Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่่ 1 บทนำเทคโนโลยีนมและผลิตภัณฑ์

บทที่่ 1 บทนำเทคโนโลยีนมและผลิตภัณฑ์

Published by psupavititpatana, 2019-07-31 00:23:16

Description: บทที่่ 1 บทนำเทคโนโลยีนมและผลิตภัณฑ์

Keywords: นม,ผลิตภัณฑ์

Search

Read the Text Version

1 บทที 1 บทนํา การเรียนรู้รายวชิ าเทคโนโลยีนมและผลติ ภณั ฑ์ให้เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึงจําเป็ นต้อง ปูพืนฐานให้ทราบถึงความเป็ นมาและสถานการณ์โคนมของประเทศไทย ลักษณะประจําพันธ์ุ โคนม ตลอดจนปัญหาการผลิตนํานมดบิ ในประเทศไทย นโยบายรัฐเกียวกบั การส่งเสริมการเลียง โคนมและอุตสาหกรรมนมรวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมนมในประเทศไทย จํานวนโรงงาน อตุ สาหกรรมนมในประเทศไทยและสถานการณ์อตุ สาหกรรมนมของประเทศไทย ความเป็ นมาและสถานการณ์โคนมของประเทศไทย แผนกฝึ กอบรม (2547, หน้า 3-4); ธันวา ไวบท (2552, หน้า 1-2) กล่าวถึงการ พฒั นาการเลียงโคนมในประเทศไทย ซึงสามารถสรุปได้ดงั นี ในประเทศไทยมีการเลียงโคนมมา นานกวา่ 95 ปี ประมาณพทุ ธศกั ราช 2450 โดยชาวอินเดียทีอาศยั อยใู่ นประเทศไทยซงึ นิยมดืมนม สดเป็ นอาหารประจําเป็ นผ้นู ํามาเลียงก่อนโดยมีแหล่งการเลียงทีสําคญั บริเวณรอบกรุงเทพฯ โคที เลียงส่วนใหญ่เป็ นโคพืนเมืองหรือโคทีนําเข้าจากประเทศอินเดีย ซึงให้นํานมในปริมาณตํา ประมาณวนั ละ 2-3 ลิตร/วนั ตอ่ มาในระหวา่ งสงครามโลกครังที 2 เกิดการขาดแคลนนมสําหรับใช้เลียงทารก รัฐบาล ในขณะนนั จึงได้จดั ตงั องค์การนมขึน เพือทําหน้าทีรวบรวมนมทีผลิตได้ในเขตกรุงเทพมหานคร นํามาทําเป็ นอาหารสําหรับใช้เลียงทารกและทํานมข้นหวานซึงประชาชนนิยมบริโภคมากกว่า ผลิตภัณฑ์นมชนิดอืน ๆ และเมือสงครามโลกครังที 2 สินสุด กิจการองค์การนมได้สลายตวั ลง เนืองจากมีการส่งผลิตภณั ฑ์นมราคาถกู จากตา่ งประเทศเข้ามาใช้แทน ในขณะเดียวกนั เริมมีการ นําพนั ธ์ุโคนมจากตา่ งประเทศ คือพนั ธ์ุโฮลสไตน์เข้ามาทดลองเลียงและในระยะตอ่ มาโคนมพนั ธ์ุ ดงั กล่าวได้กระจายแพร่หลายในหมผู่ ้เู ลียงโคนมในประเทศไทยอยา่ งรวดเร็ว เนืองจากสามารถให้ นํานมปริมาณสงู กวา่ โคพนั ธ์ุอนิ เดยี มาก ในสว่ นของรัฐบาลได้เริมหนั มาสนใจผลติ นํานมในประเทศ มากขึนและได้มีการนําโคนมพันธ์ุต่าง ๆ เข้ามาทดลองเลียงอีกหลายพันธ์ุ เช่น พันธ์ุเจอร์ซี พนั ธ์ุบราวน์สวสิ ซ์และพนั ธ์ุเรดซินดี เป็นต้น

2 การเลียงโคนมเพือผลิตนํานมในเชิงการค้า เริมอย่างจริงจงั เมือประมาณ 50 ปี ทีผ่านมา เนืองจากการเลียงโคนมเป็ นอาชีพพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ภมู ิพลอดลุ ยเดช มหาราช รัชการที 9 โดยในปี พ.ศ. 2503 รัฐบาลเดนมาร์คและสมาคมเกษตรกรจดั ตงั ฟาร์มโคนม และศูนย์ฝึ กอบรมการเลียงโคนมไทย-เดนมาร์ค ทีอําเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีและได้ทรง ประกอบพิธีเปิ ดฟาร์มโคนมและศนู ย์การเลียงโคนมไทย-เดนมาร์คอย่างเป็ นทางการในวนั ที 17 มกราคม พ.ศ. 2505 และทรงสง่ เสริมสนบั สนนุ การเลียงโคนมของไทยตลอดมาจนถงึ ปัจจบุ นั ปริมาณโคนมทีผลิตได้ในประเทศไทยมีปริมาณเพิมขึนทกุ ปี แตป่ ริมาณนํานมเฉลียตอ่ ตวั ทงั ประเทศยงั เพิมขึนช้าทังทีมีการนําเข้าแม่โคสายเลือดสูงจากต่างประเทศ มีพนั ธุกรรมดีแต่ เนืองจากมีปัญหาอืนร่วมด้วย เช่น สภาพภูมิอากาศ การจดั การเลียงและการให้อาหาร เป็ นต้น ปัญหาการเลียงโคนมทีพบมาก คือ ปัญหาไม่มีพืนทีปลูกหญ้า ขาดแคลนอาหารหยาบในฤดแู ล้ง โคผสมติดยาก ไม่กลบั สัด ปัญหาอาหารข้นมีราคาแพง ขาดแคลนแรงงาน ส่วนปัญหาด้านรัฐ พบวา่ จํานวนเจ้าหน้าทีไมเ่ พียงพอ รอบ 5 ปี ทีผา่ นมา (พ.ศ. 2550-2554) จํานวนโคนมในประเทศไทยในภาพรวมมีอตั รา เพิมเฉลียร้อยละ 3.08 จํานวนแม่โคตงั แตป่ ี พ.ศ. 2552-2554 มีปริมาณเพิมขึนอย่างตอ่ เนืองทกุ ปี เป็ นผลให้ปริมาณผลผลิตนํานมดิบเพิมขึนมากโดยมีอตั ราการเพิมผลผลิตนํานมดิบสงู ถึงร้อยละ 6.61 สอดคล้องกบั ปริมาณการบริโภคนมพร้อมดืมซึงเพิมขึนอยา่ งตอ่ เนืองทกุ ปี ตงั แตป่ ี พ.ศ. 2552 เช่นกัน โดยในภาพรวมปริมาณการบริโภคนมพร้อมดืมมีอตั ราการเพิมร้ อยละ 1.70 นอกจากนี สํานกั งานเศรษฐกิจการเกษตรยงั คาดคะเนวา่ จํานวนโคนม จํานวนแมโ่ คนม ปริมาณผลผลิตนํานม ดิบและปริมาณการบริโภคนมพร้ อมดืมในประเทศไทยมีปริมาณเพิมขึนมากกว่าปี พ.ศ. 2554 (ตารางที 1.1)

3 ตารางที 1.1 จํานวนโคนมเพศเมียและผลผลติ นํานมดบิ ของประเทศไทย รายการ 2550 2551 2552 2553 2554* อตั ราเพมิ 2555** (ร้ อยละ) โคนมทงั หมด ณ 1 ม.ค. 492,304 490,938 492,560 523,770 554,668 563,900 (ตวั ) 3.08 แมโ่ คนม ณ 1 ม.ค. (ตวั ) 291,965 290,683 293,287 301,071 310,522 319,840 ผลผลติ นํานมดบิ (ตนั ) 729,098 786,186 840,691 914,388 930,860 1.60 967,840 การบริโภคนมพร้ อมดืม 917,360 825,624 912,500 934,674 938,000 6.61 940,000 (ตนั ) 1.70 หมายเหตุ *ประมาณการ **คาดคะเน ทีมา: (สํานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร, 2555) ศิริวฒั น์ อินทรมงคล ประสาร มณีรัตน์ โชค บูลกลุ และศรเทพ ธัมวาสร (2553, หน้า 47-49); สํานกั วิจยั เศรษฐกิจการเกษตร (2554, หน้า 39-46) วิเคราะห์โอกาสธุรกิจโคนมไทยซึง สามารถสรุปได้วา่ จากสถานการณ์การผลิตโคนมทีดขี นึ ของประเทศไทยหลายฝ่ ายจึงมองไปถึงการ แข่งขันกับประเทศเพือนบ้ านเนืองจากประเทศไทยมีข้ อได้ เปรี ยบมากกว่าหลายด้ านและหาก พิจารณารายประเทศแล้วมีเพียงประเทศอินโดนีเซีย เวียดนามและฟิ ลิปปิ นส์ทีพยายามพฒั นา ธุรกิจโคนมอย่างจริงจงั ส่วนประเทศพม่า ลาวและกัมพชู า ยงั ไม่มีการทําธุรกิจโคนมให้เห็นเป็ น รูปธรรมนัก นอกจากนียังมีการเปรียบเทียบศักยภาพอุตสาหกรรมโคนมของประเทศไทยกับ ประเทศเพือนบ้านซงึ มีรายละเอียดดงั นี ประเทศไทยมีความได้เปรียบและมีพฒั นาการดีกว่าประเทศเพือนบ้านหลายประเทศ สว่ นหนึงเป็ นเพราะประเทศไทยเริมมีการเลียงโคนมมาตงั แต่ พ.ศ. 2505 จนถึงขณะนีเป็ นเวลา ประมาณ 50 ปี ปัจจบุ นั แมโ่ คให้นมเฉลียทงั ประเทศ 12 กิโลกรัม/ตวั /วนั ขณะทีเวียดนามเริมต้น การเลียงโคนมในปี พ.ศ. 2543 โดยได้รับการสนบั สนุนจากรัฐบาลเบลเยียม ส่วนก่อนหน้านัน เวียดนามนําเข้านมผงกวา่ ร้อยละ 95 มาทําผลิตภณั ฑ์นมแม้ว่าการพฒั นาโคนมของเวียดนามจะดู นา่ กลวั ในชว่ งแรก แตเ่ มือปี พ.ศ. 2552 ทีผ่านมารัฐบาลเวียดนามรายงานว่าโครงการเลียงโคนมก ว่า 40 ฟาร์มมีแนวโน้มประสบความล้มเหลวมากกว่าร้อยละ 80 เนืองจากไม่มีอาหารสตั ว์ ซึง ปัจจบุ นั แมโ่ คให้นมเฉลียเพียง 7 กิโลกรัม/ตวั /วนั (ตารางที 1.2)

4 ตารางที 1.2 การเปรียบเทียบสถานการณ์โคนมของประเทศไทยกบั ประเทศเพือนบ้าน รายการ ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลปิ ปินส์ จํานวนโคนม (ตวั ) 462,238 320,000 110,000 29,593 ปริมาณนํานมดบิ (กก./วนั ) 2,093,421 1,200,000 602,739 37,832 เวลาในการพฒั นาอาชีพการเลียงโคนมของ 0 -30 -50 -70 ประเทศไทยเทียบกบั ประเทศเพือนบ้าน (ปี ) ทีมา: (ศริ ิวฒั น์ อินทรมงคล ประสาร มณีรัตน์ โชค บลู กลุ และศรเทพ ธัมวาสร, 2553, หน้า 47-49) นอกจากนีความก้าวหน้าของอตุ สาหกรรมโคนมไทยยากนกั ทีประเทศเพือนบ้านจะตาม ทนั จงึ กลา่ วได้ว่าประเทศไทยเป็ นผ้นู ําด้านการผลิตโคนมในอาเซียน เนืองจากพฒั นาการของการ เลียงโคนมขึนอยู่กบั ปัจจยั หลายประการประกอบกนั ได้แก่ พนั ธ์ุดี อาหารและการจดั การทงั หมด ต้องดแี ละเหมาะสม แม้วา่ ประเทศไทยจะอย่ใู นระดบั ทีเหนือกว่าประเทศเพือนบ้านแตก่ ็ยงั มีหลาย เรืองทีต้องปรับปรุงและพฒั นาอยา่ งตอ่ เนือง ซึงปัจจบุ นั แม่โคให้นมเฉลียทงั ประเทศ 12 กิโลกรัม/ ตวั /ปี ทงั ทีสายเลือดโคนมในประเทศไทยมีเลือดววั ขาวดําไมต่ ํากว่าร้อยละ 85 ตามศกั ยภาพของ สายพนั ธ์ุววั มีโอกาสให้นมได้สงู สดุ ถึง 25 กิโลกรัม/ตวั /วนั หมายความว่าเกษตรกรไทยปรับปรุง พนั ธ์ุให้ก้าวหน้าขึนแต่การจดั การและสิงแวดล้อมยงั ไม่ดีพอ ค่แู ข่งทีน่ากลัวสําหรับประเทศไทย ไม่ได้อยู่ในอาเซียนแต่คู่แข่งทีน่ากลวั สําหรับประเทศไทย คือ จีน ซึงมีจํานวนโคนมมากและมี รูปแบบการเลียงคล้ายคลึงกบั สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญีป่ นุ ซงึ มีสภาพการเลียงเป็ นฟาร์มขนาด ใหญ่ มีโรงงานนมผงจํานวนมากและสง่ มาจําหนา่ ยในประเทศไทยอีกด้วย ในภาพรวมอตุ สาหกรรมโคนมไทยยงั ไมไ่ ด้มาถงึ จดุ ทีพฒั นาสงู สดุ เพียงแคด่ ีกวา่ ประเทศ เพือนบ้านเทา่ นนั แสดงวา่ เกษตรกรยงั มีโอกาสทีจะพฒั นาให้ดีขึน รวมถึงมีโอกาสทีจะเข้าไปลงทนุ ในประเทศเหล่านีด้วย ปัจจุบันฟาร์มและบริษัทเอกชนบางแห่งทีมีศักยภาพมากพอได้เริมส่ง โคนมออกไปขาย โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชยั ไม่ได้มองเห็นแค่โอกาสของธุรกิจโคนมใน เอเชียเท่านนั แตม่ องไปถึงการแข่งขนั ในเวทีโลก เนืองจากเมือ 6-7 ปี ทีผ่านมา ออสเตรเลียและ นิวซีแลนด์ซึงเป็ นผู้ผลิตนมรายใหญ่ของโลกประสบปัญหาภัยแล้ง จากภาวะโลกร้ อนทําให้ ฝงู โคนมมีจํานวนลดลงมาก เนืองจากไม่มีหญ้าสําหรับเป็ นอาหารของโคนม จึงเป็ นโอกาสของ

5 ผ้ทู ําธรุ กิจโคนมไทยอยา่ งมาก ดงั นนั อตุ สาหกรรมโคนมของประเทศไทยจึงมีโอกาสขยายตวั ได้มาก พนั ธ์ุโคนม กลมุ่ วิจยั และพฒั นาโคนม (2553) กล่าวถึงพนั ธ์ุโคนมทีมีการเลียงเป็ นอาชีพในประเทศ ไทยจํานวนทงั สิน 8 พนั ธ์ุ ไว้ดงั นี 1. โคนมพนั ธ์ุโฮลส์ไตน์ฟรีเซียน (Holstein Friesian) โคนมพนั ธ์ุโฮลส์ไตน์ฟรีเซียน (ภาพที 1.1) เป็นโคนมพนั ธ์ุทีกรมปศสุ ตั ว์ได้คดั เลือกให้เป็ น พนั ธ์ุหลกั ในการปรับปรุงพนั ธ์ุโคนมของประเทศ โคพนั ธ์ุนีมีถินกําเนิดในประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึง อยู่ในทวีปยุโรป สําหรับโคพันธ์ุนีในทวีปยุโรปมักนิยมเรียกว่าพันธ์ุฟรีเชียน (Friesian) ซึงชือนี สอดคล้องกบั เมืองฟรีแลนด์ (Friesland) ซงึ อยทู่ างตอนเหนือของเนเธอร์แลนด์ แตใ่ นทวีปอเมริกา เหนือ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา และ แคนาดา เรียกโคนมพันธ์ุนีว่า พันธ์ุโฮลส์ไตน์ (Holstein) ซงึ คาดว่าเรียกตามชือรัฐ Holstein ซึงอย่ใู นประเทศเยอรมนั แตส่ ําหรับประเทศไทย รวมทงั หลาย ๆ ประเทศได้มีการนําเข้านําเชือและตวั โคจากประเทศในยุโรป สหรัฐอเมริกาและ แคนาดาจึงมีการเรียกโคพนั ธ์ุนีรวมว่าพันธ์ุโฮลส์ไตน์ฟรีเชียน (Holstein Friesian) โคพันธ์ุนีมี ขนาดใหญ่เพศผู้หนัก 800–1,000 กิโลกรัม เพศเมียนําหนัก 500–800 กิโลกรัม ผลิตนํานม เฉลีย 6,000–7,000 กิโลกรัม/ระยะการให้นม มีนิสยั คอ่ นข้างเชือง รีดนมงา่ ยไมเ่ ตะหรืออนั นํานม ภาพที 1.1 โคนมพนั ธ์ุโฮลส์ไตน์ฟรีเซียน ทีมา: (กลมุ่ วิจยั และพฒั นาโคนม, 2553)

6 2. โคนมพันธ์ุเรดเดน (Red Danish) โคนมพนั ธ์ุเรดเดน (ภาพที 1.2) มีกําเนิดในประเทศเดนมาร์คและเลียงกนั มาก แตไ่ ม่ ปรากฏว่าแพร่หลายในประเทศอืน เป็ นโคนมทีจดั อยู่ในชนั เดียวกบั โคนมพนั ธ์ุโฮลสไตน์แต่การให้ นมไมด่ ีเทา่ โคนมพนั ธ์ุโฮลสไตน์ โคนมพนั ธ์ุเรดเดนนอกจากจะให้นมมากแล้วยงั ให้เนือด้วย จดั เป็ น โคกึงนมเป็ นโคนมขนาดใหญ่โดยทวั ไปลกู ผสมของโคนมพนั ธ์ุนีส่วนใหญ่จะมีสีดํา โครงสร้างดีตวั โตและให้นมมากพอสมควร ลกั ษณะทีดีของโคพนั ธ์ุนีคือ ให้นมคอ่ นข้างมาก ให้นมติดตอ่ กนั เป็ น เวลานาน รูปร่างใหญ่ ตวั ผ้นู ําไปขนุ เป็ นโคเนือได้ดีผสมกบั โคพนั ธ์ุอืนดีให้ลกู โครงร่างสวย แข็งแรง ตวั ผ้หู นกั 950 กิโลกรัม ตวั เมียหนกั 600 กิโลกรัม มีสีแดงเลือดหมทู งั ตวั ตวั ผ้จู ะมีสีเข้มขึน อาจจะ มีจดุ ขาวในบางแหง่ ของร่างกาย ขนอ่อนนุ่ม ผิวหนงั หลวม หวั คอ่ นข้างยาว เข่ายืนไปข้างหน้าและ โค้งลง จมูกมีสีกระดานชะนวน หลังเรียบตรง บันท้ายยาว โคนหางนูน ลําตัวลึกมีซีโครงกว้าง เต้านมมีขนาดงามแต่ค่อนข้างหลวม โคเรดเดนโตช้า ในขณะกําลังให้นมจะไม่อ้วนและแสดง ลักษณะโคนมเต็มทีแต่เมือหยุดให้นมจะอ้วนและมีเนือเพิมขึนอย่างรวดเร็ว ให้นมเฉลีย 4,500 กิโลกรัม ไขมนั นมร้อยละ 4.2 จากการเลียงดใู นประเทศไทยโคเรดเดมีการเจ็บป่ วยมากกวา่ โคอืน ๆ แตล่ กู ผสมทีเกิดจากแมพ่ ืนเมืองก็อยไู่ ด้ดแี ละให้นมดพี อควร ภาพที 1.2 โคนมพนั ธ์ุเรดเดน ทีมา: (กลมุ่ วิจยั และพฒั นาโคนม, 2553)

7 3. โคนมพันธ์ุบราวน์สวิส (Brown Swiss) โคนมพนั ธ์ุบราวน์สวิส (ภาพที 1.3) มีถินกําเนิดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็ นโคขนาด ใหญ่ มีโครงร่างและกระดกู ใหญ่ ลําคอหนา ลําตวั มีสีนําตาลเข้ม บริเวณปลายจมกู มีสีนําตาลออ่ น แกมเหลือง ส่วนจมูก ลิน และพู่หางจะมีสีดํา ลักษณะทีเป็ นข้อดี ได้แก่ มีขนาดใหญ่ รูปร่างดี โครงสร้างแขง็ แรง กระดกู ใหญ่ ให้นํานมมาก ไขมนั สงู ทนร้อนได้ดี ลกั ษณะทีเป็ นข้อเสียเปรียบ คือ เจริญเตบิ โตเตม็ วยั ช้า ทําให้ผ้เู ลียงรอเวลานานกวา่ จะได้รีดนม ตวั ผ้มู ีนําหนกั 800-1,000 กิโลกรัม ตวั เมียหนักประมาณ 600-700 กิโลกรัม โคพนั ธ์ุนีมีนิสยั เชืองเลียงง่าย ให้นํานมดีพอสมควร คือ ให้นมเฉลีย 4,500 กิโลกรัม/ระยะการให้นม นํานมมีไขมนั ร้อยละ 4.0 ระยะการให้นมของโคนม พนั ธ์ุบราวน์สวิสคอ่ นข้างนาน บางตวั ให้นมดอี ยไู่ ด้นานถึงอายุ 12 ปี ข้อดีอีกประการหนึงของโคนม พนั ธ์ุนีคือ มีความทนทานต่อสภาพอากาศร้อนได้ดีกว่าโคนมยุโรปพนั ธ์ุอืน ถึงแม้ โคนมพนั ธ์ุบ ราวน์สวิสจะมีถินกําเนิดอยใู่ นประเทศสวิตเซอร์แลนด์แตก่ ลบั ได้รับความนิยมเลียงเป็ นโคนมชนั ดี ในสหรัฐอเมริกา เนืองจากได้รับการปรับปรุงพนั ธ์ุให้มีรูปร่างเป็ นแบบโคนมมากขึนและให้นมดีขึน กว่าในเขตแหล่งกําเนิด โคนมพันธ์ุนีนําเข้ ามาเลียงในประเทศไทยเมือ พ.ศ. 2498 จาก สหรัฐอเมริกา และพ.ศ. 2500 จากสวติ เซอร์แลนด์ สว่ นใหญ่นํามาผสมกบั พนั ธ์ุพืนเมือง ภาพที 1.3 โคนมพนั ธ์ุบราวน์สวสิ ทีมา: (กลมุ่ วิจยั และพฒั นาโคนม, 2553)

8 4. โคนมพันธ์ุเจอร์ซี (Jersey) โคนมพนั ธ์ุเจอร์ซี (ภาพที 1.4) เป็ นโคขนาดเล็ก มีถินกําเนิดในเกาะเจอร์ซีซงึ เป็ นเกาะ เล็ก ๆ ในช่องแคบองั กฤษ เป็ นโคทีมีรูปร่างสวยงามมากและมีสดั ส่วนถูกต้องตามแบบฉบบั ของ โคนมทีดี โคนมตวั เมียมีเต้านมทีมีขนาดใหญ่ รูปเต้านมสมบูรณ์เกาะแน่นอยู่กบั พืนท้อง โคนม เจอร์ซีให้นมได้ไมม่ ากนกั แตน่ มมีไขมนั สงู นิยมเลียงกนั ทวั ไปโดยเฉพาะในถินทีมีการรีดนมสําหรับ ทําเนย โคนมพนั ธ์ุเจอร์ซีเป็ นโคพนั ธ์ุแท้เพราะในเกาะเจอร์ซีเลียงแตโ่ คพนั ธ์ุนีเพียงพนั ธ์ุเดียวไม่มี โคนมอืนเข้าไปปะปน ลักษณะของโคพันธ์ุนีจึงสมําเสมอมาก โคนมตัวเมียหนักประมาณ 350-450 กิโลกรัม ตัวผู้หนัก 500-600 กิโลกรัม สีของโคนมมีสีเหลืองปนนําตาลหรือสีเทา ปนเหลืองหรือสีเทาปนนําตาลจนไปถงึ เกือบดาํ บางตวั อาจมีจดุ ขาวปนอยู่ บางตวั อาจมีสีเดียวเป็ น พืน ตวั ผ้มู ีสีดํามากขึน ลินจมกู และพู่หางอาจมีสีดําหรือขาว ลกั ษณะและส่วนสดั ทวั ไปของโคนม เจอร์ซีดเู รียบร้อยและแนบเนียนไปทงั หมด แนวหลงั ตรง บนั ท้ายคอ่ นข้างยาว เต้านมและหวั นมได้ ขนาดงาม โคนมเจอร์ซีเติบโตเป็ นสาวเร็วกว่าโคพันธ์ุอืน ถ้าเลียงดูดีจะผสมพันธ์ุได้เมืออายุ 15 เดือน และให้ลูกท้องแรกเมืออายุ 24 เดือน การให้นมของโคนมเจอร์ซีเฉลีย 3,438 กิโลกรัม/ ระยะให้นม 10 เดอื น โคนมบางตวั อาจให้นมมากกวา่ 10,000 กิโลกรัม นมมีไขมนั ร้อยละ 5.26 ภาพที 1.4 โคนมพนั ธ์ุเจอร์ซี ทีมา: (กลมุ่ วจิ ยั และพฒั นาโคนม, 2553)

9 5. โคนมพนั ธ์ุเรดซนิ ดี (Red Sindi) โคนมพันธ์ุเรดซินดี (ภาพที 1.5) มีถินกําเหนิดในเมืองการาจีและไฮเดอราบัด ในปากีสถาน ลกั ษณะทวั ไปมีสีแดงออ่ นถึงแดงเข้ม อาจมีจดุ หรือรอยดา่ งทีเหนียงคอและหน้าผาก หูยาวปานกลาง หหู กั พบั ลง พืนหน้าท้องและเหนียงคอหย่อนยานมาก หวั นมมีขนาดใหญ่และมี ตะโพก นิสยั ตืนตกใจง่าย แต่โคนมพนั ธ์ุนีมีความสามารถทนโรค แมลงและอากาศร้อนได้ดีมาก เป็นโคนมขนาดเล็ก เพศผ้หู นกั ประมาณ 450 กิโลกรัม เพศเมียหนกั ประมาณ 350 กิโลกรัม ให้นม เฉลีย 1,500-2,000 กิโลกรัม/ระยะการให้นม เริมให้นมช้าประมาณ 3 ปี ขึนไป ทนอากาศร้อนได้ดี กินอาหารขณะแดดจดั ได้ ข้อเสีย คือ มีเต้านมรูปกรวย หวั นมรวมเป็ นกระจกุ รีดนมยากและหวั นม ใหญ่เกินไป ต้องใช้ลกู โคกระต้นุ เร่งให้แมโ่ คปลอ่ ยนม ถ้าแยกลกู เดด็ ขาดแมโ่ คมกั จะหยดุ นมเร็ว ภาพที 1.5 โคนมพนั ธ์ุเรดซนิ ดี ทีมา: (กลมุ่ วิจยั และพฒั นาโคนม, 2553)

10 6. โคนมพันธ์ุซาฮวิ าล (Sahiwal) โคนมพนั ธ์ุซาฮิวาล (ภาพที 1.6) มีถินกําเนิดในประเทศปากีสถานและอินเดีย มีรูปร่าง คล้ายพันธ์ุเรดซินดิ แต่มีขนาดใหญ่กว่าและให้นมมากกว่า ตัวผู้มีนําหนักประมาณ 500-600 กิโลกรัม ตัวเมียมีนําหนักประมาณ 400-450 กิโลกรัม โคนมพันธ์ุซาฮิวาลมีลําตัวยาวและลึก มีสีแดงและมีแต้มสีนําตาลและขาวอยู่ทัวไป มีเขาสัน เหนียงคอหย่อนยานมีตะโหนกใหญ่และ มกั จะเอียง เพราะมีนําหนักมากให้นมเฉลีย 2,500-3,000 กิโลกรัม/ระยะการให้นม ไขมนั ในนม ร้อยละ 4.3 ให้ลูกตวั แรกเมืออายุประมาณ 3 ปี สมบตั ิเดน่ คือ การทนร้อน ทนโรคและแมลงใน เขตร้อน เลียงง่ายทนตอ่ สภาพขาดแคลนอาหาร สามารถปรับตวั อย่ไู ด้ในสภาพการเลียงทีมีอาหาร หยาบคณุ ภาพตําได้ดี ภาพที 1.6 โคนมพนั ธ์ุซาฮวิ าล ทีมา: (กลมุ่ วจิ ยั และพฒั นาโคนม, 2553)

11 7. โคนมพันธ์ุไทยฟรีเซียน (Thai Friesian) เกษตรกรทวั ไปมกั เรียกโคนมพนั ธ์ุไทยฟรีเซียน (ภาพที 1.7) วา่ “ โคเลือดสงู ” หมายถึง โคนมลูกผสมทีมีเลือดโคนมพนั ธ์ุโฮลส์ไตน์ฟรีเชียนมากกว่าร้ อยละ 75 ปัจจุบนั เกษตรกรเลียง กันมากในจังหวัดสระบุรี นครราชสีมา ลพบุรี และราชบุรี โคพันธ์ุนีให้ ผลผลิตนํานม คอ่ นข้างสูง จากข้อมลู สําหรับฟาร์มทีมีการจัดการด้านอาหารอย่างเหมาะสมให้ผลผลิตนํานม เฉลียประมาณ 4,000–5,000 กิโลกรัม/ระยะการให้นม หรือผลผลิตนํานมในระยะให้นมสงู (peak) หลงั คลอดไม่ตํากว่า 15 กิโลกรัม โคพันธ์ุนีเหมาะสําหรับเกษตรกรทีมีประสบการณ์ในการเลียง โคนมมาแล้วสําหรับในส่วนของกรมปศสุ ตั ว์ได้มีการเลียงโคนมพนั ธ์ุไทยฟรีเชียน ทีศนู ย์วิจยั และ บํารุงพนั ธ์ุสตั ว์เชียงใหม่ ศูนย์วิจยั และบํารุงพันธ์ุสตั ว์สุราษฎร์ธานี ศูนย์วิจัยและบํารุงพนั ธ์ุสตั ว์ ทบั กวาง สถานีวิจัยทดสอบพนั ธ์ุสัตว์ปากช่อง สถานีวิจยั ทดสอบพันธ์ุสตั ว์สกลนคร สถานีวิจัย ทดสอบพนั ธ์ุสตั ว์สระแก้ว ภาพที 1.7 โคนมพนั ธ์ไุ ทยฟรีเซียน ทีมา: (กลมุ่ วจิ ยั และพฒั นาโคนม, 2553)

12 8. โคนมพนั ธ์ุที เอม็ แซด (Thai Milking Zebu: TMZ) โคนมพนั ธ์ุที เอ็ม แซด (ภาพที 1.8) เกษตรกรทวั ไปมกั เรียกว่า “โคเลือด 75” หมายถึง โคนมลกู ผสมทีมีเลือดโคนมพนั ธ์ุโฮลส์ไตน์ฟรีเชียนร้อยละ 75 สว่ นสายเลือดทีเหลืออีกร้อยละ 25 เป็นโคพนั ธ์ุซีบู โคพนั ธ์ุนีเหมาะสําหรับเกษตรกรรายใหม่ กล่มุ ทีได้มีการผสมพนั ธ์ุและคดั เลือกแล้ว ให้ผลผลิตนํานมเฉลียประมาณ 3,000–4,000 กิโลกรัม/ระยะการให้นม ในส่วนของกรมปศสุ ตั ว์ ได้มีการเลียงและศึกษาโคนมพันธ์ุนีทีศูนย์วิจัยและบํารุงพันธ์ุสัตว์ลําพญากลาง จังหวัด นครราชสีมา ภาพที 1.6 โคนมพนั ธ์ุที เอม็ แซด ทีมา: (กลมุ่ วจิ ยั และพฒั นาโคนม, 2553) ปัญหาของการผลติ นํานมดบิ ในประเทศไทย บญุ ศรี จงเสรีจิตต์ (2553, หน้า 3); แผนกฝึ กอบรม (2547, หน้า 7) กล่าวถึงปัญหาของ การผลิตนํานมดบิ ในประเทศไทยซงึ สามารถสรุปได้ดงั นี 1. ปัจจบุ นั ประเทศไทยยงั คงขาดแคลนพนั ธ์ุโคนมสําหรับใช้สง่ เสริมแก่เกษตรกรและได้ มีการนําเข้าพนั ธ์ุโคนมจากตา่ งประเทศมาทดแทนเป็นจํานวนมาก 2. ขาดการวิจยั และพฒั นาด้านการเลียงโคนมอย่างต่อเนืองและจริงจงั เช่น ด้านการ พฒั นาพนั ธ์ุโคนมทีเหมาะสมสําหรับประเทศไทย การจดั การทงุ่ หญ้าเลียงสตั ว์อยา่ งมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ทําให้ต้นทนุ การผลิตนํานมดบิ ของเกษตรกรสงู โคนมให้ผลผลิตตํา

13 3. เกษตรกรขาดการฝึ กอบรมและการให้คําแนะนําเกียวกับวิทยากรการเลียงโคนม สมยั ใหมอ่ ยา่ งตอ่ เนือง รวมทงั ยงั ขาดบคุ ลากรผ้มู ีความชํานาญด้านการสง่ เสริมและบริการ 4. เกษตรกรขาดเงินทุน ซึงอาจแก้ไขได้โดยให้เกษตรกรรวมตวั กนั เป็ นกล่มุ และผู้ให้กู้ เงินในรูปโครงการ คือผู้ก้จู ะต้องอย่ใู นโครงการทีมีการควบคมุ อย่างใกล้ชิดเพือให้มนั ใจว่าจะเลียง โคนมได้สําเร็จและมีเงินส่งคืนเงินกู้ การให้ทนุ อีกแบบหนึงอาจทําได้โดยให้กู้ในรูปของโคนม คือ แจกโคนมให้เกษตรกรแล้วหกั เก็บคา่ นมสง่ คืนและทําควบคกู่ บั การประกนั ภยั ให้โคนม 5. ขาดแคลนศนู ย์รับนํานมดบิ และรถขนสง่ นมทีจะบริการเกษตรกรได้อย่างทวั ถึง เพือ รวบรวมนํานมดบิ จากเกษตรกรสง่ ถึงโรงงานแปรรูปนํานมในสภาพทีดี 6. ตลาดนํานมดบิ ยงั ต้องแขง่ ขนั กบั นํานมคืนรูปจากตา่ งประเทศซึงมีราคาถกู กว่าราคา นํานมดบิ ในประเทศ เนืองจากประเทศผ้สู ง่ ออกให้ความชว่ ยเหลืออดุ หนนุ ชดเชยให้แก่ผ้สู ง่ ออก 7. มีหน่วยงานหลายแห่งทังภาครัฐบาลและภาคเอกชนเข้ามารับผิดชอบการเลียง โคนมซงึ แตล่ ะแหง่ มีอิสระตอ่ กนั จงึ เป็ นการยากทีจะกําหนดนโยบายโดยสว่ นรวมและควบคมุ ดแู ล แนวทางปฏิบตั ใิ ห้สอดคล้องกนั 8. ปัญหาด้านการบริหารจดั การฟาร์มโคนม ได้แก่ 8.1 ปัญหาด้านสภาพแวดล้อมไมเ่ หมาะสม 8.2 ปัญหาด้านคณุ ภาพการเลียงโคนม 8.3 ปัญหามาตรฐานฟาร์ม 8.4 ปัญหาต้นทุนค่าอาหารสูงโดยเฉพาะต้นทุนค่าอาหารข้นและขาดแคลน อาหารหยาบ 8.5 ปัญหาเกียวกบั ต้นทนุ แฝงทีเกิดจากการดาํ เนนิ งานทีไมม่ ีประสิทธิภาพ ปัจจบุ นั ตลาดนํานมดบิ มี 2 ตลาด คอื ตลาดนมโรงเรียนและตลาดนมพาณิชย์ ตลาดนม โรงเรียนมีสดั สว่ นคิดเป็ นร้อยละ 38.23 ของกําลงั การผลิตนํานมดิบทงั ปี และตลาดนมพาณิชย์มี สดั สว่ นคดิ เป็นร้อยละ 62.77 ของกําลงั การผลติ นํานมดบิ ทงั ปี นโยบายรัฐเกียวกับการส่งเสริมการเลียงโคนมและอุตสาหกรรมนม ประไพศรี ศริ ิจกั รวาล และอไุ รพร จิตต์แจ้ง (2549, หน้า 51-52); แผนกฝึ กอบรม (2547, หน้า 7-8) กลา่ วว่ารัฐบาลมีนโยบายสนบั สนนุ ให้มีการขยายการเลียงโคนมและการผลิตนํานมดิบ ให้เพียงพอตอ่ ความต้องการบริโภคในประเทศตลอดจนสง่ เสริมการนํานํานมดบิ ไปแปรรูปในระดบั

14 อตุ สาหกรรมในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพือลดการนําเข้าผลิตภัณฑ์นมและการขาดดลุ การค้ากับ ต่างประเทศ นอกจากนีเพือส่งเสริมอาชีพทีมีรายได้ดี มนั คงและกระจายรายได้ไปสู่เกษตรกรใน ชนบททีมีฐานะยากจน เป็ นการช่วยลดปัญหาการว่างงานและการเคลือนย้ายแรงงานจากชนบท เข้าสตู่ วั เมือง แนวทางการพฒั นาสง่ เสริมการเลียงโคนมและอตุ สาหกรรมนมทีสําคญั ของรัฐมีดงั นี 1. กําหนดเขตการเลียงโคนมให้ เหมาะสมและสอดคล้ องกับนโยบายรัฐและ สถานการณ์ดาํ เนินงานในเชิงเศรษฐกิจ 2. สง่ เสริมการเลียงโคนมเชิงการค้าให้แกเ่ กษตรกรในเขตการสง่ เสริมการเลียงโคนม 3. สนบั สนุนการรณรงค์เพือการบริโภคนมอย่างต่อเนือง เพือให้ประชาชนโดยเฉพาะ เด็กและเยาวชนในวยั ศกึ ษาได้เกิดความรู้ความเข้าใจเกียวกับคณุ ค่าทางอาหารนมหนั มาบริโภค เป็นอาหารประจําเพมิ ขนึ 4. แนะนําส่งเสริมและสนบั สนุนให้เกษตรกรรวมตวั กันเป็ นสหกรณ์เพือดําเนินธุรกิจ ด้านปัจจยั การผลิต การผสมเทียม การป้ องกนั รักษาโรค การรวบรวมขนสง่ และการตลาดนํานมดบิ รวมทงั โรงงานแปรรูปนม หากสหกรณ์มีความพร้อม 5. ส่งเสริมและสนบั สนนุ ให้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพฒั นาอตุ สาหกรรม โคนมในทุกขนั ตอนของการดําเนินการ นบั ตงั แตก่ ารส่งเสริมอาชีการเลียงโคนม การจดั ตงั ศนู ย์รับ นํานมและการขนสง่ ตลอดจนการจดั ตงั โรงงานแปรรูปผลติ ภณั ฑ์นมเพือรองรับผลผลติ 6. ดําเนินการวิจัยและพฒั นาปรับปรุงพนั ธ์ุโคนม การจัดการฟาร์ม การวิจยั ทดลอง ค้นคว้าด้านเทคโนโลยีการอาหารทีเกียวข้องกบั นมและการฝึกอบรมพฒั นากิจการโคนม 7. จดั ตงั องค์การกลางพัฒนากิจการโคนมและธุรกิจทีเกียวข้องเพือกําหนดนโยบาย แผนการผลิต การตลาด การแก้ไขปัญหา การกํากบั ดแู ลการดําเนนิ งานให้สอดคล้องกนั 8. โครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ดําเนินการโดยรัฐโอนอํานาจการจัดซือนม โรงเรียนให้กบั องค์การบริหารสว่ นตําบลเป็ นผู้ดําเนินการ เพือให้เด็กนกั เรียนได้ดืมนมฟรีตงั แตช่ นั เดก็ เลก็ จนถึงชนั ประถมศกึ ษาปี ที 4 ทกุ คน เป็นเวลา 200 วนั /ปี

15 อุตสาหกรรมนมของประเทศไทย สํานกั วิจยั เศรษฐกิจการเกษตร (2554, หน้า 41-42) กลา่ วถึงสถานการณ์อตุ สาหกรรม นมของประเทศไทยซงึ พอสรุปโดยสงั เขปได้ดงั นี นํานมดิบของเกษตรกรทีผลิตได้ในประเทศจะเข้า สโู่ รงงานแปรรูปเป็ นนมพร้อมดืมเกือบทงั หมด (ประมาณร้อยละ 97) เหลือเพียงร้อยละ 3 เข้าสู่ โรงงานผลิตเนยแข็ง ทังนีนมพร้ อมดืมแบ่งเป็ นสองตลาด ได้แก่ นมโรงเรียนและนมพาณิชย์ นอกจากนมพร้ อมดืมยังมีผลิตภัณฑ์นมชนิดอืน ได้แก่ นมข้น นมผง นมเปรียวและเนยแข็ง ซึง ผลิตภัณฑ์ดงั กล่าวต้องอาศยั การนําเข้านมผงซึงเป็ นวตั ถุดิบในการผลิตจากต่างประเทศ โดย ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็ นแหลง่ นําเข้าสําคญั คิดเป็ นสดั ส่วนร้อยละ 32 และร้อยละ 37 ตามลําดบั ในสว่ นของการส่งออกผลิตภณั ฑ์นม ไทยมีการส่งออกผลิตภณั ฑ์นมหลายชนิดแตส่ ่วน ใหญ่เป็นการ Re-export คอื นําเข้ามาเพือสง่ ออก สินค้าสง่ ออกสว่ นมากเป็ นนมผงขาดมนั เนย นม ข้นหวาน นมเปรียว โยเกิร์ต เป็ นต้น เป็ นการส่งออกไปยังประเทศใกล้เคียง เช่น สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว กมั พชู า พมา่ สงิ คโปร์ ฮอ่ งกงและฟิลิปปินส์ การนําเข้าผลิตภณั ฑ์นม ประเทศไทยนําเข้านมและผลิตภัณฑ์นมต่าง ๆ ในแตล่ ะปี เป็ น จํานวนกว่าแสนตันมูลค่ากว่าหมืนล้านบาท โดยมีนมผงขาดมันเนยเป็ นผลิตภัณฑ์นมนําเข้าที สําคญั และยงั คงมีสดั ส่วนการนําเข้าสงู กว่าผลิตภัณฑ์นมนําเข้าชนิดอืน คือ ประมาณร้อยละ 30 ของปริมาณนมและผลิตภณั ฑ์นมนําเข้าทงั หมด ทงั นีเนืองจากสามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้หลาย แบบ เชน่ ผลิตนมพร้อมดืม นมข้น ขนมปัง ไอศกรีมนมข้นหวาน ลกู กวาด ช็อกโกแลตและโยเกริต เป็ นต้น จากการจําแนกชนดิ โรงงานอตุ สาหกรรมทีเกียวข้องกบั ผลิตภณั ฑ์นมตามประเภทกิจการที ขอจดทะเบยี นกบั กรมโรงงานอตุ สาหกรรม พบวา่ โรงงานอตุ สาหกรรมทีเกียวข้องกบั ผลิตภณั ฑ์นม ซงึ มีจํานวนมากทีสดุ 5 ลําดบั แรก คือ โรงงานอตุ สาหกรรมผลิตไอศกรีม นมพาสเจอไรส์ นมเปรียว ถนอมนํานมสดโดยการฆา่ เชือและผลติ ภณั ฑ์นม (ไมร่ ะบชุ นิด) ตามลําดบั (ตารางที 1.3) จากสถิติการจําหน่ายผลิตภัณฑ์นมช่วง 5 ปี ทีผ่านมา (พ.ศ. 2550-2554) พบว่า ผลติ ภณั ฑ์นมพร้อมดืมมีปริมาณการจําหนา่ ยในประเทศและสง่ ออกสงู ทีสดุ รองลงมาคือนมเปรียว และไอศกรีม นอกจากนีในภาพรวมปริมาณการจําหน่ายผลิตภณั ฑ์นมเหล่านีมีปริมาณเพิมขึนทุก ปี ทงั การจําหนา่ ยในประเทศและตา่ งประเทศ (ตารางที 1.4)

16 ตารางที 1.3 จํานวนโรงงานอตุ สาหกรรมทีเกียวข้องกบั ผลิตภณั ฑ์นมจําแนกตามประเภทกิจการที ขอจดทะเบียนกบั กรมโรงงานอตุ สาหกรรม ประเภทกิจการ จํานวน (โรงงาน) ไอศกรีม 229 นมพาสเจอไรส์ 91 นมเปรียว 35 ถนอมนํานมสดโดยการฆา่ เชือ 28 ผลิตภณั ฑ์นม (ไมร่ ะบชุ นดิ ) 20 เนยเหลว 19 นมพร้ อมดมื 18 นมยู เอช ที (UHT) 13 เนยแขง็ 9 นมผง 8 นมระเหย 7 ครีมพาสเจอไรส์ 6 นมอดั เม็ด 4 โยเกิร์ต 4 นมสดสเตอริไลซ์ 3 ไอศกรีมโยเกิร์ต 3 เครืองดืมจากนําเวย์ 2 นมแปลงไขมนั 1 ครีมชีส 1 เต้าห้จู ากนมดบิ 1 ทีมา: (กรมโรงงานอตุ สาหกรรม, 2555)

17 ตารางที 1.4 สถิตกิ ารจําหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์นมในประเทศและสง่ ออกตงั แตป่ ี พ.ศ. 2550-2554 ผลิตภณั ฑ์/สถานทีจําหนา่ ย พ.ศ. (ปริมาณการจําหนา่ ย; ตนั ) 2550 2551 2552 2553 2554 นมพร้ อมดืม - ในประเทศ 534,820 505,296 566,393 601,868 598,228 - ตา่ งประเทศ 58,483 43,622 43,618 49,019 50,863 นมเปรียว - ในประเทศ 275,194 268,408 278,835 328,027 351,168 - ตา่ งประเทศ 739 672 867 1,095 9,965 ไอศกรีม - ในประเทศ 84,654 90,712 91,198 101,219 109,575 - ตา่ งประเทศ 7,636 9,205 10,182 15,170 11,485 ทีมา: (ดดั แปลงจากสํานกั งานเศรษฐกิจอตุ สาหกรรม, 2555) บทสรุป รอบ 5 ปี ทีผ่านมา (พ.ศ. 2550-2554) จํานวนโคนมในประเทศไทยในภาพรวมมีการ เพิมขึน จํานวนแม่โคตงั แต่ปี พ.ศ. 2552-2554 มีปริมาณเพิมขึนอย่างต่อเนืองทุกปี เป็ นผลให้ ปริมาณผลผลติ นํานมดิบเพิมขึนมากสอดคล้องกบั ปริมาณการบริโภคนมพร้อมดืมซงึ เพิมขึนอย่าง ตอ่ เนืองทกุ ปี ตงั แตป่ ี พ.ศ. 2552 เช่นกนั นอกจากนีสํานกั งานเศรษฐกิจการเกษตรยงั คาดคะเนว่า จํานวนโคนม จํานวนแม่โคนม ปริมาณผลผลิตนํานมดิบและปริมาณการบริโภคนมพร้ อมดืมใน ประเทศไทยมีปริมาณเพิมขึนมากกว่าปี พ.ศ. 2554 ประเทศไทยเป็ นผู้นําด้านการผลิตโคนมใน อาเซียน แต่ค่แู ข่งทีน่ากลวั สําหรับประเทศไทย คือ จีน ซึงมีจํานวนโคนมมากและมีรูปแบบการ เลียงคล้ายคลงึ กบั สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญีป่ นุ ซงึ มีสภาพการเลียงเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ มีโรงงาน นมผงจํานวนมากและสง่ มาจําหนา่ ยในประเทศไทยอีกด้วย พนั ธ์ุโคนมทีมีการเลียงเป็ นอาชีพในประเทศไทยจํานวนทงั สิน 8 พนั ธ์ุ ได้แก่ พนั ธ์ุโฮลส์ ไตน์ฟรีเซียน พันธ์ุเรดเดน พันธ์ุบราวน์สวิส พนั ธ์ุเจอร์ซี พนั ธ์ุเรดซินดี พนั ธ์ุซาฮิวาล พันธ์ุไทยฟรี เซียนและพนั ธ์ุที เอม็ แซด

18 ปัญหาของการผลิตนํานมดิบในประเทศไทย ได้แก่ ขาดแคลนพนั ธ์ุโคนม ขาดการวิจยั และพฒั นาด้านการเลียงโคนมอย่างต่อเนืองและจริงจัง เกษตรกรขาดการฝึ กอบรมและการให้ คําแนะนําเกียวกบั วทิ ยากรการเลียงโคนมสมยั ใหมอ่ ยา่ งตอ่ เนือง เกษตรกรขาดเงินทนุ ขาดแคลน ศนู ย์รับนํานมดบิ และรถขนสง่ นม ตลาดนํานมดบิ ยงั ต้องแข่งขนั กบั นํานมคืนรูปจากตา่ งประเทศซึง มีราคาถกู กว่าราคานํานมดิบในประเทศ มีหน่วยงานหลายแห่งทงั ภาครัฐบาลและภาคเอกชนเข้า มารับผิดชอบการเลียงโคนม จึงเป็ นการยากทีจะกําหนดนโยบายโดยส่วนรวมและควบคุมดูแล แนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกัน ปัญหาด้านการบริหารจัดการฟาร์มโคนม อย่างไรก็ตามรัฐมี นโยบายหลายด้านเกียวกบั การสง่ เสริมการเลียงโคนมและอตุ สาหกรรมนม นํานมดบิ ของเกษตรกรทีผลิตได้ในประเทศไมเ่ พียงพอสําหรับการผลิตผลิตภณั ฑ์นมจึง ต้องอาศยั การนําเข้านมผงซึงเป็ นวตั ถุดิบในการผลิตจากต่างประเทศ ในส่วนของการส่งออก ผลิตภัณฑ์นม ไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์นมหลายชนิดแต่ส่วนใหญ่เป็ นการ Re-export คือ นําเข้ามาเพือส่งออก สินค้าส่งออกสว่ นมากเป็ นนมผงขาดมนั เนย นมข้นหวาน นมเปรียว โยเกิร์ต เป็นต้น ประเทศไทยนําเข้านมผงขาดมนั เนยในปริมาณมากเพือนํามาเป็นวตั ถดุ บิ ในการผลติ สินค้า โรงงานอุตสาหกรรมทีเกี ยวข้ องกับผลิตภัณฑ์นมจําแนกตามประเภทกิจการทีขอจด ทะเบียนกบั กรมโรงงานอตุ สาหกรรมทีมีจํานวนมากทีสดุ 5 ลําดบั แรก คือ โรงงานอตุ สาหกรรมผลิต ไอศกรีม นมพาสเจอไรส์ นมเปรียว ถนอมนํานมสดโดยการฆ่าเชือและผลิตภณั ฑ์นม (ไม่ระบชุ นิด) ตามลําดบั สําหรับผลิตภัณฑ์นมพร้อมดืมมีปริมาณการจําหน่ายในประเทศและส่งออกสูงทีสุด รองลงมาคือนมเปรียวและไอศกรีม ปริมาณเพิมขึนทุกปี ทังการจําหน่ายในประเทศและ ตา่ งประเทศ คาํ ถามท้ายบท 1. สถานการณ์การผลติ นํานมดบิ และผลิตภณั ฑ์นมของประเทศไทยเป็นอยา่ งไร 2. พนั ธ์ุโคนมทีเลียงในประเทศไทยคอื อะไรบ้าง 3. ปัญหาการผลติ นํานมดบิ ในประเทศไทยคอื อะไรบ้าง 4. นโยบายรัฐทีเกียวข้องกบั การส่งเสริมการเลียงโคนมและอตุ สาหกรรมนมในประเทศไทยมี อะไรบ้าง 5. จํานวนโรงงานอตุ สาหกรรมนมและผลิตภณั ฑ์นมทีมีมากทีสดุ ในประเทศไทย 3 ลําดบั แรก คืออะไร

19 เอกสารอ้างองิ ธนั วา ไวบท. (2552). เทคโนโลยีการผลิตโคนม. นครสวรรค์: คณะเทคโนโลยีการเกษตรและ เทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั นครสวรรค์. บญุ ศรี จงเสรีจิตต์. (2553). จุลชีววิทยาของผลิตภัณฑ์นม. นครปฐม: โรงพมิ พ์มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. ประไพศรี ศริ ิจกั รวาล และอไุ รพร จติ ต์แจ้ง. (2549). นม คณุ คา่ ทางโภชนาการกบั การเจริญเตบิ โต ของเดก็ . วารสารจาร์พา. 13(88), 50-54. ฝึกอบรม, แผนก. (2547). การพฒั นาการเลียงโคนมในประเทศไทย. ใน สถาบนั วิจยั และพฒั นา โคนม (บก.), คู่มือการเลียงโคนม (หน้า 3-10). สระบรุ ี: องค์การสง่ เสริมกิจการโคนม แหง่ ประเทศไทย: ผ้แู ตง่ . วิจยั เศรษฐกิจการเกษตร, สํานกั . (2554). ทิศทางโคนมปี 54…กบั ความพร้อมในการแขง่ ขนั . สัตว์ เศรษฐกิจ, 28(649), 39-46: ผ้แู ตง่ . วจิ ยั และพฒั นาโคนม, กล่มุ (2553). พันธ์ุโคนม. [Online]. Available: http://www.dld.go.th/km/ th/index.php?option=com_content&view=article&id=2 7 3 : 2 0 1 0 -0 1 -0 1 -1 1 -4 8 - 23&catid=41:present-general&Itemid=59 [2555, 11 มีนาคม]: ผ้แู ตง่ . ศริ ิวฒั น์ อินทรมงคล ประสาร มณีรัตน์ โชค บลู กลุ และศรเทพ ธมั วาสร. (2553). โคเนือ-โคนมไทย ...แขง่ ขนั กบั เพือนบ้านได้จริงหรือ??? (ตอน โอกาสธุรกิจโคนมไทย). สัตว์เศรษฐกิจ, 27(627), 45-49. เศรษฐกิจการเกษตร, สํานกั งาน. (2555). จาํ นวนโคนมและผลผลติ นํานมดบิ ของไทย. [Online]. Available: www.2.oae.go.th [2555, 11 มีนาคม]: ผ้แู ตง่ . เศรษฐกิจอตุ สาหกรรม, สํานกั งาน. (2555). ปริมาณการผลติ อุตสาหกรรมรายผลติ ภณั ฑ์. [Online]. Available: www.oie.go.th/academic/statistics [2555, 11 มีนาคม]: ผ้แู ตง่ .


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook