ทำเนียบภูมิปัญญำทอ้ งถนิ่ ตำบลบ้ำนม่วง อำเภอบ้ำนโปง่ จังหวดั รำชบุรี ประจำเดอื น มกรำคม 2563 กศน.ตำบลบ้ำนมว่ ง ศนู ย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศยั อำเภอบำ้ นโปง่ สำนกั งำนสง่ เสรมิ กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั จังหวดั รำชบรุ ี สำนักงำนส่งเสริมกำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัย สำนักงำนปลดั กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร กระทรวงศกึ ษำธิกำร
คำนำ ปราชญ์ชาวบ้าน หรือนักคิดท้องถ่ิน หรือครูภูมิปัญญาไทยแล้วแต่จะเรียกกัน มีความรู้ความสามารถ มากมายในหลายด้านแล้วแต่งานท่ีท่านปฏิบัติจนบังเกิดผล ไม่ว่าจะเรียกอะไรก็ตามคุณสมบัติของผู้ท่ีเป็น ปราชญ์ชาวบ้าน บุคคลเหล่าน้ีมีธรรมะอยู่ในใจทุกท่าน เป็นธรรมะของความรักความเมตตา ความอยากช่วย คน เป็นธรรมะโดยการปฏบิ ัตแิ ลว้ นามาเป็นความร้ใู ห้คนเห็นไดอ้ ย่างชัดเจน มีท้งั วชิ าการและภาคปฏิบตั ิใหเ้ ห็น บุคคลเหล่านี้มีความรัก ความเป็นปราชญ์ไม่ได้อยู่ที่ความฉลาดของปัญญาที่เกิดจากการกระทา แต่เกิดจาก ความรักท่ีมีธรรมะเป็นแรงบันดาลใจให้แบ่งปันแก่ผู้อ่ืนเป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร การแผ่ภูมิปัญญาท่ีเกิดจากการทา จรงิ ด้วยความรกั แผ่นดินทมี่ ลี ูกหลาน มีปา่ มชี มุ ชน มีเมอื งดงั นัน้ สรปุ ได้ว่าปราชญช์ าวบ้านนั้นเปน็ ผู้ทม่ี วี ิถชี วี ิต ทผี่ ูกพันกับธรรมชาติ มีความคิดเข้าระบบชอบคน้ หาความจริง ช่างสงั เกตและนาสงิ่ ทพ่ี บเห็นมาเรียนรู้โดยการ ปฏิบัติจริง สามารถสรุปเป็นบทเรียนได้ ดังเช่นปราชญ์ชาวบ้านด้านการเกษตร ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในทุกภาคของ ประเทศ ท้ังนี้ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบ้านโป่ง ได้เล็งเห็นถึงความสาคัญ ของผู้ท่ีทาคุณประโยชน์ เสียสละ และปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีต่อคนในชุมชนอาเภอบ้านโป่ง จึงได้จัดทา ทาเนียบภูมิปัญญาท้องถิ่น ขึ้นเพื่อยกย่อง และเผยแพร่ให้ชนรุ่นหลังได้ถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการดารงชีวิต ตอ่ ไป กศน.ตาบลบา้ นมว่ ง มกราคม 2563
สำรบญั หนำ้ เรอื่ ง 1 4 ภมู ิปญั ญาการร้อยมาลัยดอกไม้สด : นางเอิบ พรมระเบียบ 6 ภมู ิปญั ญาการทาไข่เค็ม : นางสาวสุดารัตน์ อยู่ไทย 8 ภูมิปัญญาการปักผา้ สไบมอญ : นางวไิ ล แท่นเครือ คณะผู้จัดทา
แบบบันทึกชุดข้อมลู คลงั ปัญญำ - ภมู ิปัญญำท้องถ่นิ ตำบลบำ้ นม่วง อำเภอบ้ำนโป่ง จังหวัดรำชบุรี ชอ่ื ภูมิปัญญำ กำรร้อยมำลัยดอกไม้สด ชื่อ นางเอิบ นามสกุล พรมระเบียบ วนั เดอื นปเี กิด - - พ.ศ. 2476 ท่อี ยู่ปัจจบุ ัน (ทส่ี ำมำรถตดิ ต่อได้) บ้านเลขที่ 51 หม่ทู ี่ 6 ตาบลบา้ นม่วง อาเภอบา้ นโปง่ จังหวดั ราชบุรี รหสั ไปรษณีย์ 70110 โทรศัพท์ 098-9903262 พิกัดทำงภมู ิศำสตร์ คำ่ X : 13.77399 คำ่ Y : 99.8045 ควำมเป็นมำของภมู ิปัญญำ บรรพบุรุษของไทยเรามีช่ือเสียงในงานด้านศิลปะการประดิษฐ์อย่างมากมาย โดยเฉพาะการประดิษฐ์ ตกแต่งพวงดอกไม้ ใบไม้ ผลไม้ และวัสดุอ่ืน ๆ เป็นที่ข้ึนชื่อมานานแต่โบราณกาลแล้ว มาลัยมีมากมายหลาย ชนิด แต่ละชนิดก็มีหน้าท่ีใช้สอยต่างกันไปตามโอกาสและความเหมาะสม มาลัยถูกนามาใช้ประโยชน์ดังนี้ คือ ใช้สาหรับไหว้พระพุทธรูป และส่ิงศักดิ์สิทธ์ิ และยังใช้สาหรับคล้องคอเป็นเกียรตแิ ก่เจ้าของงาน เช่น เจ้าบ่าว- เจ้าสาว ในงานแต่งงาน ผู้บังคับบัญชา หรือผู้มาร่วมงานคนใหม่ในงานเลี้ยงรับ หรือผู้ท่ีจะย้ายไปปฏิบัติหน้าท่ี ยงั ที่ทางานอ่ืนในงานเล้ียงส่ง ถ้าจดั งานเป็นพธิ ีกม็ ักจะนยิ มใชม้ าลัยสองชายชนิดสาหรับคลอ้ งคอ เพื่อเป็นการ แสดงถึงการให้เกียรติแก่บุคคลนน้ั ใช้สาหรับคล้องคอเพ่ือแสดงความยินดีหรือต้อนรับแขกต่างประเทศ อาจ ใช้มาลัยสองชายสาหรับคล้องคอ ในตอนที่ไปรับท่ีสนามบิน เพ่ือเป็นการบ่งบอกหรือแสดงออกถึงความยินดีที่ บุคคลนั้นได้มาเยี่ยมเยือน ใช้สาหรับคล้องคอเพื่อแสดงความยินดี หรือเป็นเกียรติแก่ผู้มีชัยชนะในการ ประกวดต่าง ๆ เช่น การประกวดความงาม การประกวดร้องเพลง ส่วนใหญ่มักนิยมใช้มาลัยสองชาย ใช้ สาหรบั คล้องคอเพอ่ื แสดงความยนิ ดี หรอื เป็นเกียรติแก่ผมู้ ีชนะในการแข่งขนั กีฬา กรีฑา สว่ นใหญ่นยิ มใชม้ าลัย สองชาย หรือมาลัยสาหรับสวมคอเช่นกนั แตป่ จั จุบนั มีการใช้ประโยชนจ์ ากมาลยั ได้หลายงาน ไมว่ ่าจะเป็นงาน มงคลหรอื งานอวมงคล เพยี งแต่ต้องคานึงถงึ วสั ดตุ กแต่งให้เหมาะสมกับงาน นางเอิบ พรมระเบียบ อายุ 85 ปี เริ่มร้อยมาลัยเม่ือปี 2553 เนื่องจากประชาชนในหมู่บ้าน หลาย หลงั คาเรือนประกอบอาชีพขายดอกไม้และพวงมาลัยในตลาดของอาเภอบ้านโป่ง นางเอิบ พรมระเบยี บ จึงมี อาชีพร้อยมาลัยจนถึงปัจจุบัน รวมประสบการณ์ในการร้อยมาลัยรวม 10 ปี โดยร้อยมาลัยส่งให้กับพ่อค้า แม่ค้าในหมู่บ้านอีกที เน่ืองจากไมไ่ ดเ้ ดินทางไปขายเอง เน่ืองจากอายมุ ากแลว้ จุดเดน่ ของภมู ิปัญญำ นางเอบิ พรมระเบยี บ มีความสามารถในการร้อยมาลยั ดอกไม้สด ไดห้ ลายรปู แบบ เชน่ มาลยั กลม มาลัยชายเดียว มาลยั สองชาย และมาลัยชายตดิ กนั และการกาดอกไมส้ ดไหว้พระ และยงั ถ่ายทอดความรู้ ให้กบั ลกู หลาน และคนทีส่ นใจทาอาชพี เสริมการร้อยมาลยั ซ่ึงในหม่บู า้ นมีการทาอาชพี รับจา้ งรอ้ ยพวงมาลัย ดอกไม้สดหลายหลังคาเรือน
2 วตั ถดุ บิ ทใี่ ชป้ ระโยชนใ์ นผลิตภณั ฑท์ เ่ี กิดจำกภูมปิ ัญญำ ซ่งึ พ้นื ท่อี ่นื ไม่มี - ดอกไมส้ ดที่ปลกู ในชุมชน ไดแ้ ก่ดอกบัว ดอกดาวเรอื ง ดอกบานไม่รโู้ รย ดอกรัก - สายรบิ บ้นิ พวงมาลัยทป่ี ระดิษฐข์ ้ึนเอง - เขม็ มาลัย เป็นเข็มเหลก็ หรือสเตนเลสยาวประมาณ 12 –14 นว้ิ - เขม็ ส้นั หรือเขม็ มือ - ดา้ ย รำยละเอียดของภมู ิปัญญำทอ้ งถ่นิ - รูปแบบในการถ่ายทอดความรู้ ด้านการฝึกปฏิบัติ ในพื้นท่ีจริงประโยชน์ที่ได้จากภูมิปัญญาคือ สามารถนาไปปฏบิ ัตจิ รงิ ได้ รูปแบบและลักษณะกำรถ่ำยทอด กำรประชำสมั พนั ธ์ เผยแพร่ภูมิปัญญำท้องถิน่ ยังไม่เคยมีการเผยแพร/่ ใชเ้ ฉพาะบคุ คล √ เคยเผยแพรเ่ ฉพาะในชุมชน มีการเผยแพร่ผ่านสอ่ื มวลชนและสือ่ อืน่ อย่างแพร่หลาย มีการดงู านจากบคุ คลภายนอก จานวน .......ครงั้ จานวน............คน มกี ารนาไปใช้ อ่ืนๆ (ระบ)ุ ลกั ษณะของภูมปิ ญั ญำทอ้ งถ่นิ กำรพฒั นำต่อยอดภมู ิปญั ญำให้เป็นนวตั กรรม คุณคำ่ (มูลคำ่ ) และควำมภำคภมู ใิ จ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ /นวตั กรรมทค่ี ิดคน้ ขนึ้ มาใหม่ √ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่ินด้งั เดมิ ไดร้ ับการถา่ ยทอดมาจาก ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ท่ไี ดพ้ ฒั นาและต่อยอด แบบเดมิ คือ การร้อยมาลัยมีมาตัง้ แต่อดีตจนถึงปัจจุบนั เพราะมาลัยดอกไมป้ ระดษิ ฐแ์ บบไทยลักษณะ หนึ่ง โดยการนาดอกไม้ กลีบดอกไม้ ใบไม้และส่วนต่าง ๆ ของดอกไมท้ ่ีรอ้ ยได้ มาร้อยเป็นพวงมลี ักษณะต่าง ๆ กนั มากมายหลายแบบ ต้งั แตแ่ บบดงั้ เดมิ จนถึงแบบสมัยใหม่ ซึง่ กด็ ดั แปลงมาจากแบบดัง้ เดิมนนั่ เอง รปู ภำพเจ้ำของภูมิปัญญำ นำงเอิบ พรมระเบียบ (เจำ้ ของภูมิปัญญำกำรร้อยมำลยั ดอกไม้สด)
3 รูปภำพพวงมำลยั
4 แบบบันทกึ ชุดข้อมูลคลงั ปญั ญำ-ภูมิปญั ญำทอ้ งถิ่น ตำบล บ้ำนม่วง อำเภอ บ้ำนโป่ง จังหวดั รำชบรุ ี ชอื่ ภูมิปัญญำ การทาไข่เคม็ ใบเตย ช่ือ นางสาวสดุ ารตั น์ นามสกุล อย่ไู ทย วนั เดือนปีเกดิ 2 สงิ หาคม พ.ศ. 2518 ทอี่ ยู่ปัจจุบัน (ทีส่ ำมำรถตดิ ต่อได้) บา้ นเลขที่ 9 หมู่ที่ 6 ตาบลบา้ นมว่ ง อาเภอบา้ นโปง่ จังหวัดราชบรุ ี รหสั ไปรษณยี ์ 70110 โทรศพั ท์ 085-3792528 ควำมเปน็ มำของภูมิปญั ญำ ไข่เค็มเป็นภูมิปัญญาของคนไทยมาต้ังแต่สมัยโบราณ เป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่ง ซ่ึงคนสมัยก่อน ทาไขเ่ ค็มเพ่ือเกบ็ ไว้บริโภคในยามทข่ี าดแคน หรือเพ่ือยืดอายุการเก็บของไข่ ท่ีเหลือจากการบริโภคสด และถือ เป็นภูมิปัญญาที่ผสมผสานกับเทคโนโลยีของชาวบ้านที่สืบทอดกันมาช้านาน ต่อมาไข่เค็มได้รับความนิยมจาก ผบู้ ริโภคเพ่ิมมากขนึ้ มีความหลากหลาย ท้ังวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสม มีคณุ ประโยชนที่หลากหลาย มีรสชาติที่ แตกต่างกัน ปัจจุบันมีการพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์เพ่ือการค้า มีการไปจาหน่ายในรูปของไข่เค็มทั้งท่ีเป็นไข่สด และไข่ที่ต้มแล้วสามารถนาไปบริโภคได้เลย หรืออาจนาไปทาเป็นไส้ขนมต่าง ๆ เช่น ขนมเปยียะ ขนมไหว้ พระจันทร์ ขนมบ๊ะจ่าง ตลอดจนนาใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารต่างๆ ได้อีกด้วย ต่อมามีการพัฒนาไข่เค็ม เป็นผลิตภัณฑ์ไข่เค็มชนิดต่าง ๆให้น่ารับประทานมากยิ่งข้ึน เช่น ไข่เค็มดินสอพองผสมใบเตย ไข่จะมีกล่ิน หอมของใบเตย ไข่จะมีรสชาตไิ ม่เค็มจัด เป็นท่ีนยิ มของผบู้ ริโภค นางสาวสุดารัตน์ อยู่ไทย อายุ 44 ปี ประกอบอาชพี ทานา และชอบเลี้ยงเป็ดไข่ และเลี้ยงไก่ไข่อยแู่ ล้ว จงึ คดิ ว่านอกจากขายไขส่ ดแล้วนา่ จะมาแปรรปู เพ่อื เพ่ิมมูลค่าได้อีก จงึ เรมิ่ เรยี นรู้การทาไข่เค็มอย่างจรงิ จังเม่ือปี 2558โดยเข้ารบั การอบรมจากกลุม่ อาชพี ระยะสัน้ ของกศน. และจากหน่วยงานตา่ ง ๆ เริม่ ฝกึ ทาต้งั แต่ไข่เค็ม ดองเกลือ ไขเ่ คม็ พอกดินปลวก และไข่เค็มพอกดนิ สอพอง และนาสมุนไพรเข้ามาพัฒนาเพื่อให้มกี ลิ่นหอมนา่ รบั ประทาน เร่ิมจากทาไว้กินในครัวเรือน และแจกให้เพื่อนบ้านชิมจนตดิ ใจแล้ว จงึ ไดท้ าขายจนถงึ ปัจจุบนั รวมประสบการณ์ในการทาไข่เค็ม 5 ปี ปจั จบุ นั ทาเป็นอาชีพเสริมขายในหมู่บา้ นและในตลาดนัดตาบลใกลเ้ คียง จุดเดน่ ของภูมปิ ัญญำ ไขเ่ ค็มสมนุ ไพร สามารถทาได้ง่าย ขนั้ ตอนไม่ยุ่งยาก มีท้ังสูตรไขเ่ ค็มพอกดินสอพอง และไข่เคม็ ใบเตย สามารถทาเป็นอาชีพเสริมสรา้ งรายได้ให้กบั ครอบครวั ได้ตลอดท้งั ปี ไขเ่ คม็ ใบเตย มีเทคนคิ กระบวนการผลิตที่ ไม่เหมือนใคร ไขแ่ ดงจะมสี ีแดง มนั มีกลิน่ และรสชาติ ที่แตกตา่ งกนั ตามสว่ นประกอบท่ีใชพ้ อกไข่ และมี รสชาติไม่เคม็ จัด วัตถดุ ิบทีใ่ ช้ประโยชนใ์ นผลติ ภัณฑ์ท่ีเกดิ จำกภูมปิ ัญญำ ซง่ึ พืน้ ทอ่ี ืน่ ไมม่ ี - ไข่เปด็ - ใบเตย
5 รำยละเอยี ดของภมู ิปญั ญำท้องถ่นิ - รูปแบบในการถ่ายทอดความรู้ ด้านการฝึกปฏิบัติ ในพื้นที่จริงประโยชน์ท่ีได้จากภูมิปัญญาคือ สามารถนาไปปฏิบตั จิ ริงได้ รูปแบบและลกั ษณะกำรถ่ำยทอด กำรประชำสัมพนั ธ์ เผยแพร่ภมู ิปัญญำทอ้ งถน่ิ ยังไมเ่ คยมกี ารเผยแพร่/ใชเ้ ฉพาะบุคคล √ เคยเผยแพรเ่ ฉพาะในชุมชน มีการเผยแพร่ผา่ นสอ่ื มวลชนและส่อื อ่ืนอยา่ งแพร่หลาย มกี ารดูงานจากบคุ คลภายนอก จานวน .......ครัง้ จานวน............คน √ มกี ารนาไปใช้ อ่ืนๆ(ระบ)ุ ลักษณะของภมู ปิ ัญญำทอ้ งถนิ่ กำรพฒั นำตอ่ ยอดภมู ปิ ัญญำให้เป็นนวัตกรรม คณุ ค่ำ (มลู คำ่ ) และควำมภำคภมู ใิ จ ภูมิปัญญาท้องถ่นิ /นวตั กรรมที่คิดคน้ ขน้ึ มาใหม่ ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ด้งั เดิมไดร้ บั การถา่ ยทอดมาจาก √ ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ ท่ีได้พัฒนาและตอ่ ยอด กำรพัฒนำและต่อยอด นางสาวสดุ ารัตน์ อยไู่ ทย ไดเ้ รยี นรู้การทาไขเ่ ค็มจากสถานทต่ี ่างๆ ทัง้ การฝึกอบรม และการเรยี นรู้ ผา่ นทางอินเทอร์เนต็ จงึ ได้พัฒนาสูตรการทาไขเ่ ค็มใหม้ ีความอร่อยรสชาติถกู ใจผบู้ ริโภค จงึ ทาขายในชมุ ชน และตลาดนดั ใกลเ้ คียง สามารถทาเปน็ อาชีพเสริมสร้างรายได้ และพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ให้หากมีผู้สนใจ รูปภำพเจ้ำของภูมิปัญญำ นำงสำวสดุ ำรัตน์ อยูไ่ ทย รปู ภำพไข่เค็มใบเตย
6 แบบบนั ทึกชุดขอ้ มลู คลังปัญญำ-ภูมิปัญญำท้องถิน่ ตำบลบำ้ นมว่ ง อำเภอบ้ำนโปง่ จังหวดั รำชบุรี ชื่อภูมปิ ัญญำ ผ้ำสไบมอญ ชื่อ นางวไิ ล นามสกุล แทน่ เครอื วันเดอื นปเี กดิ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2514 ท่ีอยู่ปจั จบุ นั (ท่ีสำมำรถติดต่อได)้ บ้านเลขท่ี 63/2 หมู่ที่ 8 ตาบลบา้ นมว่ ง อาเภอบ้านโปง่ จังหวดั ราชบรุ ี รหสั ไปรษณีย์ 70110 โทรศพั ท์ 091-2760944 Facebook วไิ ล แทน่ เครอื พกิ ัดทำงภมู ศิ ำสตร์ คำ่ X : 13.773034 คำ่ Y : 99.807557 ควำมเป็นมำของภมู ิปัญญำ นางวไิ ล แทน่ เครือ อายุ 48 ปี เปน็ แพทย์ประจาตาบลบ้านม่วง ประกอบอาชีพทานา เลีย้ งโค และ รอ้ ยมาลัยดอกไมส้ ด และชอบงานเยบ็ ปักถักรอ้ ยอย่แู ล้ว เป็นบุคคลทสี่ นกุ สนานรา่ เรงิ เป็นกันเอง ชอบ ชว่ ยเหลืองานของชุมชนตลอด โดยปกติการไปทาบญุ และรว่ มงานของชุมชนจะต้องนุง่ ผา้ ซ่นิ และใชส้ ไบมอญ เป็นเคร่ืองแต่งกายทีข่ าดไม่ได้อยูแ่ ล้ว จากเดิมผา้ สไบ ที่ใชก้ นั ท่วั ไปของชาวมอญบา้ นม่วง จะเปน็ แบบผา้ ธรรมดาไมม่ ลี วดลายมากนกั ถา้ มีลวดลายกจ็ ะเป็นแบบถักโครเชท์ และเมอ่ื ได้ไปในสถานท่ีต่างๆและเหน็ ผา้ สไบมอญแบบปักท่ีมีลวดลายสวยงาม และสีสนั ฉดู ฉาดสะดดุ ตา จึงอยากทเ่ี รียนรวู้ ิธีทาผ้าสไบมอญนัน้ ได้ ออกไปเรียนรูแ้ ละฝกึ ทาจากสถานทีต่ า่ งๆที่มีการเรียนการสอน รวมทัง้ จากศูนยฝ์ กึ อาชีพชุมชนของกศน.ตาบล บ้านมว่ ง จนมีทักษะที่สามารถสอนงานและถา่ ยทอดเป็นวิทยากรได้ ไดท้ าและสอนให้ชาวบ้านได้ปักผ้าสไบไว้ ใช้เอง และปักขาย ทารายได้ได้เป็นอยา่ งดเี น่ืองจากในชุมชนมีความต้องการใช้เปน็ จานวนมาก จงึ ได้ทาขายเป็น อาชพี เสรมิ และสอนให้กับผูท้ ี่สนใจ รวมประสบการณใ์ นการปกั ผา้ สไบมอญ 3 ปี จุดเดน่ ของภูมิปัญญำ ผา้ สไบมอญ ปักดว้ ยมือสีสันฉูดฉาด ลวดลายสวยงาม เปน็ เคร่อื งแตง่ กายของชาวมอญท่ีนยิ มใชห้ ่มทบั เสอ้ื เพื่อให้ดเู รียบร้อย ใช้สาหรับไปงานบญุ ตา่ งๆ และทุกครั้งท่ีไปทาบุญที่วดั ในวันพระมีการพฒั นาชนดิ ของผา้ ที่นามาใชป้ กั จากผ้าธรรมดา เปน็ ผ้าไหมซึ่งมคี วามเงางาม ดูหรูหราและเพ่ิมมูลคา่ และปักด้วยลวดลายไทยและ ดอกไม้ไทยๆท่ีสวยงามตลอดทงั้ ผืนผา้ ทาให้เปน็ ท่ีต้องการใช้ของชมุ ชนสามารถทาเปน็ อาชีพเสริมสรา้ งรายได้ ใหก้ บั ครอบครวั ได้เป็นอยา่ งดีถ้ามีความขยันหมนั่ เพยี รในการปกั ผ้าสไบมอญนี้ วัตถดุ ิบท่ีใชป้ ระโยชน์ในผลิตภณั ฑท์ ีเ่ กดิ จำกภูมปิ ญั ญำ ซึง่ พน้ื ทีอ่ ่นื ไม่มี - ผ้าไหมสังเคราะห์ หรอื ผา้ Cotton - เสน้ ไหมฝ้ายสังเคราะห์ สสี ดๆ - เข็มปกั - สะดงึ - กระดาษลอกลาย
7 รำยละเอียดของภูมิปญั ญำท้องถิน่ - รูปแบบในการถ่ายทอดความรู้ ด้านการศึกษาดูงาน ฝึกอบรม และด้านการฝึกปฏิบัติ ในพ้ืนที่ จรงิ ประโยชน์ทีไ่ ดจ้ ากภมู ปิ ญั ญาคือสามารถนาไปปฏบิ ตั ิจริงได้ รูปแบบและลักษณะกำรถ่ำยทอด กำรประชำสัมพนั ธ์ เผยแพร่ภูมปิ ัญญำทอ้ งถ่นิ ยงั ไม่เคยมกี ารเผยแพร/่ ใชเ้ ฉพาะบุคคล √ เคยเผยแพรเ่ ฉพาะในชมุ ชน มีการเผยแพรผ่ ่านส่ือมวลชนและสื่ออ่นื อย่างแพรห่ ลาย มีการดูงานจากบุคคลภายนอก จานวน .......คร้งั จานวน............คน √ มกี ารนาไปใช้ อ่ืนๆ(ระบุ) ลกั ษณะของภูมิปญั ญำท้องถนิ่ กำรพัฒนำตอ่ ยอดภูมิปัญญำให้เปน็ นวตั กรรม คุณคำ่ (มูลค่ำ) และควำมภำคภมู ิใจ ภมู ิปัญญาท้องถ่นิ /นวตั กรรมทีค่ ิดคน้ ข้ึนมาใหม่ ภูมิปัญญาทอ้ งถิน่ ด้ังเดมิ ไดร้ ับการถ่ายทอดมาจาก √ ภมู ิปญั ญาท้องถิน่ ท่ีไดพ้ ัฒนาและตอ่ ยอด กำรพัฒนำและตอ่ ยอด ได้พฒั นาและต่อยอดจากการพฒั นาลวดลายเพิ่มเติมให้มคี วามสอดคล้องกับวถิ ีชวี ิตชมุ ชน เช่น ลายดอกมะตาด ลายหงส์ เปน็ ต้น และพัฒนาฝมี ือการปกั จนสามารถเป็นวิทยากรสอนให้กับประชาชนใน ชมุ ชน และทาจาหน่ายใหก้ บั คนในชุมชนไดม้ ีสไบมอญสวยๆไว้ใช้งาน รูปภำพเจำ้ ของภมู ิปัญญำ นำงวิไล แท่นเครือ รปู ภำพสไบมอญลวดลำยตำ่ งๆ
8 คณะผูจ้ ดั ทำ ที่ปรกึ ษำ ผอู้ านวยการสานกั งาน กศน. จงั หวัดราชบรุ ี 1. นางสาวดารัตน์ กาญจนาภา ผู้อานวยการ กศน. อาเภอบ้านโป่ง 2. นายสัจจา จนั ทรวเิ ชยี ร ครชู านาญการพิเศษ 3. นายไพโรจน์ ขุนทอง ครู กศน.ตาบลบา้ นมว่ ง ผู้จัดทำ นางสุนนั ทา จนิ ดาสวย บรรณำธกิ ำร/จัดทำรปู เล่ม ครู กศน.ตาบลบา้ นมว่ ง นางสุนันทา จินดาสวย
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: