Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ก.พ.63 ภูมิปัญญาท้องถิ่น ต.บ้านม่วง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

ก.พ.63 ภูมิปัญญาท้องถิ่น ต.บ้านม่วง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

Published by kl_1270050000, 2020-11-06 01:50:15

Description: คลังปัญญาบ้านม่วง.4

Search

Read the Text Version

ทำเนยี บภมู ปิ ญั ญำท้องถ่นิ ตำบลบ้ำนม่วง อำเภอบำ้ นโป่ง จงั หวัดรำชบุรี ประจำเดือน กุมภำพนั ธ์ 2563 กศน.ตำบลบำ้ นม่วง ศนู ย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั อำเภอบ้ำนโป่ง สำนกั งำนส่งเสรมิ กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศัยจังหวดั รำชบรุ ี สำนกั งำนส่งเสริมกำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศยั สำนักงำนปลัดกระทรวงศกึ ษำธกิ ำร กระทรวงศกึ ษำธิกำร

คำนำ ปราชญ์ชาวบ้าน หรือนักคิดท้องถิ่น หรือครูภูมิปัญญาไทยแล้วแต่จะเรียกกัน มีความรู้ ความสามารถมากมายในหลายด้านแล้วแต่งานที่ท่านปฏิบัติจนบังเกิดผล ไม่ว่าจะเรียกอะไรก็ตามคุณสมบัติ ของผู้ท่ีเป็นปราชญ์ชาวบ้าน บุคคลเหล่านี้มีธรรมะอยู่ในใจทกุ ท่าน เป็นธรรมะของความรักความเมตตา ความ อยากช่วยคน เป็นธรรมะโดยการปฏิบัติ แล้วนามาเป็นความรู้ให้คนเห็นได้อย่างชัดเจน มีทั้งวิชาการและ ภาคปฏิบัติให้เห็น บุคคลเหล่าน้ีมีความรัก ความเป็นปราชญ์ไม่ได้อยู่ที่ความฉลาดของปัญญาท่ีเกิดจากการ กระทา แต่เกิดจากความรักที่มีธรรมะเป็นแรงบันดาลใจให้แบ่งปันแก่ผู้อื่น เป็นร่มโพธ์ิ ร่มไทร การแผ่ภูมิ ปัญญาที่เกิดจากการทาจริงด้วยความรักแผ่นดินท่ีมีลูกหลาน มีป่า มีชุมชน มีเมือง ดังนั้น สรุปได้ว่าปราชญ์ ชาวบ้านนั้นเป็นผู้ท่ีมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติ มีความคิดเข้าระบบชอบค้นหาความจริง ช่างสังเกตและนา ส่ิงท่ีพบเห็นมาเรียนรู้โดยการปฏิบัติจริง สามารถสรุปเป็นบทเรียนได้ ดังเช่นปราชญ์ชาวบ้าน ด้านการเกษตร ซึ่งมอี ยทู่ ัว่ ไปในทกุ ภาคของประเทศ ท้ังนี้ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบ้านโป่ง ได้เล็งเห็นถึง ความสาคัญของผู้ที่ทาคุณประโยชน์ เสียสละ และปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างท่ีดีต่อคนในชุมชนอาเภอบ้านโป่ง จึงได้จัดทาทาเนียบภูมิปัญญาท้องถ่ิน ข้ึนเพ่ือยกย่อง และเผยแพร่ให้ชนรุ่นหลังได้ถือเป็นแบบอย่างท่ีดีในการ ดารงชีวติ ต่อไป กศน.ตาบลบา้ นม่วง กุมภาพนั ธ์ 2563

สำรบัญ หนำ้ เรอื่ ง 1 3 ภมู ิปญั ญาขนมปลากริมเผือก : นางกาญจนา ครุฑเครือ 5 ภมู ิปัญญากระทงสาย : นางสอางค์ พรหมอนิ ทร์ 7 ภูมิปัญญาปราชญเ์ กษตรอนิ ทรีย์ : นายงาม ขาวบาง คณะผจู้ ัดทา

แบบบนั ทกึ ชดุ ขอ้ มูลคลงั ปัญญำ-ภูมิปญั ญำทอ้ งถน่ิ ตำบลบำ้ นม่วง อำเภอบำ้ นโปง่ จังหวัดรำชบรุ ี ช่ือภมู ปิ ัญญำ ขนมปลำกริมเผอื ก ชอ่ื นางกาญจนา นามสกลุ ครฑุ เครือ วันเดอื นปเี กิด - - พ.ศ. 2498 ที่อยู่ปัจจบุ นั (ท่ีสำมำรถตดิ ต่อได้) บ้านเลขท่ี 74/1 หมู่ที่ 4 ตาบลบา้ นมว่ ง อาเภอบา้ นโปง่ จังหวดั ราชบรุ ี รหสั ไปรษณยี ์ 70110 โทรศพั ท์ 082-2239617 พิกัดทำงภมู ศิ ำสตร์ คำ่ X : 13.773034 คำ่ Y : 99.807557 ควำมเปน็ มำของภมู ิปญั ญำ ขนมปลากรมิ เผือก เป็นขนมหวานประเภทหนึ่งของไทยท่ีแสดงออกถึงความเปน็ ไทย จากบันทกึ ของ ท่านผู้หญงิ เปลีย่ น ภาสกรวงค์ ผเู้ ช่ยี วชาญอาหารคาวหวานเมือ่ คร้ังรชั กาลท่ี ๕ และเป็นผแู้ ต่งตาราอาหารชือ่ \"แม่ครวั หัวป่าก์\" ไดบ้ ันทึกไว้ว่า \"ขนมนเ้ี ปน็ ของโบราณ มีอุบาสิกาชื่อเนยอย่วู ัดอมั รนิ ทร์ ใหท้ าขนมมา สองหมอ้ และบอกว่าช่ือขนม\"แชงมา\" เป็นขนมโบราณนามาเลย้ี งคน จงึ ไดต้ ักดูหม้อแรกเปน็ ขนมไข่เต่า หม้อสองเปน็ ขนมปลากริม จงึ ถามดูวา่ ชอ่ื \"ขนมปลากริมไข่เต่า\" ไม่ใช่หรือ แมช่ ตี อบว่า โบราณใช้ผสมกนั ๒ อยา่ ง เรียกวา่ ขนมแชงมา แตถ่ ้าอยา่ งเดยี ว จะเรยี กวา่ ขนมปลากริม หรอื ไขเ่ ตา่ สาหรับชาวมอญจะทาขนมสขี าวเพียงอยา่ ง เดียว จงึ เรยี กว่า ปลากริม เป็นขนมท่ชี าวมอญใช้เผอื กผสมแปง้ มัน และแปง้ ทา้ วย้ายมอ่ ม นวดแลว้ นามาป้นั เปน็ ตวั คล้ายลอดช่อง โดยเฉพาะเผือกเป็นพืชท่ีหาได้ในท้องถนิ่ นางกาญจนา ครุฑเครือ อายุ 65 ปี เร่ิมทาขนมปลากริมเผือกอย่างจริงจังเม่ืออายุ 30 ปี โดยได้ แรงจูงใจจากท่านอาจารย์ลม ซ่ึงเป็นเจ้าอาวาสวัดม่วงในขณะนั้น ต้องการให้ชุมชนบ้านม่วงได้มีการอนุรักษ์ ขนมปลากริมเผือกไว้ จึงมีการทาขนมปลากริมบ่อยขึ้น เป็นขนมหวานหลักท่ีแทบทุกบ้านนิยมทากัน เพื่อ นามาเลี้ยงพระและคนมาร่วมงานบุญในเทศกาลต่างๆ และทาเลี้ยงแขกที่มาจากต่างจังหวัด จนเป็นอาหารที่ ขนึ้ ช่ือของชุมชนบา้ นม่วงมาถงึ ปัจจุบัน จดุ เด่นของภมู ปิ ัญญำ จัดเปน็ มรดกทางวัฒนธรรมอย่างหน่งึ เพราะขนมแต่ละชนดิ ลว้ นมเี สน่ห์ แสดงใหเ้ ห็นถงึ ความ ละเอียดอ่อน ประณีต วิจติ รบรรจงในรปู ลกั ษณ์ ตง้ั แตว่ ตั ถดุ บิ ทใ่ี ช้ วธิ กี ารทาที่กลมกลืน ความพิถีพถิ นั ความ สวยงาม กลน่ิ หอม รสชาติของขนมทล่ี ะเมยี ดละไมชวนใหร้ บั ประทาน ขนมปลากรมิ เผือก จึงเป็นขนมของชาว ไทยมอญท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวท่หี าทานไดย้ าก สามารถทารบั ประทานไดต้ ลอดปี มรี สชาติหวานมัน และมี กลิ่นหอมของเผือก มีคุณคา่ ทางโภชนาการคือ ได้คารโ์ บไฮเดรท และไขมนั วตั ถุดบิ ทใี่ ชป้ ระโยชนใ์ นผลติ ภณั ฑ์ทเี่ กดิ จำกภูมปิ ญั ญำ ซงึ่ พน้ื ที่อนื่ ไมม่ ี - แป้งทา้ วยายมอ่ ม - เผอื ก - กะทิ

2 รำยละเอียดของภมู ิปญั ญำทอ้ งถิ่น - รูปแบบในการถ่ายทอดความรู้ ด้านการศึกษาดูงาน ฝึกอบรม และด้านการฝึกปฏิบัติ ในพ้ืนที่ จรงิ ประโยชน์ทไ่ี ด้จากภูมปิ ญั ญาคอื สามารถนาไปปฏบิ ัตจิ รงิ ได้ รูปแบบและลักษณะกำรถำ่ ยทอด กำรประชำสัมพันธ์ เผยแพรภ่ ูมิปัญญำทอ้ งถนิ่ ยงั ไมเ่ คยมกี ารเผยแพร่/ใช้เฉพาะบุคคล √ เคยเผยแพรเ่ ฉพาะในชุมชน มกี ารเผยแพร่ผา่ นสื่อมวลชนและสื่ออ่นื อยา่ งแพร่หลาย มกี ารดูงานจากบุคคลภายนอก จานวน .......ครัง้ จานวน............คน มกี ารนาไปใช้ อ่ืนๆ(ระบุ) ลกั ษณะของภมู ิปญั ญำทอ้ งถิ่น กำรพฒั นำตอ่ ยอดภมู ปิ ญั ญำใหเ้ ป็นนวัตกรรม คณุ ค่ำ (มลู คำ่ ) และควำมภำคภมู ใิ จ ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ /นวัตกรรมที่คิดค้นขน้ึ มาใหม่ √ ภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ ดงั้ เดิมได้รบั การถา่ ยทอดมาจาก ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ ท่ไี ด้พฒั นาและต่อยอด ดงั้ เดิม คือ เป็นการเรียนร้มู าจากปู่ย่า ตายาย เป็นอาหารที่ทาในงานบุญตา่ งๆ และทากนิ กันใน ชุมชนอยู่แล้ว แต่มีการนามาสอนลูกหลาน และเลี้ยงแขกท่ีมาเย่ียมเยือนจนเป็นท่ีกล่าวขานถึงความอร่อย หวานมนั และยกใหเ้ ปน็ อาหารแนะนาของชุมชนบ้านม่วง ถ้าใครมาบ้านม่วงตอ้ งไดก้ ินขนมปลากรมิ เผือก รปู ภำพภูมิปัญญำ นำงกำญจนำ ครุฑเครือ ภำพขนมปลำกรมิ

3 แบบบันทกึ ชุดข้อมลู คลังปัญญำ-ภูมิปญั ญำทอ้ งถิ่น ตำบลบำ้ นมว่ ง อำเภอบ้ำนโป่ง จงั หวัดรำชบรุ ี ช่ือภมู ปิ ัญญำ กำรทำกระทงสำย ชื่อ นางสอางค์ นามสกุล พรหมอนิ ทร์ วนั เดอื นปีเกดิ - พ.ศ. 2488 ที่อยู่ปัจจุบัน (ทสี่ ำมำรถตดิ ตอ่ ได้) บ้านเลขที่ 99 หมูท่ ี่ 5 ตาบลบา้ นม่วง อาเภอบ้านโปง่ จงั หวัดราชบรุ ี รหัสไปรษณีย์ 70110 โทรศัพท์ 089-8858817 พิกัดทำงภมู ิศำสตร์ คำ่ X : 13.769069 คำ่ Y : 99.843440 ควำมเป็นมำของภมู ิปัญญำ นางสอางค์ หรหมอินทร์ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ท่ี 5 ตาบลบ้านมว่ ง อาเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรเี ริ่ม เรียนการทากระทงสายตั้งแต่อายุ 15 ปี มีครูน้อย/ครูบุญมี เป็นคนสอนตัดกระดาษ อาจารย์โก๊ะ อดีตเจ้า อาวาสวดั ม่วง เป็นผสู้ อนการทากระทงสาย มีภูมิลาเนาตาบลบ้านมว่ ง อาเภอบา้ นโปง่ จงั หวัดราชบรุ ี ชาวไทยมอญในตาบลบ้าน ม่วง จะจัดพิธีลอยกระทงสาย ในวันขึ้น 15 ค่า เดือน 12 ของทุกปี ณ บรเิ วณท่านา้ หนา้ วัดมว่ ง ตาบลบ้านม่วง อาเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบรุ ี โดยในตอนเช้าจะจดั ใหม้ ีการทาบุญตัก บาตรเลี้ยงพระที่วัด ตอนเย็นและกลางคืนจะจัดให้มีการลอยกระทงสาย สาหรบั กระทางสายของชาวบา้ นม่วง จะแตกต่างกับกระทงสายของจงั หวัดอน่ื ๆ เพราะที่วดั ม่วง กระทงสายจะเป็นกระทงทที่ าด้วยกระดาษส่ีเหลีย่ ม จตั ุรัส ขนาด 6 น้ิว พับหักมมุ สี่ดา้ น ใส่น้ามันพืชผสมนา้ มันโซล่า มีไส้เส้นด้ายฟนั้ เปน็ สามขาต้ังอยู่กลางกระทง โดยในแต่ละปีจะมีการจัดทากระทงสายเป็นจานวนมาก นาไปลอยเป็นสายกลางลานา้ แม่กลองจากหน้าวดั ม่วง ไป จดุ เดน่ ของภูมปิ ัญญำ การลอยกระทงสายมอญ คือ การนากระดาษสี มาพบั จบั จบี คล้ายดอกบวั วางเรียงลงในถาดสงั กะสี แล้วใส่นา้ มัน ใชเ้ ชือกกระสอบทาไส้สามเส้นควัน่ รวมกนั กางออกมาเป็นสามขา เรยี กว่า ตนี กา วางตนี กา จดุ ไฟ ทปี่ ลายตนี กาในทกุ ๆ กระทง แล้วนาไปลอย โดยยกทัง้ ถาดอธษิ ฐานจิต จากนนั้ ค่อยๆ จมุ่ ถาดทัง้ ถาดลงไปใน แมน่ ้า กระทงจะลอยนา้ แล้วค่อยๆ ดงึ ถาดขึ้นมา กระทงจะลอยเป็นกลมุ่ เปน็ สาย ดูสวยงาม โดยทางวดั ม่วง จะเตรียมกระทงสายสาหรับบรกิ ารผู้ท่ีจะลอยกระทงในทกุ ปี วัตถุดบิ ทใ่ี ชป้ ระโยชน์ในผลิตภัณฑ์ท่ีเกิดจำกภูมปิ ญั ญำ ซึ่งพื้นทอี่ ื่นไมม่ ี - กระดาษหลากสี - เชือกปา่ นสาหรบั ทาตนี กา - นา้ มนั พชื รำยละเอยี ดของภมู ปิ ญั ญำท้องถ่ิน - รปู แบบในการถ่ายทอดความรู้ และด้านการฝึกปฏิบัติ ในพ้ืนท่ีจริงประโยชน์ที่ได้จากภูมิปัญญา คือสามารถนาไปปฏบิ ัตจิ ริงได้

4 รปู แบบและลักษณะกำรถำ่ ยทอด กำรประชำสมั พนั ธ์ เผยแพรภ่ มู ิปัญญำทอ้ งถิ่น ยังไม่เคยมีการเผยแพร/่ ใช้เฉพาะบคุ คล √ เคยเผยแพร่เฉพาะในชมุ ชน √ มีการเผยแพร่ผา่ นสอ่ื มวลชนและสอ่ื อน่ื อยา่ งแพร่หลาย มกี ารดงู านจากบุคคลภายนอก จานวน .......ครงั้ จานวน............คน √ มกี ารนาไปใช้ อ่นื ๆ(ระบ)ุ ลักษณะของภมู ปิ ญั ญำท้องถ่นิ กำรพฒั นำต่อยอดภมู ปิ ัญญำให้เปน็ นวตั กรรม คณุ คำ่ (มูลคำ่ ) และควำมภำคภูมิใจ ภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ /นวตั กรรมทีค่ ิดค้นขึ้นมาใหม่ √ ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้ังเดมิ ได้รับการถ่ายทอดมาจาก ภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ท่ีได้พฒั นาและตอ่ ยอด แบบดั้งเดมิ คือ ได้เรยี นร้มู าจากบรรพบรุ ุษ ทากนั เปน็ การสืบสานประเพณวี ันลอยกระทงของทุกปี รปู ภำพภมู ิปญั ญำ นำงสอำงค์ พรหมอินทร์ (เจ้ำของภมู ิปัญญำกระทงสำย) ภำพกระทงสำย

5 แบบบันทกึ ชดุ ขอ้ มูลคลงั ปัญญำ-ภูมปิ ัญญำท้องถ่ิน ตำบลบ้ำนม่วง อำเภอบ้ำนโปง่ จังหวดั รำชบุรี ชอื่ ภูมิปัญญำ ปราชญ์เกษตรอนิ ทรีย์ ช่อื นายงาม นามสกลุ ขาวบาง วันเดือนปเี กิด 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 ทอี่ ยู่ปัจจบุ ัน (ท่สี ำมำรถติดต่อได)้ บา้ นเลขที่ 63/2 หมทู่ ี่ 5 ตาบลบ้านม่วง อาเภอบา้ นโป่ง จังหวัดราชบรุ ี รหัสไปรษณีย์ 70110 โทรศพั ท์ 081-3079089 Facebook ปราชญเ์ กษตรอนิ ทรีย์ ควำมเปน็ มำของภมู ิปญั ญำ นายงาม ขาวบาง อายุ 72 ปี เปน็ ปราชญ์ชาวบ้าน หมอดินอาสา หลงั เกษียณการทางานได้ซ้ือที่ดิน จานวน 3 ไร่ ทาการเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน เริ่มขดุ บ่อน้า แบ่งพ้ืนท่ีปลูกผลไม้ เช่น กลว้ ย มะมว่ ง เงาะ ทุเรียน และปลูกพืชผักท่ีต้องการบริโภค เช่น หน่อไม้ มะนาว มะกรูด พริก มะเขือ มะละกอ กระเพรา โหระพา และเล้ียงปลาในบ่อ เล้ียงเป็ด เล้ียงไก่ และศึกษาในเรื่องของการทาปุ๋ยหมักชีวภาพ สารชีวภาพไล่ แมลง พืชผกั ทีเ่ หลือจากบริโภคจะนาไปจาหน่ายยังตลาดนดั ใกล้บ้าน พืชผกั ทุกอย่างปลอดสารเคมี จนเป็นท่ี รู้จักของชุมชน ต่อมาครูกศน.ตาบล ได้ขอร้องให้ลุงงาม ได้เปิดสวนให้นักศึกษากศน.และประชาชนในตาบล บ้านม่วงได้มีโอกาสมาศึกษาดูงาน และให้ช่วยถ่ายทอดความรู้ด้านการทาน้าหมักชีวภาพ และการทาเกษตร อนิ ทรียท์ ีป่ ลอดภยั จากสารเคมี จดุ เด่นของภมู ปิ ัญญำ ปราชญเ์ กษตรอนิ ทรีย์ ผู้นเ้ี ป็นบุคคลทีม่ ีความขยันหมนั่ เพียร ไมห่ ยดุ นง่ิ ท่จี ะพฒั นาตนเอง หากมี โอกาสจะไปเรยี นรู้การทาเกษตรอนิ ทรยี ์ และศกึ ษาดงู านจากแหล่งเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งจากสถานทต่ี ่างๆ และนามาปรับใชใ้ นการทาเกษตรของตนเองอยเู่ สมอ จนไดร้ บั โอกาสในการเปน็ หมอดนิ อาสา และเปน็ ปราชญ์ด้านเกษตรอินทรยี ์ของตาบลบ้านมว่ ง วัตถุดบิ ทใ่ี ชป้ ระโยชน์ในผลิตภัณฑ์ทีเ่ กิดจำกภมู ิปัญญำ ซง่ึ พื้นที่อ่นื ไมม่ ี - นา้ หมกั ชวี ภาพ - จลุ ินทรยี ส์ งั เคราะห์แสง รำยละเอียดของภมู ิปญั ญำท้องถ่นิ - รูปแบบในการถ่ายทอดความรู้ ด้านการศึกษาดูงาน ฝึกอบรม และด้านการฝึกปฏิบัติ ในพื้นที่ จรงิ ประโยชน์ที่ได้จากภูมปิ ญั ญาคอื สามารถนาไปปฏิบตั ิจริงได้ รูปแบบและลกั ษณะกำรถำ่ ยทอด กำรประชำสัมพนั ธ์ เผยแพร่ภูมิปัญญำทอ้ งถน่ิ ยังไม่เคยมกี ารเผยแพร/่ ใชเ้ ฉพาะบคุ คล √ เคยเผยแพร่เฉพาะในชมุ ชน มกี ารเผยแพร่ผ่านส่อื มวลชนและส่ืออื่นอย่างแพร่หลาย มกี ารดูงานจากบุคคลภายนอก จานวน .......ครง้ั จานวน............คน √ มกี ารนาไปใช้ อ่นื ๆ(ระบุ)

6 ลกั ษณะของภูมิปญั ญำท้องถิ่น กำรพัฒนำต่อยอดภูมิปญั ญำให้เป็นนวตั กรรม คณุ ค่ำ (มูลคำ่ ) และควำมภำคภมู ิใจ ภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ /นวัตกรรมทคี่ ดิ ค้นขน้ึ มาใหม่ ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ ดง้ั เดมิ ได้รบั การถ่ายทอดมาจาก √ ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ ท่ีไดพ้ ฒั นาและตอ่ ยอด กำรพัฒนำและตอ่ ยอด ลงุ งาม ไดพ้ ฒั นาตนเองดา้ นการทาเกษตรอนิ ทรีย์อยู่เสมอ มีโอกาสได้เปน็ วทิ ยากรในการถ่ายทอด ความรใู้ หก้ บั ประชาชนในพื้นทแ่ี ละผู้ที่สนใจ เปิดสวนของตนเองเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรอนิ ทรีย์ รูปภำพภมู ิปัญญำ นำยงำม ขำวบำง (เจ้ำของภูมิปัญญำปรำชญ์เกษตรอินทรีย์) ภาพเปิดสวนเปน็ แหล่งเรียนรู้ดา้ นเศรษฐกจิ พอเพียงของตาบลบา้ นมว่ ง

7 ทป่ี รกึ ษำ คณะผจู้ ัดทำ 1.นางสาวดารตั น์ กาญจนาภา ผู้อานวยการสานักงาน กศน. จงั หวัดราชบรุ ี 2.นายสจั จา จันทรวิเชียร ผ้อู านวยการ กศน. อาเภอบ้านโป่ง 3.นายไพโรจน์ ขนุ ทอง ครชู านาญการพเิ ศษ ผ้จู ัดทำ ครู กศน.ตาบลบ้านม่วง นางสุนนั ทา จินดาสวย ครู กศน.ตาบลบา้ นม่วง บรรณำธกิ ำร/จดั ทำรปู เล่ม นางสุนนั ทา จนิ ดาสวย