Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore MK001-หนังสือชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร

MK001-หนังสือชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร

Description: MK001-หนังสือชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร

Search

Read the Text Version

พระนพิ นธ์ สมเด็จพระญาณสงั วร สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก



ทร่ี ะลึกพธิ ที �ำบุญอทุ ศิ สว่ นกุศล แก่ผู้ป่วยที่เสียชวี ิต ในโรงพยาบาลสงขลานครนิ ทร์ ๒๒ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๗ โดย... โรงพยาบาลสงขลานครนิ ทร์



สารบัญ ๗ ๑๓ พงึ่ ผิดท่ชี ีวติ ยอ่ มมภี ัย ๑๗ ความสุขอยทู่ ่ไี หน ? ๒๗ เง่อื นไขของความสขุ สุจรติ ธรรม เหตุแหง่ ความสุขทีแ่ ทจ้ ริง



พ่ึงผิด ท่ีชีวิตย่อมมีภัย ภัยของชีวิตโดยตรงคือกิเลส กล่าวอย่างสามัญ คอื โลภะ ความอยากได้ โทสะ ความขดั เคอื ง โมหะ ความหลง เรียกกันส้ันๆ ว่า โลภโกรธหลง ส�ำหรับ ภูมคิ ฤหัสถ์ หมายถงึ ทเ่ี ปน็ มูลให้ประพฤติชัว่ เรยี กวา่ กิเลสภยั ๑ อกศุ ลทจุ รติ บาปกรรม เรียกวา่ ทุจริตภยั ๑ ทางด�ำเนินที่ช่ัวประกอบด้วยทุกขเ์ ดอื ดรอ้ น เรียกวา่ ทคุ ตภิ ยั ๑ ทง้ั ๓ นเ้ี ปน็ เหตผุ ลเนอ่ื งกนั คอื กเิ ลสเปน็ เหตุให้ประกอบทุจริต ทุจริตก็ส่งไปสู่ทุคติ ภัยเหล่าน้ี บุคคลน่ันเองก่อข้ึนแก่ตน คือก่อกิเลสขึ้นก่อน แล้วก็ กอ่ กรรม กอ่ ทกุ ขเ์ ดอื ดรอ้ น ทงั้ นเ้ี พราะระลกึ แลน่ ไปผดิ จะกลา่ ววา่ ถงึ สรณะผดิ กไ็ ด้ คอื ถงึ กเิ ลสเปน็ สรณะ ไดแ้ ก่

8 ชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร ระลึกแล่นไปถึงสิ่งที่เป็นเครื่องก่อโลภโกรธหลง เช่น แก้วแหวนเงินทองลาภยศเป็นต้น ที่ไม่ควรได้ควรถึง แกต่ น จะกลา่ ววา่ ถงึ ลาภยศเชน่ นนั้ เปน็ สรณะกไ็ ด้ ดว้ ย จ�ำแนกออกเปน็ สง่ิ ๆ และระลกึ แล่นไปถึงบุคคลผ้มู โี ลภ โกรธหลงว่าผู้นั้นเป็นอย่างน้ันผู้น้ีเป็นอย่างน้ีและถือ เอาเป็นตัวอย่าง ถึงกรรมที่เป็นทุจริตเป็นสรณะ คือ ระลึกแล่นไปเพื่อฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เพื่อลักขโมยฉ้อโกง เพื่อประพฤติผดิ ในทางกาม เพอ่ื พดู เทจ็ เพอื่ ด่ืมนำ�้ เมา อนั เปน็ ทตี่ ง้ั แหง่ ความประมาท หรอื ระลกึ แลน่ ไปในทาง อบายมขุ ตา่ งๆ เมอ่ื จติ ระลกึ แลน่ ไปเชน่ น้ี กเ็ ปน็ ผเู้ ขา้ นงั่ ใกล้กิเลสทุจริตนั้นๆ ด้วยจิตก่อน แล้วก็เข้านั่งใกล้ ด้วยกาย ด้วยประพฤติทุจริตนั้นๆ ทางกายวาจาใจ ทางด�ำเนินของตนจึงเป็นทุคติต้ังแต่เข้าน่ังใกล้กิเลส ทุจริตในปจั จบุ นั น้ที ีเดยี ว คนเปน็ ผูก้ ่อภยั ขนึ้ แกต่ นดว้ ย ตนเอง เพราะถึงสรณะท่ีผิดฉะนี้ และเพราะมีกิเลส กำ� บงั ปญั ญาอยู่ จงึ ไมร่ วู้ า่ เปน็ ภยั สว่ นผทู้ ถ่ี งึ พระพทุ ธเจา้ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ ที่ระลึกแล่นไปของจิต ตลอดถึงน�ำกายเข้านั่งใกล้เป็นอุบาสกอุบาสิกาของ

พึ่งผิดที่ชีวิตย่อมมีภัย 9 พระพุทธเจ้า ย่อมเป็นผู้ไม่ก่อภัยเหล่าน้ี เพราะ พระรัตนตรัยเป็นท่ีระลึกท่ีไม่ก่อภัยทุกอย่างจึงเป็นผู้ ละภัยได้ อน่ึง ผู้ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็น สรณะเขา้ นง่ั ใกลพ้ ระรตั นตรยั ยอ่ มเปน็ ผใู้ ครป่ รารถนา ธรรม ที่เรียกว่าธรรมกามบุคคล จึงเป็นผู้พอใจ ขวนขวายและต้ังใจสดับฟังธรรม จึงได้ปัญญารู้ธรรม ยิ่งขึ้นโดยล�ำดับ ความรู้ธรรมนั้น กล่าวโดยตรงก็คือ รสู้ จั จะ สภาพทจ่ี รงิ กลา่ วอยา่ งสามญั ไดแ้ ก่ รวู้ า่ อะไร ดีมีคุณมีประโยชน์ เป็นบุญเป็นกุศลเป็นทางเจริญ อะไรชั่วเป็นโทษไร้ประโยชน์ เป็นบาปเป็นอกุศลเป็น ทางเสอ่ื มเสยี อะไรเปน็ วธิ ที จ่ี ะละหลกี ทางเสอื่ มเสยี นนั้ ๆ ดำ� เนนิ ไปสทู่ างเจริญ กลา่ วอีกนยั หน่ึง กค็ อื ร้อู ริยสจั จ์ แปลว่าของจริงของพระอริยะ คือรู้จักทุกข์ รู้จักเหตุ เกดิ ทุกข์ รจู้ ักความดบั ทุกข์ รู้จกั ทางปฏบิ ตั ใิ ห้ถึงความ ดับทุกข์ หลักอริยสัจจ์นี้อาจน้อมมาใช้เพื่อแก้ทุกข์ใน โลกได้ทั่วไป และเป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงส่ังสอน แกผ่ ทู้ ่ียังเกลอื กกล้ัวอย่ดู ้วยทุกข์ และมีความปรารถนา

10 ชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร เพ่ือจะเปลื้องทุกข์ออกจากตนเพราะหลักอริยสัจจ์เป็น หลักของเหตุผล ผลตา่ งๆ นั้นย่อมเกดิ แต่เหตุ เมื่อจะ เปล่ียนแปลงผลก็ต้องเปล่ียนแปลงเหตุหรือแก้เหต ุ ผกู้ ลา่ ววา่ ไมต่ อ้ งการผลอยา่ งนๆ้ี แตย่ งั ประกอบเหตเุ พอ่ื ใหเ้ กดิ ผลอยา่ งนนั้ อยู่ ไมส่ ามารถจะพน้ จากผลอยา่ งนนั้ ได้ เช่น กล่าวว่าไม่ต้องการความเส่ือมทรัพย์ แต่ก็ ด�ำเนินไปในอบายมุขมีเป็นนักเลงการพนัน เป็นต้น ก็ต้องประสบความเสื่อมทรัพย์อยู่นั่นเอง กล่าวว่า ไมต่ อ้ งการความววิ าทบาดหมางในระหวา่ งแตย่ งั ประพฤติ ก่อเหตุวิวาทอยู่ ก็คงต้องวิวาทกันอยู่น่ันเอง กล่าวว่า ไมต่ อ้ งการทคุ ติ แตย่ งั ประพฤตทิ จุ รติ อยู่ กค็ งตอ้ งประสบ ทคุ ตอิ ยนู่ น่ั เอง กลา่ ววา่ ไมอ่ ยากแกเ่ จบ็ ตาย แตย่ งั ยดึ ถอื แกเ่ จ็บตายเป็นของเราอยู่ ก็ต้องประสบทกุ ข์เหล่านี้อยู่ น่ันเอง ทุกขใ์ นขอ้ หลังน้ี พระบรมศาสดาทรงยกแสดง เปน็ ทกุ ขสจั จ์ ในทท่ี รงแสดงอรยิ สจั จท์ วั่ ไป และทรงยก ตณั หาคือ ความด้นิ รนกระเสือกกระสนของใจ เพื่อได้ สงิ่ ทชี่ อบ เพอ่ื เปน็ นนั่ เปน็ นี่ เพอ่ื ไมเ่ ปน็ นนั่ เปน็ นวี่ า่ เปน็ เหตเุ กดิ ทกุ ข์ ยกทางมอี งคแ์ ปดมคี วามเหน็ ชอบเปน็ ตน้

พ่ึงผิดที่ชีวิตย่อมมีภัย 11 วา่ เปน็ ทางปฏบิ ตั ใิ หถ้ งึ ความดบั ทกุ ข์ ความเหน็ ชอบนน้ั กค็ ือเหน็ เหตุผลทัง้ สองฝ่าย ตามหลักอรยิ สจั จ์น้ีนั่นเอง กล่าวโดยย่อ เมื่อจะละทุกข์ก็ต้องรู้จักทุกข์และปล่อย ทกุ ขเ์ สยี ดว้ ยปญั ญาทเี่ ขา้ ถงึ สจั จะคอื ความจรงิ เมอ่ื ละ ทุกขไ์ ด้ ก็ย่อมประสบความสงบสุขโดยล�ำดับ



ความสขุ อย่ทู ่ไี หน ? อันความสขุ ยอ่ มเปน็ ท่ีปรารถนาของคนทกุ ๆ คน และทกุ ๆ คนยอ่ มเคยประสบความสขุ มาแลว้ ความสขุ เปน็ อยา่ งไร จงึ เปน็ ทร่ี จู้ กั กนั อยู่ ในเวลาทกี่ ายและจติ ใจ อิ่มเอิบสมบูรณ์สบาย ก็กล่าวกันว่าเป็นสุข ความสุข จงึ เกดิ ขน้ึ ทก่ี ายและจติ ใจนเี่ อง สำ� หรบั กายนน้ั เพยี งให้ เครื่องอุปโภคบริโภคพอให้เป็นไปได้ก็นับว่าสบาย แม้ กายสบายดังกล่าวมาน้ี ถ้าจิตไม่สบาย กายก็พลอย ซูบซีดเศร้าหมองด้วย ส่วนกาย เม่ือไม่สบายด้วย ความเจ็บป่วยหรือด้วยความคับแค้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าจิตยังร่าเริงสบายอยู่ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นทุกข์เป็นร้อน เท่าใดนัก และความไม่สบายของกายก็อาจบรรเทาไป

14 ชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร ? ได้เพราะเหตุน้ี ความสุขจิตสุขใจน่ันแลเป็นส�ำคัญ อันความสขุ ทางจติ ใจนี้ คิดๆ ดกู น็ ่าเห็นว่าหาได้ไมย่ าก อีก เพราะความสุขอยู่ที่จิตใจของตนเอง จักต้องการ ให้จิตเปน็ สุขเมอ่ื ใดกน็ ่าจะได้ ใครๆ เมอื่ คดิ ดกู ็จักต้อง ยอมรับว่าน่าคิดเห็นอย่างน้ัน แต่ก็ต้องยอมจนอีกว่า สามัญชนท�ำไม่ได้เสมอไป เพราะยังต้องการเคร่ือง อุปกรณ์แห่งความสุข หรือเรียกว่าเคร่ืองแวดล้อม อุดหนุนความสุข มีเงิน ทอง เครื่องอุปโภคบริโภค เป็นต้น ถ้าเคร่ืองอุปกรณ์แห่งความสุขขาดไปหรือ มีไม่เพียงพอ ก็ท�ำให้เป็นสุขมิได้ น้ีเรียกว่ายังต้อง ปล่อยใจให้เป็นไปตามเหตุการณ์อยู่ข้อนี้เป็นความจริง เพราะเหตุฉะน้ี ในท่ีน้ีจึงประสงค์ความสุขท่ีมีเครื่อง แวดล้อมหรือที่เรียกว่าสุขสมบัติ อันเป็นความสุขขั้น สามญั ชนทัว่ ไป คดิ ดเู ผินๆ ความสุขน้ีน่าจักหาได้ไม่ยาก เพราะ ในโลกน้ีมีเคร่ืองอุปกรณ์แห่งความสุขแวดล้อมอยู่โดย มาก หากสังเกตดูชีวิตของคนโดยมากท่ีก�ำลังด�ำเนิน ไปอยู่ จกั รสู้ กึ วา่ ตรงกนั ขา้ มกบั ทค่ี ดิ คาด ทง้ั นมี้ ใิ ชเ่ พราะ

ความสุขอยู่ที่ไหน ? 15 เครื่องแวดล้อมอุดหนุนความสุขในโลกนี้มีน้อยจนไม่ เพียงพอ แต่เป็นเพราะผู้ขาดแคลนความสุขสมบัติ ไม่ท�ำเหตุอันเป็นศรีแห่งสุขสมบัติ จึงไม่ได้สุขสมบัติ เปน็ กรรมสทิ ธิ์ สว่ นผทู้ ท่ี ำ� เหตแุ หง่ สขุ สมบตั ิ ยอ่ มไดส้ ขุ สมบัติมาเป็นกรรมสิทธ์ิ เพราะเหตุนี้ ผู้ปรารถนาสุข จึงสมควรจับเหตุให้ได้ก่อนว่า อะไรเป็นเหตุของความ สขุ และอะไรเปน็ เหตขุ องความทกุ ข์ บางคนอาจเหน็ วา่ เหตขุ องความสขุ ความทกุ ขอ์ ยู่ภายนอก คือสขุ เกิดจาก สิ่งภายนอก มีเงนิ ทอง ยศ ชื่อเสียง บ้านท่สี วยงาม เปน็ ตน้ สว่ นความทกุ ขก์ เ็ กดิ จากสง่ิ ภายนอกนนั้ เหมอื น กัน บางคนอาจเห็นว่าความสุขความทุกข์เกิดจากเหตุ ภายใน จกั พจิ ารณาความเห็นทัง้ สองนตี้ อ่ ไป



เงอื่ นไข ของความสขุ ส่งิ ภายนอกโดยมาก ถ้าเป็นสว่ นทด่ี ี มีเงิน ทอง ยศ ชือ่ เสียง เป็นต้น กเ็ ปน็ ท่ปี รารถนาตรงกนั ของคน เปน็ อันมาก จึงต้องมีการแสวงหาแข่งขันกนั โดยทางใด ทางหนงึ่ เมอื่ ไดม้ ากใ็ หเ้ กดิ ความสขุ เพราะสมปรารถนา บา้ ง เพราะนำ� ไปเลยี้ งชพี ตน และผอู้ นื่ ใหอ้ ม่ิ หนำ� สำ� ราญ บา้ ง ส่งิ ภายนอกยอ่ มอุดหนุนความสุขฉะน้ี แตส่ ิง่ ภาย นอกเป็นไม่ย่ังยืน แปรเปลี่ยนไปอยู่เสมอ ความสุขท่ี เกี่ยวเกาะติดอยู่ก็ต้องแปรเปลี่ยนไปตามความทุกข์จึง ปรากฏขึ้นติดๆ กันไปทีเดียว ความสุขเช่นน้ี เป็น ความสุขที่ลอยไปลอยมา หรือเรียกว่าเป็นความสุข ลกู โปง่ และในความแสวงหา ถา้ ไมไ่ ดห้ รอื ไดส้ ง่ิ ทไ่ี มช่ อบ

18 ชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร ? ก็ให้เกิดความทุกข์ เพราะไม่สมปรารถนา อนง่ึ ถ้าได้ สิ่งน้ันๆ มาด้วยการกระท�ำท่ีไม่ดี การกระท�ำนั้นก็จัก เป็นเคร่ืองตัดทอนตนเองอีกส่วนหน่ึง ข้อความที่กล่าว มาน้ีแสดงว่าส่ิงภายนอกอุดหนุนความสุขส�ำราญให ้ บ้าง แต่จัดเป็นเหตุของความสุขหรือ? ถ้าเป็นเหต ุ ของความสุข ผู้ที่มีสิ่งภายนอกบริบูรณ์จักต้องเป็นสุข ทกุ คน แตค่ วามจรงิ ไมเ่ ปน็ อยา่ งนนั้ ผทู้ บี่ รบิ รู ณด์ ว้ ยสงิ่ ภายนอกแตเ่ ปน็ ทกุ ขม์ ถี มไป เพราะเหตฉุ ะน้ี สงิ่ ภายนอก จงึ มใิ ชเ่ ปน็ ตวั เหตขุ องความสขุ เปน็ เพยี งเครอื่ งแวดลอ้ ม อุดหนุนความสุขดังกล่าวแล้วเท่าน้ัน บัดน้ียังเหลืออยู่ อีกความเห็นหนึ่ง ซง่ึ วา่ สุขทุกข์เกิดจากเหตุภายใน อนั สง่ิ ภายนอกมี เงนิ ทอง ยศ ชอ่ื เสยี ง เปน็ ตน้ อนั เปน็ อปุ กรณแ์ กค่ วามสขุ เมอ่ื คดิ ดใู หซ้ งึ้ ลงไป จกั เหน็ ว่าเกิดจากการกระท�ำของตนเอง ถ้าตนเองอยู่เฉยๆ ไม่ท�ำการงานอันเป็นเหตุท่ีเพ่ิมพูนสิ่งภายนอกเหล่านั้น สิ่งภายนอกน้ันก็จะไม่เกิดขึ้น ท่ีมีอยู่แล้วก็ต้องแปร เปลย่ี นไป ถา้ ไมม่ ใี หมม่ าชดเชยกจ็ กั ตอ้ งหมดไปในทส่ี ดุ

เงื่อนไขของความสุข 19 เพราะเหตุฉะนี้จึงกล่าวได้ว่าสิ่งภายนอกท่ีเป็นอุปกรณ์ แกค่ วามสขุ นนั้ กเ็ กดิ ขน้ึ เพราะการกระทำ� ของตนเองใน ทางธรรม การประกอบอาชพี มกี สกิ รรม พาณชิ ยกรรม เปน็ ตน้ ไปตามธรรมดา ไมเ่ รยี กเปน็ การงานทด่ี หี รอื ชว่ั แมช้ าวโลกกไ็ มเ่ รยี กผปู้ ระกอบการอาชพี ไปตามธรรมดา วา่ เปน็ คนดหี รอื เปน็ คนเลว แตห่ ากวา่ มกี ารทำ� อยา่ งอน่ื พิเศษออกไป ถ้าต้องด้วยเนติอันงามก็เรียกกันว่าดี ถา้ ไมต่ อ้ งดว้ ยเนตอิ นั งามกเ็ รยี กกนั วา่ เลวไมด่ ี เพราะเหตุ ฉะนั้น ผู้ปรารถนาสุขเบื้องต้นจึงสมควรหม่ันประกอบ การงานหาเลยี้ งชพี ตามทางของตนๆ โดยไมต่ ดั รอนกนั ไม่เฉ่ือยชาเกียจคร้าน และแก้ไขในการงานของตนให ้ ดีข้ึน ก็จักไม่ต้องประสบความแร้นแค้นขัดข้อง ถ้าไม่ หมน่ั ประกอบการงาน เกียจคร้าน เฉื่อยชา และไม่คิด แกไ้ ขการงานของตนใหด้ ีขึน้ ปล่อยไปตามเรือ่ ง กอ็ าจ จักต้องประสบความยากจนค่นแค้น ต้องอกแห้งเป็น ทุกข์ และนั่นเป็นความผิดใหญ่ต่อประโยชน์ปัจจุบัน ของตนเอง

20 ชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร ? การทำ� อยา่ งหนง่ึ ทางธรรมเรยี กวา่ ดี เปน็ วถิ ที าง ของคนฉลาด และทางโลกยกย่องนับถือว่าดี การท�ำ อยา่ งนี้ เรยี กว่า สจุ รติ แปลวา่ ประพฤติดี ประพฤติดี ทางกาย เรียกกายสุจริต ประพฤตดิ ที างวาจา เรยี กว่า วจีสุจริต ประพฤติดีทางใจ เรียกว่า มโนสุจริต กายสุจริต จ�ำแนกเป็น ๓ คอื ไมฆ่ ่าสตั ว์ ไมล่ ักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในทางกามประเวณี วจีสุจริต จ�ำแนก เปน็ ๔ คือ ไมพ่ ูดปด ไมพ่ ดู ส่อเสยี ด ไม่พูดคำ� หยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล มโนสุจริต จ�ำแนกเป็น ๓ คือ ไม่เพ็งเล็งทรัพย์สมบัติของผู้อ่ืน ด้วยโลภเจตนา คดิ จะเอามาเปน็ ของๆ ตน ไมพ่ ยาบาทปองรา้ ย ไมเ่ หน็ ผดิ จากคลองธรรม มคี วามเหน็ วา่ ทำ� ดไี ดด้ ี ทำ� ชวั่ ไดช้ ว่ั เป็นต้น รวมเป็น ๑๐ ประการ ส่วนการกระท�ำท่ี ตรงกนั ขา้ ม เรยี กวา่ ทจุ รติ แปลวา่ ประพฤตชิ ว่ั ประพฤติ ชั่วทางกาย เรียกว่ากายทุจริต ประพฤติชั่วทางวาจา เรยี กว่าวจีทุจริต ประพฤติชั่วทางใจ เรยี กว่ามโนทจุ ริต ทจุ รติ ๓ น้มี จี �ำแนกตรงกนั ขา้ มกับสุจริต

เงื่อนไขของความสุข 21 คำ� วา่ ประพฤติ มกั จะพดู มงุ่ หมายถงึ การกระทำ� ทางกายและวาจา ค�ำว่า ท�ำ ก็มักพูดหมายถึงการท�ำ ทางกาย การท�ำทางวาจาเรียกว่า พูด การท�ำทางใจ เรยี กว่า คดิ สว่ นทางธรรม การท�ำ พูด คดิ เรียกเปน็ อย่างเดียวกันว่า ท�ำ หรือประพฤติ และมีค�ำว่ากาย วาจา ใจ กำ� กบั เพือ่ ให้รูว้ า่ ทำ� หรือประพฤตทิ างไหน ทุจริต ทางธรรมเรียกว่าไม่ดี เป็นวิถีทางของผู้ ไม่ฉลาดทางโลกก็เหยียดหยามว่าเลว ไม่ดี โดยนัยน้ี จึงเห็นว่า ทั้งทางโลก ทั้งทางธรรม นับถือสิทธิของ ผู้อื่น หรือเรียกว่านับถือขอบเขตแห่งความสุขของ ผู้อื่น เพราะสุจริตและทุจริตท่ีจ�ำแนกไว้อย่างละ ๑๐​ ประการนนั้ โดยความกค็ อื ไมป่ ระพฤตลิ ะเมดิ สทิ ธิ หรอื ไม่เบยี ดเบยี นความสงบสขุ ของผอู้ ่นื และการประพฤติ ละเมดิ สทิ ธแิ ละความสงบสขุ ของผอู้ น่ื นน้ั เอง แตท่ างโลก นับถือสิทธิของบุคคลและสัตว์เดียรัจฉานบางจ�ำพวก ไมน่ บั ถอื บางจำ� พวก โดยอาศยั กฎหมายเปน็ หลกั สว่ น ทางธรรม นบั ถือทัว่ ไปไม่มีแบง่ แยกยกเว้น เพราะทาง ธรรมละเอียดประณีต

22 ชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร ? อนงึ่ ทจุ รติ อยเู่ ฉยๆ ประพฤตไิ มไ่ ด้ ตอ้ งประพฤติ ด้วยความขวนขวายพยายามจนผิดแผกแปลกไปจาก ปกติ จึงจัดเป็นทุจริตได้ ส่วนสุจริตประพฤติได้โดย ไม่ต้องลงทุนลงแรงประพฤติไปตามปกติของตนน่ันแล ไมต่ ้องตบแตง่ เปลย่ี นแปลงก็เป็นสุจริตได้ เพราะเหตุนี้ เมอ่ื ว่าทางความประพฤติ สจุ รติ จงึ ประพฤติไดง้ ่ายกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ เพราะเหตุไรทุจริตจึงเกิดขึ้นได้? ข้อนี้ เป็นเพราะยังขาดธรรมในใจเป็นเครือ่ งเหนยี่ วรงั้ ความ ประพฤติจึงเป็นไปตามใจของตนเอง ผู้รักษาศีล หรือ ประพฤตสิ จุ รติ หรอื แมป้ ระพฤตกิ ฎหมายของบา้ นเมอื ง ถา้ ไมม่ ธี รรมอยใู่ นใจบา้ งแลว้ กม็ กั จะรกั ษาหรอื ประพฤติ ท�ำนองทนายว่าความ เพราะการกระท�ำบางอย่างไม่ ผดิ ศลี ตามสกิ ขาบท ไมผ่ ดิ สจุ รติ ตามหวั ขอ้ แตผ่ ดิ ธรรม มอี ยู่ และจะประพฤตหิ รอื รกั ษาใหต้ ลอดไปมไิ ด้ เพราะ เหตนุ จ้ี งึ สมควรมธี รรมในใจ สำ� หรบั ประพฤตคิ กู่ นั ไปกบั สุจรติ

เง่ือนไขของความสุข 23 ธรรมมีมาก แต่ในที่น้ีจักเลือกแสดงแต่ธรรมท่ี สมควรประพฤติปฏิบัติคู่กันไปกับสุจริต โดยนัยหนึ่ง คือ มีความละอายใจในการเบียดเบียน มีความเอ็นดู ขวนขวายอนุเคราะห์สัตว์ท้ังปวงด้วยประโยชน์ คู่กับ การไม่ฆ่าสัตว์ มีความโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เฉลี่ยความสุขของตนแก่คนท่ีควรเฉลี่ยให้ด้วยการ บริจาคให้ คู่กับการไม่ลักทรัพย์ มีสันโดษยินดีเฉพาะ สามีหรอื ภรยิ าของตน ไม่คดิ นอกใจ สำ� หรับผทู้ ่ียังไมม่ ี ครอบครวั กม็ ีเคารพในธรรมเนยี มประเพณที ่ีดี ไม่คดิ ละเมิด คู่กับการไม่ประพฤติผิดในทางกามประเวณี อน่ึงมีปากตรงกับใจ ไม่ลดเลี้ยวลับลมคมใน คู่กับไม่ พูดปด พูดชักให้เกิดสามัคคี สมานสามัคคีด้วย ในใจสมาน คู่กับไม่พูดส่อเสียดพูดกันดีๆ อ่อนหวาน ตามสมควรแก่ภาษานิยม มิใช่กด มิใช่ยกยอ ด้วย อัธยาศัยอ่อนโยนน่ิมนวล ไม่กระด้าง คู่กับไม่พูด คำ� หยาบ พดู มหี ลกั ฐานทอ่ี า้ งองิ มกี ำ� หนด มปี ระโยชน์ มีจบอย่างสูง เรียกว่า มีวาจาสิทธิ์ด้วยความตกลงใจ ทันท่วงที ม่ันคงไม่โงนเงนโลเล คู่กับไม่พูดเพ้อเจ้อ

24 ชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร ? เหลวไหล อนงึ่ มใี จสนั โดษยนิ ดใี นสมบตั ขิ องตนตามได้ ตามกำ� ลงั ตามสมควร และมใี จยนิ ดดี ว้ ยหรอื วางใจเฉยๆ ด้วยความรูเ้ ท่าในเมอ่ื ผู้อ่ืนได้รบั สมบัติ หรือในเม่ือเห็น สมบตั ขิ องผอู้ นื่ คกู่ บั ไมเ่ พง็ เลง็ ทรพั ยส์ มบตั ขิ องผอู้ น่ื ดว้ ย โลภเจตนา คิดจะเอามาเป็นของตน มีเมตตาไมตรจี ิต ในสัตว์ทั้งปวง คู่กับไม่พยาบาทปองร้าย ท�ำความเห็น ให้ตรง เพ่ือให้ถูกให้ชอบย่ิงขึ้น คู่กับความเห็นชอบ ธรรมตามทแ่ี สดงมานีม้ ีอยใู่ นบุคคลใด บคุ คลน้นั ชือ่ ว่า ธรรมจารผี ปู้ ระพฤตธิ รรม หมายถงึ ความประพฤตเิ รยี กวา่ ธรรมจริยา สว่ นทีต่ รงกันขา้ มกับทีแ่ สดงมานี้ เรยี กวา่ อธรรม คู่กับทุจริตสุจริตกับธรรมท่ีคู่กันเรียกอย่างส้ัน ในท่นี ้วี า่ สุจรติ ธรรม นอกนเี้ รียกว่าทุจริตธรรม





สุจรติ ธรรม เหตแุ ห่งความสขุ ท่แี ท้จรงิ สุจรติ ธรรมให้เกดิ ผลอย่างไร ทจุ ริตธรรมให้เกิด ผลอย่างไร คิดให้รอบคอบสักหน่อยก็จักให้เห็นได้ใน ปจั จบุ นั นเี้ อง ผปู้ ระพฤตสิ จุ รติ ธรรมยอ่ มเปน็ คนไมม่ ภี ยั ไมม่ เี วร มีกาย วาจา ใจปลอดโปรง่ นีเ้ ป็นความสขุ ท่ี เหน็ กนั อยแู่ ลว้ สว่ นผปู้ ระพฤตทิ จุ รติ อธรรม ตรงกนั ขา้ ม มีกายวาจา ใจ หมกมุ่นวุ่นวาย แม้จักมีทรัพย์ ยศ ชอื่ เสยี งสกั เทา่ ใด กไ็ มช่ ว่ ยใหป้ ลอดโปรง่ ได้ ตอ้ งเปลอื ง ทรพั ย์ เปลอื งสขุ ระวงั ทรพั ย์ ระวงั รอบดา้ นนเี้ ปน็ ความ ทกุ ขท์ เ่ี หน็ กนั อยแู่ ลว้ สว่ นในอนาคตเลา่ จกั เปน็ อยา่ งไร อาศยั พทุ ธภาษติ ทแ่ี สดงวา่ กลยฺ าณการี กลยฺ าณํ ผทู้ ำ� ดยี อ่ มไดด้ ี ปาปการี จ ปาปกํ ผทู้ ำ� ชว่ั ยอ่ มไดช้ วั่ จงึ ลง

28 ชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร ? สันนิษฐานได้ว่า สุจริตธรรมอ�ำนวยผลท่ีดีคือความสุข ทจุ รติ อธรรมอำ� นวยผลทช่ี วั่ คอื ความทกุ ข์ แมใ้ นอนาคต แน่แท้ อน่ึง ในท่ีนี้รวมผลแห่งสุจริตธรรมท้ังสิ้นแสดง รวมยอดอยา่ งเดียวว่าความสขุ เพราะเหตุน้ี ส่งิ ใดเป็น อุปกรณ์แห่งความสุข หรือเรียกว่าสุขสมบัติ เช่น ความบรบิ รู ณท์ รพั ย์ ผวิ พรรณงาม อายยุ นื ยศ ชอ่ื เสยี ง เปน็ ต้น สงิ่ นน้ั ท้ังหมดเปน็ ผลแหง่ สจุ รติ ธรรม จักแสดงวิธีปฏิบัติสุจริตธรรมสักคู่หนึ่งโดยย่อ ไว้เผ่อื ผู้ตอ้ งการต่อไป คอื ไมพ่ ยาบาทกับเมตตา เม่อื อารมณร์ ้ายอยา่ งเบาคือความหงุดหงดิ ไมพ่ อใจ แรงขนึ้ เป็นความฉุนเฉียวร้ายกาจ แรงขึ้นอีกเป็นพยาบาท เหล่านี้อย่างใดอย่างหน่ึงเกิดขึ้น ควรท�ำความรู้จักตัว และพิจารณาโดยนัยว่า น่ีเท่ากับท�ำโทษตน เผาตน โดยตรง มิใช่ท�ำโทษหรือแผดเผาผู้อ่ืนเลยคราวที่ตน ผิดใจยังเคยให้อภัย ไมถ่ อื โทษโกรธแคน้ เหตุไฉนเม่ือ ผอู้ น่ื ทำ� ผดิ ใจจงึ มาลงโทษแผดเผาตนเลา่ ผอู้ นื่ ทตี่ นโกรธ นั้น เขามิได้ทุกข์ร้อนไปกับเราด้วยเลย อน่ึง ควรต้ัง กตกิ าขอ้ บงั คบั สำ� หรบั ตนวา่ เมอื่ เกดิ อารมณร์ า้ ยมโี กรธ

สุจริตธรรม เหตุแห่งความสุขที่แท้จริง 29 เป็นต้นข้ึนจักไม่พูด จักไม่แสดงกิริยาของคนโกรธ หรือต้ังกติกาประการอื่นซ่ึงอาจจักรักษาอารมณ์ร้าย เหล่าน้ันไว้ข้างใน มิให้ออกมาเต้นอยู่ข้างนอก และ พยายามดับเสียด้วยอารมณ์เยน็ ชนิดใดชนดิ หนึง่ ดว้ ย การพิจารณาใหแ้ ยบคาย มิให้ลุกกระพอื สมุ อกอย่ไู ด้ เมตตา มิตร ไมตรี สามค�ำนี้ เป็นค�ำหน่ึง อนั เดยี วกนั เมตตาคอื ความรกั ใครป่ รารถนาจะใหเ้ ปน็ สขุ มิตรคือผู้มีเมตตาปรารถนาสุขประโยชน์ต่อกัน ไมตรี คอื ความมเี มตตาปรารถนาดตี อ่ กนั ผปู้ รารถนาจะปลกู เมตตาให้งอกงามอยู่ในจิต พ่ึงปลูกด้วยการคิดแผ่ ในเบ้ืองต้นแผ่ไปด้วยเจาะจงก่อน ในบุคคลท่ีชอบพอ มีมารดาบิดา ญาติมิตรเป็นต้น โดยนัยว่า ผู้นั้นๆ จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน ไม่มีทุกข ์ มีสุขสวสั ดริ์ กั ษาตนเถดิ เมอ่ื จติ ได้รับการฝึกหัดค้นุ เคย กับเมตตาเข้าแล้วก็แผ่ขยายให้กว้างออกไปโดยล�ำดับ ดงั นี้ ในคนท่ีเฉยๆ ไม่ชอบ ไมช่ งั ในคนทีไ่ ม่ชอบนอ้ ย ในคนทไ่ี มช่ อบมาก ในมนษุ ยแ์ ละดริ จั ฉานไมม่ ปี ระมาณ เมตตาจติ เมอ่ื คดิ แผก่ วา้ งออกไปเพยี งใด มติ รและไมตรี

30 ชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร ? กม็ คี วามกวา้ งออกไปเพยี งนน้ั เมตตาไมตรจี ติ มใิ ชอ่ ำ� นวย ความสขุ ใหเ้ ฉพาะบคุ คล ยอ่ มใหค้ วามสขุ แกช่ นสว่ นรวม ตั้งแต่สองขึ้นไปด้วย คือ หมู่ชนที่มีไมตรีจิตต่อกัน ยอ่ มหมดความระแวง ไมต่ อ้ งจา่ ยทรพั ย์ จา่ ยสขุ ในการ ระวังหรือเตรียมรุกรับ มีโอกาสประกอบการงาน อัน เป็นประโยชน์แก่ตนเองและหมู่เต็มท่ี มีความเจริญ รงุ่ เรอื งและความสงบสุขโดยสว่ นเดยี ว เพราะเหตนุ ้ี พระสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ผเู้ ปน็ พระบรม- ศาสดาของเราทั้งหลาย ผู้ทรงมีพระเมตตาไมตรี มีมิตรภาพในสรรพสัตว์ ทอดพระเนตรเห็นการณ์ไกล จึงได้ทรงประทานศาสนธรรมไว้หน่ึงฉันทคาถา แปล ความว่า บุคคลพึงประพฤติธรรมให้เป็นสุจริต ไม่พึง ประพฤตธิ รรมใหเ้ ปน็ ทจุ รติ ผมู้ ปี กตปิ ระพฤตธิ รรมยอ่ ม อยู่เป็นสุข ในโลกน้ีและในโลกอื่นดงั นี้ ในข้อว่า พึงประพฤติธรรมให้เป็นสุจริต ไม่พึง ประพฤตธิ รรมใหเ้ ปน็ ทจุ รติ ในฉนั ทคาถานน้ั คำ� วา่ ธรรม นา่ จกั หมายเอาการงานทง้ั ปวงทที่ ำ� ทางกาย วาจา และ ใจ คอื การทำ� การพดู การคิด ทีเ่ ป็นไปอยู่ตามปกติ

สุจริตธรรม เหตุแห่งความสุขที่แท้จริง 31 นเ้ี อง ทรงสอนใหท้ ำ� พดู และคดิ ใหเ้ ปน็ สจุ รติ มใิ หเ้ ปน็ ทุจริต ส่วนในข้อว่า ผู้มีปกติประพฤติธรรม ย่อมอยู่ เป็นสขุ นั้น คำ� ว่าธรรมหมายความวา่ ความดี ดังค�ำว่า มีธรรมอย่ใู นใจ ดงั ทเี่ ข้าใจกนั อยู่ท่ัวไป ผปู้ ระพฤตกิ าย วาจาใหเ้ ปน็ สจุ รติ ไมป่ ระพฤตใิ หเ้ ปน็ ทจุ รติ ทงั้ ประพฤติ ธรรมคือมีธรรมอยู่ในใจ ย่อมอยู่เป็นสุขในโลกน้ีและ โลกอื่นคือในโลกอนาคตอันจักค่อยเล่ือนมาเป็นโลก ปัจจบุ นั แก่ทกุ ๆ คนในเวลาไม่ช้า ความสุข ยอ่ มเกิดจากเหตุภายในคอื สุจรติ ธรรม ดว้ ยประการฉะน้ี เพราะฉะนน้ั ผปู้ รารถนาสขุ เมอ่ื จบั ตัวเหตุการณ์แห่งความสุขและความทุกข์ได้ฉะนี้แล้ว ควรเว้นทุจริตอธรรมอันเป็นเหตุของความทุกข์ ควร ประพฤตสิ จุ รติ ธรรมอนั เปน็ เหตขุ องความสขุ ถา้ ประพฤติ ดังนี้ ช่ือว่าได้ก่อเหตุการณ์ของความสุขสมบัติท้ังปวง ไว้แล้ว น้ีเป็นความชอบย่ิงของตนเองถ้ากลับประพฤติ ทุจริตอธรรม เว้นสุจริตธรรมเสีย ย่อมชื่อว่าได้ก่อ เหตกุ ารณแ์ หง่ ความทกุ ขพ์ บิ ตั ทิ ง้ั ปวงไวแ้ ลว้ นเี้ ปน็ ความ ผิดของตนเอง

32 ชีวิตจะเป็นสุขได้อย่างไร ? อน่ึง ถ้ามีปัญหาในชีวิตปัจจุบันของผู้ประพฤติ สุจริตธรรมหรือทุจริตอธรรมเกิดข้ึน พึงทราบว่า ใน คราวทสี่ จุ รติ ธรรมทไ่ี ดท้ ำ� ไวแ้ ลว้ กำ� ลงั ใหผ้ ลอยู่ ผปู้ ระพฤติ ทุจริตอธรรมย่อมพร่ังพร้อมด้วยสุขสมบัติและความ สดชน่ื รา่ เรงิ อาจส�ำคญั ทุจริตอธรรมดุจน้�ำหวาน และ อาจเยย้ หยนั ผปู้ ระพฤตสิ จุ รติ ธรรมได้ แตใ่ นกาลทที่ จุ รติ อธรรมของตนใหผ้ ล กจ็ กั ตอ้ งประจวบทกุ ขพ์ บิ ตั ซิ บเซา เศร้าหมองดุจต้นไม้ในฤดูแล้ง อน่ึง ในคราวท่ีทุจริต อธรรมที่ได้ท�ำไว้แล้วก�ำลังให้ผลอยู่ ผู้ประพฤติสุจริต ธรรมก็ยังต้องประสบทุกข์พิบัติซบเซาอับเฉาอยู่ก่อน แตใ่ นกาลทสี่ จุ รติ ธรรมของตนใหผ้ ล ยอ่ มเกดิ สขุ สมบตั ิ อย่างนา่ พิศวง ดุจต้นไม้ในฤดูฝน แม้สจุ รติ ธรรมจักยงั ไม่ให้ผลโดยนัยที่กล่าวน้ี กาย วาจา และใจของตน กย็ ่อมปลอดโปร่งเป็นสขุ สงบ เป็นผลทมี่ ปี ระจำ� ทกุ ทิวา ราตรกี าล



บนั ทึก ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ...............................................................................................

บนั ทึก ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ...............................................................................................

บนั ทึก ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ...............................................................................................

บนั ทึก ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ...............................................................................................

บนั ทึก ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ...............................................................................................

บนั ทึก ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ............................................................................................... ...............................................................................................

ด�ำเนนิ การผลติ โดย : สาละพิมพการ ๙/๖๐๙ ถ.พทุ ธมณฑลสาย ๔ ต.กระทมุ่ ล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม ๗๓๒๒๐ โทรศัพท์/โทรสาร : ๐๒-๔๒๙-๒๔๕๒, ๐๘-๖๕๗๑-๑๖๘๕