Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แหล่งอารยธรรมโบราณในภูมิภาคเอเชีย 123456

แหล่งอารยธรรมโบราณในภูมิภาคเอเชีย 123456

Published by Whcdar92140, 2018-02-08 05:45:01

Description: แหล่งอารยธรรมโบราณในภูมิภาคเอเชีย 123456

Search

Read the Text Version

แหลง่ อารยธรรมโบราณในภมู ภิ าคเอเชยี 99 บาท



ภูมิภาคเอเชียดินแดนที่มีอารยธรรมท่ีเก่าแก่แห่งหน่ึงของโลกมีแหล่งอารยธรรมที่สาคญัไดแ้ ก่อารยธรรมลุ่มแม่น้าไทยกรีส-ยเู ฟรตีสในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ อารยธรรมลุ่มน้าฮวงโหในประเทศจีนและอารยธรรมลุ่มแม่น้าสินธุในประเทศอินเดีย ซ่ึงอารยธรรมในแต่ละแห่งเหล่าน้ีมีววิ ฒั นาการมาต้งั แต่สมยั ยคุ หินลกั ษณะสาคญั ของอารยธรรมในทวปี เอเชียมีลกั ษณะท่ีสาคญั ดงั น้ี อารยธรรมล่มุ นา้ ไทกรีส-ยูเฟรตีส หรืออรายธรรมเมโสโปเตเมียต้งั อยใู่ นบริเวณของท่ีราบลุ่มไทกรีสและแม่น้ายเู ฟรตีสที่มีความอุดมสมบูรณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต้หรือในประเทศอิรัก ปัจจุบนั ไดม้ ีชนเผา่ ต่างๆ ผลดั เปล่ียนกนั เขา้ มาสร้างความเจริญทางอารยธรรมใหก้ บั ดินแดนน้ีมาต้งั แต่คร้ังโบราณโดยอารยธรรมของชนเผา่ ท่ีไดส้ ร้างความเจริญรุ่งเรืองใหก้ บั เมโสโปเตเมียท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ ชาวสุเมเรียน ชาวอมอไรต์ ชาวแอสซีเรีย ชาวคาลเดียนชาวเปอร์เซีย และชาวอิบรู เป็นตน้

1. อารยธรรมของชาวสุเมเรีย ชาวสุเมเรียนเป็นชนเผา่ แรกที่เขา้ มาต้งั ถ่ินฐานในเมโสโปเตเมียเม่ือประมาณ4,000 ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช มีพฒั นาการทางการเมืองเร่ิมจากหมู่บา้ นก่อนจะขยายตวัเป็นชุมชน วดั มีพระเป็นผปู้ กครอง ศูนยก์ ลางการปกครองอยทู่ ี่วดั ต่อมาเม่ือชุมชนขยายตวั เป็นชุมชนใหญ่เกิดองคก์ ารเมืองแบนครรัฐ แต่ละนครรัฐเป็นอิสระไม่ข้ึนแก่กนั มีกษตั ริยเ์ ป็นผนู้ าชาวสุเมเรียนนบั ถือเทพเจา้ หลายองคแ์ ต่ละนครรัฐจะมีเทพเจา้ ประจานครรัฐ ชาวสุเมเรียนไดม้ ีการประดิษฐต์ วั อกั ษรลิ่มหรือคูนิฟอร์ม ข้ึนเพอ่ื ใชใ้ นการติดต่อสื่อสารกนั โดยไดบ้ นั ทึกลงในแผน่ ดินเหนียว วรรณกรรมของชาวสุเมเรียน คือ มหากาพย์กิลลาเมช กล่าวถึงการผจญภยั ของบรรพบุรุษพวกสุเมเรียน และมหากาพยเ์ อนลิล พรรณนาถึงการสร้างโลกและน้าท่วมโลก นอกจากจากน้นั ชาวสุเมเรียนยงั รู้จดั การสร้างระบบชลประทานอยา่ งง่าย เช่น การสร้างอ่างเกบ็ น้าเพือ่ ใชใ้ นการเกษตรกรรมเป็นตน้ ร็จกั การคิดเลขดว้ ยการบวกลบ คณู หาร การจดั ทาปฏิทินแบบจนั ทรคตทิ ่ีมีความสมั พนั ธ์กบั การเคลื่อนท่ีของดวงจนั ทร์ การรู้จกั นบั วนั และเวลาโดยกาหนดให้60นาทีเป็น ชวั่ โมงและ24ชวั่ โมงเป็น1วนั

2. อารยธรรมของชาวอมอโรต์ ชาวอมอไรตเ์ ป็นชนเผา่ ท่ีไดเ้ ขา้ มาสร้างความเจริญรุ่งเรืองในดินแดนเมโสโปเตเมียต่อจากชนเผา่ สุเมเรียน และขยายอาณาจกั รออกไปอยา่ งกวา้ งขวางสถาปนาจกั รวรรดิบาบิโลเนียข้ึนประมาณ2,000 ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช มีนครบาบิโลน เป็นศูนยก์ ลางการปกครอง กษตั ริยท์ ่ีสาคญั คือ พระเจา้ ฮมั มูราบี ผลงานสาคญั ของพระองค์ คือประมวลกฎหมายฮมั มูราบี ถือเป็นประมวลกฎหมายฉบบั แรกของโลกมีบทลงโทษเป็นแบบสนองตอบ หรือ “ตาต่อตา ฟันตอฟัน” มีการแบ่งชนช้นั ในสงั คมเป็นชนช้นั สูงชนช้นั กลางและชนช้นั ต่า 3. อารยธรรมของชาวแอสซีเรีย ชาวแอสซีเรียไดส้ ถาปนาจรั วรรณดิเเอสซีเรียข้ึนเมื่อประมาณ1,100 ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช มีศนู ยก์ ลางการปกครองอยทู่ ่ีเมืองนิเนอเวห์ ชาวแอสซีเรียมีความสามารถในการรบ สามารถขยายอาณาเขตไปไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง และมีกองทพั ที่แขง็ แกร่งมีระเบียบวนิ ยั ความเจริญของชาวแอสซีเรีย ไดแ้ ก่ การป้ันท้งั แบบนูนและลอยตวั มกั แสดงให้เห็นถึงสัดส่วนของร่างกายที่เป็นจริง การแกะสลกั ภาพนูนต่าท่ีแสดงการเคล่ือนไหวเหมือนธรรมชาติเป็ นตน้

4. อารยธรรมของชาวคาลเดียน พวกแคลเดียนสถาปนาจกั รวรรดิคาลเดียนหรือบาบิโลเนียใหม่ โดยมีกรุงบาบิโลเนียเป็นศนู ยก์ ลางการปกครอง เม่ือประมาณ612ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราชมีอารยธรรมที่สาคญั คือการสร้างสวนลอยแห่งบาบิโลนที่เป็นสิ่งมหศั จรรยส์ ่ิงหน่ึงของโลกนอกจากน้นั ชนเผา่ คาลเดียนยงั เป็นผทู้ ี่มีความรู้ทางดา้ นดาราศาสตร์และโหราศาสตร์เป็นอยา่ งดี 5. อารยธรรมของชาวเปอร์เซีย พวกเปอร์เซียเป็นชนเผา่ หน่ึงที่ไดส้ ร้างความเจริญรุ่งเรืองใหก้ บั ดินแดนเมโสโปเตเมีย เป็นบรรพบุรุษของชาวอิหร่าน ปัจจุบนั ไดม้ ีการสถาปนาอาณาจกั รเปอร์เซียมาต้งั แต่ประมาณ600ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราชทีความเจริญรุ่งเรืองสู.สุดในสมยั ของพระเจา้ ดาริดุส ความเจริญของชนเผา่ เปอร์เซียที่สาคญั ไดแ้ ก่ การรู้จกั การสร้างถนนเชื่อมระหวา่ งเมืองหลวงกบั ดินแดนต่างๆ ในอาณาจกั รมีความยาวถึง2,500 กิโลเมตร เพอ่ืควบคุมมณฆลต่างๆ ภายในจกั รวรรดิและเพื่อความสะดวกในการติดต่อคา้ ขายนอกนากน้นั ชาวเปอร์เซียยงั รู้จกั การประดิษฐต์ วั อกั ษรใชเ้ พ่ือการติดต่อสื่อสารกนั นบั ถือศาสนาโซโร- แอสเตอร์ซ่ึงนบั ถือไฟเป็นตน้

6. อารยธรรมของชาวฮิบรู ชาวฮิบรูหรือยวิ เป็นชนเผา่ ท่ีไดม้ าสร้างความเจริญรุ่งเรืองในดินแดนเมโสโปเตเมียอีกเผา่ หน่ึงเป็นเผา่ เร่ร่อนเผา่ หน่ึงในดินแดนเอเชียตะวนั ตกเฉียงใตพ้ ระเจา้ เดวดิ จึงสถาปนาอาณาจกั รฮิบรูข้ึนซ่ึงมีความเจริญระหวา่ ง มีศูนยก์ ลางการปกครองท่ีกรุงเยรูซาเลม็ และมีความเจริญสูงสุดในสมยั กษตั ริยโ์ ซโลมอน ซ่ึงมีความเจริญระหวา่ ง973-933 ปีก่อนคริสตศ์ กั ราชความเจริญรุ่งเรืองของชนเผา่ ฮิบรูไดแ้ ก่ความเจริญทางดา้ นศาสนา โดยศาสนายดู ายของชาวฮิปรูไดก้ ลายมาเป็นศาสนาคริสตท์ ่ีมีผนู้ บั ถือมากท่ีสุดในโลกปัจจุบนั 7. อารยธรรมล่มุ แม่นา้ สินธุ เป็นอารยธรรมที่เก่าแก่แห่งหน่ึงของโลกมีความเจริญอยู่ระหวา่ ง4,000-2,500 ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราชมีการคน้ พบซากเมืองโบราณในที่ราบลุ่มแม่น้าสินธุคือเมืองฮารัปปา และเมืองโมเฮนโจดาโร โยสิ่งท่ีไดค้ น้ พบที่สาคญั ไดเ้ ก่ซากเมืองที่มีการวางผงัเมืองเป็นอยา่ งดี ตดั ถนนอยา่ งเป็นระเบียบมีท่อระบายน้า และบ่อน้าสาธารณะ อาคารบา้ นเรือนของราษฎรมีการสร้างระเบียบ เคร่ืองมือทาดว้ ยกระดูกสตั ว์ อารยธรรมในดินแดนเอเชียใตท้ ่ีสร้างสรรคโ์ ดยชนเผา่ อารยนั สามารถแบ่งออกเป็นยคุ ต่างๆไดด้ งั น้ี

ยุคพระเวท (ประมาณ2,000-1,000 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช) คือ ช่วงแรกท่ีชาวอารยนัเร่ิมเข้ามาในอินเดีย กล่าวถงึ ความเป็นมาและวิถีชีวิตของชาวอารยนั วา่ สงั คมมีการแยกระหว่างพวกอารยนั และพวกดราวเิ ดียน มีการรวบรวมคมั ภีร์ฤคเวทซง่ึ เป็นบทสวดอ้อนวอนเทพเจ้าของชนเผา่ อารยยนั และมีการให้กาเนิดศาสนาพราหมณ์ ยคุ มหากาพย์ (ประมาณ1,000-500 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช) คือชว่ งท่ีชาวอารยนั ได้ขยายอานาจของตนไปยงั แคว้นต่างๆ มีการก่อตงั้ เมืองต่างๆ ทงั้ ขนาดใหญ่และขนาดเลก็ มีลกั ษณะคล้ายนครรัฐ เป็นอิสระไม่ขนึ ้ แก่กนั แตล่ ะเมืองมีกษัตริย์ปกครอง มีการนาระบบวรรณะมาใช้เพอื่ แบง่ แยกชาวอารยนั และพวกดราวเิ ดียน โดยแบ่งเป็น 4 วรรณะ คือ พราหมณ์หรือนกั บวช กษัตริย์หรือพวกนกั รบ แพทย์หรือพ่อค้า ชาวนาเจ้าของที่ดนิ และศทู ร หรือพวกทาสจณั ฑาล คือ ผ้ทู ่ีทาผดิ กฎเกณฑ์ของระบบวรรณะ มีการประดิษฐ์ภาษาสนั สกฤตและเกิดวรรณคดีขนึ ้ หลายเรื่อง เช่น มหากาพย์มหาภารตะและมหากาพย์รามายณะ เป็นต้นเช่ือในเรื่องตรีมรู ติ คือ การมีพระเจ้าสงู สดุ 3 พระองค์ได้แก่ พระพรหม(ผ้สู ร้าง) พระวิษณุ(ผ้รู ักษา) และพระศวิ ะ(ผ้ทู าลาย) เกิดคมั ภีร์ของพราหมณ์อีก 3 เล่มคือเรียกว่า ไตรเวทประกอบด้วยคมั ภีร์ สามเวทยชรุ เวทหรืออาถรรพเวท

ยุคฮนิ ดเู ก๋า (ประมาณ550-320 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช)เป็นยคุ ที่มีความเช่ือในเร่ืองท่ีพระมหากษัตริย์เป็นสมมตเิ ทพมีการกาเนิดพระพทุ ธศาสนาและมีการกาเนดิ ศาสนาเชน สมัยพระพุทธศาสนา (ประมาณ320-100 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช)เป็นชว่ งเวลาท่ีพระพทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สดุ ในสมัยจักรวรรดเิ มาริยะท่ีก่อตงั้โดยพระเจ้าจนั ทรคปุ ต์และสมยั ของพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสนบั สนนุ พระพทุ ธศาสนาโดยทรงส่งสมณทตู ออกไปเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาในดินแดนต่างๆ เป็นชว่ งเวลาท่ีพระพทุ ธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สดุ ในสมยั ของราชวงศ์พระเจ้ากนษิ กะทรงทานบุ ารุงพระพทุ ธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองตอ่ มาเป็นยคุ ท่ีมีการเผยแผค่ าสอนไปยงั เอเชียตะวนั ออก ได้แก่ จีน ญ่ีป่ นุ

ยคุ ฮนิ ดูใหม่ (ประมาณ ค.ศ.320-550) สมยั จกั รวรรดคิ ปุ ตะเป็นช่วงเวลาท่ีอนิ เดียมีการฟืน้ ฟศู าสนาพราหมณ์ขนึ ้ มาใหม่เป็นยคุ ทองของอินเดียท่ีมีความเจริญสงู สดุ ทงั้ ทางด่านการปกครอง เศรษฐกิจ สงั คม การปกครองอาณาจกั รมีความเป็นหนงึ่ เดียวกนั ทงั้ จกั รวรรดิ ศาสนาพราหมณ์ได้รับการปรบปรุงฟืน้ ฟคู าสอนและศาสนาพทุ ธยงั มีความเจริญรุ่งเรืองอย่ดู ้านวรรณคดีวา่ เป็นยคุ ทองของวรรณคดีสนั สกฤต เทพนยิ าย นิทาน สภุ าษิต สมัยราชวงศ์โมกลุ (ค.ศ.1526-1858) เป็นยคุ สมยั ท่ีอนิ เดียตกอย่ภู ายใต้การปกครองของชาวมสุ ลิมมีความเจริญรุ่งเรืองสงู สดุ ในสมยั พระเจ้าอกั บาร์มหาราช เป็นยคุสดุ ท้ายท่ีจะตกเป็นอาณานคิ มของประเทศองั กฤษมีความเจริญท่ีสาคญั ได้แก่งานทางสถาปัตยกรรม เป็นศลิ ปะผสมฮินดแู ละมองโลกที่มีชื่อเสียงคือทชั มากาล

อนิ เดยี ภายใต้การปกครองของประเทศอังกฤษ ในยคุ ของการลา่ อาณานิคมอินเดียได้ตกเป็นเมืองขนึ ้ ขององั กฤษมาเป็นเวลานานได้นาวิทยาการของชาติตะวนั ตกเข้ามาเผยแพร่ในอินเดีย การผ่อนคลายกฎระเบียบทางสงั คมและมีการยกเลกิ ประเพณีที่ไม่ได้รับการยอมรับเช่นการใช้มนษุ ย์บชู ายญั เป็นต้น สภาพสงั คม ระบบวรรณะท่ีเคยเข้มงวดในสงั คมอินเดียได้ผ่อนคลายลง มีการเลียนแบบวฒั นธรรมตะวนั ตกทงั้ การแต่งกาย การศกึ ษา ภาษาองั กฤษกลายเป็นภาษาราชการใช้ในอนิ เดีย องั กฤษได้ประกาศให้อิสรภาพแก่อินเดีย หลงัสงครามโลกครัง้ ท่ี 2 ในปี ค.ศ. 1948 8. อารยธรรมจีน อารยธรรมจีนเร่ิมปรากฏในบริเวณล่มุ แมน่ า้ เหลือง(แม่นา้ ฮวงโห) ประมาณ 2000 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช ได้พฒั นาระดบั ความเจริญจากชมุ ชนยคุหินใหมไ่ ปสคู่ วามเป็นปึกแผน่ ของรัฐเลก็ ๆ ก่อนจะรวมตวั กนั ในทางการเมืองเป็นอาณาจกั รและเป็นจกั รวรรดิในที่สดุอารยธรรมจนี ในสมัยก่อนประวัตศิ าสตร์ เป็นดินแดนที่มนษุ ย์เข้ามาอาศยั ตงั้ แต่สมยั ดกึดาบรรพ์ประมาณ ค.ศ. 1972 คือ โครงกระดกู มนษุ ย์ปักกิ่ง (Peking Man) ซงึ่ มีอยู่ประมาณ400000 สว่ นอารยธรรมในยคุ หนิ ใหม่ของจีน ได้ปรากฏจากการขดุ พบโบราณคดี2 แหง่

1. วฒั นธรรมหวางเซา (Yang-shao) เป็นอารยธรรมแห่งแรกของจีนต้งั อยใู่ นเขตท่ีราบลุ่ม แม่น้าหวงโห จนถึงแม่น้าแยงซีเกียง มีการขดุ พบซากโบราณวรรณคดีเคร่ืองป้ันดินเผาท่ีมี สีแดง ประดบั ประดาลวดลายเป็ฯเสน้ ตรง รู้จกั การทาเครื่องมือเคร่ืองใชจ้ ากทองแดง2. วฒั นธรรมลงุ ซาน (Lung-shan) พบในที่มณฑลชานตุงทางตะวนั ออกเฉียงเหนือของจีนมี การขดุ พบเคร่ืองป้ันดินเผาชนิดสามขาสีดาขดั มนั เป็นเงา อารยธรรมจีนในสมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์ เป็นยคุ สมยั ที่มนุษยม์ ีความสามารถในการ ประดิษฐต์ วั อกั ษร เพ่ือใชใ้ นการติดต่อซื่อสารกนั โดยเริ่มจากราชวงศช์ างเป็นตน้ มา ราชวงศ์ชาง(ประมาณ 1766- 1122 ก่อนคริสตศ์ กั ราช)เป็นราชวงศแ์ รกที่ปกครองจีนมี ความเจริญรุ่งเรืองที่สาคญั ไดแ้ ก่การปกครอง เป็นแบบนครรัฐ กษตั ริยผ์ นู้ าการปกครอง ทหารและเศรษฐกิจ มีอานาจเหนือการปกครองแควน้ ต่างๆ มีการประดิษฐป์ ฏิทินในระบบ จนั ทรคติมีการประดิษฐต์ วั อกั ษร การรู้จกั การใชส้ าริดมาประดิษฐเ์ ป็นเคร่ืองมือเครื่องใช้ เป็ นตน้

ราชวงศ์โจว( ประมาณ 1122-249ก่อนคริสตศ์ กั ราช)ยคุ สมมั ยราชวงศโ์ จวแบ่งเป็น 2ช่วงคือโจวตะวนั ตก (ประมาณ 770-256ก่อนคริสตศ์ กั ราช) มีศนู ยก์ ลางการปกครองอยทู่ ่ีเมืองล่อหยางมีความเจริญท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ แนวคิดที่ยกยอ่ งจกั รพรรดิใหเ้ ป็ฯโอรสแห่งสวรรค์ มีการนาระบบศกั ดินามาใชใ้ นสังคมจียคร้ังแรกและเป็นยคุ ที่ถือกาเนิดลกั ธิขงจื๊อ ผใู้ หก้ าเนิด คือขงจื๊อ ซ่ึงสอนในเร่ืองคุณธรรมและจริยธรรม เนน้ การปฏิบตั ิตนใหถ้ ูกตอ้ งกบั ฐานะในสังคมบุคคลมีหนา้ ที่ตอ้ งปฏิบตั ิตามหนา้ ท่ีตนอยใู่ หด้ ีท่ีสุดตามหนา้ ที่ของตน คือ ผปู้ กครองทาหนา้ ท่ีผปู้ กครอง ประชาชนทาหนา้ ท่ีของประชาชน เป็นตน้ พิธีกรรมและการบูชา เป็นการแสดงอออกท่ีดีของมนุษย์ คือ ความกตญั ํูรูคุณ และความเกรงกลวั ต่ออานาจของชาติ การทาพิธีนามาซ่ึงความเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั และลกั ธิเต๋าผกู้ ่อต้งั ลกั ธิเต๋า คือ เล่าจ้ือมีคาสอนใหร้ ู้จกั รักความสงบสันโดษดาเนินชีวติ สอดคลอ้ งกยั ธรรมชาติ ราชวงศ์ฉิน (221-206ก่อนคริสตศ์ กั ราช ) การปกครองยกเลิกการปกครองระบบศกั ดินานาการปกครองแบบรวมอานาจเขา้ สู่ศนู ยก์ ลางมีเมืองเซียนหยางเป็นเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง ท่ีสาคญั ไดแ้ ก่ การผลิตเงินตราแบบเดียวกนั เครื่องชงั่ ตวงวดั มาตรฐานเดียวกนัระเบียบการเกบ็ ภาษีท่ีดินใหเ้ ป็ฯระบบเดียวกนั มีการสารวจสามะโนประชากรคร้ังแรกเพื่อทราบจานวนไพล่พลท่ีแทจ้ ริงสร้างพระราชวงั อนั ใหญ่โตมโหฬาร รูปป้ันทหารและมา้ ทาดว้ ยดินเผามีลกั ษณะเหมือนส่ิงมีชีวติ และการสร้างกาแพงเมืองจีนเพอื่ ป้องกนั การรุกรานชาวชนเผา่ เร่ร่อนทางเหนือ เป็นตน้

ราชวงศ์ฮ่นั (202 ก่อนคริสต์ศกั ราช-ค.ศ.220) เจริญรุ่งเรืองสงู สดุ ในสมยัพระเจ้าหว่ตู ี ้(141-87 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช) พระองค์ทรงขยายดนิ แดนจีนออกไปกว้างขวาง มีการสอบคดั เลือกบคุ คลเป็นข้าราชการอาศยั ความรู้ความสามารถเป็นหลกั เป็นยคุ ทองการค้าของจีนมีการค้ากบั ตา่ งประเทศโดยใช้เส้นทางสายไหมและเป็นยคุ ที่พระพทุ ธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินเดียว ราชวงศ์ถงั (ค.ศ.618-907) เป็นยคุ ทองขอจีนที่มีความเจริญรุ่งเรืองในทกุ ๆด้านทงั้ ในด้านเศรษฐกิจ ทงั้ ในด้านเศรษฐกิจทางการค้า การเจริญรุ่งเรืองของพระพทุ ธศาสนามรการส่งเสริมทางด้านการศกึ ษามีการสอบจอหงวน เป็นยคุ ทองทางด้านวรรณกรรม มีความมน่ั คงในด้านการปกครอง ราชวงศ์ซ้อง (ค.ศ.960-1279) มีความเจริญก้าวหน้าในการเดนิ เรือสาเภาค้าขายทางทะเลและงานศลิ ปกรรมแขนงต่างๆ มีความก้าวหน้าในวทิ ยาการใหม่ๆหลายอย่างก่อนชาติตะวนั ตก เชน่ การใช้ลกู คิด การใช้เขม็ ทิศในการเดินเรือ การประดิษฐ์แทน่ พมิ พ์หนงั สือ มีการประดษิ ฐ์ดินปืน การผลติ ถ้วยกระเบือ้ งที่มีวามงดงามเป็นต้น

ราชวงศ์หยวน (ค.ศ.1279-1368) เป็นราชวงศ์ของชนเผา่ มองโกลท่ีเข้ามาปกครองจีน กษัตริย์ที่มีชื่อเสียง คือหงวนสีโจ๊วฮ่องเต้(หรือกบุ ไลขา่ น) เป็นสมยั ท่ีจีนมีความเข้มแขง็ ทางด้านการปกครองเป็นจกั รวรรดทิ ่ีย่งิ ใหญ่มีความเจริญทางด้านศลิ ปะการละครคืองวิ ้ ราชวงศ์หมงิ หรือเหมง็ (ค.ศ.1368-1644) เป็นสมยั ที่จีนรุ่งเรืองด้านการค้าและมีการฟืน้ ฟศู ลิ ปวฒั นธรรมสมยั ราชวงศ์ถงั ขนึ ้ มาใหมอ่ ีกครัง้ มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้ากบั ตา่ งประเทศ ความเจริญทางด้านการค้ากบัต่างประเทศ ความเจริญทางด้านวรรณกรรมท่ีนยิ มเขียนนวนิยายที่ใช้ภาษาพดูมากกว่ากรเขียน เป็นต้น ราชวงศ์เช็งหรือชิง (ค.ศ.1644-1912)เป็นชนเผ่าแมนจทู ี่เข้ามาปกครองจีนและเป็นราชวงศ์สดุ ท้ายของจีน ก่อนท่ีจะถกู ดร.ซนุ ยตั เซน ปฏวิ ตั ิเปล่ียนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐในปีค.ศ.1911 เป็นยคุ สมยั ท่ีจีนมีความเสื่อมถอยในทกุ ด้าน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook