Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการวิจัย ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภออู่ทอง สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี

รายงานการวิจัย ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภออู่ทอง สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี

Description: เผยแพร่ข้อมูล : นางชิดชนก หนูทอง ผู้อำนวยการ กศน.อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี

Search

Read the Text Version

(1) พัฒนาครู กศน. และบุคลากรท่ีเก่ียวข้องกับการจัดกิจกรรมการศึกษา และการเรียนรู้ : Good Teacher ให้เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงความรู้กับผู้รับบริการ มีความเป็น “ครูมืออาชีพ” มีจิตบริการ มีความรอบรู้และทันต่อการเปลย่ี นแปลงของสังคม เป็นผู้จัดกิจกรรมการ เรียนรู้และบริหารจดั การความรทู้ ี่ดี รวมทั้งเป็นผู้ปฏบิ ัติงานอยา่ งมีความสุข (2) พัฒนา กศน.ตาบล ให้มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการ เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง :Good Place Best Check-In มีความพร้อมในการให้บริการกิจกรรมการศึกษา และการเรียนรู้ เป็นแหล่งข้อมูลสาธารณะที่ง่ายต่อการเข้าถึง และสะดวกต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต อยา่ งสร้างสรรค์ มสี ง่ิ อานวยความสะดวก ดึงดดู ความสนใจและมีความปลอดภัยสาหรบั ผู้รบั บรกิ าร (3) สง่ เสรมิ การจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ภู ายใน กศน.ตาบล :Good Activities ใหม้ คี วามหลากหลายน่าสนใจ ตอบสนองความต้องการของชุมชน เพ่ือพฒั นาศักยภาพการเรียนรู้ของ ประชาชน รวมท้ังเปดิ โอกาสใหช้ มุ ชนเข้ามาจดั กจิ กรรมเพ่อื เช่ือมโยงความสัมพนั ธข์ องคนในชุมชน (4) เสริมสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย :Good Partnership ทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของ ชุมชน เพ่ือสร้างความเข้าใจ และให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริม สนับสนุน และจัดการศึกษาและ การเรียนร้ใู หก้ บั ประชาชนอย่างมคี ุณภาพ 6) ประสานความร่วมมือหน่วยงาน องค์กร หรือภาคส่วนต่างๆ ที่มีแหล่ง เรียนรู้อื่นๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ศูนย์เรียนรู้ แหล่งโบราณคดี ห้องสมุด เพื่อส่งเสริมการจัดการศึกษาตาม อัธยาศัยให้มีรปู แบบท่หี ลากหลายและตอบสนองความต้องการของประชาชน 2.3.5.2 ด้านหลักสูตร สอ่ื รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ การวดั และประเมินผล งาน บริการทางวชิ าการ และการประกันคณุ ภาพการศึกษา 40 1) ส่งเสริมการพัฒนาหลักสูตร รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้และ กิจกรรมเพ่ือการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยที่หลากหลาย ทันสมัย รวมทั้งหลักสูตร ท้องถิ่นทีส่ อดคลอ้ งกบั สภาพบรบิ ทของพื้นที่ และความตอ้ งการของกลุ่มเปา้ หมายและชมุ ชน 2) สง่ เสริมการพฒั นาสื่อแบบเรียน สอื่ อิเล็กทรอนิกสแ์ ละสอ่ื อน่ื ๆ ที่เอือ้ ต่อการ เรียนรู้ของผู้เรียนกลุ่มเป้าหมายท่วั ไปและกล่มุ เป้าหมายพิเศษ 3) พัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาทางไกลให้มีความทันสมัยด้วยระบบ หอ้ งเรียนและการควบคมุ การสอบออนไลน์ 4) พัฒนาระบบการประเมินเพื่อเทียบระดับการศึกษา และการเทียบโอน ความรู้และประสบการณ์ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และสามารถตอบสนองความต้องการของ กลุ่มเป้าหมายไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ

5) พัฒนาระบบการวัดและประเมินผลการศึกษานอกระบบทุกหลักสูตร โดยเฉพาะหลักสูตรในระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานให้ได้มาตรฐาน โดยการนาแบบทดสอบกลาง และ ระบบการสอบอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (E-exam) มาใช้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 6) ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาวิจัย พัฒนาหลักสูตร รูปแบบการจัด กระบวนการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และเผยแพร่รูปแบบการจดั ส่งเสริม และสนับสนุนการจัด การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้มีการนาไปสู่การปฏิบัติอย่างกวา้ งขวางและมี การพัฒนาให้เหมาะสมกับบรบิ ทอยา่ งตอ่ เน่ือง 7) พัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาให้ได้มาตรฐาน เพ่ือ พร้อมรับการประเมินคุณภาพภายนอก โดยพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึง ความสาคัญของระบบการประกันคุณภาพ และสามารถดาเนินการประกันคุณภาพภายในของ สถานศกึ ษาไดอ้ ย่างต่อเนื่องโดยใช้การประเมนิ ภายในดว้ ยตนเอง และจัดให้มีระบบสถานศึกษาพ่ีเลี้ยง เข้าไปสนับสนุนอย่างใกล้ชิด สาหรับสถานศึกษาที่ยังไม่ได้เข้ารับการประเมินคุณภาพภายนอก ให้ พฒั นาคุณภาพการจดั การศึกษาใหไ้ ด้คุณภาพตามมาตรฐานที่กาหนด 2.3.5.3 ดา้ นเทคโนโลยีเพอ่ื การศึกษา 1) ผลิตและพัฒนารายการวิทยุและรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาให้ เช่ือมโยงและตอบสนองต่อการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของ สถานศึกษา เพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมายตา่ งๆ ให้มีทางเลือกในการเรยี นรู้ ท่ีหลากหลายและมีคุณภาพ สามารถพัฒนาตนเองให้รู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือการ สื่อสาร เช่น รายการพัฒนาอาชีพเพื่อการมีงานทารายการติวเข้มเติมเต็มความรู้ ฯลฯ เผยแพร่ทาง สถานีวทิ ยุศึกษา สถานีวิทยโุ ทรทศั นเ์ พ่ือการศกึ ษากระทรวงศึกษาธกิ าร (ETV) และทางอนิ เทอรเ์ น็ต 41 2) พัฒนาการเผยแพร่การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ผ่านระบบเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั และชอ่ งทางออนไลน์ต่างๆ เชน่ Youtube Facebook หรอื Application อ่ืนๆ เพอ่ื ส่งเสรมิ ใหค้ รู กศน. นาเทคโนโลยีดิจทิ ลั มาใชใ้ นการสรา้ งกระบวนการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง (Do It Yourself : DIY) 3) พัฒนาสถานีวิทยุศึกษาและสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา เพื่อเพิ่มประ สิทธิภาพการผลิตและการออกอากาศให้กลุ่มเป้าหมายสามารถใช้เป็นช่องทางการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ได้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวติ โดยขยายเครอื ข่ายการรับฟังให้สามารถรับฟังได้ทุกท่ี ทุกเวลา ครอบคลุม พื้นที่ท่ัวประเทศ และเพ่ิมช่องทางให้สามารถรับชมรายการโทรทัศน์ได้ท้ังระบบ Ku -Band C -Band Digital TVและทางอินเทอร์เน็ต พร้อมท่ีจะรองรับการพัฒนาเป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา สาธารณะ (Free ETV)

4) พัฒนาระบบการให้บริการสื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาให้ได้หลาย ช่องทางท้ังทางอินเทอร์เน็ตและรูปแบบอ่ืน ๆ เช่น Application บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ และ Tablet, DVD, CD, VCD และ MP3 เป็นต้นเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถเลือกใช้บริการเพื่อเข้าถึงโอกาสทาง การศึกษาและการเรียนรไู้ ด้ตามความต้องการ 5) สารวจ วิจัย ติดตามประเมินผลด้านการใช้สื่อเทคโนโลยีเพ่ือการศึกษาอยา่ ง ต่อเน่ืองและนาผลมาใชใ้ นการพัฒนางานให้มคี วามถูกต้อง ทนั สมยั และสามารถส่งเสริมการศึกษาและ การเรยี นรตู้ ลอดชีวติ ของประชาชนไดอ้ ยา่ งแท้จริง 2.3.5.4 ด้านโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดาริ หรือโครงการอันเกี่ยวเนื่องจาก ราชวงศ์ 1) ส่งเสริมและสนับสนุนการดาเนินงานโครงการอันเน่ืองมาจาก พระราชดาริ หรือโครงการอนั เก่ียวเน่อื งจากราชวงศ์ 2) จัดทาฐานข้อมูลโครงการและกิจกรรมของ กศน. ที่สนองงานโครงการอัน เน่ืองมาจากพระราชดาริ หรือโครงการอันเก่ียวเน่ืองจากราชวงศ์ ที่สามารถนาไปใช้ในการวางแผน การตดิ ตามประเมินผลและการพัฒนางานไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ 3) ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายการดาเนินงานเพ่ือสนับสนุนโครงการอัน เน่ืองมาจากพระราชดาริเพ่ือให้เกิดความเข้มแข็งในการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศยั 2.3.5.5 ด้านบคุ ลากร ระบบการบริหารจดั การ และการมสี ว่ นรว่ มของทกุ ภาคส่วน 1) การพัฒนาบุคลากร 42 (1) พัฒนาบุคลากรทกุ ระดับ ทกุ ประเภทให้มสี มรรถนะสูงขึ้นอยา่ งต่อเนื่อง ทัง้ กอ่ นและระหวา่ งการดารงตาแหน่งเพอื่ ใหม้ ีเจตคติทีด่ ีในการปฏิบัตงิ าน สามารถปฏิบตั งิ านและบริหาร จัดการการดาเนินงานของหน่วยงานและสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมท้ังส่งเสริมให้ ข้าราชการในสังกัดพัฒนาตนเองเพ่ือเลื่อนตาแหน่งหรือเลื่อนวิทยฐานะ โดยเน้นการประเมินวิทย ฐานะเชิงประจักษ์ (2) พฒั นาศกึ ษานิเทศก์ กศน. ให้มสี มรรถนะที่จาเป็นครบถ้วน มคี วามเป็น มืออาชพี สามารถปฏิบตั ิการนเิ ทศได้อยา่ งมีศักยภาพ เพอ่ื รว่ มยกระดับคณุ ภาพการจัดการศึกษานอก ระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั ในสถานศกึ ษา (3) พัฒนาหัวหน้า กศน. ตาบล/แขวง ให้มีสมรรถนะสูงข้ึน เพ่ือการบริหาร จัดการ กศน. ตาบล/แขวงและการปฏิบัติงานตามบทบาทภารกิจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการ

เป็นนักจัดการความรู้และผู้อานวยความสะดวกในการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่มี ประสทิ ธภิ าพอย่างแท้จรงิ (4) พัฒนาครูกศน. และบุคลากรท่ีเก่ียวข้องกบั การจดั การศึกษาใหส้ ามารถ จัดรูปแบบการเรียนรู้ได้อย่างมีคุณภาพ โดยส่งเสริมให้มีความรู้ความสามารถในการจัดทาแผนการ สอน การจดั กระบวนการเรียนรูก้ ารวดั และประเมนิ ผล และการวจิ ัยเบ้ืองต้น (5) พัฒนาศักยภาพบุคลากร ที่รับผิดชอบการบริการการศึกษาและการ เรียนรู้ ให้มีความรู้ความสามารถและมีความเป็นมืออาชีพในการจัดบริการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอด ชีวิตของประชาชน (6) ส่งเสริมให้คณะกรรมการ กศน. ทุกระดับ และคณะกรรมการ สถานศึกษา มีส่วนร่วมในการบริหารการดาเนินงานตามบทบาทภารกิจของ กศน. อย่างมี ประสิทธภิ าพ (7) พฒั นาอาสาสมคั ร กศน. ให้สามารถทาหนา้ ทสี่ นบั สนนุ การจัดการศึกษา นอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ (8) พัฒนาสมรรถนะและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร รวมทั้งภาคี เครือข่ายทั้งในและต่างประเทศในทุกระดับ โดยจัดให้มีกิจกรรมเพ่ือเสริมสร้างสัมพันธภาพและเพิ่ม ประสิทธภิ าพในการทางานร่วมกนั ในรปู แบบทีห่ ลากหลายอยา่ งต่อเน่ือง 2) การพฒั นาโครงสร้างพืน้ ฐานและอัตรากาลัง (1) จดั ทาแผนการพัฒนาโครงสรา้ งพืน้ ฐานและดาเนินการปรับปรงุ สถานที่ และวัสดอุ ปุ กรณใ์ หม้ ีความพร้อมในการจัดการศกึ ษาและการเรียนรู้ (2) บริหารอัตรากาลังที่ม4ีอ3ยู่ ทั้งในส่วนที่เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจา้ ง ใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพสูงสุดในการปฏบิ ัติงาน (3) แสวงหาความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการระดมทรัพ ยากรเพ่ือนามาใช้ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้มีความพร้อมสาหรับดาเนินกิจกรรมการศึกษา นอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยและการส่งเสรมิ การเรยี นรู้สาหรับประชาชน 3) การพฒั นาระบบบริหารจดั การ (1) พัฒนาระบบฐานข้อมูลให้มีความครบถ้วน ถูกต้อง ทันสมัย และ เชื่อมโยงกันท่วั ประเทศอย่างเปน็ ระบบเพ่ือให้หน่วยงานและสถานศึกษาในสังกัดสามารถนาไปใช้เปน็ เครื่องมือสาคัญในการบริหารการวางแผน การปฏิบัติงาน การติดตามประเมินผล รวมท้ังจัดบริการ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างมปี ระสิทธภิ าพ (2) เพ่ิมประสิทธิภาพการบริหารจัดการงบประมาณ โดยพัฒนาระบบการ กากบั ควบคมุ และเรง่ รัดการเบกิ จ่ายงบประมาณใหเ้ ป็นตามเปา้ หมายที่กาหนดไว้

(3) พัฒนาระบบฐานข้อมูลรวมของนักศึกษา กศน. ให้มีความครบถ้วน ถูกต้อง ทันสมัย และเช่ือมโยงกันท่ัวประเทศ สามารถสืบค้นและสอบทานได้ทันความต้องการเพื่อ ประโยชน์ในการจัดการศึกษาใหก้ บั ผ้เู รียนและการบรหิ ารจดั การอย่างมีประสิทธภิ าพ (4) ส่งเสริมให้มีการจัดการความรู้ในหน่วยงานและสถานศึกษาทุกระดับ รวมท้ังการศึกษาวิจัยเพื่อสามารถนามาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพการดาเนินงานท่ีสอดคล้องกับ ความต้องการของประชาชนและชุมชนพร้อมทั้งพัฒนาขีดความสามารถเชิงการแข่งขันของหน่วยงาน และสถานศกึ ษา (5) สร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ใน การพัฒนาและส่งเสริมการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอด ชวี ิต (6) สง่ เสริมการใช้ระบบสานักงานอิเล็กทรอนิกส์ (E-office) ในการบริหาร จัดการ เช่น ระบบการลา ระบบสารบรรณอิเลก็ ทรอนิกส์ ระบบการขอใช้รถราชการ ระบบการขอใช้ ห้องประชมุ เปน็ ตน้ 4) การกากับ นิเทศ ติดตาม ประเมนิ และรายงานผล (1) สร้างกลไกการกากับ นิเทศ ติดตาม ประเมิน และรายงานผลการ ดาเนนิ งานการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้เช่ือมโยงกับหนว่ ยงาน สถานศึกษา และ ภาคเี ครอื ข่ายทงั้ ระบบ (2) ให้หน่วยงานและสถานศึกษาที่เก่ียวข้องทุกระดับ พัฒนาระบบกลไก การกากับ ติดตามและรายงานผลการนานโยบายสู่การปฏิบัติ ให้สามารถตอบสนองการดาเนินงาน ตามนโยบายในแตล่ ะเร่ืองไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ 44 (3) ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสื่ออ่ืน ๆ ที่ เหมาะสม เพือ่ การกากบั นิเทศ ตดิ ตาม ประเมินผล และรายงานผลอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ (4) พัฒนากลไกการติดตามประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคารับรองการ ปฏิบัติราชการประจาปีของหน่วยงาน สถานศึกษา เพ่ือการรายงานผลตามตัวช้ีวัดในคารับรองการ ปฏิบัติราชการประจาปีของสานักงาน กศน. ให้ดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามเกณฑ์ วิธกี าร และระยะเวลาที่กาหนด (5) ให้มีการเชื่อมโยงระบบการนิเทศในทุกระดับ ท้ังหน่วยงานภายในและ ภายนอกองค์กรต้ังแตส่ ว่ นกลาง ภมู ภิ าค กลมุ่ จังหวัด จงั หวัด อาเภอ/เขต และตาบล/แขวง เพ่อื ความ เปน็ เอกภาพในการใช้ขอ้ มูลและการพฒั นางานการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั 2.4 งานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง

2.4.1งานวจิ ยั ในประเทศ สิทธิพันธ์ ชูช่ืน (2556) ศึกษาปัจจัยท่ีมีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ของนักเรียนฝ่ายการศึกษานานาชาติขั้นพ้ืนฐาน โรงเรียนสาธิต “พิบูลบาเพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา จานวน 145 คน ซึ่งประกอบด้วย ปัจจัยด้านตัวผู้เรียน ด้านโรงเรียนและด้านครอบครัวของนักเรียน จากการศึกษา พบว่า ปัจจัยด้านตัวผู้เรียน ทั้งโดยรวมและรายด้านมีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียน อยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถติ ิท่รี ะดับ 0.05 โดยพื้นความรู้เดิม มคี วามสัมพันธ์มากท่ีสดุ รองลงมา ไดแ้ ก่ เจตคตติ อ่ วิชาภาษาองั กฤษ แรงจงู ใจใฝส่ มั ฤทธแิ์ ละนสิ ัยการ เรียน ปัจจัยด้านโรงเรียน ทั้งโดยรวมและรายด้านมีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชา ภาษาอังกฤษของนักเรียน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05โดยคุณภาพการสอนของครูมีระดับ ความสัมพันธ์มากท่ีสุด รองลงมา ได้แก่ สื่อและอุปกรณ์ในการเรียน และความเป็นผู้นาทางวิชาการ ของผู้บริหาร ตามลาดับ ปัจจัยด้านครอบครัว ท้ังโดยรวมและรายด้าน มีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.05 โดยการส่งเสริม การเรียนของผู้ปกครองมีระดับความสัมพันธ์มากท่สี ุด รองลงมา ไดแ้ ก่ ความสัมพนั ธภาพในครอบครัว โรบล สุวนั (2556:107) ศึกษาปจั จัยจาแนกการสาเรจ็ การศกึ ษาของนักศึกษา ศนู ย์การศกึ ษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดเชียงราย กล่าวไว้ว่า ครอบครัวเป็นสถาบันขั้นพ้ืนฐาน ในการเสริมสร้างและสร้างพฤติกรรมของคนเราแม้กระท่ังในด้านการเรียน การส่งเสริมและช่วยเหลอื จากคนในครอบครวั จึงมอี ทิ ธพิ ลตอ่ ความสาเร็จของนักศึกษาอย่างมาก 45 พรพรรณ แก้วฝ่าย (2556) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนบ้านห้วยซัน สังกัดสานักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียน ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 จานวน 118 คน จากการศึกษา พบว่า ปัจจัยด้าน นักเรยี น ได้แก่ แรงจูงใจใฝส่ มั ฤทธ์ิ เจตคติตอ่ การเรยี น มคี วามสมั พันธ์ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นักเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติท่ีระดับ 0.01 และปัจจัยด้านครอบครัว ได้แก่การส่งเสริมการเรียน ของผปู้ กครอง มคี วามสัมพนั ธต์ ่อผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ 4- 6 อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิตทิ ่ีระดับ 0.05 ส่วนในระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1-3 และปจั จัยดา้ นอ่ืน ๆ มี ความสัมพันธ์ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนอย่างไม่มีนัยสาคัญทางสถิติประวิทย์ต้องจิตต์ เจริญ (2557) ศึกษาระดับปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาจีนของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาเขต 9 พบว่า ปัจจัยด้าน ผู้บริหาร ปัจจัยด้านครู ปัจจัยด้านหลักสูตร ปัจจัยด้านทรัพยากรเพ่ือการเรียนการสอน ปัจจัยด้าน เพอื่ น ปจั จยั ดา้ นครอบครัว และปัจจยั ดา้ นการเรยี นพเิ ศษ โดยรวม อยใู่ นระดับมาก

เสกสรร ทองติ๊บและน้าเงิน จนั ทรมณี (2557) ศึกษาปจั จยั ทีม่ ีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นิสิตสาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยด้านเจคติต่อการเรียนของนิสิต โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเม่ือพิจารณารายข้อ พบว่า นิสิตชอบเรียนสาขาวิชานี้ในระดับมาก โดยนิสิตคิดว่าการเรียนสาขาวิชานี้ทาให้มีอนาคตที่ดี และนิสิตสามารถเรยี นหรอื ทางานทีไ่ ดร้ ับมอบหมายเพอื่ ให้สาเรจ็ ตามเป้าหมายท่ีวางไว้ได้ด้วยตนเอง พัชสุดา กัลป์ ยาณวุฒิ (2558) ได้ศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นกั ศึกษาระดบั ปวช. และระดบั ปวส. ของวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ายัพและบริหารธรุ กิจผลการวจิ ัย พบว่า ระดับความพึงพอใจของนักศึกษา และปัจจัยที่ส่งผลต่อการสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักศึกษาของ วิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ ทั้ง 4 ด้าน เมื่อพิจารณาโดยรวมมีความพึงพอใจ อยู่ใน ระดับมากเหมือนกัน โดยประเด็นท่ีมีความพึงพอใจมาก คือ ปัจจัยด้านครอบครัว ปัจจัยด้าน สภาพแวดล้อมของวิทยาลยั ปัจจัยด้านครู และปัจจยั ดา้ นผู้เรียน ตามลาดบั ปัญญา ปัญญากันเกตุ (2558) ได้ศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนการสอนวชิ า ภาษาไทยของนักเรยี นช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 3 สังกดั สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 2 พบว่า ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยของนักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปีที่3 มีความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยแต่ละด้านกับผลสัมฤทธ์ิทางการจัด การเรียนการ สอนวิชาภาษาไทยของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3 พบว่า มีความสัมพันธ์กับปัจจัยด้านผู้บริหาร ด้านครู ด้านหลักสูตร ด้านทรัพยากรเพื่อการเรียนการสอน ด้านเพ่ือน ด้านครอบครัว และด้านการ สอนซ่อมเสริม มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่าง 0.216 ถึง 0.275 ในทางบวกอย่างมีนัยสาคัญทาง สถติ ทิ ีร่ ะดับ 0.05 46 บุศรา เต็มรัศมี (2558) ได้ศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา ภาษาอังกฤษของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ี การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 ผลการวิจัย พบว่า 1) ปัจจัยด้านผู้เรียน ด้านครูผู้สอนของโรงเรียน มัธยมศึกษา สังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 โดยรวมและรายด้านอย่ใู นระดับ มาก ส่วนดา้ นครอบครัวโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดบั ปานกลาง 2) ปัจจยั ดา้ นผเู้ รียนด้านครู ผสู้ อน ของโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา มธั ยมศกึ ษา เขต 10 มีความสมั พันธท์ างบวกกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาองั กฤษของนักเรียน ช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 10 อย่างมนี ัยสาคัญทางสถติ ิที่ระดับ 0.05 และด้านครอบครวั อยา่ งมีนยั สาคัญทางสถิตทิ ี่ระดบั 0.01 3) ปัจจัยด้านผู้เรียน ด้านครูผู้สอนและด้านครอบครัว ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ี การศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 10 พรสิรินทร์ หาเรือนทรง และพชร วังมี (2559) ทาการศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ ทางเรียนวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏ

สวนสุนันทา ผลการวิจัย พบว่า ปัจจัยด้านการสอน ด้านทัศนคติต่อการเรียน ด้านนิสัยในการเรียน ดา้ นครอบครัว ด้านเพอ่ื น ดา้ นบรรยากาศในการเรียนรู้ ในระดับมาก โดยพจิ ารณาเปรียบเทียบแต่ละ ด้านน้ัน ด้านทัศนคติต่อการเรียน มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านเพื่อน และด้านครอบครัว ตามลาดับ สุพิชญ์กฤตา พักโพธ์ิเย็น (2560) ได้ทาการวิจัยเร่ือง การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ ทางการศึกษาของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาหลักสูตรและการสอนมหาวิทยาลัยธุรกิจ บณั ฑติ ย์ โดยศึกษา ปัจจยั ดา้ นต่างๆ ของนักศึกษาระดับบณั ฑิตศึกษา สาขาวชิ าหลักสตู รและการสอน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้แก่ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา ปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อน และ ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่า ปัจจัยด้าน การจดั การศึกษาอยใู่ นระดับมากที่สดุ ได้แก่ด้านคณุ ภาพการสอนและพฤติกรรมการสอนของอาจารย์ อยู่ในระดับสูงสุด รองลงมาคอื ด้านหลักสูตรของวิทยาลัยครุศาสตร์ และได้ศกึ ษาปัจจยั ทม่ี ีอิทธิพลต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักศึกษาพบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของ นักศึกษาอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05มี 2 ปัจจัย ได้แก่เจตคติและแรงจูงใจต่อการเรียนของ นักศึกษาและการสนับสนุนและสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัย โดยปัจจัยท้ังสองร่วมกันพยากรณ์ ผลสัมฤทธ์ทิ างการศึกษาของนกั ศกึ ษาได้ร้อยละ 23.60 ธิติพนธ์ ระลอกแก้ว (2563) รายงานผลการพัฒนาแนวทางการบริหารเพื่อยกระดับ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ในการทดสอบทางการศึกษาระดบั ชาติ ด้านการศกึ ษานอกโรงเรียน (N-NET) 47 ของสถานศึกษาในสังกัด สานักงาน กศน.จังหวัดปราจีนบุรี ด้านแนวทางการบริหารการยกระดับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ ด้านการศึกษานอกโรงเรยี น (N-NET) ของสถานศกึ ษาในสังกัด สานกั งาน กศน.จังหวัดปราจนี บรุ ี พบว่า ดา้ นการวางแผน (Plan) ประกอบ ไปด้วย 6 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การกาหนดขอบเขต ของปัญหา วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และวิธีการท่ีจะ บรรลุถึงวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน 2) การกาหนดนโยบายในการสร้างความ ตระหนักความเข้าใจในการยกระดับผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนให้แกค่ รแู ละบุคลากรทางการศึกษาในทุก ระดับ 3) การส่งเสริมให้สถานศึกษาวิเคราะห์ผลภาพรวมเปรียบเทียบผลการทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติ (N-NET) กับภาคเรียนที่ผ่านมา 4) การกาหนดแนวทาง ให้ครูวิเคราะห์ผู้เรียนเป็น รายบุคคลและจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ 5) การส่งเสริมและสนับสนุนให้ ครูสร้างส่ือ นวัตกรรมประกอบการสอน การวัดผลประเมินผล ที่สอดคล้องกับทักษะ การเรียนรู้ที่ สาคญั ของผเู้ รียนในศตวรรษท่ี 21และสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานและตัวชวี้ ัดของหลักสตู ร 6) การกาหนด แผนการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยเน้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนด้านการปฏิบัติตามแผน(Do) ประกอบไปด้วย 9 ขั้นตอน ได้แก่ 1) การพัฒนาครูและบุคลากร ทางการศกึ ษา ให้มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ เพอ่ื ส่งเสรมิ ให้ผ้เู รยี นเกดิ ทักษะ สาคัญในศตวรรษท่ี 21 2) ครูสามารถใช้กระบวนการจัดการเรยี นการสอน เทคนิควิธีการจัดกิจกรรม

การเรียนการสอนที่หลากหลาย 3) ครูนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีที่ทันสมัย มาใช้ในการจัดกิจกรรม การเรียนการสอนท่ีตอบสนองความแตกต่างระหว่างบคุ คลท่ีหลากหลาย 4) สถานศึกษาจัดการศึกษา ผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อให้ผู้เรียน ได้มี่โอกาสแสวงหาและเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา 5) สถานศึกษา ร่วมกับครู กศน.ดาเนินการติดตามให้ความช่วยเหลือผู้เรียนที่มีปัญหาในการจัดกิจกรรม การเรียนการสอน 6) ครูกระตุ้นให้ผู้เรียน เห็นความสาคัญของการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 7) สถานศึกษาพัฒนาเทคนิคการวัดผลประเมินผลระหว่างภาคเรียน(กลางภาค)ท่ีเน้นข้อสอบเชิงคิด 8) การจัดกิจกรรมยกย่องเชิดชูเกียรติ ชมเชย หรือให้รางวัลแก่สถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการ ศึกษา ผู้เรียน ท่ีมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าระดับประเทศ และมีการพัฒนาการท่ีสูงขึ้นอย่าง ชัดเจน และ9) การจดั เวทแี ลกเปล่ยี นเรยี นรู้ และนาเสนอผลการปฏิบัตงิ านที่เปน็ เลศิ (Best Practice) สาหรับผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสงู กว่าระดับประเทศอย่าง ต่อเน่ืองด้านการตรวจสอบ(Check) ประกอบไปด้วย 6 ข้ันตอน ได้แก่ 1) สถานศึกษาวิเคราะห์ รวบรวม ข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนแต่ละ กศน.ตาบล หรือแต่ละกลุ่มอย่างต่อเน่ือง 2) การประเมนิ ผลการปฏิบัติงานตามแผนอยา่ งตอ่ เนอื่ ง 3) การนิเทศ ตดิ ตาม ประเมินผลการจดั กจิ กรรม การเรียนการสอนอย่างสม่าเสมอ 4) การตรวจสอบและรายงานผลการนิเทศการจัดกิจกรรมการเรียน การสอนของครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง 5) การรวบรวมข้อมูล เพื่อการติดตาม ตรวจสอบ และประเมนิ ผลการยกระดับผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น และ 48 6) การประเมินผลเพ่ือเปรียบเทียบผลการทางาน ก่อนการปฏิบัติงานและหลังการปฏิบัติงาน ด้าน การปรับปรุง (Act) ประกอบไปด้วย 7 ขั้นตอน ได้แก่ 1) รายงานผลการดาเนินงาน ตามแผนท่ีวางไว้ ให้ผูท้ ี่เกยี่ วขอ้ งรับทราบ 2) รายงานผลการนเิ ทศการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน เพอ่ื นาไปปรับปรุง แก้ไข 3) สถานศึกษานาผลการนิเทศการประเมินผล มาวิเคราะห์ สังเคราะห์แล้วสรุปผล ในภาพรวม 4) การนาเสนอผลการประเมินต่อผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ เช่น ครูและบุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการนิเทศ คณะกรรมการสถานศึกษา 5) การนาผลการจากการตดิ ตาม และประเมินผลมา วางแผน เพื่อเป็นแนวทางการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้ดีขึ้น 6) การประชุมเครือข่าย และ เผยแพร่ข้อมูล ผลการประเมิน ให้ผู้เก่ียวข้องได้รับทราบเก่ียวการยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน และ 7) การจัดทาข้อมูลสารสนเทศ เพ่ือประโยชน์ในการวางแผนยกระดับผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนใน ภาคเรียนถัดไป 2.4.2 งานวจิ ัยต่างประเทศ Gallessich (1970: 173-176) ได้ทาการวจิ ัยเกี่ยวกับความสัมพันธร์ ะหว่างผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ตัวทานาย 81 ตัว ได้แก่ ตัวแปรทางด้านบุคลิกภาพภูมิหลังของนักเรียนความคิดเห็นของนักเรียน นิสัยและเจตคติในการเรียน และปัจจัยด้านอ่ืนๆ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาปีที่ 1จากวิทยาลัย

อาชีวศึกษา จานวน 164 คน พบว่า เม่ือใช้ตัวพยากรณ์ทุกตัวจะสามารถร่วมกันทานาย ร้อยละ 62 (R2 = 0.62) และพบว่า ค่า R2 จะเพ่ิมจากการทางานด้านความถนัดร่วมกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ได้ Shah (1971:668-A) ได้ทาการศึกษาเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบทางสังคม และจิตวิทยากับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรยี น ในลาฮอร์ ปากสี ถานตะวนั ตก กลมุ่ ตัวอยา่ งเป็น นกั เรียนระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เกรด 10-12 อายรุ ะหวา่ ง 14-16 ปี จานวน 540 คน ผลการวจิ ยั พบว่า ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนมีความสัมพันธ์ทางบวกระหว่างอาชีพของผู้ปกครอง ค่าใช้จ่ายในการเรียนของนักเรียน ระดับการศึกษาของผู้ปกครอง ความสนใจของผู้ปกครองเก่ียวกับ การศึกษาของนักเรียน และมคี วามสมั พนั ธ์ทางบวกกับเด็กที่มาจากครอบครัวที่มพี ่อแม่และผ้ปู กครอง ยอมรบั และเข้าใจในตัวนกั เรยี น Liddicoat (1972:6133-A) ได้ศึกษาความแตกต่างระหว่างนักศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์ท่ีมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงและต่ากว่าระดับความสามารถในองค์ประกอบท่ีไม่ ใช่สติปัญญาได้แก่ ความคิดสร้างสรรค์ นิสัยในการเรียน แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิ และลักษณะบุคลิกภาพ พบว่ากลุ่มตัวอย่าง ท่ีมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงกว่าระดับความสามารถน้ัน มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิแตกต่างกันจากกลุ่มท่ี มแี รงจงู ใจใฝส่ มั ฤทธติ์ า่ อย่างมีนยั สาคญั 49 Rech (1991:457-A อ้างถึงใน มณีรัตน์ สิงหเดช, 2550) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเจตคติ ต่อวิชาคณิตศาสตร์อัตมโนทัศน์เกี่ยวกับตนเอง รูปแบบการเรียน สมรรถภาพทางเศรษฐกิจกับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนผิวดา ชั้นปีที่ 4 และปีที่ 8 ในแคลิฟอร์เนียจาก การศึกษา พบว่า เจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ และสมรรถภาพทางเศรษฐกิจกับผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วชิ าคณิตศาสตรม์ ีความสมั พนั ธ์ทางบวก Tocci and Engelhard (1991) ศึกษาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนการสนับสนุนทางการเรียน ของผู้ปกครอง และเพศ ที่มีผลต่อเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ จากการศึกษา พบว่า นักเรียนท่ีได้รับ การสนับสนุนทางการเรียนจากผู้ปกครองผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง จะมีเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ สูง และมีความวติ กกังวลในการเรียนวิชาคณติ ศาสตรต์ ่า Surcek (1992:395-A) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอิทธิพลของผู้ปกครอง รูปแบบการเรียน เจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์กับการอ่าน และผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชัน้ ปี ที่ 4และชั้นปีที่ 6 โรงเรียนประถมศึกษาในนิวยอร์ก คาโลรีนา และโอรีกอนจานวน 183 คน จาก การศึกษา พบว่า ในนักเรียนชาย เจตคติต่อการอ่านมีอิทธิพลต่อการอ่าน ร้อยละ 8 การส่งเสริมของ ผู้ปกครองและการส่งเสริมด้านสติปัญญามีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ร้อยละ 12 ส่วนในนักเรียนหญิง การส่งเสริมของผู้ปกครอง การช่วยเหลือของผู้ปกครองที่บ้านและ เจตคติต่อการอ่านมีอิทธิพลต่อการอ่าน ร้อยละ 21 การช่วยเหลือของผู้ปกครองท่ีบ้านและเจตคติต่อ การเรียนในโรงเรยี นมีอทิ ธพิ ลต่อผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นวิชาคณติ ศาสตร์ รอ้ ยละ 26

Young and Walberg (1996:272-278) ได้ศึกษาปจั จัยพหุระดับต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตรแ์ ละผลผลิตทางการศึกษา โดยแบ่งตวั แปรทม่ี ีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์และผลผลิตทางการศึกษาเป็น 2 ระดับ คือ ระดับนักเรียน และระดับโรงเรียน ตัวแปร ระดับนักเรยี น ไดแ้ ก่ เพศ เจตคติ แรงจูงใจ ความรเู้ ดิม เวลา สภาพแวดลอ้ มทางบ้าน กลมุ่ เพือ่ น และ ส่ือนอกชั้นเรยี น ตวั แปรระดบั โรงเรียน ได้แก่ คณุ ภาพการสอน บรรยากาศในชนั้ เรยี น กลุ่มตวั อย่างท่ี เปน็ นกั เรยี นชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ ่ี 4 โรงเรยี นรัฐบาล จานวน 2,535 คน ปรากฏว่า คณุ ภาพการสอนเป็น ตัวแปรระดับโรงเรียนท่ีส่งผลทางบวกต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิทยาศาสตร์อย่างมีนัยสาคัญทาง สถิติท่รี ะดบั 0.05 โดยมคี ่าสมั ประสิทธถ์ิ ดถอยเท่ากับ 0.19 Zentner (2001:99) ได้นาเสนอรายงานการวิจัยระดับปริญญาเอกในเรื่องความสัมพันธ์ ระหว่างวินัยนักเรียนกับทักษะด้านอ่ืนของนักเรียน พบว่า การปฏิรูปการศึกษาเชิงบังคับได้ก่อให้เกิด การบริหารโรงเรียนในส่วนที่เก่ียวกับความต้องการของนักเรียนระเบียบวินัยของโรงเรียนการ แก้ปัญหาวินัยของนักเรยี น และการปรับปรุงความประพฤติของนกั เรียน พบว่า โรงเรียนควรจัดกลไก และสภาพแวดล้อมในการบริหาร เพื่อให้บุคลากรของโรงเรียนได้ดูแลปัญหาด้านวินัยของนักเรียนได้ อย่างเต็มที่ ช่วยให้นักเรียนได้ทราบความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหาของโรงเรียน ไม่ใช่เป็นการจับผิด 50 แต่เป็นการส่งเสริม ช่วยเหลือ สนับสนุน ให้นักเรียนได้แก้ไขความประพฤติของตนเองและพัฒนา คุณภาพการเรียน การสอนและคณุ ภาพการศกึ ษาของโรงเรียน Kiamanes (2004) ได้ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของ นักเรียนอิหร่าน พบว่า ความถนัดด้านคณิตศาสตร์ พ้ืนฐานทางครอบครัว การสอน และเจตคติ สามารถอธบิ ายผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี นวิชาคณติ ศาสตร์ท่รี ้อยละ 12.30, 5.10, และ 0.90 ตามลาดับ McCrory and Zhang (2009) ได้ศึกษาปัจจัยท่ีมีผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชา คณิตศาสตร์ของครูมัธยมศึกษา พบว่า เจตคติ การมีส่วนร่วม และความชอบ สามารถใช้เป็นตัวแปร ทานายผลผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้ จากงานวิจัยในประเทศและต่างประเทศ ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของผเู้ รยี น มีหลายปัจจัย ได้แก่ ปัจจัยด้านผู้เรียน ปัจจัยด้านครู ปัจจัยด้านผู้บริหาร ปัจจัยด้านครอบครัวและ เพื่อน ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม ปัจจัยด้านการสนับสนุนทางสังคม ซ่ึงจากการที่ผู้วิจัยได้ศึกษา แนวคิดและทฤษฎีจากนักวิชาการดังกล่าวและได้นามาสังเคราะห์กล่าวโดยสรุปไดว้ ่าปัจจัยที่สง่ ผลตอ่ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน ได้แก่ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคลประกอบด้วย เจตคติและ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธ์ิ และพฤติกรรมการเรียน ปัจจัยด้านการจัดการศึกษาประกอบด้วย การจัดการเรียน การสอน การบริหารจัดการ และหลักสูตรสถานศึกษา ปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อนประกอบด้าย การสนับสนุนของครอบครวั หรือผปู้ กครอง และ ความสัมพนั ธ์ระหว่างเพื่อน

บทที่ 3 วธิ ีดาเนนิ การวจิ ัย การวิจัยเร่ืองปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออทู่ อง สงั กัดสานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive research) ท่ีมีลักษณะของการเก็บรวบรวมขอ้ มลู จากประชากรท่ีศึกษาซ่ึงผู้วิจัยได้ศึกษาข้อมูล เอกสารทางวิชาการ แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เก่ียวข้อง เพื่อเป็นแนวทางในการดาเนินการวิจยั ตามลาดบั ดงั นี้ 3.1 ประชากร 3.2 เครื่องมอื ที่ใชใ้ นการวจิ ยั 3.3 การสร้างและทดสอบเครอ่ื งมอื 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.5 การวเิ คราะหข์ ้อมลู 3.6 สถิตทิ ี่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 3.1 ประชากร(Population)

ประชากรที่ใช้ศึกษาในการวิจัยคร้ังนี้ เป็นผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด สพุ รรณบรุ ีที่ลงทะเบียนในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 692 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ลงทะเบียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 260 คนโดยมี ข้ันตอนการกาหนดขนาด กลุ่มตัวอย่างซ่ึงกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยจากตาราง สาเร็จรูปของเครซี่และมอร์แกน Krejcie& Morgan, 1970(อ้างถึงใน สุทธนู ศรีไสย์, 2551: 132 - 133) ที่ระดับความเช่ือม่ัน ร้อยละ 95 โดยใช้ความคลาดเคลื่อนในการสุ่ม ร้อยละ 5 ซึ่งได้กาหนดให้ ใช้กลุ่มตวั อยา่ งขนั้ ต่า จานวน 242 คน แตใ่ นการวิจยั คร้ังนใี้ ชก้ ลุม่ ตัวอยา่ ง จานวน 260 คน เพ่อื ใหไ้ ด้ 52 ข้อมูลท่ีน่าเช่ือถือมากข้ึน และทาการกาหนดสัดส่วน จาแนกตามรายระดับช้ัน โดยแสดงได้ดัง ตารางท่ี 3.1 ตารางท่ี 3.1 แสดงจานวนประชากรกลุ่มตัวอย่างของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวดั สุพรรณบรุ ีภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ที่ รายการ จานวน การคานวณ จานวน ประชากรจรงิ ขนาดของกลุ่ม ประชากรกลุ่ม 1 ระดับประถมศึกษา 2 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น 11 ตัวอย่าง ตัวอย่าง 3 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 264 417 11x260/692 4 รวม 692 264x260/692 99 417x260/692 157 260 3.2 เครือ่ งมือทใี่ ช้ในการวจิ ัย

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม ( Questionnaires) มาตราส่วน ประมาณค่า/5/ระดับ/ที่ผู้วิจัยสร้างข้ึน/โดยแบ่งออกเป็น 3/ตอน ดังนี้ ตอนที่/1/แบบสอบถามข้อมูลสถานภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม/ได้แก่ เพศ อายุ ระดับ การศึกษา อาชีพ รายได้ต่อเดือน ซึ่งเป็นแบบสอบถามแบบสารวจ รายการ (Checklist) มีจานวน5 ข้อโดย เป็นชนิดตอบแบบตามความเป็นจริง ตอนท่ี/2/แบบสอบถามเก่ียวกับความคิดเห็นเรื่องปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการของ ผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยท้ังหมด 3 ด้าน คือ ด้านท่ี 1 ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ได้แก่ 1) เจตคติและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ 2)พฤติกรรมการ เรียนของผเู้ รยี น มจี านวน 16ขอ้ ดา้ นที่ 2 ปัจจัยดา้ นการจัดการศึกษา ไดแ้ ก่ 1) หลักสตู รสถานศึกษา กศน.อาเภออู่ทอง 2)การจัดการเรียนการสอน 3) การบริหารจัดการ มีจานวน 24 ข้อ และด้านที่ 3 ปัจจัยด้านครอบครัวและเพ่ือน ได้แก่ 1) การสนับสนุนของครอบครัวหรือผู้ปกครอง2) ความสัมพันธ์ ระหว่างเพื่อน มีจานวน 16 ข้อ รวมท้ังหมด จานวน 56 ข้อ แบบสอบถามมีลักษณะเป็นมาตราส่วน ประมาณคา่ (Rating scale)5 ระดับ โดยอาศัยวิธกี ารของลิเคิร์ท (Likert’sRatingScale) 53 ตอนท่ี/3/เป็นแบบสอบถามปลายเปิดเก่ียวกับข้อเสนอแนะอ่ืนๆเก่ียวกับปัจจัยท่ีส่งผลต่อ ผลสัมฤทธ์ิทางการของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัด สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั สุพรรณบุรใี นด้านต่างๆ 3.3 การสร้างและทดสอบเครือ่ งมอื เพ่ือให้เกิดความเท่ียงตรงและความเช่ือมั่นของเคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งน้ี ผู้วิจัยได้ ดาเนนิ การสร้างเครอื่ งมือโดยมีข้ันตอน ดังน้ี 3.3.1 ศึกษาเอกสารตาราบทความทางวิชาการแนวคิดทฤษฎีที่เก่ียวข้องตลอดจนงานวิจัยท่ี เกี่ยวข้องเพ่ือนามาใช้เป็นแนวทางในการศึกษาวิจัยกาหนดวัตถุประสงค์กรอบแนวคิดในกา รวิจัย ตลอดจนเปน็ แนวทางในการสรา้ งขอ้ คาถาม 3.3.2 สรา้ งแบบสอบถามฉบบั รา่ งประกอบดว้ ยเนื้อหา3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1/ขอ้ มูลสถานภาพทั่วไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ตอนที่ 2/ความคิดเห็นเก่ียวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัดสพุ รรณบรุ ี

ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะอื่นๆ เกี่ยวกับปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธท์ิ างการของผู้เรียนศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศยั จังหวดั สุพรรณบรุ ี ในด้านต่างๆ 3.3.3 สร้างแบบสอบถามฉบับร่างเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้วเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการจัด การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย การวัดและประเมินผล จานวน 5 ท่าน (แสดงไว้ใน ภาคผนวก ข) เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา (Content Validity) ความถูกต้องของภาษาท่ี ใช้และขอคาแนะนาสาหรบั การปรับปรงุ แกไ้ ขข้อคาถามต่อไป 3.3.4 ปรับปรุงแก้ไขแบบสอบถามฉบับร่างตามคาแนะนาของผู้เช่ียวชาญเป็นการปรับปรุง เนื้อหาข้อคาถามทั้ง 3 ตอน ให้ครอบคลุมเน้ือหาและมีความชัดเจนมากข้ึนนาแบบสอบถามมา ตรวจสอบคุณภาพของเน้ือหาและความเที่ยงตรง โดยใช้เกณฑ์การพิจารณา ดังนี้ ใหค้ ะแนน +1 ผูเ้ ชี่ยวชาญแน่ใจว่าขอ้ คาถามวดั ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ ให้คะแนน 0/ ผู้เชยี่ วชาญไม่แนใ่ จว่าขอ้ คาถามวดั ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ ใหค้ ะแนน -1 ผูเ้ ชี่ยวชาญแน่ใจว่าข้อคาถามวัดไดไ้ มต่ รงตามวตั ถุประสงค์ 3.3.5 แบบสอบถามที่ผ่านการตรวจความถูกต้องและความเท่ียงตรงของเน้ือหาจากผู้เชี่ยวชาญ ท้ัง 5 ท่านนามาหาค่าดัชนีความสอดคล้องIOC (Index of Item Objective Congruence) โดยพิจารณา 54 ข้อคาถามที่มีค่าIOC  .50 ส่วนข้อคาถามท่ีมีค่าIOC  .50 ให้ตัดท้ิงหรือปรับปรุงใหม่โดยคานวณค่า ดัชนีความสอดคล้อง (Index of item Objective Congruence: IOC) (วาโร เพ็งสวัสด์ิ. 2551: 245) ดงั น้ี (แสดงไว้ในภาคผนวก ค) ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) = ผลรวมของคะแนนของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน (R) จานวนของผู้เช่ียวชาญ (N) เมื่อ IOC แทนดัชนคี วามสอดคล้องของขอ้ ความกบั ประเดน็ หลักที่ศกึ ษา R แทนผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผ้เู ชยี่ วชาญเนอื้ หาทัง้ หมด N แทนจานวนผ้เู ชี่ยวชาญ เกณฑ์ 1. ขอ้ คาถามท่มี ีค่า IOC ต้งั แต่ 0.50 – 1.00 มีคา่ ความเท่ยี งตรงสงู ใช้ได้ 2. ขอ้ คาถามท่ีมคี ่า IOC ต่ากวา่ 0.50 ต้องปรับปรงุ ยังใช้ไม่ได้ 3.3.6 แบบสอบถามท่ีผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิแล้วพบว่ามีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC)รวมเท่ากับ 0.90ถือว่าข้อคาถามมีค่าความเที่ยงตรงสูงใช้ได้ (แสดงไว้ในภาคผนวก ค)แล้วจึง นาไปทดลองใช้(Try Out)กับกลุ่มตัวอย่างท่ีมีลักษณะคล้ายกับกลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองสุพรรณบุรี สังกัดสานักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี จานวน 30 คน โดยได้จัดทา

หนังสอื ขอความอนุเคราะห์ทดลองใช้เครื่องมือในการวจิ ยั ไปยังผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมืองสุพรรณบุรี(แสดงไว้ในภาคผนวก จ) และผู้วิจัยเป็นผู้แจกและ เกบ็ รวบรวมแบบสอบถามคนื ดว้ ยตนเอง 3.3.7 แบบสอบถามท่ีผ่านการทดลองใช้แล้วนามาหาค่าความเช่ือมั่น(Reliability)โดยใช้การ หาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา/(Alpha/Coefficient)/ของครอนบาค/(Cronbach)/ได้ค่าความเช่ือม่ันของ แบบสอบถาม รวมทั้งฉบับเท่ากับ 0.984 ถือว่าคาถามมีค่าความเช่ือมั่นอยู่ในเกณฑ์ที่เชื่อถือได้ โดย ใช้สูตรครอนบาค (Cronbach,1990: 202-204) ของ (วาโร เพง็ สวสั ด์ิ, 2551: 260) ดงั นี้ = K   S 2  K 1 1 St2    เมื่อ  แทน ความเชอ่ื มนั่ ของแบบสอบถาม St2 แทน ผลรวมคา่ ความแปรปรวนของคะแนนแตล่ ะขอ้ S 2 แทน ความแปรปรวนของแบบสอบถามท้ังฉบบั t K แทน จานวนข้อในแบบสอบถาม 55 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมลู เพือ่ ใหก้ ารวิจัยครัง้ น้ีมปี ระสทิ ธิภาพผวู้ จิ ัยไดก้ าหนดข้นั ตอนในการเก็บรวบรวมข้อมลู ดังน้ี 3.4.1 ดาเนินการประชุมชี้แจงวัตถุประสงค์ในการทาวิจัยเรื่องปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัด สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวัดสุพรรณบรุ ีและชี้แจงข้ันตอน ในการเก็บรวบรวมข้อมูลให้กับครู กศน.ตาบล ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อาเภออู่ทอง ทง้ั 13 ตาบล 3.4.2 ดาเนินการโดยแจกแบบสอบถามให้ครู กศน.ตาบลแจกให้กับประชากรกลุ่มตัวอย่างที่ ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง ภาค เรยี นที่ 1 ปีการศึกษา2563ในวนั พบกลุ่ม และเก็บรวมรวมข้อมูลเพอ่ื ทาการวิเคราะหข์ อ้ มูลต่อไป 3.5 การวิเคราะห์ขอ้ มูล ผู้วิจัยได้ดาเนินการกับข้อมูลที่ได้รับคืนตามขั้นตอน ดังน้ี

3.5.1 ตรวจสอบความสมบูรณ์ของการตอบแบบสอบถามท่ีได้รับคืนจานวน 260 ฉบับ โดยคิด เปน็ ร้อยละ100ก่อนนาแบบสอบถามไปวิเคราะห์ข้อมลู ในข้ันตอนตอ่ ไป 3.5.2 นาแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว มาลงรหัสเพื่อแปลงข้อมูลในแบบสอบถาม ใหเ้ ป็นตัวเลข/ 3.5.3 นาข้อมูลจากแบบสอบถามมาลงสื่อบันทึกข้อมูล เพ่ือนาไปใช้ในการประมวลผลข้อมูล ด้วยเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ 3.5.4 ตรวจสอบความผิดพลาดจากการบันทกึ ขอ้ มลู กอ่ นทาการประมวลผล 3.5.5 วิเคราะหข์ ้อมูลดว้ ยเคร่ืองคอมพิวเตอร์/โดยใช้โปรแกรมสาเรจ็ รูปทางสถติ ิ 3.6 สถติ ิที่ใชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมูล สถติ ิพน้ื ฐาน 3.6.1 วิเคราะหข์ อ้ มลู พน้ื ฐานเกย่ี วกบั สถานภาพทัว่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ได้แก่ คา่ รอ้ ยละ ระบบแล3ะ.ก6า.2รศวึกิเคษราาตะาหม์รอะัธดยับาศปยั ัจอจาัยเทภ่ีสอ่งอผู่ทลอตง่อสผังลกส5ัดมั6สฤาทนธักิ์ทงาานงกสา่งรเสเรรียิมนกขาอรศงผกึ ู้เษราียนนอศกูนรยะก์ บาบรแศลึกะษานอก การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ค่าเฉล่ีย(Mean: X ) และค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation:S.D)โดยแปลความหมายตามเกณฑข์ อง (พงศเ์ ทพ จิระโร, 2559:15) ดังนี้ 4.51-5.00 หมายถงึ ปจั จัยส่งผลตอ่ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นอยูใ่ นระดับมากทส่ี ดุ 3.51-4.50 หมายถึงปจั จยั สง่ ผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นอยู่ในระดบั มาก 2.51-3.50 หมายถึงปจั จยั ส่งผลต่อผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนอยใู่ นระดับปานกลาง 1.51-2.50 หมายถงึ ปัจจัยส่งผลตอ่ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนอยใู่ นระดบั นอ้ ย 1.00-1.50 หมายถึงปัจจยั ส่งผลตอ่ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนอยูใ่ นระดับน้อยทส่ี ุด

บทที่ 4 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู การศึกษาวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของ ผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้วิจัยได้นาข้อมูลจากการตอบ แบบสอบถามของ กลุ่มประชากรตัวอย่างจาก ผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวดั สุพรรณบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 260 คน โดยมีการกาหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง คานวณสูตรจากตารางสาเร็จรูปของเครซ่ีและมอร์แกน Krejcie& Morgan, 1970(อ้างถึงใน สุทธนู ศรีไสย์ ,2551: 132 -133) ที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ95 โดยใช้ความคลาดเคลื่อนในการสุ่มร้อยละ5นามา วิเคราะห์ข้อมูลและนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลแบ่งออกเป็น 3 ตอนดังนี้ ตอนท่ี1 ข้อมูลสถานภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพและรายได้ของผู้ตอบแบบสอบถาม

ตอนท่ี2 ระดับปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนักศึกษาศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวัดสุพรรณบุรี ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยใช้โปรแกรม Microsoft Excel และใน การแปลความหมายการวิเคราะหข์ อ้ มลู ผ้วู ิจัยได้กาหนดสญั ลกั ษณ์ตา่ งๆแทนความหมาย ดังต่อไปนี้ N หมายถงึ จานวนกลุม่ ประชากร X หมายถงึ คา่ เฉลี่ย S.D. หมายถึง ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 58 ตอนที่ 1 สถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถามปัจจัยท่ีส่งผลต่อ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นของผู้เรยี น ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี จานวน 260 คน ประกอบด้วย เพศ อายุ ระดับการศึกษาอาชีพและรายได้ ของผู้ตอบแบบสอบถาม วิเคราะห์ ข้อมลู โดยหาคา่ ความถี่ และค่าร้อยละ ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล ดังตารางที่ 4.1 ตารางท่ี 4.1 จานวนและร้อยละของข้อมลู ด้านสภาพทว่ั ไปของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภออู่ทอง สงั กัดสานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัยจังหวดั สพุ รรณบรุ ี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ขอ้ มูลท่ัวไป จานวน รอ้ ยละ เพศ ชาย 110 42.31 หญิง 150 57.69 260 100.00 รวม อายุ

ต่ากวา่ 15 ปี 1 0.38 15 – 24 ปี 216 83.08 25 – 34 ปี 33 12.69 35 ปี ขึ้นไป 10 3.85 260 100.00 รวม 4 1.55 ระดบั การศกึ ษา 99 38.07 ประถมศึกษา 157 60.38 มธั ยมศึกษาตอนตน้ 260 100.00 มธั ยมศึกษาตอนปลาย 3 1.15 รวม 68 26.15 57 21.93 อาชีพ ข้าราชการ / พนักงานรฐั วิสาหกจิ พนกั งานบริษทั เอกชน / ลูกจ้าง ธรุ กิจส่วนตวั / ค้าขาย 59 ขอ้ มูลท่ัวไป จานวน ร้อยละ 120 46.15 อื่น ๆ..รับจา้ งท่วั ไป 5 1.93 อน่ื ๆ..เกษตรกร.. 7 2.69 อื่น ๆ..ไมม่ ีอาชพี .. 260 100.00 รวม 7 2.70 29 11.15 รายได้ 15950 73.08 ไม่มีรายได้ 34 13.07 ต่ากว่า 5,000 บาท 260 100.00 5,000 – 10,000 บาท มากกว่า 10,000 บาท รวม จากตารางที่ 4.1 แสดงผลการวิเคราะห์จานวน และร้อยละของข้อมูล ด้านสภาพท่ัวไป ของกลุ่มผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงาน ส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั สุพรรณบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 260 คน พบวา่

เพศ ผู้เรียนส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง จานวน 150 คน คิดเป็นร้อยละ 57.69 เป็นเพศชาย จานวน 110 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 42.31 ตามลาดับ อายุ ส่วนใหญอ่ ายุ อยู่ในช่วง 15 – 24 ปี จานวน 216 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 83.08 อายุ 25 - 34 ปี จานวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 12.69 อายุ 35 ปีขึ้นไป จานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 3.85 และ น้อยท่สี ุด อายุต่ากว่า 15 ปี จานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.38 ตามลาดบั ระดบั การศกึ ษา สว่ นใหญม่ กี ารศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 157 คน คดิ เป็น ร้อยละ 60.38 รองลงมา มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จานวน 99 คน คิดเป็นร้อยละ 38.07 และมีการศึกษาในระดบั ประถมศกึ ษา น้อยท่ีสุด จานวน 4 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 1.55 ตามลาดับ อาชีพส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างท่ัวไป จานวน 120 คน คิดเป็นร้อยละ 46.15 รองลงมา มีอาชีพ เป็นพนกั งานบรษิ ทั เอกชน/ลูกจา้ ง จานวน 68 คน คดิ เป็นร้อยละ 26.15 อาชพี ธุรกิจสว่ นตวั / คา้ ขาย จานวน 57 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 21.93 ไม่มอี าชีพ จานวน 7 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 2.69 มีอาชีพ เป็นเกษตรกร จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 1.93 และมีอาชีพเป็นข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ น้อยทสี่ ุด จานวน 3 คน คิดเปน็ ร้อยละ 1.15 ตามลาดับ 60 รายได้ต่อเดือน ส่วนใหญ่มีรายได้ 5,000 – 10,000 บาท จานวน 190 คน คิดเป็นร้อยละ 73.08 รองลงมามีรายได้ มากกว่า 10,000 บาท จานวน 34 คน คิดเป็นร้อยละ 13.07 มีรายได้ ต่ากว่า 5,000 บาท จานวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 11.15 และไม่มีรายได้ จานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 2.70 ตามลาดับ ตอนที่ 2 ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรีความรู้กับระดับประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ของบุคลากรสังกัด ข้อมลู ปัจจัยทส่ี ง่ ผลต่อผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศกึ ษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออทู่ อง สังกัดสานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศยั จงั หวดั สพุ รรณบรุ ีการวิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าเฉล่ยี ( X ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) จากกลุ่มผู้เรยี น จานวน260คนโดยการศึกษา ปจั จัยท้ังหมด 3 ดา้ น คือ 1) ด้านที่ 1 ปจั จัยด้านลักษณะ ส่วนบุคคล บคุ คล ไดแ้ ก่ 1.1) เจตคติและแรงจงู ใจใฝส่ ัมฤทธิ์ ตอ่ การเรยี นของผ้เู รยี น 1.2) พฤติกรรม การเรียนของผู้เรียน 2) ด้านท่ี 2 ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา ได้แก่ 2.1) หลักสูตรสถานศึกษา 2.2) การ จัดการเรียนการสอน 2.3) การบริหารจัดการ 3) ด้านท่ี 3 ปัจจัยด้านครอบครัวและเพ่ือน ได้แก่ 3.1) การสนับสนุนของครอบครวั หรือผู้ปกครอง 3.2) ความสัมพันธ์ระหว่างเพ่ือน ผู้วิจัยได้วิเคราะหผ์ ลโดย

แสดงคะแนนเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานโดยรวมและรายด้าน รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลในแต่ละ ดา้ นซงึ่ รายละเอียดดังตอ่ ไปน้ี ตารางที่ 4.2 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ ผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทองสังกัด สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี โดยภาพรวม(N=260) ปัจจยั ทสี่ ่งผลต่อผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น ระดบั ความสาคญั ด้านที่ 1 ปจั จยั ด้านลกั ษณะส่วนบคุ คล X S.D. ความหมาย ด้านที่ 2 ปจั จัยด้านการจดั การศึกษา ดา้ นที่ 3 ปัจจยั ดา้ นครอบครัวและเพื่อน 3.86 0.55 มาก 4.08 0.54 มาก รวมทุกด้าน 3.91 0.61 มาก 3.95 0.52 มาก 61 จากตารางที่ 4.2 ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรีในภาพรวม มีระดับความสาคัญอยู่ในระดับ มาก( X = 3.95 , S.D = 0.52) และเม่ือพิจารณาเป็นรายด้าน พบวา่ มีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมาก ทุกด้าน โดยดา้ นที่ 2 ปัจจัยด้านการจัดการศกึ ษามรี ะดับความสาคัญมากทส่ี ุด (X = 4.08 , S.D = 0.54) รองลงมาได้แก่ ด้านท่ี 3 ปัจจัยด้านครอบครัวและเพ่ือน ( X = 3.91 , S.D = 0.61) และด้านท่ีมีระดับ ความสาคัญนอ้ ยท่สี ุดคือด้านท่ี 1 ปัจจยั ด้านลักษณะส่วนบุคคล( X = 3.86 , S.D = 0.55) ตารางที่ 4.3 ค่าเฉล่ีย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ ผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัด สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี จาแนกรายด้าน ด้านที่ 1 ปจั จัยด้านลักษณะสว่ นบุคคล ดา้ นที่ 1 ปัจจยั ดา้ นลักษณะส่วนบคุ คล ระดับความสาคัญ X S.D. ความหมาย 1. เจตคติและแรงจูงใจใฝส่ มั ฤทธ์ิ 1.1 ผเู้ รยี นมีความรู้สึกกระตือรือร้นทกุ ครัง้ ทจี่ ะเขา้ เรยี น 3.79 0.76 มาก 1.2 ผู้เรียนมคี วามสนใจในการเรียน 3.96 0.70 มาก 1.3 ผเู้ รียนมคี วามพยายามทจ่ี ะเรยี น เพื่อให้ตนเองมีความรู้เพม่ิ มากขึน้ 4.17 0.75 มาก 1.4 ผ้เู รยี นมีความสขุ เมื่อไดเ้ รียนหนังสอื 4.00 0.79 มาก

1.5 ผู้เรยี นมคี วามมุ่งมั่นทจี่ ะเรียนใหส้ าเร็จภายใน 4 ภาคเรียน 4.27 0.77 มาก มาก 1.6 ผเู้ รียนมคี วามตอ้ งการท่จี ะยกระดบั การศกึ ษาของตนเองใหส้ งู ขึน้ 4.23 0.77 มาก 1.7 ผ้เู รยี นมีความตอ้ งการเรยี นเพื่อการมีอาชีพ มีงานทา 4.31 0.75 มาก มาก 1.8 ผู้เรียนสามารถทุ่มเทเวลา และความร้คู วามสามารถ เพื่อใหม้ ีผลงาน และผลการเรียนที่ดี 3.99 0.80 รวม 4.08 0.60 62 ตารางท่ี 4.3 (ต่อ)(N=260) ดา้ นท่ี 1 ปัจจัยด้านลกั ษณะสว่ นบคุ คล ระดับความสาคัญ X S.D. ความหมาย 2.พฤติกรรมการเรยี นของผู้เรียน 2.1 ผู้เรียนเข้าเรยี นตรงเวลา 3.62 0.84 มาก 2.2 ผู้เรยี นไม่เคยขาดเรียน 3.43 0.79 ปานกลาง 2.3 ผเู้ รียนทบทวนความรูท้ ุกครั้งหลงั เรียน 3.44 0.77 ปานกลาง 2.4 ผู้เรยี นตัง้ ใจฟังครูสอนเป็นประจา 3.85 0.77 2.5 ผู้เรยี นสง่ งานทรี่ ับมอบหมายครบตามกาหนดเวลา 3.78 0.77 มาก 2.6 ผเู้ รียนซักถามครูผ้สู อนเม่ือไม่เข้าใจเน้ือหา 3.70 0.81 มาก 2.7 ผเู้ รยี นศึกษาค้นควา้ เพ่ิมเตมิ นอกเหนือจากทีค่ รูสอนใน กศน.ตาบล 3.63 0.83 มาก 2.8 ผเู้ รียนสรปุ สาระสาคญั ที่ครูสอนเป็นประจา 3.60 0.80 มาก มาก รวม 3.63 0.60 รวมดา้ นที่ 1 ปจั จยั ด้านลักษณะส่วนบุคคล มาก 3.86 0.55 มาก จากตารางที่ 4.3 ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี จาแนกรายด้าน ด้านที่ 1 ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคลในภาพรวม

พบว่า เจตคติและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ มีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมาก ( X = 4.08, S.D = 0.60) ซึ่งมีระดับความสาคัญสูงกว่า พฤติกรรมการเรียนของผู้เรียน ( X = 3.63, S.D = 0.60) เมื่อพิจารณา เป็นรายข้อของเจตคติและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ พบว่า ผ้เู รียนมคี วามต้องการเรียนเพื่อการมีอาชีพ มีงานทา อยู่ในระดับมากที่สุด ( X = 4.31, S.D = 0.75) รองลงมาคือ ผู้เรียนมีความมุ่งมั่นท่ีจะเรียนให้สาเร็จ ภายใน 4 ภาคเรียน( X = 4.27, S.D = 0.77) และผู้เรียนมีความต้องการที่จะยกระดับการศึกษาของตนเอง ให้สูงขึ้น ( X = 4.23, S.D = 0.77) ตามลาดับ ส่วนพฤติกรรมการเรียนของผู้เรียน พบว่า ผู้เรียนต้ังใจ ฟังครูสอนเป็นประจา อยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 3.85, S.D = 0.77) รองลงมาคือ ผู้เรียนส่งงานท่ีรับ มอบหมายครบตามกาหนดเวลา( X = 3.78, S.D = 0.77) และผู้เรียนซักถามครูผู้สอนเมื่อไม่เข้าใจ เนื้อหา (X = 3.70, S.D = 0.81) ตามลาดับ 63 ตารางที่ 4.4 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ของปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี จาแนก รายดา้ น ด้านท่ี 2 ปจั จยั ดา้ นจัดการศกึ ษา (N=260) ดา้ นที่ 2 ปจั จัยดา้ นจัดการศึกษา ระดบั ความสาคญั X S.D. ความหมาย 1. หลกั สูตรสถานศึกษา 1.1 หลักสตู รมกี ารกาหนดวัตถปุ ระสงคห์ รอื เปา้ หมายอยา่ งชัดเจน 4.05 0.66 มาก 1.2 หลักสตู รสง่ เสริมความรู้ ความสามารถของผูเ้ รียนได้อยา่ งเหมาะสม 4.08 0.69 มาก 1.3 หลักสูตรสง่ เสรมิ ความประพฤติ ทกั ษะ และเจตคติในการท่จี ะอยู่ 4.05 0.68 มาก รว่ มกนั ในสงั คม 3.99 0.70 มาก 1.4 หลกั สตู รมคี วามยดื หยุ่น ตรงกับความต้องการของผู้เรียน 4.06 0.66 มาก 1.5 หลักสูตรไดม้ กี ารนาภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ มาใชใ้ นการจัดการเรียนรู้ 4.03 0.72 มาก ใหก้ ับผเู้ รียนได้อยา่ งเหมาะสม 1.6 หลกั สูตรสามารถพฒั นาผเู้ รียนใหม้ คี วามสามารถในการคดิ วิเคราะห์ 3.95 0.73 มาก คดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ รว่ มกับผูอ้ ืน่ 1.7 หลักสตู รมีการกาหนดวธิ ีการวดั ผลและประเมินผลที่สอดคล้องกับ จดุ มงุ่ หมายของหลกั สูตร

1.8 หลกั สตู รของสถานศึกษาได้มีการเผยแพรป่ ระชาสมั พันธใ์ ห้กบั 4.00 0.75 มาก ผู้ปกครอง ผู้เรียน หนว่ ยงานทเี่ ก่ยี วข้องได้รับทราบข้อมลู มาก รวม 4.08 0.60 มาก มาก 2. การจดั การเรยี นการสอน มาก มาก 2.1 ครมู ีการเตรียมการสอนลว่ งหน้า และชแ้ี จงแผนการสอน 4.15 0.76 มาก 2.2 ครูมกี ารจดั กระบวนการเรยี นรทู้ เ่ี น้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ 4.20 0.70 2.3 ครูมกี ารสรา้ งบรรยากาศท่ีจงู ใจ และกระตุ้นใหผ้ เู้ รยี นอยากเรยี นรู้ 4.13 0.76 2.4 ครูจัดกิจกรรมใหผ้ เู้ รยี นคดิ วิเคราะห์ แลกเปลี่ยนเรียนรโู้ ดยใช้ 4.23 0.71 กระบวนการกลมุ่ และการทาโครงงาน 2.5 ครมู ีการนาส่ือทีม่ ีความหลากหลาย ทนั สมยั นา่ สนใจ เหมาะสมกบั 4.16 0.70 วัยสอดคลอ้ งกับวตั ถปุ ระสงคก์ ารเรยี นร้ขู องหลักสูตร ง่ายตอ่ การ นาไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 64 ตารางที่ 4.4 (ตอ่ )(N=260) ดา้ นที่ 2 ปจั จัยดา้ นจัดการศึกษา ระดบั ความสาคญั X S.D. ความหมาย 2.6 มีการใชแ้ หล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาในท้องถนิ่ จัดการเรยี น การสอน 4.11 0.74 มาก 2.7 ครมู กี ารวดั และประเมินผลด้วยวิธกี ารที่หลากหลาย โดยสอดคล้อง 4.17 0.70 มาก และ ครอบคลมุ มาตรฐานการศึกษาท่ีกาหนดในหลกั สูตร 2.8 ครมู ีการประเมนิ ความสามารถของผ้เู รียนในด้านการอ่าน การคิด 4.21 0.70 มาก 4.16 0.61 มาก วเิ คราะห์ และการเขยี น รวม 4.10 0.69 มาก 3. การบริหารจดั การ 4.04 0.78 มาก 3.1 ส่งเสริมสนบั สนนุ การจดั กิจกรรมทางวชิ าการใหก้ ับผเู้ รียนอยา่ ง 4.02 0.74 มาก สม่าเสมอ 3.2 จดั ใหม้ ีการบริการอนิ เตอรเ์ น็ตทีร่ วดเร็วและพอเพียงต่อการศึกษา 4.03 0.72 มาก คน้ คว้า 3.3 การสนบั สนนุ จดั หาสื่อ วสั ดุอุปกรณ์ทีอ่ านวยความสะดวกในการ เรยี นการสอน 3.4 สนับสนนุ ใหจ้ ัดบรรยากาศให้เอ้ือต่อการเรียนรู้

3.5 ช้ีแนะแนวทางในการแสวงหาความรู้ เสริมแรง และกระตนุ้ ให้ผ้เู รียน 4.14 0.69 มาก มีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ มาก มาก 3.6 ส่งเสริมสนับสนุนใหม้ รี ะบบดูแลช่วยเหลอื ผู้เรยี น 4.06 0.72 มาก 3.7 ส่งเสริมสนับสนนุ การใช้เทคโนโลยีมาจัดการเรยี นรู้อย่างแท้จรงิ 4.03 0.70 มาก มาก 3.8 ส่งเสริมใหม้ กี ารจดั กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนตามความถนัด ความสนใจ 4.00 0.70 และความตอ้ งการของผู้เรยี น รวม 4.05 0.60 รวมดา้ นท่ี 2 ปจั จยั ดา้ นจดั การศกึ ษา 4.08 0.54 จากตารางที่ 4.4 ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี จาแนกรายด้าน ด้านที่ 2 ปัจจัยด้านการจัดการศึกษาในภาพรวม พบว่า การจัดการเรียนการสอน มีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมาก (X = 4.16, S.D = 0.61) ซึ่งมี 65 ระดับความสาคัญสูงกว่า การบริหารจัดการ ( X = 4.05, S.D = 0.60) และหลักสูตรสถานศึกษา ( X = 4.03 , S.D = 0.58) เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อของการจัดการเรียนการสอน พบว่า ครูจัดกิจกรรม ให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยใช้กระบวนการกลมุ่ และการทาโครงงานอยู่ในระดับมาก ที่สุด ( X = 4.23, S.D = 0.71) รองลงมาคือ ครูมีการประเมินความสามารถของผู้เรียนในด้านการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการเขียน ( X = 4.21, S.D = 0.70) และครูมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่เน้น ผูเ้ รยี นเป็นสาคญั ( X = 4.20, S.D = 0.70) ตามลาดับ ส่วนการบริหารจัดการ พบวา่ ช้แี นะแนวทางใน การแสวงหาความรู้ เสริมแรง และกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นท่ีจะเรียนรู้อยู่ในระดับมาก ทสี่ ุด ( X = 4.14, S.D = 0.69) รองลงมาคือ สง่ เสริมสนบั สนนุ การจดั กจิ กรรมทางวิชาการให้กับผู้เรียน อย่างสม่าเสมอ( X = 4.10, S.D = 0.69) และ ส่งเสริมสนับสนุนให้มีระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน( X = 4.06, S.D = 0.72) ตามลาดบั และหลกั สูตรสถานศึกษา พบวา่ หลักสตู รสง่ เสรมิ ความรู้ ความสามารถ ข อ ง ผู้ เ รี ย น ไ ด้ อ ย่ า ง เ ห ม า ะ ส ม อยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 4.08, S.D = 0.69) รองลงมา คือ หลักสูตรได้มีการนาภูมิปัญญาท้องถิ่น มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม (X = 4.06, S.D = 0.66) และหลักสูตรมกี ารกาหนดวตั ถุประสงคห์ รือเป้าหมายอย่างชดั เจน( X = 4.05,S.D = 0.66) หลักสูตรส่งเสริมความประพฤติ ทักษะ และเจตคติในการท่ีจะอยู่ร่วมกันในสังคม( X = 4.05,S.D = 0.68) ตามลาดับ ตารางท่ี 4.5 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ของปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ ผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัด สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี จาแนกรายด้าน ด้านท่ี 3 ปัจจัย ดา้ นครอบครวั และเพ่อื น (N=260)

ดา้ นที่ 3 ปจั จัยด้านครอบครัวและเพอ่ื น ระดับความสาคญั X S.D. ความหมาย 1. การสนบั สนุนของครอบครวั หรอื ผ้ปู กครอง 1.1. ครอบครัว/ผปู้ กครองมีความเข้าใจในความสามารถดา้ นการเรียนรู้ 3.98 0.74 มาก ของผู้เรียน 3.88 0.84 มาก 1.2 ครอบครวั /ผู้ปกครองสนับสนุนดา้ นการเงนิ ในการจดั หาวสั ดุอุปกรณ์ 3.95 0.74 มาก การเรยี นทจ่ี าเป็นใหก้ บั ผู้เรยี นใช้ในการเรยี นรู้ 3.88 0.82 มาก 1.3 ครอบครัว/ผู้ปกครองจะให้กาลงั ใจผ้เู รยี นเม่ือมีปญั หาเรื่องการเรยี น 1.4 ครอบครัว/ผูป้ กครอง จะสอบถามหรอื ใหค้ วามสนใจติดตามผลการ เรียนของผูเ้ รยี นอย่างสม่าเสมอ 66 ตารางท่ี 4.5 (ตอ่ )(N=260) ด้านท่ี 3 ปัจจัยดา้ นครอบครัวและเพื่อน ระดบั ความสาคญั X S.D. ความหมาย 1.5 ครอบครัว/ผปู้ กครอง ทาให้ผู้เรยี นรู้สกึ วา่ เปน็ คนสาคัญในครอบครวั 1.6 ครอบครวั /ผปู้ กครอง ยอมรบั หรืออนุญาตใหผ้ ้เู รียนตัดสนิ ใจเรอื่ ง 3.98 0.81 มาก 4.10 0.77 มาก การศึกษาด้วยตนเอง 1.7 ครอบครัว/ผปู้ กครอง ไม่พยายามบงั คับหรือชีน้ าการดาเนินชวี ติ ของ 3.88 0.88 มาก ผเู้ รยี น 4.10 0.81 มาก 1.8 ครอบครัว/ผู้ปกครองให้อภยั เมื่อผเู้ รียนเกดิ ความผิดพลาด 3.97 0.66 มาก รวม 3.87 0.83 มาก 2. ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเพอ่ื น 3.80 0.88 มาก 2.1 เมอื่ ผ้เู รียนไมเ่ ขา้ ใจในบทเรียน เพอ่ื นจะชว่ ยอธิบายให้เขา้ ใจ 3.90 0.80 มาก 2.2 เมอื่ ผู้เรยี นไมเ่ ข้าเรยี น เพื่อนจะช่วยตดิ ตามให้มาเรียน 3.84 0.80 มาก 2.3 ผเู้ รยี นชอบทจ่ี ะเรียนรู้รว่ มกับเพอ่ื นในกจิ กรรมวิชาการ 3.94 0.84 มาก 2.4 ผู้เรียนมกี ารแลกเปลย่ี นความคดิ ในบทเรยี นเสมอ 2.5 ผู้เรียนจะมคี วามมั่นใจและชอบทากิจกรรมส่งเสรมิ การเรียนรู้ร่วมกับ 3.84 0.90 มาก 3.86 0.88 มาก เพ่อื น 2.6 ผู้เรยี นมีเพอ่ื นท่ีคอยใหก้ าลังใจเมื่อมปี ญั หา 2.7 ผู้เรียนจะปรึกษาเพื่อนมากกว่าปรึกษาผู้ปกครองหรือครเู มื่อมีปัญหา

2.8 ผู้เรียนชอบมาเรยี นเพราะได้พบเพ่อื นๆ 3.83 0.86 มาก รวม 3.86 0.70 มาก 3.91 0.62 มาก รวมดา้ นท่ี 3 ปัจจยั ด้านครอบครัวและเพื่อน จากตารางท่ี 4.5 ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี จาแนกรายด้าน ด้านที่ 3 ปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อนในภาพรวม พบว่า การสนับสนุนของครอบครัวหรือผู้ปกครองมีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมาก ( X = 3.97, S.D = 0.66) ซ่ึงมีระดับความสาคัญสูงกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน( X = 3.86,S.D = 0.70) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อของการสนับสนุนของครอบครัวหรือผู้ปกครองพบว่า ครอบครัว/ผู้ปกครอง ยอมรับหรืออนุญาตให้ผู้เรียนตัดสินใจเรื่องการศึกษาด้วยตนเอง อยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 4.10, 67 S.D = 0.81) และครอบครัว/ผู้ปกครองให้อภัยเม่ือผู้เรียนเกิดความผิดพลาด ( X = 4.31, S.D = 0.75) รองลงมาคือ ครอบครัว/ผู้ปกครองมีความเข้าใจในความสามารถด้านการเรียนรู้ของผู้เรียน( X = 3.98, S.D = 0.74) และครอบครวั /ผู้ปกครอง ทาให้ผเู้ รยี นรู้สึกวา่ เป็นคนสาคัญในครอบครัว( X = 3.98, S.D = 0.81) และครอบครัว/ผู้ปกครองจะให้กาลังใจผู้เรียนเม่ือมีปัญหาเรื่องการเรียน ( X = 3.95, S.D = 0.74) ตามลาดับ ส่วน ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนพบว่า ผู้เรียนจะมีความม่ันใจและชอบทากิจกรรม ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกับ เพ่ือน อยู่ในระดับมากท่ีสุด ( X = 3.94, S.D = 0.84) รองลงมาคือ ผู้เรียน ชอบท่ีจะเรียนรู้ร่วมกับเพ่ือนในกิจกรรมวิชาการ ( X = 3.91, S.D = 0.81) และเม่ือผู้เรียน ไมเ่ ขา้ ใจในบทเรียน เพ่ือนจะช่วยอธบิ ายใหเ้ ขา้ ใจ( X = 3.87, S.D = 0.83) ตามลาดับ ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ จากคาถามปลายเปิดในแบบสอบถาม ด้านข้อเสนอแนะอื่นๆ เก่ียวกับปัจจัยท่ีส่งผลต่อ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นของผเู้ รยี น ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรีโดยรวบรวม ความคิดเห็นของกลุ่มตวั อย่าง เฉพาะส่วนทตี่ อบแบบสอบถามครบถว้ นและได้ใจความ จานวน 43 คน ตารางที่ 4.6 ข้อเสนอแนะ ของผูเ้ รยี นตอบแบบสอบถาม จานวนผู้ตอบแบบสอบถาม 10 คน ขอ้ เสนอแนะ 1. ครคู วรจัดทบทวนความรู้ให้กับผ้เู รียนก่อนสอบ

2. ครคู วรปรับแกห้ ลักสูตรใหม้ ีจานวนวิชาน้อยลง 11 คน 3. ควรลดจานวนชั่วโมงกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ ให้ลดลง 22 คน รวม 43 คน จากตารางท่ี 4.6 ข้อเสนอแนะ ของผู้เรียนตอบแบบสอบถามพบว่า มีผู้เรียนที่ตอบแบบสอบถาม ในตอนที่ 3 ข้อเสนอแนะอื่นๆ จานวน 43 คน โดยส่วนมากให้ข้อเสนอแนะ ควรลดจานวนชั่วโมง กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ ให้ลดลง รองลงมา ครูควรปรับแกห้ ลกั สตู รให้มีจานวนวชิ านอ้ ยลง และครู ควรจัดทบทวนความรู้ให้กับผู้เรียนก่อนสอบ บทที่ 5 สรปุ ผลการวจิ ยั อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ การศึกษาวิจัยเรื่อง ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อ ผ ล สัม ฤ ท ธิ์ท า ง ก า ร เ รีย น ข อ ง ผู้เ รี ย น ศู น ย์ ก า ร ศึ ก ษ า น อ ก ร ะ บ บ แ ล ะ ก า ร ศึ ก ษ า ต า ม อั ธ ย า ศั ย อาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด สุพรรณบุรี ประชากรกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้เรียนศูนย์การศึกษานอก ระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ลงทะเบียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จานวน 260 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบ่งออกเป็น 3 ตอน ดังนี้ ตอนที่ 1 สถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ซ่ึงเปน็ แบบสารวจรายการ (Checklist) ตอนที่ 2 แบบสอบถาม

ความคิดเห็นเก่ียวกับปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี และตอนที่ 3 แบบสอบถามปลายเปิดเก่ียวกับข้อเสนอแนะอื่น ๆ เก่ียวกับ ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ โดยการหาค่า IOC และหาค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาของครอนบาค มีค่า ความเช่อื ม่นั ของแบบสอบถามทั้งฉบับ เทา่ กบั 0.984 ดาเนนิ การจัดเก็บข้อมูลจากประชากรกลุม่ ตวั อย่าง โดยแจกแบบสอบถามให้ครู กศน.ตาบล เพื่อแจกให้กับประชากรกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผเู้ รียนศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ในวันพบกลุ่ม และเก็บรวมรวมข้อมูลกลับคืนมาท้ังหมด จานวน 260 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 100 ดาเนินการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเคร่ืองคอมพิวเตอร์โปรแกรมสาเรจ็ รูป โดยใช้สถิติวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าร้อย ละ คา่ เฉลยี่ และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ผลการศกึ ษา สรุปไดด้ ังนี้ 69 5.1 สรปุ ผลการวจิ ัย จากผลการวิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับปัจจัยที่สง่ ผลต่อผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ผลการวิจัยสรุปไดด้ งั นี้ 5.1.1 สถานภาพท่ัวไปของประชากร ประกอบด้วย ผู้เรียนศูนย์การศกึ ษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบรุ ี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2563 ผู้เรียนส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง มากกว่า เพศชาย อยู่ในช่วงอายุ 15 – 24 ปี มากท่ีสุด รองลงมา ช่วงอายุ 25 - 34 ปี และน้อยท่ีสุด คือ อายุต่ากว่า 15 ปี ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาใน ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย รองลงมามีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมกี ารศึกษาในระดับ ประถมศึกษาน้อยที่สุด ผู้เรียนมีการประกอบอาชีพที่หลากหลาย ทั้งอาชีพรับจ้างทั่วไป อาชีพเป็น พนักงานบริษัทเอกชน/ลูกจ้าง อาชีพธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย อาชีพอ่ืน ๆ เช่น เกษตรกร ข้าราชการ/ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และผู้เรียนบางคนก็ไม่ได้ประกอบอาชีพ ผู้เรียนมีรายได้ท่ีแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ จะมีรายได้ต่อเดือน 5,000 – 10,000 บาท รองลงมามีรายได้ มากกว่า 10,000 บาท และมีรายได้ต่า กวา่ 5,000 บาท ตามลาดบั

5.1.2 ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศยั จังหวัดสพุ รรณบรุ ี ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา และ ปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อน ในภาพรวม มีระดบั ความสาคัญอยู่ในระดับมาก และเม่อื พจิ ารณาเป็น รายด้าน พบว่ามีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยด้านท่ี 2 ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา อยู่ในระดับมากท่สี ดุ รองลงมาได้แก่ ดา้ นท่ี 3 ปจั จยั ดา้ นครอบครวั และเพือ่ น และด้านที่ 1 ปัจจยั ด้าน ลกั ษณะส่วนบุคคล ตามลาดบั เม่อื พจิ ารณาเปน็ รายด้านและรายข้อ สรุปได้ดังน้ี ด้านที่ 1 ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ในภาพรวม พบว่า เจตคติและแรงจูงใจใฝ่ สผู้ัเมรฤียทนธเิ์มมื่อีรพะิจดาับรคณวาาเปมส็นารคายัญขอ้อยขู่ในองรเะจดตับคมตาิแกละซแ่ึงรมง7ีรจ0ะูงดใจับใคฝว่สาัมมฤสทาธคิ์ ัญพบสูวง่กาวผ่าู้เรพียฤนตมิกีครวรามมกตา้อรงเกราียรนเรขียอนง เพื่อการมีอาชีพ มีงานทา อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ผู้เรียนมีความมุ่งม่ันที่จะเรียนให้สาเร็จ ภายใน 4 ภาคเรียน และผู้เรียนมีความต้องการท่ีจะยกระดับการศึกษาของตนเองใหส้ ูงขึ้น ตามลาดับ ส่วน พฤติกรรมการเรียนของผู้เรียน พบว่า ผู้เรียนต้ังใจฟังครูสอนเป็นประจา อยู่ในระดับมากท่ีสุด รองลงมาคือ ผู้เรียนส่งงานที่รับมอบหมายครบตามกาหนดเวลา และผู้เรียนซักถามครูผู้สอนเม่ือไม่ เขา้ ใจเนื้อหา ด้านที่ 2 ปัจจัยด้านการจัดการศกึ ษา ในภาพรวม พบว่า การจัดการเรียนการสอน มีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมาก ซึ่งมีระดับความสาคัญสูงกว่า การบริหารจัดการ และหลักสูตร สถานศึกษา เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ ของการจัดการเรียนการสอน พบว่า ครูจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนคิด วิเคราะห์ แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการกลุ่ม และการทาโครงงานอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ครูมกี ารประเมินความสามารถของผูเ้ รยี นในด้านการอ่าน การคิดวเิ คราะห์ และการเขียน และครูมีการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ส่วนการบริหารจัดการ พบว่า ช้ีแนะ แนวทางในการแสวงหาความรู้ เสริมแรง และกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้อยู่ใน ระดบั มากที่สุด รองลงมาคือ สง่ เสริมสนบั สนุนการจัดกจิ กรรมทางวชิ าการให้กบั ผู้เรยี นอย่างสม่าเสมอ และ ส่งเสริมสนับสนุนให้มีระบบดูแลช่วยเหลือผู้เรียน ตามลาดับ และหลักสูตรสถานศึกษา พบว่า หลักสูตรส่งเสริมความรู้ ความสามารถของผู้เรียนได้อย่างเหมาะสมอยู่ในระดับมากท่ีสุด รองลงมาคือ หลักสูตรได้มีการนาภูมิปัญญาท้องถ่ิน มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ ให้กับผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม และ ห ลั ก สู ต ร มี ก า ร ก า ห น ด วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ห รื อ เ ป้ า ห ม า ย อ ย่ า ง ชั ด เ จ น ห ลั ก สู ต ร ส่ ง เ ส ริ ม ความประพฤติ ทักษะ และเจตคติในการที่จะอยู่รว่ มกนั ในสงั คม ตามลาดบั

ด้านที่ 3 ปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อน ในภาพรวม พบว่า การสนับสนุนของ ครอบครัวหรือผู้ปกครอง มีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมาก ซึ่งมีระดับความสาคัญสูงกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเพ่ือน เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ของการสนับสนุนของครอบครัวหรือผู้ปกครอง พบว่า ครอบครัวหรือผู้ปกครอง ยอมรับหรืออนุญาตให้ผู้เรียนตัดสินใจเรื่องการศึกษาด้วยตนเอง อยู่ ในระดับมากท่ีสุด และครอบครัวหรือผู้ปกครองให้อภัยเม่ือผู้เรียนเกิดความผิดพลาด รองลงมาคือ ครอบครัว/ผู้ปกครองมีความเข้าใจในความสามารถด้านการเรียนรู้ของผู้เรียน และครอบครัวหรือ ผู้ปกครอง ทาให้ผู้เรยี นรสู้ ึกว่าเป็นคนสาคญั ในครอบครัว และครอบครวั /ผู้ปกครองจะให้กาลังใจผู้เรียน เมอ่ื มีปัญหาเร่ืองการเรียน ตามลาดับ ส่วนความสัมพนั ธ์ระหว่างเพื่อน พบวา่ ผเู้ รยี นจะมีความม่นั ใจและ ชอบทากิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกับ เพื่อน อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ผู้เรียนชอบท่ีจะ เรียนรู้ร่วมกับเพื่อนในกิจกรรมวิชาการ และเมื่อผู้เรียนไม่เข้าใจในบทเรียน เพื่อนจะช่วยอธิบายให้ เขา้ ใจ ตามลาดบั 71 5.1.3 ขอ้ เสนอแนะ ผลการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามเพ่ือการวิจัยเรื่องปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียนของผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัด สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ตอนที่ 3 ขอ้ เสนอแนะ โดยรวบรวมความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง เฉพาะสว่ น ทีต่ อบแบบสอบถามครบถว้ นและ ได้ใจความจานวน 43 คน โดยส่วนมากให้ข้อเสนอแนะ ควรลดจานวนชั่วโมงกิจกรรมพัฒนาคุณภาพ ชวี ติ ใหล้ ดลง รองลงมา ครูควรปรับแกห้ ลักสตู รใหม้ จี านวนวิชาน้อยลง และ ครคู วรจดั ทบทวนความรู้ ให้กับผเู้ รียนกอ่ นสอบ 5.2 การอภปิ รายผลการวิจัย จากการศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั สพุ รรณบุรี ผู้วจิ ยั ไดน้ ามาอภิปรายผลตามวัตถุประสงค์ ดงั นี้ ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอธั ยาศัยจังหวดั สพุ รรณบุรี ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา ปัจจัยด้าน ครอบครัวและเพ่ือน ส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและ

การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยจังหวัดสพุ รรณบุรี ในภาพรวมมีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมาก ทั้งน้ีเป็นเพราะผเู้ รยี นของ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เป็นผู้ท่ีพลาดโอกาส ผู้ขาดโอกาส และ ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา มีข้อจากัดในเรื่องเวลาเรียนเน่ืองจากต้องทางานเพื่อเลี้ยงตนเองและ ครอบครัว มีฐานะยากจน และมีความแตกต่างทางด้านอายุ และแตกต่างทางด้านความรู้พื้นฐาน ดังน้ัน ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดสุพรรณบุรี ประกอบด้วยหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการจัด การศึกษา ปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อน สอดคล้อง สุพิชญ์กฤตา พักโพธิ์เย็น (2560) ได้ทาการวิจยั เรื่อง การศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิชา หลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยศึกษาปัจจัยด้านต่าง ๆ ของนักศึกษาระดับ 72 บัณฑิตศึกษา สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้แก่ ปัจจัยด้านการจัด การศึกษา ปัจจัยด้านครอบครัวและเพ่ือน และปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ปัจจัยด้านการจัดการศึกษามีความสาคัญอยู่ในระดับมาก ที่สุด ทั้งนี้เพราะผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง มีความ แตกตา่ งทางดา้ นความร้พู ้ืนฐาน อายุ อาชีพ ฐานะความเป็นอยู่ ดังนัน้ ปจั จัยด้านการจดั การศกึ ษา ซึง่ ประกอบด้วย 1) หลักสูตรสถานศึกษา 2) การจัดการเรียนการสอน 3) การบริหารจัดการ จึงมี ความสาคัญมากท่ีสุดที่ท่ีจะส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน สอดคล้องกับ สุพิชญ์กฤตา พักโพธ์ิเย็น (2560) ได้ทาการวิจัยเรื่อง การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดย ศึกษา ปัจจัยด้านต่าง ๆ ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลยั ธรุ กจิ บัณฑิตย์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณารายด้าน พบว่า ปจั จัยดา้ นการ จัดการศึกษาอย่ใู นระดบั มากท่ีสุด อภิปรายผลการวจิ ัยเป็นรายด้าน ตามลาดบั คา่ เฉลยี่ ไดด้ งั น้ี ด้านที่ 2 ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา ผลการวิจัยพบว่ามีระดับความสาคัญอยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ซ่ึงประกอบด้วย 1) หลักสูตรสถานศึกษา 2) การจัดการเรียนการสอน 3) การบริหารจัดการ ซึง่ พบวา่ การจดั การเรียนการสอน มรี ะดบั ความสาคัญอยู่ในระดบั มาก มีข้อค้น พบว่า การจัดการเรียนการสอน โดยครูจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยใช้ กระบวนการกลุ่ม และการทาโครงงานอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ครูมีการประเมิน

ความสามารถของผเู้ รียนในด้านการอา่ น การคิดวิเคราะห์ และการเขยี น และครูมีการจัดกระบวนการ เรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ สอดคล้องกับ สุพิชญ์กฤตา พักโพธิ์เย็น (2560) กล่าวไว้ว่า ปัจจัยด้าน การจัดการศึกษาอยใู่ นระดับมากที่สุด ไดแ้ ก่ด้านคุณภาพการสอนและพฤติกรรมการสอนของอาจารย์ อยู่ในระดับสูงสุด และสอดคล้องกับ Young and Walberg (1996: 272-278) ได้ศึกษาปัจจัยพหุ ระดับต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และผลผลิตทางการศึกษา โดยกล่าวว่า คุณภาพ การสอนเป็นตัวแปรระดับโรงเรียนที่ส่งผลทางบวกต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ และยัง สอดคล้องกับ สิทธิพันธ์ ชูช่ืน (2556) ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชา ภาษาอังกฤษของนักเรียนฝ่ายการศึกษานานาชาติข้ันพ้ืนฐาน โรงเรียนสาธิต “พิบูลบาเพ็ญ” มหาวทิ ยาลัยบูรพา โดยพบวา่ คณุ ภาพการสอนของครูมรี ะดับความสมั พันธ์มากท่สี ุด รองลงมา ได้แก่ สื่อและอุปกรณ์ในการเรียน และความเป็นผู้นาทางวิชาการของผู้บริหาร ท้ังนี้อาจเป็นเพราะผู้เรียน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง มีความแตกต่างทางด้านความรู้ พ้ืนฐาน อายุ อาชีพ ฐานะความเป็นอยู่และมีข้อจากัดในเร่ืองเวลาเรียน ดังน้ันการจัดการเรียนการ สอน โดยครู กศน.ตาบล เป็นผู้จัดการเรียนการสอนอย่าง ครูมืออาชีพ สอดคล้องกับ สานักงาน 73 ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (2563 : 36 – 38) ที่ได้กาหนดนโยบายและ จุดเน้นการดาเนินงานสานักงาน กศน. ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยกาหนดเป็นภารกิจ ต่อเนื่อง ด้านการพัฒนาครู กศน. และบุคลากรที่เก่ียวข้องกับการจัดกิจกรรมการศึกษาและการ เรียนรู้: Good Teacher ให้เป็นตัวกลางในการเช่ือมโยงความรู้กับผู้รับบริการ มีความเป็น “ครูมือ อาชีพ” มีจิตบริการ มีความรอบรู้และทันต่อการเปล่ียนแปลงของสังคม เป็นผู้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ และบริหารจัดการความรู้ท่ีดี รวมทัง้ เปน็ ผปู้ ฏิบตั ิงานอยา่ งมีความสขุ ด้านท่ี 3 ปจั จยั ด้านครอบครัวและเพื่อน ผลการวจิ ยั พบว่ามรี ะดับความสาคัญอยใู่ นระดับ มาก ซ่ึงประกอบด้วย 1) การสนับสนุนของครอบครัวหรือผู้ปกครอง 2) ความสัมพันธ์ระหว่างเพ่ือน พบว่า การสนับสนุนของครอบครัวหรือผู้ปกครอง มีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมาก มีข้อค้นพบว่า การสนับสนุนของครอบครัวหรือผู้ปกครอง โดยครอบครัวหรือผู้ปกครอง ยอมรับหรืออนุญาตให้ ผู้เรียนตัดสินใจเร่ืองการศึกษาด้วยตนเอง และครอบครัวหรือผู้ปกครองให้อภัยเม่ือผู้เรียนเกิดความ ผิดพลาดอยู่มีความสาคัญในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ครอบครัวหรือผู้ปกครองมีความเข้าใจใน ความสามารถด้านการเรียนรู้ของผู้เรียน และครอบครัวหรือผู้ปกครอง ทาให้ผู้เรียนรู้สึกว่าเป็นคน สาคัญในครอบครัว และครอบครัวหรือผู้ปกครองจะให้กาลังใจผู้เรียนเมื่อมีปัญหาเร่ืองการเรียน ท้ังนี้ อาจเปน็ เพราะผู้เรยี นศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง เป็นผ้ทู ่ีพลาด โอกาสทางการศึกษาดังนั้นการได้รับความเข้าใจ กาลังใจจากคนในครอบครัวจึงเป็นปัจจัยสาคัญท่ีจะ ทาให้ผู้เรียนมีความพยายาม มีความอดทน และมุ่งม่ันท่ีจะพัฒนาตนเองให้ประสบความสาเร็จทาง การศึกษา ส่งผลให้มีผลสัมฤทธ์ิท่ีสูงข้ึน สอดคล้องกับ นิโรบล สุวัน (2556: 107) ศึกษาปัจจัยจาแนก การสาเร็จการศึกษาของนักศึกษา ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด เชยี งราย กลา่ วไว้ว่า ครอบครัวเปน็ สถาบนั ขัน้ พืน้ ฐาน ในการเสริมสรา้ งและสร้างพฤติกรรมของคนเรา

แม้กระทงั่ ในก้านการเรียน การสง่ เสริมและช่วยเหลือ จากคนในครอบครัวจึงมีอิทธิพลต่อความสาเร็จ ของนักศึกษาอย่างมาก Tocci and Engelhard (1991) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการสนับสนุน ทางการเรียนของผู้ปกครอง และเพศ ท่ีมีผลต่อเจตคติต่อวิชาคณิตศาสตร์ จากการศึกษา พบว่า นักเรียนที่ได้รับการสนับสนุนทางการเรียนจากผู้ปกครอง ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูง และสอดคล้อง กับ พัชสุดา กัลป์ยาณวุฒิ (2558) ได้ศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลกระทบต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ นักศึกษาระดับปวช. และระดับ ปวส. ของวิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ ปัจจัยที่ส่งผลต่อ การสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักศึกษาของวิทยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ ท้ัง 4 ด้าน เมื่อ พิจารณาโดยรวม มีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากเหมือนกัน โดยประเด็นท่ีมีความพึงพอใจมาก คือ ปัจจัยด้านครอบครัว ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมของวิทยาลัย ปัจจัยด้านครู และปัจจัยด้านผู้เรียน ตามลาดับ 74 ด้านที่ 2 ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ผลการวิจัยพบวา่ มีระดับความสาคัญอยู่ในระดบั มาก ซึง่ ประกอบด้วย 1) เจตคติและแรงจูงใจใฝส่ ัมฤทธ์ิ 2) พฤตกิ รรมการเรียนของผู้เรียน พบว่า เจต คติและแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ มีระดับความสาคัญอยู่ในระดับมาก มีข้อค้นพบว่า เจตคติและแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธ์ิ โดยผู้เรียนมีความต้องการเรียนเพื่อการมีอาชีพ มีงานทา อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ผู้เรียนมีความมุ่งม่ันที่จะเรียนให้สาเร็จภายใน 4 ภาคเรียน และผู้เรียนมีความต้องการท่ีจะยกระดับ การศึกษาของตนเองให้สูงข้ึน ทั้งน้ีอาจเป็นเพราะผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยอาเภออู่ทอง เปน็ ผู้ท่ีอยใู่ นวยั ทางาน ตอ้ งประกอบอาชพี เพื่อเลี้ยงครอบครวั และพลาดโอกาส ทางการศึกษา จึงต้องการยกระดับการศึกษาให้สูงข้ัน เพื่อการมีอาชีพ มีงานทา ต่อไป สอดคล้องกับ เสกสรรค์ ทองติ๊บและน้าเงิน จันทรมณี (2557) ศึกษาปัจจัยท่ีมีผลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนิสิต สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ผลการวิจัยพบวา่ ปัจจัยด้านเจคติต่อการเรียนของนิสิต โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และเม่ือพิจารณารายข้อ พบว่า นสิ ติ ชอบเรียนสาขาวิชาน้ใี นระดับมาก โดยนิสติ คดิ ว่าการเรียนสาขาวิชาน้ที าใหม้ อี นาคตท่ีดี และนสิ ติ สามารถเรียนหรือทางานท่ีได้รับมอบหมายเพ่ือให้สาเร็จตามเป้าหมายท่ีวางไว้ได้ด้วยตนเอง และ พฤติกรรมการเรียนของผู้เรียน พบว่า ผู้เรียนต้ังใจฟังครูสอนเป็นประจา อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ผู้เรียนส่งงานท่ีรับมอบหมายครบตามกาหนดเวลา และผู้เรียนซักถามครูผู้สอนเมื่อไม่ เข้าใจเนือ้ หา 5.3 ขอ้ เสนอแนะ จากการศึกษาวิจัยเรื่อง ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอก

ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะเพื่อเป็นประโยชน์ในการนา ขอ้ มูลสารสนเทศไปใชใ้ นสถานศกึ ษา ดงั นี้ 5.3.1 ข้อเสนอแนะการนาผลการวจิ ัยไปใช้ จากผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านลักษณะส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการจัด การศึกษา ปัจจัยด้านครอบครัวและเพื่อน ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของผู้เรียนศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบุรี อยู่ในระดับมาก และปัจจัยด้านการจัดการศึกษา ซ่ึง ประกอบด้วย 1) การจัดการเรียนการสอน 2) การบริหารจัดการ 3) หลักสูตรสถานศึกษา มีความสาคัญมากท่ีสุดท่ีที่จะส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของผู้เรียน ดังนั้นผู้วิจัยจึงขอเสนอแนะ การนาผลการวิจัยไปใช้ ดงั น้ี 75 5.3.1.1 ควรนาจากผลการวิจัยไปใช้ในการจัดทาแนวทางการยกระดับผลสัมฤทธ์ิ ทางการเรียน โดยวิธีการ Focus Group ระหว่าง ผู้บริหาร ครู ผู้เรียน และผู้ปกครอง เพื่อหาวิธีการ การยกระดบั ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนร่วมกัน 5.3.1.2 ควรพัฒนาด้านการจัดการเรียนการสอน แบบActive Learning ซึ่งเป็น กระบวนการจัดการเรยี นรู้ตามแนวคิดการสรา้ งสรรค์ทางปัญญา(Constructivism) ท่เี น้นกระบวนการ เรียนรู้มากกว่าเนื้อหาวิชา เพ่ือช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้ หรือสร้างความรู้ให้เกิดขึ้นใน ตนเอง ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่านส่ือหรือกิจกรรมการเรียนรู้ ที่มีครูผู้สอนเป็นผู้แนะนา กระตุ้น หรืออานวยความสะดวก ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ข้ึน โดยจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ แลกเปล่ียนเรียนรู้ ใช้กระบวนการกลุ่ม และการทาโครงงาน ครูมีการประเมินความสามารถของ ผเู้ รยี นในด้านการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และการเขยี นครูมีการจดั กระบวนการเรียนรู้ทีเ่ น้นผู้เรียนเป็น สาคัญ 5.3.1.3 ควรพัฒนาด้านการบริหารจัดการ โดยผู้บริหารและบุคลาการทาง การศึกษาช้ีแนะแนวทางในการแสวงหาความรู้ เสริมแรง และกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นท่ี จะเรยี นรู้ ส่งเสรมิ สนบั สนุนการจัดกิจกรรมทางวิชาการให้กบั ผ้เู รียนอยา่ งสม่าเสมอ ส่งเสรมิ สนบั สนุน ใหม้ รี ะบบดูแลชว่ ยเหลอื ผ้เู รยี น 5.3.1.4 ควรพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา โดยพัฒนาหลักสูตรที่ส่งเสริมความรู้ ความสามารถของผเู้ รยี นได้อย่างเหมาะสม มกี ารนาภูมิปญั ญาท้องถิ่น มาใช้ในการจัดการเรียนรู้ ให้กับ ผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม และมีการกาหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายอย่างชัดเจน หลักสูตรส่งเสริม ความประพฤติ ทกั ษะ และเจตคติในการที่จะอยูร่ ่วมกันในสงั คม

5.3.2 ขอ้ เสนอแนะเพอื่ การวิจัยครง้ั ต่อไป ควรมีการศึกษาความสัมพันธ์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน ของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดสุพรรณบรุ ี บรรณานกุ รม กระทรวงศึกษาธกิ าร. 2551.หลักสตู รสถานศกึ ษา หลกั สตู รการศึกษานอกระบบ ระดับการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551. พมิ พค์ รง้ั ท่ี 1. กรุงเทพมหานคร: กลุ่มพฒั นาการศกึ ษานอกโรงเรียน สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย. กระทรวงศกึ ษาธิการ. 2562.พระราชบญั ญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542, แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 2)พ.ศ.2545, แกไ้ ขเพม่ิ เติม (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ.2553 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ. 2562.กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค์ ุรสุ ภา. กรุณา ภู่มะลิ, ทวีศิลป์ กุลนภาดล, ผดุงชัย ภู่พัฒน์ และนิวัตต์ น้อยมณี. 2557. ปัจจัยการบริหารที่ส่งผล ตอ่ ประสิทธผิ ลของโรงเรยี นขนาดเลก็ ในภาคตะวนั ออก. วารสารบัณฑติ ศึกษา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถมั ภ์. เกล้า จักทอน. 2553. ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทยของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา ปีท่ี 6 สงั กัดสานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2. วิทยานิพนธ์ ครศุ าสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาวจิ ัยและประเมนิ ผลการศึกษามหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบูรณ์. จตุรภัทร ประทุม. 2559. ปัจจัยท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่ การศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 27. วิทยานิพนธ์การศกึ ษามหาบณั ฑิตสาขาวชิ าการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์มหาวทิ ยาลัยบรู พา. ชนิดา ยอดสาลี และกาญจนา บุญส่ง. 2559. ปัจจัยท่สี ่งผลตอ่ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นของนักเรียน ในสังกัดสานกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาประจวบคีรขี ันธ์ เขต 2. มนษุ ยศาสตรส์ งั คมศาสตร์ และศลิ ปะ9(1)1208-1223. ชัยยา น้อยนารถ. 2554.พฤตกิ รรมการเรียนและเจตคตขิ องนกั ศึกษาที่มีผลต่อผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น

วิชาสถติ ิพนื้ ฐานของนักศึกษา. คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง. ดวงเดือน แก้วฝ่าย. 2558. ปจั จัยการบรหิ ารงานวชิ าการทีส่ ง่ ผลตอ่ คณุ ภาพผู้เรียนในโรงเรียน สงั กัดสานักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาสกลนคร เขต 3. วทิ ยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษาบณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สกลนคร. ทัศนาวลยั ตนั ติเอกรัตน์.2559. การศกึ ษาพฤตกิ รรมการเขา้ เรยี นกบั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นวิชาการคดิ และการตัดสินใจของนกั ศกึ ษา. มหาวิทยาลยั สวนดุสิต ศนู ยต์ รัง. 77 ธวชั ชยั ศุภดิษฐ์. 2556. ปจั จัยทม่ี ีผลต่อผลสมั ฤทธิข์ องการเรียนในระดบั ปริญญาโท ของสถาบนั บัณฑติ พัฒนบริหารศาสตร์ ปีการศึกษา 2554. กรุงเทพฯ: สถาบันบัณฑติ พฒั นบรหิ ารศาสตร์. ธิติพนต์ ระลอกแก้ว.2562.รายงานการพัฒนาแนวทางการบริหารการยกระดับผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียนจากการทอดสอบทางการศกึ ษาระดบั ชาติ ดา้ นการศกึ ษานอกโรงเรียน (N-net)ของสถานศึกษา ในสงั กัด สานกั งาน กศน.จังหวัดปราจีนบุร.ี เอกสารวชิ าการ. บุญชม ศรีสะอาด และบุญส่ง นิลแกว้ . 2535. รูปแบบของผลการเรยี นในโรงเรียน. กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ ประสานมติ ร. บุศรา เต็มรัศมี. 2558. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สังกัดสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา มัธยมศกึ ษา เขต 10.วทิ ยานิพนธ์การศึกษามหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบรู พา. ปัญญา ปัญญากันเกตุ. 2558. ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยของ นักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 สงั กัดสานักงานเขตพนื้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาระยอง เขต 2. วทิ ยานิพนธก์ ารศึกษามหาบณั ฑิตสาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษาบัณฑติ วทิ ยาลัยมหาวิทยาลยั บรู พา. ผกามาศ คงเกอ้ื . 2561. ปัจจยั ท่สี ง่ ผลต่อผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นของนักเรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 โรงเรียนเตรยี มอดุ มศึกษานอ้ มเกลา้ สมทุ รปราการ. สังกดั สานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 6. งานนิพนธ์นีเ้ ป็นส่วนหนง่ึ ของการศึกษาตามหลกั สตู รการศกึ ษามหาบัณฑติ สาขาวิชาการบริหารการศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา. พศิ ิษฐ์ ชานาญนา. 2558. ปจั จัยทส่ี ง่ ผลต่อผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนของผู้เรยี นคณะวิชาการตลาด วทิ ยาลยั พณชิ ยการธนบรุ ี สังกดั สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา.

วิทยานพิ นธก์ ารศึกษามหาบณั ฑิตสาขาวิชาการจัดการอาชีวศกึ ษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั รามคาแหง. พรชยั ทมุ พงั . 2558. ปจั จยั ที่สง่ ผลต่อผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นวิชาคณิตศาสตรข์ องนักเรียน ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรียนน้าโสมพิทยาคม สงั กดั สานกั งานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 2. วิทยานิพนธก์ ารศึกษามหาบัณฑติ สาขาวิชาการบริหารการศึกษาคณะศกึ ษาศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพา. พรพรรณ แกว้ ฝ่าย. 2556. ปจั จัยที่สง่ ผลต่อผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของนักเรยี นโรงเรยี นบ้านหว้ ยชนั สังกัดสานกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2. งานนิพนธก์ ารศกึ ษามหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการบริหารการศึกษาคณะศกึ ษาศาสตร์มหาวิทยาลยั บรู พา. 78 พรสิรินทร์ หาเรอื นทรงและพชร วังมี. 2559. ปัจจัยท่ีสง่ ผลตอ่ ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรยี น วชิ าภาษาองั กฤษช้นั มัธยมปีท่ี 6 โรงเรยี นสาธติ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสวนสนุ นั ทา. รายงานการวจิ ยั มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสุนนั ทา. พัชสุดา กลั ปย์ าณวุฒิ. 2558. ปจั จยั ที่สง่ ผลกระทบต่อผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นของนักศึกษา ระดบั ปวช. และ ระดบั ปวส. ของวิทยาลยั เทคโนโลยีพายัพและบริหารธรุ กิจ. เชยี งใหม่: วทิ ยาลัยเทคโนโลยีพายัพและบริหารธุรกิจ. พวงรตั น์ ทวีรัตน์. 2551. วธิ ีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์ และสังคมศาสตร์ (พมิ พค์ รง้ั ท่ี 7). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. โรบล สุวนั . 2556. ศกึ ษาปจั จัยจาแนกการสาเร็จการศกึ ษาของนักศกึ ษา. ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั เชยี งราย. วราภรณ์ ลวงสวาส. 2561. ปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสังกัดสานักงานเขต พ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิตสาขาวิชาการบริหาร การศกึ ษา คณะศึกษาศาสตร์มหาวทิ ยาลัยบูรพา. วิไลลกั ษณ์ สายเสน่ห์. 2554. การศกึ ษาพฤตกิ รรมการเรียนรขู้ องนกั ศึกษาชัน้ ที่ป่ี 1 ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยธุรกจิ บณั ฑิต. วิไลวรรณ วรางคณากูล. 2556. ปัจจัยด้านการบริหารงานวิชาการที่ส่งผลต่อผลการทดสอบทาง การศึกษาระดับชาติขั้นพ้ืนฐานของนักเรียนระดับประถมศึกษา สังกัดสานักการศึกษา กรงุ เทพมหานคร.วิทยานพิ นธศ์ กึ ษาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษาบณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. ศกั ดิ์ไทย สุรกิจบวร. 2556. ครูมอื อาชีพ: สิ่งจาเป็นทค่ี วรมีและควรเป็น.คน้ วันท่ี 26 ตุลาคม 256 จาก http://jakreenoi.blogspot.com/2013/09/blog-post.html.

สถาพร พฤฑฒกิ ุล. 2558. คณุ ภาพผู้เรียนเกิดจากกระบวนการเรียนรู้. เอกสารประกอบการฝกึ อบรม. คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวิทยาลัยบรู พาวทิ ยาเขตสระแกว้ . สิทธิพันธ์ ชูชื่น. 2556. การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนวิชาภาษาอังกฤษของ นกั เรียน ฝา่ ยการศึกษานานาชาตขิ ัน้ พ้ืนฐาน โรงเรยี นสาธติ “พบิ ลู บาเพญ็ ”มหาวทิ ยาลยั บูรพา. วทิ ยานิพนธ์การศกึ ษามหาบณั ฑิตสาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บูรพา. สทุ ธินี ทองหล่อ. 2552. ปัจจยั ด้านการจัดการเรียนรแู้ ละปัจจัยดา้ นผเู้ รยี นท่ีสง่ ผลตอ่ ความสามารถ ในการเรยี นรู้ด้วยการนาตนเอง ของนสิ ิตคณะแพทย์ มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. ปริญญานพิ นธก์ ารศกึ ษามหาบณั ฑติ สาขาวิชาการวิจยั และสถิติทางการศึกษาบัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ. 79 สุรศกั ด์ิ ศริ อิ ดุ มโชค. 2557. ปัจจยั การบริหารวิชาการท่มี ีตอ่ ผลการทดสอบการศกึ ษาระดบั ชาติ ข้ันพ้ืนฐานของนกั เรยี นระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ สานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษา เขต 6. วิทยานพิ นธก์ ารศกึ ษามหาบณั ฑติ สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษาบัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั บูรพา. สุพชิญก์ฤตา พักโพธิ์เย็น. 2560. ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนักศึกษาระดับ บณั ฑติ ศึกษา สาขาวชิ าหลักสตู รและการสอน มหาวทิ ยาลัยธรุ กจิ บณั ฑิตย์. กรงุ เทพฯ:มหาวทิ ยาลยั ธรุ กจิ บณั ฑติ ย.์ เสกสรรค์ทองติ๊บและน้าเงิน จันทรมณี. 2557. ศกึ ษาปจั จยั ที่มีผลต่อผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของนิสติ สาขาวชิ าอาชีวอนามัยและความปลอดภัย. คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั พะเยา. อญั ชลี สกุลอนิ ทร์.2561. ปัจจัยทีส่ ่งผลตอ่ ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนของนักเรียนชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 สงั กดั สานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาขอนแก่น เขต 2. วทิ ยานพิ นธก์ ารศกึ ษามหาบัณฑิต สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษาคณะศึกษาศาสตร์มหาวทิ ยาลัยบูรพา. Al-Kadri, H. M., Al-Kadi, M. T., Van Der Vleuten, C. P. 2013.Workplace-based assessment and students' approaches to learning: A qualitative inquiry. Med Teach. 2013; 35 Suppl 1:S31-8. Bal, M., &Baruss, I. 2011. Perceived parental attachment and achievement motivation. Psychol Rep, 109(3), 940-8. Batista,E.E.1976. The Place of Colleague in The Appraisal of Collage Teaching : A Keriew of Liferature Education. Research in Higher. Bloom, Benfamin S. 1976.Human Chartacteristics and School Learning. New York: McGraw-Hill. Debevoise, W. 1984.Synthesis of research on the principal as instructional leader.

Educational Leadership, 42(2A), 14-20. Iritani, B. J., Cho, H., Rusakaniko, S., Mapfumo, J., Hartman, S., &Hallfors, D. D. 2016. Educational outcomes for orphan girls in Rural Zimbabwe: Effects of a school support intervention.Health Care Women Int, 37(3), 301-22. Gallessich, J. 1970. An investigation of correlates of academic: Success of freshman engineering students.Journal of Counselling Psychology, 17, 173. Kiamanes, A. R. H. 2004. Factor affecting Iranin student achievement in mathematics. Iran: Teacher Training University. Krug, S. E. 1992. Instructional leadership: A constructivist perspective. Educational Administration Quarterly, 28, 430-443. 80 Liddicoat, J. P. 1972. Differences between under and overachieveversat a small liberal arts women’s College. Dissertation Abstracts International, 32(8), 6133-A. McCrory, R., & Zhang, C. 2009. Factora in the achievement of preservice elementary teachers in mathematics classes. Michigan: Michigan State University. Park JH, Lee E, Bae SH. 2010. Factors Influencing Learning Achievement of Nursing Students inE-learning. Apr;40(2):182-190. Korean. Shashidhar, S., Rao, C., &Hegde, R. 2009.Factors affecting scholastic performances of adolescents.Indian J Pediatr. 2009 May;76(5):495-9. Tapola, A, &Niemivirta, M. 2008.The role of achievement goal orientations in students'perceptions of and preferences for classroom environment. Br J Educ Psychol.2008Jun;78(Pt 2):291-312. Tocci, C. M., & Engelhard, G. 1991. Achievement, parental support and gender. Journal of Education, 84, 280-286. Shah, F. 1971.Socio-psychological determinant of academic achievement of children in Pakistan.Dissertation Abstracts International, 31(2), 6688-A. Simzar, R. M., Martinez, M., Rutherford, T., Domina, T., & Conley, A. M. 2015.Raising the stakes: How students' motivation for mathematics associates with high-and low-stakestest achievement. Learn Individ Differ. 2015 Apr;39:49-63. Surcek, L. J. 1992. Perceived parental influence, accommodated learning style preferences and student’s attitudes toward learning as they relate to reading and mathematics achievement. Dissertation Abstracts International, 52(2), 395-A Young, D. J., & Walberg, H. J. 1996. Science achievement and educational roductivity: A hierarchical linear model. Journal of Educational Research, 89(5), 272-278.

Zendarski, N., Sciberras, E., Mensah, F., &Hiscock, H. 2017.Early high school engagement instudents with attention/deficit hyperactivity disorder. Br J Educ Psychol. 2017 Jun;87(2):127-145. Zigler, E, Finn-Stevenson, M. 2007.From research to policy and practice: The school of the 21st Century. Am J Orthopsychiatry. 2007 Apr;77(2):175-181. ภาคผนวก

ภาคผนวก ก รายนามผู้เช่ยี วชาญตรวจสอบคณุ ภาพเคร่อื งมอื

84 รายนามผเู้ ช่ยี วชาญตรวจสอบคุณภาพเคร่อื งมอื 1. นายวราวุธ พยัคฆพงษ์ ผู้อานวยการ สถาบนั กศน.ภาคกลาง 2. นางสาวจนั ทรท์ พิ ย์ สินธุวงษานนท์ รองผูอ้ านวยการจงั หวดั สุพรรณบรุ ี 3. นางอัชญา แจ่มถาวร ขา้ ราชการบานาญ 4. นางสิรี ศรีพุฒตาล ขา้ ราชการบานาญ 8. นางสาวภาวนีย์ อุนนาทรวรางกรู ขา้ ราชการชานาญการพิเศษ

ภาคผนวก ข แบบสอบถามเพอื่ การวจิ ยั

86 แบบสอบถามเพ่ือการวิจยั เรื่อง ปัจจัยทสี่ ง่ ผลต่อผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนของผเู้ รียน ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกดั สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั สพุ รรณบุรี คาชแี้ จงเก่ียวกบั แบบสอบถาม 1. แบบสอบถามชุดน้ีมีจุดประสงค์เพ่ือศึกษาปัจจัยท่ีส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภออู่ทอง สังกัดสานักงาน ส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวดั สพุ รรณบรุ ี 2. แบบสอบถามชุดน้ี แบ่งเป็น 3 ตอน ดังนี้ ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู สถานภาพท่วั ไป ตอนที่ 2 ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนศูนย์การศึกษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภออู่ทอง สังกดั สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี ตอนที่ 3 ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะเพมิ่ เติม ผวู้ จิ ัยขอขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาใหค้ วามรว่ มมอื ในการตอบแบบสอบถาม ในครั้งนเี้ ป็นอยา่ งย่งิ และกรุณาตอบแบบสอบถามตามความเป็นจริงและตรงกบั ความคดิ เห็นของท่าน มากที่สดุ ตอนท่ี 1 ข้อมลู สถานภาพทว่ั ไป คาชแ้ี จง โปรดทาเครอื่ งหมาย  ลงใน  หนา้ ข้อความท่ตี รงกับความเปน็ จรงิ มากทส่ี ดุ 1. เพศ  2. หญงิ  1. ชาย

2. อายุ  1. ตา่ กว่า 15 ปี  2. 15 – 24 ปี  3. 25 – 34 ปี  4. 35 ปี ข้นึ ไป 3. ระดบั การศึกษา  1. ประถมศึกษา  2. มธั ยมศึกษาตอนตน้  3. มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 4. อาชีพ  1. ขา้ ราชการ / พนักงานรฐั วิสาหกจิ  2. พนักงานบริษทั เอกชน / ลูกจ้าง  3. ธรุ กิจสว่ นตวั / คา้ ขาย  4. อื่น ๆ (โปรดระบุ)............................. 87 5. รายไดต้ ่อเดือน  1. ไมม่ ีรายได้  2. ตา่ กว่า 5,000 บาท  3. 5,000 – 10,000 บาท  4. มากกว่า 10,000 บาท ตอนที่ 2 ปัจจัยท่สี ่งผลตอ่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของผเู้ รยี นศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษา ตามอัธยาศยั อาเภออ่ทู อง สงั กดั สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี คาช้ีแจง โปรดอ่านข้อความอย่างละเอียดและทาเครื่องหมาย  ลงใน  ที่ตรงกับความคิดเห็น ของผ้เู รยี นมี 5 ระดับ ดงั น้ี 5 หมายถงึ สาคัญมากทส่ี ดุ 4 หมายถึง สาคัญมาก 3 หมายถึง สาคัญปานกลาง 2 หมายถึง สาคญั น้อย 1 หมายถงึ สาคญั นอ้ ยทีส่ ดุ ข้อความ ระดบั ความสาคัญต่อผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน 5 4321 มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยทส่ี ดุ

ดา้ นที่ 1 ปจั จัยด้านลกั ษณะส่วนบุคคล 1.เจตคตแิ ละแรงจูงใจใฝส่ มั ฤทธิ์ 1.1 ผเู้ รยี นมีความรู้สึกกระตือรือรน้ ทกุ คร้งั ท่ีจะเขา้ เรยี น 1.2 ผ้เู รยี นมคี วามสนใจในการเรยี น 1.3 ผู้เรยี นมคี วามพยายามท่ีจะเรยี น เพ่ือให้ตนเองมีความรู้ เพิ่มมากขน้ึ 1.4 ผู้เรยี นมคี วามสุขเมื่อได้เรยี นหนงั สือ 1.5 ผ้เู รยี นมคี วามม่งุ มัน่ ทีจ่ ะเรยี นใหส้ าเรจ็ ภายใน 4 ภาค เรียน 1.6 ผเู้ รียนมคี วามต้องการท่ีจะยกระดับการศึกษาของ ตนเองใหส้ ูงขึน้ ระดับความสาคญั ตอ่ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ขอ้ ความ 5 4321 มากทสี่ ดุ มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยทสี่ ดุ 1.7 ผเู้ รียนมีความตอ้ งการเรยี นเพ่อื การมอี าชพี มงี านทา 1.8. ผ้เู รยี นสามารถทุม่ เทเวลา และความรู้ความสามารถ เพื่อให้ มผี ลงาน และผลการเรียนทด่ี ี 2.พฤตกิ รรมการเรยี นของผเู้ รียน 2.1 ผเู้ รยี นเขา้ เรยี นตรงเวลา 2.2 ผเู้ รยี นไมเ่ คยขาดเรยี น 2.3 ผู้เรยี นทบทวนความร้ทู กุ คร้ังหลงั เรยี น 2.4 ผเู้ รยี นตง้ั ใจฟังครสู อนเปน็ ประจา 2.5 ผูเ้ รยี นส่งงานที่รบั มอบหมายครบตามกาหนดเวลา 2.6 ผเู้ รียนซักถามครผู ู้สอนเมือ่ ไมเ่ ขา้ ใจเนื้อหา 2.7 ผู้เรยี นศกึ ษาคน้ ควา้ เพิ่มเตมิ นอกเหนือจากทคี่ รูสอนในกศน. ตาบล 2.8 ผเู้ รียนสรปุ สาระสาคญั ทีค่ รสู อนเป็นประจา

88 ด้านท่ี 2 ปัจจัยด้านการจัดการศึกษา 1.หลักสตู รสถานศกึ ษา 1.1 หลักสตู รมีการกาหนดวัตถปุ ระสงคห์ รอื เป้าหมายอย่าง ชดั เจน 1.2 หลักสูตรส่งเสรมิ ความรู้ ความสามารถของผู้เรียนได้อย่าง เหมาะสม 1.3 หลกั สตู รส่งเสรมิ ความประพฤติ ทกั ษะ และเจคคติในการที่ จะอยู่รว่ มกัน ในสังคม 1.4 หลกั สตู รมคี วามยดื หยุ่น ตรงกบั ความตอ้ งการของ ผเู้ รยี น ระดับความสาคัญต่อผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ข้อความ 5 4 32 1 มากทีส่ ุด มาก ปานกลาง น้อย นอ้ ยทสี่ ดุ 1.5 หลักสตู รได้มีการนาภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น มาใชใ้ นการจัดการ เรยี นร้ใู หก้ ับผู้เรียน ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 1.6 หลักสูตรสามารถพฒั นาผ้เู รยี นใหม้ ีความ สามารถในการคดิ วิเคราะห์ คดิ อย่างมวี ิจารณญาณและ แลกเปล่ียนความคิดเหน็ ร่วมกบั ผู้อนื่ 1.7 หลกั สตู รมีการกาหนดวธิ ีการวัดผลประเมินผลท่สี อดคลอ้ ง กับจุดมงุ่ หมายของหลกั สตู ร 1.8 หลักสตู รของสถานศกึ ษาได้รับการเผยแพร่ประชาสัมพนั ธ์ ให้กับผปู้ กครอง ผ้เู รยี น หน่วยงานทเ่ี ก่ยี วขอ้ งได้ทราบ 2. การจัดการเรียนการสอน 2.1 ครูมีการเตรยี มการสอนล่วงหนา้ และช้แี จงแผนการสอน 2.2 ครูมกี ารจัดกระบวนการเรยี นรู้ที่เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ

89 2.3 ครูมกี ารสร้างบรรยากาศทจี่ งู ใจ และกระตุน้ ให้ผเู้ รียนอยาก เรียนรู้ 2.4 ครจู ดั กิจกรรมให้ผเู้ รยี นคดิ วเิ คราะห์ แลกเปลีย่ นเรียนรู้โดยใช้ กระบวนการกล่มุ และการทาโครงงาน 2.5 ครูมีการนาสอ่ื ทมี่ ีความหลากหลาย ทนั สมยั นา่ สนใจ เหมาะสมกับวยั สอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงคก์ ารเรยี นรู้ของ หลกั สูตร ง่ายต่อการนาไปใชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 2.6 มกี ารใชแ้ หล่งเรยี นรู้ ภูมิปญั ญาในทอ้ งถิน่ มาจัดกิจกรรมการ เรียนการสอน 2.7 ครมู กี ารวดั และประเมนิ ผลด้วยวธิ กี ารทีห่ ลากหลาย โดย 90 สอดคลอ้ งและ ครอบคลมุ มาตรฐานการศกึ ษาท่กี าหนดใน หลกั สตู ร ขอ้ ความ ระดับความสาคญั ต่อผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน 5 4321 มากที่สุด มาก ปานกลาง นอ้ ย น้อยท่สี ดุ 2.8 ครมู กี ารประเมินความสามารถของผู้เรยี นในดา้ นการอา่ น การคดิ วเิ คราะห์ และการเขยี น 3. การบรหิ ารจัดการ 3.1 ส่งเสริมสนบั สนนุ การจัดกจิ กรรมทางวชิ าการให้กับผ้เู รยี น อย่างสมา่ เสมอ 3.2 จัดใหม้ ีการบริการอินเตอร์เนต็ ท่รี วดเร็วและพอเพยี งต่อ การศึกษาคน้ ควา้ 3.3 การสนบั สนนุ จัดหาสื่อ วสั ดอุ ปุ กรณ์ท่อี านวยความสะดวก ในการเรยี นการสอน 3.4 สนบั สนนุ ใหจ้ ดั บรรยากาศใหเ้ อ้ือต่อการเรียนรู้ 3.5 ชี้แนะแนวทางในการแสวงหาความรู้ เสริมแรง และกระตนุ้ ใหผ้ ู้เรียน มีความกระตอื รือรน้ ที่จะเรียนรู้ 3.6 ส่งเสริมสนบั สนนุ ให้มีระบบดแู ลช่วยเหลือผู้เรียน