แนวทางการขับเคลื่อนการดำเนนิ งานตามกลไกการสง่ ต่อระดบั ชาติ (National Referral Mechanism) คณะอนกุ รรมการขบั เคลือ่ นกลไกการส่งตอ่ ระดบั ชาติ (National Referral Mechanism)
1 บทนำ • ภาพรวมการคุ้มครองช่วยเหลอื ของประเทศไทยทีผ่ า่ นมา ประเทศไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานเพื่อป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยกำหนดนโยบายและมาตรการการดำเนินงานที่สอดคล้องกับหลักสากล คือ หลักการ 5P โดยแบ่งเป็น Policy การกำหนดนโยบาย Prosecution การดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมาย Protection การคุ้มครองช่วยเหลือ Prevention การป้องกัน Partnership การมีส่วนร่วมจากทกุ ภาคส่วน ที่ผ่านมาการ ดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ มีความเชื่อมโยงการดำเนนิ งานตามหลักการ 5P ซึ่งทกุ ด้าน จะมกี ารดำเนนิ งานท่ีเชอ่ื มโยงและสอดคล้องกัน การดำเนินงานในการคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายของประเทศไทยที่ผ่านมา เริ่มต้นจาก กระบวนการชว่ ยเหลอื ออกจากสถานท่ี โดยหน่วยงานปฏบิ ตั ิการ หลงั จากน้ันจะนำบคุ คลทไ่ี ดร้ ับการชว่ ยเหลือ เข้าสู่กระบวนการคัดแยก โดยมีทีมสหวิชาชีพเข้าร่วมการสมั ภาษณ์เพื่อการคดั แยกเบ้ืองต้น โดยดำเนินการ ทันทีภายหลังมีปฏิบัติการให้การช่วยเหลือ ภายหลังการคัดแยกจะพบบุคคล 3 กลุ่ม คือ 1) ไม่เปน็ ผู้เสยี หาย กลุ่มนจ้ี ะดำเนนิ การ โดยส่งตวั บคุ คลดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่มอี ำนาจหนา้ ที่รับผดิ ชอบโดยตรง 2) อาจจะเป็น ผู้เสียหาย กลุ่มน้ี จะดำเนินการคุ้มครองชั่วคราว เพื่อหาข้อเท็จจริงเพิ่มเตมิ ก่อนพิจารณาวา่ จะเป็นผู้เสียหาย หรอื ไม่ และ 3) เปน็ ผู้เสียหาย กลมุ่ นีจ้ ะเขา้ สู่กระบวนการค้มุ ครองตามกฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องต่อไป
2 อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่า กระบวนการในการคัดแยกผู้เสียหายยงั ไม่เป็นไป ในทิศทางเดยี วกนั เนื่องจากยังขาดแนวทางในการดำเนินงานที่ชดั เจน ท้ังในเรื่องของกรอบระยะเวลาในการ ดำเนินการ และบุคคลที่ทำหน้าที่ในการคัดแยก ซึ่งบ่อยครั้งพบว่าไม่มีประสบการณ์ในการทำงานเรื่องน้ี แนวทางการขับเคลื่อนกลไกการสง่ ตอ่ ระดับชาติฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง เข้าใจถึงบทบาท หน้าที่ รวมทั้งเกิดความชัดเจนในแนวปฏิบัติและการประสานความร่วมมือ เพื่อให้การคัด กรอง คัดแยกผูเ้ สยี หายจากการค้ามนษุ ยห์ รือผู้เสยี หายจากการบังคับใช้แรงงานเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ โดยแนวทางฉบบั น้ีจะใชเ้ ปน็ แนวทางในการดำเนินการ - ระบุตวั บุคคลท่มี เี หตอุ ันควรเชื่อไดว้ ่าเปน็ ผเู้ สียหายจากการคา้ มนุษยห์ รอื ถูกบงั คับใช้แรงงาน - สง่ ตัวบุคคลดังกล่าวเข้าสู่กลไกการส่งต่อระดบั ชาติ (NRM) - ทำใหม้ น่ั ใจวา่ ผเู้ สียหายสามารถเข้าถงึ บรกิ ารท่พี วกเขามีสทิ ธิไดร้ ับอย่างแท้จริง • หลักการสากลในการให้การชว่ ยเหลือค้มุ ครองผเู้ สียหาย 1. เคารพในศักดิ์ศรีความเปน็ มนษุ ย์ (Rights-Based Approach) ของผู้เสียหายทกุ คน 2. ผู้เสียหายทุกคนจะไม่ถูกเลือกปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่ (Non-Discrimination) ไม่ว่าจะด้วย เหตผุ ลใดกต็ าม 3. การปฏิบัติงานจะยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง (Victim-Centered Approach) และยึด ประโยชนส์ ูงสุดท่ีผเู้ สียหายจะไดร้ ับ (Best Interest Determination) 4. การคุ้มครองช่วยเหลือจะคำนึงถึงบาดแผลทางจิตใจของผู้เสียหาย (Trauma Informed Care) และจะไม่กระทำการใดทถี่ ือว่าเปน็ การกระทำซ้ำต่อผเู้ สียหาย 5. ใหค้ วามสำคญั กับความละเอียดออ่ นในเพศสภาพ (Gender Sensitivity) ทจ่ี ะไมส่ ่งผลกระทบ ต่อความแตกตา่ งทางเพศของผู้เสียหาย 6. คำนึงถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม (Cultural Diversity) ขนบธรรมเนยี ม วัฒนธรรมและ ประเพณีของผู้เสียหายแต่ละรายทีม่ ีความแตกตา่ งออกไป 7. การปฏิบัติงานที่เป็นมิตรกับผู้เสียหาย (Victim Friendly Approach) ในทุกกระบวนการ ต้งั แต่กระบวนการคัดแยกจนถึงส่งกลบั คนื สู่สงั คม 8. ไมท่ ำใหเ้ กิดอันตราย (Do No Harm) และไม่ลงโทษผ้เู สยี หาย (Non Punishment) ไม่ว่าจะ โดยเจตนาหรอื ไมก่ ต็ าม
3 9. มุ่งเน้นการเสริมพลังของผู้เสียหาย (Empowerment) เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถกลับคืนสู่ สงั คมได้อยา่ งย่ังยนื 10. การรักษาความลับ (Confidentiality) เพื่อให้ผู้เสียหายมั่นใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ถกู เผยแพร่และจะสง่ ต่อเฉพาะเจา้ หนา้ ท่ีที่เกี่ยวขอ้ งเทา่ นัน้ • นยิ ามความหมายของการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงานหรอื บริการ และการลกั ลอบขนผู้โยกย้าย ถน่ิ ฐาน การค้ามนุษย์ Human Trafficking เป็นหนึ่งในรูปแบบของการค้าทาสยุคใหม่ โดยมีการใช้กำลัง บีบบังคับ ใช้เล่ห์เพทุบาย หลอกลวง หรือนำวิธกี ารต่าง ๆ มาใช้เพื่อทำให้ผู้เสียหายตกอยู่ภายใต้การควบคุม โดยการกระทำดงั กลา่ วมีเจตนาเพอื่ ท่จี ะแสวงหาประโยชน์โดยมชิ อบในรปู แบบตา่ ง ๆ จากรา่ งกายหรือแรงงาน ของผเู้ สียหาย เชน่ การนำเข้าสูธ่ รุ กจิ ทางเพศ (ขายตัว แสดงหนังโป)๊ บังคบั ให้ทำงาน บงั คบั ใหท้ ำผดิ กฎหมาย หรอื เป็นขอทาน โดยท่ผี เู้ สยี หายเหลา่ นั้นไมอ่ าจปฏิเสธหรอื หลบหนีได้ การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ Forced Labour อนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบบั ที่ 29 วา่ ด้วยการเกณฑแ์ รงงานหรือแรงงานบงั คับ (Convention concerning Forced or Compulsory Labour, 1930) ได้นิยาม “การใช้แรงงานบังคับ” หมายถึง งานหรือบริการทุกชนิดที่บุคคลกระท ำไป เน่ืองจากถกู บบี บงั คับโดยการใชบ้ ทลงโทษ และบคุ คลดังกลา่ วไมไ่ ดส้ มัครใจทีจ่ ะทำงานหรอื ใหบ้ รกิ ารนั้น การลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐาน People Smuggling การลักลอบขนผู้โยกย้ายถิ่นฐานไม่ใช่การ ค้ามนุษย์ การลกั ลอบขนผู้โยกยา้ ยถนิ่ ฐานเกดิ ขนึ้ เม่ือแรงงานขา้ มชาติขอความช่วยเหลือจากนายหน้า เพื่อให้ ชว่ ยอำนวยความสะดวกในการพาเดินทางเข้าประเทศปลายทางอย่างผดิ กฎหมาย และโดยปกติความสัมพันธ์ ระหว่างท้งั สองฝ่ายจะส้ินสุดลงเมอ่ื การพาเดนิ ทางข้ามแดนส้ินสดุ ลง จดุ ประสงค์ของการลกั ลอบขนผู้โยกย้าย ถิ่นฐาน คือ การเคลื่อนย้ายบุคคลข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมาย และถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของรัฐ ส่วนการคา้ มนุษย์มีวัตถุประสงคเ์ พื่อแสวงหาผลประโยชนจ์ ากผู้เสยี หาย และถอื เป็นการละเมิดเสรีภาพและ ศักดศ์ิ รีความเป็นมนุษย์ของผเู้ สียหาย (รายละเอียดเพ่มิ เติม โปรดดทู ี่เอกสารแนบ 1 ความรู้เบอื้ งตน้ เกี่ยวกับการค้ามนษุ ย์ การบังคับใช้ แรงงาน ในภาคผนวก)
4 • กลไกการสง่ ต่อระดบั ชาติ (National Referral Mechanism) กลไกการส่งตอ่ ระดับชาติ (National Referral Mechanism : NRM) เป็นกลไกท่ถี กู ออกแบบมา เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงานของหนว่ ยงานที่เกีย่ วข้อง ในการประสานความร่วมมอื การแบ่งปันขอ้ มูล การสง่ ต่อความชว่ ยเหลือคุ้มครองบุคคลทม่ี ีเหตอุ ันควรเช่ือได้ว่าจะเป็นผู้เสยี หายจากการค้ามนุษย์ ผู้เสียหาย จากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ และเพื่อช่วยให้บุคคลเหล่านี้สามารถเข้าถึงบริการการช่วยเหลือใน เบือ้ งต้นได้ สำหรับประเทศไทย กลไก NRM ได้พัฒนารูปแบบโดยนำกรอบการดำเนินงานตามกฎหมาย ท่มี อี ยเู่ ดิม และแนวปฏบิ ตั ใิ นเรื่องของระยะเวลาการฟนื้ ฟไู ตรต่ รอง (Reflection Period) มาพฒั นาเป็นกลไก การส่งต่อระดับชาติ เพื่อให้สอดรับการดำเนินงานที่เปน็ ไปตามมาตรฐานสากล โดยได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการคา้ มนุษย์ (ปคม.) เมอื่ วนั ท่ี ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๕ • เป้าหมายและวัตถุประสงคข์ อง NRM o ส่งเสรมิ และคมุ้ ครองสทิ ธิของบคุ คลที่มเี หตอุ นั ควรเชือ่ ได้ว่าเปน็ ผเู้ สยี หาย o ใหค้ วามช่วยเหลือและใหบ้ รกิ ารสำหรบั การฟ้ืนฟรู ่างกาย จติ ใจและการกลบั คนื สู่สงั คมและการฟืน้ ฟู บคุ คลทมี่ เี หตอุ นั ควรเชอ่ื ไดว้ า่ เป็นผู้เสียหาย โดยรว่ มมอื กบั ภาคสว่ นต่าง ๆ o สำหรบั เป็นแนวทางในการตรวจสอบใหแ้ นใ่ จวา่ ผู้เสยี หายไดร้ บั การปฏบิ ตั ิในฐานะผเู้ สียหายจาก อาชญากรรม o เป็นแนวทางการตรวจสอบวา่ กฎหมายมีประสทิ ธิผลในการดำเนินคดีอาญากบั การค้ามนษุ ยท์ กุ รูปแบบ o ทบทวนหรือเสริมสรา้ งใหม้ กี ารใหบ้ รกิ ารระดบั ชาติ สำหรบั บคุ คลที่มเี หตอุ นั ควรเชื่อได้ว่าเปน็ ผเู้ สียหาย และผเู้ สยี หายจากการคา้ มนษุ ย์ หรือผเู้ สียหายจากการบงั คับใชแ้ รงงานหรอื บรกิ าร o ปกปอ้ งความเป็นสว่ นตัวและข้อมลู และประกนั ความปลอดภัยของบุคคลท่ีมเี หตอุ นั ควรเชอื่ ได้ว่าเป็น ผ้เู สียหายและผเู้ สยี หาย ทงั้ กอ่ นระหวา่ งและหลงั จากเข้ารบั การชว่ ยเหลอื เบ้อื งต้นตามกลไก NRM • ขอ้ มูลจากกลไก NRM จำถกู นำไปใชส้ ำหรบั การทำงานเชงิ ปอ้ งกันของหน่วยงานทเ่ี กีย่ วขอ้ งขอบเขตการ ดำเนินงานของแนวทาง NRM o กลมุ่ เปา้ หมายหลกั สำหรบั กลไก NRM คือ บคุ คลท่ีมเี หตอุ ันควรเชอื่ ไดว้ า่ เป็นผเู้ สียหาย โดยเฉพาะ อยา่ งยง่ิ ผลู้ ักลอบเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย
5 แผนผงั กลไกการส่งต่อระดับชาติ
6 ส่วนท่ี 1 ขั้นตอนการรับแจ้ง (Front Line) ขั้นตอนนี้ เป็นการดำเนินการก่อนเข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติ เป็นขั้นตอนท่ีเม่ือหน่วยรับแจง้ หรือผู้ที่รับแจ้ง ได้รับทราบ/รับแจ้ง/พบเหตทุ ี่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องหรือเป็นพฤตกิ ารณ์ที่อาจนำไปสู่การ คา้ มนษุ ย์/การบังคบั ใช้แรงงานหรือบริการได้ โดยการรับแจง้ อาจจะรับแจง้ จากชอ่ งทางต่าง ๆ เชน่ สายดว่ น แอพลิเคชน่ั หรอื การประสานงานระหวา่ งหนว่ ยงาน เป็นต้น การรับแจ้ง เพื่อให้มีการส่งต่อข้อมูลพฤติการณ์/เหตุการณ์ และนำไปสู่การให้ความช่วยเหลือ บุคคล/กลุ่มบคุ คลท่อี ยใู่ นสถานการณ์ทตี่ ้องไดร้ บั การชว่ ยเหลือตอ่ ไป หน่วยงานรบั แจ้งเหตุ (Front Line Officer) คือ หน่วยงานที่ผู้แจง้ เหตุสามารถประสานขอรบั การช่วยเหลือ โดยอาจเป็นหน่วยงานทีม่ ีบรกิ ารและชอ่ งทางการรบั แจง้ เหตอุ ยูแ่ ลว้ หรืออาจเปน็ หน่วยงานท่ี ผแู้ จ้งเหตสุ ามารถเข้าถงึ เพือ่ แจง้ เหตุหรือขอรบั การชว่ ยเหลอื ได้ 1. หนว่ ยงานรบั แจ้งเหตุ การรบั แจ้งเหตุ หนว่ ยงาน องค์กรทัง้ ภาครฐั และเอกชน ที่ไดร้ ับเรอ่ื งราวรอ้ งทกุ ข์ / ประสาน ขอรับการให้ความช่วยเหลือ โดยการรับแจ้งเหตุ จะเป็นการรับข้อมลู จากผู้แจ้งซึ่งเป็นบุคคลผู้ที่พบเห็นการ กระทำทม่ี ีพฤติการณต์ ามข้อบง่ ชหี้ รอื พฤติการณท์ ่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การค้ามนุษย์ การบังคบั ใชแ้ รงงานหรือบริการ และ/หรืออาจเป็นผูท้ ี่ประสบเหตกุ ารณ์ด้วยตนเอง เพื่อนำไปสู่การให้ความช่วยเหลอื ต่อไป หน่วยงานรับแจ้ง เหตุ ประกอบดว้ ยหนว่ ยงาน ดังตอ่ ไปนี้ 1. สำนักงานตำรวจแหง่ ชาติ (ตร.) ไดแ้ ก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1 – 9 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือหน่วยงานอื่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ผู้แจ้งเหตุสามารถเข้าถึงช่อง ทางการแจง้ เหตุได้ 2. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้แก่ สำนักงานพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ศูนย์ช่วยเหลือสังคม บ้านพักเดก็ และครอบครวั จงั หวัด กองต่อต้าน การคา้ มนุษย์ หรือหน่วยงานอื่นของกระทรวงการพฒั นาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทผี่ แู้ จง้ เหตสุ ามารถ เข้าถึงช่องทางการแจ้งเหตุได้
7 3. กระทรวงแรงงาน (รง.) ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ศูนยบ์ รกิ ารรว่ มกระทรวง แรงงาน, สำนักงานเลขานุการศูนยบ์ ัญชาการปอ้ งกนั การค้ามนษุ ย์ด้านแรงงาน (สล.ศปคร.), สำนกั งานแรงงาน จงั หวดั ทกุ จงั หวดั ) กรมสวสั ดกิ ารและคุ้มครองแรงงาน (กองคุ้มครองแรงงาน, สำนักงานสวสั ดิการและคมุ้ ครอง แรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10, สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด) กรมการ จัดหางาน (กองทะเบียนกลางและคุ้มครองคนหางาน, สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10, สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด) หรือหน่วยงานอื่นทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในสังกัดกระทรวง แรงงาน ทผ่ี ู้แจง้ เหตุสามารถเขา้ ถึงช่องทางการแจ้งเหตไุ ด้ 4. กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้แก่ ศูนย์ดำรงธรรม/ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด สำนักการ สอบสวนและนิตกิ าร กรมการปกครอง หรือหน่วยงานอ่ืนของกระทรวงมหาดไทย ที่ผู้แจง้ เหตุสามารถเขา้ ถึง ชอ่ งทางการแจ้งเหตไุ ด้ 5. กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ได้แก่ สำนักงานยุติธรรมจังหวัด กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ หน่วยงานอืน่ ของกระทรวงยตุ ิธรรม ที่ผูแ้ จ้งเหตสุ ามารถเข้าถึงชอ่ งทางการแจง้ เหตุได้ 6. กระทรวงการตา่ งประเทศ (กต.) ไดแ้ ก่ สถานเอกอคั รราชทูต/สถานทูต/สถานกงสุล หรือ หน่วยงานอน่ื ของกระทรวงการต่างประเทศ ทผ่ี ู้แจ้งเหตุสามารถเข้าถึงช่องทางการแจ้งเหตุได้ 7. กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้แก่ ศูนย์ช่วยเหลือเด็กและสตรีในภาวะวิกฤติจาก ความรุนแรง (ศูนย์พึ่งได้) ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลประจำอำเภอ/จงั หวัด โรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตำบล/ ชมุ ชน ทุกแหง่ หรือหนว่ ยงานอ่ืนของกระทรวงสาธารณสุข ทีผ่ แู้ จ้งเหตุสามารถเข้าถงึ ชอ่ งทางการแจ้งเหตุได้ 8. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้แก่ กอ.รมน. จงั หวัด หรือหน่วยงานอน่ื ของ กอ.รมน. ที่ผแู้ จ้งเหตสุ ามารถเข้าถงึ ชอ่ งทางการแจง้ เหตไุ ด้ 9. ศนู ยอ์ ำนวยการรักษาผลประโยชนข์ องชาตทิ างทะเล (ศรชล.) ไดแ้ ก่ ศรชล.จงั หวัด หรือ หนว่ ยงานอนื่ ของ ศรชล. ทีผ่ ูแ้ จง้ เหตุสามารถเข้าถึงช่องทางการแจ้งเหตุได้ 10. องค์กรภาคเอกชน/มูลนิธิต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปราม การคา้ มนษุ ย์ การบังคบั ใชแ้ รงงานหรือบรกิ าร (ดเู พ่ิมเตมิ ในเอกสารแนบ 6 ชอ่ งทางการตดิ ต่อหนว่ ยงานรบั แจ้ง (Front Line) ในภาคผนวก) 2. บทบาทหนา้ ท่ีของหนว่ ยงานรับแจง้ เหตุ หนว่ ยงานรับแจง้ เหตุมหี น้าทใ่ี นการรับแจ้งข้อมลู จากผู้แจง้ เหตุ และสง่ ตอ่ ข้อมลู ไปยังหน่วยงาน ด่านหนา้ (First Responders) ท่มี อี ำนาจหน้าทใ่ี นเรื่องนนั้ ๆ พจิ ารณาคัดกรองและให้ความช่วยเหลอื ตอ่ ไป
8 3. การดำเนินงานของหนว่ ยงานรับแจง้ เหตุ 3.1 จัดให้มชี ่องทางการรับแจง้ ทีผ่ แู้ จ้งเหตุสามารถเขา้ ถงึ ได้สะดวก 3.2 มอบหมายบคุ ลากรของหนว่ ยงาน ปฏิบตั ิหน้าทใ่ี นการรบั แจ้ง/รบั ข้อมูลจากผ้แู จง้ เหตุ 3.3 ฝึกอบรมให้ผู้ที่ทำหน้าที่รับแจ้งเหตุ มีทักษะในการสอบถามข้อมูล/พฤติการณ์/เหตุการณ์ ท่พี บเห็น โดยการบันทึก/จัดเก็บขอ้ มลู ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง เพอื่ นำไปพิจารณาสง่ ต่อให้หน่วยงานด่านหน้าต่อไป (ทั้งนี้ หน่วยรับแจ้งอาจกำหนดแบบฟอร์มการรับแจ้งของหน่วยงานเองได้) อย่างไรก็ตามควรมีการซักถามหรือ รวบรวมข้อมูลตามขอ้ 4 ให้ได้มากท่สี ดุ เทา่ ทเี่ ป็นไปได้ 3.4 นำข้อมูลที่ได้รับจากการแจ้งเหตุ ส่งต่อให้หน่วยงานด่านหน้า ที่มีหน้าที่ในการให้ ความช่วยเหลือตามเร่ืองทีไ่ ด้รับแจ้งตอ่ ไป 3.5 รวบรวมสถติ ิการรับแจ้งเหตุ และรายงานให้ศนู ยป์ ฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการคา้ มนุษย์จงั หวัด ทราบเป็นประจำทกุ เดือนต่อไป 4. ลักษณะของพฤติการณท์ ่ีพบเห็น และขอ้ มลู ที่ควรได้รับจากการแจง้ เหตุ พฤตกิ ารณ์ทพี่ บเหน็ คือ ข้อเทจ็ จริงหรอื เรอื่ งราวทเ่ี กย่ี วข้องกับเหตุการณ์ทเี่ ปน็ เหตุอนั เชอ่ื ว่า เปน็ การคา้ มนษุ ย์/แรงงานบังคับ เชน่ • พบเห็นการทำงานที่ผิดปกติ/ผิดกฎหมาย เช่น การให้ทำงานในช่วงเวลาที่ไม่เป็น ปกติ หรอื การใหท้ ำงานที่ไมถ่ ูกตอ้ งตามกฎหมาย กฎหมายไมอ่ นุญาตใหด้ ำเนนิ การ เป็นต้น • ลักษณะของการแสวงประโยชน์ เช่น มีการหักค่าหัวควิ ค่านายหน้า หรือเรียกเกบ็ เงนิ จากการทำงานของบคุ คล เป็นต้น • ลักษณะวิธีการที่กระทำต่อบุคคล เช่น มีการควบคุมตลอดเวลา มีการลงโทษ ด่าทอ ทุบตี หรือทำร้ายร่างกายเมื่อมีการกระทำที่ไม่ได้ดังใจ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ใ ช่วิสัยที่พึงกระทำ ตอ่ บคุ คลได้ เป็นตน้ • ความผิดปกติอื่นใดที่เกีย่ วข้อง เช่น บุคคลดังกล่าวมีลักษณะของการร้องขอความ ชว่ ยเหลืออยูต่ ลอดเวลา เป็นตน้ • (ระยะเวลา / สถานท่เี กิดเหตุ / พฤตกิ ารณ์) ซ่งึ ข้อมลู ที่ไดอ้ าจจะมาจากการสังเกต การพบเจอ หรอื อาจเป็นเหตกุ ารณท์ ่เี กดิ ขน้ึ กบั ตนเอง/ผรู้ จู้ ัก/ญาติ/บคุ คลที่พบเหน็ ท่ัวไปในสังคม
9 ข้อมูลที่ควรได้รับจากการแจ้งเหตุ คือ ข้อมูลที่บุคคล/หน่วยงานรับแจ้งเหตุควรไดร้ ับจาก การแจ้งเหตุ ท้ังกรณีผ้แู จ้งเปน็ บคุ คลทัว่ ไปท่ีไม่ใชผ่ ู้ประสบเหตุ และกรณผี แู้ จ้งเปน็ ผ้ปู ระสบเหตโุ ดยตรง เช่น 1.วันท่ีเกิดเหตุ คือ วันทพี่ บเห็นเหตุการณ์ 2. เวลา คอื ช่วงระยะเวลาท่พี บเห็นเหตุการณ์ หรอื ชว่ งเวลาท่เี กดิ เหตกุ ารณ์ 3.สถานที่เกิดเหตุ/พิกัด/รูปถ่าย คือ สถานที่ใด ๆ ที่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ถ้าเป็นไปได้ควรระบุพิกัด/ตำแหน่งของสถานที่เกิดเหตุให้ชัดเจน เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะเข้าให้ความช่วยเหลือ ได้ทนั ถว่ งที 4.พฤตกิ ารณ์ คือ ข้อมูลหรอื รายละเอยี ดท่ีเกย่ี วขอ้ งกับเหตกุ ารณ์ท่ีเกิดขึน้ เชน่ ลกั ษณะ สถานทีเ่ กิดเหตุ ผูก้ ระทำความผิด รายละเอียดของเหตุการณท์ เ่ี กิดขน้ึ ระยะเวลาของการเกดิ เหตุ 5.ชื่อผู้แจ้งเหตุ / เบอร์ติดต่อ คือ ชื่อ-สกุลและเบอร์โทรศพั ท์ของผู้แจ้งเหตุ เพื่อจะได้ ประสานในกรณีทตี่ ้องการข้อมลู เพิ่มเติม 6.ชอ่ื ผขู้ อรับความชว่ ยเหลือ (กรณที ราบ หรือผเู้ สียหายเป็นผแู้ จง้ เอง) คือ ชือ่ -สกุลของ ผทู้ ี่ขอรบั ความชว่ ยเหลอื ในกรณีทีไ่ ม่ทราบอาจจะระบุลักษณะของผูข้ อรับความชว่ ยเหลอื 5. แนวทางการสง่ ตอ่ ขอ้ มูลการรับแจง้ เหตุ • หน่วยงานรับแจ้งเหตุ เมื่อได้รับแจ้งข้อมูล/พฤติการณ์จากผู้รับแจ้งแล้ว ให้ดำเนินการ ส่งต่อข้อมูลใหก้ บั หน่วยงานดา่ นหน้า (First Responders)2 เพอื่ ประสานการช่วยเหลือโดยเรว็ ทส่ี ดุ ตอ่ ไป • กรณีที่หน่วยงานรับแจ้งเหตุเป็นหน่วยงานด่านหน้า (First Responders) อาจพิจารณา ดำเนินการประสานการช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่ หรือหากเป็นกรณีที่ผูแ้ จ้งเหตุประสบปัญหาด้วยตนเอง หน่วยงานรบั แจง้ เหตซุ ึง่ เป็นหน่วยงานด่านหนา้ ให้พจิ ารณาดำเนินการตามขัน้ ตอนการคัดกรองได้ 2 หน่วยงานด่านหน้า (First Responders) โปรดดใู นสว่ นท่ี 2 ขัน้ ตอนการคัดกรอง
10 ข้อพงึ ปฏบิ ัติ ▪ หากผู้แจง้ เปน็ ผู้ประสบภยั ด้วยตนเอง การซักถามข้อมลู ตอ้ งไมใ่ หเ้ ปน็ การก่อใหเ้ กดิ บาดแผลทางใจซ้ำ (re-traumatization) ▪ หากเป็นเรอ่ื งเกยี่ วขอ้ งกับเดก็ ใหป้ ระสานงานกบั เจา้ หน้าท่ที ีม่ ีหนา้ ทีใ่ ห้การคุม้ ครองเด็กโดยตรง ▪ กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน เช่น ต้องการการรกั ษาพยาบาล หรือมีภัยคุกคาม หากหน่วยงานรับแจง้ เหตุไม่ใช่หนว่ ยงานด่านหน้า ต้องแจง้ ให้หน่วยงานดา่ นหน้าทราบเรือ่ งเหลา่ นโี้ ดยเร็วทส่ี ดุ ▪ การประสานงาน และส่งต่อข้อมูลให้รักษาเป็นความลับ ห้ามเผยแพร่ข้อมูลให้กับบุคคลที่ไม่มีส่วน เก่ยี วขอ้ งโดยเด็ดขาด ▪ กรณีที่มีความเจ็บป่วยควรให้มีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น หรือส่งต่อเพื่อรับการรักษาจาก สถานพยาบาลตามหลักสทิ ธมิ นษุ ยชน ▪ กรณีเป็นบคุ คลตา่ งชาติ ควรจดั ให้มลี า่ มแปลภาษา เพอื่ สื่อสารในภาษาที่บคุ คลตา่ งชาติน้ันเขา้ ใจ
11 สว่ นที่ 2 ขัน้ ตอนการคดั กรอง (Screening Process) ขั้นตอนการคัดกรอง เป็นขั้นตอนที่หน่วยงานด่านหน้า (First Responders) ดำเนินการสัมภาษณ์ คัดกรองข้อมูลจากบุคคลตามที่ได้รับการส่งต่อมาจากหน่วยงานรับแจ้งเหตุ (Front Line Officer) โดยการ สัมภาษณ์คดั กรอง จะเปน็ การรวบรวมข้อมลู /ข้อเทจ็ จรงิ ในเบอื้ งต้นตามที่มกี ารแจง้ เหตุ/ประสบเหตุ มาพิจารณา ร่วมกบั ข้อบ่งชี้ของการคา้ มนษุ ย์ การบงั คับใชแ้ รงงานหรอื บรกิ าร เพ่อื พิจารณาวา่ บคุ คลน้นั เป็นบุคคลที่มีเหตุ อันควรเช่ือวา่ จะเปน็ ผูเ้ สยี หายหรือไม่ เพือ่ ให้การสง่ ต่อความชว่ ยเหลือเปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ และบุคคลทมี่ ี เหตุอันควรเชือ่ ว่าจะเปน็ ผู้เสียหาย จะได้รับการช่วยเหลือและสง่ ต่อเข้าสู่ขัน้ ตอนการคัดแยกอย่างเปน็ ทางการ ตอ่ ไป การคัดกรอง (Screening Process) คือ การดำเนินการสัมภาษณ์เพื่อให้ได้ข้อมูล/ข้อเท็จจริง เบื้องต้นจากบุคคล/กลุ่มบคุ คล เท่าทีจ่ ะสามารถดำเนินการได้ในช่วงเวลาน้ัน แล้วนำมาพิจารณาประกอบ กับขอ้ บ่งชีก้ ารค้ามนุษย์ หรอื การบงั คับใช้แรงงานหรอื บรกิ าร เพือ่ พิจารณาวา่ บคุ คลนน้ั เป็นบุคคลท่ีมีเหตุ อันควรเช่ือว่าเป็นผูเ้ สยี หาย (Potential Victims) จากการคา้ มนุษย์ หรือการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ หรือไม่ 1. หนว่ ยงานดา่ นหนา้ (First Responders) หน่วยงานด่านหน้า (First Responders) คือ หนว่ ยงานท่ีมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการ ปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนุษย์ การบงั คบั ใชแ้ รงงานหรือบรกิ าร การชว่ ยเหลือคมุ้ ครองบุคคลกลุ่มเสี่ยง กล่มุ เปราะบางต่าง ๆ โดยหนว่ ยงานด่านหน้า ประกอบดว้ ยหนว่ ยงานที่เก่ยี วขอ้ งดังตอ่ ไปนี้ 1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการสืบสวนสอบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือหน่วยงานอนื่ ของสำนักงานตำรวจแหง่ ชาติ 2. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้แก่ สำนักงานพัฒนา สังคมและความม่ันคงของมนุษย์จังหวัด ศูนย์ช่วยเหลือสังคม บ้านพักเดก็ และครอบครวั จงั หวัด กองต่อต้าน การคา้ มนุษย์ 3. กระทรวงแรงงาน (รง.) ไดแ้ ก่ ศนู ย์บญั ชาการปอ้ งกันการค้ามนษุ ย์ด้านแรงงาน (ศป.คร.) ศูนย์ปฏบิ ตั ิการชว่ ยเหลอื แรงงานหญงิ และเด็ก สำนกั งานสวัสดิการและคมุ้ ครองแรงงานจังหวัด สำนกั คุ้มครอง แรงงาน กรมสวสั ดกิ ารและคุม้ ครองแรงงาน
12 4. กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้แก่ หน่วยงานกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่จังหวัด ทีผ่ ูว้ า่ ราชการจงั หวดั มอบหมาย สำนกั การสอบสวนและนติ กิ าร กรมการปกครอง 5. กระทรวงยตุ ธิ รรม (ยธ.) ไดแ้ ก่ กรมสอบสวนคดพี ิเศษ 6. กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสลุ 7. กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้แก่ ศูนย์ช่วยเหลือเด็กและสตรีในภาวะวิกฤติจาก ความรนุ แรง (ศนู ยพ์ ่ึงได)้ 8. ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ได้แก่ ศรชล.จังหวัด ศรชล.ภาค 1-3 หรอื หนว่ ยงานอืน่ ของ ศรชล. ทท่ี ำหนา้ ทคี่ ดั กรองทางทะเล 2. บทบาทหน้าท่ขี องหนว่ ยงานด่านหนา้ หน่วยงานด่านหน้า (First Responders) มีหน้าท่ีรับเรื่อง/บุคคลจากหน่วยงานรับแจ้งเหตุ เพื่อมาดำเนินการสัมภาษณ์คัดกรองเบอ้ื งต้นใหไ้ ด้ข้อมลู /ขอ้ เทจ็ จริง มาประกอบกบั การพิจารณาตามข้อบ่งชี้ การคา้ มนษุ ย์ การบังคบั ใชแ้ รงงานหรอื บริการ เพอื่ วินิจฉยั วา่ บคุ คลดังกล่าว เป็นบคุ คลทีม่ เี หตุอนั ควรเชื่อว่าจะ เป็นผเู้ สียหายหรือไม่ และดำเนินการส่งต่อขอ้ มูลไปยังหนว่ ยงานท่เี กย่ี วข้องต่อไป 3. การดำเนินงานของหนว่ ยงานด่านหนา้ 3.1 จดั ใหม้ ีช่องทางการรับขอ้ มูล/รบั ตวั บุคคลจากหน่วยงานรับแจง้ เหตุ (Front Line) 3.2 จดั ทีมให้ความชว่ ยเหลอื บคุ คล กรณีทีห่ นว่ ยงานรับแจ้งเหตุส่งต่อขอ้ มูลและตอ้ งมีการให้ การชว่ ยเหลือบุคคลตามทไี่ ดร้ บั แจ้ง 3.3 ใหห้ วั หน้าหนว่ ยงานท่เี ป็นหนว่ ยงานด่านหน้าหรือผู้ที่ไดร้ บั มอบหมาย เปน็ ผูร้ ับผดิ ชอบใน การคัดกรองเบื้องตน้ โดยอาจมอบหมายบุคลากรของหน่วยงาน ท่ีผ่านการฝึกอบรมเรื่องการค้ามนุษย์ การ บังคับใช้แรงงานหรอื บริการมาแลว้ ทำหน้าท่ีในการสมั ภาษณ์ หรอื หาขอ้ มลู เพือ่ ประกอบการพจิ ารณา 3.4 ดำเนนิ การจัดเตรียมสถานทสี่ ำหรับใช้ในการสัมภาษณค์ ดั กรองบคุ คล ซงึ่ ต้องเปน็ สถานท่ี ทไี่ ม่ใชท่ คี่ ุมขังและมีสง่ิ อำนวยความสะดวกใหก้ บั บุคคลตามสมควร เช่น ท่ีพกั คอย ห้องนำ้ เป็นต้น 3.5 จัดเตรียมรายชื่อทีมสหวิชาชีพ/ล่ามที่จะร่วมดำเนินการสัมภาษณ์ กรณีที่หน่วยงาน ด่านหน้าจำเป็นต้องใช้ทีมสหวิชาชีพ/ล่ามเข้าร่วมการสัมภาษณ์คัดกรอง กรณีที่ต้องใช้ล่ามในการคัดกรอง ใหห้ นว่ ยงานด่านหนา้ ทไ่ี ดร้ ับเร่อื ง รับผิดชอบคา่ ใช้จ่ายสำหรับล่ามแปลภาษาด้วย
13 3.6 จัดเตรียมค่าใชจ้ า่ ยในระหว่างการคัดกรอง และการใหบ้ รกิ ารเบื้องตน้ สำหรบั บุคคลท่ีเขา้ ส่กู ระบวนการคดั กรอง เชน่ อาหาร น้ำดม่ื ของใชจ้ ำเป็นส่วนบคุ คล เป็นต้น 3.7 ดำเนนิ การสัมภาษณค์ ัดกรอง และส่งต่อบคุ คลทดี่ ำเนินการสัมภาษณ์คัดกรองเรียบร้อย แล้ว ไปยังหน่วยงานท่รี ับผิดชอบในขนั้ ตอนตอ่ ไป 3.8 หน่วยงานด่านหนา้ รวบรวมสถิตกิ ารคดั กรอง และรายงานใหศ้ ูนย์ปฏบิ ตั ิการป้องกนั และ ปราบปรามการค้ามนษุ ยจ์ ังหวัด ทราบเป็นประจำทกุ เดือนตอ่ ไป 3.9 ค่าใช้จ่ายในการคัดกรองของหน่วยงานด่านหน้า ให้เบิกจ่ายจากเงินกองทุนเพื่อกา ร ป้องกันและปราบปรามการคา้ มนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสงั คมและความม่นั คงของมนุษย์ 4. แนวทางการคัดกรอง (Screening Process) หน่วยงานด่านหน้ามอบหมายผู้ทำหน้าที่คัดกรอง ซ่ึงต้องเป็นผูท้ ี่มีความรูแ้ ละมีความเข้าใจ เกี่ยวกับการคา้ มนุษย์ การบงั คับใชแ้ รงงานหรอื บรกิ าร หรือเป็นบคุ คลทม่ี อี ำนาจหน้าท่ี เชน่ พนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี ตามกฎหมาย โดยให้ผู้มีหน้าทคี่ ัดกรอง ดำเนนิ การตามน้ี 4.1 ดำเนินการโดยคำนึงถึงความพร้อมท้ังด้านร่างกายและจิตใจของบุคคล และต้อง ดำเนินการกับบคุ คลดังกลา่ วในฐานะเป็น “ผู้ทีไ่ ด้รับการชว่ ยเหลือคมุ้ ครอง” และดำเนนิ การภายใต้มาตรการ รักษาความลบั อย่างเคร่งครดั 4.2 นำข้อมูลรายงานพฤติการณ์เบื้องต้น ที่ได้รับจากหน่วยงานรบั แจ้งเหตุมาประกอบการ สมั ภาษณ์คดั กรอง 4.3 สอบถามข้อเทจ็ จรงิ โดยการซกั ถามข้อมูล กรณีต้องสัมภาษณ์ข้อมูลผ่านล่ามแปลภาษา ให้พิจารณาใช้ล่ามที่ผ่านการอบรมที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ กฎหมายทเี่ กยี่ วขอ้ งกับกระบวนการยุติธรรมก่อนเปน็ อันดับแรก หา้ มใช้ผู้รว่ มเดินทางเปน็ ล่าม 4.4 กรณีที่ต้องใช้ทีมสหวิชาชีพในการสัมภาษณ์คัดกรอง ให้หน่วยงานดานหน้าเชิญ ทมี สหวิชาชพี เทา่ ทจี่ ำเป็น 4.5 ก่อนสมั ภาษณ์ ให้ผูท้ จ่ี ะสัมภาษณ์ชีแ้ จงสิทธิและขั้นตอนการดำเนนิ การตามกลไกให้ผู้ที่ จะถูกสัมภาษณ์ทราบ (แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมรายละเอียดการดำเนินงานตามเอกสารแนบ 2 เทคนิคการ สัมภาษณแ์ บบ PEACE Model ในภาคผนวก)
14 4.6 การสัมภาษณ์คัดกรอง ให้พิจารณาสัมภาษณ์คัดกรอง ตามแบบคดั กรองของหนว่ ยงาน หรือแบบคัดกรองที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การค้ามนุษย์ หรือแบบคัดกรองที่มีการจัดทำขึ้นมาเป็นการเฉพาะ ซึ่งได้รวมข้อบ่งชี้การค้ามนุษย์ แรงงาน บังคับเข้าไว้ด้วยแล้ว (ดูเพิ่มเติมในเอกสารแนบ 3 สิ่งบ่งชี้ของสถานการณ์การค้ามนุษย์และการบังคับใช้ แรงงานหรือบรกิ าร เอกสารแนบ 4 ประเดน็ คำถามในการคดั กรองคัดแยก และเอกสารแนบ 5 แบบสัมภาษณ์ ท่อี าจพจิ ารณานำมาใชใ้ นชว่ งของการคดั กรองเบ้อื งต้น ในภาคผนวก) 4.7 ในการสัมภาษณ์คัดกรองบุคคลต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ให้มีเจ้าหน้าที่จาก สำนักงานตรวจคนเขา้ เมืองในพื้นทีเ่ ข้ารว่ มการคัดกรองด้วยทุกครั้ง หรอื หากเป็นกรณีบุคคลต่างด้าวท่มี ีการ หลบหนีเข้าเมืองทางทะเล ให้ประสานศูนย์อำนวยการรกั ษาผลประโยชน์ของชาตทิ างทะเล (ศรชล.) เพื่อเข้า ร่วมในการคัดกรอง 4.8 ในระหว่างการสัมภาษณ์คดั กรอง ให้ผู้สัมภาษณ์ ดำเนินการตามหลักการสากลว่าด้วย การคุ้มครองชว่ ยเหลือ เช่น การคำนงึ ถงึ บาดแผลทางจติ ใจ การไมท่ ำให้เกดิ บาดแผลทางจิตใจซ้ำ การคำนึงถึง ความแตกตา่ งทางเพศ ภาษา วฒั นธรรม ความเช่ือและประเพณี เปน็ ต้น 4.9 ในระหวา่ งการสมั ภาษณ์คดั กรอง ตอ้ งไม่ให้บคุ คลอืน่ ทีไ่ มเ่ ก่ียวขอ้ งอยู่ในพื้นที่สัมภาษณ์ โดยเฉพาะบุคคลที่อาจเปน็ ผู้ควบคมุ นายหน้า เจา้ ของสถานประกอบการ หรือบคุ คลท่ีมพี ฤติการณน์ ่าสงสัยว่า จะเป็นผ้กู ระทำผิดหรือเก่ยี วขอ้ งกบั ผู้กระทำความผดิ เชน่ คนทผ่ี ูก้ ระทำผดิ มอบหมายใหแ้ ฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ท่ี จะถูกสัมภาษณ์ และควรแยกทำการสัมภาษณ์เป็นรายบคุ คล 4.10 เมื่อทำการสัมภาษณ์คัดกรองเสร็จสิ้น ให้หัวหน้าหน่วยงานด่านหน้า หรือผู้ที่ได้รับ มอบหมายให้ดำเนนิ การคัดกรอง สรุปและลงความเหน็ (หรอื ลงความเหน็ ร่วมกัน กรณมี ีตง้ั แต่ 2 หน่วยขน้ึ ไป) ว่าบคุ คลดังกล่าวเป็นบคุ คลที่มเี หตุอันควรเช่ือว่าจะเปน็ ผเู้ สยี หายหรือไม่ 4.11 ให้หน่วยงานด่านหน้า ให้การช่วยเหลือเบ้ืองต้นแก่บุคคลที่มีเหตอุ ันควรเชื่อว่าจะเป็น ผู้เสียหาย โดยให้พิจารณานำตัวออกจากสถานที่อันอาจก่อให้เกิดอันตราย ให้นำไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัย กรณีที่มีความเสี่ยงจะเกิดอันตราย ให้รีบประสานแจง้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หากเป็นเด็กให้ติดต่อหน่วยงานที่มี หนา้ ทรี่ บั ผิดชอบในการคมุ้ ครองเดก็ ทนั ที และยดึ หลักการว่าจะต้องไม่อยใู่ นภาวะถกู ควบคมุ ตัวโดยให้เคารพ ตอ่ สิทธคิ วามเป็นส่วนตัว และการรักษาข้อมลู ส่วนบุคคลไวเ้ ปน็ ความลบั และตอ้ งหลกี เล่ยี งการทำใหผ้ เู้ สยี หาย ได้รับความบอบชำ้ ทางจิตใจซ้ำ (re-traumatization) 4.12 ให้หนว่ ยงานด่านหน้าร่วมกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง แจ้งข้อมลู ให้บุคคลที่มีเหตุอันควร เชื่อว่าจะเป็นผู้เสียหายทราบถึงขั้นตอนกระบวนการและระยะเวลาในการให้ความช่วยเหลือในกลไก NRM
15 (ความรู้ของเจ้าหน้าทีเ่ กี่ยวกบั กระบวนการ NRM รวมท้ังบรกิ ารตา่ ง ๆ ทพี่ วกเขาจะไดร้ ับระหว่างอยู่ในกลไก จะช่วยสรา้ งความมัน่ ใจใหบ้ คุ คลที่มีเหตุอนั ควรเชื่อวา่ จะเปน็ ผเู้ สยี หาย โดยใหเ้ จ้าหนา้ ท่ีของหนว่ ยงานด่านหน้า อธิบายขั้นตอนการดำเนินการและสิทธิที่จะได้รับระหว่างอยู่ในกลไก NRM เช่น สถานที่ บริการต่าง ๆ และ ระยะเวลาในการดำเนินการ เป็นต้น) 4.13 หน่วยงานด่านหน้า ประสานแจ้งหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการเปิดศูนย์บูรณาการ การคดั แยก3 เพือ่ ส่งต่อบคุ คลทีม่ ีเหตุอันควรเช่ือวา่ จะเป็นผู้เสียหาย เขา้ สกู่ ระบวนการคัดแยกต่อไป - กรณีเป็นคนไทย หรือคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาและอยู่ในประเทศโดยถูกต้อง ตามกฎหมายให้สอบถามและลงนามในเอกสารให้ความยินยอมเข้าสู่กลไก NRM ส่วนกรณีท่ีเป็นเด็กให้ส่งตวั เข้าสูก่ ลไก NRM ทุกกรณี (กรณีทเ่ี ป็นเดก็ อาจใชบ้ ้านพกั เด็กและครอบครวั เป็นสถานท่ดี ำเนินการตามกลไก) - กรณีเป็นคนต่างด้าวที่ลักลอบเดินทางเข้าประเทศ หรืออยู่ในประเทศโดยผิด กฎหมาย ใหส้ ่งตัวเข้าสู่กลไก NRM ทกุ กรณี โดยการเอาตวั ไว้ในความดแู ลระหว่างหาขอ้ มูลเพ่ือยืนยันว่าเป็น ผเู้ สียหายหรือไม่ ให้ใชอ้ ำนาจตาม พ.ร.บ. คนเขา้ เมือง พ.ศ. 2522 ปัจจัยท่ีอาจทำให้บุคคลเหล่าน้ีไมป่ ระสงคเ์ ขา้ กลไก NRM - หวาดกลัวเจ้าหน้าท่ี - ไม่เชือ่ คำรับรองเรือ่ งความปลอดภัย - ถกู คุกคามจากผ้แู สวงประโยชน์ - ยงั ไม่รูห้ รือไมย่ อมรับว่าตนเป็นผู้เสยี หาย - ยงั มคี วามกงั วลเก่ยี วกับสถานการณ์เข้าเมอื ง 4.14 สำหรับบุคคลที่คัดกรองแล้ว ไม่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นผู้เสียหาย ให้หน่วยงาน ดา่ นหน้าดำเนนิ การประสานแจ้งหน่วยงานที่มอี ำนาจหน้าทมี่ ารบั ตัวเพื่อดำเนนิ การต่อไป - กรณเี กยี่ วข้องกบั การลักลอบเขา้ เมือง ใหป้ ระสานสำนกั งานตรวจคนเขา้ เมือง - กรณเี กย่ี วข้องกับกฎหมายแรงงาน ให้ประสานหน่วยงานกระทรวงแรงงาน - กรณีท่เี ป็นเด็ก ใหป้ ระสานหน่วยงานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของ มนุษย์ ใหก้ ารช่วยเหลือตามภารกจิ หน้าที่ 3 หน่วยงานทีม่ หี น้าทใ่ี นการเปดิ ศูนย์บูรณาการการคัดแยก โปรดดใู นสว่ นที่ 3 ขั้นตอนการคัดแยก
16 ขอ้ ควรพิจารณาและพงึ ระมดั ระวงั ระหวา่ งการคัดกรองเบ้ืองตน้ 1. การซกั ถาม สอบถามขอ้ มูลใด ๆ เป็นไปเพอ่ื การให้ความชว่ ยเหลอื บคุ คลน้ัน อยา่ งเหมาะสม ไมใ่ ชก่ ารสอบสวนหรือสอบปากคำท้ังในฐานพยานและผเู้ สียหาย 2. ในกรณที ีเ่ จา้ หน้าทีต่ ำรวจไมไ่ ดเ้ ขา้ มาเกีย่ วขอ้ งแต่แรก ให้มีการประสานงาน แจ้งใหเ้ จา้ หน้าทีต่ ำรวจทราบการใหค้ วามช่วยเหลือดงั กลา่ วโดยไมช่ กั ช้า 5. แนวทางการสง่ ต่อขอ้ มลู การคัดกรอง หน่วยงานดา่ นหนา้ ทีด่ ำเนนิ การคดั กรองจะต้องดำเนินการจดั เกบ็ ข้อมูลท่ไี ด้จากการคัดกรอง ดังนี้ • กรณีเปน็ บุคคลที่มเี หตุอันควรเชอื่ ว่าจะเป็นผเู้ สียหาย ให้ประสานส่งต่อหน่วยงานท่ีมี หน้าที่ในศูนย์บูรณาการการคัดแยก พร้อมทั้งส่งต่อข้อมูลที่ได้จากการคัดกรองให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ใน การคดั แยกดว้ ย หากหน่วยงานดา่ นหนา้ เป็นหน่วยงานที่มหี นา้ ท่ีในศนู ยบ์ รู ณาการการคัดแยก ให้ดำเนินการ ขออนุมัติเปดิ ศูนย์ฯ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการคัดแยกใช้ในการประกอบการพิจารณาเพ่ือคัดแยกอย่าง เปน็ ทางการตอ่ ไป • กรณไี ม่มพี ฤตกิ ารณท์ ีเ่ ก่ียวข้องกบั การคา้ มนุษย/์ แรงงานบังคบั ใหห้ นว่ ยงานด่านหน้า จดั เก็บข้อมลู ไว้ท่ีหน่วยงานสำหรับการตรวจสอบบคุ คลในอนาคต และใหม้ กี ารรายงานสถติ ิการคดั กรองไปยัง ศนู ย์ปฏิบตั ิการป้องกนั และปราบปรามการค้ามนุษย์จงั หวดั เพ่ือรวบรวมผลการดำเนินงานต่อไป
17 ส่วนท่ี 3 ขน้ั ตอนการคัดแยก (Victim Identification) ขั้นตอนการดำเนินการคัดแยกอย่างเป็นทางการ โดยหน่วยงานที่มีหน้าที่ในศูนย์บูรณาการ การคัดแยก รับข้อมูลบุคคลทีม่ ีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นผู้เสียหายจากหน่วยงานด่านหน้า เพื่อเข้าสู่การ ให้บรกิ ารชว่ งระยะเวลาการฟ้ืนฟูไตรต่ รอง (Reflection Period) ซงึ่ จะมีระยะเวลาทีเ่ พียงพอและเหมาะสม ในการท่ีจะทบทวนเรื่องราวทีเ่ กิดขึ้น และพร้อมที่จะใหข้ ้อมลู แก่เจ้าหน้าที่ ประกอบการคัดแยกอยา่ งเปน็ ทางการตอ่ ไป ผู้มีหน้าที่ในการคัดแยก (Competence Authority) เป็นบุคคล/กลุ่มบุคคลที่มีหน้าที่ในการ คัดแยกอย่างเป็นทางการ ภายใต้กลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism) โดยคำวินิจฉัยของผู้มีอำนาจในการคัดแยก จะถือเป็นการพิจารณาว่าบุคคลที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าเป็น ผู้เสียหาย เป็นผู้เสียหายอยา่ งเป็นทางการหรือไม่ ก่อนจะดำเนินการในขน้ั ตอนทเี่ กี่ยวข้องต่อไป ผู้จัดการรายกรณี (Case Manager) มีหน้าที่ในการสัมภาษณ์จัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมกับบุคคล ที่มีเหตอุ นั ควรเชอ่ื ว่าอาจจะเป็นผ้เู สียหาย ในระหว่างท่อี ยใู่ นชว่ งระยะเวลาฟนื้ ฟไู ตร่ตรอง 1. ผูม้ ีหน้าที่ในการคัดแยก ทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกยี่ วข้องดังตอ่ ไปนี้ 1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้แก่ ผู้บังคบั การตำรวจภธู รจงั หวดั /ผู้บังคับการตำรวจ นครบาล/ ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนษุ ย์ / หัวหน้าตรวจคนเข้าเมืองจงั หวัด หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย แลว้ แต่กรณี 2. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้แก่ พัฒนาสังคมและ ความมน่ั คงของมนษุ ยจ์ งั หวัด ผอู้ ำนวยการกองตอ่ ตา้ นการค้ามนษุ ย์ หวั หนา้ บา้ นพกั เดก็ และครอบครัวจังหวัด หรือผู้ที่ไดร้ ับมอบหมายแล้วแตก่ รณี 3. กระทรวงแรงงาน (รง.) ได้แก่ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด หัวหน้า ศูนย์บญั ชาการป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน (ศป.คร.) ผู้อำนวยการสำนักคุม้ ครองแรงงาน กรมสวสั ดิการ และคุ้มครองแรงงาน หรอื ผู้ทไี่ ดร้ บั มอบหมายแล้วแต่กรณี 4. กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้แก่ ปลัดจังหวัด หรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย ผ้อู ำนวยการสำนักการสอบสวนและนติ ิการ กรมการปกครอง หรอื ผู้ที่ไดร้ บั มอบหมายแล้วแตก่ รณี
18 5. กระทรวงยุตธิ รรม (ยธ.) ได้แก่ ผอู้ ำนวยการกองคดีคา้ มนษุ ย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรอื ผ้ทู ไี่ ดร้ ับมอบหมายแล้วแต่กรณี 6. ผแู้ ทนองคก์ รภาคเอกชนทเ่ี ปน็ หน่วยปฏิบัติการในการให้ความช่วยเหลือในกรณีน้ันตั้งแต่ เร่ิมตน้ 2. บทบาทหน้าทขี่ องผ้มู ีหน้าที่ในการคัดแยก (ทมี สหวิชาชีพ) ผู้มีหน้าที่ในการคัดแยก (Competence Authority) มหี น้าทีใ่ นการพิจารณาว่าบคุ คลทีม่ ีเหตุ อันควรเชื่อว่าจะเป็นผู้เสียหายที่ส่งต่อมาจากหน่วยงานด่านหน้า (First Responders) เป็นผู้เสียหายจาก การค้ามนุษย์หรือไม่ โดยพิจารณาจากข้อมูลทีไ่ ดจ้ ากการสัมภาษณ์ ประกอบกับขอ้ มลู อ่ืน ๆ ที่ได้รับระหวา่ ง ช่วงระยะเวลาฟื้นฟไู ตร่ตรอง และสง่ ตอ่ ผ้เู สียหายจากการค้ามนุษย์ หรอื การบงั คบั ใช้แรงงานหรือบรกิ าร เข้าสู่ กระบวนการคมุ้ ครองช่วยเหลือต่อไป 3. แนวทางการดำเนนิ การของศนู ยบ์ ูรณาการการคดั แยก กรณตี า่ งจงั หวดั 3.1 กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัด รับผิดชอบในการกำหนดสถานท่ีศูนย์ บรู ณาการการคัดแยก ดังน้ี 1) ศูนย์ฯ ต้องมีลักษณะอาคารพร้อมใช้งาน มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีระบบไฟฟ้า ประปา ท่ีพร้อมใช้งาน มีที่พัก พร้อมจัดหาเครื่องนอน ห้องอาบน้ำ และสุขา โดยแยกเป็นสัดส่วนพื้นที่ชาย - หญิง มีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร มีพื้นที่สำหรับซักล้าง และมีระบบรักษาความปลอดภัยเบื้องต้น มีพื้นที่ สำหรับเปน็ ห้องให้คำปรกึ ษาแกผ่ ูท้ ีเ่ ข้ารบั บริการในศนู ย์บูรณาการคดั แยก 2) รับผิดชอบกำหนดมาตรการรกั ษาความปลอดภัย โดยมอบหมายให้เจา้ หน้าที่ฝ่ายปกครอง / เจา้ หน้าที่ อส. ปฏิบตั หิ นา้ ท่ีในการดแู ลรกั ษาความปลอดภยั บริเวณรอบนอกศนู ย์ฯ รวมท้งั รับผิดชอบในการ อนญุ าตและตรวจตราการเข้า-ออก พื้นท่ีศูนย์ฯ 3) รบั ผดิ ชอบคา่ ใช้จา่ ยของสถานที่ และเจา้ หนา้ ที่ทีด่ แู ลความปลอดภยั 3.2 กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมนั่ คงของมนษุ ย์ โดยสำนักงานพัฒนาสงั คมและ ความมนั่ คงของมนุษย์จงั หวัด รบั ผดิ ชอบในการบริหารจดั การดูแลและช่วยเหลือบคุ คลทอ่ี ยใู่ นศูนยบ์ ูรณาการ การคัดแยก ดังนี้
19 1) มอบหมายเจ้าหน้าที่เปน็ ผู้จัดการรายกรณีของศูนย์บรู ณาการการคัดแยก เพื่อทำหน้าท่ี บรหิ ารจดั การการดูแลช่วยเหลือบุคคลทีอ่ ยู่ในศนู ย์บูรณาการคดั แยก 2) รับผดิ ชอบค่าใชจ้ ่ายในการให้ความช่วยเหลอื เป็นค่าอาหาร ค่าสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น ค่ารกั ษาพยาบาลเบ้ืองต้น รวมถึงคา่ ใชจ้ า่ ยท่ีจำเป็นอื่น ๆ 3) จัดเจ้าหน้าที่ และประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดเจ้าหน้าที่เข้าร่วมทำการ ซักถาม เก็บรวบรวมข้อเท็จจริง และประเมินความพร้อมของบุคคลดังกล่าวเป็นระยะ ร่วมกับหน่วยงาน ท่เี ก่ียวขอ้ ง เพอ่ื พิจารณาความพรอ้ มที่จะเขา้ สูก่ ารคดั แยกอยา่ งเปน็ ทางการเป็นระยะ 4) ประสานผู้ที่มีหน้าที่คัดแยกอยา่ งเป็นทางการ และจัดให้มีกระบวนการคัดแยกอย่างเป็น ทางการ เม่ือบุคคลนั้นมีความพร้อม หรอื เมือ่ ครบกำหนดระยะเวลาของระยะเวลาฟืน้ ฟไู ตร่ตรอง (15 วนั ) กรณีที่ผู้มีหน้าทีใ่ นการคัดแยกเห็นว่ากรณีมีเหตุจำเปน็ อยา่ งย่ิง ทำให้ไม่สามารถคัดแยกได้ ภายในกำหนด 15 วัน สามารถขยายระยะเวลาการฟื้นฟูไตร่ตรอง (Reflection Period) ดังกล่าวออกไปได้ เท่าที่จำเปน็ แต่ตอ้ งบนั ทกึ เหตุผลไว้ดว้ ย 3.3 กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ร่วมกับ สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานแรงงานจังหวัด มีหน้าท่ีเช่นเดียวกับสำนักงานพัฒนาสังคมและ ความมัน่ คงของมนษุ ย์จงั หวัด ตามข้อ 3.2 โดยเฉพาะกรณีท่ีเกีย่ วข้องกับ การค้ามนุษย์ด้านแรงงาน และการ บังคบั ใชแ้ รงงานหรือบริการ 3.4 สำนกั งานตำรวจแห่งชาติ รบั ผิดชอบ ดังน้ี 1) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด หรือตรวจคนเข้าเมือง จังหวัด ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าทีต่ ามกฎหมายวา่ ด้วยคนเขา้ เมือง - ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง - ส่งตวั คนตา่ งดา้ วท่ีมเี หตุอันควรเช่อื นว่าเป็นผูเ้ สียหายไปยงั ศนู ย์ฯ - รับตัวคนต่างด้าวที่ผ่านการคัดแยกอย่างเป็นทางการ แล้วพบว่าไม่เป็นผู้เสียหายไป ดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.บ.คนเขา้ เมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ 2) สถานตี ำรวจในเขตอำนาจพ้นื ทเี่ กิดเหตุ ดำเนินการสบื สวนเพอ่ื หาข้อเท็จจรงิ และรวบรวม พยานหลักฐานเบือ้ งต้น โดยอาจรบั ข้อมลู จากทีมสหวชิ าชีพหรอื หนว่ ยงานดา่ นหนา้
20 กรณกี รงุ เทพมหานคร/ส่วนกลาง 1) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร รับผิดชอบในการกำหนดสถานที่และ บรหิ ารจัดการดแู ลความปลอดภยั ของศูนยฯ์ และคา่ ใชจ้ ่ายท่ีเกีย่ วข้อง 2) กองต่อต้านการค้ามนุษย์ (พม.), ศูนย์บัญชาการป้องกันการค้ามนุษยด์ ้านแรงงาน (รง.), ร่วมกันรับผิดชอบในการดูแลให้ความช่วยเหลือบุคคลที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็นผู้เสียหายและค่าใช้จ่าย ท่ีเกีย่ วขอ้ ง 3) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้การสนับสนุนการใช้อำนาจตามกฎหมาย กรณีบุคคลที่มี เหตุอนั ควรเชอื่ ว่าจะเปน็ ผ้เู สยี หายเปน็ คนต่างดา้ วทีล่ ักลอบเขา้ ประเทศหรอื อยใู่ นประเทศโดยผิดกฎหมาย 4) สำนกั การสอบสวนและนติ ิการ กรมการปกครอง (มท.) ใหก้ ารสนบั สนุนบคุ ลากรในการหา ขอ้ เท็จจริงเพ่ือประกอบการคัดแยก 5) กองคดีค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ยธ.) ให้การสนับสนุนบุคลากรในการหา ข้อเทจ็ จรงิ เพื่อประกอบการคัดแยก 4. กลุม่ เปา้ หมายของศนู ยบ์ รู ณาการการคดั แยก 4.1 บคุ คลไม่มีสถานะทางกฎหมาย ไมม่ ีเอกสารประจำตัว เข้าเมอื งมาผดิ กฎหมาย 4.2 กรณคี นไทยหรอื บคุ คลต่างดา้ วทีม่ เี อกสารประจำตวั ถูกต้อง (กรณมี กี ารรอ้ งขอ) 5. แนวทางการดำเนินงานในขนั้ ตอนการคดั แยกผู้เสยี หายอย่างเป็นทางการ 5.1 ผู้จัดการรายกรณี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย รับตัวบุคคลที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะเป็น ผู้เสียหายไว้ในศูนย์บูรณาการการคัดแยก และให้บุคคลดังกล่าวเข้าสู่ห้วงระยะเวลาฟื้นฟูไตร่ตรอง (Reflection Period)4 5.2 ผู้จดั การรายกรณี หรือผ้ทู ไ่ี ด้รบั มอบหมาย ดำเนินการใหม้ ีการจัดบริการเบ้ืองต้นในช่วง ระยะเวลาการฟื้นฟูไตร่ตรอง เช่น การจัดบริการปัจจัยสี่ การให้คำปรึกษาแนะนำ การประสานการ รกั ษาพยาบาลความเจ็บป่วย การประเมินความพร้อมของบุคคลดังกลา่ ว 5.3 ผูจ้ ัดการรายกรณี อาจมกี ารซกั ถามข้อมูลเพ่มิ เติมกับบคุ คลทมี่ ีเหตุอันควรเช่ือว่าจะเป็น ผู้เสียหาย โดยพิจารณาข้อมูล/ข้อเท็จจริงที่ได้จากขั้นตอนการคัดกรอง เพื่อกำหนดประเด็นในการสัมภาษณ์ 4ระยะเวลาฟื้นฟูไตรต่ รอง (Reflection Period) ตามกลไก NRM โดยรวม 45 วนั
21 เพิ่มเติม หรือประเด็นที่ต้องการได้รับข้อมูลเพิ่มเตมิ ทั้งนี้ให้มีการประเมินความพร้อมบุคคลก่อนดำเนินการ การสัมภาษณ์เพื่อหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ให้ดำเนินการสัมภาษณ์เฉพาะประเด็นที่นำไปใช้ในการพิจารณา เพื่อคัดแยกผู้เสียหายอยา่ งเปน็ ทางการเท่านัน้ โดยอาจยึดองค์ประกอบตามกฎหมายวา่ ด้วยการป้องกนั และ ปราบปรามการค้ามนษุ ย์ และการสมั ภาษณเ์ พ่อื หาขอ้ เทจ็ จริงเพมิ่ เตมิ ไมใ่ ชก่ ารสอบสวน 5.4 ในระหว่างการสัมภาษณ์ข้อเท็จจรงิ เพิม่ เตมิ ให้พิจารณาดำเนินการเช่นเดียวกับข้ันตอน การสมั ภาษณใ์ นขัน้ ตอนการคดั กรอง (Screening Process) ข้อ 4.6 (ดตู วั อยา่ งประเด็นคำถามในการคัดกรอง คดั แยก ตามเอกสารแนบ 4 ในภาคผนวก) 5.5 เม่ือผู้จดั การรายกรณี ไดข้ ้อมลู จากการสมั ภาษณเ์ พ่ิมเตมิ ครบถ้วนแล้ว และบุคคลทอ่ี ยู่ใน ความคุ้มครองนั้นมีความพร้อม หรือเมื่อครบกำหนดระยะเวลาของระยะเวลาฟื้นฟูไตร่ตรอง (15 วัน) ให้กำหนดการประชุมเพื่อพิจารณาการคัดแยกอย่างเป็นทางการ โดยให้ผู้จัดการรายกรณี เชิญผู้มีหน้าท่ี คดั แยก (CA) เข้าร่วมการประชมุ เพ่อื พจิ ารณาการคดั แยกอย่างเป็นทางการ กรณีที่ผู้มีหน้าที่ในการคัดแยกเห็นว่ากรณีมีเหตุจำเป็นอยา่ งยิ่ง ทำให้ไม่สามารถคดั แยกได้ภายในกำหนด 15 วัน สามารถขยายระยะเวลาการฟื้นฟูไตร่ตรอง ( Reflection Period) ดังกล่าว ออกไปไดเ้ ทา่ ท่ีจำเปน็ แตต่ ้องบนั ทกึ เหตุผลไวด้ ว้ ย 5.6 การประชุมเพื่อพิจารณาการคัดแยกอย่างเป็นทางการ ให้มีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย CA (ผู้มีหน้าที่คัดแยก), CM (ผู้จัดการรายกรณี) และผู้เชี่ยวชาญในประเด็นที่จะให้ความเห็น เพิ่มเติม เช่น กรณีทีบ่ ุคคลเข้ารับการประเมนิ ทางจิต ในช่วงระยะเวลาฟืน้ ฟูไตร่ตรอง อาจเชิญจิตแพทย์หรอื นักจิตวทิ ยาที่ทำการรกั ษา เข้ารว่ มให้ข้อมูลด้วย เป็นต้น 5.7 การพิจารณาคัดแยกอยา่ งเป็นทางการ ให้พิจารณาจากข้อมูล/ข้อเท็จจริง ที่ได้มาตั้งแต่ ขัน้ ตอนการรับแจ้ง/รับทราบ ข้ันตอนการคดั กรอง การสัมภาษณเ์ พิ่มเตมิ โดย CM (ผูจ้ ัดการรายกรณี) และ/ หรอื เอกสารหลกั ฐานอืน่ ๆ ท่ีได้มาเพ่มิ เติม ประกอบการพจิ ารณารว่ มกัน กรณีที่ประชมุ ไมส่ ามารถพจิ ารณาคัดแยกอย่างเปน็ ทางการไดใ้ นพ้ืนที่ ใหผ้ ู้จัดการราย กรณี หรือผู้มีหน้าที่คัดแยก ขอรับคำปรึกษาจากคณะกรรมการระดับชาติ (ตามแผน ปกค.) ประกอบการ พิจารณาได้ 5.8 เมื่อที่ประชุมได้พิจารณาคัดแยกอย่างเป็นทางการแลว้ ให้ผู้จัดการรายกรณีดำเนินการ แจ้งสิทธขิ องผูเ้ สียหายและสอบถามความสมัครใจการเข้ารับการคุ้มครอง (ลงนามในแบบแจ้งสิทธิผู้เสียหาย จากการคา้ มนษุ ย์ ตามเอกสารแนบ 9 ในภาคผนวก ) และดำเนนิ การตามแนวทางในข้อ 6 ต่อไป
22 5.9 ผู้จัดการรายกรณี จัดทำรายงานสรุปผลการประชุมเพื่อพิจารณาคัดแยกอย่างเป็น ทางการ และลงลายมือชื่อผู้ที่ทำหน้าที่คัดแยก และส่งต่อหน่วยงานในขั้นตอนการคุ้มครองและหน่วยงาน บังคับใช้กฎหมายเพอื่ ดำเนินการในส่วนทเ่ี ก่ยี วขอ้ งตอ่ ไป 5.10 ผู้จัดการรายกรณี จัดทำสรุปผลการคัดแยก รวบรวมข้อมูลของศูนย์บูรณาการ การคัดแยกจังหวัด เสนอทีป่ ระชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษยจ์ ังหวัดทราบ และสง่ ข้อมูลให้คณะอนกุ รรมการขับเคล่อื นกลไกการส่งระดับชาติ รวบรวมต่อไป 6. แนวทางการดำเนนิ งานสง่ ต่อภายหลงั การคัดแยกผู้เสยี หายอย่างเป็นทางการ 6.1 กรณีเปน็ ผเู้ สยี หาย • กรณีผูเ้ สยี หายมีความประสงค์เขา้ รับการคุ้มครองในหน่วยงาน ใหผ้ จู้ ดั การรายกรณี ดำเนินการประสานสง่ ตัวผู้เสียหายเข้ารบั การคุ้มครอง ณ สถานคุ้มครองของกระทรวงการพัฒนาสังคมและ ความมั่นคงของมนุษย์ ตามมาตรา 33 พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 หรือสถาน คมุ้ ครองเอกชนแลว้ แตก่ รณี ตามข้นั ตอนการคุ้มครองของ กลไก NRM • กรณีผเู้ สียหายไม่มคี วามประสงค์ เขา้ รับการคุ้มครองในหน่วยงาน - สำหรับผู้เสียหายสัญชาติไทยและต่างด้าวที่เข้าเมืองถูกกฎหมายและมีที่อยู่เป็น หลักแหล่ง ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือกระทรวงแรงงาน ติดตามให้การ ชว่ ยเหลือตามสภาพปญั หา และสทิ ธิตามกฎหมายทเี่ ก่ยี วขอ้ ง - สำหรับผู้เสียหายต่างชาติเข้าเมืองไม่ถูกต้องกฎหมายตามกฎหมาย ให้เข้ารับ คุ้มครองในสถานคุ้มครองของกระทรวง พม. ไปพลางก่อน และให้กระทรวง พม. ประสานส่งกลับประเทศ ตอ่ ไป 6.2 กรณีไม่เปน็ ผ้เู สยี หาย 1. หากพบว่ามีการกระทำความผิดกฎหมายแรงงานอื่น ๆ เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครอง แรงงาน พ.ศ.2541 พระราชบญั ญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2528 เป็นต้น ให้หน่วยงานสังกดั กระทรวงแรงงานดำเนินการชว่ ยเหลอื ตามอำนาจหนา้ ท่โี ดยเร็ว 2. หากพบว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการ ค้าประเวณี พ.ศ.2539 ให้หน่วยงานด่านหน้าประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนนิ การชว่ ยเหลือฟน้ื ฟูตามอำนาจหนา้ ทต่ี อ่ ไป
23 3. หากเป็นเดก็ ทพ่ี งึ ได้รบั การคมุ้ ครองใหห้ น่วยงานด่านหนา้ ประสานพนกั งานเจา้ หน้าที่ตาม พระราชบัญญัติคุม้ ครองเดก็ พ.ศ. 2546 ดำเนนิ การคุ้มครองเดก็ โดยคำนึงถงึ ประโยชน์สูงสดุ ของเดก็ เปน็ ทตี่ ั้ง 4. หากพบว่าเปน็ บคุ คลต่างด้าวเขา้ เมอื งผดิ กฎหมายใหห้ น่วยงานด่านหน้าแจง้ ต่อสำนักงาน ตรวจคนเขา้ เมืองในพืน้ ทีเ่ พ่ือดำเนินการผลักดันตามกฎหมายว่าดว้ ยคนเขา้ เมอื งตอ่ ไป
24 ส่วนที่ 4 ขัน้ ตอนการคุม้ ครอง (Protection Process) ขัน้ ตอนการคุ้มครอง เป็นขั้นตอนสดุ ทา้ ยของกลไกการส่งต่อระดบั ชาติ (NRM) เป็นข้นั ตอนของการ คุ้มครองผูเ้ สียหายจากการค้ามนุษย์ หรือผู้เสียหายจากการบงั คบั ใช้แรงงานหรือบริการ โดยกระทรวงการ พัฒนาสงั คมและความมัน่ คงของมนษุ ย์ จะเปน็ หน่วยงานในการทำหน้าทีใ่ หก้ ารชว่ ยเหลือคุ้มครองผเู้ สยี หาย ตามกฎหมาย และตามความสมคั รใจของผเู้ สียหายต่อไป 1. หนว่ ยงานที่ทำหนา้ ทีใ่ นการคมุ้ ครอง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นหน่วยงานหลักในการ ดำเนินการให้การคุ้มครองและช่วยเหลือผูเ้ สยี หายจากการคา้ มนุษย์ ดังน้ี - สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ 9 แห่ง และสถานแรกรับ เด็กชายปากเกร็ด (บ้านภูมิเวท) จังหวัดนนทบรุ ี กรณีที่ผู้เสียหายประสงคเ์ ข้ารบั การคุ้มครอง และผูเ้ สียหาย ทร่ี อการส่งกลบั - สถานคุม้ ครองเอกชน ทีจ่ ดทะเบยี น เป็นสถานคุ้มครองผเู้ สียหายจากการคา้ มนุษย์ กบั กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมนั่ คงของมนุษย์ กรณีท่ผี ู้เสยี หายมคี วามประสงคเ์ ข้ารบั การคมุ้ ครองใน สถานค้มุ ครองเอกชน - ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษยจ์ ังหวัด กรณีที่ผู้เสียหายไม่ ประสงค์เขา้ รบั การคมุ้ ครอง และไปพกั อาศยั ในพ้ืนทจี่ งั หวดั นนั้ - กองต่อต้านการคา้ มนษุ ย์ กรณีทีผ่ ูเ้ สียหายไม่ประสงคเ์ ข้ารบั การคุม้ ครอง และไป พกั อาศยั ในพืน้ ทก่ี รุงเทพมหานคร ขอ้ แนะนำเพิ่มเติม กรณเี ป็นผเู้ สียหายจากการค้ามนุษยด์ ้านแรงงาน การบงั คบั ใชแ้ รงงานหรอื บริการ อาจดำเนินการ ประสานกระทรวงแรงงาน ในการดำเนินการใหก้ ารค้มุ ครองและชว่ ยเหลือผเู้ สียหายไดอ้ ีกหนว่ ยงานหน่ึง
25 2. บทบาทหนา้ ที่ของหน่วยงานท่ีมหี นา้ ทีค่ ุ้มครอง ให้การคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ หรือการบังคบั ใช้แรงงานหรอื บริการ ทั้งในกรณี ท่ผี เู้ สียหายมคี วามประสงคแ์ ละไม่ประสงค์เขา้ รบั การคุ้มครอง 3. แนวทางการใหก้ ารคุม้ ครองตามกลไกการสง่ ตอ่ ระดับชาติ 3.1 รับตัวผู้เสียหายจากขั้นตอนการคัดแยก เมื่อสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจาก การค้ามนุษย์ รับตัวผู้เสียหายที่สมัครใจเข้ารับการคุ้มครองแล้ว จะดำเนินการตามกระบวนการช่วยเหลือ คุ้มครอง โดยดำเนนิ การตามหลักการสากล5 ในการคุ้มครองผเู้ สยี หาย 3.2 ให้การคุ้มครองในช่วงระยะเวลา RP ในสถานคุ้มครองฯ การดำเนินการในช่วง ระยะเวลาฟืน้ ฟูและไตรต่ รอง (Reflection Period)6 ภายหลังจากทเ่ี ขา้ รบั การคุ้มครอง จะใช้ระยะเวลาไมเ่ กิน 30 วัน (นับตั้งแต่วันท่ีสถานคุ้มครองฯ รับตัวผู้เสยี หาย) เพ่ือให้ผู้เสียหายได้รับบริการที่เหมาะสม ตามความ ต้องการ ก่อนที่จะตัดสินใจให้ความร่วมมือในกระบวนการให้ข้อเท็จจริง กระบวนการช่วยเหลอื ทางกฎหมาย และการดำเนินคดกี ับผู้กระทำความผิด โดยตอ้ งคำนึงถงึ ผลกระทบจากบาดแผลทางด้านจิตใจและร่างกายของ ผ้เู สียหาย ท้งั น้ี ระยะเวลาดงั กลา่ วอาจมากหรือนอ้ ยกว่า 30 วัน ซ่งึ จะพจิ ารณาจากความพร้อมของผู้เสียหาย เป็นรายกรณี (Case by Case Basis) การประเมินความช่วยเหลือเป็นรายบุคคล โดยกิจกรรมภายใต้ช่วง ระยะเวลาฟนื้ ฟูและไตรต่ รอง แบง่ ออกเปน็ 4 สัปดาห์ คือ 1) รับเขา้ 2) ปรับตัว เรยี นรู้ 3) สร้างภมู ิคุ้มกนั และ 4) เตรียมพร้อมเพื่อการตัดสินใจ (รายละเอียดเพิ่มเติมใน “คู่มือการให้บริการในช่วงระยะเวลาฟื้นฟูและ ไตร่ตรอง (Reflection Period : RP))” ตามเอกสารแนบ 10 ในภาคผนวก) 3.3 ประเมินความพร้อมในการตัดสินใจของผู้เสียหาย สถานคุ้มครองฯ จะดำเนินการ ประเมินความพร้อมของผู้เสียหาย 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 ในรอบ 15 วัน และครั้งที่ 2 ในรอบ 30 วัน เพื่อให้ ผเู้ สียหายไดต้ ัดสนิ ใจในการใหค้ วามร่วมมือ เพอื่ เข้าส่กู ระบวนการคุ้มครองชว่ ยเหลือและกระบวนการยุตธิ รรม ตอ่ ไป ทั้งนี้ ผเู้ สียหายอาจมคี วามพรอ้ มเข้ารว่ มกระบวนการยุติธรรม “ก่อน” ครบกำหนดชว่ งระยะเวลาฟ้ืนฟู และไตรต่ รอง สถานคุ้มครองฯ สามารถดำเนินการชว่ ยเหลอื ตามกระบวนการคมุ้ ครองสวสั ดิภาพเพอ่ื ประโยชน์ สงู สดุ ของผูเ้ สยี หายไดใ้ นทันที 5 หลกั การสากลในการคุ้มครองผู้เสียหาย โปรดดใู นบทนำ 6 ระยะเวลาฟ้ืนฟูไตรต่ รอง (Reflection Period) ตามกลไก NRM โดยรวม 45 วนั
26 3.4 สอบถามความสมคั รใจในการเข้าร่วมกระบวนการยตุ ธิ รรม - กรณีไม่สมัครใจ หากผู้เสียหายประสงค์จะ “ยุติ” รับความช่วยเหลือในระหว่าง ช่วงระยะเวลาฟื้นฟูและไตร่ตรอง กรณีที่เป็นชาวต่างชาติ สถานคุ้มครองฯ ต้องรายงานให้กองต่อต้านการ ค้ามนุษย์ทราบ เพ่ือประสานประเทศต้นทางในการสง่ กลบั โดยคำนึงถงึ ความปลอดภัยของผ้เู สียหายเป็นสำคญั ทง้ั นี้ ผเู้ สยี หายสามารถขอรบั การสนับสนุนค่าใชจ้ า่ ยในการส่งกลบั คืนสู่ภมู ิลำเนาไดจ้ ากกองทนุ เพือ่ การปอ้ งกนั และปราบปรามการคา้ มนษุ ย์ กรณีทีเ่ ป็นคนไทย ใหต้ ดิ ตามให้ความช่วยเหลอื ตามสิทธิ และสง่ ต่อการใหบ้ รกิ าร ตามความเหมาะสมต่อไป - กรณีสมัครใจ ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจทำสำนวนการสืบสวน เพื่อรวบรวมเข้าใน สำนวนการสอบสวน และดำเนินการตามกระบวนการคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ต่อไป 3.5 ดำเนินการประสานสง่ ข้อมูล ให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ระหว่างท่ีผูเ้ สียหายเขา้ รับการคุ้มครองในสถานคุ้มครองฯ หากเจ้าหน้าที่สถานคุ้มครองฯ ได้รับข้อมูลท่ีประโยชน์ต่อการดำเนินคดี ทั้งทีไ่ ด้จากผู้เสยี หายโดยตรง หรือการสังเกต สืบเสาะขอ้ มูลข้อเทจ็ จริงเพิม่ เติม ให้เจา้ หน้าที่สถานคุ้มครองฯ สง่ ต่อข้อมูลอนั เป็นประโยชน์แก่พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี 3.6 ให้การค้มุ ครองชว่ ยเหลอื ทางกฎหมายและสังคม - หากผู้เสียหายที่ตัดสินใจเข้าร่วมกระบวนการคุ้มครองสวัสดิภาพ ให้สถานคุ้มครอง ดำเนินการใหค้ วามช่วยเหลือตามพระราชบญั ญัติปอ้ งกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และท่ีแก้ไข เพิ่มเตมิ และใหด้ ำเนินการให้ความช่วยเหลอื ตามหลักสิทธิมนุษยชนโดยไม่ขัดตอ่ กฎหมาย - กรณีผเู้ สียหายทีเ่ ป็นเดก็ ควรปฏิบัตติ ามหลกั การประเมินมาตรฐานข้ันตำ่ ในการเล้ยี งดู เด็กตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ได้แก่ สิทธิที่จะมีชีวิตรอด สิทธทิ ี่จะไดร้ ับการปกปอ้ งค้มุ ครอง สิทธิที่จะได้รบั การพัฒนา และสิทธิทจ่ี ะมีส่วนรว่ ม - เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน “พึง” ใช้มาตรการทุกรูปแบบ เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความ ปลอดภยั มกี ารรกั ษาความลับและความเป็นสว่ นตัว การบำบัด ฟนื้ ฟู เยยี วยา ฝกึ ทักษะอาชพี หรือจัดบริการ ตามความเหมาะสมรายกรณี (Tailor-made) จนกระทงั่ ผเู้ สียหายสามารถกลบั คนื สูส่ งั คมได้ 3.7 ประสานส่งกลับภมู ลิ ำเนา / ประเทศต้นทาง - กรณีผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ชาวตา่ งชาติ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจาก การค้ามนุษย์ จะจัดส่งประวัติแบบสอบข้อเท็จจริงขอ้ มลู ของผูเ้ สียหาย (case report) ให้แก่กองต่อต้านการ ค้ามนุษย์ เพื่อส่งต่อข้อมูลใหก้ ับประเทศต้นทางตามกรอบความร่วมมือทวิภาคี และดำเนินการตามขั้นตอน
27 ของกลไกการสง่ ต่อผู้เสียหายระหว่างประเทศ (Transnational Referral Mechanism; TRM) หากเปน็ กรณี ที่ไม่มีข้อตกลงกับประเทศภูมิลำเนา จะเป็นการประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุล เพือ่ ดำเนินการประสานส่งกลับตอ่ ไป - กรณีผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ชาวไทย สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจาก การค้ามนษุ ย์ จะประสานสำนักงานพัฒนาสังคมและความมัน่ คงของมนุษยจ์ ังหวัด บา้ นพักเดก็ และครอบครัว และองคก์ รพัฒนาเอกชน เพื่อสืบหาและประเมินความพรอ้ มของครอบครัวของผู้เสยี หาย รวมทั้งวางแผนใน การเตรยี มความพร้อมก่อนสง่ กลับภมู ลิ ำเนา 3.8 ตดิ ตามประเมินผล - กรณีผูเ้ สยี หายจากการคา้ มนุษยช์ าวตา่ งชาติ ภายหลงั จากส่งกลับประเทศต้นทางแล้ว จะมีการติดตามประเมินผลผ่านการประชุมระหว่างประเทศ (Case Management Meeting: CMM) หรอื ประสานองคก์ รระหว่างประเทศทเ่ี กี่ยวข้องในพื้นที่ เพือ่ ช่วยติดตามและประเมนิ ผลการคืนสู่สังคม ต่อไป - กรณีผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ชาวไทย สถานคุ้มครองฯ จะดำเนินการติดตาม หรืออาจประสานสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด บ้านพักเด็กและครอบครัว และองค์กรพัฒนาเอกชน ติดตามผลการคืนสู่สงั คมเปน็ ระยะ เมือ่ ประเมนิ แล้วผเู้ สยี หายสามารถดำเนินชีวิตอยู่ ได้เปน็ ปกติ จึงยุติการให้บริการได้ (สามารถดูรายละเอียดใน คู่มือการปฏิบัติงานเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ สถาน คุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์: Guidebook of Welfare Protection to Victims of Trafficking in Welfare Protection Center for Victims of Trafficking in Persons ตามเอกสารแนบ 7 ในภาคผนวก)
28 ภาคผนวก เอกสารแนบ 1 การค้ามนษุ ย์คืออะไร เอกสารแนบ 2 เทคนิคการสัมภาษณ์แบบ PEACE MODEL เอกสารแนบ 3 สิ่งบง่ ชก้ี ารคา้ มนษุ ย์ การบังคบั ใชแ้ รงงานหรือบรกิ าร เอกสารแนบ 4 ตัวอยา่ งคำถามในการสมั ภาษณ์คัดกรอง คดั แยก เอกสารแนบ 5 ตัวอย่างแบบฟอรม์ การคัดกรอง คดั แยก เอกสารแนบ 6 ช่องทางการติดต่อหนว่ ยงาน FRONT LINE เอกสารแนบ 7 กฎหมาย คูม่ อื ทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การปฏบิ ตั งิ าน เอกสารแนบ 8 สถานทสี่ ำหรบั ใหค้ วามคมุ้ ครองชว่ ยเหลือบคุ คลที่อาจจะเข้าข่ายเปน็ ผเู้ สยี หายจากการค้ามนษุ ย์ 76 จงั หวัด เอกสารแนบ 9 แบบแจง้ สทิ ธิผเู้ สยี หายจากการคา้ มนษุ ย์ 7 ภาษา เอกสารแนบ 10 คู่มอื การให้บริการในช่วงระยะเวลาฟน้ื ฟูและไตร่ตรอง (Reflection Period : RP) เอกสารประกอบในภาคผนวก https://drive.google.com/drive/folders/1bTiFXmDhItMkPUifmHxg3GuxIBEsYei9?usp=sharing
Search
Read the Text Version
- 1 - 29
Pages: