Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Anatomy of urinary system

Anatomy of urinary system

Published by rungnapaarahung, 2021-02-24 08:14:03

Description: Anatomy of urinary system

Search

Read the Text Version

ANATOMY วิรญา อาระหัง OF URINARY SYSTEM กายวภิ าคศาสตรร์ ะบบทางเดินปสสาวะ

กายวิภาคศาสตรแ์ ละสรีรวิทยา 2 ระบบขบั ถา่ ยปัสสาวะ (The Uninary System) อ.วริ ญา อาระหงั

วตั ถปุ ระสงค์ 1.ระบุโครงสรา้ งของระบบขบั ถ่ายปสั สาวะได้ 2.ระบุหนา้ ทข่ี องอวัยวะในระบบขับถ่ายปสั สาวะได้

หนา้ ทข่ี องระบบขับถ่ายปัสสาวะ 1. รักษาสมดุลของรา่ งกาย โดยการควบคุมกรดดา่ ง ความเข้มขน้ และ ปริมาตรเลอื ด 2. ขบั ถา่ ยของเสยี จากเลอื ดออกมากบั ปสั สาวะ 3. สรา้ งฮอรโ์ มน เช่น rennin, erythropoietin

Components of the Urinary System 1. Kidney 2. Ureter 3. Urinary bladder 4. Urethra ท่ีมา https://training.seer.cancer.gov/anatomy/urinary/components/

Kidney (ไต) • Bean-shape • Brownish-red • Posterior abdominal wall • Retroperitoneal organ • T₁₂ - L₃ • Rt. kidney lower Lt. kidney • 130 g in weight • 11x7x3 cm. in size ท่ีมา https://sites.google.com/site/cystitisbcnu23/anatomy-physiology/anatomy-1-phaph-rwm

หนา้ ทขี่ องไต 1.ขบั ของเสยี ทีเ่ กิดจากการเผาผลาญของร่างกาย เช่น โปรตนี กลา้ มเนื้อ และ พิวรนี (purine) ออกทาง ปสั สาวะได้แก่ ยเู รีย กรดยูรกิ และ creatinine เป็นตน้ 2.ปรบั ความสมดุลของน้า ออสโมลาริตี อเิ ลก็ โทรไลต์ และกรด ดา่ ง 3.การสงั เคราะหไ์ ดแ้ ก่ - การเปลีย่ นวิตามินดีท่ีไม่ active เป็น active form เพ่อื ใช้ในการดดู ซึมแคลเซยี มจากล้าไสเ้ พิ่มขน้ึ และ กระดกู เป็นตัวเก็บแคลเซยี มไว้ - สรา้ ง erythropoietin กระตุน้ การสรา้ งเมด็ เลอื ดแดง - สร้าง prostaglanddin ที่มผี ลตอ่ การหดและขยายตัวของหลอดเลอื ด - สร้าง renin เพอ่ื ควบคมุ ความดันโลหิตผา่ นระบบ renin-angiotensin-aldosterone 4. อื่นๆ ไดแ้ ก่ - หนา้ ท่ีการขบั สารต่างๆออกจากร่างกายเชน่ ยาทกี่ นิ เพือ่ ใช้รกั ษาโรค สารเคมี - การควบคุมความดันโลหติ โดยการปรับโซเดยี มและน้า

โครงสรา้ งภายนอกของไต Renal hilum ไตประกอบด้วยพ้ืนผิวด้านหน้าและด้านหลัง ขอบด้านนอกและ ขอบด้านใน ขอบด้านนอกจะโค้งนูน ส่วนขอบด้านใน จะมีรอยเว้า Renal artery เรยี กว่าขัว้ ไต (renal hilum)เป็นทางผา่ นเข้าออกของ 3 โครงสรา้ ง Renal vien Ureter 1.ทางผ่านเขา้ ของหลอดเลอื ดแดงไต (renal artery) 2.ทางผา่ นออกของหลอดเลอื ดดาไต renal vein 3.ทอ่ ไต (ureter) ทม่ี า https://training.seer.cancer.gov/anatomy/urinary/components/ โดย renal vein มผี นงั บางวางตวั อยูห่ นา้ สดุ ตรงกลางเป็น renal artery ซงึ่ มีผนังหนากว่า renal vein ท่อไต (ureter) จะวางตวั อยู่ด้านหลังสุด และจะทอดลงด้านล่างเขา้ อุง้ เชิงกรานไปเปดิ เข้าส่กู ระเพาะปสั สาวะ (urinary bladder)

โครงสร้างภายนอกของไต ไตมเี ยอ่ื หุม้ มี 3 ชั้นได้แก่ 1. Renal fascia พังผืดไตอยู่ช้ันนอกสุด เป็นชั้นเนื้อเย่ือ เกีย่ วพนั ห่อหมุ้ ไตให้อย่กู ับที่โดยยึดตดิ กับผนงั ช่องท้องดา้ นหลงั 2. Perirenal fat เป็นชั้นไขมัน อยถู่ ัดจาก Renal fascia เข้า ไปดา้ นในเปน็ เสมอื นเบาะรองรบั แรงกระแทกทม่ี ีต่อไต 3. Renal capsule อยูช่ ้ันในสุดเป็นแผ่นเยอื่ เส้นใยที่เหนียว เรียบและใสท้าให้เห็นไตมีลักษณะมันวาว ท้าหน้าท่ีป้องกันเชื้อโรค ที่จะเข้าไปท่ีไต และปอ้ งกันการฉกี ขาดของไต

โครงสรา้ งภายในของไต เมื่อผา่ ไตเปน็ 2 ซกี ตามแนวยาว จะพบวา่ ภายในประกอบไปด้วย 2 สว่ น คือเน้อื ไตและท่อเดนิ ปสั สาวะภายในไต เนือ้ ไต ประกอบด้วย 2 ส่วน 1. renal cortex (เปลือกไต) เนอื้ ไตชน้ั นอก 2. renal medulla เน้ือไตช้นั ใน

ทอ่ ทางเดินปสั สาวะภายในไต ▪ renal cortex ทีแ่ ทรกอยู่ระหว่าง renal medulla เรยี ก renal column ▪ Renal pyramid รูปร่างคล้ายพัด 8-12 อัน อยใู่ น renal medulla ฐาน อยู่ดา้ นบนตดิ กบั renal cortex ยอดที่ลงดา้ นลา่ งเรยี ก renal papilla ▪ ท่อขนาดเลก็ ทค่ี รอบ renal papilla แตล่ ะอันเรยี กวา่ minor calyx ▪ minor calyx จา้ นวน 2-3 อนั จะรวมกันเป็น major calyx ▪ major calyx จะรวมตวั กนั เปดิ เข้าสู่ renal pelvis (กรวยไต) ▪ renal pelvis ผ่านออกจากไตทางท่อไต (ureter) ไปสู่กระเพาะปัสสาวะ (urinary bladder)



Human Kidney

Uriniferous tubule (ทอ่ นาปัสสาวะ) Uriniferous tubule (ทอ่ นาปสั สาวะ) ประกอบดว้ ยหน่วยไตและท่อไต 1.Nephrons (หน่วยไต) เป็นหนว่ ยยอ่ ยท่ีสดุ ทท่ี ้างานในการกรองของเสยี จากเลอื ดแบง่ เปน็ 2 ชนดิ 1.1 cortical nephrons เปน็ หนว่ ยไตท่อี ยูเ่ ปลือกไต (renal cortex) มี glomerulus (ขดหลอด เลือดฝอย) จ้านวนมาก และ Henle’s loop ส้นั อยูใ่ นrenal medulla ใกล้กับ renal cortex 1.2 juxtamedullary nephrons มี glomerulus อยูใ่ น renal cortexใกล้กบั renal cortex และ Henle’s loop ยาวอยู่ลกึ ลงใน renal medulla 2. ท่อไตรวม (Collecting duct) ท่อไตรวมต่อมาจากทอ่ ไตสว่ นปลาย โดยจดุ เรมิ่ ตน้ จะโคง้ จากน้ัน จะตรงยาวเขา้ สู่ medulla โดยปลายท่อจะใหญ่ เรียก papillary duct เปดิ เขา้ สู่ minor calyx ตรง renal papilla ใชด้ ดู นา้ กลบั ทอ่ นาปสั สาวะ คอื การเรยี กหนว่ ยไตและท่อไตรวมเข้าดว้ ยกัน

Uriniferous tubule (ทอ่ นาปสั สาวะ)

หน่วยไต (nephron) แบ่งเปน็ 2 ชนิด 1. cortical nephrons 1. juxtamedullary nephrons

หน่วยไต (nephron) องคป์ ระกอบของ Nephrons (หน่วยไต) 1.Renal Corpuscle ประกอบดว้ ย Glomerulus และ Bowman’s Capsule 1.1 Glomerulus เปน็ กลุ่มของขดเส้นเลือดฝอย ท้าหนา้ ที่ กรองสารขนาดเลก็ (โปรตนี ผา่ นไมไ่ ด้) แลว้ เทเข้าสู่ urinary space (Bowman’s space ) ซึง่ เปน็ ชอ่ งว่างระหว่างชน้ั Bowman’s Capsule 1.2 Bowman’s Capsule ประกอบดว้ ย parietal layer (ชน้ั นอก) และ visceral layer (ชน้ั ใน) ซึง่ ชนั้ ในมีเซลล์ podocytes ซึ่งท้าหนา้ ทีก่ รองเลือดแลว้ ส่งเข้าส่ชู อ่ งว่างตรง กลางระหว่างสองชน้ั คือ Bowman’s space 1.3 Mesangial cell พบทงั้ นอกและในโกลเมอรูลสั ทา้ หนา้ ท่ี macrophage

Renal Corpuscle 1. Bowman’s Capsule : ▪ parietal layer and visceral ▪ Layer (podocytes) 2. Glomerulus :fenestrated endothelium 3. Mesangial cell :macrophage

หนว่ ยไต (nephron) องค์ประกอบของ Nephrons (หนว่ ยไต) 2.renal tubule มีลกั ษณะเปน็ ทอ่ ประกอบด้วย 3 สว่ น 2.1 Proximal tubule ต่อจาก Bowman’s capsule มีการขด ตัวเรียกว่า Proximal convoluted tubule บุดว้ ย simple cuboidal epithelium และมี microvilli ย่ืนเขา้ ไปในท่อ ทา้ หนา้ ที่ ดดู กลับ Na, H2 O, Amino 2.2 Loop of Henle โคง้ รปู ตวั U มี 2 ชนดิ คือห่วงสนั้ และหว่ งยาว ประกอบด้วยหลอดไตฝอยสว่ นต้น (Proximal straight tubule ) ทอ่ บางขาลง (descending thin limb) จากนั้นท่อบางจะโคง้ เปน็ รูปตวั ยแู ละกลายเปน็ ทอ่ หนาขาข้ึน (thick ascending limb) ซึ่งตอ่ กับทอ่ หลอดไตฝอยสว่ นปลาย โดยหว่ งส้นั จะไมม่ ีทอ่ บางขาขนึ้ มหี น้าท่ีทา้ ใหป้ สั สาวะเขม้ ขน้ ขึ้น 2.3 Distal tubule มกี ารขดตวั เรยี กวา่ Distal convoluted tubule มี microvilli นอ้ ยและส้นั กว่า Proximal tubule ทา้ หนา้ ท่ี ดดู Na และน้ากลับ

เป็นกลไกควบคุมอตั ราการกรองโดยมกี ลมุ่ เซลล์พิเศษที่ Juxtaglomerular apparatus ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของน้ากรองโดย การหล่ังสารเคมีออกมาเปล่ียนแปลงขนาดของเส้นเลือดแดง ยอ่ ย arteriole โครงสร้างนพี้ บบรเิ วณ cortex ประกอบด้วย 1. Juxtaglomerular cell (JG cell) เป็นเซลล์กล้ามเนอื้ เรยี บใน tunica media ของ afferent ateriole เปลย่ี นรปู ร่างเป็นกลม ทา้ หนา้ ทสี่ ร้าง renin ซึง่ ทา้ ให้ เพ่มิ ความดันเลอื ด 2. Macula densa เกิดจาก distal tubule ทต่ี ิดกับ afferent ateriole เปลี่ยนเป็น columnar cell ถ้า Na ในเลอื ดตา่้ Macula densa จะไปกระตนุ้ JG cell ให้ หลงั่ rennin 3. Lacis xell (extraglomerular mesangial cell) อยู่ ใกลก้ บั Macula densa และ afferent ateriole ทา้ หน้าทส่ี รา้ ง erythropoietin

กลไก renin-angiotensin-pathway Juxtaglomerular apparatus ท้าหน้าท่ีในการควบคุม การเปล่ียนแปลงของปริมาตรและความดันเลือด ถ้าปริมาตรของ เลือดและสารน้านอกเซลล์ลดลง JG cell ท้าหน้าท่ีรับแรงดัน เลือดท่ีเปล่ียน (baroreceptor)หรือถ้าความเข้มข้นของโซเดียม ในเลือดลดลง Macula densa ท้าหน้าท่ีเป็นตัวรบั ความเข้มข้น เกลือแร่ที่เปลี่ยนแปลง (osmoreceptor) โดยไปกระตุ้น JG cell สร้างและหลง่ั renin ซ่งึ renin จะไปกระตุ้น angiotensinogen จากตับให้เปล่ียนไปเป็น angiotensin I ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็น angiotensin II โดย angiotensin converting enzyme (ACE) จากปอด ซงึ่ angiotensin II ทา้ ให้หลอดเลือดหดตัวเพม่ิ ความดัน เลือด นอกจากนั้นยังไปกระตุ้นเซลล์ที่ adrenal cortex ในชั้น zona glomerulosa ให้หล่ัง aldosterone ซ่ึงจะท้าให้หลอดไต ฝอยส่วนปลายมีการดูดโซเดียมกลับและน้ากลับจาก filtrate ท้า ให้ปริมาตรของเลือดและน้านอกเซลล์กลับสปู่ กติ

หลอดเลือดท่มี าเลย้ี งไต Inferior vena cava Aorta Renal artery Renal vein Segmental artery Interlobar vein Interlobar artery Arcuate vein Arcuate artery Interlobular vein Interlobular artery Peritubular capillaries and vasa recta Afferent arteriole Efferent arteriole Glomerulus

เสน้ ประสาททีเ่ ล้ยี งไต เสน้ ประสาททีม่ าเล้ยี งไตเปน็ แขนงมาจาก renal plexus - ประกอบไปดว้ ยระบบประสาทอตั โนมัติ sympathetics และ parasympathetics - เข้าสูไ่ ตโดยพันไปกับ renal artery แล้วแตกแขนงไปตามหลอดเลือดภายในไต - ท้าหน้าท่ีปรับขนาดหลอดเลือด ควบคุมการไหลเวียนของเลือดในไตโดยควบคุมการ ยืดหดของผนังหลอดเลอื ด - ระบบประสาท sympathetics มีผลไปชะลอการสร้างน้าปัสสาวะ ท้าให้ปัสสาวะ ลดลง - ระบบประสาท parasympathetics ไมม่ ีผลตอ่ ไต

ต่อมหมวกไต (Suprarenal gland หรอื Adrenal gland) ไมเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั ระบบขับถ่ายปสั สาวะ มี 2 ข้างวางตัวอยู่ด้านบนสุดของไต มีความหนาประมาณ 4 cm. โดยมี renal fascia หุ้นรอบ ประกอบดว้ ย 1.cortex สรา้ งสเตอรอยด์ฮอร์โมน (steroid hormone) 2.medulla หลั่งสารสื่อประสาท adrenaline และ noradrenaline ในระบบประสาทอัตโนมตั ิ sympathetics

ท่อไต (Ureter) • นา้ ปสั สาวะจาก renal pelvis มาเกบ็ ที่ urinary bladder • ยาวประมาณ 25 cm. • น้าปัสสาวะไหลผ่านท่อไตไดเ้ กดิ จาก 1 -การหดตวั ของกล้ามเนือ้ เรยี บทผ่ี นังท่อไต -แรงดนั ของน้าปัสสาวะ 2 -แรงดึงดดู ของโลก • บริเวณทีม่ ีโอกาสเกดิ นว่ิ อดุ ตันในท่อไต 3 1. renal pelvis ต่อกับ Ureter 2. Ureter ทอดข้าม pelvic brim และ iliac artery 3. Ureter เปิดเขา้ สู่ urinary bladder

1. mucosa บดุ ว้ ย transitional epithelium 2. Muscular coat ประกอบดว้ ยชั้นกลา้ มเน้ือเรียบ 2 ชั้น ช้ันในเรยี งตัวตามยาว ชนั้ นอกเรียงเป็นวง 3. Fibrous coat เนื้อเยือ่ เกี่ยวพนั หลวมๆ มี หลอดเลอื ด หลอดนา้ เหลอื งและเส้นประสาท

กระเพาะปัสสาวะ (Urinary bladder) - ความจุประมาณ 500 ml. - วางตัวอยูใ่ นอุ้งเชงิ กรานหลงั กระดกู หวั เหน่า (pubic symphysis) - ผูช้ ายวางตัวอยูห่ น้าต่อไสต้ รง (rectum) - ผหู้ ญิงอยู่หน้าต่อชอ่ งคลอด (vagina) และมดลูก (uterus) - ผูช้ ายถกู ยึดใหอ้ ยูก่ บั ทีด่ ้วยเสน้ เอ็น puboprostatic ligament - ผหู้ ญงิ ถูกยดึ ให้อยู่กับท่ดี ้วยเส้นเอน็ pubovesical ligament

รูปรา่ งของกระเพาะปัสสาวะ รปู รา่ งกลมมี 4 ดา้ น Apex Body Fundus Apex: ด้านบนและด้านข้างมาบรรจบกนั ดา้ นหน้า Neck มี median umbilical ligament ยึดไปตดิ กบั สะดอื Fundus: ดา้ นล่างตรงขา้ ม apex Body : อยรู่ ะหว่าง apex-fundus Neck: fundus และดา้ นขา้ งมาบรรจบกนั ด้านล่าง

ชน้ั ของกระเพาะปสั สาวะ 1.Transitional epithelial mucosa เม่ือกระเพาะปัสสาวะว่าง จะมกี ารยกตวั สงู ขึ้นเรยี ก rugae ยกเว้นบรเิ วณ urinary trigone 2. Muscular layer ประกอบด้วยกล้ามเนือ้ เรยี บ 3 ช้ัน ชื่อ detrusor muscle ใหม้ ีการยดื ขยายของกระเพาะปัสสาวะได้ บริเวณคอของกระเพาะปสั สาวะชน้ั น้จี ะมีการหนาตัวขนึ้ ทา้ หน้าท่ีหูรูดภายใน เรยี ก Internal urethral sphincter 3. fibrous adventitia เปน็ เน้อื เย่ือเก่ียวพันหลวม ๆ พบหลอด เลอื ด หลอดนา้ เหลอื ง เสน้ ประสาท Urinary trigone อยู่บริเวณฐานกระเพาะปัสสาวะเป็นสามเหลย่ี มควา่้ เกดิ จากการลากตอ่ จดุ โครงสรา้ งท่ี เปดิ เขา้ คอื ureter 2 จุดดา้ นบนกบั ทอ่ ปัสสาวะ เปิดออกดา้ นลา่ ง

กลา้ มเน้อื หรู ูดกระเพาะปสั สาวะ

เสน้ ประสาทท่เี ลี้ยงกระเพาะปสั สาวะ

Male ทอ่ ปสั สาวะ (Urethra) - ความยาวประมาณ 18-20 เซนติเมตร - น้าน้าปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะส่ภู ายนอกรา่ งกาย - เปน็ ทางผา่ นของนา้ อสจุ ิ (semen) 1. Prostatic urethra ผ่านตอ่ มลกู หมาก (prostate gland) ยาว 3 ซม. กว้างและมที ่อฉดี น้าอสจุ ิ (ejaculatory duct) มาเปดิ 2. Membranous urethra ส้นั และแคบทสี่ ุด 1-2 ซม. มี external urethral sphincter ซึ่งใชใ้ นการกลนั้ ปัสสาวะ 3. Spongy หรอื penile urethra ผา่ นเข้าในองคชาต (penis) จากน้ันจะว่งิ ตามความยาวขององคชาต บรเิ วณ glans penis เป็น external urethral orifice เปิดออกสู่ภายนอกร่างกาย

Female ท่อปัสสาวะ (Urethra) - ความยาวประมาณ 4 เซนติเมตร - น้าน้าปสั สาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะสภู่ ายนอกรา่ งกาย - เริ่มจากกระเพาะปสั สาวะผา่ นกล้ามเนอื้ ลาย urogenital diaphragm มี external urethral sphincter - เปิดออกสภู่ ายนอกบริเวณชอ่ งว่างระหว่างแคมเล็ก (labia minora somruk) โดยรูเปดิ ออกจะมีขนาดเลก็ แคบอยูด่ า้ นบนต่อช่องคลอด (vagina)

ทอ่ ปัสสาวะ (Urethra)

THANK YOU FOR JOINING TODAY'S CLASS.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook