในขณะ น้นั สิบกวาคน ราษฎรตางพากันชนื่ ชมยินดี โดยไมท ราบวาท่แี ทเปน การ ปดทองหลังพระของทานแซถ นู น่ั เอง ทา นแซถ ยู งั เสนอตอผบู ังคบั บัญชาวา ในเมอื งหลวงแทๆ ยังมผี ถู กู ปรักปรํามากมายเชน น้ี ถาหัวเมืองท่ไี กลปน เที่ยงออกไป จะไดร ับความอยตุ ธิ รรมขนาดไหน ควรท่ีจะแตง ตั้งคนดีมี ความยุติธรรมเปนผูตรวจการไปรื้อฟน คดมี าพจิ ารณาวา ไดพพิ ากษาลง โทษสมควรแกโ ทษหรอื เปลา ถา หนักไปกค็ วรผอนใหเ บาลง ถาเบาไปก็ ตอ งเพม่ิ ใหหนักขึ้นไปอกี เพือ่ ทรงความยุติธรรมไว ผูใ ดมิไดกระทาํ ผดิ ก็ สมควรปลอยตวั ไปเสีย ฮอ งเตทรงเห็นชอบดว ยจงึ ทรงแตงตง้ั ขุนนางแยก ยายกันไปตามหวั เมอื งนอยใหญ ทานแซถ ูก็ไดร บั การแตง ตงั้ ดว ย อยูมาคืน
หนงึ่ ทานฝน ไปวา มีเทวดามาชมเชยทา นวา การกระทําของทา นเปนท่ีถกู ใจ ฟา ดนิ มาก ความจรงิ ทา นแซถูมีชาตาชีวติ ท่ไี รบุตรสบื สกุล แตเ นอื่ งจาก ความดคี ร้งั นี้ใหญหลวงนกั ฟาดินจงึ ประทานบตุ รชายใหทานสามคน ตอ ไปจะไดเปน ขุนนางผใู หญท ง้ั ส้ิน ตอมาความฝนน้ันก็กลายเปน ความจริง จาคะดว ยเมตตาการุณ มีอีกทา นหนงึ่ แซเ ปา บดิ าทานเปน ขนุ นางตําแหนง ขาหลวง ทา นมีพี่ นอ งเจ็ดคน ทา นเปนลกู คนสุดทอง แตง งานแลว กไ็ ปอยูบา นพอ ตาแมยาย ทานชอบพอกบั ทา นบดิ าของพอมาก ไปมาหาสเู สมอ ทา นเปนคนเกงมี ความรูมากมาย แตเสยี ดายที่สอบเปน จวีย่ เหยนิ ตกทุกป ทานสนใจพระ พุทธศาสนาและลทั ธิเตา มาก วนั หนึง่ ทานไปเท่ียวที่ทะเลสาบแหงหนึง่ ไป พบศาลเจา เกา ๆ มีสภาพทรดุ โทรมมาก เขา ไปในศาลก็เหน็ รปู เทพเจากวน อิมยืนตากฝนเปยกอยู ทานจึงหยิบเงนิ ในกระเปาของทานซ่ึงมอี ยูสิบตําลงึ ถวายทา นเจา อาวาสใหซ อ มแซมใหด ดี วย ทา นเจาอาวาสบอกวา เงินเพยี ง เทานีไ้ มเพยี งพอทจ่ี ะซอ มแซมไดห มดทานจึงหยิบผา ท่ีเพ่งิ ซอ้ื มาสีพ่ ับ กับ เสอ้ื ทตี่ ดิ ตัวมาดว ยอีกเจ็ดชุด ถวายแกเ จาอาวาส คนใชไดคา นข้นึ วา เสือ้ ผา เหลาน้ลี วนเพ่ิงทาํ มาใหมๆ แลวทา นจะใชอะไรมาแทนเลา ทา นบอกวา ชา ง เถดิ ขอใหเ ทพเจากวนอมิ ไมต องตากแดดตากฝนกพ็ อใจแลว เราไมมเี ส้อื ผา ใสจ ะเปนไรไป ทา นเจา อาวาสไดฟงแลว ประทบั ใจมาก รองไหพ ลางพดู วา ของทใี่ หม านนั้ หาไมย ากดอก แตน ํ้าใจเชนน้สี ิ จะหาไดจ ากทไ่ี หน ครนั้ ซอ มแซมเรยี บรอยแลว ทา นแซเ ปาก็ชวนทา นบิดาใหไ ปไหวเ จาดว ยกนั คนื นน้ั คางอยทู ีว่ ัด ตกดกึ ก็มเี ทพเจา มาเขาฝนทานบิดาวา ขอบใจท่ีมาชวย ใหไ มต อ งเปย กฝนอีกแลว ตอไป บุตรหลานของทา นจะไดเปน ใหญเปน โต ในราชการมากมาย ตอมาก็เปน เชนนัน้ จรงิ ๆ ยตุ ิธรรมค้ําจนุ โลก อีกทา นหนึง่ แซจือ ทา นบิดารับราชการอยใู นกรมราชทัณฑ อยูมาวนั หน่ึงมนี กั โทษประหารคนหนึง่ ซ่งึ ถูกปรกั ปราํ โดยไมไ ดท าํ ผดิ อันใดเลย ทานบดิ าสงสารมากจึงปลอบใจนกั โทษวา อยาเปน ทกุ ขไปเลย จะชวยเหลือ
นกั โทษจึงปรับทกุ ขก บั ภรรยาวา เราซาบซง้ึ ในบญุ คุณอนั น้ยี ิ่งนัก แตน า ละอายใจทเ่ี รายากจนมาก ไมมีสง่ิ ของอันใดพอทจี่ ะนาํ มาตอบแทนพระคณุ ทาน ก็เห็นมีแตเจาเทา นัน้ ทจ่ี ะชว ยเหลอื เราได พรงุ น้ีเมือ่ ทา นไปทําการ สอบสวนทบ่ี า น เจาจงบอกกบั ทา นตามตรงวา เราขอยกเจาใหเ ปน ภรรยา ของทาน นางไมอ ยากทําเชนน้ีกไ็ ดแ ตร อ งไหพ ลางรับปากไปพลางดวย ความสลดใจยง่ิ แตก ารณก ลบั ผิดคาด ทา นบิดาของทา นแซจ ือไมย อมรับ และชว ยเหลือจนสําเร็จ เมือ่ ออกจากท่คี ุมขงั แลว สองสามีภรรยาก็เดนิ ทาง มาขอบพระคุณทาน และพูดวา คุณธรรมของทา นทีม่ ตี อขา พเจา นนั้ หายาก ยิง่ แลวในโลกนี้ หากขาพเจาไมส ามรถตอบแทนพระคณุ ของทา นเสียบา ง คงจะไมส บายใจไปตลอดชาติ จงึ ใครย กลูกสาวใหเ ปน ทาสชว งใช ขอทา น อยาไดปฏเิ สธเลย ทา นบดิ าของทานแซจอื ก็รบั ไว แตม ิไดใ หเปนทาสรับใช ทําพธิ แี ตง งานกันตามประเพณีนิยม ตอ มาจึงไดกําเนิดทา นแซจอื พออายุ ได ๒๐ ป ทานแซจอื กส็ อบไลไ ดเ ปน ขุนนางในกรมประวตั ิศาสตร ตอมาลูก หลานกไ็ ดเ ปนขนุ นางกันทั้งนน้ั ขอคิดพจิ ารณา ท่ีพอ เลามาใหฟ ง ทั้งหมดนี้ มีอยสู ิบเรอ่ื งดวยกนั แมเรื่องราวจะแตก ตา งกนั ลวนแตเปนการประพฤติดปี ฏิบัติชอบทงั้ สิน้ ถา จะอธบิ ายใหล ะเอยี ด ลึกซงึ้ กวา น้ี กย็ ังจะตองพิจารณาวา การทําดนี น้ั ดีจริงหรอื ไม แบงออกเปน ๘ ขอดว ยกันคอื ๑. ดจี ริงหรือดีปลอม ๒. บริสทุ ธ์ิใจหรอื ไมบรสิ ทุ ธใิ์ จ ๓. ทาํ แลวมคี นรูเห็นหรือไมม ีคนรูเ หน็ ๔. ทําถกู หรือผิด ๕. ทาํ ดว ยความรเู ทาถงึ การณห รอื ไม ๖. ทาํ ครง่ึ ๆ กลางๆ หรือทาํ อยา งสมบูรณ ๗. ทําใหญหรอื เลก็ ๘. ทาํ ยากหรอื ทํางา ย
ทั้งหมดนี้จะตองใครครวญใหถ องแท หากการกระทําความดีโดยไม อาศยั เหตุผลแลว ไซร ความดีนน้ั อาจจะใหผ ลรา ย เปนบาปไปกไ็ ด เปน การ สญู เปลา ไมไ ดป ระโยชนอนั ใดเลย ทนี ้พี อจะมาพดู ใหฟง ทีละขอ ขอแรก การทาํ ดนี นั้ ดจี ริงหรอื ดปี ลอม ในสมัยราชวงศห ยวน (ค.ศ. ๑๒๗๑ -๑๓๖๘ หรอื พ.ศ. ๑๘๑๔ - ๑๙๑๑) มพี ระเถระรปู หนง่ึ มีนามวา ทา นจงฟง ฮอ งเตในสมัยน้นั ได สถาปนาทานเปน ถงึ สังฆราช ทานมีคุณธรรมล้าํ เลศิ มีคนไปนมสั การมาก มาย อยมู าวันหนึง่ มีพวกนกั ศึกษาลทั ธิขงจ่อื ไดพ ากนั ไปนมัสการทา น กราบถามทา นถงึ ปญหาหนงึ่ วา “พระพทุ ธศาสนาน้ันเนนหนักในเรอื่ งกฎแหงกรรม ใครทําดไี ดด ีทํา ชัว่ ไดชว่ั ดจุ เงาตามตวั บัดนป้ี รากฏวาบางคนทําความดแี ตลกู หลานไม เจรญิ รุงเรอื ง สวนคนท่ที ําช่วั นั้นเลา กลับไดดีมีหนามตี า เชน นีแ้ ลว จะเช่ือ คาํ สอนของพระพุทธศาสนาไดอยา งไรกัน” พระเถระจงฟงกลาวตอบวา “หากเราจะวินจิ ฉยั สง่ิ ใดส่งิ หนง่ึ ถาใชทศั นะชาวโลก ก็จะวินจิ ฉัยได แงมมุ ในทางโลก ถา ใชท ศั นะทางพุทธธรรม ก็จะวินจิ ฉยั ไดแงม ุมในทาง ธรรม อนั ปุถุชนคนธรรมดาไมส ามารถจะมองเหน็ ไดแจมแจง เทา เพราะ ฉะนน้ั การวนิ จิ ฉยั ในทศั นะทางโลก จึงไมอ าจถกู ตองเสมอไป บางทคี นดีก็ มองไปวา เปนคนไมดี สวนคนไมด ีก็มองเห็นวา เปนคนดไี ปกม็ ี ชาวโลกจงึ มักจะไมสาํ รวจตนเอง เอาแตโทษฟาดินลาํ เอียง”
แลวทา นกใ็ หพวกนกั ศึกษาลทั ธิขงจือ่ ยกตวั อยา งทพ่ี วกเขาเห็นวาดี และไมด ีออกมาจะไดเ ขา ใจความหมายของความดถี องแทข ึ้น บางคนก็ยก ตวั อยางวา การตีคนดาคนไมด ี การออนนอ ม มมี ารยาทดจี ึงจะดี บางคนก็ ยกตัวอยางวา การละโมบอยากไดของเขาอ่ืนไมด ี การไมละโลภถอื สนั โดษ เปน ความดี ทานจงฟงเถระกไ็ ดสายหนาวา ไมใ ชอยา งวา เสมอไป ทา นอธิบายวา “ถาเราทาํ ประโยชนเพอ่ื ผูอ่ืนเรยี กวา ทําความดี แตถาเราทําเพอ่ื ตวั เราเอง นน่ั คือความไมดี ถา เราทําเพือ่ ประโยชนส ขุ ของผูอน่ื ถึงแมเราจะตี เขากด็ ี ดดุ าวา กลา วก็ดี ลว นแตเปนการกระทาํ ดีท้ังนนั้ ถา เพอ่ื ประโยชน ของเราเอง เราจงึ ออนนอมตอผูอืน่ ทาํ ความคารวะตอ ผูอ น่ื นเี่ ปน ความดี ปลอมไมใชด จี รงิ ฉะน้นั การกระทําใดๆ ก็ตาม ถาทาํ เพอื่ ประโยชนสขุ ของ ผอู ืน่ แลว ไซร เปนความดจี ริงทงั้ นั้น ถาเราเพ่ือผลประโยชนของเราเอง ก็ เปนดปี ลอมทั้งนั้น ถาเราทาํ ดว ยความบริสุทธใิ์ จมคี วามจรงิ ใจ ไมหวังสง่ิ ตอบแทน จงึ จะเปน ความดที ่ีดีแท หากยังตองการอามสิ สินจางรางวัล จงึ จะ ทาํ ความดี ความดนี ัน้ กเ็ ปนความดปี ลอม เพราะฉะนั้นกอนที่จะกลาววาสง่ิ นน้ั ดี สงิ่ นัน้ ไมด ี คนนด้ี ี คนนไี้ มด ี กต็ อ งพิจารณาใครค รวญทกุ แงทกุ มมุ เสยี กอ น มฉิ ะนนั้ การวนิ จิ ฉัยของเรากจ็ ะเกดิ การผดิ พลาดข้นึ ได” ความดขี อ ที่สอง คือการทาํ ความดนี น้ั บริสทุ ธิใ์ จหรอื ไมบริสุทธิ์ใจ สมยั นคี้ นสว นมากชอบคนทม่ี นี ิสัยไมด อื้ ร้ันวา เปน คนดี แตนัก ปราชญท านมักจะชอบคนที่เปน ตวั ของตวั เอง เพราะคนชนิดน้ี มกั จะสอน งา ย แตห าไดยากมาก คนทวี่ านอนสอนงา ย ชกั จูงอยา งไรกไ็ ปอยางนัน้ ถึง แมใ ครตอ ใครพากันชมเชยวาเปนคนดีนักหนาก็ตามที แตท า นนกั ปราชญ กลับเห็นวาคนชนิดน้เี ปน ผูรา ยในคุณธรรม สอนใหดไี ดยาก หาความกาว หนาไมไ ด เพราะฉะนัน้ ความดีความไมด ี ชาวโลกมกั เหน็ ตรงกนั ขา มกบั นกั ปราชญเสมอ สวนเทวดาฟา ดนิ น้นั มคี วามเหน็ ตรงกบั ปราชญ ดงั นั้น การทาํ ความดจี ึงมไิ ดอาศยั ทต่ี าดู หูฟง แตต อ งเรม่ิ ท่ใี จของตนเอง เรมิ่ ไตรตรอง สาํ รวจตนเองอยางระแวดระวัง อาศัยกาํ ลงั ใจของเราเอง ซักฟอก
จิตใจใหใ สสะอาด ไมวาจะทาํ อะไรก็ใหค ดิ ถึงประโยชนสขุ ของผูอนื่ กอ น แลว ทําดวยความบรสิ ุทธิ์ใจ ไมแ ฝงไวดวยเจตนาทีจ่ ะตอ งการตอบแทนจาก ใคร จงึ จะเปน ความดีโดยบรสิ ทุ ธิ์ หากเราทําดเี พื่อเอาใจผอู ืน่ กด็ ี หวงั การ ตอบแทนก็ดี ก็ไมใ ชค วามดีทีเ่ กดิ จากความบริสุทธ์ิใจเสยี แลว เปน การเส แสรง เพทบุ ายเพ่อื หวังประโยชนต นเปน ท่ีต้ัง เปนเจตนาทีไ่ มบ รสิ ทุ ธิ์ จะถือ เปนความดแี ทไมได ความดีขอท่ีสาม คอื การทาํ ความดีนัน้ ทําแลว มคี นรเู หน็ หรือไมม ีคน รูเห็น ความดที างธรรมซ่ึงฟาดนิ ยอ มประทานผลดใี ห สวนความดที างโลก กจ็ ะไดร บั แตช ื่อเสยี งเกยี รติยศความม่งั คง่ั เปน ผลตอบแทน การมชี ื่อเสียง โดง ดังนัน้ ชาวโลกมักจะเหน็ วา เปนผมู บี ญุ วาสนา แตท างธรรมแลวเห็นวา ผูน้ันมไิ ดท าํ ความดีมากพอกับการมชี อื่ เสียง จงึ มักจะไดร ับผลไมด ีในบ้ัน ปลาย แตค นดที ไ่ี ดรับการปรักปราํ จนเสียช่ือเสียงนน้ั ลกู หลานกลับรุงเรือง ไดดมี สี ุข เพราะผทู ่ไี ดร บั การปรักปรํา สามารถอดทนตอการถูกประณาม หยามเหยียดหวานอมขมกลนื กม หนา รับความขมขื่นอยูดวยอาการสงบ เปน การส่งั สมกุศลกรรมอยา งใหญห ลวง ลูกหลานจึงมโี อกาสไดดี เพราะ ฉะนั้น ลูกจะตอ งเห็นความสลบั ซับซอนอนั ล้าํ ลกึ ของการทําความดีทด่ี ีแท และดีปลอม จึงจะทําความดีไดถ กู ตอง ความดขี อ ทสี่ ี่ คือการทาํ ความดีนน้ั ทาํ ถูกหรือทําผดิ กาละเทศะ ในแควน หลู ราษฎรถูกจับไปเปน เชลยในแควน อน่ื เมือ่ มคี นไถม าได สง คนื แควนหลูไป กจ็ ะไดร บั เงินจํานวนหนึง่ เปน การตอบแทน เพราะสมัย ชุนชิวน้นั ตางก็ตั้งตัวเปนออ งกัน รบราฆาฟนชวงชงิ เขตแดนกนั จบั เชลย ศึกไดก็นาํ ไปเปนขา ทาสท้ังชายหญงิ แควน หลเู ปน แควนเลก็ ๆ ไมค อ ยจะมี กําลังไปสรู บกับใครนัก จึงมกั ถกู แควนอืน่ บุกเขา มาจบั ราษฎรไปเปนทาส เสมอ ใครใจบญุ อยากทําความดีก็นาํ เงนิ ไปไถมาคืนเจาผูค รองแควนหลูก็ จะไดรับรางวลั ทนั ที ตอ มาทานจื่อกง ซ่งึ เปน ศษิ ยเ อกของทานขงจ่อื ทานได ไปไถเ ชลยศกึ มาคนื แควนหลู แตไมยอมรบั เงนิ รางวลั เพราะทา นมีฐานะดี
อยูแลว ทาํ ไปโดยมหิ วงั ผลตอบแทนใดๆ แตเมือ่ ทานขงจอ่ื ทราบเรอ่ื งเขา ทา นก็โกรธลกู ศษิ ยของทานมาก ทานบอกวา แควน หลูนั้นคนจนมากคน รวยมนี อ ย ตอไปนีค้ งจะไมมใี ครกลาไปไถเชลยศึกมาอีกแลว เพราะทา น จอ่ื กง ไปทาํ ตัวอยา งเอาไวเชน นน้ั กม็ แี ตค นที่ฐานะดจี งึ กลา เอาอยางทานจ่ือ กง ได สว นคนท่โี ลภเงินรางวัลกด็ ี คนท่ีไมค อ ยจะมีเงนิ นกั กด็ ี ตางกไ็ มท ํา ความดีอีกตอ ไป เพราะไมไดเงินรางวลั จะทาํ ไปทําไม ดังน้ีจงึ เหน็ ไดว า นกั ปราชญน น้ั ไมว า จะทําอะไรก็จะเปน เยยี่ งอยางแกผ ูอ่นื จึงตองระมดั ระวงั จะทําอะไรผิดไมไ ด คนกจ็ ะพากันทําตามอยางผดิ ๆ ไปดวย ความดกี ็เลย เปนความดีปลอมไป (มที า นผอู า นแยง มาวา พระพทุ ธศาสนาสอนมิใหทําความดีเพอื่ อามิส สนิ จา ง ทานเหล่ยี วฝานหมายถงึ วา เมือ่ มเี จตจํานงจะทาํ ความดี สวนผลตอบ แทนน้ัน ถา พงึ ไดโ ดยชอบธรรม แมตนเองไมต องการ กส็ ามารถนําไปทาํ ความดีเพอื่ ผอู น่ื อกี ตอไปได เชนทา นจอ่ื กง เมอื่ ทานรับเงินมาแลว ทา น สามารถนาํ เงนิ ไปไถค นมาใหก ับแควน หลูไดอ ีก เปน การทําความดที ต่ี อ เนือ่ งไปสูประโยชนส ุขของผูอนื่ ไดอีกมากมาย และไมเสียธรรมเนยี มของ แควนหลู เปนการไมเ สียหายทั้งทางโลกและทางธรรม จึงไมขดั กบั คาํ สอน ของพระพุทธศาสนาเลย - ผถู อดความ) ทา นจื่อลซู ง่ึ ก็เปนศิษยเอกของทา นขงจอื่ เชน กัน อยูม าวนั หนึง่ ทานจ่ือ ลไู ดช วยคนตกน้ําไวได ชายคนนั้นใหว วั ตวั หนงึ่ เปน การตอบแทนที่ไดช วย ชีวิตไว ทา นจ่อื ลกู ร็ บั เอาวัวนนั้ มา ทานขง จื่อเมอ่ื ทราบเรอ่ื งกด็ ีใจมาก ทาน พูดวาตอไปนแี้ ควนหลขู องเราน้ี จะมคี นชอบชวยเหลือผูอ่ืนเพม่ิ ขึน้ อีก เพราะเมื่อทาํ ความดีแลว มีคนเห็นความดีและไดร บั การตอบแทนทันที ใครๆ กอ็ ยากจะทาํ ความดเี ชน นีก้ นั มากขน้ึ แตใ นสายตาของชาวโลกแลว จะตองมองในทัศนะกลบั กนั กับทานขงจือ่ เปน แน ชาวโลกจะตองเหน็ วา ทานจอื่ กงดี ชวยคนแลว ไมห วังสง่ิ ตอบแทน สว นทา นจอื่ ลูนน้ั ไมด ี ชว ยแลว ก็ไมป ฏิเสธการตอบแทน แตน กั ปราชญทานมองการณไ กล การทําความดี ท่มี ีคนนาํ ไปเปนเย่ียงอยา งใหเ กิดประโยชนตอ สว นรวมได จึงจะเปน ความ ดแี ท
ความดขี อ ทห่ี า คือการทําความดนี ั้น ทําดว ยความรเู ทาถึงการณหรอื ไม แตก อนน้ี มขี นุ นางไจเ ซยี่ ง (ไจเสีย่ ง) ทานหนึ่งรบั ราชการในรชั กาล ของพระเจา องิ จงฮองเต (ค.ศ.๑๔๓๖-๑๔๔๙ หรือ พ.ศ. ๑๙๗๙-๑๙๙๒) ทานรบั ราชการดวยความซอื่ สัตยสุจรติ ไมมดี า งพรอ ย เปนท่เี คารพนบั ถือ ของคนท่วั ไป ตอมาทา นปลดเกษียณตนเองกลบั ไปอยภู มู ลิ ําเนาเดมิ ของ ทานทช่ี นบท ประชาชนก็พากนั มาเคารพทา นตางก็เปรียบทานดจุ ขนุ เขาอัน สูงสุดในแผน ดินจนี คอื ทายซาน และเปรียบดุจดาวเหนือทสี่ ุกใสกวา ดาว ใดๆ ในพิภพ คร้ันแลว มีชายข้เี มาคนหนง่ึ มาดา ทา นซงึ่ ๆ หนา ทานเห็นเปน คนเมา กไ็ มถ ือโกรธกลบั มาบอกคนรบั ใชวา อยาไปเอาเร่อื งกับคนเมาเลย ปด ประตูเสียเถดิ ตอ มาชายขี้เมาคนน้ี ไดร บั โทษประหารชีวติ เมอื่ ทานอดีตไจเซยี่ งรเู ขาก็เสยี ใจมาก รําพึงวา “ถาเราเอาเร่อื งเสียแตแ รกทดี่ าเรา จบั ไปทําโทษสถานเบาเสยี ท่ี อําเภอ เขาจะไมตองรับโทษประหารในวันน้ี เพราะเราแทๆ กรณุ าเขาผดิ กาละไปดว ยความรูเ ทา ไมถึงการณ ทาํ ใหเ ขาเหิมเกรมิ ทําช่ัวจนตวั ตาย” นี่คือตัวอยา งของความใจดี แตก ลับทาํ ใหผ อู ่ืนไดรับผลช่ัวตอบแทน สวนการกระทาํ ทเ่ี หน็ วาช่ัวแตก ลบั เปนผลดนี ้นั ก็มตี ัวอยางเชนกัน
มอี ยคู รั้งหนึง่ บานเมอื งเกดิ ทพุ ภกิ ขภยั ราษฎรตา งแยง ชิงทรัพยส นิ กนั เองในกลางวนั แสกๆ มเี ศรษฐีทานหนงึ่ ไปรองตอ นายอําเภอ ขอให ระงบั เหตุกอนทจี่ ะเกดิ จลาจล แตน ายอําเภอไมเ อาเรอ่ื ง คนยากจนกเ็ ลยได ใจ พากนั ยอื้ แยง กันมากข้นึ เศรษฐีเหน็ ไมเปนการจงึ ระดมผูคนของตน ออกปราบเอง เรอ่ื งจงึ สงบ การกระทาํ ของเศรษฐีทานน้ี แมจะรนุ แรง แตก ท็ ําดวยความสจุ รติ ใจ หวงั มิใหเกิดการจลาจล จึงเปน การทําความดแี ทอ ีกวธิ ีหน่งึ ความดขี อ ที่หก คอื การทําความดนี ้ัน ทาํ ครึ่งๆ กลางๆ หรอื ทําอยา ง สมบรู ณ ในคมั ภรี อจี้ ิงไดกลา วไวว า ผูทีไ่ มส ่ังสมความดี จงึ มคี วามดีไมพ อที่ จะไดร บั ชือ่ เสยี งดี ผูทไ่ี มส ั่งสมบาป ยอ มไมตอ งไดรับเคราะหก รรมถึงตาย ในประวัติศาสตรก ไ็ ดก ลา วถงึ ราชวงศซ าง (เซียง) (กอน ค.ศ. ๑๗๖๖- ๑๑๒๒ หรือกอน พ.ศ. ๑๒๒๓-๕๗๙) วา โจว อวา งซงึ่ เปน ฮอ งเตที่โหดรายท่ี สุดพระองคหน่ึงในประวัติศาสตรจีนและเปนองคสุดทายของราชวงศซาง ถูกปราบปรามสําเรจ็ โดยโจวอูอวา ง (จวิ บอู อ ง) ในปกอน ค.ศ.๑๑๒๒ (กอ น พ.ศ. ๕๗๙) โจว อวาง ส่ังสมแตบ าปกรรม ดุจการรอ ยเงนิ เหรียญไว เตม็ พวง จึงรกั ษาแผน ดนิ และชวี ิตของตนเองไวไ มได การสงั่ สมความดี ความช่ัวนั้น ดุจนาํ ของบรรจุลงในภาชนะทกุ วนั ก็จะเตม็ เปย ม ถาส่งั สมบาง ไมสง่ั สมบาง หยดุ ๆ ทําๆ บุญหรือบาปนนั้ กพ็ รอ งอยเู สมอไมมวี ันเตม็ ได เลย แตกอนน้ี มีเดก็ สาวคนหนึง่ เขา ไปในวัดเพราะอยากทําบุญ แตม เี งิน เพียงสองอีแปะ ความจริงราคาของเงินนัน้ นอยนิด แตค า ของความมีใจ อยากทําบญุ นน้ั เหลือหลาย ทา นเจา อาวาสจึงกลา วอนโุ มทนาคาถาเอง ให ศีลใหพ รเอง
ตอ มาหญิงน้ันไดเ ปนพระสนมของฮอ งเตม ีเงินมากมาย จึงนําเงนิ หลายพนั ตําลงึ มาทวี่ ัดนนั้ อีกเพ่อื ทาํ บญุ คราวนเี้ จา อาวาสใหพ ระลูกวัดกลา ว อนุโมทนาคาถาและใหศีลใหพ รแทน พระสนมเกดิ ความสงสัยย่งิ นกั จงึ กราบถามทา นวา “เมือ่ กอ นน้ขี า พเจา ยากจน มีเงินเพียงสองอีแปะ แตทานมากลา ว อนโุ มทนาคาถาและใหศ ีลใหพ รขาพเจาดวยตนเอง มาบัดนี้ขาพเจาพอมี เงินบาง จึงนาํ มาถวายหลายพันตําลงึ แตทําไมทา นกลับใหพระลูกวดั ทํา หนา ทีแ่ ทนทานเลา ” ทานเจา อาวาสกลาววา “แตก อ นนี้ แมท า นจะทําบญุ นอ ย แตใ จทา นนน้ั เปยมไปดวยเจตนาท่ี เปน กศุ ล มาบดั นี้แมทา นจะมีเงนิ ทาํ บญุ มาก แตใจของทานน้ันไมเหมอื น แตก อ นเสยี แลว จึงไมจ ําเปน ทีจ่ ะตอ งใหอ าตมาไปกลาวเอง” นี่คือตัวอยางของการทําดีที่ไมจําเปนตองอาศัยราคาของเงินมาาวัด ความดีนัน้ ทาํ บญุ ดวยเงินนอยนดิ กลบั เปนบุญท่ีเตม็ เปย ม เพราะจติ ใจที่ เต็มเปยมดว ยกุศลเจตนา แมท ําบุญดวยเงนิ มากมาย หากจิตใจมศี รัทธา เพยี งครึ่งๆ กลางๆ การทําความดีนั้นก็จะไดผ ลเพียงครงึ่ ๆ กลางๆ เทา นั้น อีกตัวอยา งหนงึ่ มเี ซยี นทานหนึง่ ช่ือวา จงหลี ทา นเปน ชาวฮน่ั (กอ น ค.ศ. ๒๐๖ - ค.ศ. ๘ หรือ พ.ศ. ๓๓๗ - ๕๕๑) เมื่อตายไดส ําเรจ็ เปนเซียนผู วิเศษ เสวยสุขอยูบนสวรรคห ลายรอ ยป จนสมยั ราชวงศถงั (ค.ศ. ๖๑๘ - ๙๐๗ หรอื พ.ศ. ๑๑๖๑ - ๑๔๕๐ )
ทา นเซยี นจงหลกี ็รับลกู ศษิ ยไ วคนหนงึ่ มีช่อื วาทานหลย่ี ต ง ปง ตอ มา จนถึงปจจบุ ันผคู นเรยี กทา นวา หลยี จ ู (ลอื่ โจว) ทา นเปนขนุ นางรบั ราชการ เปน นายอาํ เภออยูสองคร้ัง เมือ่ มีโอกาสพบเซียนผวู ิเศษ ทานกไ็ ดรบั การ ถา ยทอดวชิ าตางๆ ในลัทธเิ ตา รวมทัง้ การนง่ั สมาธิดวย ทานตดิ ตามเซียนผู วิเศษไปฝก สมาธิทภ่ี เู ขาแหงหนง่ึ จนสาํ เรจ็ ไดเ ปนเซียนเชน กัน ตอ มาทา นจงหลีไดสอนใหทา นลื่อโจวรจู กั ผสมยาวิเศษ เพียงแตเ อา ยานัน้ หยดลงไปท่เี หล็ก เหล็กน้นั ก็จะกลายเปนทอง สามารถนําไปชวยเหลือ ความยากจนของผูคนได ทา นลอ่ื โจวจงึ กราบถามทานอาจารยว า “เมอ่ื เปลยี่ นไปเปน ทองแลวจะกลับเปน เหลก็ ดัง่ เดมิ อกี ไหม” ทานจงหลีบอกวา “เม่อื ครบหารอยปแลวจะกลบั สภาพเดมิ ได” ทา นลื่อโจว จงึ ปฏิเสธไมย อมทาํ เหลก็ ใหเ ปนทอง เพราะทานเหน็ วา เม่ือครบหา รอ ยปแลว ก็จะทําใหผูค นเสยี หายมากมายเพราะอยูๆ ทองในมือ กก็ ลายเปน เหล็กไปเสยี แลว ยอ มนํามาซ่ึงความสูญเสยี อยา งมากมาย เปน การใหรายผูอนื่ โดยไมเปนธรรม การที่ทา นจงหลลี องใจทา นลื่อโจวคร้ังนี้ ทําใหท า นภมู ใิ จในลกู ศิษย ของทานเปนอยางย่งิ เพราะคําพูดเพียงคําเดยี ว ก็แสดงใหเ หน็ ความเปน คน ของทา นล่ือโจววา สูงสงเพยี งใด
ทานจงึ กลาวกับศิษยร กั ของทานวา “การจะบรรลคุ วามเปนเซียนน้นั จะตองส่ังสมคุณธรรมใหไดถึงสาม พนั อยาง คําพดู ของเจาเพยี งคําเดียว ก็เทากบั ไดส รา งคุณธรรมครบสาม พันอยา งแลว ในพริบตา” การทาํ ความดีนัน้ เมือ่ ทําแลวกแ็ ลวกนั อยา ไดน าํ มาคิดถึงบอ ยๆ ราว กบั การทําดนี น้ั ชางยง่ิ ใหญน กั ใครกท็ าํ ไมไดเ หมอื นเรา ถาคิดเชนน้คี วามดี นัน้ จะเหลอื เพียงครึ่งเดยี ว แตถา ทาํ แลวกไ็ มน าํ มาใสใจอกี คดิ แตจ ะทํา อะไรตอ ไปอกี จึงจะดี กจ็ ะเปนความดีที่สมบรู ณไมตกไมหลน เชน การให เงินแกค นยากจน ในใจของลกู จะตอ งคิดวาเราเปนผูให ภายนอกกอ็ ยา ไป สนใจวาใครเปน ผรู บั แมแตเงนิ ทีเ่ ราบริจาคไปแลว กม็ องไมเ ห็นวาสําคญั ตรงไหน ใหแลว ก็แลวกันลมื เสียใหไ ด ไมก ลบั มาคดิ อกี ใหเสียเวลา เชน นี้ เรียกวาทําความดีดวยจิตวางเปลา เม่อื ไมไ ดบ รรจอุ ะไรไวทีจ่ ิตเลย จติ น้นั ก็ ยอมเต็มเปยมไปดว ยกุศลผลบญุ พลังแหงกุศลธรรมเชน นี้ใหญห ลวงนัก สามารถทาํ ลายเคราะหก รรมไดถ ึงหนึ่งพันครั้ง เพราะฉะน้ัน การทาํ ความดี จึงมิไดข น้ึ อยกู บั ปริมาณของเงินทองหรือวัตถทุ ี่บริจาค แตอ ยทู ใี่ จเราเทา นั้น ท่ีจะทําจิตใจใหว า งเปลาจนสามารถบรรลุบญุ กุศลได เพยี งใดตา งหาก ความดีขอทเี่ จด็ คอื การทาํ ความดนี น้ั ทําใหญห รือเล็ก ทําเพอื่ ผูอ ื่นนนั้ บุญหนกั มขี นุ นางผูหนงึ่ มนี ามวา เอยี้ มจนุ รบั ราชการอยใู นกองประวตั ิศาสตร อยมู าวนั หนึ่ง ถกู จบั ไปยงั ยมโลก พญายมไดสั่งใหเ สมียนในยมโลก นําบัญชีดชี ่ัวของทานเอวย มาใหด ู ปรากฏวา บัญชีช่วั น้นั ชางมากมายกา ย กองวางจนเตม็ หองไปหมด สว นบญั ชีความดนี ้ันเลก็ นดิ เดยี ว มีขนาดพอๆ กับตะเกยี บขางหน่ึงเทานนั้
พญายมส่งั ใหค นนําตาช่งั มาชัง่ ปรากฏวาบญั ชีความดีน้ันแมจ ะเลก็ นิดเดยี ว แตก ลับมีน้าํ หนกั มากกวา บัญชคี วามชั่วท่ีรวมกนั แลวทัง้ หมด ทานเอวย มีความสงสยั เปนอันมาก จึงถามพญายมวา “ขา พเจามอี ายุยังไมถ ึงสี่สิบป ไฉนจงึ มีความชั่วมากมายเชน น้ี” พญายมตอบวา “เพียงแตจติ คิดมิชอบเทา นน้ั ก็เปนบาปแลว เชน เหน็ ผูหญงิ สาวสวยก็ มีจติ ปฏพิ ัทธ จติ ท่ีคดิ มิชอบเชนนี้ กจ็ ะถูกบันทกึ ในบญั ชคี วามชัว่ ทันที” ทานเอวยถามตอไปวา “ถาเชน น้นั ในบัญชคี วามดีอนั นอ ยนดิ ไดบ นั ทกึ ไวว า อยา งไร” พญายมตอบวา “มีอยคู ร้ังหนึง่ ฮอ งเตทรงดาํ ริจะซอมสะพานหินท่เี มืองฝเู จี้ยน ทา น เกรงวาราษฎรจะเดอื ดรอ น จึงถวายความเห็นเพ่อื ยับย้ังพระราชดาํ รนิ นั้ เสยี บัญชีความดนี ัน้ กค็ ือสําเนาทที่ า นทลู เกลาฯถวายฮองเตน ่ันเอง” ทา นเอว ยกแ็ ยง วา
“แมขา พเจาจะกระทาํ ดังกลา วจรงิ แตก ็ไมเปนผลสําเร็จ พระองคทรง ดาํ เนนิ การไปแลว ไมน า เลยที่บัญชีความดเี พียงอยา งเดยี ว จะมีนํ้าหนักมาก กวา บัญชคี วามช่ัวที่กองอยูเต็มหอ งนี”้ พญายมจงึ พดู วา “การทท่ี า นมเี มตตาจติ ตอราษฎร เกรงจะไดรบั ความลําบากกนั มาก มาย กุศลจติ เชน น้ีใหญห ลวงนัก ถาหากทา นยับยงั้ ไดสาํ เร็จ กจ็ ะยิง่ เพิ่มนํ้า หนักมากข้นึ อีก พลังแหง กุศลกรรมนีจ้ ะยิ่งใหญอีกหลายเทา นัก” แมจะเปนเรอ่ื งเลก็ แตถ า กระทาํ เพอื่ ชนหมูใหญแ ลว ไซร ความดนี น้ั ก็ใหญห ลวงยิ่งขนึ้ หากทําดเี พ่ือตนเองแลว ไซร แมจะทําดขี นาดไหน กไ็ ด ผลเลก็ นอยมาก ลูกจงจําไวว า การทาํ ความดี ไมว า จะเปน ความดีมากหรอื นอยเพียงใด ก็ข้ึนอยูกับเจตนาในการทําความดนี ้นั เพื่อผูอืน่ หรอื เพื่อตน เอง ขอทีแ่ ปด คอื การทาํ ความดนี ั้น ทาํ ยากหรอื ทาํ งาย สมยั กอน ทา นผูคงแกเรียนมักจะพูดวา ถาจะเอาชนะใจตนเองใหไ ด ตองเริ่มจากจดุ ที่ขม ใจไดย ากทส่ี ดุ เสยี กอ น ถา สามารถเอาชนะได จดุ อ่ืนๆ ก็ไมส ําคญั เสยี แลว ยอมจักเอาชนะไดโ ดยงาย ลูกศษิ ยของทา นขงจื่อช่อื ฝานฉือ ไดถามอาจารยวา “เมตตาธรรมน้นั เปน อยางไร” ทา นขงจ่ือตอบวา
“การทาํ สง่ิ ท่ียากทส่ี ุดไดเสยี กอน จึงจะชนะใจตนเองได เมอ่ื ชนะใจ ตนเองไดแลว ความเหน็ แกตัวกจ็ ะหมดไป จึงบังเกดิ เมตตาธรรม” พอจะยกตวั อยา งใหลูกฟง ลูกจะไดเ ขาใจงายเขา ทีม่ ณฑลเจียงซี มีทา นผูเ ฒาแซซ ู ทานยงั ชีพดว ยการสอนหนังสอื ตาม บาน อยูมาวันหน่ึง มชี ายคนหนงึ่ เปนหน้เี พราะความยากจน เมอื่ ไม สามารถชําระหน้ีได เจา หน้กี ็จะยดึ ภรรยาของชายผนู ไ้ี ปเปน คนใช ทา นผเู ฒาซเู กิดความเห็นใจสามภี รรยาคูน ีย้ ิง่ นกั จงึ ยอมสละเงินท่ี เกบ็ ออมไวไ ดจ ากการสอนหนังสือเปน เวลาสองป นํามาใชหนีแ้ ทนชายผู นน้ั ทําใหสามีภรรยาคูน้ีไมต องแยกจากกนั อีกตัวอยา งหน่งึ มีชายคนหน่งึ ดว ยความยากจนย่ิงนกั จงึ นาํ ภรรยา และบตุ รไปจาํ นําไว ไดเงินมาพอประทังชีวติ เมอ่ื ถงึ กาํ หนดไมม เี งินจะไป ไถค นื ภรรยากเ็ ดอื ดรอนคดิ จะฆา ตวั ตาย บงั เอญิ ทา นผเู ฒา จางรเู ร่อื งเขา มี ความเห็นใจเปนย่ิงนักจึงนําเงินที่เก็บสะสมมาแลวถึงสิบปมาใชหนี้แทนให พอแมล กู จงึ ไดม โี อกาสกลบั มาอยรู วมกันอีกคร้งั ท้งั ทานผูเฒา ซแู ละทา นผเู ฒา จาง ลวนแตไ ดก ระทําในสิง่ ท่ีทาํ ไดย าก ยิง่ เงินทท่ี า นสะสมไวคนละสองปและสิบปน ้ัน ทา นก็หวงั วา เม่อื ทาํ มาหากิน ไมไ ดแลว ก็จะไดพ ่งึ เงนิ จํานวนน้ีประทังชีวติ ตอ ไป เปนเงนิ ทต่ี อ งใชเ วลา อนั ยาวนานสะสมไวว นั ละเลก็ ละนอ ย แตท านทั้งสองก็สามารถตดั ใจชวย เหลือคนที่ไมรจู กั กันเลยแมแตน ิดในพรบิ ตาเดยี ว นี่คือการทําความดีท่ยี าก ยง่ิ จรงิ ๆ อกี ตวั อยางหนึง่ ของผูท่ีชนะใจตนเองได คอื ทานผูเฒาจนิ ทานอายุ มากแลว ยงั ไมมีบตุ รไวส บื สกลุ ดวยความหวงั ดขี องเพ่อื นบานคนหน่งึ ได
ยกบตุ รสาวของตนใหเ ปน อนภุ รรยาของทานผูเฒา แตทา นกลับไมยอมรบั ความหวงั ดีนี้ ทานใหเ หตผุ ลวา ทานนน้ั ชราภาพแลว สว นเดก็ สาวนั้นอายไุ มถ งึ ย่ีสบิ ควรจะไดส ามีท่มี ีวยั ไลเ ลยี่ กันทา นจงึ ไมค วรท่ีจะไปทําลายความสุขและอนาคตของเดก็ สาวน้เี สีย ดว ยความเห็น แกตัวเพยี งเพ่อื จะมีบุตรไวสบื สกลุ เปนการไมส มควรอยางยิ่ง ทา นผเู ฒา ทง้ั สามทา นนีล้ ว นแตทําในสง่ิ ทยี่ ากเย็นจรงิ ๆ ฟา ดนิ ทรง ประทานความสุขความเจริญใหก ับทา นทง้ั สาม ทง้ั ในโลกนีแ้ ละโลกหนา เปน แนแท สวนคนทม่ี เี งนิ มีอาํ นาจนัน้ ถา จะกระทาํ ความดกี ็ยอมงายกวาผู ทีไ่ มม ีทง้ั เงนิ และอํานาจ แตพ วกนีก้ ไ็ มคอยชอบทําความดี นาเสียดายผทู ่มี ี โอกาสพรอม กลบั ไมชอบทําความดี สว นผทู ่ดี อยโอกาสกวา จะทาํ ความดีได กด็ ว ยความยากลําบากย่งิ นค่ี อื ความแตกตา งกนั ในคุณคา ของความดี การทาํ ความดตี อ ผูอนื่ น้นั ตองแลว แตโอกาสจงั หวะเวลาซ่งึ มีความ สาํ คัญเชนกนั การชวยเหลือผอู ื่นนน้ั มวี ธิ ีการมากมาย ประมวลแลวก็ สามารถแยกออกได ๑๐ วธิ ีดวยกันคือ ๑. ชว ยเหลือผอู ืน่ ทําความดี ๒.รกั และเคารพทุกคนอยา งเสมอหนา ๓.สนับสนนุ ผูอ ื่นใหเ ปนผมู คี วามดีพรอ ม ๔.ช้ีทางใหผ อู ่นื ทาํ ความดี ๕.ชวยเหลือผทู อี่ ยูในความคบั ขนั ๖.กระทาํ สงิ่ ทเ่ี ปนประโยชนตอสาธารณะ ๗.อยาทําตนเปนปูโ สมเฝา ทรัพย ตอ งหมน่ั บรจิ าค ๘.ธาํ รงไวซ ่ึงความเปน ธรรม ๙.เคารพผูมอี าวุโสกวา ๑๐.รักชีวติ ผอู ืน่ ดุจรักชวี ิตตนเอง
ขอ ๑. การชว ยเหลอื ผอู ื่นทาํ ความดีนน้ั เปน อยางไร เมอื่ ครั้งทา นตี้ซนุ ยงั มไิ ดเปนพระเจา แผน ดินจนี สมัยโบราณ (กอ น ค.ศ. ๒๒๕๕ - ๒๒๐๘ หรือ พ.ศ. ๑๗๑๒ - ๑๖๖๕) ทา นไปยงั หนองน้ําแหง หนึ่ง เหน็ ชาวบา นกําลงั จับปลากนั อยคู นทแ่ี ขง็ แรงก็พากันไปยังท่ีทีม่ ีนํา้ ลึก ปลาชมุ สวนพวกทไี่ มแ ข็งแรงและผูช ราถูกกันใหไ ปจับปลายงั ทท่ี กี่ ระแส น้ําไหลเช่ียวและท่ีมนี ้ําต้ืน ซง่ึ ปลาจะไมช อบมาในบริเวณนน้ั ทําใหจ บั ปลา ไมได ทานตซ้ี ุนเหน็ ดงั นน้ั กบ็ งั เกิดความเห็นใจ ทานจึงเขาไปชว ยคนท่ีไม แข็งแรงและผูชราหาปลา ใครทีเ่ หน็ แกตวั ชอบแยงท่ีน้ําลึก ทา นกน็ ่งิ เสยี ไม ไปวา เขา ใครทไ่ี มเ ห็นแกตวั ทา นกน็ ําพฤตกิ รรมของเขาไปสรรเสริญจน ท่ัว ทานเองกท็ าํ ตัวอยา งอนั ดใี หเปน ท่ีปรากฏอยูทุกวนั ๆ จนกาลเวลาไดผ า นไปหน่ึงป ชาวบานพากันสํานึกในความเห็นแกต วั ของตน ตางทําดีตอ กนั และกนั ในท่ีนีพ้ อ จะตองบอกใหรูว า พอไมสนับสนนุ ในเร่ืองการจับปลามา เปนอาหารเพราะการฆา สตั วต ัดชีวติ น้ันเปนบาปอยางย่งิ แตพอยกเร่ืองนม้ี าเปนอทุ าหรณก็เพอ่ื ใหลกู เขาใจวา การชว ยเหลอื ผู อน่ื ทําความดนี น้ั ตอ งใชค วามอดทนพยายามเพยี งไร ทานตซ้ี นุ นั้นเปน ผู ฉลาดหลักแหลมย่ิงนกั เพยี งแตทานใชค ําพูดกลอมเกลาจติ ใจ ผคู นกจ็ ะเชื่อ ทา นเพราะตา งก็มคี วามเคารพทานอยูแ ลว แตท า นอุตสา หใ ชเวลาถงึ หนง่ึ ป เตม็ กเ็ พื่อใหทกุ คนกลับตวั กลบั ใจไดห มดและจะไมก ลับไปเปน คนเห็นแก ตวั อีกไมว า กรณีใด และเปน ไปดว ยความสมัครใจ ไมใ ชด วยบงั คับหรือขอ รอง ใหท กุ คนตระหนักถึงความดที ตี่ องกระทาํ รวมกัน เพอื่ ความผาสุกของ พวกเขาเอง พอ จึงสรรเสรญิ ในความอุตสาหะของทานย่ิงนกั พอและลูกตางกม็ ีชวี ิตอยใู นยคุ แหงความมดื มน ผูค นไมคอ ยมศี ีล ธรรมเหมอื นดงั ยุคกอน เพราะฉะนัน้ ลกู จะตอ งเจียมเน้ือเจียมตวั อยา ได อวดดวี าวิเศษกวา ผอู น่ื อยา นาํ ความสามารถของลกู ไปขม ผูอื่นท่ดี อยกวา
ใหเ ขาไดอ าย จงเก็บความรูความสามารถของเจาไวในใจ อยาไดแ สดงออก ใหปรากฏแกส ายตาผูอนื่ โดยไมจาํ เปน ใครพลาดพลัง้ ลวงเกินลูก กจ็ งรูจกั ใหอภยั อยาไดแ พรงพรายความไมดอี อกไป เพื่อใหโอกาสเขากลบั ตัวกลับ ใจ และเมอ่ื ไมม ใี ครรู ก็ทําใหเขาไมกลา กําเรบิ เสิบสาน เพราะทุกคนยอ ม รักหนา รักตา ไมอยากเปนคนเสยี ชื่อเสียง เมอ่ื ไมว จิ ารณใหความลับของ เขาเปนทเ่ี ปด เผยออกไป เขาจงึ ไมก ลาทีจ่ ะทาํ ผดิ อีก บางคนนนั้ เมอ่ื มคี นรู วา เขาเปน คนไมด ีเสยี แลว เขาก็ทําตัวเหลวแหลกย่งิ ขึ้น เมื่อเปนคนดไี มได ก็เปนคนช่ัวเลย คนเชน นี้ก็มีใหเห็นๆ อยู ลูกจะตองคอยสังเกตวา ผูอ ่นื น้นั เขามคี วามสามารถอะไรบาง ถาเปนสิ่งทีล่ กู ยังไมมี กจ็ งรบี เอาความดีนนั้ มา ใสต นเถิด อยาไดร รี อเลย ลกู จะตอ งรจู ักชมเชยสรรเสรญิ ความดงี ามและ ความสามารถของผอู ื่นใหแผไ พศาลไป อยา ไดม ีจิตริษยา ในชวี ิตประจําวนั ของลูก ไมว าจะพดู สักคาํ จะทาํ อะไรสักอยาง จงอยา ทาํ เพือ่ ประโยชนตนเอง กอน ตองถอื วา ประโยชนส ว นรวมเปน สาํ คัญ ลูกจงจาํ ไวใ หดี ขอ ๒. รักและเคารพทุกคนอยางเสมอหนาน้ันเปนอยา งไร ผูดีน้ัน คือคนทม่ี ีคุณงามความดีและกระทําแตค วามดีงามอยา ง สม่ําเสมอ สวนคนเลวนั้น บางทีกซ็ อนอยูในคราบของผดู ี ปะปนกนั จนบาง ทกี ็ดไู มอ อก แตถ า ลูกสังเกตใหดแี ลว ก็จะเห็นความแตกตางราวกบั ขาว และดําทเี ดียว ผูดีทมี่ ขี อแตกตา งจากคนท่วั ไปนน้ั คือมนี ํา้ ใจรักและเคารพ ทกุ คนอยา งเสมอหนา กนั ธรรมดาคนทเ่ี ราไดพบเหน็ ในชวี ติ ประจําวันนัน้ บางคนเรากเ็ คยใกลช ิดดวย บางคนก็หา งเหินไป บางคนสูงศกั ด์ิ บางคนก็ ต่าํ ตอย บางคนฉลาดหลกั แหลม บางคนโงเขลาเบาปญญา บางคนมคี ุณ ธรรมประจาํ ใจบางคนก็รายจนไดช ื่อวา เปนคนพาล แมทกุ คนจะมีสถาน ภาพและจติ ใจไมเ หมือนกนั แตท ุกคนกเ็ ปน มนษุ ยท ่ตี องเกิดแกเ จบ็ ตาย ดวยกนั นักปราชญทง้ั ปวงจึงไมช อบใหคนเกลยี ดกันดถู ูกกัน ตอ งรักเคารพ กันอยางเสมอหนา จึงจะมีสนั ติสขุ เกดิ ขนึ้ ได ขอ ๓. สนบั สนนุ ผอู น่ื ใหเปนผูมีความดพี รอ มอยา งไร
หยกนั้นยอ มมาจากหนิ ชนดิ หนึง่ ถาเราทง้ิ ขวางไมสนใจ กเ็ ปน เพยี ง หนิ ธรรมดากอ นหนึ่ง แมภ ายในจะมหี ยกเรน อยู ก็ไมสามารถปรากฏความ มคี าของมันได แตถ ามนษุ ยนํามาเจียระไน เอาความเปนหยกออกจากหนิ แกะสลกั ใหส วยงาม กจ็ ะเปนของมีคา สาํ หรบั ฮอ งเตแ ละขุนนาง กลายเปน สัญลักษณท่ีจะตองติดตัวไวแสดงถึงความบุญหนักศักด์ิใหญยามท่ีฮองเต ออกขนุ นาง กต็ อ งมีหยกไวแ สดงความเปนใหญใ นแผน ดนิ ขุนนางเขาเฝา ฮอ งเตกถ็ อื หยกพระราชทานประจาํ ตําแหนง ไวในมือ เพ่อื แสดงความ เคารพและจงรกั ภกั ดีตอฮอ งเต หยกยังนาํ มาใชในพธิ ีกรรมอื่นๆ อีกมาก มาย ลูกตองอยา ลืมวา หยกมีความงามและความสําคญั ขึ้นมาได เพราะฝมอื มนษุ ยเ อง คนกเ็ ชนกนั ถามกี ลั ยาณมติ รคอยชวยเหลอื ใหค าํ แนะนาํ ทีด่ ี คน ธรรมดาๆ ก็จะกลายเปน คนดีพรอ มไปได เพราะฉะนั้น ลกู จงใสใจในคนที่ รักดี มุง มน่ั จะเปนคนดี ลูกจงใหความชวยเหลือสนับสนุน ใหก าํ ลงั ใจ ประคับประคองเพอื่ ใหเขาเปน คนดพี รอ มใหไ ด แมเขาจะถูกผอู ่นื ปรกั ปรํา ก็จงชว ยชี้แจงปกปอง และยอมรับขอ ปรกั ปราํ นนั้ วาลูกก็มสี วนผิดอยูดว ย ก็ นบั วา ลูกไดพยายามจนถึงทีส่ ุดแลว คนดีกับคนเลวนัน้ มกั จะคบหากนั ไมไ ด คนดยี อ มคบกับคนดี คนชั่ว ยอมคบกับคนชั่ว คนช่ัวก็ชอบม่ัวสมุ กับคนชวั่ คนช่วั มักเกลยี ดชงั คนดี ยง่ิ ในชนบทบางแหงที่หา งไกลความเจริญดวยแลว คนช่ัวมีมากกวาคนดี ชอบ ขมเหงคนดอี ยเู สมอจนต้งั ตวั ไมติด คนดมี ักจะเปน คนตรงและไมกลัวตาย ไมชอบการแตง ตัวทห่ี รหู รา ไมช อบมคี วามเปนอยทู ฟ่ี มุ เฟอย จึงมักตกเปน ขปี้ ากคนชั่วที่ชอบวิพากษวจิ ารณคนผิดๆ เพราะฉะนนั้ เมื่อลกู พบเห็นเหตุ การณเ ชนน้ี กจ็ งชวยปกปอ งคนดี และชวยชีท้ างใหค นชั่วกลบั ใจเปนคนดี เสีย นเี่ ปน มหากุศลทลี่ ูกจะตองทําใหไ ด ขอ ๔. ชท้ี างใหผอู นื่ ทําความดนี นั้ อยา งไร เกดิ มาเปนมนษุ ย ทุกคนยอ มมีศลี ธรรมประจําใจอยบู า ง มากบางนอ ย บาง ที่จะไมมเี ลยนั้นคงหายาก นอกจากมนุษยจ ะมัวสาละวนอยกู ับการ
แสวงหาลาภยศเงินทองช่อื เสียงโดยไมคาํ นงึ ถึงศลี ธรรม ทําใหต องตกอยใู น ความหายนะ ถาลูกพบคนเชน น้ี ลกู จงพยายามชวยเขา ฉดุ เขาใหพ นจาก ความหายนะใหจ งได ดจุ คนฝน ราย ลูกปลุกเขาใหตน่ื จากความฝนใหความ รูความคดิ ทด่ี ีงามแกเขา เขาก็จะต่นื จากฝนรา ยกลายเปนคนดไี ด เม่อื ครง้ั ราชวงศถ ัง (ค.ศ.๖๑๘-๙๐๗ หรือ ๑๑๖๑ - ๑๔๕๐ ) มขี นุ นางทา นหนึง่ ทาน เขียนหนังสือสอนใจคนไดด มี าก เปนทแี่ พรห ลายไปท่ัวประเทศจีน ชาวจนี มคี วามเคารพนบั ถอื ทา นมาก เมื่อทา นถงึ อนจิ กรรม ยงั ไดร บั เกยี รตยิ ศอนั สงู สง ไดรบั การสถาปนาจากฮองเตเ ปนที่ “เอวิ๋น” เปน การเชิดชูแกผลงาน อันมีทง้ั รอ ยแกว รอยกรองท่เี ยย่ี มยอดนน่ั เอง ชาวบา นพากนั เรยี กทา นวา หานเอว๋นิ กง ทา นหานเอวิน๋ กงเคยกลาวไววา “การตกั เตือนผอู ่นื ดว ยคาํ พูดนั้น ไมช า ก็ถกู ลมื เลอื นไป ผทู อ่ี ยไู กลก็ ไมส ามารถไดยนิ คาํ เตือนนน้ั ได หากบนั ทกึ ไวเ ปนหนังสอื แลว แมส ักรอ ย ชั่วคน คาํ สอนน้นั ก็ยงั คงอยู สามารถแพรไ ปไกลกวาพนั ลหี้ มื่นลี้เสยี อกี ขอ ที่หน่ึงพอไดยกตัวอยางใหชวยเหลือผูอื่นดวยการทําตนเปนเย่ียงอยางผูอื่น นานวันเขา กจ็ ะมคี นตามอยา งโดยไมร ตู วั สวนขอ นพ้ี อ ยกตวั อยางใหใชค าํ พดู ใชหนังสือเปนตัวอยาง ลูกก็จะตองใชใ หเหมาะสม มฉิ ะนน้ั กจ็ ะไมไ ด ผลเลย ดุจด่งั คนปวย ถาไดย าตรงกับโรคก็จะหายวันหายคนื เหมือนคนท่ีมี นิสยั แขง็ กระดาง ถา เราใชค าํ พดู ตักเตอื น เขาจะไมเชื่อโดยงาย พดู ไปก็เสีย เวลาเปลา ถา เปน คนทีม่ นี ิสยั ออ นโยน การตักเตือนดวยคําพดู มักจะไดผล ลูกไมค วรพลาดโอกาสอันดนี ี้เสีย ทง้ั นี้ขน้ึ อยกู บั ลกู ตอ งดคู นเปน ตอ งอา น นสิ ยั ไดถ กู ตอง แลวจึงจะวินิจฉยั ไดว า คนเชนไรสมควรตักเตือนดวยคําพดู คนเชน ไรสมควรใหเ ขาไดอ านหนงั สอื เพือ่ แกไขตวั เขาเอง ขอ ที่ ๕. จะชว ยเหลือผทู อ่ี ยูใ นความคับขันไดอ ยางไร เคราะหก รรมยอ มเกดิ ขึ้นไดเ สมอ ไมว ากบั ใครๆ หากลกู พบเห็นคน ทีก่ ําลงั ตกทุกขไดย าก ลูกจะตอ งเขาชว ยเหลือใหทันทว งที และจะตอ งชว ย
แกไขสถานการณด วยสติปญ ญาของลกู อยา งรอบคอบ เพอื่ มใิ หก ารชว ยน้นั ไมป ระสบความสาํ เร็จ ทา นชยุ จอื่ ซง่ึ เปน ขนุ นางในราชวงศหมงิ ในปลายรัชสมยั พระเจา เซยี่ วจงฮอ งเต (ค.ศ๑๔๘๘ - ๑๕๐๕ พ.ศ. ๒๐๓๑ - ๒๐๔๘) ทา นกลาวไววา “การชว ยเหลือนนั้ ไมควรคาํ นงึ วาจะไดบญุ ไดค ุณสกั เพยี งไร ขอให ชว ยใหไดท นั ทว งทีจงึ จะควร ชางเปน คาํ พดู ทเี่ ปย มเมตตาการณุ เสยี นี่ กระไร” ขอ ๖. การกระทาํ สงิ่ ที่เปน ประโยชนตอสาธารณะอยางไร ไมวาลูกจะอยูในชนบทเลก็ ๆ หรือในเมอื งใหญๆ หากเปนเรือ่ งที่เกีย่ ว กับประโยชนสขุ ของสว นรวมแลว ลกู จะตอ งไมท อ ถอยในการเปนอาสา สมัคร เชน ขดุ คสู ง นํา้ เพอ่ื ไวใ ชใ นนายามหนาแลง หรือสรา งทํานบเพื่อ ปองกันนาํ้ ทวม หรือซอมสะพานทช่ี ํารุด เพ่อื ใหก ารสญั จรไปมาสะดวกและ ปลอดภยั ยง่ิ ข้ึนหรอื ใหท านอาหารแกคนอดอยาก หรอื ใหน้ําแกค นกระหาย แลวลูกก็ควรชักชวนชาวบานใหรวมแรงรวมใจกันกระทําความดีรวมกัน ใครมเี งนิ กอ็ อกเงนิ ใครมแี รงก็ออกแรง ผนึกกาํ ลังใหเ ขมแขง็ จะไดช ว ย เหลือคนไดม ากขน้ึ หากใครวารา ยลกู ก็จงอยา ใสใจ ถา เราทาํ ดีโดยสจุ ริต แลว ใครๆ ก็ยอมเขาใจและชว ยปกปองลูกเสียอีก ลกู จงอยา ทอถอย ไมวา จะประสบอปุ สรรคใดๆ กอ็ ยาวางมือเปนอนั ขาด ขอ ๗. อยาทําตนเปน ปโู สมเฝา ทรพั ย ใหหมน่ั บรจิ าคอยา งไร คาํ สอนในพระพุทธศาสนานนั้ มากมาย พระผูมพี ระภาคเจา ทรงแนะ นําใหร จู ักใหท านเสียกอ น การใหค อื การเสยี สละ ทา นท่ีบรรลธุ รรมแลว ทา นเสียสละใหหมด ท้ังอวยั วะภายในหรอื ภายนอกและทรพั ยสินเงนิ ทอง ก็
ส่งิ ท่รี ะกอบดวยกนั ขึ้นมาเปนชวี ติ ทานยังเสยี สละได เรอื่ งทรพั ยส นิ เงนิ ทอง ของนอกกาย ไฉนจักสละไมไ ดเ ลา ถาเราสามารถเสียสละไดทกุ อยา งเชน นี้แลว เรากจ็ ะรูสึกวา เรามิได แบงภาระอันใดไวทาํ ใหจติ ใจปลอดโปรง ไมหว งหนา กังวลหลงั ใครทาํ ของ เราเสีย ใครขโมยของเราไป ก็ไมเดอื ดรอนเลยแมแ ตน ิด เพราะเราเสียสละ ใหห มดจริงๆ ผูท ี่ไมส ามารถเสียสละไดท ้งั หมด กต็ องเริม่ ตน ดวยการให ทานบริจาคทรพั ยเ สียกอ น คนในโลกนเ้ี ห็นวา ปจ จัยสีน่ ้นั เปนส่งิ สําคญั ของ ชวี ติ และเงินเทา น้ันท่ีจะบันดาลใหไ ดม าซ่งึ ปจ จัยส่ี เพราะฉะนนั้ คนสว น มากจึงใหค วามสําคัญแกเ งนิ เทา ชีวติ หาไดคดิ สกั นดิ วา หากยงั มลี มหายใจ กด็ อี ยูห รอก ถา หมดลมเมื่อใด มใี ครเอาอะไรติดตัวไปไดบ า งไหม ผทู ่ีรัก เงินยิง่ ชวี ิตมักเปนคนตระหนี่ ใจคอคับแคบ แตถา หมั่นบริจาคกจ็ ะเกิดเปน นสิ ัยอันดงี ามขน้ึ สามารถบริจาคไดมากขึน้ และไมน กึ เสยี ดายดงั แตแรก ขอท่ี ๘. ธํารงไวซ ่งึ ความเปนธรรมไดอ ยางไร ธัมมะคอื ประทีปท่สี องวิถที างแหงชีวติ เมื่อหนทางขา งหนาสวางไสว ชีวิตยอ มดาํ เนินไปตามทิศทางอันถกู ตอง ดจุ ด่ังคนที่มีนยั นต าดยี อ ม สามารถเลอื กทางเดนิ ท่สี ะดวกทส่ี ุดและดที ส่ี ุดได โบราณทานจงึ วาธมั มะคอื การธาํ รงไวซึง่ ฟาดนิ และมนุษย ใหเ กิดความสมดลุ ผสมผสานกลมกลนื เปน อันหน่งึ อนั เดียวกนั จะขาดไปแมแ ตส ่ิงหนึง่ สงิ่ ใดกม็ ิได ตองเปนปจ จัยองิ อาศยั ซ่ึงกันและกนั ทําใหเกิดสรรพสิ่งทีร่ วมเรยี กวาธรรมชาติ ธมั มะทาํ ให ชีวิตหลุดพนจากหว งแหง ความทุกข มีอิสระเสรที ีจ่ ะอยูในโลกตอ ไปกไ็ ด จะ ไปใหพน โลกเสยี ก็ได ฉะนนั้ เม่ือลูกเหน็ ศาลที่บูชานกั ปราชญร าชบณั ฑติ หรือเหน็ คัมภีร โบราณท่เี ปนธัมมะอนั สงู สง ลูกจะตอ งถนอมดว ยความเคารพ หากมขี าดตก บกพรอง ลกู จะตองซอมแซมใหอยใู นสภาพดดี ังเดมิ เพื่อประโยชนแก อนุชนรนุ หลังตอ ไป ลกู จะตองเผยแผธมั มะ ธาํ รงไวซ ง่ึ ธมั มะ ปฏิบัตติ นดวย ธัมมะ และสอนใหผ อู น่ื รจู กั ธัมมะ จงึ จะเรยี กวา เปน พทุ ธศาสนกิ ทีร่ ูซึ้งใน พระกรณุ าคุณ พระปญญาคณุ และพระ บรสิ ทุ ธิคณุ ของพระผมู ีพระภาคเจา
ถาลกู ทําไดเชนนี้ จึงจะไดชอื่ วาเปนผรู ูพ ระคณุ ของพระองคอ ยา งแทจ รงิ และไดถวายความกตญั กู ตเวที แดพระองคอยางถกู ตองแลว ขอ ๙. เคารพผูม อี าวุโสกวา อยา งไร ในครอบครัว ยอมมีบดิ ามารดา ปูยา ตายาย ยา ทวดยายทวด ครอบ ครวั ใหญกม็ ที ้งั ทมี่ ีอาวุโสกวา เราและผทู อ่ี ายนุ อยกวา เรา เราตองเคารพรกั ผู หลักผูใหญ รูจกั ปรนนบิ ตั ิเอาใจใสดแู ลทุกขสุข ใหค วามสุขความสาํ ราญแก ทาน ใหความสนิทสนมกลมเกลียว ยิ้มแยม แจม ใสเขา หากนั แมวาจะเดก็ กวาเรา จงพดู จากันดว ยวาจาอันไพเราะ นานไปก็จะเปนผมู ีนิสัยอันดีงาม ในประเทศยอมมฮี องเตเ ปนประมุข ที่เราจะตองแสดงความจงรกั ภักดี รบั ราชการดวยความซ่อื สัตยส จุ รติ รกั ษากฎหมายยิ่งกวา ชีวิตของลกู เอง อยาอวดดที าํ ผดิ โดยคิดวา พระองคจะไมทรงทราบ การลงโทษคนโดย อาศยั อาํ นาจของกฎหมาย ก็อยาเมาอํานาจจนตดั สินโทษดว ยอารมณ ทํา ไปดว ยความลาํ พองใจ โบราณทา นวา การรบั ใชฮ องเตกค็ ือการรับใช สวรรค สวรรคยอมประทานความเจริญความสุขสมบูรณให ถา ลกู ทาํ ดีพอ ขอ ๑๐. รักชีวติ ผอู ื่นดุจรักชวี ติ ตนเองอยางไร มนษุ ยจักทรงความเปน มนษุ ยอ ยูได ก็ดว ยจติ ที่มเี มตตากรุณา การ เอาชนะสิ่งที่ยากท่ีสดุ คอื ใจของตนเอง ตอ งเริ่มปลกู ฝง จิตใจใหม ีเมตตา กรณุ ากอ น การสั่งสมคณุ ธรรมใดๆ ก็ตองเร่ิมทจี่ ติ อันกอปรดว ยเมตตา กรุณาเชนกนั ในสมัยราชวงศโ จว (จิว) ทานโจวกง ซ่ึงเปนไจเ ซยี่ งของพระ เจา เฉิงอวา ง ทา นไดแตง หนงั สือข้นึ มาเลมหนงึ่ ใหช ่อื วา โจวหลี่ อนั เปน ตนตํารบั ที่ ราชวงศต อๆ มา ถอื เปนแบบฉบับ วา ดว ยการบริหารประเททศ หนา ท่ี
ความรบั ผิดชอบของขา ราชการ กฎหมายและจารีตประเพณี พิธกี รรมตางๆ และวฒั นธรรมท่สี ืบทอดกนั มา มีอยูข อหน่งึ ทานกําหนดไวว า “เดอื นแรกของป เปน เวลาที่พืชพนั ธธุ ญั ญาหารมโี อกาสเจริญเตบิ โต สรรพสตั วก ง็ ายแกการตงั้ ครรภ ฉะน้ันการเซน สรวงบชู าในเดอื นน้ี หา ม ฆาสัตวต ัวเมยี เพราะเกรงวากําลงั ตง้ั ครรภอย”ู นก่ี เ็ ปนความเมตตากรณุ า ของทาานโจวกง ทานปราชญเ มิ่งจอ่ื ไดกลา วไววา “ผูดียอมอยูหางไกลจากโรงครวั ทมี่ ีการฆาสัตว เพราะเพียงแตไดยนิ เสยี งผูอ น่ื ฆา สตั ว กท็ ําใหจ ติ ใจหดหเู ศราหมองได” ทา นผูใ หญแหงกาลกอ นจึงไมย อมบริโภคเนอ้ื สัตว สี่ประเภท คอื ๑.ไดย นิ เสียงสัตวท ีก่ าํ ลังถกู ฆา ๒.เห็นเขาฆา สตั ว ๓.สตั วท่เี ล้ยี งอยเู อง ๔.สัตวท เ่ี ขาจงใจฆา เพ่ือใหเ ราบรโิ ภค ลูกเห็นใครที่ไมอยากบริโภคเนอื้ สัตว แตยงั ทําไมไ ดทันที ก็จงแนะ นาํ เขาใหเร่มิ ไมแตะตองเนอ้ื สตั วสปี่ ระเภทน้ใี หไ ดเ สยี กอ น เร่มิ ฝก เสยี แตเ ด๋ียวนี้ ความกาวหนาในการปฏบิ ตั ธิ รรมยอมติดตาม มา เมือ่ กระแสจติ ไดถูกฝก ฝนใหเ จริญดวยเมตตาธรรมและกรุณาธรรม แลว ไซร ก็จะไมน กึ อยากฆาสตั วอีกเลย
สตั วทัง้ มวลลว นมีจติ ใจเชนเราเหมอื นกนั การนําตัวไหมลงไปตม ใน นํ้ารอ นๆ เพ่ือทาํ เครือ่ งนงุ หมท่ีนยิ มกันวาสวยงามมีคา มาก ทแี่ ทเปน บาปกรรมโดยไมร ตู วั ความจรงิ ผา ไหม มิใชเปนส่งิ จําเปน สาํ หรับชวี ิต มนุษย เรานาจะใชผ า ฝายที่ไมตอ งเบียดเบียนสตั วจ ะมิดีกวา หรือ แมกระทั่ง การถางดินฆา หนอน ก็ลว นแตเ ปน บาปกรรมทงั้ สนิ้ ดๆู มนุษยเ กือบท้ังหมด ลวนแตเบยี ดเบียนชีวิตผอู ่ืนเพอื่ ความมีชวี ติ ของตนเองตอ งทําปาณาติบาตอยูตลอดเวลาทม่ี ชี ีวติ แมก ระทง่ั มอื ทตี่ บยุง บ้ี มด เทาเหยยี บลงไปบนสัตวโ ดยไมเ จตนา ก็ไมรูวา วนั หนง่ึ ๆ ไดทาํ ไปกคี่ รงั้ ลกู จงระวังใหด ีปอ งกนั ใหไ ด นอกจากจะสดุ วสิ ยั จรงิ ๆ โคลงโบราณทา นมีอยูบ ทหนึง่ ซ่งึ เปน ทปี่ ระทบั ใจพอ จนบดั นี้ ทานวา ไวว า “เพราะรกั หนจู งึ เก็บขา วไวใหก นิ เพราะสงสารแมลงจงึ ไมจดุ ตะเกียง” ดูเถิดวา คนโบราณน้ัน ทานมีเมตตากรณุ าเพียงไร การทําความดนี นั้ ไมม ที สี่ นิ้ สุด อธิบายเทา ไรก็คงไมหมด ถาไมม ีการ เริม่ ตนก็ไมทราบวาจะทําดีไดอ ยางไร จงถือหลกั สิบประการน้ี แลว ลกู ก็จง แผข ยายการทําดีใหก วา งขวางออกไปเอง การสง่ั สมคุณธรรมใหค รบหนง่ึ หมนื่ คร้ัง กจ็ ะอยเู พยี งแคเ ออ้ื ม
โอวาทขอ ที่ ๔ ความถอมตน (โอวาททงั้ สามขอที่เขียนจบไปแลวนั้น ลว นแตส อนใหละชั่วทําดี สว นโอวาทขอ สุดทายน้ี ทานสอนใหร ูจกั วางตน ในการคบหาสมาคมกับ บคุ คลท่ัวไป โดยใหยดึ คณุ ธรรมขอนไ้ี ว คอื การถอมตน ไมอวดวาตนเอง วิเศษกวา ผูอน่ื กย็ อ มจะไมมีเรอื่ งกับใคร ไมก ลา ทาํ ความชว่ั สาํ นกึ อยเู สมอ วา ตนเองยงั ทาํ ความดไี มเพยี งพอ กจ็ ะมคี วามกาาวหนาในการฝกตนไม เพยี งแตจะหาความรเู พมิ่ เติมอยตู ลอดเวลา ยังตอ งรูจกั ฝกตนใหเ ขา กบั คน ในสงั คมได จะไดไ มม ีศัตรูทง้ั ตอ หนาและลับหลัง ไมม อี ุปสรรคในการส่ัง สมคณุ ธรรมความดีงาม) คมั ภีรอ จ้ี ิงไดก ลาวไววา ผใู ดยกตนขม ทา น อวดวเิ ศษกวา ผอู ่นื ยอม ตองประสบความเสียหาย ผใู ดออ นนอมถอมตน ไมจองหองลําพองตน ยอม ตอ งประสบความสุขความเจรญิ แมแตแผนดนิ ก็หนกี ฎนไี้ มพ น ดแู ตขุนเขาทส่ี งู ตระหงา น ยนื ทะมนึ เยย ฟา ทา ดินกย็ ังตองพังทลายอยเู นอื งๆ สวนแองน้าํ ทีต่ ํ่าตอ ยนน้ั กลับมีน้ํา ขงั อยูตลอดเวลา แมแ ตป ศาจก็ชอบใหร า ยคนทะนง และอภบิ าลคนทอี่ อน นอมถอมตน ในวิชาโปย กวยน้นั ไดแ บงออกเปน ๖๔ หนวย หนว ยอน่ื ๆ ลว นสอนใหเ หน็ ผลดแี ละผลชัว่ ในพฤติกรรมของมนุษย แตหนวยแหง การ ออนนอ มถอมตนน้ี ไมม ผี ลช่วั เลย มีแตผ ลดที ง้ั สิ้น จึงเห็นไดวา ฟา ดนิ เทพย ดาผีปศ าจและมนุษย ลว นนิยมชมชอบความออ นนอ มถอ มตนกนั ทง้ั สนิ้ ในคัมภีรอืน่ ๆ กก็ ลาวเหมอื นกันวา ทะนงตนยอมนํามาซ่ึงความวบิ ตั ิ ถอ มตนยอมนาํ มาซงึ่ ความเจรญิ พอไดไปรวมสอบไลกบั นกั ศกึ ษาอ่ืนๆ ต้งั หลายครั้ง ทุกครั้งพอ สังเกตนกั ศกึ ษาท่ยี ากจนบางคน บนใบหนา มักทอ ประกายแหงความถอ มตน จนบางครั้งพอคดิ อยากจะเอามือทั้งสองขา งของ
พอ ไปประคองประกายแหง ความถอ มตนนั้นมาประดับบนใบหนา ของพอ เสียบา ง และไมตองสงสยั เลย พวกเขาเหลา น้สี อบไลไดทุกทีไป เมอื่ ตอนทพี่ อ เขามาสอบในเมืองหลวง มีเพื่อนนักศกึ ษารว มเดนิ ทาง มาดวย รวมท้งั หมดสิบคนดว ยกนั พอสงั เกตดู เห็นมคี นที่อายุนอยทสี่ ดุ มี ชือ่ วา ปง คนเดียว ท่ีมคี วามสงบเสงย่ี มเจียมตน มคี วามถอ มตนอยเู ปน นิจ พอ จึงบอกกบั เพือ่ นวา “คนคนนี้จะตอ งสอบไลไดอยา งแนนอน” เพอ่ื นถามวา ทําไมพอ จงึ รูลวงหนา ไดเ ลา พอ บอกเขาวา “ความถอมตนยอ มนํามาซง่ึ ความเจริญ ในหมพู วกเราทัง้ สบิ คนนี้ มี ใครบา งที่ซอ่ื และจริงใจเหมอื นเขา คอยเอาใจเพอ่ื นฝูง ไมเคยเอาเปรยี บ ใครเลย แมใครจะหยอกลอ กไ็ มโกรธตอบ ใครนนิ ทาวา ราย ก็ไมโ ตเ ถยี ง สํารวมระวงั ไมยอมปลอ ยตัวปลอ ยใจไปตามอารมณเ หมือนคนอน่ื คนเชน น้ี แมแตผสี างเทวดาฟาดนิ กย็ ังตอ งใหค วามคุม ครองและชว ยเหลือ” เมื่อผล การสอบไลครงั้ นั้นปรากฏออกมา กเ็ ปน จริงดงั ที่พอ คาดไวท กุ ประการ เมือ่ ป ค.ศ. ๑๕๗๗ (พ.ศ. ๒๑๒๐) พออยูใ นเมืองหลวงพักกับเพอ่ื น ชอ่ื ไคจือ แซเฝง พอ สงั เกตดรู สู กึ เขาเปลย่ี นแปลงไปมาก เมอื่ เดก็ ๆ เขาขี้ เลนซกุ ซนและเจาอารมณ แตบัดนี้ ดเู ขามสี ตคิ วบคมุ อารมณไ ดด ีมาก เขามี เพอ่ื นอยคู นหนึง่ เปนคนดมี าก ฉลาดซอื่ ตรง ชอบชวยเหลือเพ่อื น คณุ ธรรมสามประการน้ี สมแลว ท่ีจักขนานนามวากัลยาณมติ ร เขามักจะตเิ ตยี น
ไคซอื ตอหนา ไคซือไมเ คยโกรธหรือโตตอบเขาเลย รับฟงอยางอารมณด ี เสมอ พอ จงึ บอกเขาวา “นิสยั อันดงี ามของเขานี้ ยอมเปน ปจ จยั นาํ เขาไปสูความมบี ญุ วาสนา สว นคนท่ีตองประสบเคราะหก รรม ก็เปน เพราะเขาสรางนสิ ยั ไมดีมาเปน เหตุปจจยั นําเขาไปสูความหายนะเชน กัน สาํ หรับเพอื่ นน้ัน แมฟาดินก็ตอ ง ประทานการสนบั สนุน ปน้ีเพื่อนจะตองสอบไลไ ดอยา งแนนอน ตอมาก็เปนจรงิ ดงั ท่ีพอพดู กบั เขาไว ความถอมตนนํามาซ่ึงความสําเรจ็ มเี ดก็ หนมุ คนหน่งึ แซจาว สอบไลไดใ นภูมิลาํ เนาของตนเมือ่ อายุยงั ไมถ งึ ๒๐ ป แตจากนั้นไปจะสอบกี่ครง้ั ก็ไมเคยสอบไลไ ดอกี เลย ตอ มาได ตดิ ตามทานบดิ าซึ่งตอ งยายไปรับราชการทอ่ี าํ เภออืน่ ในอาํ เภอนน้ั มีบณั ฑติ ที่มีความรูสูงอยูทานหน่ึงมนี ามวาเฉียนหมงิ อู เด็กหนุมไดทราบขาวก็รีบนําบทประพันธของตนไปหาเพื่อขอคํา แนะนาํ โดยไมค าดฝน ทา นบัณฑติ จบั พูก นั ไดก ็ตวัดขอ ความในบท ประพนั ธน้นั ทิง้ เกือบหมด ถา เปนบางคนก็จะโกรธมาก แตเดก็ หนุมคนน้ี นอกจากจะไมโกรธแลว ยงั ขอบพระคณุ ทา นบณั ฑิต แลวรบี เขยี นใหมนาํ มาใหท านแกไขอกี ดวยความออ นนอมถอมตนเชน นี้ เปนสิง่ ที่หาไดยากยง่ิ พอรงุ ข้ึนอกี ปห น่งึ เด็กหนมุ กส็ อบไลไ ด
สติปญญาควบคุมอารมณได เมอ่ื ป ค.ศ. ๑๕๙๒ (พ.ศ.๒๑๓๕) พอไดไ ปเมอื งหลวงเพือ่ เขาเฝา ฮอ งเต ไดพบกับเพ่อื นคนหน่งึ ดูเขาชา งมคี วามจริงใจและอารมณด ีเสียนี่ กระไร ประกายแหงความออ นนอมถอ มตนฉายแสง อยูท ั่วบรรยากาศท่ี รอบๆ ตัวเขา ทําใหพอ ไดสัมผัสกบั ประกายนี้ดวยความชน่ื ชม พอ กลับจากเขา เฝา ไดเลาใหเ พ่อื นๆ ฟง วา “หากฟาจะประทานความเจริญรงุ เรอื งแกใ คร มกั จะประทานสติ ปญญาใหกอน เมือ่ มสี ติปญ ญาแลว คนทีเ่ จา อารมณก จ็ ะเปลี่ยนเปนคนที่ ควบคมุ อารมณไ ด คนท่อี วดดกี ก็ ลายเปน คนถอ มตนได เม่อื พัฒนาตนเอง ไดแลว ฟายอ มประทานความเจริญรงุ เรอื งมาให” และกเ็ ปน จริงดงั วา เขาสอบไลไ ดปนั้นเอง ออนนอ มถอมตนไมตอ งใชเ งนิ เมอ่ื ป ค.ศ. ๑๕๓๔ (พ.ศ. ๒๐๗๗) มนี กั ศกึ ษาแซจ างคนหนึง่ มคี วาม รดู ี เขยี นบทความก็ดี เปน คนเดน คนหน่งึ ในบรรดานักศกึ ษาท้งั หมด เขา เดินทางมานานกงิ เพื่อเขา สอบพกั อยทู ว่ี ัดๆ หนึง่ เมอ่ื ผลการสอบประกาศออกมาปรากฏวา สอบตก แทนที่จะโทษตน เองวาความรยู งั ไมถึงจึงสอบไมได แตก ลบั โกรธกรรมการคุมสอบ หาวา ไม ยุติธรรม มีตาก็หามีแววไม บทประพันธด ๆี กห็ าวา ไมดี
หลวงจีนในวัดทา นหนง่ึ ไดยนิ เขา จึงยืนยิ้มอยู เขากเ็ ลยพาลโกรธ หลวงจนี ไปดวยหลวงจีนจึงกลาวกบั เขาวา ดๆู แลว เห็นทีบทประพนั ธข อง ทา นไมด ีจรงิ เขายงิ่ โกรธใหญ ตวาดหลวงจีนวา “ยงั ไมท ันเหน็ บทประพันธ จะรูวาดีไมดีไดอยางไร” หลวงจีนพูดตอบวา “การประพันธต อ งอาศัยความสงบทางใจ จติ เปน สมาธิ จงึ จะเขยี นได ดี ทา นควบคมุ อารมณไ มไ ด หวนั่ ไหวอยตู ลอดเวลา จะเขียนบทประพันธ ไดดอี ยางไรได” นักศกึ ษาจางไดสติ จึงคกุ เขาขอขมา และมอบตวั เปนศษิ ย หลวงจีนจึงสอนวา “การสอบไลไ ดหรอื ไม ลว นขึน้ อยกู บั ชาตาชีวิต ถาเขาชาตาไมด ี แม จะเขียนบทประพนั ธไดด อี ยา งไร ก็สอบไมได จึงตองแกไขที่ตนเองเสีย กอ น” นกั ศึกษาจางกราบถามทา นวา “หากขึน้ อยกู ับชาตาชวี ติ แลวจะแกไ ขไดห รอื ”
หลวงจีนพูดวา “ฟาประทานชวี ิตใหเรา แตชาตาชีวิตเราตอ งสรางสมเอง หากกระทํา แตค วามดี มศี ลี ธรรม ชอบชวยเหลอื ผอู น่ื ยิ่งไมมีผูรเู หน็ ก็ยง่ิ เปน กศุ ล มหาศาล เมือ่ เราสัง่ สมความดจี นเต็มเปย มแลว เราจะตองการชาตาชีวติ อยา งไรก็ไดท ้ังน้ัน” นักศึกษาจางจึงปรารภวา “ขาพเจา เปนคนจน จะมปี ญ ญาชว ยเหลือคนอ่ืนไดอ ยา งไร” ทานชแี้ จงวา “การทาํ ความดตี องเริ่มที่ใจ มุงแกไ ขตนเองเสียกอน เชนการออ น นอ มถอ มตน กไ็ มต อ งใชเ งินเลย ทาํ ไมทานไมต าํ หนติ นเองวาความรูย ังไม เพยี งพอจงึ สอบตก แตก ลับไปดา กรรมการคุมสอบเลา ” นักศึกษาจางเพง่ิ คดิ ได จงึ เรมิ่ ปฏบิ ตั ติ นเสียใหม ลดความหยิง่ ผยอง ลงไปทุกวันๆ เพิม่ คุณธรรมใหก บั ตนเองมากย่งิ ขึ้นทกุ วนั ๆ คร้นั อกี สามปต อ มา ในป ค.ศ.๑๕๓๗ (พ.ศ.๒๐๘๐) ในคนื วันหนง่ึ เขาฝน ไปวา ไดไปในตึกสงู ใหญหลังหนงึ่ เหน็ บัญชีรายชื่อนกั ศกึ ษาทสี่ อบ ไลว างอยูเลม หนงึ่ เมื่อเปด ออกดูเห็นทุกหนามชี องวาง เกดิ ความสงสยั จงึ ถามคนทีย่ นื อยใู กลๆ วา “ทําไมบัญชรี ายชื่อนกั ศึกษาท่ีสอบไดแ ลว จงึ มกี ารคดั ออกอีกเลา ”
ไดรับคาํ ตอบวา “เน่อื งจากผทู ่ีสอบไลไดแ ลว จะตองผา นการตรวจสอบในยมโลกทุกๆ ๓ ป ถาใครมคี วามประพฤติไมดี ไมอ ยูใ นธรรม ก็จะถูกคัดชอื่ ออก จะสอบ อกี อยางไรกส็ อบไมได แลว ชไี้ ปทวี่ างบนสมดุ นน้ั วา สามปมาน้ี เจา ต้งั ใจ ฝก ตนใหกา วหนาไปมาก ก็จะเอาชอื่ เจาไวต รงนี้ ขอใหเจารกั ตนสงวนตวั อยา ไดววู ามทาํ ผดิ เหมอื นดงั แตก อ นอกี ปน้นั เขาก็สอบไดท่ี ๑๐๕” เมือ่ ดเู หตุการณที่ผานมาแลว ยอมจะเหน็ ไดวา สงู จากศีรษะมนษุ ย ขึ้นไป ๓ ฟตุ ก็มเี ทพเจา คอยเฝา ดอู ยูแลว เราจะตองทําแตส่ิงที่เปนมงคล หลกี เลย่ี งการกระทําอันเปน อปั มงคลเสยี จะดจี ะชวั่ อยูที่ตัวเราเอง ถาควบ คมุ จิตใจและความประพฤติของเราใหด ี ไมทาํ สิ่งท่ีฟา ดนิ และผสี างเทวดา ไมพอใจ ไมหยงิ่ ไมโอหัง ไมว วู าม อดทนในส่ิงทที่ นไดย าก ฟาดินและผี สางกย็ อมจะเห็นใจเรา ประทานความชว ยเหลอื แกเรา คนทจ่ี ะเปนใหญเปน โตในอนาคต ยอ มไมท าํ จติ ใจคบั แคบเหน็ แกต ัว ยอ มไมเ ปน ผูท ําลายความ สุขความเจริญของตนเอง ความถอ มตนทาํ ใหมีโอกาสทีจ่ ะไดร บั การอบรม สั่งสอนจากทา นผูรู ไดรบั ประโยชนจ ากทา นเหลาน้นั ไมจบสน้ิ นกั ศึกษาจงึ ควรทําตัวเชนนี้ ลกู จงจําไวว า คนทีย่ กตนขมทา น ถือดอี วดเบงนนั้ แมจะ ไดดิบไดด กี ไ็ มย ่งั ยนื นาน โบราณทานวา ไว ปรารถนาช่ือเสยี ง ยอมไดช ือ่ เสียง ปรารถนาความ รา่ํ รวย ก็ยอมไดเปน เศรษฐี ความปรารถนาของมนษุ ย เปรยี บประดจุ ราก แกวของตน ไม เมอ่ื หลัง่ ลกึ ลงดนิ แลว ตน ไมก็จะมีกงิ่ กานไพศาล ออกดอก ออกผลตามฤดูกาล รากแกวของมนษุ ย ก็คอื การออนนอ มถอ มตน ไมวา จะเปนเร่ืองเล็ก นอ ยหรอื เรื่องใหญ เราจะตอ งยดึ มน่ั ในคุณธรรมขอ นี้ ถอ มตนไวเ สมอ ให ความสะดวกแกผ ูอ่ืน เมอื่ ไมทาํ ใหผ ูอ ่ืนสะเทอื นใจ เพราะความอวดดีของ เราแลว ฟาดินยอ มประทบั ใจในความดขี องเรา พวกนักศึกษามกั บนบวง เทพยดาฟา ดิน ขอใหส อบไลไ ด แตพวกน้ไี มค อ ยมีความจริงใจการบนบวง จึงไมไ ดผล
นักปราชญทา นเมิง่ จอื่ พูดกบั พระเจา ฉเี ซวียนออ งวา “พระองคโ ปรดดนตรี ถา โปรดดว ยความจรงิ แลว ไซร ชาตาของ ประเทศก็จักรงุ เรืองสุกใสเปน แน แตนี่พระองคโ ปรดดนตรเี พอ่ื ความสขุ ของพระองคเอง หากพระองคส ามารถขยายความสุขสว นนใ้ี หแผไพศาลไป ในดวงใจของราษฎรทกุ คนแลว ไซร ราษฎรกจ็ ะมีความสุขเหมือนด่งั พระ องค และทกุ คนก็จะจงรักภักดีตอ พระองคอยา งสดุ หวั ใจ เม่อื นนั้ ชาตาของ บา นเมอื งฉี จะไมร งุ เรอื งสกุ ใสอยา งใดได” เม่อื ลกู ตอ งการสอบไลไ ดเปน ขนุ นาง ลกู กต็ องตั้งความปรารถนาไว ดุจรากแกวของตนไม แนวแนท ่จี ะทําความดไี มท อถอย สัง่ สมความดงี าม ใหไ ดท ุกๆ วนั ลดความถอื ดอี วดดีใหห มดส้ินไป สรางอนาคตดว ยตัวลูกเอง ชาตาชวี ิตจักทําอะไรได ขอใหลูกจงเพียรพยายามตอ ไปเถดิ ความสาํ เรจ็ ยอมรอลกู อยูแลวอยา งแนนอน จบ
ขอใหทา นผอู า นท่ีตงั้ ใจจะทําดลี ะช่ัว อยา งนอ ยจงเพิม่ ๑ ตดั ๑ ใหไ ด ทุกวันไป ถา เพมิ่ ความดใี หมากกวา ๑ และตดั ความไมดีไดมากกวา ๑ ก็ย่งิ จะประสบความสาํ เรจ็ ในการสรางอนาคตไดเ ร็วขน้ึ ระดับการสอบไลของจนี โบราณ ซงิ่ ฉาย (ซวิ จาย) นกั ศึกษาที่สอบไลไ ดค รั้งแรกในภูมิลาํ เนาของตน หมายถงึ นกั ศึกษา ท่ีคดั มาแลว จวยี่ เ หยนิ (กอื หยนิ ) ซวิ จา ยทสี่ อบไดอีกคร้งั หมายถงึ ผฉู ลาดท่ีสมควรสนับสนนุ ตอไป จนิ้ ซอ่ื (จนิ้ สือ) กือหยินท่ีสอบไลไดอีกครั้งเปนบัณฑิตที่ควรสงเสริมใหเขาสอบรับ ราชการได ทา นเหล่ียวฝานสอบไดจิ้นสอื แลว ก็สอบเขารบั ราชการเลย จงึ มิ ไดเขา สอบชิงตําแหนงจอหงวนอีก และเปน เพราะความสนั โดษของทา น ดวย เมื่อนกั ศกึ ษาไดผานบันได ๓ ขน้ั เปนบัณฑติ แลว ถาจะสอบตอไปก็ ตอ งเดินทางเขา เมืองหลวงเขาสอบในพระราชวัง ฮองเตท รงคัดเลือกดว ย พระองคเ อง จว งเอว่ยี น (จอหงวน) ผทู ี่มลี กั ษณะเปน เลิศ ตอบขอสอบเปนทร่ี ใู จกรรมการเปน ทสี่ ดุ ได เปนท่หี นง่ึ ปง เอีย่ น (ปงหงนั ) ผทู พี่ ลาดไปนดิ แมเปนรองกม็ สี องตาท่ฉี ลาด ไดเ ปน ท่สี อง
ถานฮวา (ถัมฮวย) ผูเขา ใจเก็บดอกไม ไดเ ปน ท่สี าม สมยั ราชวงศถ ัง ผูสอบจนิ้ สอื ไดแ ลว จะไดรับพระราชทานเล้ียง เรียกวา งานเกบ็ ดอกไม โดยคดั เลือกจ้ินสือที่มี อายุนอย ๒ ทาน ไปเลือกเก็บดอกไมงามและมชี ่อื ในอทุ ยานตางๆ เพ่อื มา เปน หวั ขอในการแตงโคลงฉนั ทกาพยกลอนของบัณฑิตในงานเลีย้ ง ตอมาผู ทส่ี อบไลไดทีส่ ามก็จะไดรับพระราชทานนามน้ี จนถงึ สมยั ราชวงศเ ช็ง (ชงิ ) ฉวนหลู (ถวนหล)ู ผทู ส่ี อบไดทส่ี ่ี ไมไ ดเ ขา เฝา หมายถงึ ผูท ี่รับทราบวา สอบไลไ ดโ ดย พระบรมราชโองการท่ีขนุ นางประกาศตอ ๆ กันออกมาจากทองพระโรง หานหลนิ (ฮัน่ หลนิ ) หมายถึงเปน ตําแหนงขา ราชการ บัณฑิตท่ีสอบไลไดในข้นั น้มี าก มาย ประดุจไมย นื ตน ตระหงานในปา เปรียบประดจุ กาํ ลังของแผน ดนิ คําอธิบายอายตนะโดยยอ ชวี ติ มี ๒ ระบบ คือ ระบบรูปธรรม ไดแกว ถิ ีชีวิตทางกาย ระบบนามธรรม ไดแ กว ิถีชวี ติ ทางจติ ทั้ง ๒ ระบบน้ี เสมอื นเสน ขนาน ๒ เสน ทไ่ี มมีวนั พบกนั ทจ่ี ุดบรรจบ ไดเลยหากไมม อี ายตนะ ซึง่ เปน กลมุ ธรรมท่เี ชื่อมโยงวถิ ชี วี ิตทัง้ ๒ ระบบให มาอยูในวงจรเดยี วกันคือขบวนการขันธ ๕ ความสัมพนั ธระหวา งอายตนะ ภายในและอายตนะภายนอก เปน ปจ จยั สําคญั ยงิ่ ทีก่ ระตุนใหช ีวติ เกดิ บท บาทและพลังงานมากมาย ตัง้ แตเกดิ จนตาย ชาตแิ ลว ชาติเลา ทานเปรยี บธรรม ๒ กลมุ นีไ้ วว า
อายตนะภายใน ๖ กลุม คือขบวนการสอื่ ความหมายทางตา หู จมูก ล้นิ กาย ใจ เสมอื น วิถที างทน่ี าํ อาคนั ตุกะไปสูการพบปะอยางมเี งือ่ นไข อายตนะภายนอก ๖ กลมุ คอื ขบวนการรุกเรา จากรูป เสยี ง กล่นิ รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ เสมอื นแขกผมู าเยือน ท่วี า มเี ง่อื นไข ก็เพราะตองผานวิถที างตาเทานน้ั จงึ จะเขา ถึงศนู ยการ เห็นไดอ ยางมรี ะเบียบ รปู ที่อยูน อกทศั นวิสัยก็ดี ไมม เี หตปุ จจัยทเ่ี หมาะสม สนบั สนุนกด็ ี ยอมไมอ ยใู นเงอ่ื นไขท่จี ะเกิดขึน้ ไดอยางเปนขบวนการ อายตนะอกี ๔ คูกเ็ ชนกัน เสยี งตอ งผา นวถิ ีทางหจู ึงจะเขา ถึงศูนยก ารไดยนิ กลิน่ ตองโชยเขาวถิ ีทางจมูก รสตองมาเยอื นตามวิถีทางล้นิ โผฏฐพั พะ คอื สง่ิ เราทต่ี อ งสมั ผสั ผานวิถที างกายเขา สศู นู ยก ายสมั ผสั ธัมมารมณคอื สรรพสงิ่ ท้งั ปวงที่ผา นวถิ ที างใจ เรา ใหเ กดิ ความนกึ คิดจิตไมวา ง กลมุ ธรรมทงั้ ๖ คูน้ี มาประจวบกันท่ีจดุ บรรจบคราใด กเ็ ปน ปจ จยั ให เกดิ ขันธ ๕ คอื รปู เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณทุกครงั้ ไป ขนั ธ ๕ ก็เปน ปจจยั ใหร ะบบทัง้ ๒ ของชีวิต แสดงบทบาทออกมาทางกาย วาจา ใจ เปน กุศลกรรมบา ง เปน อกุศลกรรมบาง เปนกลางบาง สุดแตระดับการฟง รู ดู ออก บอกถูก ทาํ เปน เห็นแจง แสดงออก ฯลฯ ของแตละบคุ คล ยอมแตก ตา งกันตามแรงขบั ของ กเิ ลส ตณั หา อปุ าทาน ฯลฯ ขบวนการดงั กลาวจัก เกดิ ขนึ้ ต้งั อยู ดับไป ดว ยความไมคงทน แปรปรวนไปตามเหตปุ จจยั คือ อนจิ จตา เปนปญ หาเดือดรอ น วนุ วาย คอื ทุกขตา กาํ หนดตามความ ตองการของเราเสมอไปไมไ ด คอื อนัตตา ชีวิตตองเปนไปตามกฎแหง ไตร ลกั ษณน้ี ตลอดเวลาทีย่ ังไมส ิน้ ชาตภิ พ ทา นผอู า นท่ีมจี ิตใจเปน ไปตามมาตรการและสงู ถึงมาตรฐาน สามารถ เขาสูวิปสสนากรรมฐานแลว ไซร ยอมแจมแจงในความหมายของอายตนะ ท่ีละเอียดออนลกึ ซง้ึ ซบั ซอ นยง่ิ กวา น้ีไดดว ยตนเอง
ชวงเวลาของชวี ติ น้ันมีจํากัดนกั ชวี ติ ตอ งขึน้ อยูกับปจจยั ภายนอก มากวาท่ีจะมีโอกาสเปนตวั กําหนดความเปนไปของตวั เอง พระบรมศาสดา จึงทรงพรํ่าสอนตลอด ๔๕ พรรษาของพระองค แมในปจฉิมพจนว า “จงต้งั ตนอยูในความไมป ระมาท” การบรรลเุ ปา หมายของชีวติ จะทันเวลาหรือไม อยูท่คี วามไม ประมาทในอายตนะนี้แล เจอื จันทน อัชพรรณ ( มิสโจ) จันทรท ี่ ๒๘/๐๙/๒๕๒๔
ตัดวิจกิ จิ ฉาเพอื่ บรรลโุ สดา ทานลอ่ื โจว ใชหรือมิใช ใชห รอื มิใช เจา ตัวสงสยั เปน ตวั ขัดขวาง หนทางปฏิบตั ิ การฝก ฝนจติ ใหไดส ําเร็จ ตอ งฝกฝนจติ ไมอ อ นไมไหว สง่ิ ใดทีเ่ กดิ ไมเปน ด่งั ใจ ตอ งทําใจวา ง อยาใหข วางทาง ท่จี ักกา วเดนิ อยา คิดเกนิ เลย จัดการผสม แตงปรงุ เขาไป ใหจ ิตมิวา ง น้นั เปนไมด ี แกตวั ของตัว จิตตอ งปลอยวาง ปลอ ยวางทุกส่ิง ไมเอาส่งิ ใด มาเปนอารมณ กวนจิตกวนใจ สงิ่ ทม่ี เิ ปน แลเห็นวา เปน อยางน้ันอยา งน้ี ขอจงแลมอง สองตาแลเปน เห็นเปน ธรรมดา เชน นเ้ี องแล เร่ืองราวใดใด อยา ปรงุ อยาแตง ใหเ ปน ดังใจ รูเ หน็ เพียงใด ใหห ยุดเพียงนัน้ จติ จงึ จักวา ง สําหรับฝกฝน โสดาโสดา อะไรคอื โสดา จติ ทฝี่ ก ดี ละวางทกุ ส่ิง ไมม ีตัวเรา ไมมีตวั เขา คอื ไมยดึ ตดิ วานั่นของเรา หรือนนั่ ของเขา เอามาใสใ จ ใหปรุงใหแ ตง วาเปน ตางตาง เมอ่ื ละวางได ความชอบโกรธเกลยี ด ไมมใี นจติ ความโลภอยากได มาเปน ของเรา ก็จะไมม ี เม่ือจติ สะอาด ปลอดโปรง แจมใส ดวงจติ ดวงนี้ ใสดุจดวงแกว เปลง ปลั่งแวววาว ดจุ เพชรเจยี ระไน ไมม ปี ญ หา มีแตป ญ ญา เหน็ แจงในธรรม ไมมเี คลอื บแคลง ขออนุญาตทานล่อื โจว เทพเจาผูกอปรดวยพรหมวิหาร ๔ นาํ โอวาท ของทานมาประดับไวเตอื นจิต ยามขนั ธหากาํ ลังปรุงแตง เมอื่ อายตนะมา เยือน
ธรรมะพระอรยิ ะจกี้ ง จิตเหนอื สาํ นกึ มนุษยนน้ั มพี ฤติกรรมไปตามทีจ่ ิตใตสาํ นึกจะสั่งการ จิตทอ่ี ยใู ตส าํ นกึ ยอมอยูลกึ และไกลกวาจะคืนกลบั จิตใตสาํ นกึ ยอ มทับถมตวั มันเอง ไมวา ใครผูใด สํานกึ ยอมเปน ใหญกวาจติ จติ จึงถกู สาํ นกึ กดทบั ไวใตบงั คับบญั ชา สํานึกทวี่ า คือ กเิ ลส ตณั หา อุปาทานทงั้ ปวง สํานกึ จงึ เปน หว งลา มจิตมิให แสวงหาสงิ่ อนื่ ใด นอกไปจากคําบญั ชา จติ อันถกู สาํ นึกจงึ เปน หวงลามจติ มิ ใหแ สวงหาส่ิงอ่ืนใด นอกไปจากคาํ บญั ชา จิตอนั ถูกสํานึกยดึ เหน่ยี วไว นั้น คือจิตอนั เปนทุกข คือจติ อนั เปน ทาส คือจิตอันปราศจากแสงสวา งแหงพระ ธรรมเปนจติ ทีม่ ดื ดํา เปนจติ ทตี่ ํา่ ชา เปน จติ ท่ีหาประโยชนใดๆ มิได ดงั น้ี แลวจิตใตส าํ นึกจึงเปนพลังกดดนั หนั มนษุ ยเ ขา หาอาสวกเิ ลสทง้ั มวล จิตอันอยใู ตส าํ นึกจึงเปน ผลึกของสนั ดานนิสยั อันใฝอ ยูใ นความชั่ว ความกลวั ความขลาดเขลา จิตใตส าํ นกึ จึงเปน จิตที่เศรา หมอง ยากทีจ่ ะเห็น ธรรมะ ขอชักนําพวกเราทั้งหลายจงมารวมกนั แปลงกายเปลี่ยนใจ พาจิตให ผองใสดวยการทาํ จติ ใหอยูเหนือสํานกึ ตรกึ ตรอง ศลี สมาธปิ ญญา ใหเหน็ แมอ รยิ สัจส่ีก็พงึ หวงั ใหเห็นโดยแจม ชัด ขจัดเสยี ซ่งึ ความมดื ดาํ แหงจติ แลว ชวี ิตของเราก็จะสบาย เปน ชีวิตที่ใกลถ งึ ธรรมอนั ประเสรฐิ บรรเจดิ กวา ส่ิง ทั้งปวง มจี ิตอยเู หนอื สํานึกแลวใจยอมผอ งแผว ดจุ แกวใสไรฝ นุ ธุลี ดงั นท้ี าน เวยหลางจึงวา ใยตอ งเชด็ ถอู กี ดวยเลา เพราะแทท ี่จริงแลว แมโพธิก็ไรต น เขา ใจดังนี้ชีวติ ยอ มเปนสขุ อยูในปจจุบนั ขณะ เปน หวงเปนทกุ ขไปใยกบั วัน พรุง นี้ เชนน้ปี จ จุบันเราจักเศราหมอง มใิ ยจะตอ งกลาวถงึ อนาคต เมือ่ วนั น้ี ทกุ ขเสยี แลว พรงุ น้จี ะสุขไดอยา งไร เพราะใจมเี พียงวนั นีเ้ ทา นั้น ใจไมอาจ รอเราอยใู นวนั พรงุ นี้
ธรรมะกระเบยี ดนว้ิ ธรรมะกระเบยี ดน้วิ ยังคลายหวิ ดบั กระหาย เปนธรรมอันงา ยงาย ไมย กั ยา ยใจโลเล ธรรมะกระเบยี ดนวิ้ ยังดับกริว้ ดบั โทสา นัน่ แหละคอื ธรรมา ธรรมดาในตัวเรา ธรรมกระเบยี ดนวิ้ ใชเล็กจว๋ิ ไรคุณคา แทธ รรมมารดา เปน คุณคา ยิ่งใหญเอย บัญชบี ริหารกายวาจาใจ วนั เดือนป กุศลกรรม หมายเหตุ อกุศลกรรม หมายเหตุ บัญชนี ีจ้ ะชวยกระตุน เตือนใหเรามีสติสมั ปชัญญะ เมื่อยามที่จะโนม เอยี งไปในทางมิชอบ ทําบญั ชนี ี้ใหไดส มาํ่ เสมอ ความดีจะเพมิ่ ข้นึ ความชว่ั จะลดนอยลง จนในท่ีสดุ เหลอื แตค วามดีลว นๆ การบรรลธุ รรมยอมบังเกิด ข้นึ ตามข้ันตอนของการประพฤติปฏบิ ัติชอบอยางแนน อน
Search