Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e-book สงกรานต์63

e-book สงกรานต์63

Description: e-book สงกรานต์63

Search

Read the Text Version

สงกรานต์ สงกรานต์ เป็ นประเพณีของประเทศไทย กมั พูชา สาธารณรฐั ประชาธิปไตย ประชาชนลาว พม่า ชนกลุ่มน้อยชาวไทแถบเวียดนามและมณฑลยูนนานของจีน ศรีลังกา และทางตะวนั ออกของประเทศอินเดีย สันนิษฐานว่า สงกรานต์ไดร้ ับ อิทธิพลมาจากเทศกาลโฮลีในอินเดีย เทศกาลโฮลีเทศอนิ เดยี เทศกาลโฮลีจะใชก้ ารสาดสีแทน เริ่มในทุกวนั แรม 1 คา่ เดือน 4 คือ ในเดือนมีนาคม สงกรานต์เป็ นคาสันสกฤต หมายถึง \"การเคล่ือนยา้ ย\" ซึ่งเป็ นการอุปมาถึงการ เคล่ือนยา้ ยของการประทบั ในจกั รราศี คือการเคล่ือนข้ ึนปี ใหม่ในความเชื่อของไทย และบางประเทศในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ สงกรานต์สืบทอดมาแต่โบราณคู่กบั ตรุษ จึงเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษ สงกรานต์ หมายถึง ส่งทา้ ยปี เก่าตอ้ นรบั ปี ใหม่ เดิมวนั ท่ีจดั เทศกาลกาหนดโดยการ คานวณทางดาราศาสตร์ แต่ปัจจุบนั ระบุแน่นอนวา่ 13 ถึง 15 เมษายน วนั ข้ ึนปี ใหม่ ไทยเป็ นวนั เร่ิมปี ปฏิทินของไทยจนถึง พ.ศ. 2431 จากน้ันวนั ที่ 1 เมษายน เป็ นวนั ข้ ึนปี ใหมจ่ นถึง พ.ศ. 2483 หอ้ งสมดุ ประชาชนอาเภอทบั ปดุ

ประวตั ิวนั สงกรานต์ ประวัติวันสงกรานต์ เมื่อคร้ังก่อน พิธีสงกรานต์เป็ นพิธีกรรมที่ เกดิ ข้ นึ ภายในครอบครวั หรือชุมชนบา้ นใกลเ้ รือนเคียง แต่ในปัจจุบนั ไดม้ ีการ เปลี่ยนแปลงใหพ้ ิธีสงกรานตน์ ้ันเป็ นเทศกาลสงกรานต์ โดยไดข้ ยายออกไปสู่ คนเป็นวงกวา้ งมากข้ นึ และมีแนวโนม้ ที จะเปลยี่ นทศั คติ ตลอดจนความเชื่อไป แต่เดมิ ในพิธสี งกรานตจ์ ะใช้ น้าเป็นสญั ลกั ษณ์ ท่ีเป็นองคป์ ระกอบหลกั ของพิธี แกก้ นั กบั ความหมายของฤดูรอ้ น ช่วงเวลาที่พระอาทิตยเ์ คล่ือนเขา้ ส่รู าศีเมษ ในวนั น้ ีจะช้ารดใหแ้ ก่กนั เพื่อความชุม่ ช่นื มกี ารขอพรจากผูใ้ หญ่ มีการาลึกและ กตญั ญูต่อบรรพบุรุษท่ีล่วงลบั ต่อมาในสังคมไทยสมยั ใหม่เกิดเป็ นประเพณี กลบั บา้ นในชว่ งเทศกาลสงกรานต์ นับวา่ วนั สงกรานตเ์ ป็น วนั ครอบครัว อีกท้งั ยงั มีประเพณีที่สืบทอดมาต้งั แต่ด้งั เดิม อย่าง การสรงน้าพระที่นามาซึ่งความ เป็ นสิริมงคล เพื่อให้เป็ นการเริ่มต้นปี ใหม่ีมีความสุข ปัจจุบันได้มีการ ประชาสมั พนั ธใ์ นเชิงท่องเที่ยว ว่าเป็ น Water Festival หรือ เทศกาลแห่งน้า โดยไดต้ ดั ขอ้ มลู ในสว่ นที เป็นความเชื่อด้งั เดมิ ออกไป

ตำนำนวนั สงกรำนต์ การกาเนิดวนั สงกรานต์ มีเร่อื งเล่าสืบต่อกันมาโดยใจความจารกึ ท่ีวัด พระเชตพุ นวมิ ลมงั คลารามฯ ว่า … เม่ือตน้ ภทั รกัลป์ มีเศรษฐีคนหน่งึ ม่งั มีทรพั ยม์ าก แต่ไม่มีบตุ ร บา้ นอยู่ ใกลก้ ับนักเลงสุรา ซ่ึงนักเลงสุรานั้นมี บุตร 2 คน ท่ีผิวเนือ้ ดุจด่ังทอง วันหน่ึง นกั เลงสรุ าเขา้ ไปในบา้ นของเศรษฐีผนู้ นั้ แลว้ ด่าดว้ ยถอ้ ยค่าที หยาบคาย ต่างๆ นาๆ เศรษฐีเม่ือไดฟ้ ังแลว้ จงึ ถามว่า พวกเจา้ มาพดู หยาบคายดหู ม่ินเราผเู้ ป็นเศรษฐีเพราะเหตใุ ด พวกนกั เลงสรุ าจงึ ตอบวา่ ท่านมีสมบัติมากมายแต่หามีบุตรไม่ เม่ือท่านตายไป สมบัติก็จะอันตรธานไป หมดหาประโยชนอ์ นั ใดมิได้ เพราะขาดทายาทผปู้ กครอง ขา้ พเจา้ มีบตุ รถึง 2 คน อีกทงั้ รูปรา่ งงดงามเสยี ดว้ ย ขา้ พเจา้ จงึ ดีกวา่ ท่าน เศรษฐีครน้ั ไดฟ้ ังก็เห็นจริงดว้ ย จึงเกิดความละอายต่อนักเลงสุราย่ิงนกั นกึ ใคร่ อยากไดบ้ ุตรบา้ ง จากนนั้ ไดท้ าการบวงสรวงพระอาทิตยแ์ ละพระจนั ทร์ ตั้งจิต อธิษฐานเพ่อื ขอใหม้ บี ตุ ร เม่ืออย่ถู ึง 3 ปี ก็มิไดม้ บี ตุ รตามท่ีปรารถนา

ตำนำนวนั สงกรำนต์ (ต่อ) เม่ือขอบุตรจากพระอาทิตยแ์ ละพระจนั ทรม์ ิไดด้ งั ที่ปรารถนา อยมู่ า วันหนึ่ งเมื่อถึง ฤดูคิมหันต์ จิตรมาส (เดือน 5) โลกสมมติว่าเป็ น วันมหาสงกรานต์ คือ พระอาทิตย์ยกจากราศีมีนประเวสสู่ราศีเมษ ผู้คน ท้ังหลาย ต่างพากันเล่นนักขตั ฤกษ์อนั เป็ นการรื่นเริงข้ ึนปี ใหม่ไปทัว่ ท้ังชมพู ทวปี ขณะน้ัน เศรษฐีจงึ พาขา้ ทาสบริวารไป ยงั ตน้ ไทรริมฝั่งแม่น้าอนั เป็ นที่อยู่ แห่งปักษีชาติท้ังหลาย เอาขา้ วสารซาวน้า 7 คร้ังแลว้ หุงบูชา รุกขพระไทร พร้อมดว้ ยสูปพยัญชนะอันประณีต และประโคมด้วยดุริยางค์ดนตรีต่างๆ ต้งั จติ อธิษฐานขอบุตรจากรุกขพระ ไทร รุกขพระไทรมีความกรุณา เหาะไป ขอบตุ รกบั พระอินทรใ์ หก้ บั เศรษฐี

ตำนำนวนั สงกรำนต์ (ต่อ) ต่อมา พระอินทร์จึงใหธ้ รรมบาลเทวบุตรลงไปปฏิสนธิในครรภ์ บิดา มารดาจึงขนานนามวา่ ธรรมบาลกุมาร แลว้ ปลกู ปราสาทข้ ึนใหก้ ุมารอยู่ใตต้ น้ ไทร ริมสระฝัง่ แมน่ ้าน้ัน ครน้ั เมอ่ื กุมารเจริญข้ ึนก็รูภ้ าษานกและเรียนจบไตรเพทเม่ือมี อายุได้ 8 ขวบ อีกท้งั ยงั ไดเ้ ป็ นอาจารยบ์ อกมงคลการต่างๆ แก่มนุษยช์ าวชมพู ทวีปท้งั ปวง ซ่ึงขณะน้ัน โลกท้งั หลายนับถือทา้ วมหาพรหม มีกบิลพรหมองคห์ นึ งไดแ้ สดงมงคลการแกม่ นุษยท์ ้งั ปวง เมื่อกบิลพรหมไดแ้ จง้ เหตุที่ธรรมกุมารเป็ นผู้ มีชื่อเสียง เป็ นท่ีนับถือของมนุษยช์ าวโลกทง้ั หลาย จงึ ไดล้ งมาถาม ปัญหาแก่ธรรม กุมาร 3 ขอ้ ดงั ความวา่ 1. เวลาเชา้ สิริ คือ ราศีอยทู่ ่ีไหน 2. เวลาเที ยง สิริ คือ ราศีอยูท่ ี่ไหน 3. เวลาเย็น สิริ คือ ราศีอยทู่ ี่ไหน และทา้ วกบิลพรหมไดใ้ หส้ ญั ญาวา่ ถา้ ทา่ นแกป้ ัญหา 3 ขอ้ น้ ีได้ เราจะตัดศีรษะมา บูชาท่าน ถา้ ท่านแกไ้ ม่ได้ เราจะตัดศีรษะของท่านเสีย ธรรมกุมารรับสัญญา แต่ผลดั แกป้ ัญญาไป 7 ทา้ วกบิลพรหมก็กลบั ไปยงั พรหมโลก

ตานานวนั สงกรานต์ (ตอ่ ) ฝ่ ายธรรมบาลกุมารพิจารณาปัญหาน้ันล่วงไปได้ 6 แลว้ แต่ก็ยงั ไม่ เห็นอบุ ายทท่ีจะตอบปัญหาได้ จึงคิดว่าพรุ่งน้ ี แลว้ หนอทที่เราจะตอ้ งตายดว้ ย อาญาของทา้ วกบิลพรหม เราหาตอ้ งการไม่ จาจะหนีไปซุกซ่อนตนเสียดีกว่า เม่ือคิดแลว้ ก็ลงจากปราสาท ออกเที่ยวนอนที่ตน้ ตาล 2 ตน้ ซึ่งมีนกอินทรี 2 ตวั ผัวเมียทารงั อยู่บนตน้ ตาลน้ัน ขณะที่ธรรมบาลกุมารนอนอยู่ใตต้ น้ ตาลน้ัน พลางไดย้ ินเสียงนางนกอินทรีถามผวั วา่ พรุ่งน้ ีเราจะไปหาอาหารท่ี ไหน นก อนิ ทรีตวั ผูจ้ งึ ตอบวา่ พรุง่ น้ ีครบ 7 วนั ท่ีทา้ วกบิลพรหมถามปัญหาแก่ธรรมบาง กุมาร แต่หากธรรมบาล กุมารแกไ้ ม่ไดท้ า้ วกบิลพรหมก็จะตดั ศีรษะเสียตาม สญั ญา เราท้งั 2 จะไดก้ ินเน้ ือมนุษย์ คือ ธรรมบาลกุมาร เป็ นอาหาร นางนก อินทรีจึงถามวา่ ท่านรูป้ ัญหาหรือ ผูผ้ วั ตอบว่ารู้ แลว้ ก็เล่าใหน้ างนกอินทรีฟัง ตง้ั แตต่ น้ จน ปลายวา่ 1. เวลาเชา้ ราศอี ยทู่ ่ี หน้า คนท้งั หลายจงึ เอาน้าลา้ งหน้า 2. เวลาเที่ยงราศีอยู่ที อก คนท้ังหลายจึงเอาน้าและแป้งกระแจะ จนั ทรล์ กู ไลท้ ี่อก 3. เวลาเยน็ ราศีอยทู่ ี เทา้ คนท้งั หลายจงึ เอาน้าลา้ งเทา้

ตานานวนั สงกรานต์ (ต่อ) ธรรมบาลกุมารที่นอนอยู่ใตต้ น้ ไมไ้ ดย้ ินการสนทนาของท้งั สองก็จาได้ จึงมคี วามโสมนัส ปี ติ ยินดีเป็ นอนั มากจึงเดินทางกลบั มาท่ีปราสาทของตน คร้นั ถึงวาระเป็ น คารบ 7 วนั ตามสญั ญา ทา้ วกบิลพรหมก็ลงมาถามปัญหาท้ัง 3 ขอ้ ตามท่ีนัดหมายกนั ไว้ ธรรมบาลกุมารก็วิสชั นาแกป้ ัญหาท้งั 3 ขอ้ ตามที่ไดฟ้ ังมา จากนกอินทรีน้ัน ทา้ วกบิลพรหมยอมรับว่าถูกตอ้ ง และยอมแพแ้ ก่ธรรมบาล จาตอ้ งตดั ศีรษะของตนบชู าตามท่ี สญั ญาไว้ แต่กอ่ นทีจะตดั ศีรษะ ไดเ้ รียกธิดาท้งั 7 อนั เป็ นบาทบริจาริกาของพระอินทร์ คือ 1. นางทุงษะเทวี 2. นางรากษเทวี 3. นางโคราคเทวี 4. นางกิริณีเทวี 5. นางมณฑาเทวี 6. นางกิมทิ าเทวี 7. นางมโหธรเทวี

ตานานวนั สงกรานต์ (ต่อ) อนั โลกสมมติวา่ เป็นองคม์ หาสงกรานตก์ บั ท้งั เทพบรรษัทมาพรอ้ มกนั จงึ ไดบ้ อกเรอ่ื งราวใหท้ ราบและตรสั วา่ พระเศยี รของเราน้ ี ถา้ ต้งั ไวบ้ นแผ่นดนิ ก็ จะเกิดไฟไหมไ้ ปทวั่ โลกธาตุ ถา้ จะโยนข้ ึนไปบนอากาศฝนก็จะแลง้ เจ้า ท้ัง 7 จงเอาพานมารองรับเศียรของบิดาไวเ้ ถิด คร้นั แลว้ ทา้ วกบิลพรหมก็ตัดพระ เศียรแค่พระศอส่งใหน้ างทุงษะเทวีธิดาองค์ใหญ่ในขณะน้ัน โลกธาตุก็เกิด โกลาหลอลเวงย่ิงนัก เม่ือนางทุงษะมหาสงกรานตน์ ่าพานมารองรบั พระเศียร ของทา้ วกบิลพรหม แลว้ ใหเ้ ทพบรรษัทแห่ประทักษิณ เวยี นรอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที จากน้ันจึงเชิญเขา้ ประดิษฐานไวใ้ นมณฑป ณ ถ้าคนั ธุลี เขาไกรลาศ กระทาการบชู าดว้ ยเคร่ืองทิพย์ต่างๆ ต่อมาพระวิษณุกรรมเทพบุตรไดเ้ นรมิต โลงแกว้ อนั ประกอบไปดว้ ยแกว้ 7 ประการ แลว้ ใหเ้ ทพยดาท้งั หลายนามาซึ่ง เถาฉมุนาตลงล้างน้าในสระอโนดาต 7 คร้ัง แล้วแจกกันสังเวยทัว่ ทุกๆ พระองค์ คร้ันได้วาระครบกาหนด 365 วัน โลกสมมติว่าปี หน่ึงเป็ นวัน สงกรานต์ เทพธิดาท้งั 7 กท็ รงเทพ พาหนะต่างๆ ผลดั เปล่ยี นเวยี นมาเชญิ พระ เศียรทา้ วกบิลพรหมออกแห่ พรอ้ มดว้ ยเทพบรรษแสนโกฏิ ประทักษิณเวียน รอบเขาพระสุเมรุราชบรรษทั เป็นเวลา 60 นาที แลว้ จึงน่ากลบั ไปประดิษฐาน ไว้ตามเดิม ซึ่งใน แต่ละปี ก็จะมีนางสงกรานต์แต่ละนางมาท่าหน้าที ผลดั เปลี่ยนกนั ตามวนั มหาสงกรานต์

การเตรียมการก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ วนั ตรุษและวนั สงกรานตเ์ ป็ นเทศกาลสาคญั ที่คนไทยยงั ถือวา่ วนั ตรุษคือ วนั ส้ ินปี วนั สงกรานตค์ ือวนั ข้ ึนปี ใหมด่ งั กล่าว ดงั น้ันจึงตอ้ งตระเตรียมงานกนั เป็ น การใหญ่ จนมคี นท่ีพดู กนั ติดปากวา่ \"ส่งทา้ ยปี เก่าตอ้ นรบั ปี ใหม่\" ส่ิงท่ีตระเตรียม กนั น้ันจงึ เป็ นเรื่องท่ีจะตอ้ งกระทากนั เป็ นพิเศษตามลาดบั ดงั น้ ี... 1. เครื่องนุ่งห่ม เพ่ือใส่ในโอกาสไปทาบุญท่ีวดั ตลอดจนเคร่ืองประดับ ตกแต่งรา่ งกายอยา่ งค่อนขา้ งจะพิถีพถิ นั 2. ของทาบุญ เม่ือใกลจ้ ะถึงวนั งานก็เตรียมของทาบุญเล้ ียงพระ และที่ เป็ นพิเศษของที่จะทาขนมพิเศษ 2 อย่าง ไดแ้ ก่ ขา้ วเหนียวแดงในวนั ตรุษ และ ขนมกวน หรือกะละแมในวันสงกรานต์ นอกจากจะทาข้ ึนเพ่ือทาบุญแล้ว ยงั แลกเปล่ียนแจกกนั ในหมบู่ า้ นใกลเ้ คียง เพื่อแสดงอธั ยาศยั ไมตรีในวนั สาคญั 3. การทาความสะอาดบ้านเรือนที่อาศัยตลอดจนบริเวณใกลเ้ คียง เพื่อใหด้ ูเรียบรอ้ ยโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งท่ีบูชาพระและที่เก็บอฐั ิบรรพบุรุษ แมเ้ ส้ ือผา้ ที่ใชส้ อยก็ตอ้ งซกั ฟอกใหส้ ะอาดหมดจดโดยถือวา่ กาจดั ส่ิงสกปรกให้ ส้ ินไปพรอ้ ม กบั ปี เกา่ และตอ้ นรบั ปี ใหม่ ดว้ ยความบริสุทธ์ิผุดผ่อง 4. สถานท่ีทาบุญ วดั เป็ นสถานท่ีทาบุญสวดมนต์เล้ ียงพระ และทา ต่อเน่ืองกนั หลายวนั นอกจากจะทาความสะอาดกุฎีที่อาศัยแลว้ ยงั ต้องทาความ สะอาดหอสวดมนต์ โบสถ์วิหาร ศาลาการเปรียญ ตลอดจนลานวดั เพราะตอ้ งใช้ ทากิจกรรมหลายอยา่ ง ไดแ้ ก่ การทาบุญตักบาตร ปล่อยนกปล่อยปลา สรงน้า พระ กอ่ พระเจดียท์ ราย และงานรื่นเริงต่างๆ ดว้ ย

กิจกรรมในวนั สงกรานต์ การก่อเจดยี ท์ ราย จะทาในวนั ใดวนั หน่ึงของวนั ที่ 13-15 เมษายนก็ได้ ผทู้ าบุญจะชว่ ยกนั ขนทรายมากอ่ เป็ นเจดียข์ นาดต่างๆ ในบริเวณวดั ซึ่งจะเป็ น ประโยชน์ ใหใ้ ชก้ อ่ สรา้ งหรือถมพ้ นื ท่ีเป็ นเร่ืองที่ถือวา่ ไดบ้ ุญและสนุกสนาน แต่ไม่ มขี อ้ จากดั วา่ ตอ้ งทาทุกวดั การปล่อยนกปล่อยปลา เป็ นการทาบุญเพอ่ื แสดงความกรุณาต่อสตั ว์ นิยมทาในวนั สงกรานตแ์ ละไมจ่ ากดั วา่ จะทาในวดั เท่าน้ัน การสรงน้าพระ มที ง้ั สรงน้าพระพทุ ธรปู และภิกษุ สามเณร เพื่อความ เป็ นสิริมงคลในโอกาสข้ ึนปี ใหมอ่ นั เป็ นเวลาท่ีอากาศรอ้ น การรดน้าผใู้ หญ่ เป็ นเรื่องของการแสดงคารวะต่อผใู้ หญท่ ี่เคารพนับถือ ผรู้ ่วมพธิ ีควรนาผา้ 1 สารบั คือ ผา้ นุ่ง 1 ผืน ผา้ หม่ 1 ผืน ไปมอบใหท้ า่ นพรอ้ ม กบั ดอกไมธ้ ูปเทียน การรดน้าผใู้ หญ่ดงั กล่าวมาน้ ีมกั จะรดหรืออาบท่านจริง ๆ จงึ ตอ้ งมีผา้ ไปมอบให้ ปัจจุบนั บางแห่งรดเฉพาะที่ฝ่ ามือ โดยจะเอาน้าหอมเจอื ในน้า ดว้ ย แต่กย็ งั คงมผี า้ นุ่งห่ม 1 สารบั และดอกไมธ้ ูปเทียนไปแสดงความคารวะ และ ขอพรท่านก็จะใหศ้ ีลใหพ้ รใหม้ ีความสุขปี ใหม่ คือต้งั แต่วนั สงกรานตเ์ ป็ นตน้ ไป

กิจกรรมในวนั สงกรานต์ (ตอ่ ) การทาบุญอฐั ิ เป็นเรอ่ื งที่นิยมทาแบบนิมนตพ์ ระ ชกั บงั สกุ ุลอฐั ิของ ญาตทิ ่ีล่วงลบั ไปแลว้ แลว้ อุทิศส่วนกุศลให้ โดยนิมนตพ์ ระไปยงั สถานที่เก็บ หรือบรรจุอฐั ิ หรอื ถา้ ไมม่ อี ฐั ิจะเขยี นชอื่ ผทู้ ่ีล่วงลบั ไปแลว้ กไ็ ด้ เมอื่ บงั สกุ ุลแลว้ ก็ เผากระดาษแผ่นน้ันเสีย เหมอื นเผาศพ การทาบุญอฐั ิจะทาในวนั ไหนก็ได้ สุดแต่จะนัดหมายกนั การรน่ื เริงจดั ข้ นึ เพ่ือเชอ่ื ม ความสามคั คีในหมคู่ ณะ เป็น การอนุรกั ษป์ ระเพณีต่าง ๆ ในทอ้ งถ่ินไวด้ ว้ ย การสาดน้า เป็นการสนุกสนานรื่นเรงิ อีกอยา่ งหนึ่ง ซงึ่ ถือวา่ เป็น สญั ลกั ษณข์ องสงกรานต์ คอื สาดน้ากนั โดยมากจะเริม่ ตน้ ในวนั สรงน้าพระ แต่ บางแห่งพอเร่ิมสงกรานต์ ก็เรมิ่ สาดน้ากนั ทีเดียว สว่ นใหญแ่ ลว้ ใชน้ ้าสะอาดมี น้าอบน้าหอม หรอื แป้งหอมผสมบา้ งก็ได้ และไม่ถือเป็นเรื่องเสียหาย การทาบญุ ตกั บาตร นับวา่ เป็นการสรา้ งบญุ สรา้ งกุศลใหก้ บั ตนเอง อีกท้งั ยงั เป็นการอุทิศส่วนกุศลน้ันใหแ้ ก่ผทู้ ท่ีลว่ งลบั ไปแลว้ การทาบุญใน ลกั ษณะน้ ีมกั จะมีการเตรียมไวล้ ว่ งหนา้ เมื่อถงึ เวลาทาบุญก็จะนาอาหารไปตกั บาตรถวายพระภกิ ษุที่ศาลาวดั โดยจดั เป็นท่ีรวมสาหรบั การทาบุญ ในวนั เดยี วกนั น้ ีหลงั จากท่ี ไดท้ าบญุ เสรจ็ เรียบรอ้ ย กจ็ ะมีการก่อเจดียท์ รายอนั เป็น ประเพณีที่สาคญั ในวนั สงกรานต์

ความสาคญั ของวนั สงกรานต์ พิธีสงกรานต์ ถือเป็ นประเพณีการเฉลิมฉลองวนั ข้ ึนปี ใหม่ของไทยท่ี ยึดถือปฏิบตั ิ มาแต่โบราณช่วงวนั สงกรานต์จึงเป็ นวนั แห่งความเอ้ ืออาทร ความ รกั ความผูกพนั ที่มีต่อกนั ท้งั ครอบครวั ชุมชน สงั คม และศาสนา แต่ปัจจุบนั ได้ เปล่ียนไปสู่สงั คมในวงกวา้ ง และมีแนวโน้มท่ีจะเปลี่ยนทศั นคติ และความเชื่อส่วน น้ันไปและ ในความเชื่อด้ังเดิมที่ใชส้ ญั ลกั ษณเ์ ป็ นองคป์ ระกอบหลักในพิธี ไดแ้ ก่ การใชน้ ้าเป็ นตัวแทน แกก้ นั กบั ความหมายของฤดูรอ้ น ช่วงเวลาท่ีพระอาทิตย์ เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ใชน้ ้ารดใหแ้ ก่กันเพ่ือความชุ่มชื่น และขอพรจาก บิดา มารดา ป่ ู ยา่ ตา ยาย รวมท้งั แสดงความกตญั ญกู ตเวทิตาต่อบรรพบุรุษ ท่ีล่วงลบั ไปแลว้ ดว้ ยการทาบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ การสรา้ งความสมคั รสมานสามคั คีใน ชุมชน ไดแ้ ก่ การร่วมกนั ทาบุญใหท้ าน การกอ่ พระเจดียท์ รายและเป็ น การทานุ บารุงพระพุทธศาสนา การเล่นสาดน้าเพื่อความสนุกสนานร่ืนเริงร่วม กัน นอกจากน้ ี ยงั สรา้ งความรูส้ ึกผูก พนั กลมเกลียวต่อบุคคลในสงั คมเดียวกนั และ สรา้ งความรูส้ ึกหวงแหนในสาธารณสมบัติของสังคม และสิ่งแวดลอ้ มโดยการ ช่วยกนั ทาความสะอาดบา้ นเรือน วดั วาอาราม ตลอดจนอาคารสถานท่ีสถานท่ี ต่างๆ เวลาไดเ้ ปล่ียนไป ผคู้ นไดม้ ีการเคล่ือนยา้ ยที่อยเู่ ขา้ สู่เมอื งใหญๆ่ และจะ ถือเอาวนั สงกรานต์เป็ นวนั “กลับบา้ น” ทาใหก้ ารจราจรคับคัง่ ในช่วงวนั ก่อน สงกรานต์ วนั แรกของเทศกาล และวนั สุดทา้ ยขอเทศกาล นอกจากน้ ี เทศกาล สงกรานต์ยัง ถูกใช้ในการส่งเสริ มการท่องเที่ยว ท้ังต่อคนไทย แล ะ ต่อนักท่องเท่ียวต่างประเทศ ปั จจุบันน้ ี เทศกาลสงกรานต์มีพัฒนาก าร และมีแนวโน้มว่าได้มีการเสริมจนคลาด เคลื่อนบิดเบือนไป เกิดการ ประชาสมั พนั ธใ์ นเชิงการท่องเที่ยววา่ เป็ น ‘Water Festival’ เป็ นภาพของการใชน้ ้า เพอ่ื แสดงความหมายเพยี งประเพณีการเลน่ เท่าน้ัน

เกรด็ ความรูเ้ รอ่ื งวนั สงกรานต์ ในวนั สงกรานตข์ องประเทศไทยในแต่ละภาคจะมีช่ือเรียกท่ีแตกต่างกนั ออกไป ดงั น้ ี ❖ สงกรานตภ์ าคกลาง 13 เมษายน จะเรียกวา่ “วนั มหาสงกรานต”์ และถือเป็ นวนั ผสู้ ูงอายุแห่งชาติ 14 เมษายน จะเรียกวา่ “วนั เนา” และถือเป็ นวนั ครอบครวั 15 เมษายน จะเรียกวา่ “วนั เถลิงศก” ถือวา่ เป็ นวนั เร่ิมจุลศกั ราชใหม่ ❖ สงกรานตภ์ าคเหนือ 13 เมษายน จะเรียกวา่ “วนั สงขารลอ่ ง” ความหมายวา่ อายุส้ ินปี หมดไปอีกปี 14 เมษายน จะเรียกวา่ “วนั เน่า” วนั ที่หา้ มพดู คาหยาบคาย 15 เมษายน จะเรียกวา่ “วนั พญาวนั ” ถือวา่ เป็ นวนั เร่ิมจุลศกั ราชใหม่ ❖ สงกรานตภ์ าคใต้ 13 เมษายน จะเรียกว่า “เจา้ เมืองเกา่ ” เช่ือกนั ว่าวนั ที่เทวดารกั ษาบา้ นเมืองจะ กลบั บนสวรรค์ 14 เมษายน จะเรียกวา่ “วนั วา่ ง” วนั ที่ปราศจากเทวดารกั ษาเมือง 15 เมษายน จะเรียกว่า “วนั รบั เจา้ เมืองใหม่” วนั รบั เทวดาองคใ์ หม่เพ่ือดูแล บา้ นเมืองแทนองคเ์ ดิม

อา้ งอิง สารานุกรมเสรี .(2563) . สงกรานต์ สบื คน้ เมื่อ 11 เมษายน 2563, จาก https://th.wikipedia.org/wiki/สงกรานต์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook