Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เค้าโครงการสอนวิชาภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครุวิรัลพัชร ปัดถม

เค้าโครงการสอนวิชาภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครุวิรัลพัชร ปัดถม

Published by Yaow Wiranphatr, 2021-08-28 06:31:03

Description: เค้าโครงการสอนวิชาภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครุวิรัลพัชร ปัดถม

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑ เรื่อง คาสมาส เวลา ๑ ชัว่ โมง หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๔ เร่ือง สรา้ งคานาไปใช้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ขอบเขตเนอ้ื หา การสมาสคาบาลีสันสกฤต กิจกรรมการเรยี นรู้ ส่อื /แหล่งเรยี นรู้ ขน้ั นา ๑. บัตรคา จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ด้านความรู้ เสดจ็ เค้ก ศตวรรษ วชิ ชา กมิ จิ ยโู ด ๒. บัตรคาภาษาบาลแี ละสนั สกฤต อธิบายลกั ษณะของคาสมาส ครูติดบัตรคาบนกระดาน ถามนักเรียนว่า คาดังกล่าวมา ๓. ใบความรู้เรื่องคาสมาส ด้านทักษะและกระบวนการ จากภาษาอะไร เช่อื มโยงสเู่ รื่องการสมาสคาจากบาลสี นั สกฤต ภาระงาน/ช้ินงาน จบั ค่คู าและอธบิ ายความหมาย นกั เรยี นสมาสคาจากบาลสี นั สกฤตได้ถูกต้อง ด้านคุณลักษณะ ข้นั สอน ๑. ใฝ่เรียนรู้ ๑. นักเรยี นศึกษาใบความรู้เรอ่ื งคาสมาส ๒. ม่งุ ม่นั ในการทางาน ๒. ครูแจกบตั รคาบาลีและสันสกฤต ให้นักเรียน คนละ ๑ บตั ร คา จากนน้ั นาบตั รคาท่ีได้รบั มาจับค่กู นั พรอ้ มอธบิ ายความหมาย ของคาที่สรา้ งขนึ้ เชน่ คาวา่ “วรี ะ” และ “ชน” มารวมกัน ไดเ้ ป็น คาวา่ วีรชน ขน้ั สรปุ นักเรียนรว่ มกันสรปุ ลกั ษณะของคาสมาส ครูอธิบายความรู้ เพ่ิมเตมิ 330๓08๐0๘

301 309 ๓๐๙ การวัดและประเมินผล ส่ิงที่ตอ้ งการวัด/ประเมิน วธิ ีการ เคร่อื งมือท่ีใช้ เกณฑ์ แบบสงั เกตการตอบ รอ้ ยละ ๘๐ ผา่ นเกณฑ์ ด้านความรู้ สังเกตการตอบคาถาม คาถาม ถกู ต้องรอ้ ยละ ๘๐ อธิบายลกั ษณะของคาสมาส บัตรคา ขึ้นไป ด้านทกั ษะ/กระบวนการ สงั เกตการทากจิ กรรม นกั เรยี นสมาสคาจากบาลสี ันสกฤต การต่อบตั รคา ได้ถูกต้อง ด้านคุณลักษณะ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ได้ระดบั คุณภาพ ๒ ทกุ ๑. ใฝเ่ รยี นรู้ ด้านคณุ ลักษณะ รทากุ ยรกาายรกขา้ึนรไขปน้ึ ไถปอื วถา่อื วา่ ๒. ม่งุ ม่นั ในการทางาน ผา่ น 8. บันทกึ ผลหลงั สอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................................................................. ปัญหาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่ือ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันท่ี..........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผ้ทู ไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอื่ ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ.............

สปั ดาห์ หนว่ ยการ มาตรฐานตวั ชว้ี ดั / กจิ กรรมการเรยี นรู้ เวลา สื่อ/แหล่ง วธิ กี ารวดั และ ท่ี เรยี นรู้/ การบรู ณาการ ชม. เรียนรู้ ประเมนิ ผล ช่อื เร่อื ง 10 แนบท้าย แนบทา้ ย 17-20 5 ตัวชี้วดั ต้องรู้ แนบท้ายหน่วย หนว่ ย หนว่ ย คณุ ค่า ท ๕.๑ ม ๒/๑ วรรณคดี ม.๒/๒ ม.๒/๓ ม.๒/๔ ม.๒/๕ ตวั ช้ีวดั ควรรู้ - การบูรณาการ บรู ณาการไดก้ บั ทุก กลมุ่ สาระการ เรยี นรู้ดว้ ยการอ่าน ฟัง ดู พดู วิเคราะห์ วิจารณ์แสดงความ คดิ เหน็ ความรูส้ ึก ตอ่ วรรณคดี วิเคราะห์คุณคา่ เรอ่ื งที่อน่ื ๆ ประยุกตใ์ ช้ใน ชวี ิตประจาวนั (บรู ณาการกบั คุณลักษณะอันพึง ประสงค์ สมรรถนะ สาคญั ของผู้เรยี น การอา่ น คิด วิเคราะห์ และเขยี น และหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 4. สอ่ื แหล่งเรยี นรู้ และเอกสารประกอบการสอน 4.1 สื่อ แนบทา้ ยหนว่ ย 4.2 แหล่งเรยี นรู้ แนบทา้ ยหนว่ ย 4.3 เอกสารประกอบการสอน แนบทา้ ยหน่วย

๓3๕๔5446 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๕ ชือ่ หนว่ ยการเรยี นรู้ คณุ คา่ งานวรรณคดี รหัสวิชา ท ๒๒๑๐๑ รายวชิ าภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เวลา ๑๑ ชว่ั โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ๑. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วัด สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐานการเรยี นรู้ ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเหน็ วจิ ารณ์วรรณคดี และวรรณกรรมไทย อย่างเห็นคณุ คา่ และ นำ�ามมาาปปรระะยยกุ ุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จริง ตวั ช้ีวัด ม.๒/๑ สรุปเนอ้ื หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมที่อ่านในระดับทยี่ ากข้ึน ม.๒/๒ วเิ คราะห์และวจิ ารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิน่ ท่ีอ่าน พรอ้ มยกเหตุผลประกอบ ม.๒/๓ อธิบายคุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน ม.๒/๔ สรปุ ความรู้และข้อคิดจากการอ่านไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ ม.๒/๕ ท่องจำ�าบบททอาขยานตามทก่ี ำ�าหหนนดดแแลละะบบททรร้อ้อยยกกรรอองงททีม่ ี่มีคคี ุณณุ คค่าา่ ตตาามมคคววาามมสสนนใใจจ ๒.สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด วรรณคดีและวรรณกรรมเป็นบันทึกทางสังคมและสะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในคทณุ ั้งคค่าุณค่า ดา้ นอารมณ์และคุณคา่ ทางความคดิ นาไปพฒั นาคุณภาพชวี ติ ของตนเอง สังคม และประเทศชาติยคุ ๆ นน้ั ผ่านตัวลยะุครนทั้นี่สๆร้าผง่าตนามตจัวินลตะนคารกทาี่สรรข้าองงตผาู้แมตจ่งินผตู้เรนียานกคาวรรขศอึกงษผาู้แเรตีย่งนผรู้เู้ถรึีงยคนุณคคว่ารแศลึกะษคาวเารมียงนดรงู้าถมึงทคุาณงคภ่าษแลา ะ ตคลวอามดงจดนงคาุณมคท่าใงนภแางษ่มาุมตตล่าองดๆจนเพคุื่ณอใคห่า้เใกนิดแคงว่มาุมตซ่างบซๆึ้งผเพูกื่อพใันหก้เักบิดเอคกวลาักมษซณาบ์ขซอึ้งงผคูกวพามันเกปับ็นเไอทกยลรัก่วษมณก์ขันอ- ง อคนวาุรมักเษป์แน็ ลไทะสยืบรส่วามนกมันรอดนกรุ อักันษล์แํ้าลคะ่าสนบื ี้ใสหา้คนงมอรยดู่คกู่คอวนั าลมํ้าาเคปคา่ ่า็นนไ้ีใทใี้หหยค้ ้คตงอลยอ่คูดคู่ ไปวามเปน็ ไทยตลอดไป ๓. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ ๑. มีความรู้และเข้าใจในการสรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรม ๒. บอกข้อคดิ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรมได้ ๓. อธิบายคณุ ค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมได้ ๔. บอกประโยชนท์ ่ีได้จากการวเิ คราะหค์ ณุ คา่ วรรณคดวี รรณกรรมที่สามารถน�ำ าไปปรบั ใชไ้ ด้ ทกั ษะ/กระบวนการ ๑. สรุปเนือ้ หาวรรณคดแี ละวรรณกรรมได้ ๒. บอกข้อคดิ ที่ได้จากการอ่าน และน�ำ าไไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จริงได้ ๓. วเิ คราะห์คุณคา่ วรรณคดแี ละวรรณกรรมได้ เจตคติ ๑. ตระหนักและเหน็ คุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรม ๒. มคี วามรับผดิ ชอบ

๓๕๕34575 ๔. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ๑. ความส๑า.มคาวราถมในสกามาราสรถื่อใสนากรารสื่อสาร ๒. ความส๒า.มคาวราถมในสกามาราครถิดในการคิด ๓. ความส๓า.มคาวราถมในสกามาราแรถกใป้ นัญกหาราแกป้ ัญหา 5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ๓3. มงุ่ ม่ันในการท�ำ างาน ๔.มมีจจี ติ ิตสสาาธธาารรณณะะ ๕.มมีเเีจจตตคคตติททิ ่ีด่ดี ตี ตี ่ออ่ กกาารรออา่ ่านน 6. การประเมินผลรวบยอด ชน้ิื งานหรือภาระงาน ใบงาในบเงราื่อนงเรก่ือางรวกเิ คารวาิเะคหร์คาุณะหค์คา่ ุณทาคงา่ วทรารงณวครรดณีแลคะดวีแรลระณวกรรณรมกรรม

๓๕๖ ๓3๕๖4586 เกณฑเกก์ ณารฑป์กราะรเปมรินะผเมลชินนิ้ผงลาชนิ้นหงราอืนภหารรือะภงารนะงาน ประเปมรินะเรเมื่อินงเกร่ือารงวกิเคาราวะเิ คหรค์ าุณะหค์คา่ ทุณาคง่าวทรารงณวครรดณีแลคะดวแี รลระณวกรรณรมกรรม ประเปดร็นะกเาดร็นการ ระดบั รคะุณดับภคาุณพภาพ ประเปมรนิ ะเมนิ ๔ ๔(ดีมา(กด)ีมาก) ๓ (ด๓ี) (ดี) ๒ (พ๒อใ(ชพ้)อใช้) ๑ (ป๑รับ(ปรุงบั )ปรุง) ๑.กา๑รส.กราปุ รสรปุ มสี ารมะสี สาราะคสัญ�ำ าคคญั ญั มสี ารมะีสสาราะคสัญ�ำ าคคญั ญั มีสารมะีสสาราะคสัญ�ำ าคคญั ญั มีสารมะีสสาราะคสญั �ำ าคคญั ญั สาระสสาราะคสญั ำ�าคคัญญั ถกู ต้อถงกู ตตา้อมงปตราะมเปดร็นะเดถน็ กู ต้อถงกู ตตา้อมงปตราะมเปดร็นะเดถ็นูกต้อถงกู ตตา้อมงปตราะมเปดรน็ ะเดถน็ ูกต้อถงกู ตตา้อมงปตราะมเปดร็นะเด็น ทีต่ อ้ งทก่ตี าอ้ รงทกงั้ าหรมทด้งั หมดเป็นสเ่วปนน็ ใสห่วญน่ใหญ่ เปน็ บเปาง็นสบ่วานงส่วน เป็นสเ่วปน็นนส้อว่ ยนน้อย ๒.กา๒รน.การเสนนำ�าอเเสสนนออ มีการมนกี ารเสนำ�อาเสเสนอ มีการมนีการเสนำ�อาเสเสนอ มกี ารมนกี ารเสนำ�อาเเสสนอ มีการมนกี ารเสนน�ำ อาเสเสนอ ความคควดิ าสมคาดิคญสั แำ�าคลคัญะั แลคะวามคควิดาสมคาดิคญสั แ�ำ าคตคัญ่ ั แตค่ วามคควิดาสมคาดิคญสั บำ�าคาคญังั บาคงวามคควดิ าสมคาิดคญสั ำ�แาคตคญั่ ั แต่ มีการมขีกยาารยขคยวาายมคทวี่ ามทข่ี าดกขาารดขกยาารยขคยวาายมควาปมระเปดรน็ ะขเดา็นดกขาารดการไมช่ ดั ไเมจช่นดั ขเจานดกขาารดการ ท าใหทผ้ �ำ อู้ าใา่ใหน้ผเู้อก่าิดนเกดิ บางสบว่ านงทส่ีทวนาทใหที่ ้ �ำ าใหใ ้ ขยายขคยวาายมควมาีขม้อมลูีขอ้ มขูลยายขคยวาายมควมาีขมอ้ มูลีข้อมูล ความคเชวาือ่ มมเัน่ชใ่อื นมผัน่ ลในผลผอู้ า่ นผไอู้ ดา่ ้รนบั ไขดอ้ ร้ มบั ูลขไ้อมม่ ูลไบมา่ งสบ่วานงสแ่วตน่ไมแ่ ต่ไม่ บางสบ่วานงสแ่วตนไ่ มแ่ ตไ่ ม่ ของกขาอรงศกึกาษราศึกษา ชดั เจชนดั ขเาจดนคขวาาดมความ ชดั เจชนดั เจน ชดั เจชนดั เจน เชอื่ มเ่ันชใ่อื นมผน่ั ลใขนอผงลของ การศกกึ าษราศกึ ษา ๓.กา๓รใ.กชา้ภราใษชา้ภาษา ๑.ใชถ้๑อ้.ใยชค้ถ้อายสคา�ำ นาสนสว�ำ นาวนน๑ว.ใชถ้๑้อ.ใยชค้ถอ้ ายสคา�ำ นาสนสว�ำ นาวน๑นว.ใชถ้๑อ้.ใยชคถ้ ้อายสคา�ำ นาสนสว�ำ นาวนนใวช้ถ้อใยชค้ถอ้ ายสคา�ำ นาสนสว�ำ นาวนนว ถกู ต้อถงูกเตห้อมงาเะหสมมาะสม ถกู ต้อถงูกเตห้อมงาเะหสมมาะสม ถกู ต้อถงกู เตห้อมงาเะหสมมาะสม ถูกต้อถงูกเตห้อมงาเะหสมมาะสม ๒.พูด๒แ.ลพะูดเแขลยี ะนเสขื่อยี นส่ือ๒.พดู ๒แ.ลพะดู เแขลียะนเสข่ือียนส่ือ๒.พดู ๒แ.ลพะดู เแขลยี ะนเสข่ือยี นสื่อ ความคหวมาามยหไมดา้ ยได้ ความคหวมาามยหไมดา้ ยได้ ความคหวมาามยหไมดา้ ยได้ ชดั เจชนัดเจน ชดั เจชนดั เจน ชดั เจชนดั เจน ๓.ใช้ภ๓า.ใษชา้ภถาูกษตา้อถงกู ตอ้ ง๓.ใช้ภ๓า.ใษชา้ภถากู ษตาอ้ ถงูกตอ้ ง ๔.มมี ๔า.รมยมี าาทรใยนากทาใรนการ พูดแลพะูดเแขลียะนเขยี น ๔.กา๔รว.กิเคาราวะเิ คหร์ าะห์ วเิ คราวะเิ คหรไ์ าดะ้ หไ์ ด้ วเิ คราวะิเคหร์ไาดะ้ ห์ได้ วเิ คราวะเิ คหร์ไาดะ้ไหม์ไ่ ด้ไม่ วเิ คราวะเิ คหร์ไาดะ้ไหมไ์่ ด้ไม่ คุณคค่าทณุ าคงา่ วทรารงณวครรดณี คคดรี อบคครลอุมบแคละุมมแี ละมี ครอบคครลอุมบแคตล่ขุมาแดตข่ าดครอบคครลอุมบแคละุมขแาลดะขาดครอบคครลอุมบแคละุมไแมลม่ ะี ไมม่ ี และวแรลระณวกรรรณมกรรม รายลระาเยอลียะดเทอกุยี แดงท่ ุกแงร่ ายลระาเยอลียะดเบอายี งดบาง รายลระาเยอลยี ะดเอียด รายลระาเยอลยี ะดเอยี ด ทกุ มมุทุกมมุ ประเบปดาร็นงะปเดรน็ ะเด็น เกณฑเก์กณารฑต์กัดาสรนิตดั สิน คะแนคนะแน๑น๒ –๑๑๒๖– ๑๖ หมายหถมงึ ายดถีมึงากดมี าก คะแนคนะแนน๘– ๑๘๑– ๑๑ หมายหถมึงายดถี งึ ดี คะแนคนะแนน๔– ๗๔– ๗ หมายหถมงึ ายพถองึ ใชพ้ อใช้ คะแนคนะแนน๑– ๓๑– ๓ หมายหถมึงายปถรึงบั ปรงุบั ปรงุ เกณฑเก์กณารฑผ์ก่าานรผา่ ตนัง้ แตตร่ ง้ั ะแดตบั ่ระพดอับใชพ้ขอ้นึ ใไชป้ขน้ึ ไป

๓๕๗357349 แบบประเมิน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คำชแี้ จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดับคะแนน คณุ ลักษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงคด์ ำ้ น 4321 1. รกั ชำติ ศำสน์ 1.1 ยนื ตรงเมื่อไดย้ ินเพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้ และอธิบาย ความหมายของเพลงชาติ กษัตริย์ 1.2 ปฏิบัตติ นและชักชวนผูอ้ น่ื ปฏบิ ัตติ ามสิทธิและหนา้ ท่ีของ พลเมือง 2. ซื่อสัตย์ สจุ รติ 1.3 ให้ความร่วมมือ ร่วมใจ ในการทากจิ กรรมกบั สมาชกิ ใน 3. มีวนิ ัย รับผิดชอบ โรงเรยี น ชุมชนและสงั คม 4. ใฝ่เรียนรู้ 1.4 เปน็ ผนู้ าหรือเปน็ แบบอย่างในการจดั กจิ กรรมท่ีสร้างความ 5. อยอู่ ยำ่ งพอเพยี ง สามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชนต์ ่อโรงเรยี น ชมุ ชนและสงั คม ช่นื ชม ปกป้องความเป็นชาติไทย 1.5 เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทตี่ นนับถือ ปฏบิ ัติตนตามหลัก ของศาสนาและเป็นตวั อย่างที่ดีของศาสนกิ ชน 1.6 เข้ารว่ มกจิ กรรมและมสี ว่ นร่วมในการจัดกจิ กรรมทีเ่ ก่ียวข้อง กับสถาบันพระมหากษัตรยิ ต์ ามทีโ่ รงเรียนและชุมชนจดั ขน้ึ ช่ืนชม ในพระราชกรณียกิจพระปรชี าสามารถของพระมหากษตั ริย์และ พระราชวงศ์ 2.1 ใหข้ ้อมลู ทีถ่ ูกตอ้ ง และเป็นจรงิ 2.2 ปฏิบตั ิในส่ิงทถี่ กู ตอ้ ง ละอายและเกรงกลัวท่จี ะกระทา ความผิดทาตามสัญญาท่ีตนให้ไว้กับเพื่อน พ่อแม่ หรือผู้ปกครอง และครู เป็นแบบอยา่ งท่ดี ดี า้ นความซื่อสัตย์ 2.3 ปฏิบัตติ นต่อผู้อืน่ ด้วยความซื่อตรง ไมห่ าประโยชนใ์ นทางที่ ไม่ถูกต้องและเป็นแบบอยา่ งทด่ี ีแก่เพอ่ื นดา้ นความซื่อสัตย์ 3.1 ปฏิบตั ติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คบั ของ ครอบครัวโรงเรยี น และสงั คม ไมล่ ะเมิดสิทธิของผูอ้ นื่ ตรงต่อ เวลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจาวนั แลรบั ผิดชอบ ในการทางาน ปฏบิ ตั ิเปน็ ปกติวิสยั และเปน็ แบบอยา่ งท่ดี ี 4.1 แสวงหาข้อมูลจากแหลง่ การเรยี นรู้ต่างๆ 4.2 มีการจดบันทึกความรู้อย่างเป็นระบบ 4.3 สรุปความร้ไู ด้อยา่ งมีเหตุผล 5.1 ใช้ทรพั ย์สินของตนเอง เชน่ สง่ิ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อย่าง ประหยดั คุ้มคา่ และเกบ็ รักษาดแู ลอยา่ งดี และใชเ้ วลาอยา่ ง เหมาะสม

๓3๕3๘5580 คุณลักษณะ รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน อันพงึ ประสงคด์ ำ้ น 5.2 ใชท้ รพั ยากรของส่วนรวมอย่างประหยัด คุ้มค่า และเก็บ 4321 รกั ษาดูแลอย่างดี 6. มุง่ มน่ั ในกำร 5.3 ปฏบิ ัติตนและตดั สินใจด้วยความรอบคอบ มีเหตุผล ทำงำน 5.4 ไมเ่ อาเปรยี บผูอ้ น่ื และไมท่ าให้ผ้อู ืน่ เดือดร้อน พร้อมให้อภัย 7. รกั ควำมเป็นไทย เมื่อผู้อน่ื กระทาผดิ พลาด 8. มีจติ สำธำรณะ 5.5 วางแผนการเรยี น การทางานและการใชช้ ีวิตประจาวันบน บพน้ื พฐาื้นนฐขานองขคอวงาคมวราู้มขร้อู้ มขูลอ้ มขูลา่ วขสา่ าวรสาร 5.6 รู้เท่าทนั การเปล่ียนแปลง ทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และปรบั ตัว อย่รู ว่ มกับผอู้ ่นื ได้อย่างมีความสขุ 6.1 เอาใจใส่ต่อการปฏิบตั ิหนา้ ที่ที่ได้รับมอบหมาย 6.2 ตงั้ ใจและรบั ผดิ ชอบในการทางานใหส้ าเรจ็ 6.3 ปรบั ปรงุ และพฒั นาการทางานอยา่ งรอบคอบ 6.4 ทมุ่ เท ทางาน อดทน ไม่ท้อต่อปญั หาและอุปสรรค 6.5 พยายามแก้ปัญหาและอปุ สรรคในการทางานใหส้ าเร็จ 6.6 ชนื่ ชมผลงานความสาเรจ็ ด้วยความภาคภูมใิ จ 7.1 มจี ติ สานึกในการอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 อาสาทางาน ชว่ ยคิด ช่วยทา แบง่ ปันสงิ่ ของ ทรัพยส์ นิ และ อน่ื ๆๆพพรร้อ้อมมชช่วว่ ยยแแกกป้ ป้ ญั ัญหหาา 8.3 ดแู ล รกั ษาทรัพยส์ ินของห้องเรียน โรงเรยี น ชมุ ชน 8.4 เข้าร่วมกจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ของ โรงเรยี น ชุมชนเพื่อแก้ปัญหาหรือรว่ มสร้างสิง่ ท่ดี ีงามตาม สถานการณ์ท่ีเกิดข้นึ ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน เกณฑก์ ำรให้คะแนน ............../.................../................ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน

๓๕๙3519 แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน กลุ่มท่.ี ............................. ๒..................................................... สมาชิกของกลุม่ ๑...................................................... ๔..................................................... ๖..................................................... ๓...................................................... ๕...................................................... คุณภำพกำรปฏิบตั ิ ๔๓๒๑ ลำดบั ที่ รำยกำรประเมนิ รวม ๑ ความถกู ตอ้ งของเนอื้ หา ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมิน ๒ การใชภ้ าษา ............../.................../............... ๓ วธิ กี ารนาเสนอ เกณฑ์กำรตดั สนิ คุณภำพ ๔ ความคดิ สร้างสรรค์ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภำพ 5 การมีสว่ นรว่ มในการทางาน ๑๘--๒๒๐o ดีมาก ๑๔ – ๑๗ ดี เกณฑก์ ำรให้คะแนน ๔ ๑๐ – ๑๓ พอใช้ ดีมาก = ๓ ตา่ กว่า ๑๐ ปรับปรงุ ดี = ๒ พอใช้ = ๑ ปรับปรุง =

แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลมุ่ ลำดบั ท่ี ชือ่ – สกลุ ควำมตรงตอ่ เวลำ กำรแสดงควำม กำรรับฟังควำม กำรตัง้ ใจทำงำน กำรร่วมปรับปรุง รวม 20 ของผรู้ ับกำรประเมนิ คดิ เหน็ คดิ เห็น ผลงำนกล่มุ คะแนน 4321432143214321432 1 เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน 4 เกณฑ์กำรตดั สนิ คณุ ภำพ ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ดีมาก = 3 ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภำพ ............../.................../................ ดี = 2 ๑1๘8--2๒0o ดีมาก หมายเหตุ ครอู าจใชว้ ธิ ีการมอบหมายใหห้ ัวหนา้ กลมุ่ เปน็ ผปู้ ระเมิน หรอื ให้ตวั แทนกลมุ่ ผลัด พอใช้ = 1 ๑1๔4- 1๑7๗ ดี กนั ประเมิน หรือใหม้ ีการประเมินโดยเพ่อื น โดยตัวนักเรยี นเอง ตามความเหมาะสมก็ได้ ปรับปรุง = ๑1o0--1๑3๓ พอใช้ หรือให้มกี ารประเมินโดยเพ่ือน โดยตวั นกั เรียนเอง ตามความเหมาะสมกไ็ ด้ 33๖3๐5620 ตํ่ากวา่ ๑1o0 ปรับปรุง

3๖๑335631 แบบประเมินกำรอำ่ นทำนองเสนำะ รายการประเมนิ / ระดบั คุณภาพ ความถกู ต้องชดั เจน การออกเสยี งอกั ขระ จงั หวะลีลาและ การทอดเสยี ง ผอ่ นเสยี ง ความ ช่อื คล่องแคลว่ และควบกลา้ การเว้นวรรค การใชอ้ ัตราเรว็ เหมาะสม คดิ เหน็ กับเน้ือหาตลอดเร่ือง ๔ ๓ ๒๑ ๔๓๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ผู้ประเมนิ ...............................................

33๖๒6524 เกณฑ์คณุ ภำพ รำยกำรประเมนิ ดมี ำก (๔) ดี(๓) พอใช้(๒) ปรับปรุง(๑) ๑. ควำมถกู ต้อง อ่านถูกตอ้ งตามหลกั อา่ นถูกตอ้ งตาม อ่านถูกต้องตาม อ่านถูกต้องตาม ชัดเจนคลอ่ งแคล่ว การอา่ นทานองเสนาะ หลกั การอ่าน หลกั การอ่าน หลักการอ่าน ทัง้ หมด นา้ เสยี งชดั เจน ทานองเสนาะ ทานองเสนาะ ทานองเสนาะ มีความคล่องแคล่วใน เป็นส่วนใหญ่ พอใช้ได้ โดยมีคา นอ้ ย โดยมีคาท่ี การอา่ น โดยมีสว่ นทอ่ี า่ น ท่ีอา่ นผดิ ๔–๗ อ่านผดิ มากกว่า ผิด น้อยกวา่ ๔ แหง่ น้าเสยี ง ๗ แหง่ นา้ เสียงไม่ แห่ง นา้ เสยี ง ชัดเจนบางช่วง แต่ ชดั เจน และขาด ชัดเจน และ ขาดความ ความคล่องแคล่ว มีความ คล่องแคล่วใน ในการอ่าน คลอ่ งแคล่ว การอา่ น ในการอ่าน ๒.กำรออกเสยี ง ออกเสียงอักขระและ ออกเสียงอักขระ ออกเสียงอักขระ ออกเสยี งอักขระ อักขระและคำควบ คาควบกล้าถูกต้องทุกคา และคาควบกล้า และคาควบกลา้ และคาควบกล้า กล้ำ ถกู ต้องเปน็ สว่ น ถกู ต้องพอใช้ โดย ถูกต้องนอ้ ย โดยมี ใหญ่ โดยมีท่ี มคี าท่ีอา่ นผิด คาทอ่ี ่านผิด อ่านผิดนอ้ ยกวา่ ๔ – ๗ คา มากกว่า ๗ คา ๔ คา ๓. จังหวะ ลลี ำและ มีจงั หวะลีลาและ มจี ังหวะลีลาและ มจี ังหวะลีลาและ มจี ังหวะลีลาและ กำรเวน้ วรรค การเวน้ วรรคถกู ต้อง การเวน้ วรรค การเว้นวรรค การเว้นวรรค ไม่ ถูกต้องเปน็ ส่วน ถูกตอ้ งเปน็ บางชว่ ง ถกู ต้อง มากกว่า ใหญ่ โดยมีทผ่ี ดิ โดยมีทีผ่ ิดมากกวา่ ๔ แหง่ ไม่เกิน ๒ แหง่ ๒ แห่ง แตไ่ ม่เกนิ ๔ แห่ง ๔. กำรทอดเสียง ผอ่ น มีการทอดเสียง มกี ารทอดเสียง มีการทอดเสยี ง มกี ารทอดเสยี ง เสียง กำรใช้อัตรำเร็ว ผอ่ นเสยี ง ใชอ้ ัตราเรว็ ผ่อนเสียง ใช้ ผอ่ นเสยี งใช้ ผ่อนเสียง ใช้ เหมำะสมกบั เนอื้ หำ เหมาะสมกับเนือ้ หา อตั ราเร็ว อตั ราเร็ว เหมาะสม อตั ราเร็ว ตลอดเร่ือง ตลอดเร่ือง เหมาะสมกบั กับเนอ้ื หาเปน็ บาง เหมาะสมกับ เนอ้ื หาเป็นส่วน ช่วง โดยมีท่ผี ดิ เนือ้ หาน้อย โดยมี ใหญ่ โดยมีทผี่ ิด มากกวา่ ๒ แห่ง แต่ ทีผ่ ิดมากกว่า ไม่เกิน ๒ แหง่ ไม่เกนิ ๔ แหง่ ๔ แห่ง เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ๑๔ - ๑๖ คะแนน อยู่ในระดับ ดีมาก ๑๑ - ๑๓ คะแนน อยู่ในระดับ ดี ๘ - ๑๐ คะแนน อยู่ในระดับ พอใช้ ๐ - ๗ คะแนน อยู่ในระดับ ปรับปรงุ

3๖๓35635 แบบสังเกตพฤตกิ รรม กำรทำงำนรำยบคุ คล คำช้แี จง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด  ลงใน ช่องที่ตรงกับระดับคะแนน ลำดบั ท่ี ชอ่ื -สกุล ควำมมีวินยั ควำมมนี ้ำใจ กำรรบั ฟงั ควำม กำรแสดงควำม กำรตรงตอ่ เวลำ รวม ของผู้รบั กำร 4321 เอ้ือเฟือ้ คิดเหน็ คดิ เหน็ 20 เสียสละ คะแนน ประเมนิ 4321 4321 43214321 ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมิน ............../.................../................ เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ เกณฑก์ ำรตดั สนิ คุณภำพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภำพ 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ตา่ กว่า 10 ปรบั ปรุง

หน่วยการเรียนรทู ี่ ๕ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๑ เร่อื ง บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนวิศวกรรมา ๑ เวลา ๑ ชวั่ โมง กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย เรอื่ ง คุณค่างานวรรณคดี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ รายวชิ าภาษาไทย ขอบเขตเน้ือหา กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือ/แหลง เรยี นรู ประวัตผิ ู้แตง่ วรรณคดบี ทเสภาสามคั คีเสวก ตอน ขั้นนาํ ๑. ใบความรู เรื่องเรื่องประวตั ผิ ูทรงพระราช วศิ วกรรมาและสามัคคเี สวก ๑. นักเรียนอานบทประพนั ธ ดงั ตอ ไปน้ี นพิ นธ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนวิศวกรร จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ “อันชาตใิ ดไรช างชํานาญศลิ ป เหมือนนารนิ ไรโฉมบรรโลมสงา ” มาและสามคั คเี สวก ด้านความรู้ ๒. นกั เรียนและครูรว มกันสนทนาถงึ บทประพันธที่กลา วขางตน วามา ๒. ใบงาน เร่อื ง ประวตั ิผูแตงบทเสภา ประวัติผู้แต่งของวรรณคดบี ทเสภาสามคั คเี สวก จากวรรณคดีเรอื่ งใดและใครเปนผูประพนั ธบ ทเสภาสามคั คเี สวก สามัคคเี สวก ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคี ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคเี สวก ตอนวิศวกรรมาและสามคั คีเสวก เสวก ดา นทักษะและกระบวนการ (ตอบ บทเสภาสามัคคีเสวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคีเสวก อธิบายเกยี่ วกบั ประวัตผิ ู แตงของวรรณคดีบ ท -พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา เจาอยหู วั ) ภาระงาน/ชน้ิ งาน เสภา สามคั คเี สวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคี ขนั้ สอน สมดุ บนั ทึกนามปากกาผแู ตง เสวก ๑. นักเรียนศกึ ษาประวตั ิผแู ตงจากใบความรูเรอื่ งประวตั ผิ ทู รง ดา นคณุ ลกั ษณะ พระราชนิพนธ และรวมกนั สนทนาถึงประวัตขิ องผูแตงบทเสภา ๑. รกั ชาติ ศาสน กษัตรยิ  สามคั คีเสวก ตอนวศิ วกรรมาและสามัคคีเสวก ๒. ใฝเรียนรู ๒. นกั เรียนตั้งคาํ ถามเก่ียวกบั ประวัตขิ องผแู ตงและผลงานของผแู ตง ๓. มงุ มัน่ ในการทาํ งาน รวมถึงนามปากกาท่นี กั เรียนคนุ เคย ๔. มเี จตคตทิ ่ีดีตอ การอาน ๓. ครใู หน ักเรยี นทําใบงาน เร่ือง ประวตั ิผแู ตงบทเสภาสามคั คีเสวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคเี สวก โดยการตอบคาํ ถามส้นั ๆ ข้นั สรุป ๑. นกั เรยี นและครรู วมกนั อภิปรายและสรุปความรูเ กี่ยวกับประวัติ ผู แตง บทเสภาสามคั คีเสวก ตอนวิศวกรรมาและสามัคคเี สวก ครูให นกั เรยี นรวบรวมนามปากกาของผูแตง ทมี่ ที งั้ หมด 36๓๖4๔ 356

335675 3๖๕ การวัดและประเมินผล สง่ิ ท่ีต้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เครื่องมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ การตอบคาถาม คาถาม ผ่านเกณฑร์ ะดับพอใช้ บอกประวัตคิ วามเป็นมา ประวัติ ขน้ึ ไปผ่าน ผู้แตง่ ของวรรณคดบี ทเสภา การตอบคาถาม คาถาม สามัคคีเสวก ตอนวศิ วกรรมาได้ การตอบคำ�ถาม ค�ำ ถาม ผลจากการตอบคาถาม ผา่ น ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ เกณฑร์ ้อยละ ๘๐ อธบิ ายเกีย่ วกับประวัตผิ ูแ้ ตง่ ของ สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมนิ วรรณคดีบทเสภาสามัคคีเสวก คณุ ลกั ษณะ ได้ผลจากการสังเกต ตอนวิศวกรรมาและสามัคคเี สวก อนั พงึ ประสงค์ คณุ ลกั ษณะไม่ต่ากวา่ ระดับ ดานคณุ ลกั ษณะ ๓ ๑. รักชาติ ศาสน กษตั รยิ  ๒. ใฝเรยี นรู ๓. มงุ ม่นั ในการทํางาน ๔. มีเจตคตทิ ่ีดตี อการอาน 8. บนั ทึกผลหลงั สอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค .................................................................................................................................................... ...................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงช่อื ......................................ผู้สอน (.......................................................) วนั ที.่ .........เดอื น..........พ.ศ............. ๙. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผูบ้ ริหารหรือผ้ทู ่ีไดรับมอบหมาย ......................................................................................................................................... .................................. ลงชอื่ ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วันท่ี..........เดือน..........พ.ศ............

5. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ อัตราส่วนคะแนนระหว่างภาค : ปลายภาค (70 : 30) 5.1 คะแนนระหว่างภาค 70 คะแนน 1) คะแนนกอ่ นกลางภาค .........25............คะแนน ตัวชี้วดั ท1.1 ท1.1 ท2.1 ท2.1 ท2.1 ท3.1 ท3.1 ท3.1 ท4.1 รวม ม2/1 ม2/2 ม2/2 ม2/3 ม2/4 ม2/1 ม2/2 ม2/4 ม2/1 คะแนน 10 10 10 10 10 10 10 10 10 25 วธิ กี าร/เครอื่ งมือวัดและประเมินผลประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ จากการอา่ น การเขยี น การฟัง การดูและการพูด ตามแบบเคร่อื งมือการประเมินและใช้แบบทดสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลอื ก ใช้ Google form นาคะแนนรวมแล้วเฉลี่ย 2) คะแนนกลางภาค ..........20...........คะแนน ตัวชี้วัด ท1.1 ท1.1 ท2.1 ท2.1 ท2.1 ท3.1 ท3.1 ท4.1 รวม ม2/1 ม2/2 ม2/2 ม2/3 ม2/4 ม2/1 ม2/2 ม2/1 20 คะแนน 10 10 10 5 5 5 5 10 วธิ ีการ/เครอื่ งมือวดั และประเมนิ ผลแบบทดสอบแบบเลือกตอบ 4 ตวั เลือก ใช้ Google form นาคะแนนรวมแลว้ เฉลย่ี 3) คะแนนหลงั กลางภาค ..........25...........คะแนน ตวั ชว้ี ดั ท1.1 ท2.1 ท3.1 ท4.1 ท4.1 ท5.1 ท5.1 ท5.1 ท5.1 รวม ม2/7 ม2/7 ม2/3 ม2/2 ม2/3 ม2/1 ม2/2 ม2/3 ม2/4 คะแนน 10 10 10 10 10 10 10 10 10 25 วธิ กี าร/เครื่องมือวดั และประเมินผลประเมนิ ผลตามสภาพจริงจากการอ่าน การเขียน การฟงั การดู และการพดู ตามแบบเครื่องมือการประเมินและใชแ้ บบทดสอบแบบเลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก ใช้ Google form นาคะแนนรวมแลว้ เฉลี่ย 5.2 คะแนนปลายภาค 30 คะแนน ตัวชี้วดั ท1.1 ท1.1 ท2.1 ท2.1 ท4.1 ท4.1 ท4.1 ท5.1 ท5.1 รวม ม2/1 ม2/2 ม2/3 ม2/4 ม2/1 ม2/2 ม2/3 ม2/3 ม2/4 คะแนน 5 5 5 5 5 10 10 5 10 30 วธิ กี าร/เครือ่ งมือวัดและประเมนิ ผลแบบทดสอบแบบเลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก ใช้ Google form นาคะแนนรวมแลว้ เฉล่ีย

5.3 เกณฑก์ ารตดั สนิ ผลการเรียน การตัดสนิ ผลการเรยี น ตดั สินผลการเรียนเปน็ รายวิชากาหนดเปน็ ระดบั ผลการเรยี น 8 ระดับ คือ 4 หมายถงึ ผลการเรยี นดีเยีย่ ม (80 - 100 คะแนน) 3.5 หมายถงึ ผลการเรยี นดีมาก (75 - 79 คะแนน) 3 หมายถงึ ผลการเรยี นดี (70 - 74 คะแนน) 2.5 หมายถงึ ผลการเรียนค่อนข้างดี (65 - 69 คะแนน) 2 หมายถึง ผลการเรียนนา่ พอใจ (60 - 64 คะแนน) 1.5 หมายถงึ ผลการเรยี นพอใช้ (55 - 59 คะแนน) 1 หมายถงึ ผลการเรียนผ่านเกณฑ์ขัน้ ต่า (50 - 54 คะแนน) 0 หมายถงึ ผลการเรียนตา่ กวา่ เกณฑ์ (0- 49 คะแนน) 6. การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ ดงั นี้ 6.1 ระบุลักษณะ/ภาระงาน วธิ ีการ และเครอ่ื งมอื ประเมนิ ของแตล่ ะรายวิชา คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ วิธีการ เครื่องมอื 1. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แนบทา้ ยหน่วย แนบท้ายหนว่ ย 2. ซื่อสตั ย์สุจริต 3. มีวนิ ัย 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 5. อยอู่ ย่างพอเพียง 6. ม่งุ มัน่ ในการทางาน 7. รักความเปน็ ไทย 8. มีจิตสาธารณะ 6.2 เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น เกณฑ์ระดบั คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ มี 4 ระดับ ไดแ้ ก่ ระดับ 0, 1, 2 และ 3 มีความหมาย ดงั น้ี ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง ดีเยี่ยม ระดบั คุณภาพ 2 หมายถงึ ดี ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ ผา่ น ระดับคุณภาพ 0 หมายถงึ ไม่ผา่ น

7. การประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน ดังน้ี 7.1 ระบลุ กั ษณะ/ภาระงาน วธิ ีการ และเครอ่ื งมือประเมินของแต่ละรายวิชา แนบทา้ ยหนว่ ย 7.2 เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน มี 4 ระดบั ดงั นี้ ดเี ยย่ี ม หมายถงึ มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียนที่มี คุณภาพดเี ลิศอยเู่ สมอ ดี หมายถงึ มีผลงานทแ่ี สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนท่ีมี คุณภาพเป็นท่ียอมรบั ผา่ น หมายถึง มผี ลงานท่แี สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียนที่มี ขอ้ บกพร่องบางประการ ไมผ่ า่ น หมายถึง ไม่มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขยี น หรอื ถ้า มผี ลงาน ผลงานนัน้ ยงั มีข้อบกพร่องท่ีต้องได้รบั การปรบั ปรุงแก้ไขหลาย ประการ (อธิบายเพิม่ เตมิ : เน่ืองจากการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน เป็นการแสดงความสามารถในภาพรวมท่ีต่อเน่อื งกนั โดยเรม่ิ ด้วยการอา่ น การ คดิ วเิ คราะห์จากสาระท่ีอ่าน และเขยี นสะทอ้ นความคดิ ที่ได้จากการอา่ น ดังนน้ั จงึ เป็นหน้าทข่ี องครทู ่ตี อ้ งจดั กจิ กรรมการเรียนรูท้ ่ีส่งเสริมใหู้เู้ รียนรู้ วธิ กี ารอ่านอย่างมีจดุ มุง่ หมาย สามารถคดิ วเิ คราะหเ์ รอ่ื งท่อี ่าน และนามาเขียนสือ่ ความใหู้ ้อู น่ื เขา้ ใจได้ ดังน้ัน ถา้ ครูตอ้ งการทราบวา่ ูู้เรียนมี ความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียนตามตวั ช้ีวดั ของแต่ละระดบั ชนั้ หรือไม่ จาเป็นจะต้องประเมินจากูลงานที่เกดิ จากการเขยี น เพราะ ูลงานการเขียนจะเป็นูลูลิตขน้ั สุดทา้ ยที่ปรากฏให้เห็น โดยคานึงถึงประเด็นสาคัญ ดังนี้ 1. การกาหนดลกั ษณะและภาระงาน สอ่ื ทค่ี รูกาหนดหรอื ใหู้ ู้เรยี นเลอื กอา่ น ต้องเป็นสอื่ ทีส่ อดคล้องกบั ขอบเขตการประเมินตามตัวช้วี ดั ใน แตล่ ะระดับช้ัน การกาหนดเง่ือนไขของภาระงานต้องตรงกบั ประเด็นการตรวจสอบและการใชป้ ระเด็นคาถามตอ้ งกระตนุ้ ใหู้ ูเ้ รยี นไดแ้ สดงออกถงึ ความรูค้ วามเขา้ ใจ ความคิดเกยี่ วกบั ส่ิงทอี่ ่านและสามารถถา่ ยทอดความคิดของตนเองดว้ ยการเขยี น 2. วธิ กี ารและเครอ่ื งมอื ประเมิน เนน้ ใหู้ เู้ รยี นไดป้ ฏิบัติจริง เปิดโอกาสใหู้เู้ รยี นประเมนิ ตนเอง เพื่อนประเมิน โดยการพูดคุย ถาม-ตอบปาก เปล่า การตรวจูลงาน หรอื การทดสอบโดยการสอบขอ้ เขยี น 3. การใหข้ ้อมูลยอ้ นกลับแกู่ เู้ รยี นระหว่างการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ เพือ่ เป็นการปรบั ปรุงพฒั นาและดูความกา้ วหนา้ ปัญหาอุปสรรคในการ เรยี นของูเู้ รยี น โดยเน้นการประเมินเพ่ือพฒั นาการเรยี นรู้ (Assessment for Learning) มากกวา่ การประเมนิ เพอื่ สรปุ ูลการเรยี นรู้ (Summative Assessment) ในการประเมนิ ูลงานการเขียน ครูต้องกาหนดเกณฑ์การประเมินท่ีแสดงถงึ ระดับคุณภาพให้สอดคลอ้ งกบั ภาระงาน และครอบคลมุ ตัวชว้ี ดั ที่ แสดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น ศึกษาเพ่ิมเติมได้จากเอกสาร \"แนวทางการพัฒนาและประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551\") 8. การประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ดังน้ี 8.1 ลักษณะ/ภาระงาน วิธีการ และเคร่ืองมือประเมนิ ของแต่ละรายวิชา แนบท้ายหนว่ ย 8.2 เกณฑ์การตัดสนิ รายสมรรถนะ แบง่ ระดับคุณภาพออกเปน็ 3 ระดบั คอื ปรับปรงุ พอใช้ และดี โดยแต่ละระดบั คุณภาพมีเกณฑ์ใน การตัดสินดังน้ี ระดับคุณภาพ ดี มีคะแนนต้ังแตร่ ้อยละ 75 ขึ้นไป พอใช้ มีคะแนนระหวา่ งร้อยละ 40-74 ปรับปรงุ มคี ะแนนต่ากวา่ ร้อยละ 40

8.3 เกณฑ์การตัดสนิ รายสมรรถนะในภาพรวม พจิ ารณาจากระดบั คุณภาพของแตล่ ะสมรรถนะทง้ั 5 สมรรถนะ แล้วนามาเทียบกับเกณฑก์ ารตดั สนิ สมรรถนะในภาพรวม ไดแ้ บ่งระดับคุณภาพออกเปน็ 4 ระดบั คอื ปรับปรงุ พอใช้ ดี และดีเยย่ี ม โดยแตล่ ะ ระดบั คุณภาพมีเกณฑใ์ นการตดั สนิ ดังน้ี ระดบั คุณภาพ ดเี ยยี่ ม มผี ลการประเมินในระดับ ดี ครบทงั้ 5 สมรรถนะ ดี มีผลการประเมินในระดับ ดี 4 สมรรถนะ พอใช้ มีผลการประเมินในระดับ ดี 3 สมรรถนะ ปรบั ปรุง มีผลการประเมินในระดับ ดี น้อยกว่า 3 สมรรถนะ (อธิบายเพมิ่ เตมิ : สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน : ประเมนิ อย่างไร มกั มคี าถามเสมอวา่ จะประเมินสมรรถนะสาคัญของผเู้ รียนอยา่ งไร กอ่ นอ่ืนขอใหผ้ ้สู อนพจิ ารณาคาถาม ๒ ข้อนกี้ ่อน ๑. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น อนั ประกอบด้วยความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถ ในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต และความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยีนัน้ เป็นเป้าหมายการเรยี นร้ทู ม่ี คี วาม แตกต่างจากตัวช้วี ดั /มาตรฐานการเรียนรหู้ รือไม่ ๒. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ท่ที ่านใช้อยู่ในปจั จบุ นั เน้นการประเมนิ แบบใด ใช้เคร่อื งมอื ประเภทให้ผู้เรียนเลอื กตอบ หรอื ใชเ้ คร่ืองมือประเภทให้ผเู้ รียนสร้างคาตอบเอง จากการพิจารณาคาถามขอ้ ที่ ๑ จะเห็นวา่ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน เปน็ ตวั แทนตวั ชี้วดั /มาตรฐานการเรยี นรู้ท่ี กาหนดในการพฒั นาผเู้ รยี นนัน่ เอง ดังนนั้ จึงอย่ทู ่คี าถามข้อ ๒ การออกแบบภาระงานการประเมนิ ตอบสนองให้เกดิ การพฒั นา ผู้เรยี นตามตวั ชวี้ ดั /มาตรฐานการเรียนรู้หรือไม่ ผู้เรยี นไดเ้ ป็นผลู้ งมือปฏิบตั แิ ละสร้างความรู้หรอื ไม่ และในกระบวนการเรียน การสอนได้มกี ารให้ข้อมลู ยอ้ นกลบั ทีจ่ ะนาใหผ้ เู้ รยี นได้พฒั นาครอบคลมุ มติ ติ ่าง ๆ ของสมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี นอย่าง เพียงพอหรือไม่ จาเป็นตอ้ งมกี ารเปลีย่ นแปลงใดอีก เพื่อใหส้ ามารถพัฒนาผเู้ รียนให้บรรลุผลตามตัวชว้ี ดั และมาตรฐานการ เรยี นรู้ การประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี นจึงควรใช้วิธีการประเมินทเ่ี นน้ การปฏิบัติ และบรู ณาการอย่ใู นกระบวนการ เรียนการสอนแล้ว ไมค่ วรแยกประเมินตา่ งหากอกี แต่ท้ังน้สี ถานศึกษาตอ้ งตรวจสอบวา่ ผเู้ รยี นเกดิ สมรรถนะสาคญั ตามท่ี หลกั สตู รกาหนดหรอื ไม่ โปรดศึกษาเพิม่ เตมิ จาก “แนวปฏบิ ัตกิ ารวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรูต้ ามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551”) ลงชือ่ ..................................................ครผู ้สู อน (นางวริ ลั พชั ร ปัดถม) ลงชื่อ..................................................หวั หน้ากล่มุ สาระฯ (นางวริ ลั พชั ร ปดั ถม) ลงชือ่ ..................................................หัวหนา้ งานวิชาการ (นายกรกฎ ปัญสังกา) ลงชอ่ื ..................................................รองผ้อู านวยการฝา่ ยวชิ าการ (นายวัชระ นอ้ ยบัวทอง) ลงชื่อ..................................................ผ้อู านวยการ (นางสาวสพุ ัตรา กล่ินศรีสขุ )