43 เรอื่ งราวของพระนาคเสนเถระนบั แตต่ น้ เรอ่ื งมาถึงตรงนี้ จดุ หมายคือปราบพระเจ้ามลิ นิ ท์ ผู้เขียนอยากจะบอกว่าเร่ืองราวของพระนาคเสนเถระ ตามคมั ภีร์นั้น สาระแท้จริงอาจจะมีไมม่ าก สว่ นเสรมิ เพ่ิมเตมิ น่าจะมากกว่าเรอื่ งเดมิ ผู้แต่งอาจตอ้ งการให้เนอื้ เรอ่ื งสมบูรณ์ ลงตัวมากข้ึน หากพิจารณาเนื้อหาอย่างละเอียดจะเห็นว่า หลายแห่งคล้ายกับเร่ืองของพระอุปคุตเถระและพระโมค คัลลีบุตรติสสเถระ โดยเฉพาะเรื่องเกิดบนสวรรค์และการ เกดิ ในตระกูลพราหมณ์ ตรงนี้ไมท่ ราบว่าใครลอกใคร!!! ผเู้ ขยี นเหน็ วา่ สารตั ถะของเรอ่ื งพระนาคเสนเถระนา่ จะอยู่ ทก่ี ารศกึ ษาของพระเถระเปน็ สำ� คญั จะเหน็ ไดว้ า่ พระนาคเสน เถระบวชเพราะตอ้ งการออกจากทกุ ข์ แตต่ อ้ งศกึ ษาพระไตรปฎิ ก ถงึ ๒๐ ปี โดยผ่านสำ� นกั อาจารยถ์ งึ ๓ ส�ำนกั คร้นั แตกฉาน ช�ำนาญในพระไตรปิฎกแล้วจึงมุ่งหน้าสู่การปฏิบัติวิปัสสนา กรรมฐานเป็นปลายทาง ตรงกันข้ามกับสมัยพุทธกาลท่ี พระสาวกนอ้ ยใหญเ่ นน้ ปฏบิ ตั วิ ปิ สั สนากรรมฐานเปน็ เบอ้ื งตน้ ผู้เขียนเชื่อว่าลักษณะเช่นน้ีน่าจะเป็นคตินิยมของนิกายสรวา
44 สตวิ าท ถอื วา่ เปน็ การบม่ ความรใู้ หแ้ ตกฉานกอ่ นทจี่ ะวจิ ยั ธรรม ในบน้ั ปลาย หรืออาจเป็นไปได้ว่าเป้าหมายของพระเถราจารย์คือ เฟ้นหาผู้โต้วาทีกับพระเจ้ามิลินท์ผู้ทรงปราชญ์ จ�ำต้องจับ พระนาคเสนเถระเคยี่ วเรอ่ื งพระธรรมคำ� สอนเสยี กอ่ น ครนั้ เหน็ วา่ ฉลาดสามารถพอแลว้ จงึ สอนวปิ สั สนากรรมฐานทหี ลงั อยา่ งไรกต็ าม กระบวนการทพี่ ระเถราจารยล์ งมอื ประสบ ความส�ำเร็จดังคาด พระนาคเสนเถระกลายเป็นผู้มีปัญญา เลศิ ลำ้� มพี ระธรรมอนั แตกฉาน พรอ้ มบรรลอุ รหนั ตป์ ฏสิ มั ภทิ า
45 ยากที่จะหาใครในปฐพีต่อกรได้ การพบกับพระเจ้ามิลินท์จึง มใิ ชก่ ารโตว้ าทเี พ่ือเอาชนะ แต่เป็นการอธิบายธรรมของพระ สัมมาสมั พุทธเจา้ ให้พสิ ดารเทา่ นนั้ นา่ เสยี ดายครอู าจารยส์ มยั พระนาคเสนเถระไมร่ ะบหุ ลกั สตู ร สรา้ งนกั โตว้ าทไี วอ้ ยา่ งชดั เจน เรอื่ งราวทอี่ า้ งไวก้ วา้ งขวางมาก เกนิ ไป หากเราไดห้ ลกั สตู รนนั้ มาจดั การเรยี นการสอนในปจั จบุ นั นา่ จะสามารถสรา้ งพระนกั เทศนน์ ามอโุ ฆษไดอ้ กั โข โดยไมต่ อ้ ง มาเถยี งกนั หนา้ ดำ� หนา้ เขยี ววา่ สำ� นกั ไหนถกู ผดิ ตดั สนิ กนั ดว้ ย หลกั ธรรมคำ� สอนของแทก้ นั เลย เพราะผจู้ บหลกั สตู รลว้ นบรรลุ อรหนั ตก์ นั ทกุ รปู ไมใ่ ชเ่ ปน็ พระประเภทหนั หนา้ หนั หลงั เหมอื น เมอื งไทยตอนนี้
46
47 ๔ การโตว้ าทขี องสองปราชญ์ หลายตอนผ่านมาผ้เู ขียนเลา่ ให้ฟงั แล้วว่า debate หรือ การโตว้ าทนี นั้ เปน็ ประเพณเี กา่ แกข่ องชาวอารยนั ไมว่ า่ จะเปน็ อารยนั ชาวยโุ รป หรอื อารยนั แบบเปอรเ์ ซยี หรอื วา่ อารยนั ตาม สไตล์อินเดีย และลักษณะการโต้วาทีน้ันเน้นการใช้เหตุผล เป็นหลัก กล่าวคือใช้แนวความคิดหรือหลักค�ำสอนของตน หักลา้ งฝา่ ยตรงกันข้ามด้วยเหตุผล สว่ นหัวข้อทย่ี กมาถกเถยี ง กันมีความหลากหลายแล้วแต่คู่สนทนาจะตกลงกัน แต่ส่วน ใหญ่ไม่พ้นเร่อื งการเมอื ง ศาสนา และปรชั ญา น่าแปลกไม่เห็นมีเรื่องกัญชาเหมือนไทยแลนด์บ้านเรา ตอนน้ี !!! กล่าวเฉพาะการโต้วาทีระหว่างพระนาคเสนเถระและ พระเจา้ มลิ นิ ทน์ น้ั แมเ้ นอ้ื หาหลกั จะเนน้ ดา้ นหลกั ธรรมคำ� สอน
48 ของนกั ปราชญส์ มยั นน้ั focus on พระพทุ ธเจา้ กจ็ รงิ แตห่ าก วิเคราะหใ์ ห้ละเอียดจะพบวา่ มีเร่ืองการเมืองและคตคิ วามเชอ่ื สมยั นนั้ ผสมแทรกอยดู่ ว้ ย อาจเปน็ ไปไดว้ า่ คสู่ นทนาทง้ั สองได้ ท�ำสัญญากันแต่เบื้องต้นแล้วว่าไม่เน้นการเมือง เศรษฐกิจ หรือดา้ นวเิ ทโศบาย ไมเ่ ช่นนั้นเราอาจเหน็ หน้าตาของหนังสอื มิลินทปัญหาอกี แบบหนึง่ การสนทนาของสองปราชญ์คร้ังนั้นคงต้องใช้เวลาหลาย สปั ดาห์ เพราะเน้ือหาการถามตอบกนั นั้นมีจำ� นวนเกิน ๑๐๐ คำ� ถาม พิมพเ์ ปน็ หนงั สอื ไทยเกอื บ ๑,๐๐๐ หนา้ น่าเสียดาย ไม่สามารถบอกได้ว่าพระเจ้ามิลินท์คิดค�ำถามมาก่อนหรือไม่ หรอื ดน้ สดตอนนน้ั เลย แตถ่ า้ ใหผ้ เู้ ขยี นพเิ คราะหพ์ ระเจา้ มลิ นิ ท์ น่าจะถามสดตอนนั้นเป็นแน่ เพราะธรรมดาการสนทนาถาม ตอบกนั นน้ั หากสนใจประเดน็ ใดทเ่ี กย่ี วขอ้ งมกั ตอ้ งรบี ถามตอ่ ทันที เรยี กภาษานกั เทศนว์ ่าไหลไปตามจงั หวะ มเิ ชน่ นนั้ คำ� ถามจะฝงั อยใู่ น subconscious แลว้ วนถาม เวียนหาคำ� ตอบร่ำ� ไป หากอา่ นเนอ้ื หาตลอดทงั้ คมั ภรี ม์ ลิ นิ ทปญั หา คำ� ถามยอด ฮิตท่ีพระเจ้ามิลินท์ถามพระนาคเสนเถระคือตัวตนเกี่ยวกับ
49 พระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการถามต้ังแรกเร่ิมพบกันก็ดี การ ถามเก่ียวกับค�ำสอนพ้ืนฐานก็ดี หรือแม้แต่ค�ำถามเกี่ยวกับ ปรมตั ถธ์ รรมกด็ ี พระเจา้ มลิ นิ ทม์ กั แทรกคำ� ถามเกย่ี วกบั ตวั ตน ของพระพทุ ธเจา้ เสมอ แสดงใหเ้ หน็ วา่ แมจ้ ะถามคำ� ถามใดกต็ าม ความต้องการอยากรู้ตัวตนของพระพุทธเจ้าก็ผุดข้ึนในสมอง ของพระองคต์ ลอดเวลา เป็นเร่ืองน่าแปลกพอสมควร ปัจจุบันวันน้ีไม่ว่าศาสนิก ใดหากต้องการล้มล้างศาสนาใดศาสนาหน่ึง มักจะหาวิธีล้ม ความนา่ เชอ่ื ถอื ของศาสดาเสยี กอ่ น โดยพงุ่ เปา้ โจมตตี วั ตนของ
50 ศาสดาน้ัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประวัติส่วนตัว การรู้แจ้งธรรม หรือแม้แต่การก่อต้ังองค์กรทางศาสนา ไม่เช่ือลองเปิด youtube แล้วพิจารณาดูจะเห็นว่าเป็นเร่ืองธรรมดาของนัก วิชาการที่เรียกตนเองว่านักศาสนา แต่หากเปรียบเทียบกับ ค�ำถามของพระเจ้ามิลนิ ท์กไ็ ม่ใช่เรอ่ื งเสยี หายแตอ่ ย่างใด ดว้ ยเหตนุ น้ั ผเู้ ขยี นจงึ เหน็ วา่ นา่ จะจบั ประเดน็ นม้ี าวเิ คราะห์ ให้ผู้อ่านพิจารณาเสียบ้าง กรณีรู้แล้วก็ถือว่าเป็นการทวน ความจำ� แตห่ ากยงั ไมร่ กู้ จ็ ะไดท้ ราบถงึ ความลกึ ซงึ้ ดา้ นปญั ญา ของพระนาคเสนเถระ ว่าท่านมีเชาวน์ในการตอบพระเจ้า มิลนิ ท์อย่างไรไม่ให้ “โลกชำ้� ธรรมขนุ่ ” พระเจ้ามิลินท์ท้ิงค�ำถามเก่ียวกับตัวตนของพระพุทธเจ้า หลายประเด็น เช่น พระพุทธเจา้ มีจรงิ หรือไม?่ มีใครเคยเหน็ บา้ ง? หากไมเ่ หน็ เคยจะกลา้ พดู ความจรงิ ไดอ้ ยา่ งไรวา่ มอี ยจู่ รงิ ? เจอคำ� ถามแบบน้ีถ้าเป็นพวกเรากค็ งใบ้กิน เพราะตั้งแต่ เกิดมาก็เห็นแต่พระพุทธรูปที่เช่ือว่าใกล้เคียงพระพุทธเจ้า มากสุด นอกน้ันก็เป็นตัวหนังสือในพระไตรปิฎกและต�ำรา หลายเล่ม พอถามครูอาจารย์ท่านก็ให้ค�ำตอบแบบก�ำปั้น
51 ทุบดินว่า “อย่าถามมาก มีก็คือมี สงสัยมากเด๋ียวตกนรก” บางรปู กา้ วหนา้ ไปอกี ขนั้ “รอถามพระศรอี ารย์ ความสงสยั จะ ได้หายไป” อันหลังน้ีต้องรอชาติต่อไป กว่าจะถึงตอนน้ัน ความอยากคงไม่เหลือเชื้อแล้ว หรือไม่แน่อาจจะเกิดเป็น กุ้งหอยปูปลาวา่ ยกลางธารากระแสชลบุรีกเ็ ปน็ ได้ หรอื ผอู้ ่านทา่ นใดเคยเหน็ พระพทุ ธเจา้ ชว่ ยแจ้งใหผ้ เู้ ขียน ทราบด่วน ถา้ ไมต่ ้องการเปดิ เผยตัวตนก็ขอทอ่ี ยู่เป็นการส่วน ตวั เพราะตอนนผี้ เู้ ขยี นเองกม็ คี ำ� ถามอยากจะรู้ และนา่ จะเปน็ รอ้ ยเปน็ พนั ค�ำถามมากกวา่ พระเจา้ มลิ นิ ท์
52 พระนาคเสนเถระนนั้ ทา่ นเป็นนกั ปราชญ์ตัวจรงิ การจะ ตอบปัญหาของพระเจ้ามิลินท์น้ัน ท่านพิจารณาแล้วว่าหาก ตอบตรงตามหลักฐานประวัติศาสตร์ ยอ่ มเป็นเร่ืองยุง่ ยากซบั ซ้อนส�ำหรับผู้ฟัง อีกทั้งความสมเหตุสมผลก็น่าจะฟังไม่ข้ึน เพราะสมัยน้ันไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรเหมือนทุก วนั นี้ แมจ้ ะทราบกนั เปน็ อยา่ งดวี า่ พระพทุ ธเจา้ เปน็ ผใู้ หก้ ำ� เนดิ พระพุทธศาสนา แต่เวลาผ่านมาหลายร้อยปีพระธรรมกลาย เป็นความโดดเดน่ มากกว่าพระพุทธองค์ ดว้ ยเหตนุ นั้ พระนาค เสนเถระจึงใชว้ ิธอี ปุ มาวธิ ีตอบคำ� ถามของพระเจา้ มลิ ินท์ ประการแรก พระนาคเสนเถระอุปมาเหมอื นสะดอื ทะเล แม้ไม่เคยมีใครเห็นแต่ก็พากันเชื่อว่ามี เพราะคนสมัยน้ันเชื่อ กนั วา่ สะดอื ทะเลเปน็ ศนู ยก์ ลางของมหาสมทุ ร เปน็ แหลง่ กำ� เนดิ ของสรรพสตั วผ์ อู้ าศยั ในมหาสมทุ ร แมแ้ ตผ่ อู้ าศยั บนภเู ขาสงู ก็ มีความเช่ือเร่ืองสะดือทะเลไม่ต่างจากชาวทะเลแต่ก�ำเนิด ดว้ ยเหตนุ นั้ คำ� ตอบวา่ พระพทุ ธเจา้ มหี รอื ไมก่ ไ็ มต่ า่ งจากความ เชื่อเรือ่ งสะดอื ทะเลแต่อย่างไร ประการท่ีสอง พระนาคเสนเถระเปรียบเหมือนวงศ์ ของกษตั รยิ ์ ตำ� นานตา่ งทราบกนั วา่ วงศก์ ษตั รยิ อ์ นิ เดยี ลว้ นมา จากท้าวโอกกากราช ท้าวสัมมตะ หรอื ท้าวอกิ ษวากุ แตพ่ อ
53 ถามใครแมแ้ ตผ่ เู้ ปน็ กษตั รยิ ส์ มยั นน้ั กไ็ มส่ ามารถตอบได้ พระเจา้ มลิ นิ ทเ์ องกท็ รงพระ deaf แตห่ ลกั ฐานทจ่ี ะสามารถยนื ยนั การ มอี ยขู่ องวงศก์ ษตั รยิ ก์ ค็ อื เครอื่ งราชกกธุ ภณั ฑ์ (Crown Jewels) อันประกอบดว้ ย ๑) พระมหาพชิ ยั มงกฎุ ๒) พระแสงขรรค์ ชัยศรี ๓) ธารกระกร ๔) วาลวชี นี และ ๕) ฉลองพระบาท เช่นเดียวกับความมีอยู่ของพระพุทธเจ้า ตราบใดท่ีมีบริษัทส่ี โดยเฉพาะพระสงฆ์ผู้เป็นตัวแทนของพระพุทธศาสนามีอยู่ก็ แสดงวา่ พระพุทธเจา้ มตี ัวตนจรงิ อยา่ เพิ่งสาธยุ ังมอี ีก!!! ประการสดุ ทา้ ย พระนาคเสนเถระเปรยี บเทยี บพระพทุ ธเจา้ เหมอื นเปลวไฟ ทา่ นถามวา่ เปลวไฟทลี่ กุ โพลงอยเู่ บอ้ื งหนา้ มนั มาจากไหน? พระเจา้ มลิ นิ ทต์ อบวา่ มนั มกี ารจดุ ตอ่ เรอื่ ยมาตงั้ แต่ คบไฟอนั แรก พอพระเถระยอ้ นถามวา่ รไู้ ดอ้ ยา่ งไรวา่ เปน็ คบไฟ อนั แรก? เทา่ นน้ั เองพระเจ้ามิลนิ ทไ์ ปไม่เป็นเหมือนเดก็ ท�ำผดิ จำ� นนดว้ ยหลกั ฐาน ความจรงิ คอื เมอ่ื มเี ปลวไฟทเ่ี หน็ อยกู่ แ็ สดง ว่าต้องมีคบไฟอันก่อนนี้ จะเป็นอันก่อนสมัยโบราณกาลหรือ เพง่ิ เกดิ ขน้ึ ไมน่ าน แตก่ ส็ ามารถพสิ จู นไ์ ดว้ า่ มคี บไฟกอ่ นแนน่ อน ฉันใด พระพุทธเจา้ กต็ อ้ งมฉี นั น้นั
54 พอพดู ถงึ เรอ่ื งคบไฟ ผอู้ า่ นพากนั งงเหมอื นอา่ นปา้ ยโฆษณา ของพรรคการเมอื งไทยสมยั ปจั จบุ ัน ความจรงิ คอื ไฟนน้ั เปน็ เรอื่ งสำ� คญั ระดบั ตำ� นานของอนิ เดยี เลยทีเดยี ว เพราะคนอารยนั อนิ เดยี นับถือไฟมาแตบ่ รรพกาล โดยมีความเชื่อว่าไฟเป็นเทพเจ้าน�ำส่ิงอันเป็นมงคลไปส่งให้ เหล่าเทวดาบนท้องฟ้า ขณะเดียวกันไฟก็เป็นผู้ท�ำลายล้าง อธรรมใหพ้ นิ าศเปน็ จณุ วจิ ณุ ดว้ ยเหตนุ น้ั จงึ ตอ้ งมนี กั บวชดแู ล ไฟเป็นการเฉพาะ โดยคอยเฝ้ากองอัคนีไม่ให้ดับมอด และ คอยเผาเครอ่ื งสงั เวยเพอ่ื บชู าเหลา่ เทพเจา้ นอ้ ยใหญบ่ นสวรรค์ บา้ นเราปจั จบุ นั กม็ พี วกบชู าไฟเชน่ กนั ดไู มย่ ากพอไฟดบั สาวก ลัทธิบูชาไฟจะพากันร้องระงมไม่เป็นอันกินอันนอน เพราะ battery หมด ภาษาวยั รุน่ เรยี กว่าพวกมนุษย์ไฟฟ้า อุปมาทั้งสามอย่างเป็นการช้ีให้เห็นว่าเหตุผลมีคุณค่า มากกว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ผู้เขียนเห็นว่าน่าจะเป็น เอกลกั ษณข์ องผคู้ นสมยั นน้ั ดว้ ยเทคโนโลยอี นั ไมท่ นั สมยั เหมอื น ปจั จบุ นั การจะอธบิ ายใหเ้ หน็ ภาพชดั เจนมากสดุ คงไมเ่ กนิ การ ใชอ้ ปุ มาเปน็ ตวั เปรยี บเทยี บ และกด็ เู หมอื นวา่ จะเปน็ ทยี่ อมรบั
55 กันในวงกว้าง ปัจจุบันวันน้ีหากใช้อุปมาเช่นนี้ก็คงเป็นเร่ือง พ้ืนฐานไป หลังจากพระเจ้ามิลินท์ทราบตัวตัวของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เกิดค�ำถามตามมาว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นพระสัพพัญญูจริง หรอื ไม่? โดยตัง้ คำ� ถาม ๒ ประเดน็ คอื ๑) หากเป็นสัพพัญญู จริงเหตุใดจึงอนุญาตให้พระเทวทัตบวช และ ๒) เหตุใดจึง บญั ญัตพิ ระวินยั ทล่ี ะข้อ
56 ใครตอบไดย้ กมอื เลยอยา่ ชา้ !!! ผู้เขียนเชื่อว่าเราชาวพุทธท้ังหลายก็มีค�ำถามไม่ต่างจาก พระเจ้ามิลินท์ เพียงแต่ว่าไม่มีใครกล้าหาญถามพระคุณเจ้า เหมือนพระเจ้ามิลินท์เท่านั้น เหตุผลอาจจะมีมากมายหลาย ประการแตกตา่ งกนั ออกไป แตส่ ว่ นใหญม่ กั จบลงตรงทว่ี า่ กลวั ตกนรก!!! กอ่ นตอบคำ� ถามเรากลบั ไปทบทวนความจ�ำกนั กอ่ น คือ เร่ืองของพระเทวทัตกับการบัญญัติพระวินัย พระเทวทัตน้ัน เปน็ พระประยรู ญาตฝิ า่ ยพระมารดาของพระพทุ ธเจา้ ออกบวช พร้อมพระประยูรญาติหลายพระองค์ กล่าวคือพระอานนท์ พระภัททิยะ พระอนุรทุ ธะ และนายช่างตัดผมอุบาลี ตำ� นาน บอกวา่ พอบวชก็ส�ำแดงความอยากใหญ่ให้ปรากฏ โดยหนั ไป คบกับอชาตศัตรูกุมารด้วยการยุยงให้สังหารพระบิดาเพ่ือ ปกครองบา้ นเมอื ง สว่ นตนหาวธิ ปี ลงพระชนมพ์ ระพทุ ธเจา้ เพอื่ ปกครองคณะสงฆ์ ฉากสุดท้ายพระเทวทัตมรณภาพโดย ถกู ธรณีสบู ส่วนอีกเร่ืองหนึ่งคือการบัญญัติพระวินัยเพ่ือควบคุม พฤติกรรมของพระสงฆ์ พูดแบบง่ายคือศีล ๒๒๗ ข้อของ
57 พระน้ันเอง หลักฐานบอกว่าพระพุทธเจ้าจะทรงบัญญัติหรือ ออกกฎควบคมุ พระสงฆก์ ต็ อ่ เมอื่ มเี รอ่ื งราวเกดิ ขนึ้ กอ่ น อาจจะ เป็นชาวบ้านร้องเรียนหรือพระสงฆ์ร้องเรียนกันเอง กว่าจะ กลายเป็นวนิ ัยครบ ๒๒๗ ข้อ กใ็ ชเ้ วลาเกือบปลายพุทธกาล อนั นีเ้ ป็นคำ� อธิบายของผูเ้ ขยี นเองไมต่ อ้ งสาธุ!!! เรื่องพุทธานญุ าตพระเทวทัตบวชนนั้ พระนาคเสนเถระ ฟนั ธงเลยวา่ เพราะพระพทุ ธเจา้ ทรงมพี ระกรณุ าตอ่ พระประยรู ญาติ จะเห็นได้ว่าทรงให้เอกสิทธิก์ ับพระประยูรญาตคิ ่อนข้าง มาก ดงั เชน่ ทรงแนะนำ� หมสู่ งฆว์ า่ หากพระประยรู ญาตติ อ้ งการ
58 บวชกส็ ามารถบวชไดเ้ ลย โดยไมต่ อ้ งรอขออนญุ าตบดิ ามารดา พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้รับประกันเอง ยิ่งกว่าน้ันพระประยูร ญาติต้องการบวชไม่ต้องเร่ืองมากกล่าวค�ำขอบวชได้เลย แม้สมัยนนั้ จะมขี ้อบงั คับส�ำหรบั นกั บวชนอกศาสนา ดว้ ยการ อยู่ปริวาสถงึ หกเดือน แตส่ �ำหรบั พระประยรู ญาติใหใ้ ช้ใบผา่ น ไดเ้ ลย พระกรุณาต่อพระเทวทัตก็ไม่ต่างจากพระประยูรญาติ เหล่าอนื่ ส่วนกรณีพระเทวทัตสร้างวีรกรรมส�ำคัญด้วยการปฏิวัติ ศาสนาและสถาบนั กษตั รยิ น์ นั้ นา่ จะเปน็ เหตผุ ลหนงึ่ ทพ่ี ระพทุ ธเจา้ ไม่ใช้มาตรการใดเข้าไปหักหาญ เพราะตอนนั้นเจ้าชายอชาต ศตั รเู ปน็ ผทู้ รงอทิ ธพิ ลทางการเมอื ง ประการสำ� คญั คอื พระพทุ ธ ศาสนากำ� ลงั กอ่ รา่ งสรา้ งตน ยอ่ มไมป่ ลอดภยั หากตอ้ งใชว้ ธิ กี าร หักหาญน้ำ� ใจพระเทวทตั ผมู้ ีนกั การเมืองเปน็ ก�ำแพงเหลก็ อันหลังน้ีเป็นค�ำอธิบายของผู้เขียนเอง ไม่เก่ียวกับพระ นาคเสนเถระแต่อยา่ งใด สว่ นเรอ่ื งการบญั ญตั พิ ระวนิ ยั นน้ั พระนาคเสนเถระตอบ พระเจ้ามลิ นิ ทว์ ่าพระพทุ ธเจา้ เหมอื นหมอรักษาโรค เวลาปรงุ
59 ยารกั ษาคนไขก้ ป็ รงุ เปน็ หมอ้ รกั ษาเปน็ รายบคุ คล มไิ ดป้ รงุ หมอ้ เดียวแล้วรกั ษาคนท้ังโลก เชน่ เดียวกนั พระสงฆ์ทเี่ ข้ามาส่รู ่ม เงาของพระพุทธศาสนามิได้ท�ำผิดแบบเดียวกันหมด ต่างคน ตา่ งความคิด การบญั ญัติพระวินยั จงึ ทำ� กต็ ่อเมื่อเกิดความผิด ข้นึ เท่านัน้ แต่มีผลตอ่ พระสงฆ์ผู้เปน็ สมณศากยบตุ รทุกรปู ตรงนข้ี อแทรกวธิ กี ารบญั ญตั พิ ระวนิ ยั สกั หนอ่ ย เพอื่ ใหผ้ ู้ อยนู่ อกกำ� แพงวดั ทราบพอเปน็ ความรู้ การบญั ญตั พิ ระวนิ ยั นนั้ จะเกิดขึน้ ไดต้ ่อเมอ่ื มีผรู้ ้องเรยี นเรอ่ื งเสยี หายเสียกอ่ น จากนน้ั พระพุทธเจ้าจะน�ำเรื่องน้ันเข้าสู่คณะสงฆ์ ขอความเห็นจาก
60 คณะสงฆ์ก่อนว่าควรจะตราเป็นกฎส�ำหรับควบคุมพระสงฆ์ หรือไม่? หากเร่ืองใดเก่ียวพันกับทางโลกด้วยเกิดข้อเสียหาย ร้ายแรง พระพุทธองค์กจ็ ะทรงถามฆราวาสผรู้ วู้ ่าความผดิ เชน่ น้ันหากเปรียบเทียบกับทางโลกเป็นเช่นไร? เสร็จน�ำเข้าสู่ คณะสงฆอ์ กี รอบหนง่ึ เพอ่ื ขอความเหน็ ครนั้ คณะสงฆเ์ หน็ พอ้ ง กันแล้วจึงประกาศรับรองสามครั้ง จึงเป็นอันว่ากฎหมาย ขอ้ นัน้ ผา่ นสงั ฆานุมตั ิเรยี บร้อยแล้ว พระวินัย ๒๒๗ ข้อ จึงมิได้เกิดจากการใช้อ�ำนาจของ พระพทุ ธเจา้ แตอ่ ยา่ งใด เปน็ การเหน็ พอ้ งตอ้ งกนั ของคณะสงฆ์ ไม่เหมอื นคณะสงฆไ์ ทยปจั จุบนั วนั นี้!!!
61 สิ่งหนึ่งท่ีเห็นได้จากโต้วาทีระหว่างพระนาคเสนเถระกับ พระเจ้ามิลินท์คือ การยอมรับความคิดเห็นของกันและกัน แม้บางส่วนพระเจ้ามิลินท์อาจจะไม่เห็นด้วยกับค�ำตอบของ พระนาคเสนเถระ แตก่ ไ็ มถ่ งึ กลบั ยอ้ นถามจนเกดิ ความขดั แยง้ พระนาคเสนเถระกเ็ ชน่ เดยี วกนั แมบ้ างคำ� ตอบจะสามารถกา้ ว ลว่ งไปถงึ พนื้ ฐานความรขู้ องพระเจา้ มลิ นิ ท์ ทา่ นกไ็ มอ่ ธบิ ายจน ทำ� ใหพ้ ระเจา้ มลิ นิ ทเ์ สยี พระพกั ตร์ คำ� ตอบแตล่ ะขอ้ ลว้ นตงั้ อยู่ บนพนื้ ฐานความรขู้ องพระเจา้ มลิ นิ ทเ์ ปน็ หลกั ดว้ ยวธิ ดี งั กลา่ ว การโต้วาทที ัง้ สองฝ่ายจึงเปน็ ลักษณะเอ้ืออาทรกนั และกัน
62 หนงั สอื อ่านประกอบ มลิ นิ ทปญั หา. กรงุ เทพมหานคร: สำ� นกั พมิ พศ์ ลิ ปาบรรณาคาร, ๒๕๔๙. Advaitavadini Kaul. Kashmir’s Contribution to Buddhism in Central Asia. A Thesis of Doctor of Philosophy submitted to University of Kashmir, 1987. Balbir Kumar. The Origin and Development of Sarvastivada School of Buddhim in Kashmir-Gandhara Regions. A Thesis of Doctor of Philosophy submitted to University of Jammu, 2013. Bimala Churn Law. A History of Pali Literature vol.1-2. New Delhi: Rekha Printers, 2000. D.C. Ahir. Buddhism in the Punjab, Haryana and Himachal Pradesh. New Delhi: Munshi Ram Manohar Lal, 1971.
63 Do Thanh Trung. Cullavagga and Milindapanha: A Comparative Study. A Thesis of Doctor of Philosophy submitted to Savitribai Phule Pune University, 2014. G.P. Malalasekera. Dictionary of Pali Proper Names vol.2. Delhi: Munshiram Manoharlal, 2002. Gandharan Buddhism. Toronto: UBCPress, 2006. Rabindra Nath Baru. A Critical Study of the Milindapanha. A Thesis of Doctor of Philosophy submitted to Calcutta University, 1974. T.W. Rhys Davids. The Questions of King Milinda part.1-2. Delhi: Asian Educational Services, 1977. W.W. Tarn. The Greeks in Bactria & India. London: the Cambridge University Press, 1966.
รายนามผรู้ ว่ มบริจาคพมิ พ์หนังสอื พระนสิ ิตสาขาวิชาพระพุทธศาสนา วิทยาลยั สงฆบ์ รุ ีรัมย์ ชั้นปีที่ ๒ ๓,๐๕๐ บาท ชน้ั ปที ่ี ๓ ๓,๒๕๐ บาท ชัน้ ปที ี่ ๔ ๒,๘๐๐ บาท บรจิ าคท่านละ ๑๐,๔๒๐ บาท อทุ ศิ ใหพ้ ่อเขยี ว-แมส่ มร ศรีใส ทา่ นละ ๔,๐๐๐ บาท คณุ ทัศนีย์ สรุ วชิ ัย ท่านละ ๓,๐๐๐ บาท คุณเพ็ญรวี สอื่ รตั นสิริ ทา่ นละ ๒,๐๐๐ บาท คณุ กานดา เอนกลาภากจิ ทพญ. อัจฉรา กลน่ิ สวุ รรณ ์ ท่านละ ๑,๐๐๐ บาท พระมหาถนอม อานันโท, ดร. ภิกษณุ ีรัตนะ ธัมมเมธา คุณจิตประสงค์ ศริ ิพงศ์ คุณประภาพร สุดสาคร คณุ นติ ยา ปากเมอื ง
ทา่ นละ ๕๕๐ บาท คุณลภัสรดา ลาดปาละ ท่านละ ๕๐๐ บาท ดร.ชยาภรณ์ สุขประเสรฐิ คณุ สวุ ิมล พงศ์ไพบูลย์ คณุ ไพริน ใจเย็น คณุ ฟองจันทร์ แสงค�ำ คุณสุรีรัตน์ สมุ าลย์ คุณขวญั ดาว วุฒวิ งษ์ คณุ กิตติส์ ิรญี า จงประเสริฐ คุณโสภติ า สาตร์ทิม คุณสขุ ใจ หนทู อง อาจารยไ์ ว ชรึ มั ย์ ทา่ นละ ๓๐๐ บาท คุณสุมาลี ศรีศภุ โชค คุณสุจิตราภา นิลค�ำแหง คณุ ชนิ ตา รัตตะสขุ คณุ ชนิดาญา เขยี วชอุ่ม คณุ วันทณี สุมาลย์ ทา่ นละ ๒๐๐ บาท คณุ สุวินดา เตชะตน พอ่ สเุ ทพ-แมพ่ นู สขุ ศิรพิ งษ์ คณุ นงลักษณ์ ขนั มณ ี ท่านละ ๑๕๐ บาท แม่บญุ มา-พ่อช่วย เจริญรมั ย์ ทา่ นละ ๑๐๐ บาท คุณฉนั เพชร กนั ฑะรส พอ่ หว่า นุเรศรัมย์ พอ่ วุฒิชยั -แมธ่ ูป ศิริรัมย์ พ่อลอย-แม่ถนอม จะแรบรัมย์
พ่อพชิ ิต อพรรมั ย์ แมล่ ำ� เพย จริตรัมย์ พ่อประกจิ -แมร่ ุจี จรดรมั ย์ แมอ่ ไุ ร ฉิมพล ี แมป่ ราณี เจรญิ รัมย์ พอ่ เหลอื บุญศรีรมั ย์ แม่ฉะแล้ม อไุ รรกั ษ ์ พอ่ สอกึ อะโรคา พอ่ ไสว จะเรกิ รัมย ์ ทา่ นละ ๖๐ บาท พอ่ เตียน ฉายศรี แมค่ ง เจริญรัมย์ แม่สนอง บุญศรีรมั ย ์ พอ่ ชะออ้ น ขาลรมั ย ์ ท่านละ ๕๐ บาท พ่อไกรศรี วเิ ศษวุฒไิ กร พ่อเจก๊ สทิ ธศิ รี แม่เพียร จรติ รมั ย ์ แมป่ ระกอบ แก่นนอน แม่สงั ข์ เกตุชิต พ่อประวัติ เจรญิ รัมย์ แมว่ รรณดี เจริญรมั ย์ แมศ่ ิริพร นเิ ลิศรมั ย ์ แมล่ ด จะแรบรมั ย์ แม่ประนอม การกระสัง แมก่ รองแก้ว ยนิ ดีรมั ย์ แม่สงวน ศิริรัมย ์ แมอ่ อ้ ม เจริญรัมย์ แมช่ อุ่ม นรนิ รมั ย ์ แมน่ ิ เจริญรัมย์ แมเ่ มียน เจริญรัมย ์ แม่บญุ มี เจริญรมั ย์ แมส่ ดุ ใจ จริตรัมย์ แมล่ อย หวังใหญ่รัมย์ แม่สมรักษ์ จะแรบรัมย ์ คณุ สมพงษ์ สรุ ินทรบรู ณ์ พอ่ ยุน ทเริงรมั ย์ แมก่ ุหลาบ เจริญรัมย ์ พอ่ ลออ ใบเงิน แมส่ ุภาพ ใบเงิน พ่อบัว จะแรบรัมย ์ แมอ่ าน ผลาหาญ
Search