87
ตะลยุ ข้อสอบเคมี (9 วิชาสามญั ) 2560 วิชาเคมี 50 ขอ้ แบ่งออกเป็น โครงสรา้ งอะตอม 3 ขอ้ แนวโนม้ ตารางธาตแุ ละกมั มนั ตภาพรงั สี 3 ขอ้ พนั ธะเคมี 4 ขอ้ ปริมาณสารสมั พนั ธ์ 6 ขอ้ ก๊าซ ของเหลว และของแขง็ 4 ขอ้ อตั ราการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า 4 ขอ้ สมดลุ เคมี 4 ขอ้ กรด-เบส 6 ขอ้ ไฟฟ้ าเคมี 5 ข้อ เคมีอินทรยี ์ 4 ขอ้ สารชวี โมเลกุล 3 ขอ้ ปิโตรเลยี มและพอลเิ มอร์ 2 ขอ้ ธาตุและสารประกอบในอตุ สาหกรรม 2 ขอ้ ส่วนวิชาสามญั อื่นๆ มีดงั นี้ (ขอ้ สอบปรนัยทงั้ หมด) วชิ าความถนดั แพทย์ (30%) 1. การคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ (10%) 2. จรยิ ธรรมทางการแพทย์ (10%) 3. การเชอื่ มโยงความเป็นเหตุเป็นผล (10%) ฟิสกิ ส์ 25 ขอ้ 100 คะแนน (9.3%) เคมี 50 ขอ้ 100 คะแนน (9.3%) ชวี วทิ ยา 100 ขอ้ 100 คะแนน (9.3%) คณติ ศาสตร์ 30 ขอ้ 100 คะแนน (14%) ภาษาองั กฤษ 80 ขอ้ 100 คะแนน (14%) ภาษาไทย 50 ขอ้ 100 คะแนน (7%) สงั คมศกึ ษา 50 ขอ้ 100 คะแนน (7%)
35. พจิ ารณาการเกดิ พนั ธะในสารประกอบต่อไปน้ี (กาหนดเลขอะตอม Zn = 30, Ag = 47) Ca[Zn(OH)4] K[BF4] CH3CH2OH [Ag(NH3)2]Cl สารใดมพี นั ธะโคออรด์ เิ นตโคเวเลนตม์ ากกวา่ 1 พนั ธะต่อ 1 สตู ร 1. K[BF4] และ CH3CH2OH 2. CH3CH2OH และ [Ag(NH3)2]Cl 3. Ca[Zn(OH)4] และ K[BF4] เทา่ นนั้ 4. Ca[Zn(OH)4] และ [Ag(NH3)2]Cl เท่านนั้ 5. Ca[Zn(OH)4], K[BF4] และ [Ag(NH3)2]Cl 36. กาหนดสภาพละลายไดข้ องสารบางชนดิ ในหน่วย mol/dm3 ท่ี 200C ดงั น้ี Ca(OH)2 Ba(OH)2 BaSO4 Pb(OH)2 PbSO4 PbCl2 2.3 X 102 0.23 1.03 X 105 6.64 X 104 1.49 X 104 3.56 X 102 นาสารละลาย 2 ชนิด เขม้ ขน้ 0.01 mol/dm3 เทา่ กนั มาผสมกนั โดยใชป้ รมิ าตร 1.0 cm3 เทา่ กนั ดงั น้ี ก. BaCl2 + Na2SO4 ข. Pb(NO3)2 + Na2SO4 ค. CaCl2 + NaOH ง. BaCl2 + NaOH จ. Pb(NO3)2 + NaOH ฉ. Pb(NO3)2 + NaCl ของผสมในขอ้ ใดไม่เกดิ ตะกอน 1. ก. และ ข 2. ค. และ ง. เท่านนั้ 3. จ. และ ฉ. 4. ข. ค. และ จ. 5. ค. ง. และ ฉ. 37. พจิ ารณาขอ้ มลู ต่อไปน้ี 1. ธาตุ A เป็นของแขง็ ทอ่ี ุณหภูมหิ อ้ ง มจี ุดหลอมเหลวสงู กว่า 1,000 0C ผวิ เป็นมนั วาว นาไฟฟ้าและความรอ้ น ไดป้ านกลาง 2. ธาตุ A ไม่ทาปฏกิ ริ ยิ ากบั น้า แต่ทาปฏกิ ริ ยิ ากบั Cl2 ไดผ้ ลติ ภณั ฑท์ เ่ี ป็นของเหลวซง่ึ ทาปฏกิ ริ ยิ ากบั น้าแลว้ ได้ สารละลายทม่ี สี มบตั เิ ป็นกรด 3. ออกไซดข์ องธาตุ A เป็นของแขง็ ทไ่ี มล่ ะลายน้า มจี ุดหลอมเหลวสงู เมอ่ื เทยี บกบั สารประกอบออกไซดท์ วั่ ไป 4. ธาตุ D เป็นธาตุหม่เู ดยี วกบั ธาตุ A แต่มเี ลขอะตอมน้อยกว่า ออกไซดข์ องธาตุ D เป็นแกส๊ ทอ่ี ณุ หภมู หิ อ้ ง ธาตุ A ควรอยใู่ นหมแู่ ละคาบใดในตารางธาตุ 1. หมู่ IVA คาบ 2 2. หมู่ VA คาบ 2 3. หมู่ IIIA คาบ 2 หรอื 3 4. หมู่ IVA คาบ 3 หรอื 4 5. หมู่ VA คาบ 3 หรอื 4
26 38. พจิ ารณาสารประกอบต่อไปน้ี กรดซติ รกิ (C6H8O7) ฟอรม์ าลดไี ฮด์ (CH2O) กรดอารเ์ ซนกิ (H3AsO4) กรดบอรกิ (H3BO3) ขอ้ ใดเปรยี บเทยี บรอ้ ยละโดยมวลของธาตุ O ในสารประกอบทงั้ 4 ชนดิ ไดถ้ กู ตอ้ ง (กาหนดให้ มวลโมเลกลุ ของ CH2O = 30, C6H8O7 = 192, H3BO3 = 62, H3AsO4 = 142) 1. C6H8O7 > H3AsO4 > H3BO3 > CH2O 2. H3BO3 > C6H8O7 > CH2O > H3AsO4 3. CH2O > H3BO3 > H3AsO4 > C6H8O7 4. H3AsO4 > CH2O > C6H8O7 > H3BO3 5. H3BO3 > H3AsO4 > C6H8O7 > CH2O 39. เม่อื รบั ประทานยาเมด็ โซเดยี มไบคารบ์ อเนต (NaHCO3) จานวน 1 เมด็ ซง่ึ มี NaHCO3 252 mg NaHCO3 จะทา ปฏกิ ริ ยิ ากบั กรดไฮโดรคลอรกิ (HCl) ในกระเพาะอาหารท่มี ปี รมิ าณมากเกนิ พอ เกดิ ผลติ ภณั ฑเ์ ป็นแก๊ส CO2 แลว้ ถกู ระบายออกจากร่างกายโดยการเรอหรอื ผายลม เม่อื ปฏกิ ริ ยิ าสน้ิ สดุ จะเกดิ แก๊ส CO2 จากปฏกิ ริ ยิ าน้ีไดม้ าก ทส่ี ดุ เท่าใด 1. 3 mol 2. 0.264 g 3. 11.1 g 4. 0.0672 dm3 ท่ี STP 5. 22.4 dm3 ท่ี STP 40. ในการผลติ ซอสปรงุ รสจากกากถวั่ เหลอื งทม่ี แี คลเซยี มรอ้ ยละ 0.25 โดยมวลจานวน 20 ตนั ดงั น้ี ขนั้ ตอนแรก เตมิ กรด HCl เขม้ ขน้ 12 mol/dm3 เพ่อื ไฮโดรไลซโ์ ปรตนี ทอ่ี ณุ หภมู ิ 1060C เป็นเวลา 30 ชวั่ โมง ขนั้ ตอนท่ี 2 เตมิ ผง Na2CO3 เพอ่ื ปรบั ภาวะใหเ้ ป็นกรดน้อยลง และผา่ นขนั้ ตอนอ่นื ๆ อกี หลายขนั้ ตอน จนไดผ้ ลติ ภณั ฑซ์ อสปรงุ รส ขอ้ ใดผิด 1. กากถวั่ เหลอื งมี Ca 2,500 ppm 2. เมอ่ื เตมิ Na2CO3 จะเกดิ แกส๊ CO2 3. เกดิ ตะกอน CaCO3 ไดไ้ มเ่ กนิ 125 kg 4. มี NaCl เกดิ ขน้ึ ทาใหม้ รี สเคม็ โดยไม่ตอ้ งเตมิ เกลอื 5. จานวนโมลของ NaCl ทเ่ี กดิ ขน้ึ เท่ากบั จานวนโมลของ Na2CO3 ทท่ี าปฏกิ ริ ยิ ากบั กรด HCl
27 41. ของเหลว 3 ชนิดในหลอดคะปิลลารี 3 หลอดมพี ฤตกิ รรมดงั รปู ขอ้ ใดถกู 1. ความตงึ ผวิ ของสาร A มากกว่าสาร B 2. สาร B มแี รงเช่อื มแน่นมากกว่าแรงยดึ ตดิ 3. สาร C มแี รงเชอ่ื มแน่นมากกว่าแรงยดึ ตดิ 4. สาร A ควรเป็นปรอท และสาร B ควรเป็นน้า 5. สาร A มรี ะดบั ของเหลวสงู กวา่ ของเหลว C เน่อื งจาก A มแี รงยดึ ตดิ ต่ากวา่ C 42. Zn(OH)2 และ Mg(OH)2 เป็นเกลอื ทล่ี ะลายน้าไดน้ ้อยมาก สมดลุ การละลายและค่าคงทส่ี มดลุ เป็นดงั น้ี Zn(OH)2(s) ⇌ Zn2+(aq) 2OH(aq) K 5.0 1017 ที่ 250C Mg(OH)2(s) ⇌ Mg2+(aq) 2OH (aq) K 1.1 1011 ท่ี 250C นอกจากน้ี Zn2+ สามารถเกดิ ไอออนเชงิ ซอ้ นในสารละลายทเ่ี ป็นเบสมาก ๆ ดงั สมการ Zn2+(aq) 4OH (aq) ⇌ [Zn(OH)4]2 (aq) K 3.0 1015 ท่ี 250C ขอ้ ใดผดิ 1. ในสารละลายทม่ี ี pH เทา่ กนั Mg(OH)2 จะละลายไดม้ ากกว่า Zn(OH)2 2. เมอ่ื ค่อย ๆ หยดกรด HCl ลงบนตะกอน Zn(OH)2 ตะกอนสขี าว Zn(OH)2 จะละลายหมด 3. ถา้ ทาใหส้ ารละลายทม่ี ี Mg2+ และ Zn2+ เขม้ ขน้ เท่ากนั เป็นเบสเพม่ิ ขน้ึ ทลี ะน้อย Zn(OH)2 จะตกตะกอนก่อน Mg(OH)2 4. ถา้ นาสารละลายของ [Zn(OH)4]2 มาเตมิ กรด HCl ทลี ะหยด จะเกดิ ตะกอน สขี าวซง่ึ ไมล่ ะลายหายไปอกี เลยไมว่ า่ จะเตมิ กรดเพม่ิ เท่าใดกต็ าม 5. เม่อื หยดสารละลาย NaOH ลงในสารละลาย Zn2+ ในตอนแรกจะเกดิ ตะกอน สขี าวของ Zn(OH)2 แต่เมอ่ื หยดสารละลาย NaOH ต่อไป ตะกอนสขี าวจะ ละลายหายไป
28 43. เม่อื สารละลาย NaOH 1.2 g และ NaHCO3 2.1 g ผสมกนั ในน้า ขอ้ ใดเปรยี บเทยี บจานวนโมล ของไอออนลบใน สารละลายไดถ้ กู ตอ้ ง 1. OH > HCO3 > CO32 2. OH > CO32 > HCO3 3. HCO3 > OH > CO32 4. CO32 > HCO3 > OH 5. CO32 > OH > HCO3 44. ในการไทเทรตสารละลายกรดต่อไปน้ดี ว้ ยสารละลาย NaOH เขม้ ขน้ 0.10 mol/dm3 ขวดท่ี 1 สารละลาย HCl เขม้ ขน้ 0.10 mol/dm3 ปรมิ าตร 25.00 cm3 และ ขวดท่ี 2 สารละลาย CH3COOH เขม้ ขน้ 0.10 mol/dm3 ปรมิ าตร 25.00 cm3 พจิ ารณาขอ้ ความต่อไปน้ี ก. กอ่ นการไทเทรต สารละลายขวดท่ี 1 มี pH สงู กว่าขวดท่ี 2 ข. เมอ่ื เตมิ สารละลาย NaOH 10.00 cm3 สารละลายขวดท่ี 2 มสี มบตั เิ ป็นบฟั เฟอร์ ค. ทจ่ี ดุ สมมลู ของการไทเทรต สารละลายทไ่ี ดใ้ นขวดท่ี 1 มี pH สงู กว่าในขวดท่ี 2 ง. ขวดท่ี 2 ใชส้ ารละลาย NaOH ในการสะเทนิ น้อยกว่าขวดท่ี 1 เน่อื งจากกรดอ่อนแตกตวั ไดน้ ้อยกวา่ กรดแก่ จ. ในการไทเทรตขวดท่ี 2 NaOH รบกวนสมดลุ การแตกตวั ของกรดอ่อน สง่ ผลใหก้ รดแตกตวั ไดม้ ากขน้ึ ขอ้ ความใดถกู ตอ้ ง 1. ข เท่านนั้ 2. ก และ ง 3. ข และ ง 4. ข และ จ 5. ก ค และ จ 45. ยาลดกรดชนิดน้ามแี มกนีเซยี มไฮดรอกไซด์ (Mg(OH)2) เป็นสว่ นประกอบ ถ้านายาลดกรดน้ี 10.00 cm3 มา ไทเทรตกบั สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ (HCl) เขม้ ขน้ 0.200 mol/dm3 เม่อื ถงึ จุดยุตพิ บว่าใชส้ ารละลายกรด HCl ปรมิ าตร 40.00 cm3 ยาลดกรดน้มี ี Mg(OH)2 เป็นสว่ นประกอบรอ้ ยละเทา่ ใดโดยมวลต่อปรมิ าตร 1. 2.32 2. 4.64 3. 9.28 4. 23.2 5. 46.4
29 46. กาหนดปฏกิ ริ ยิ ารดี อกซ์ (สมั ประสิทธ์ิ a, b, c, d, e, f ช่วยให้สมการดลุ ) : aBi2O3 + bOH + cOCl dBiO3 + eCl + f H2O ขอ้ ใดถูกตอ้ ง a b c d e f จานวนโมลของอเิ ลก็ ตรอนทถ่ี ่าย โอนในครง่ึ ปฏกิ ริ ยิ า 1. 1 1 2 2 1 2 2 2. 1 2 2 2 2 1 2 3. 2 4 1 4 1 1 3 4. 1 2 2 2 2 1 4 5. 2 4 1 4 1 1 4 47. กาหนดศกั ยไ์ ฟฟ้ามาตรฐานครง่ึ เซลลด์ งั น้ี E0 = +1.50 V Au3+(aq) + 3e Au(s) E0 = +0.80 V Ag+(aq) + e Ag(s) E0 = +0.34 V Cu2+(aq) + 2e Cu(s) E0 = 0.25 V Ni2+(aq) + 2e Ni(s) E0 = 0.74 V Cr3+(aq) + 3e Cr(s) ถา้ ตอ้ งการเคลอื บโลหะดว้ ยไฟฟ้าลงบนตะปเู หลก็ แทง่ หน่งึ โดยใหโ้ ลหะน้จี มุ่ อยใู่ น สารละลายของโลหะไอออน ทาหน้าทเ่ี ป็นแอโนด และมตี ะปเู หลก็ เป็นแคโทด โลหะในขอ้ ใดเคลอื บอย่บู นตะปเู หลก็ โดยมจี านวนโมลมากทส่ี ุด ถ้าไอออนในแต่ละสารละลายรบั อเิ ลก็ ตรอนไป 1 mol เทา่ กนั 1. Au จากสารละลาย Au3+ 2. Ag จากสารละลาย Ag+ 3. Cu จากสารละลาย Cu2+ 4. Ni จากสารละลาย Ni2+ 5. Cr จากสารละลาย Cr3+
30 48. โรงงานอุตสาหกรรมแห่งหน่ึงตอ้ งการกาจดั แก๊ส SO2 ซง่ึ เป็นผลพลอยไดจ้ ากกระบวนการ และจะก่อปญั หา มลพษิ อย่างมากถ้าปล่อยออกสอู่ ากาศโดยตรง ทางโรงงานจงึ แกป้ ญั หาดว้ ยการเปลย่ี นใหเ้ ป็น SO3 เพ่อื นาไป ผลติ ป๋ ุยแอมโมเนยี มซลั เฟต ปฏกิ ริ ยิ าทเ่ี กย่ี วขอ้ งมดี งั น้ี (สมการยงั ไม่ดลุ ) SO2 + O2 SO3 (ใชต้ วั เร่งปฏกิ ริ ยิ า และอณุ หภูมสิ งู ) SO3 + H2SO4 H2S2O7 H2S2O7 + H2O H2SO4 NH3 + H2SO4 (NH4)2SO4 H2SO4 ท่เี กดิ ขน้ึ จะนาไปใชไ้ ด้เพยี งร้อยละ 80 เน่ืองจากต้องใชส้ ่วนหน่ึงหมุนเวยี นในกระบวนการ และพบว่า SO2 ยงั รวั่ ไหลออกส่ภู ายนอกไดร้ อ้ ยละ 10 ทงั้ น้ี แอมโมเนียทน่ี าไปใชใ้ นขนั้ สุดทา้ ยมมี ากเกนิ พอ และปฏกิ ริ ยิ า เกดิ สมบรู ณ์ ถา้ มี SO2 เกดิ ขน้ึ ในโรงงานปีละ 1 ตนั จะตอ้ งใช้ O2 อย่างน้อยกล่ี ติ รท่ี STP ในการทาปฏกิ ริ ยิ า และสามารถผลติ (NH4)2SO4 ไดก้ ต่ี นั (กาหนดให้ มวลโมเลกุล SO2 = 64 และมวลสตู ร (NH4)2SO4 = 132) O2 (ลติ ร) (NH4)2SO4 (ตนั ) 1. 157,500 1.485 2. 157,500 1.856 3. 175,000 1.65 4. 315,000 1.485 5. 350,000 2.062 49. ไฮโดรค์ ารบ์ อน X 0.5 mol เม่อื ถูกเผาไหมอ้ ย่างสมบรู ณ์จะใชอ้ อกซเิ จน 5 mol และได้ คารบ์ อนไดออกไซด์ 3.5 mol แต่ถา้ ให้ X 0.5 mol ทาปฏกิ ริ ยิ ากบั โบรมนี ในทม่ี ดื อย่างสมบรู ณ์จะใชโ้ บรมนี 0.5 mol เทา่ กนั ขอ้ ใดผิด 1. X อาจเป็นไซโคลแอลคนี หรอื แอลไคน์ 2. การเผาไหม้ X 1 mol จะไดไ้ อน้า 6 mol 3. ปฏกิ ริ ยิ าของ X กบั โบรมนี ไมใ่ หแ้ กส๊ HBr 4. X สามารถฟอกจางสสี ารละลาย KMnO4 ได้ 5. สตู รโครงสรา้ งหน่งึ ทเ่ี ป็นไปไดข้ องสาร X คอื H CH3
31 50. ขอ้ ความใดถูกตอ้ ง 1. เมอ่ื สงิ่ มชี วี ติ ในน้าตาย จะทาใหค้ ่า BOD ลดลง 2. น้าทง้ิ จากโรงงานชบุ โลหะทาใหค้ า่ BOD ของแหล่งน้ามคี า่ สงู ขน้ึ 3. การเตมิ ออกซเิ จนลงไปในแหล่งน้าทม่ี เี กลอื ของปรอทอย่จู ะทาใหส้ ภาพน้าดขี น้ึ 4. แหล่งน้าทม่ี สี ารฟอสเฟตอยมู่ ากจะมคี า่ BOD สงู กวา่ แหลง่ น้าทม่ี สี ารฟอสเฟตอย่นู ้อย 5. แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดส์ ามารถรวมตวั กบั ฮโี มโกลบนิ เกดิ เป็นคารบ์ อกซฮี โี มโกลบนิ ทาใหเ้ มด็ เลอื ดแดงไมส่ ามารถรบั ออกซเิ จนไดต้ ามปกติ 51. ไตรกลเี ซอไรดช์ นิดหน่งึ มกี รดไขมนั เพยี ง 1 ชนิด ทาปฏกิ ริ ยิ าพอดกี บั โพแทสเซยี มไฮดรอกไซด์ 1.12 g ในน้า 1 dm3 ไดเ้ กลอื โพแทสเซยี มของกรดไขมนั 6.40 g สตู รโมเลกุลของกรดไขมนั คอื ขอ้ ใด 1. C18H35COOH 2. C17H35COOH 3. C17H33COOH 4. C16H33COOH 5. C16H31COOH
32 เฉลย ตะลุยขอ้ สอบ เคมี (9 วิชาสามญั ) 2560 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21. 22. 23. 24. 25. 26. 27. 28. 29. 30. 31. 2 32. 4 33. 2 34. 4 35. 5 36. 4 37. 1 38. 4 39. 5 40. 2 41. 4 42. 5 43. 4 44. 1 45. 4 46. 2 47. 1 48. 1 49. 3 50. 3
33 สาหรบั น้องๆ ทส่ี นใจขอ้ สอบ เคมี PAT2 ปี 2560 https://www.youtube.com/watch?v=d8wpVDdin0o หรอื คน้ หา
34 817636 179 NOTE
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: