ผูป้ ว่ ยในวันน้นั เป็นอาจารยใ์ ห้ฉันในวันน้ี จุฑารตั น์ เสมอื นโพธิ์ เหตุการณ์ท่ีจะอยู่ในความทรงจาของฉันตลอดไป มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างท่ีฉัน จะไม่มีวันลืม ฉันเป็นนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตช้ันปีท่ี 2 ฉันได้ขึ้นฝึกงานท่ีโรงพยาบาลชัยนาท นเรนทร จังหวัดชัยนาท พวกเรานักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตช้ันปีที่สองทุก ๆ คนต้องฝึกงานเป็น เวลา 1 เดือนเต็ม โดยที่พวกเราก็ต่างไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรข้ึนกับชีวิตของการฝึกงาน มันเป็นจุดเริ่มต้น ของก้าวแรกของพวกเราทกุ คน ทาใหฉ้ ันเป็นกังวลอยา่ งมากว่าจะทาได้ไม่ดีพอ เพราะชีวิตทุกชีวิตล้วน แลว้ แตม่ ีคุณคา่ มศี ักด์ศิ รี จนวันหนง่ึ วันทีฉ่ ันกลัววา่ ก็มาถงึ ฉันไดไ้ ปฝึกงาน วอร์ดแรกของฉันคือการฝึกอายุรกรรมชาย ฉันรู้สึกต่ืนเต้นและเป็นกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว กร็ สู้ ึกวา่ อยากทาอยากชว่ ยเหลือทุก ๆ ชีวิตที่กาลังรอและมีความหวงั ทีจ่ ะหายจากโรคและรอการกลับ บ้าน และวันที่ฉันเกิดความรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ฉันจะจดจาและไม่มีวันลืมนั้นก็คือ เหตุการณ์น้ีเกิดข้ึน ชว่ งเวลาหลัง 16:30 น. มันคือเหตุการณ์ท่ีฉันได้ดูดเสมหะให้กับผู้ป่วยเตียง 24 ซ่ึงทุกคนกาลังคิดว่าก็ แคด่ ูดเสมหะใหก้ ับผู้ปว่ ยจะต้องคิดอะไรเยอะแยะ แต่สาหรับฉันมันเป็นเหตุการณ์ท่ีลุงรู้สึกตัวใส่ท่อใส่ สายต่าง ๆ มากมายฉันจาเป็นต้องทาหัตถการให้กับคุณลุงเตียง 24 เพราะว่าฉันต้องการเก็บเคส ใน ตอนน้ันจินตนาการในหัวของฉันมันมีมากมายเพราะว่านี่คือการทากับคนจริง ๆ ไม่ใช่แค่หุ่นที่เราเคย สอบ ความรู้สึกในตอนน้ันมันท้ังกังวล ทั้งกลัว และส่ันไปหมด แต่ในการทาหัตถการคร้ังน้ันจะมีพ่ี ผู้ชว่ ยพยาบาลพาฉนั ไปดูดเสมหะใหก้ บั คณุ ลุง ตอนนน้ั พ่ผี ูช้ ่วยพยาบาลบอกกบั ฉนั วา่ “นอ้ งไปเตรยี มรถท่ีมอี ุปกรณ์ดูดเสมหะเรว็ ” ฉันก็รับปากพ่ีว่าค่ะ ๆ หลังจากน้ันฉันนารถที่มีอุปกรณ์ดูดเสมหะไปท่ีท้ายเตียง 24 พ่ีผู้ช่วยพยาบาล บอกว่าให้ฉันใส่ถุงมือ ตอนที่ฉันใส่ถุงมือ มือฉันสั่นไปหมดมันรู้สึกกลัวและก็อยากทามาก ๆ พ่ีผู้ช่วย พยาบาลบอกวา่ “แกใส่ถุงมอื Contaminated ถอดออกแลว้ ใส่ใหม”่ ในขณะเดียวกันผู้ป่วยก็กาลังไอและมองมาท่ีฉันโดยมีญาติผู้ป่วยอยู่ข้าง ๆ เตียงที่ก็กาลังมองมาที่ฉัน เหมอื นกัน ฉนั รู้สกึ กดดันและบอกกบั ตวั เองวา่
“เราต้องทาได้ผู้ป่วยรอเราอยู่นะ” เหตุการณ์น้ันสรุปว่าฉันใส่ถุงมือทั้งหมด 3 คร้ัง เนื่องจาก 2 คร้ังแรกเกิดการ Contaminated จนกระท่ังคร้ังท่ี 3 ใส่ถุงมือสาเร็จ ฉันทาการดูดเสมหะให้กับคุณลุง ฉันนาสายดูดเสมหะเข้าไปในท่อ คณุ ลงุ สง่ สายตามาให้ฉนั เหมือนกาลังจะบอกวา่ “ใหใ้ ส่สายดดู เสมหะเข้าไปลึก ๆ เพราะวา่ ลงุ หายใจไม่สะดวกเลย” และลุงก็ทาท่าเหมือนจะเอามือมาจับสายดูดเสมหะเอง แต่อยู่ดีดีก็เกิดเหตุการณ์ที่ฉันไม่คาดคิดเกิด ขึน้ กับคุณลุง คุณลุงมีสหี นา้ ทเ่ี หมือนคนจะขาดใจตอนนั้นฉนั บอกกบั พีผ่ ้ชู ว่ ยพยาบาลว่า “พ่ีค่ะทายังไงต่อค่ะคุณลุงเหมอื นจะไม่ไหว” พีบ่ อกว่า “ใหท้ าต่อไป” จนสกั พักกม็ เี ลือดไหลย้อนขึ้นมาในสายดูดเสมหะตอนนั้นฉันตกใจเป็นอย่างมากแล้วฉันจึงนาสายดูด เสมหะออกจากทอ่ ในตอนนั้นน้าตาของผู้ปว่ ยก็ไหลออกมาฉนั ตกใจมาก บอกกบั ตัวเองในใจว่า “ไม่อยากทาแลว้ ไมเ่ อาแล้ว พอแล้ว” พ่ีผู้ช่วยพยาบาลบอกกับฉันว่าให้ใส่สายดูดเข้าไปในท่ออีกคร้ัง ฉันจึงกล้ันใจและใส่สายดูดเสมหะเข้า ไป หลงั จากนน้ั กม็ ลี ่มิ เลอื ดออกมาอีกครั้งพร้อมกับน้าตาของคุณลุง ฉันคิดว่าฉันต้องหยุด หลังจากน้ัน ฉันก็นาสายดดู เสมหะออกจากท่อและทาการดดู เสมหะภายในปากคร้ังสุดทา้ ย ฉันลืมบอกไปว่าในขณะที่ฉันทาหัตถการให้กับคุณลุง คุณลุงได้มองหน้าฉันตลอดเหมือนคุณลุง อยากจะพดู หรืออยากจะบอกอะไรกับฉันสักอย่าง แต่คุณลุงกท็ าไดแ้ คก่ ระพรบิ ตาและพยกั หนา้ เท่านั้น เหตกุ ารณ์นที้ าให้ฉันโทรไปหาแมห่ าพส่ี าว และเล่าเหตกุ ารณท์ กุ อย่างใหฟ้ งั แมก่ บั พี่สาวของฉนั บอกวา่ “ฉันทาดที ี่สดุ แล้วและกเ็ ปน็ กาลังใจใหฉ้ ัน และยงั บอกกับฉนั อีกวา่ ใหส้ ู้อย่าท้ออย่าร้องไห้ ทุก ๆ ชีวติ รออย่นู ะ” คาพูดของแม่กับพ่ีสาวของฉันทาให้น้าตาของฉันไหลออกมา พอวันรุ่งข้ึนฉันก็ไปดูอาการของคุณลุง คุณลุงสบายดีอาการไม่ทรุด แต่ก็ยังมีเสมหะอยู่เหมือนเดิม น่ีก็เป็นเหตุการณ์ท่ีทาให้ฉันจดจาและ ขอบคุณ คุณลงุ ท่เี ป็นอาจารยท์ ่ีดที ี่สดุ ให้กบั ฉนั ฉันจึงนาบทเรียนเหล่าน้ีไปใช้ในการฝึกงานของฉันโดย ประกอบกับการบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์และเป็นนักปฏิบัติการพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพ ด้านการใช้ปัญญา ซึ่งเป็นอัตราลักษณ์ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชัยนาท มีหัวใจท่ีสาคัญใน การบรกิ ารคือ S : Service mind หมายถึง จิตบริการ จิตอาสา และมีเมตตา ซ่ึงเราทุกคนมีจิตการ บริการทท่ี าด้วยใจจรงิ ในการฝกึ งานหรือในการท่ีเราทางานแล้ว
A : Analytical tinkling หมายถึง คิดวิเคราะห์จาแนกแจกแจงความเป็นเหตุเป็นผล ซ่ึง กระบวนการทางพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์น้ันจะต้องมีการคิดอย่างเป็น ระบบและควรคานึงถงึ ผ้ปู ว่ ยเป็นหลกั P : Participation หมายถึง การให้ผู้รับบริการมีส่วนร่วมด้วยความเคารพในศักด์ิศรี ความเป็นมนุษย์ ซ่ึงข้อนี้ก็สามารถนามาปรับใช้กับผู้ป่วยได้ โดยให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการรับรู้การ รกั ษา W : Wisdom หมายถึง การนาความร้คู วามสามารถ ความเช่ือ แบบแผนการดาเนินชีวิต ท่ีมีคุณค่า ท่ีส่ังสมมาใช้แก้ไขปัญหา และพัฒนาวิถีชีวิตให้สมดุลจัดสภาพแวดล้อมและยุคสมัย ซ่ึง ผู้ป่วยและญาติของผู้ป่วยก็ต่างมีความเช่ือและยังมีความรู้ในการรักษาร่างกายในเบ้ืองต้น ซ่ึงอาจเกิด จากประสบการณ์หรือภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ ของผ้ปู ว่ ยเอง และตัวสุดทา้ ย E : Enhancer หมายถึง การเป็นนักปฎิบัติการพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพ มุ่งส่งเสริม พฤติกรรมของบุคคลสังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อให้บุคคลมีสุขภาพวะทางกาย จิต สังคมและจิต วิญญาณท่ีดี สุดท้ายน้ีจากที่กล่าวมาการบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์น้ันถือเป็นหัวใจหลักสาคัญ ของการพยาบาลท่ีคอยประคับประคองจิตใจร่างกายของผู้ป่วยโดยมีพยาบาลผู้ป่วยและญาติร่วมมือ กนั โดยทฉ่ี ันมขี ้อความสั้น ๆ เก่ียวกับการเสริมสร้างกาลงั ใจใหก้ ับผ้ปู ว่ ย กล่าวได้วา่ “ จิตใจทเ่ี ข้มแขง็ และการมองโลกในแง่ดี คือสงิ่ ทสี่ าคัญทสี่ ุดที่ทาให้ผู้ปว่ ยทุกคน ผ่านช่วงเวลาท่ยี ากลาบากมาได้ ”
ส่กู ารเปน็ ….. นางฟ้าตัวนอ้ ย พมิ พม์ าดา สถติ ย์พงษ์ คณุ เคยอยู่ในฐานะที่เห็นคนในครบครัวเจ็บ… แต่เราไม่สามารถช่วยคนในครอบครัวของเราได้ ไหม คุณเคยดูแลคนอื่น แต่กลับคนในครอบครัวตัวเองแทบไม่มีเวลากลับไปดูแลเลยรึเปล่า คุณเคย เห็นเหตุการณ์ทพ่ี ยาบาลละเลยหน้าทข่ี องตนเองหรือไม่ .... วันที่ 17 กรกฎาคม 2560 ยังเป็นวันท่ีฉันจาได้ขึ้นใจ ว่าฉันทาความฝันของแม่เป็นจริงแล้ว เพราะแม่อยากให้เรียนพยาบาล ฉันเป็นหน่ึงในไม่ก่ีคนท่ีใส่ชุดนักศึกษาของสถาบันอื่นเขามารายงาน ตัวท่ีวทิ ยาลัยแห่งน้ี ใช่คะ่ ฉนั เป็นเด็กซ่วิ ฉนั รสู้ กึ เฉยๆมากกับการท่ีต้องมารับน้องใหม่ เพราะคิดเสมอ ว่าเราเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว แต่... มันไม่ง่ายอย่างน้ันเลย เพราะท่ีน่ีมีความกดดันหลายๆอย่าง ทั้งกฎ ท้ังระเบียบ ฉันคิดในแง่ดีว่า เอาน่าอยู่ไปสักพักเดียวก็คงชิน แต่ก็ไม่เลย ย่ิงอยู่ย่ิงเหมือนมีแรงกดดัน จากหลายๆทางถาโถมเข้ามา จากท่ีเคยมีอิสระ ก็เหมือนนกท่ีถูกขังกรง จากท่ีเคยเรียนๆเล่นๆ ก็ต้อง จริงจังมากข้ึน ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจอาจารย์ที่เข้ามาสอนแต่ละคร้ัง พี่รหัสในสายท่ีบอกให้ตั้งใจเรียน ฉันก็ย่ิงไม่เข้าใจว่าทาไมต้องจริงจังขนาดนั้นด้วย แม้แต่วิชาพ้ืนฐานเล็กๆน้อยๆ อย่างจุลชีวะ คณติ ศาสตร์ แตถ่ ้าเปน็ อนาโตมี่ ก็พอเขา้ ใจอย่บู ้างแหละ จนกระท่งั …. ฉันขึ้นมาปี 2 พอรู้ว่าปล่อยกฎ ชีวิตก็เหมือนได้อิสระขึ้นมาบ้าง แต่ใครจะรู้ว่ามันกดดันมาก กว่าเดิม ฉันเริ่มเข้าใจเร่ืองที่อาจารย์คอยบ่นคอยว่า พ่ีในสายรหัสคอยเตือนอยู่บ่อยคร้ังแล้ว ว่าทาไม ถงึ ตอ้ งต้งั ใจเรียนแม้แต่ในวชิ าที่เป็นวชิ าพ้ืนฐาน เพราะมันตอ้ งเอามาประยกุ ต์ใช้กับวิชาที่เข้าสู่ทางการ พยาบาล ฉันเหมือนเริ่มจากศูนย์อีกครั้ง เพราะตอนปี 1 แทบจะไม่ได้ต้ังใจเรียนเลย พอเรียนๆไป อาจารย์จะบ่นต่างจากตอนปี1 คือ ให้ต้ังใจเรียน เก็บความรู้และทักษะไว้ให้ได้มากท่ีสุด “เพราะเรา ตอ้ งทางานกับชีวิตคน” คานที้ าใหฉ้ นั ไดฉ้ ุกคิดข้ึนมาบ้างว่า ชีวิตคนไม่มีอะไหล่ หากเราทาผิดพลาดก็ เหมือนกับเราพรากชีวิตคนคนหน่ึง อาจจะเป็น พ่อ แม่ ลูก หรือหลาน ไปจากครอบครัวที่เขารักก็ได้ พอคิดได้ก็ต้ังใจเรียนมากขึ้น แต่ปัญหารอบๆตัวก็มีมากขึ้นเหมือนเดิม ทาให้เริ่มรู้สึกท้อในเรื่องการ เรียน เฝ้ารอแต่การกลับบ้าน ถามตัวเองทุกวันว่าเรามาเรียนอะไรที่น่ี ซ่ิวมาทาไม มันไม่เห็นจะคุ้มกัน เลย ….. เวลาปี 2 ผ่านไปไวมาก เรียนๆไม่เท่าไร ก็ใกล้วันรับหมวกเข้ามาทุกที ย่ิงใกล้วันรับหมวก เทา่ ไร ความกดดันก็ย่ิงมากข้ึนเท่าน้ัน จะเห็นได้ว่าท่ีนี่มีแต่คาว่ากดดันเต็มไปหมด... ดั่งคาที่พี่ๆทุกชั้น ปีบอกเสมอว่า “หมวกใบน้อย หนักร้อยตัน” ตอนแรกฉันก็คิดนะ ว่ามันดูเว่อร์เกินไปหรือเปล่านะ
เลยไม่ได้ต่ืนเต้นกับวันรับหมวกสักเท่าไร แต่คนท่ีต่ืนเต้นที่สุดเห็นว่าจะเป็นแม่ของฉันนี่แหละ เพราะ แมเ่ ร่ิมชวนญาตแิ ละคนสนิทๆมางานรบั หมวกแลว้ ฉนั เคยถามแม่ว่าดใี จไหม หนจู ะมหี มวกแล้วนะ แม่ บอกว่า ก็ดีใจสิ่ จะก้าวเข้าสู่วิชาชีพพยาบาลแล้ว พร้อมกับอวยพรล่วงหน้าว่า “จะไปทางานกับชีวิต คนไข้ เราต้องระมัดระวังและรอบคอบนะ ทาให้เหมือนเขาเป็นครอบครวั ของเรา แล้วเราจะมีความสุข เพราะเราจะได้คิดเสมอว่า เรากาลังดูแลคนในครอบครัวของเรา” ฉันสงสัยเล็กน้อย เพราะคาพูดแบบ น้กี พ็ ูดกันหลายคนเลย ทั้งๆทีฉ่ นั ก็แคร่ ับหมวก ยงั ไม่จบเปน็ พยาบาลจริงๆสักหนอ่ ย วันรับหมวก.. มาถึงเร็วกว่าที่คิด เหมือนฉันกาลังเรียนๆอยู่แล้วก็มารับหมวกแล้ว ตอนแรกฉัน กว็ ่าไม่ตืน่ เตน้ เท่าไร แต่พอใส่ชดุ ฟา้ -ขาว แล้ว มนั รู้สกึ แปลกๆ ใจมันหววิ ๆ ครอบครัวของฉันมากันแต่ เช้า และแน่นอน อย่างท่ีเคยบอก แม่ฉันดูต่ืนเต้นกว่าใครๆ และก็แอบยิ้มๆเล็กน้อยเม่ือเห็นลูก แต่งหน้าจัดเต็มมาก หลังจากท่ีไม่ได้เห็นมากว่า 10 ปี หลังจากงานเต้นราของโรงเรียนตอนประถม ตอนที่เข้ารับหมวก จะมีผู้ปกครอง 1 ท่าน เข้าไปร่วมในพิธี แม่ของฉันกลายเป็นคนถ่ายรูปเก่งไปเลย เพราะใช้มือถือถ่ายแต่รูปฉันในงาน ตอนเข้าพิธี ฉันใจหวิวๆ ยิ่งตอนท่ีได้รับหมวกมาแล้ว และให้ อาจารย์แต่ละท่านติดหมวกให้ฉันย่ิงรู้สึกใจหวิวๆมากขึ้น มันเหมือนมีพลังอะไรสักอย่างทาให้ฉันรู้สึก แบบน้ัน จนกระทั่งพวกเรา นักศึกษาปี 2 กล่าวคาปฏิญาณ และร้องเพลงมาร์ชพยาบาล ตอนน้ันมัน ขนลกุ นา้ ตาคลอ นึกถงึ คาพูดต่างๆ ทง้ั ของแม่ อาจารย์ และพี่ๆ เลยเขา้ ใจแลว้ วา่ พยาบาล เป็นอาชีพ ที่อยู่ในเส้นขนานของบาปและบุญ ใครว่าการเป็นพยาบาลเหมือนการทาบุญ น่ันก็ส่วนหน่ึง ถ้าเรา ปฏิบัติต่อคนไข้อย่างดี และสุดความสามารถ แต่ถ้าพูดถึงบาป วิชาชีพนี้ก็คงหนีไม่พ้น เพราะถ้าเรา ประมาท ก็อาจจะทาให้คนไข้เป็นอันตราย หรือถึงแก่ชีวิตได้ เพราะฉะน้ัน ก่อนท่ีเราจะให้การ พยาบาลใคร เราก็ต้องมีความรู้ และรอบคอบอยู่เสมอ เพราะชีวิตของคน ถ้าผิดพลาดไปเราไม่ สามารถแกไ้ ขไดเ้ ลย ขึ้นวอร์ดผู้ป่วยครั้งแรกของฉัน วอร์ดแรกของการเป็นนักศึกษาพยาบาลคือ ตึกศัลยกรรม4 โดยผูป้ ว่ ยส่วนใหญ่จะเป็นแผลกดทบั แผลติดเชื้อ แผลทม่ี คี วามรุนแรงอย่างน้อยก็ระดับ 3 คืนก่อนวัน แรกท่ีข้ึน ก่อนนอนก็มนี า้ ตาซมึ บ้าง เพราะไมร่ วู้ า่ จะโดนอะไรบ้าง และจากที่ไปรับเคสมาวันอาทิตย์ ก็ หนักใจสาหรับคนกลัวเลือดกลัวเข็มอย่างฉันพอสมควร พอถึงเวลาที่ต้องขึ้นวอร์ดจริงๆ วันแรกเราไป กันต้ังแต่พระอาทติ ยย์ ังไม่ขน้ึ ไปถงึ กท็ าอะไรไม่ถกู แต่ก็ต้องทาตวั ให้ยุ่งๆเข้าไว้ จนพ่พี ยาบาลสง่ เวรกัน เสร็จ อาจารย์มาถึงก็ไปพูดคุยกันประมาณ 30 นาที เพื่อทาความเข้าใจเคสต่างๆ และท่ี Surprise สาหรับฉนั ท่สี ุดเลยกค็ อื เคสทาแผลเคสแรกของฉนั คอื แผลเบาหวาน ซึง่ เปน็ แผลที่ใหญ่และลึกมาก ยัง ไม่ได้ทา DB เลย และต้องเก็บเช้ือส่งตรวจด้วย ตอนฉันเห็นแผล ใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม มือส่ัน เหง่ือ
น่าจะหยดเต็มหลัง แต่ฉันก็บอกกับตัวเองว่า “เราต้องทาได้!!” แล้วไปเดินลากอุปกรณ์มาทาแผล ซึ่ง อาจารย์ก็ช่วยเหลอื และอธิบายอยา่ งดี วา่ ควรตอ้ งทาอย่างไร ฉันทาแผลไป คุยกับคนไข้ไป ถามอาการ ปัจจุบัน และเรื่องอ่ืนๆอีกมากมาย เพื่อให้คนไข้ผ่อนคลาย เมื่อทาแผลเสร็จสิ่งที่ฉันได้รับ ไม่ใช่แค่ ประสบการณ์ แต่เป็นรอยยิ้ม คาขอบคุณที่คนไข้ และญาติส่งมาให้ด้วยความจริงใจทาให้ความกลัว เลอื ดและเขม็ ของฉันหายไปเกนิ คร่ึง ฉนั ได้เรียนรเู้ รื่องต่างๆจากเคสอกี มากมายในขณะขึ้นฝึกงาน หาก เราดูแลเขาเหมือนญาติ และบริการเขาด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ ส่ิงท่ีเราได้รับกลับมาคือ เขาก็มอง เราเปน็ เหมือนลกู หลานซึ่งมันก็ทาให้ง่ายตอ่ การฝึกงาน และทาให้เราไม่เครยี ดเกนิ ไปดว้ ย การเรียนพยาบาล 2 ปีที่ผ่านมา จากเด็กซ่ิวที่มาทาตามความฝันของแม่ ไม่ได้สนใจเก่ียวกับ อาชพี พยาบาลเพราะมีอคติต้ังแต่ท่ีตาเสียชีวิต เพราะความประมาทของผู้ที่ข้ึนช่ือว่าเป็นพยาบาล แต่ ต้องมาเป็นพยาบาลในอนาคต ตั้งแต่วันแรกท่ีไม่เข้าใจในคาพูดเกี่ยวกับอาชีพพยาบาล ไม่สนใจท่ีจะ ศึกษา มีความคิดแค่มาทาตามฝันให้แม่เท่านั้น แต่เม่ือได้ก้าวเข้าสู่วิชาชีพ ได้มาเรียน ได้ฝึกงานท่ีผ่าน มาสอนให้เรียนรู้แล้วว่า การท่ีจะทาอะไรกับชีวิตของคนๆนึง เราต้องรอบคอบให้มากที่สุด และสิ่งที่ ขาดไม่ได้เลยก็คอื การบริการด้วยหัวใจความเป็นมนษุ ย์ และมองในมมุ ของคนไขใ้ หม้ าก
รักษาโรคหรือรักษาใจ อะไรสาคัญกว่า นภาภรณ์ ณรงค์ชัย หากจะกล่าวถงึ การพยาบาลหรือพยาบาลศาสตร์ หมายถึง กิจกรรมช่วยเหลือผู้ป่วยเพ่ือให้อยู่ ในสภาพท่ีจะต่อสู้กับการลุกลามของโรคได้อย่างดีที่สุดเท่าท่ีจะทาได้ ท้ังร่างกายและจิตใจเป็นการ ช่วยเหลือบุคคลให้ทากิจกรรมต่างๆส่งเสริมสุขภาพส่งเสริมการหายของโรค ทาให้บุคคลสามารถ ปฏบิ ัติไดด้ ้วยตนเองในสภาวะทม่ี ีกาลงั กาย กาลังใจและความรู้เพียงพอ เป็นการกระทาที่ทาให้บุคคล เข้าส่ภู าวะท่ชี ว่ ยเหลอื ตัวเองโดยเรว็ ท่สี ดุ สาหรับดิฉันการดูแลใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเร่ืองท่ีละเอียดอ่อนเป็นเรื่องท่ีต้องเข้าถึง จิตใจของผู้อ่ืน เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้ที่เรามี ผสมผสานกับความเหมาะสมกับตัวผู้ป่วยเข้าด้วยกัน ก่อนหน้าน้ีฉันได้ทางานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง อยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุและฉุกเฉิน เป็นหนว่ ยการรักษาที่ตอ้ งใชค้ วามรวดเร็วความคิดเพอ่ื แก้ปัญหาทเ่ี กดิ ข้นึ กับหน้างาน แก้ปัญหากับโรค ท่ีเกิดอย่างฉับพลัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งโรคฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ เมื่อพบคนไข้ต้องรีบเร่งให้การช่วยเหลือ เพ่ือให้ผูป้ ว่ ยของเรามกี ารรอดชวี ติ และผ่านช่วงพน้ วกิ ฤต การทางาน ณ ขณะนั้นเป็นการใช้เพียงจิต บรกิ าร จติ อาสา ความมีเมตตา แต่ฉันไม่เคยเข้าไปศกึ ษาถึงสิ่งสาคัญที่ทาให้ผู้ป่วยนั้นเกิดการป่วยหรือ การบาดเจ็บข้ึน แต่ทาเป็นเพียงการรักษาเบื้องต้นเท่านั้นเพื่อให้ผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤตก็จะถูกส่งต่อ เข้าไปยงั หอพักผู้ป่วย เปน็ ท่แี นน่ อนวา่ ดิฉันก็ไม่เคยตามเขา้ ไปศกึ ษาชีวิตของผูป้ ว่ ยทีใ่ นหอพักผูป้ ่วย บางคร้ังมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับการท่ีผู้ป่วยไม่ดูแลตนเองและมาด้วยภาวะที่เกิดจากพฤติกรรม ของตนเองเช่น มีผู้ป่วยบ้างรายมาด้วยอาการความดันโลหิตสูง ท่ีเป็นโรคประจาตัวอยู่แล้ว มียา รับประทานเดิม ความดันโลหิตไม่ปกติ ขึ้นสูงจนถึงต้องเข้าห้องฉุกเฉินต้องรับประทานยาเพื่อลด ความดันโลหิตตัวฉุกเฉิน ซ่ึงทุกคนก็ต่างพากันคิดว่าทาไมผู้ป่วยปล่อยให้ตนเองมีความดันโลหิตสูง ขนาดนนั้ โดยท่ไี ม่เคยสอบถามเลยวา่ เพราะอะไรทาไมถึงมพี ฤติกรรมการทานอาหารที่สุ่มเส่ียง หรือไม่ มาตรวจตามนดั ไดแ้ ตท่ าการรักษาเบ้อื งต้นความดนั โลหติ ลดลงกส็ ง่ กลับบ้านและนัดมาใหม่ ถ้าความ ดันโลหิตไม่ลดก็ส่งตัวเข้าไปยังหอพักผู้ป่วยเพื่อให้ยาลดความดันในเส้นเลือดแทน หากเจอผู้ป่วย อุบตั ิเหตุ กท็ าการรกั ษา ทาแผล เย็บแผล เอกซเรย์ หากตอ้ งทาการนอนโรงบาลก็ทาหัตการต่างๆ เช่น เปิดสารน้าให้กับผู้ป่วย เจาะเลือด เซ็นใบยินยอม โดยไม่มีการศึกษาถึงว่าหาก ผู้ป่วยต้องนอน โรงพยาบาลแล้วจะมีผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย ผลกระทบท่ีจะเกิดข้ึนกับญาติผลกระทบที่จะ
เกิดข้ึนกับครอบครัว รายได้ท่ีสูญเสียไปรายจ่ายที่จะต้องเพิ่มมากข้ึนท้ังค่ารักษาพยาบาลค่าใช้จ่าย ส่วนตัว การขาดงาน ซึ่งเรื่องพวกน้ีดิฉันไม่เคยให้ความสนใจ มีแต่ความคิดเพียงอย่างเดียวคือผู้ป่วย ของฉันจะต้องมชี ีวิตต่อไปจะต้องได้กลบั บา้ นหรอื มชี วี ิตรอด จนเม่ือ 2ปีก่อน ดิฉันได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาต่อเป็นนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตที่ วพบ. ชัยนาท และการเรียนคร้ังนี้ทาให้ดิฉันค้นพบอะไรหลายๆอย่าง เร่ิมจากปี 1 ท่ีต้องใช่ความอดทนสูง มากๆกบั การอยรู่ ่วมกันหลายๆชั้นปี ปี 2 การขึ้นวอร์ด ฝึกBCPN คร้ังแรก ของนักศึกษาพยาบาล เป็นการฝึกเพ่ือเก็บ ประสบการณ์การทาหัตถการต่างๆ แต่สาหรับดิฉันการทาหัตถการไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือเรื่องลาบาก เนอื่ งจากพอมีประสบการณ์จากการทางาน แต่การที่ได้ฝึกในคร้ังน้ันทาให้ดิฉันพบว่า การที่จะดูแล ใครสักคนนึงท่ีต้องใช้เวลา ต้องเข้าถึงจิตใจความรู้สึก วัฒนธรรมของแต่ละคน ความคิดของผู้ป่วย ความคิดของญาติ ดิฉันตอ้ งมคี วามคดิ วเิ คราะหจ์ าแนกทกุ อย่างอย่างมีเหตุมีผล ได้ใช้ความคิดเพ่ิมมาก ขึ้น ใช้หัวใจบริการอย่างแทนจริง เร่ืองราวการอยู่บนวอร์ด เป็นการดูแลผู้ป่วยท่ีต่างกับการอยู่ห้อง อุบัติเหตุฉุกเฉินโดยส้ินเชิง ความใส่ใจในการให้การบริการในการเข้าถึงจิตใจเป็นอะไรที่ เม่ือเราให้ ผู้อ่ืนและผู้อื่นส่งยิ้มหรือความรู้สึกดีๆ กับมาจะทาให้เรารู้สึกภูมิใจและมีความสุขในการดูแลผู้ป่วยสัก คนนึงทฉ่ี ันทาดว้ ยหัวใจความเป็นมนษุ ยอ์ ยา่ งเต็มทไ่ี มว่ า่ จะเป็นตัง้ แต่การดูแลเร่อื งความสะอาดส่วนตัว หวีผมสระผม อาบน้าเช็ดตัวเช็ด การขับถ่าย ทาความสะอาดร่างกายของผู้ป่วยด้วยความจริงใจไม่ รังเกียจ ซึ่งประสบการณ์ในคร้ังนี้ในห้องอุบัติเหตุฉุกเฉินท่ีใช้ทางานก็หาซื้อไม่ได้จริงๆ รอยยิ้มจาก ผู้ป่วย คาขอบคุณจากญาติ เม่ือเราทาหัตถการต่างๆให้ มีผู้ป่วยในมุมที่ดิฉันได้รับมอบหมายให้ดูแล ฉันจะดแู ลอย่างเต็มความสามารถ พยายามเขา้ ไปคุยรับฟังปัญหาและช่วยดูแลผู้ป่วยท่านอ่ืนท่ีอยู่ข้าง เตียงในละแวกน้ัน เม่ือฉันเข้าไปพูดคุยทุกคนก็จะมีเสียงหัวเราะท้ังญาติและผู้ป่วยเราต่างมีรอยยิ้มให้ กัน การฝึกงานของฉันมนั เหนือ่ ยนะ แต่พอได้เข้าไปคุยกับผู้ป่วยเสียงหัวเราะรอยยิ้ม ความเข้าใจกัน ทาให้ ความเหนื่อยล้าจากการทฉี่ ันต้องเดินทั้งวนั ยืนท้ังวนั มนั ลดลงไป ความประทับใจของฉันคือผู้ป่วยท่านหน่ึง ฉันได้รับมอบหมาย ดูแลตั้งแต่แรกเร่ิมจนอาการดี ข้ึนในทุกๆเช้านี้ฉันก็จะเก็บดอกแก้วบริเวณหน้าหอพักเภสัช ไปฝากผู้ป่วย ก็จะหยิบข้ึนมาดมส่ง รอยยิ้มให้ฉันและบอกว่าช่ืนใจ และบอกว่าถ้าหายดีกลับไปปลูกที่บ้าน เพียงแค่ดอกไม้ก็ทาให้คนไข้ ของฉันมีกาลังใจข้ึนมาก ฉันมีความสุขมากกับการได้ดูแลใครสักคนหรือดูแลผู้ป่วยทุกคนท่ีอยู่ใน ละแวกของเตยี งท่ีดิฉันดูแลอยู่ ญาตบิ างคนก็จะมาบอกกบั ดิฉันว่า
“ถ้าเปล่ียนเตียงแล้วมาดูแลเตียงป้าได้ไหม ป้าอยากให้หนูมาอยู่กับป้า หนูดูแลดีหรือจะอยู่ ใกล้ๆแถวๆนี้ก็ได้แต่ไม่ต้องไปไกลได้ไหมเราจะได้คุยกัน” คาพูดเพียงเท่านี้จะทาให้ดิฉันมีความสุข ฉันดีมากท่ีการดูแลผู้อ่ืน ฉันไม่ได้เพียงดูแลแต่กายหรือโรคท่ีคนไข้เจ็บป่วยอีกต่อไป แต่ฉันแล้วดูแล จติ ใจของคนไข้อีกด้วย เร่อื งทท่ี าใหฉ้ ันเศรา้ ท่ีสดุ ผ้ปู ่วยรายนด้ี ฉิ ันไมไ่ ด้มหี น้าทดี่ แู ลผู้ป่วยแต่อยา่ งไร เพื่อแต่พบอยู่ข้าง เตยี งท่ฉี นั ดูแล ยายท่านนี้มีอาการแขนขาออ่ นแรง ไมม่ ญี าตมิ าเยยี่ มหรือมานอนยามเฝ้า ผู้ป่วยรายน้ี นอนร้องไห้ นอนบ่นว่าหิว ฉนั จึงเขา้ ไปสอบถามว่าผู้ปว่ ย “เปน็ อะไรทาไมถึงร้องไห้คะ” ผู้ป่วยบอกกับ ฉนั ดว้ ยนา้ ตาวา่ หวิ และลูกไมม่ าดแู ล เพียงแต่นามาสง่ ไว้ทีร่ พ.แล้วกก็ ลับไปทิ้งเบอร์ไวม้ อี ะไรให้โทรตาม ผู้ป่วยเลา่ ดว้ ยน้าตาว่าปัญหาทางครอบครัวก็มีมากมายต้องไปอาศัยบ้านของผู้อื่นอยู่ท้ังๆ ท่ีมีบ้านของ ตนเองแต่ลูกสาวได้ยกให้ลูกอยู่และไม่เอาตนเองอยู่ด้วย ต้องอาศัยอยู่คนเดียว ทาอาหารทานเอง รับ เงินจากการเฝ้าบา้ นและเงินคนชรา ในตอนนนั้ ฉันก็ยังไม่ได้ปกั ใจเช่ือทุกอยา่ งจึงสอบถามจากข้างเตียงและญาติผู้ป่วยท่านอ่ืนและ เมื่อสอบถามข้างเตยี งท่ีอยดู่ ้วยกันก็เลา่ ใหฟ้ ัง ลกู สาวมาเย่ยี มในตอนเยน็ และบอกว่าให้อยู่โรงบาลไปนี่ แหละมคี นดูแลแล้ว ซ้ือนา้ เปลา่ และขนมปังจากเซเวน่ มาวางไวท้ ่หี ัวเตยี งให้ผู้ป่วยและก็กลับไป และก็ เหน็ ผปู้ ว่ ยรายน้นี อนรอ้ งไห้ต้ังแตล่ ูกกลบั ไป ตอนนัน้ ไม่มใี ครดแู ลผู้ป่วยทาให้ไม่ได้รับการเช็ดตัวอาบน้า เปลี่ยนชุดฉันจึงทาความสะอาดเตียงที่ฉันดูแลและมาดูแลยายอีกทีนึง ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีลูกสาว ของยายเดินมาฉันจึงให้ลูกสาวของยายช่วยโดยการให้เช็ดตัวยายอาบน้าปะแป้ง ลูกสาวของยายทาสี หนา้ ไมพ่ อใจ ฉนั แกป้ ญั หาโดยการทาตัวอย่างให้ดูกับผู้ป่วยข้างเตียงให้ลูกสาวของยายทาตาม และใน วันต่อมาลูกสาวของยายก็ไม่มาเยีย่ มยายตอนเช้าอีกเลย ฉันเลยต้องทาความสะอาดให้ยายเปลี่ยนชุด ให้ยายแทน ทาทั้ง2เตียงคู่กันไปเลย พอดีวันน้ันเป็นวันท่ีหมอส่ังเลิก NPO ผู้ป่วยรายนี้ แต่ทางโรง อาหารของโรงพยาบาลไม่ทราบจึงไม่มีอาหารมาให้ยาย ยายหิวมากดิฉันเดินไปซื้ออาหารให้กับยาย ยายกนิ แบ่งข้าวไวก้ ินตอนเย็นสอบถามว่า\"อ้าวทาไมถึงทานไม่หมด\" ยายบอกว่า\"กลัวตอนเย็นจะไม่มี อะไรทานแล้วจะหิวข้าวกเ็ ลยแบ่งไว้\" ความรู้สึกตอนน้ันคือน้าตาแทบไหล และคิดว่าหากเป็นคนที่ใน ครอบครัวของเราพูดเช่นน้ีเราจะทาอย่างไร เลยหาขนมไข่ให้ยายอีก ในตอนเย็นวันนั้นก่อนจะลงเวร ฉันเดินไปหาย่ายอีก 1 ครั้ง และเห็นว่ามีมดข้ึนที่ข้าวในกล่องของยายบอกว่า\"ไม่เป็นไรกินได้\" แต่ฉัน ว่ามันกินไม่ได้ ฉันจึงแก้ปัญหาโดยการ แจ้งกับพี่พยาบาลโดยเลือกพ่ีพยาบาลที่ใจดี และชอบแบ่งปัน ผู้อื่น พ่ีเขาจึงให้ดิฉันไปเอาข้าวต้มมาให้ยายอีกทาให้ยายได้มีของกินเพิ่ม และให้กาลังใจว่ายายต้องสู้ ดแู ลสุขภาพต่อไป
ฉันรู้แล้วว่า การทางานการดูแลผู้ป่วยสักคน ไม่ใช่เป็นเพียงแต่การท่ีจะให้ผู้ป่วยหายจากโรค ทางกาย แต่เป็นการดูแลที่ให้ผู้ป่วยหายจากโรคทางใจด้วยหรือดูแลใจของผู้ป่วยให้ดีขึ้นเหมือนที่เรา ดูแลโรคด้วยเช่นกัน ตอนน้ีชีวิตการทางานของฉันที่ต้องอยู่กับงานอุบัติเหตุและฉุกเฉินไม่จาเป็นท่ี จะตอ้ งทาทกุ อย่าง ใหเ้ สรจ็ ส้นิ โดยเร็วและไวแต่ยังสามารถช่วยดูแลจิตใจคนไข้ Advice สิ่งต่างๆที่เป็น พฤติกรรมเสย่ี ง ใหก้ าลงั ใจ ผปู้ ่วยของฉนั หลงั จากท่ีฉันทาการรักษาเสร็จ ถึงจะไม่ได้ตามเข้าไปดูแลต่อ ในตึกแต่การให้กาลงั ใจก็เป็นสิ่งสาคัญ การรกั ษาโรคจะดีแต่การรักษาใจจะก็สาคัญเช่นกัน ทุกอย่างที่ เกิดขึ้นจากการฝึกงานครั้งนี้คือความสุขเสมอ และจะนาความสุขจากส่ิงเล็กๆเอามาเป็นกาลังใจใน การเดินต่อไปให้เรามีแรงเดนิ ตอ่ ไป
เรอ่ื งเลา่ นางฟา้ ตัวนอ้ ย 4 : ชวี ติ ท่ีเราเลือก(ไม)่ ได้ เมษยา ครุฑนาค 1 ในเอกลักษณ์ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีชัยนาท ก็คือ SAPWE ซึ่งมาจาก S : Service mind หมายถึง จิตบริการ จิตอาสา และมีเมตตา, A : Analytical thinking หมายถึง คิดวิเคราะห์ความเป็นเหตุเป็นผล, P : Participation หมายถึง การมีส่วนร่วม เคารพ ในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์, W : Wisdom หมายถึง ภูมิปัญญาพัฒนาวิธีชีวิต และE : Enhancer หมายถงึ สร้างเสรมิ สุขภาพแบบองค์รวม และน้กี ็เป็นส่ิงที่พวกเรายึดถือและนามาปรับ ใช้กับผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาท่ีมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยปลอดภัย และผู้รับบริการมีความพึง พอใจ ดัง่ อตั ลักษณข์ องวทิ ยาลยั ท่วี ่า “การบรกิ ารสขุ ภาพดว้ ยหัวใจความเปน็ มนษุ ย์” การดูแลผู้ป่วยก็เปรียบเสมือนการทาขนมเค้ก เพราะว่าเราต้องใช้ท้ังความรักความเอาใจใส่ กว่าจะได้เค้ก1 ช้ินต้องอาศัยทั้งความประณีต ความแม่นยา และสัดส่วนของวัตถุดิบที่ถูกต้อง เพราะ ถ้าหากสัดสว่ นของวัตถดุ บิ ผิดไป ก็จะทาให้ขนมไมส่ ามารถข้ึนฟู และออกมาสวยงามน่ารับประทานได้ การดูแลผู้ป่วยก็เช่นเดียวกัน เราต้องอาศัยความรักและความเอาใจใส่ในการดูแลของคนไข้ ดูแล เปรียบเสมอื นเขาเปน็ ญาติคนหน่ึงของเรา เคารพในศักดิศ์ รีความเปน็ มนษุ ย์ของผูร้ บั บรกิ าร ถ้าเลือกได้ มนุษย์ทุกคนย่อมปรารถนาให้ร่างกายกินอ่ิมนอนหลับ เพ่ือจะได้มีเร่ียวแรงทาตาม เป้าหมายท่ีฝนั ไวใ้ หล้ ุล่วง แต่สัจธรรมที่เราตา่ งรูก้ ันดกี ค็ ือ “ไม่ใช่ทุกเรอื่ งทมี่ นษุ ยม์ ีสิทธเิ ป็นผู้เลอื ก” วนั ท่ชี วี ิตเปลย่ี นไป ย้อนกลับไปสมัยดิฉันอยู่มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ดิฉันไม่เคยคิดว่าอยากจะเป็นพยาบาลเลยสักนิด (แถมยังแอบไม่ชอบอาชพี นอี้ กี ดว้ ย เพราะรสู้ กึ วา่ เปน็ ทีค่ อ่ นขา้ งเหน่ือย) แต่เพื่อนของฉันเขาอยากเป็น พยาบาลมากค่ะ แล้วก็ชวนฉันสมัคร ตอนน้ันดิฉันก็สมัครไปเฉยๆค่ะ ไม่คิดว่าจะติดด้วยซ้า จนถึงวัน ประกาศผลเพื่อนคนเดิมคนน้ันก็ส่งเว็บประกาศผลมาให้ค่ะ ด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็ตามแต่……. ปรากฏวา่ ………..ผา่ นคะ่ ตอนนน้ั ก็งงๆ แลว้ ก็เดนิ ไปบอกพอ่ กับแมค่ ะ่ “พอ่ …แม่ หนตู ดิ พยาบาลอ่า” ฉนั บอกไปอย่างงงๆ ไมน่ านแมก่ ็ตอบว่า “กด็ ีนะ…….เหมาะกบั หนูดี แลว้ ติดทไี่ หน”
ฉันตอบแมไ่ ปว่า “ชัยนาทแม่……วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนีชัยนาท” ตอนน้นั เนีย่ ไม่ร้เู ลยคะ่ ว่าชยั นาทอยู่ตรงไหนของประเทศไทย ตอนแรกแมบ่ อกว่าไกลไป แต่แม่ ก็แอบไป survey สถานท่ีมาก่อนค่ะ พ่อกับแม่ก็อยากให้เรียนเพราะว่าเก่ียวกับด้านสุขภาพ ฉันก็เลย ตอบตกลงไป ในใจก็คิดว่าไม่เป็นไรอย่างน้อยเราก็ได้ดูแลพ่อกับแม่ยามท่านแก่ได้…………….และน้ีคือ จดุ เร่ิมต้น
ชีวติ ท่ไี มง่ ่าย 9999999999999 วันแรกที่มาแอบมีเสียน้าตาค่ะ ด้วยความที่ฉันและพ่อแม่เราอยู่ด้วยกันตลอดไม่เคยต้องห่าง กันเลย และน่ีกเ็ ปน็ ครัง้ แรกทฉี่ นั เหน็ พอ่ กับแม่รอ้ งไห้ ฉนั จาได้ว่าตอนน้นั ฉนั ร้องไห้หนกั มากค่ะ ระยะเวลาก็ผ่านไป จนฉันเลื่อนชั้นข้ึนเป็นปี 2 แล้วจะต้องมีการขึ้นวอร์ดด้วย เป็นเวลา 1 เดือนคะ่ นเ่ี ป็นการขึน้ วอร์ดคร้ังแรกในชีวติ ของหนูในฐานะนักศกึ ษาพยาบาลคะ่ วอร์ดแรกท่ีฉันข้ึนเป็นวอร์ดจักษุโสตนาสิกค่ะ สาหรับฉันแล้วการข้ึนวอร์ดคร้ังแรกไม่ว่าอะไร ก็ดูแปลกใหม่สาหรับฉันไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นการต้องสัมภาษณ์ประวัติและตรวจร่างกายคนไข้รับ ใหม่ การตื่นแต่เช้าเพื่อมาดูคนไข้ของเราเป็นคนแรก ดูว่าสัญญาณชีพเป็นอย่างไร ดูผลตรวจทาง ห้องปฏบิ ัติการว่ามผี ลอะไรมาใหมบ่ ้าง มอี าการเจบ็ ป่วยอะไรเพ่มิ ข้ึนไหม วันแรกของการขึ้นวอร์ด ฉันไม่รู้ว่าต้องทาอะไรบ้าง ความรู้สึกตอนน้ันมันท้ังกลัว กังวล และ เครียดค่ะ อาจจะมีทุลักทุเลบ้างนิดหน่อย แต่มันก็ผ่านไปด้วยดีนะคะ ตอนอยู่ท่ีวอร์ดก็ได้วัด v/s หยอดตา วดั VA แจกยา และก็เตรียมยาฉีดค่ะ แต่ท่ีวอร์ดไม่ค่อยมีหัตถการให้ทามากนักค่ะเพราะเหตุ นอี้ าจารยเ์ ลยพาฉนั และเพ่อื นๆไป Suction ที่ ICUค่ะ เม่ือถึงตึก ICU ก็พบแต่ความเงียบสงัด อาจารย์พาฉันและเพ่ือนๆ ไปทาความรู้จักกับพ่ีๆ พยาบาลแตล่ ะคนค่ะ ฉันมองไปเห็นผ้ปู ่วยนอนอยเู่ ต็มเลยค่ะพร้อมกบั อปุ กรณ์หลายๆอย่าง ตอนนั้นไป เครียดและกลัวมากๆเลยค่ะ กลัวว่าถ้าทาผิดพลาดแล้วผู้ป่วยจะเป็นอะไรไปค่ะ และเนื่องจากตอนที่ ซ้อมเราซอ้ มกบั หุ่นแตน่ ้กี าลังจะทากับคนจริงๆ ตอนน้นั กงั วลมากๆเลยค่ะ พอเข้าไปที่ห้องแยกโรค ฉันเห็นผู้ป่วยเขาตัวบวมไปท้ังตัว หน้าบวม และระดับความรู้สึกตัว Coma คือ ไม่รสู้ ึกตัวเลย ไม่มีการตอบสนองค่ะ ตอนท่ี Suction ฉันกังวลมาก และพยายามต้ังสติทา ให้ถูกต้องและน่ิมนวลท่ีสุดค่ะ เพราะไม่อยากให้เขาเจ็บมาก พอSuctionเสร็จนี่ถึงกับปล่อยโฮเลยค่ะ เนอ่ื งจากความกงั วลแล้วตอนทีเ่ พ่อื นทาฉันหันไปเห็นผู้ป่วยน้าตาไหลตอนท่ีเพื่อนกาลัง Suction และ บวกกับความรู้สึกสงสารค่ะ ฉันนั่งร้องไห้อยู่พักหน่ึง พอกลับจากICUก็ทาให้ฉันรู้สึกว่าเราก็ “ทาได้น่ี นา” ฉันอยู่ที่วอร์ดจักษุโสตนาสิก 2 อาทิตย์ค่ะ ส่วนใหญ่คนไข้จะอยู่ไม่ค่อยนานค่ะ 3 วันก็กลับแล้ว ค่ะ แต่มีคุณตาคนหน่ึงค่ะอยู่นานสุดค่ะ เน่ืองจากคุณตามีอาการตาติดเชื้อค่ะแต่คุณตาไม่ยอมพูดเลย ทาให้วัด VA ไม่ได้ พี่พยาบาลก็พยายามจะวัดVAคุณตาหลายคร้ังแต่ก็วัดไม่ได้ จนมาทราบท่ีหลังว่า
คณุ ตาหหู นวก ฉนั ไปหยอดตาให้คุณตาก็จะพยายามไปคุยไปเล่นกับแกค่ะ พอได้คุยกับแกบ่อยๆ แกก็ เลา่ เรื่องลกู หลานให้ฟงั ค่ะ เล่าไมห่ ยุดเลยค่ะ ฉันชอบไปยืนคุยกับคุณตา พอเห็นคุณตาแล้วก็นึกถึงคุณ ตาของตวั เองค่ะ ช่วงน้ันเปน็ ช่วงกาลงั จะเปลยี่ นวอรด์ ค่ะ ฉันและเพื่อนๆเลยพยายามพาคณุ ตาไปวัด VA ค่ะ “ตา วัดสายตาหนอ่ ยน้า……ตานเี่ ลขอะไร” ฉันถามคณุ ตา “ตา มองมาทคี่ นสวยหนอ่ ย…..น่ีเลขอะไร” เพ่ือนพยายามถามคุณตา ไม่ว่าจะถามยังไงตาก็ไม่ยอมพูด พวกเราพยายามส่ือสารกับคุณตาท้ังทางคาพูดและกิริยา ทา่ ทาง แตก่ ไ็ มเ่ ป็นผล “งัน้ ลองขยบั เขา้ ไปใกลข้ ึ้น” พพ่ี ยาบาลพดู ดว้ ยนา้ เสียงอ่อนโยน ด้วยความพยายามกันอยู่นาน คณุ ตาก็ยอมพูดเลยสามารถวัด VA ใหค้ ณุ ตาได้ พอเปล่ียนวอร์ดฉันได้ไปอยู่วอร์ดศัลยกรรมมหิดล 4ค่ะ เป็นเวลา 2 อาทิตย์ ที่น่ีมีเรื่องที่ฉัน ประทับใจหลายเร่ืองเลยค่ะ วันแรกของวอร์ดศัลยกรรมมหิดล 4 ฉันได้เคสคุณยายที่เป็นแผลกดทับ ระดบั 4คะ่ คุณยายแกไม่ยอมพูดกับฉันเลยคะ่ ไมว่ า่ จะคุยยงั ไงก็ไม่พดู ฉันเลยถามคนดูแลของคุณยาย “พี่คะ…..พ่เี ปน็ อะไรกับผู้ป่วยหรอคะ” คนดแู ลบอกว่า “เปล่าๆ….ไม่ได้เปน็ ลูกแกจ้างพม่ี าดูแลเฉยๆ” “พ่คี ะ แลว้ ลกู ๆคุณยายไปไหนหรอคะ” ฉนั ถามดว้ ยความสงสยั คนดูแลบอกว่า “ลกู แก ไม่สนใจ ปล่อยยายท้งิ ไว้ท่ีบ้านแล้วกจ็ า้ งพี่เขามาดแู ลเน่ีย” ฉนั ก็ตอบไปวา่ “อ๋อค่ะ…….ขอบคุณนะคะ” ในตอนเช้าฉันก็อาบน้าทาความสะอาดอวัยวะเพศ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณยาย ช่วง 10 โมงก็ไป ทาแผลใหค้ ุณยาย แผลคุณยายใหญ่มากและมหี ลายตาแหน่ง และเห็นถึงกระดูกเลย ตอนน้ันก็กลัวนะ คะ แตก่ ค็ ดิ ว่า “เรากต็ ้องทาใหไ้ ด้” พอทาแผลเสรจ็ กใ็ กล้เทย่ี งพอดีคะ่ แล้วก็ให้อาหารทางสายยางคุณ ยายค่ะ ช่วงเย็นก็คอยเดินไปคุยเล่นกับคุณยาย ถึงคุณยายจะไม่คุยกับฉันก็ไม่เป็นไรค่ะ แล้วก็รอให้ อาหารทางสายยางคุณยายก่อนจะไปฟังพ่ีพยาบาลส่งเวรกันค่ะ ฉันดูแลคนอย่างนี้ 3 วันก่อนจะต้อง เปลี่ยนcaseค่ะ แต่ด้วยความผูกพันก็จะแวะมาดูคุณยายตลอดค่ะ จนคุณยายเร่ิมพูดกับฉันเยอะข้ึน ฉันก็ดใี จนะคะ
ตอนอยู่ที่ศัลยกรรมมหดิ ล 4 ฉันไดท้ าแผลเยอะมากเลยคะ่ ฉันได้ทาแผลกดทับ แผลที่ถูกตัดขา แผล ท่ผี า่ เท้า แล้วก็แผลริดสีดวงค่ะ วันต่อมาฉันไปทาแผลให้คุณยายอีกcaseหนึ่งค่ะ คุณยายแกไปผ่าเท้ามาค่ะ ระหวา่ งตอนทท่ี าแผลคุณยายบอกว่า “อยากให้พวกหนูทาแผลให้ พวกหนูทายายไม่เจ็บเลย หมอทาเจ็บ ไม่ อยากใหห้ มอทาเลย หมอทาเจบ็ ยายนอนไม่หลับเลย ปวดแผลทงั้ คืน“ (หมอในทนี่ ห้ี มายถึงพีพ่ ยาบาลนะคะ) พอได้ยนิ อย่างนก้ี ็รสู้ ึกชืน่ ใจคะ่ รู้สึกว่าสิง่ ท่เี ราต้งั ใจทา ผู้ป่วยสามารถรถู้ งึ ความตัง้ ใจของเราได้ และแล้ววันสุดท้ายของการอยู่บนวอร์ดก็มาถึง………ฉันเดินไปลาพ่ีพยาบาลแล้วก็ผู้ป่วยค่ะ ที่ ประทับใจมากๆคือ คุณยายที่ฉนั ทาแผลให้caseแรก เขาพูดกบั ฉนั มากข้ึน พูดเปน็ ประโยคเลยค่ะ จาก ตอนแรกทีไ่ มพ่ ูดกับฉันเลย คุณยายถามว่า “อย่ตู ั้งนานยงั ไมร่ ชู้ ือ่ เลย หนูช่อื อะไร” ฉันตอบไปวา่ “สม้ ค่ะ” จากน้ันคุณยายก็พูดขึน้ มาว่า “หนู…..กลบั มาหาอกี นะ ถา้ คราวหน้าจะมาโทรมาหาดว้ ย” ฉันก็ตอบตกลงกับคุณยายไปคะ่ แอบมนี ้าตาคลอๆแต่พยายามจะไม่ร้องให้ค่ะ แล้วก็เดินไปหา คณุ ยายอกี เตียงหนึง่ คณุ ยายกร็ ้องไห้ค่ะทาให้จากท่ีหนูน้าตาคลอๆก็ร้องไห้ออกมาค่ะ คุณยายบอกว่า กบั ฉนั และเพอ่ื นๆวา่ “ไม่อยากให้พวกหนูกลบั เลย จะกลับมาอีกไหม“ มันทาฉนั ซึ้งใจมากเลยคะ่ จากการข้ึนวอร์ดทาให้ฉันได้อะไรหลายอย่างค่ะ ได้เห็นถึงการทางานของพี่พยาบาล เห็นวิถี ชีวิตของผู้ป่วยแต่ละคน ผู้ป่วยบางคนมีญาติมาคอยดูแลตลอด บางครอบครัวก็น่ารักมากๆ บางคนก็ ไม่มีใครมาดแู ล และได้ความรู้ท่ีไม่สามารถหาได้จากตาราเรียน นอกจากนี้แล้วทาให้ฉันเข้าใจถึงทาว่า “การให้มีความสุขกว่าการรับ” อย่างแท้จริงๆค่ะ มันเป็นความรู้สึกท่ีฉันประทับใจมากๆ และไม่ สามารถบรรยายได้เลยค่ะ แต่ไม่ใช่แค่เราจะเป็นผู้ให้อย่างเดียวค่ะ ผู้ป่วยก็ยังเป็นผู้ให้สาหรับเราด้วย เหมือนกัน เพราะเขาท้ังให้กาลงั ใจ ความสุขท่เี ห็นเขาอาการดีขนึ้ และคาสอนตา่ งๆ เช่น สอนเร่ืองการ ใช้ชีวติ เขาบอกกบั ฉนั ว่า “เรียนจบไวๆ แล้วกเ็ ป็นเดก็ ดี ต้ังใจเรียนนะ” และจากการขึ้นวอร์ดในคร้ังน้ี ต้องขอขอบคณุ อาจารย์และพ่ีพยาบาลรวมถึงคนไข้ทุกท่านท่ีให้ความรู้และประสบการณ์ต่างๆค่ะ มัน ทาให้ฉันรู้สึกว่า “เรามีคุณค่า ท่ีจะช่วยเหลือคนอื่นได้ อาจจะช่วยได้ไม่มาก แต่อย่างน้อยเราก็ได้ ชว่ ยลดความทกุ ขข์ องเขาไปไดบ้ า้ ง” ฉันจะไม่ลมื ประสบการณค์ รงั้ น้ีเลยค่ะ เพราะเราลาออก จากการเป็นตัวเองไม่ได้ไง การเดินต่อไป จึงเป็นเรื่องที่ต้องเกิดข้ึน “ถงึ ฉนั จะไมไ่ ดร้ ักในวิชาชีพนมี้ ากเทา่ ไหร่……….แตฉ่ นั กร็ ักในส่ิงทวี่ ชิ าชพี นที้ าให้กับผอู้ ืน่ ”
รอยยมิ้ จากหวั ใจ วรนิ ยพุ า พุ่มประพัฒน์ “คุณเคยไดย้ ินคนพูดหรือไม่” “คนเราเกดิ ก็โรงพยาบาล ปว่ ย ก็เขา้ โรงพยาบาล ตาย ก็เข้าโรงพยาบาล” และฉันคืออีกบุคคลหน่ึงได้ประสบพบเจอกับการเปล่ียนแปลงของชีวิตหลากหลายแบบ บาง เวลาก็สุข บางเวลาก็ทุกข์ และชีวิตการเป็นผู้ดูแล ฝึกหัดในร้ัวโรงพยาบาล น้ันก็คือ ช่วงชีวิตของการ เป็น “นักเรยี นพยาบาล” เราใช้เวลา 4 ปีเต็มก่อนจะทางานเป็นพยาบาลวิชาชีพอย่างเต็มตัว ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาท่ีเหล่า เพื่อนๆพ่ีๆน้องๆพยาบาลกล่าวกันว่า เป็นช่วงท่ีครบทุกอรรถรส เพราะแต่ละคนจะมีเร่ืองราว ความ ประทับใจท่ี แตกตา่ งกัน “คณุ รู้จกั ความสขุ ในชีวิตไหม” “สขุ คือ ความสบายกายสบายใจ” “แลว้ ความสุขของคนไขค้ อื อะไรกนั นะ?” สาหรับฉันที่เป็นนักศึกษาพยาบาลช้ันปีที่ 2 ถ้าเปรียบเหมือนทหาร นักศึกษาพยาบาลปีนี้ก็ เหมือนกับทหารเกณฑ์ ทหารมือใหม่สาหรับการข้ึนฝึกปฏิบัติการบนตึกผู้ป่วยครั้งแรกในชีวิต ฉันมี ความตื่นเต้นกับการต้องนาความรู้ทางการพยาบาลไปใช้กับคนไข้จริง ดูแลและรักษาคนไข้จริง และ ความคาดหวังของฉัน ก็คือ การที่ฉันสามารถผ่านประสบการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยดี และหวังลึกๆว่า คนไขท้ ฉี่ ันชว่ ยเหลือและดูแลจะมคี วามสุขจากส่งิ ที่ฉนั ตั้งใจสง่ ถึงให้เขา
ณ ชว่ งสปั ดาหท์ ่ี 2 ของการขึ้นฝึกวอร์ดนรีเวชกรรมเป็นวอร์ดแรกและเป็นสัปดาห์สุดท้ายของ วอร์ดนี้ โดยวอร์ดนี้จะไม่ได้มีแค่คนไข้ทางนรีเวชกรรมแต่จะมีคนไข้จากจากอายุรกรรมบางส่วนด้วย ซึ่งฉันเร่ิมมีการเรียนรู้และปรับตัวกับสภาพวอร์ด ได้ดูแลคนไข้ประจาทั้งของตัวเองและของเพ่ือนมา หลายต่อหลายคน ฉันได้ดูแลคุณยายท่านหนึ่ง คุณยายซึ่งเป็นคนไข้ประจาตัวของฉัน คุณยายมีเส้นผมท่ีหยักโศก ผิวหนังมีความเหี่ยวย่นตามกาลเวลา ตามแขนและขาจะมีรอยจ้าเลือดและมีรอยเจาะของเข็มที่เจาะ ใหย้ าหรอื น้าเกลือ แววตาสีดาแสดงถงึ ความเศร้าหมอง และสีหนา้ แสดงถึงเบื่อหน่ายกับชีวิต และง่วง ซมึ ตลอดเกือบท้ังวัน ข้างเตียงๆมถี ุงปัสสาวะจากการสวนปัสสาวะ และสายน้าเกลือ จากการ ท่ีฉันสังเกตคุณยายเริ่มตั้งแต่ที่ฉันได้รับเป็นเจ้าของคนไข้ “ฉันได้แต่ภาวนากับตัวเองว่าจะดูแลคุณ ยายคนนอ้ี ยา่ งไรดี?” …..เรมิ่ ตน้ ทาความรูจ้ ัก ฉนั ไดเ้ ขา้ ไปพดู คยุ กบั คุณยายทกั ทายตามอธั ยาศัย บอกกับคณุ ยายวา่ “คุณยาย วนั นหี้ นเู ป็นนักศกึ ษาพยาบาลท่ีจะมาดแู ลคุณยายนะคะ คณุ ยายมีอะไรอยากให้ช่วย เรียกไดเ้ ลยนะคะ” ฉันเร่มิ เปน็ ผู้สร้างความสัมพนั ธก์ ่อน “จ่ะหนู ตอนน้ียายไม่มีอะไรจะรบกวนหรอกจ่ะ” คุณยายพูดแล้วก็หลับต่อ ไม่มีท่าทีท่ี อยากจะคุยกับฉันเลยสักนดิ “คุณยาย คุณยายเป็นอย่างไรบ้างคะตอนนี้” “ยายปวดเม่อื ยนิดหน่อย รูส้ กึ อยากหายแล้ว ยายเบอ่ื โรงพยาบาล” ฉันได้หันไปถามญาติของคุณยาย ซึ่งเป็นน้องของคุณยายได้บอกว่า คุณยายเขาไม่ค่อยมี อารมณ์จะคยุ กบั ใคร 2 วนั กอ่ นมาโรงพยาบาล มีอาการเหน่ือย ง่วงซึม หมอบอกว่าคุณยายป่วยจาก อาการแทรกซอ้ นของโรคประจาตัว กค็ อื โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสงู หัวใจและหลอดเลือด และมี การติดเช้ือในกระแสเลอื ด และญาติกช็ วนคุยเร่อื งเก่ยี วกับคนไข้ ความรู้สึกในใจของฉันตอนน้ันก็ยังคง หาวิธีท่ีจะคุยกับคุณยายให้ได้ในตลอดทั้งวัน เพราะหลังจากท่ีเริ่มทักทายคุณยายไปน้ันก็ไม่ได้พูดคุย
อะไรกันมากอีกเลย คุณยายเอาแต่หลับ จะรู้สึกตัวแค่ตอนที่ฉันทาการวัดสัญญาณชีพตามเวลาบน วอรด์ และใหย้ าในบางครั้ง เม่ือจะลงวอร์ดฉันก็ตั้งใจฟังพี่ๆพยาบาลส่งเวรกันและกลับไปทาการบ้าน คิดตลอดท้ังคนื วา่ จะ ดูแลคุณยายอะไรบา้ งดี ใหค้ ุณยายรสู้ ึกดขี ้ึนจากการตอ้ งมารักษาในคร้งั น้ี …..วันตอ่ มา เชา้ วนั นีอ้ ากาศสดใส เมือ่ มาถึงวอร์ดฉันเร่ิมต้นทักทายคุณยายด้วยใบหน้าย้ิมแย้มแจ่มใส และ สังเกตเห็นวา่ เชา้ วันนคี้ ณุ ยายดูมีสหี นา้ แจ่มใสมากข้ึน ขณะที่ีมีถาดข้าววางอยู่ตรงหน้าคุณยาย ที่ทาน ไปเพยี งแคห่ น่ึงในส่ีของถาด ฉนั จะอดถามคุณยายไมไ่ ด้วา่ “ทาไมคุณยายทานข้าวนอ้ ยจงั จะ๊ กบั ขา้ วไม่อรอ่ ยหรอ” “ไม่หรอกจ่ะ ยายกินไมค่ ่อยได้ รสู้ กึ อยากกลบั บา้ นแล้ว กินอะไรก็เลยไมอ่ รอ่ ย” “คุณยายยังง่วงอยไู่ หมคะแล้วยังเหน่ือยอย่ไู หม” “วันนย้ี ายไมค่ ่อยงว่ งเลยจ่ะ เหนอ่ื ยอย่บู ้าง ยายคอ่ ยยงั ชว่ั แล้ว ” หลงั จากทค่ี ณุ ยายรบั ประทานกบั ข้าวเสร็จ ฉนั กเ็ ข้าไปทักทายคุณยายอกี คร้งั “คณุ ยายคะ วันนค้ี ุณยายอาบน้าหรือยังคะ” “ต้งั แต่มาโรงพยาบาลยายยงั ไมเ่ คยได้อาบนา้ เลยจ่ะ มีใหน้ ้องสาวเช็ดตวั ทุกเช้าบา้ ง” “ค่ะ เช็ดตวั กย็ ังดนี ะคะคุณยาย คณุ ยายอยากอาบนา้ ไหมคะ” “อยากสจิ ๊ะ แต่ยายลกุ ไปเขา้ หอ้ งน้าไมไ่ หวนะ” “ไม่เปน็ ไรคะ่ คณุ ยาย เดี๋ยวพยาบาลจะอาบทีเ่ ตียงใหน้ ะคะ” การอาบน้าบนเตียงแบบสมบูรณ์ หรือ complete bed bath หมายถึง การอาบน้า ท่ี ผู้ป่วยไม่สามารถทาเองได้ทั้งหมด โดยทาความสะอาดร่างกายตั้งแต่หัวรดเท้า เช่น หน้า หู ตา จมูก ปาก แขน ขา ลาตัวด้านหน้าและด้านหลังและอวัยวะเพศ โดยพยาบาลต้องเป็นผู้ทาให้ท้ังหมด เชน่ ในผู้ปว่ ยที่ไม่รสู้ กึ ตัว ผ้ปู ่วยท่อี อ่ นเพลยี ไมม่ ีแรง หรอื ผูป้ ว่ ยท่จี ากัดการเคลอื่ นไหว หลงั จากคุยกับคุณยายจบฉนั จึงรบี ไปเตรยี มอุปกรณ์ตา่ งๆ และขอความช่วยเหลือจากเพื่อนอีก หนึ่งคน ฉันรูดผ้าม่านปิด แล้วเร่ิมทาการอาบน้าให้คุณยาย ระหว่างทาก็ชวนคุณยายพูดคุย และวันนี้
คุณยายก็คุยกับฉันซ่ึงต่างจากวันแรกอย่างมาก คุณยายเล่าอาการก่อนมาโรงพยาบาลให้ฟัง และเล่า เรอ่ื งทั่วไปๆของชีวิตยาย ฉันสังเกตเห็นว่าคุณยายมีความเป็นกันเองกับฉันมากข้ึน และเป็นครั้งแรกท่ี ฉนั ไดส้ ัมผสั ถงึ บางส่งิ บางอย่างบนใบหน้าของยายคือ “รอยย้ิม” รอยย้ิมท่ีเปรียบเสมือนกับต้นข้าวที่มี หยาดฝนโปรยปรายลงมาในวันท่ีผนื ดินแหง้ แลง้ เปน็ สิ่งที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลงั มอื ฉันไม่เคยคิดเลยว่า ฉันจะต้องมายืนในจุดนี้ที่มีความภาคภูมิใจในตนเอง จากจุดท่ีฉันเคยมี มุมมองท่ไี มด่ กี ่อนจะมาเขา้ เรียนพยาบาลวา่ ตอ้ งมาให้การบรกิ าร ดแู ล คนท่ีไม่รู้จักแบบทาทุกอย่างได้ เปลี่ยนไป เมื่อได้สัมผัสกับคนไข้จริงๆ สิ่งท่ีฉันได้ทาแม้จะเป็นหน้าที่ แต่อีกส่ิงหนึ่งที่ได้คือ การเป็น ความสุขจากคนไข้ หลังจากเช้าวันนนั้ ฉันกม็ โี อกาสไดค้ ยุ กบั คุณยายเสมอๆ คุณยายก็จะคอยเรียกฉันไปคุยบ้างใน บางครั้งที่ฉันเริ่มว่างจากงานอื่นๆภายในวอร์ด และทุกๆคร้ังฉันจะสังเกตอาการคุณยายและคอยถาม ถึงการขอความช่วยเหลือ ซึ่งฉันได้สระผมให้คุณยาย กระตุ้นให้คุณยายลุกยืนข้างๆเตียงบ้าง เพราะ กลัวว่าคุณยายจะมีแผล กดทับจากการนอนนานๆ สวนอุจจาระคร้ังแรกกับคุณยาย สังเกตการกิน ของคุณยายและได้ทราบว่าคุณยายกินได้น้อยจากสาเหตุ ปวดฟันและเหมือนฟันโยกเหมือนจะหลุด ฉันจงึ ได้นาเร่อื งนี้บอกกับพ่ีพยาบาล และบอกกบั คณุ หมอตอนท่ีมาตรวจอาการคุณยาย คุณหมอจึงให้ คณุ ยายพบทนั ตแพทย์ ฉันจึงอาสาเป็นคนช่วยพี่ผู้ช่วยไปส่งคุณยายและทันตแพทย์ได้ทาการถอนฟัน ใหค้ ณุ ยาย และหลงั จากกลบั มาจากห้องฟัน “ขอบใจมากเลยนะหนู ยายรู้สึกสบายข้ึนมาเยอะเลย สงสัยยายจะกินข้าวได้เยอะเเล้วเน่ีย ” ยายพูดดว้ ยวาจาตลกขบขนั ปนด้วยความดีใจ “ค่ะคณุ ยาย พยาบาลดใี จดว้ ยนะคะ” “น่ีถ้าไม่ได้พยาบาล ยายก็คงยังปวดไปจนออกโรงพยาบาลแล้วก็ยังไม่ได้ถอน” ย่ิงคุณยายพูด เเบบนี้ฉันย่ิงเหน็ ถึงคณุ ค่าในตนองมากข้ึน พอหลังจากวันนั้นฉันก็ต้องเปล่ียนคนไข้ประจาตัว มีโอกาสได้คุยกับคุณยายบ้างเล็กน้อย แต่ ทุกคร้ังท่ีฉันมองไปหาคุณยายไม่ว่าจะตอนที่เดินผ่านบ้าง มาช่วยเพ่ือนดูแลยายบ้าง ตอนที่อาจารย์ สอนแบบขา้ งเตยี งบ้าง คุณยายก็จะยมิ้ มาให้ เหมือนเปน็ การส่งความหมายวา่ เป็นกาลังใจให้
ณ วนั สดุ ทา้ ยของการฝึกวอร์ดนรีเวชกรรม ฉันได้มีโอกาสช่วยเพ่ือนดูแลคุณยายอีกคร้ัง เพ่ือน รบกวนให้ฉันช่วยดูแลคุณยายไปก่อน เนื่องจากเป็นวันท่ีคนไข้ของฉันกลับบ้านพอดีและเพ่ือนต้องไป ดูแลคนไขป้ ระจาอกี หนึ่งคน “คุณยายเป็นอยา่ งไรบ้างคะ ดขี ึน้ บา้ งไหมคะ” “ดขี นึ้ มากเลยจะ่ หนู ยายใกล้จะกลับบ้านได้ยงั จ๊ะ” “เดี๋ยวรอถามหมอให้นะคะยาย คุณยายเบื่อไหมอยากลองออกไปข้างนอกบ้างไหมคะ” ด้วย ความท่ีฉันไมส่ ามารถจะชว่ ยอะไรยายได้มาก ฉันจึงคิดท่ีจะเปลยี่ นบรรยากาศให้คณุ ยาย “กด็ ีนะจ๊ะหนู เพราะยายกอ็ ยู่แตใ่ นน้ีเริ่มเบื่ออยากกลับบ้านแล้วสิ ” ฉันจึงนาวิลแชร์มาให้คุณ ยายน่งั เน่อื งจากขาคุณยายยังไม่คอ่ ยมีแรงและมนี า้ หนกั ตัวมากจึงเดินด้วยตัวเองไม่ไหว ฉันพาคุณยาย ดูบรรยากาศรอบๆนอกวอร์ด ชมกับธรรมชาติต้นไม้ดอกไม้ต่างๆ และคุณยายได้พูดคุยกับญาติคนไข้ คนอื่นๆ “ยายรู้สกึ ดีมากเลยนะตัง้ แต่ที่หนูเร่ิมดูแลยาย ทาให้ยายมองเห็นว่าตัวเองมียังมีคุณค่ามากขึ้น วา่ ถ้าหายเร็ว รกั ษาตัวดีๆ กจ็ ะสามารถกลบั ไปบา้ นไดแ้ ละไม่เปน็ ภาระของลูกหลาน หนูไม่ใช่ลูกหลาน ของยายแท้ๆแต่กลับมาดูแลยายอย่างดี อาบน้า เช็ดตัว สระผม และก็ทาให้ยายไม่เบื่อกับการอยู่ โรงพยาบาลมากนัก เป็นเพ่ือนคุยและรับฟังยาย ยายอยากให้หนูจบไปเป็นพยาบาลท่ีดีดูแลคนไข้ เหมือนที่ดุแลยายนะจ๊ะ เพราะเป็นส่ิงท่ียายไม่ค่อยได้รับจากการดูแลท่ีดีเวลามาโรงพยาบาลเท่าไหร่ นกั ” “คะ่ คุณยาย ขอบคณุ ท่ีคณุ ยายรสู้ ึกแบบนนั้ นะคะ ถงึ แม้จะชว่ ยอะไรคุณยายไม่ได้มากนัก” “เพยี งเท่าน้ีหนูกไ็ ดช้ ่วยยายแล้วล่ะจะ่ ” “ขอบคุณนะคะคุณยาย พยาบาลมีเรื่องจะบอกคุณยายว่า วันน้ีจะมาฝึกวอร์ดน้ีเป็นสุดท้าย แล้วนะคะ คุณยายดูแลสุขภาพตัวเองให้มากๆนะคะ และพยายามทาตามท่ีหมอแนะนา จะได้ไม่ต้อง กลับเข้ามานอนโรงพยาบาลอีก ” “จ้าหนู ยายขอเบอร์ติดต่อไว้หน่อย เผื่อยายคิดถึงแล้วถ้ามีโอกาสต้องมาตามนัดหมอ ยาย อยากเอา ผลไมจ้ ากบา้ นยายมาใหน้ ะ”
“ไดค้ ่ะ ไวม้ ีโอกาสหนูจะมาเยย่ี มคณุ ยายใหม่นะคะ” หลงั จากวนั นั้นฉนั มาเย่ียมคุณยายอีกครั้งก็ได้ทราบว่าคุณยายอาการดีขึ้นและได้กลับบ้านแล้ว และคุณยายก็ได้โทรมาหาฉันก่อนท่ีจะลงวอร์ดคร้ังสุดท้ายว่าจะมาโรงพยาบาล แต่น่าเสียดายที่เป็น วันที่ฉันคุณยายมาโรงพยาบาล ฉันได้ลงวอร์ดเรียบร้อยแล้ว ยายเล่าอาการหลังจากกลับบ้านให้ฟัง และฝากความคิดถงึ ฉนั ส่ิงที่คุณยายได้กล่าวไว้เป็นแรงกาลังใจให้ฉันตั้งใจที่จะทาหน้าท่ีของตัวเองให้ดี และทาให้ฉัน เห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น เป็นประสบการณ์ขึ้นวอร์ดครั้งแรกที่เข้าใจบทบาทหน้าท่ีของพยาบาลที่ ดแู ลท้ังด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ และจิตวิญญาณความเป็นมนษุ ย์ ตามรอยลูกสมเดจ็ ย่า “ ผทู้ ่สี มคั รใจเลอื กวิชาชีพพยาบาล เป็นผู้ที่สมควรได้รับการยกย่องเพราะเป็นผู้ท่ีมิใช่เพียงแต่ ประกอบอาชพี โดย ใชก้ าลังแรงและกาลังกายเทา่ นน้ั แต่ต้องใช้กาลงั ใจอย่างแรงกล้าในการปฏิบัติงาน ด้วยความกล้าหาญ อดทนพร้อมท้งั รกั ษาความซือ่ สัตย์ สุจริตและมีเมตตากรุณาคุณสมบัติต่างๆเหล่านี้ เปน็ สิง่ จาเป็นยง่ิ สาหรบั พยาบาล ” พระราชดารัสของสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ณ ศาลาสันติธรรม วันที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๓
ขนมเต้าส่วนวิเศษ สุภาพรรณ์ ศรอี นั ยู้ ถ้าเราสามารถปรุงขนม 1 ถ้วย โดยใช้ของวิเศษต่างๆ คุณจะใส่อะไรลงไปบ้าง และถ้า คุณเปน็ พยาบาลละ่ คุณจะปรงุ ขนมถ้วยนีใ้ หค้ นไข้เช่นไร … ใช่คะฉนั ก็คงใหค้ นไข้ของฉนั หายดี กลับบ้านด้วยรอยยิ้ม แล้วถ้าขนมเปล่ียนเป็นพยาบาลล่ะ นอกจากความรู้ ความสามารถ คุณจะใส่ อะไรลงไปอกี ... เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นเวลาตี 5.30 นาที ทาให้ฉันต้องต่ืนเอ้ือมมือมาปิดเจ้าตัวต้นเสียง และรีบลุกข้ึนไปอาบน้า นี่ก็สัปดาห์ที่ 3 ของการข้ึนฝึกของนักศึกษาพยาบาลช้ันปีท่ี 2 แล้วสินะ ระหว่างที่อาบน้าฉันก็คิดอะไรเพลินๆ ไปเร่ือย อยู่ๆ ก็มีความคิดหน่ึงหลุดเข้ามาในหัวของฉัน (คงไม่พ้น เร่ืองของกิน) วันน้ีอยา กกินขนมเต้าส่วนจัง ฉันจึงรีบอาบน้าแต่งตัวเพื่อจะได้มีเวลา ไปหาขนมเต้าส่วน พอได้ส่ิงที่ต้องการฉันก็รีบขึ้นไปดูเคสท่ีฉันได้รับมอบหมายให้ดูแล ในวันน้ีเตียง... ภาพแรกท่ีฉันเห็นคนไข้ที่ฉันต้องดูแลบอกเลยแอบปาดเหง่ือเบาๆ เพราะท่าท่ีนอนคือ ศรี ษะอยู่ปลายเตยี ง ส่วนปลายเท้าอยู่บนหัวเตียงท่ีนอนเต็มไปด้วยน้าปัสสาวะเสื้อผ้าท่ีใส่อยู่เปียกโชก ไปด้วยปัสสาวะ ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เดินเข้าไปหาคนไข้ ท่ีกาลังบ่นไม่ได้ศัพท์อยู่ “คนไข้คะ” ฉันเรียก คุณลุงลืมตามองฉันและพูดว่าอย่ามายุ่ง ฉันเสียความรู้สึก ด้วยท่าทางที่หงุดหงิดพอสมควร ฉนั คิดวิธีอยนู่ านพอสมควรว่าจะทายังไงดี จะปล่อยแบบนี้ก็ไม่ได้ ฉันรวบรวมความกล้าท้ังหมดเดินไป หาดูอีกคร้ังทุกอย่างท่ีแสดงออกไปตอนน้ันคือสงสารลุงมาก ไม่มีใครสนใจญาติก็ไม่อยู่เฝ้า หลายวัน แลว้ ตัง้ เเต่มีนักศึกษามาฝกึ งาน มเี เวะเวยี นมาดูบ้าง เเต่ก็เพียงประเด๋ียวประด๋าว ฉันจึงจับมือคุณลุงแล้ว พูดว่า “ลงุ คะอาบน้านะนอนแบบน้หี นาวแย่เลย” ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณลุงค่อยๆมองฉันแล้วพูดว่า ฉัน เสยี ความรู้สกึ มาโกหกกนั ทาไม ในตอนน้ันฉันก็ไม่รู้หรอกว่าคุณลุงเสียความรู้สึกด้วยเรื่องอะไร แต่คุณ ลุงไม่ยอมให้ใครเข้ามาทาอะไรเลยแม้กระท่ังให้ยาหรือให้น้าเกลือจากพ่ีพยาบาล ฉันสูดลมหายใจอีก ครั้ง เเล้วพูดว่า “คุณลุงคะ คุณลุงหิวไหม สายเเล้วนะ กับข้าวน่ากินมาก” ท่าทางคุณลุงยังดูเฉยไม่ ตอบอะไร คุณลงุ กินขนมเต้าส่วนไหมหนูซื้อมาให้กาลังอุ่นๆ เลยคราวนี้แกพยักหน้าเหมือนกับบอกว่า อย่าหลอกกันนะ เขา้ ทางเราแล้วฉนั คิดในใจ งน้ั ก่อนจะกนิ ขนมอาบนา้ แปรงฟันเปลี่ยนเส้ือผ้ากันดีกว่า นะจ๊ะได้กนิ อร่อยๆสบายตวั ดว้ ย คุณลุงยอมให้ฉันทาความสะอาดท้ังหมดฉันรู้สึกขอบคุณ เต้าส่วนถ้วยน้ีมาก ระหว่างป้อนขนมเต้าส่วนให้คุณลุง ฉันมองลงไปที่ช้อน ในทุกๆคา พยายามคิดว่า
เเกเป็นยาวิเศษมากในวันน้ี บทสนทนาระหว่างฉันกับคนไข้เต็มไปด้วยเร่ืองที่ชวนย้ิม นับว่าวันน้ีเเก เปน็ พระเอกไปเลยนะเจา้ เตา้ ส่วน เรื่องที่เกิดขึ้นในวันน้ีมันทาให้ฉันคิดอะไรได้ในหลายๆอย่าง ว่าในทุกๆวันฉันจะปรุงให้ตัวเอง เป็นแบบไหนดี นอกจากการเตรยี มความรู้ให้พร้อม หรือ แม้กระทั่งหัวใจท่ีมีความเมตตา ถ้าวันน้ันฉัน ไม่มีความเมตตา ฉันคงปล่อยให้คนไข้ในการดูเเลของฉันนอนอยู่เเบบน้ัน จนกว่าเขาจะยอมเอง หรือ ฉันจะใช้ความเข้าใจ เเละความมีเมตตาเข้ามาช่วย ผลลัพธ์ท่ีได้อาจเหมือนกัน เเต่คุณค่าทางจิตใจ จะเเตกตา่ งดว้ ยความรสู้ กึ เปน็ เคร่ืองตดั สนิ ...
ไอ้หนู ชมลวรรณ ทบั เทยี่ ง เป็นเร่ืองราวของข้าพเจ้า นักศึกษาพยาบาลปี2 ท่ีข้ึนฝึกงานเป็นครั้งแรก ท่ีหอผู้ป่วยอายุรก รรมหญิง ซึ่งในบรรดานักศึกษาพยาบาลทุกคนต่างก็รู้ดีว่าวอร์ดนี้เป็นวอร์ดท่ีถือว่าโหดในระดับหนึ่ง คนไข้ส่วนใหญ่มักมาด้วยอาการท่ีต้องใช้เคร่ืองช่วยหายใจ หรือบางคนก็มารักษาด้วยโรคติดต่อ ร้ายแรง หลายคนฟงั แลว้ อาจจะรสู้ กึ ว่าดูน่ากลัว แต่สาหรับตัวข้าพเจ้าเองนั้นกลับรู้สึกเพียงอย่างเดียว คอื กังวล กังวลว่าจะทาออกมาได้ไม่ดี จะทาให้ผู้ป่วยเหล่าน้ันต้องเจ็บตัวเพ่ิม หรือได้รับอันตรายจาก การให้การพยาบาลของเรา เพราะนี่จะเป็นคร้ังแรกของการได้ลงมือปฏิบัติจริงๆของพวกเรานักศึกษา พยาบาลปี2ทกุ คน ตัวข้าพเจา้ เองไดร้ ับมอบหมายใหด้ แู ลคนไข้ใหว้ อรด์ นหี้ ลายเคส แตก่ ็ยังไม่มีเคสไหนท่ีหนักมาก จนทาให้ขา้ พเจา้ ร้สู กึ อยากปฏเิ สธเลย และวันน้ันก็มาถึงเมื่อข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้ดูแลผู้ป่วยเพศ หญิง เตียง 16 คุณยายเตยี งนี้ข้าพเจ้าเคยเดนิ ผา่ นทุกวนั แต่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้เลยว่าเค้าป่วยเป็นอะไร มี อาการยังไง รู้แต่เพียงว่ายายอาการหนักและจะไม่เข้าไปยุ่งเป็นอันขาด แต่พอวันนึงต้องเข้าไปดูแล จริงๆ ข้าพเจา้ ยอมรับเลยว่ากลัว และไม่อยากที่จะเข้าไปดูแล เพราะกลัวว่าจะทาให้ยายเป็นอันตราย เพราะความใหม่ประสบการณ์ และความไม่รู้ของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าเอาแต่ร้องโวยวายกับเพื่อน “ไม่ ทาได้ไหม ไมอ่ ยากทาเคสน้เี ลย” แตส่ ุดทา้ ยก็ต้องทาอยดู่ ี เมือ่ ศึกษาประวัตทิ าใหท้ ราบว่าคุณยายอายุ 85 ปี ยายมีโรคประจาตัวคือ COPD สาเหตุการมา Admit ท่ี รพ. ของยาย คือ Acute COPD นั่นทา ให้ยายต้องใช้เคร่ืองช่วยหายใจตัวใหญ่ท่ีมีชื่อว่า Vela ตอนแรกท่ีเห็นข้าพเจ้าคิดแค่เพียงว่า ที่มัน เครื่องทรานฟอเมอร์หรือป่าว ทาไมใหญ่และดูน่ากลัวเช่นนี้ ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่เคยรู้ เลยว่าจะต้องดูแลเช่นไร ท่ีปากของยายใส่ท่อเครื่องช่วยหายใจไว้ ที่จมูกของยายมีสายให้อาหารทาง สายยางใสไ่ ว้ ทแ่ี ขนและขาของยายมีสายสาหรบั ใหน้ ้าเกลอื เต็มไปหมด ทขี่ อ้ มือของยายก็ถูกผูกไว้ด้วย เชือกสีแดง และมขี วดน้าเกลือท่ีใชแ้ ลว้ เจาะรคู รอบไวท้ ม่ี อื ทุกอย่างมันใหม่ไปหมด น่ากลัวไปหมด ข้าพเจ้าได้แต่กลัว คืนน้ันข้าพเจ้านอนไม่หลับท้ังคืน เอาแต่คิดว่าจะทาอย่างไรดี จะต้องให้การพยาบาลอย่างไร จะเช็ดตัวให้เค้าอย่างไร และเช้าวันแรก ของการดูแลก็มาถึงข้าพเจ้ารีบไปแต่เช้าเพื่อที่จะไปเช็ดตัวให้กับคนไข้ แต่ก็ไปไม่ทัน มีพ่ีพยาบาลเค้า ทาอยู่กอ่ นแลว้ พี่พยาบาลทาการ Complete bed bath ข้าพเจ้าจึงได้แต่เข้าไปช่วยบ้างเป็นบางส่วน เพียงเท่านั้น และแนะนาตัวกับญาติคนไข้ว่าต่อไปข้าพเจ้าจะเข้ามาช่วยดูแลคุณยายเอง และเมื่อถึง เวลาอาหารเช้าท่ีต้องทาการ Feed อาหารให้กับผู้ป่วย ข้าพเจ้าจึงรีบเข้าไปเตรียมเพ่ือที่จะ Feed
อาหารให้ และขออนุญาตกบั ญาติของผู้ป่วยเอง แต่ญาติกลบั ขอทาเอง และให้ข้าพเจา้ ชว่ ยยนื ดูดีกกว่า “ไอห้ นู ไม่เป็นไรเด๋ียวน้าทาเองลูก หนูยืนดูน้าก็พอ” เมื่อฟังเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงไปบดยาเตรียมมารอ Feed ต่อ แตก่ ไ็ ดค้ าตอบเช่นเดิม ข้าพเจ้าจึงสัมผัสได้เลยว่าญาติของผู้ป่วยนั้นยังไม่ไว้ใจในตัวข้าพเจ้า สักเทา่ ไหร่ จึงยังไม่ยอมใหข้ ้าพเจ้าช่วยดูแล ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่ได้ทาให้ข้าพเจ้าย่อท้อ เพราะอาจารย์บอกกับข้าพเจ้าเสมอว่า ห้ามทิ้ง ผูป้ ว่ ยของตนเอง และให้รทู้ ุกอย่างเกยี่ วกบั ตวั ผ้ปู ่วย มันเปน็ หนา้ ทีท่ ีข่ ้าพเจ้าต้องอดทนและทามันให้ได้ ตลอดท้ังวันขา้ พเจ้าจะเวยี นเขา้ ไปทกั ทายผปู้ ่วยญาติที่มาเยี่ยมผปู้ ่วยเสมอ “ยาย ยายเป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยไหมคะยาย หิวไหม กินอะไรหรือยัง เมื่อยไหม หนูนวดให้นะ” ถึงผู้ป่วยจะไม่สามรถตอบ ข้าพเจ้าได้ แต่ก็สามารถส่ือสารผ่านท่าทางบอกความยินยอมหรือไม่ยินยอมเสมอ ผู้ป่วยจะพูดคุยกับ ข้าพเจ้าผ่านการพยักหน้า และขยับแขนขา บอกว่าราคาญ บอกว่าเมื่อย บอกว่าหิว บอกว่าร้อน ขา้ พเจ้าพยายามช่วยดแู ลผูป้ ว่ ยทกุ อย่างทญ่ี าตอิ นุญาตให้ทาได้ เขา้ ไปถามเสมอ “คุณน้าคะ มีอะไรให้ หนูชว่ ยไหมคะ คุณน้าคะหนูช่วยค่ะ” คอยพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยทุก 2 ชม. คอยเช็ดตัวเมื่อผู้ป่วยเป็น ไข้ คอยบีบนวดให้เพื่อผ่อนคลาย คอยให้คาแนะนากับญาติ คอยเข้าไปพูดคุยให้กาลังใจผู้ป่วยเสมอ แรกๆผู้ป่วยและญาติก็ยังไม่ค่อยยินยอมให้ข้าพเจ้าช่วยสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายข้าพเจ้าก็สามารถ เอาชนะใจผู้ปว่ ยและญาตไิ ดส้ าเรจ็ “ไอ้หนพู รุง่ นร้ี บี มาแตเ่ ช้ามาช่วยนา้ เชด็ ตวั ให้ทนั นะ มาป้อนข้าว ยายดว้ ย ยายคงอยากให้หนูป้อน” เชื่อไหมคะแค่เพียงเท่าน้ีก็เป็นพลังมหาศาลให้กับตัวของข้าพเจ้า แล้ว สร้างความดีใจให้กับข้าพเจ้าอย่างเป็นที่สุด ว่าในที่สุดเค้าก็รักและไว้ใจให้เราดูแล ทุกๆคร้ังท่ี ผู้ป่วยเป็นไข้ ญาติจะมาตามให้ข้าพเจ้าไปดู ไปช่วยเช็ดตัว ถ้ายายมีอาการอะไรที่ผิดปกติไป ญาติจะ บอกกับข้าพเจ้าก่อนเสมอ ข้าพเจ้าจะถามผู้ป่วยทุกเช้า “ยาย จาหนูได้ไหม ท่ีมาคุยกับยายเมื่อวาน ไง” ยายจาพยักหน้าตอบวา่ จาได้ ซ่งึ ญาติบอกกับข้าพเจา้ ว่าผปู้ ว่ ยนั้นจาคนไม่ค่อยได้แล้ว แต่ผู้ป่วยจา ข้าพเจ้าได้มันเป็นเรือ่ งที่ทาให้ข้าพเจ้าดีใจที่สุด ถึงแม้ว่าวันนึงข้าพเจ้าจะต้องเปล่ียนดูแลผู้ป่วยเคสอ่ืน แล้วก็ตาม ญาตกิ จ็ ะยังคอยตามใหข้ า้ พเจ้าไปดูแลผปู้ ่วยเสมอ “ไอ้หนู ไอ้หนู มาดยู ายหน่อย” วันนึงผู้ป่วยมีอาการหอบ เหน่ือยหายใจไม่ออกขึ้นมา ข้าพเจ้าจึงเข้าไปดูแล และไปตามพ่ี พยาบาลมาใหย้ าตามแผนการรกั ษา ผปู้ ่วยยงั คงมีอาการเหนอ่ื ยอยู่ ญาตพิ ยายามปลอบให้ผู้ป่วยใจเย็น ลง และค่อยๆหายใจ แต่ผู้ป่วยก็ยังไม่มีอาการดีขึ้น ข้าพเจ้าจึงเข้าไปปลอบ สอนการหายใจ และ พยายามพูดให้ผู้ป่วยใจเย็น “ยาย น่ีหนูเองนะยายจาได้ไหม ยายหายใจตามท่ีหนูบอกนะ ยายไม่ ต้องกลัว เด๋ียวก็หายเหนื่อยนะยาย” ข้าพเจ้าทาไปโดยที่ไม่ได้คาดวังเลยว่ามันจะสาเร็จหรือไม่ เพียงแต่ทาตามแบบท่ีเรียนมาเพียงเท่านั้น แต่ผู้ป่วยก็มีอาการดีขึ้น ต่อมาผู้ป่วยมีอาการแย่ลงเรื่อยๆ
จนญาติต่างพากันทาใจ และพูดคุยกับข้าพเจ้าถึงเร่ืองอาการของผู้ป่วยตามท่ีหมอได้บอกให้กับญาติ รับรู้ “ไอห้ นู ยายแยล่ งเรือ่ ยๆเลยนะ” “คณุ น้าต้องเข้มแข็งนะคะ ทุกๆคนเลย ถ้าทุกคนเข้มแข็ง ยายจะได้สบายใจนะคะ เป็นกาลังใจให้ ยายสู้ด้วย” “พวกน้าก็ทาใจไว้บ้างแล้วแหละ ไม่อยากให้แกเหน่ือยมาก แล้วนี่ไอ้หนูเป็นยังไงเหนื่อยไหมลูก ดูแลคนไข้ท้ังวันเลย กนิ ข้าวรึยัง ได้พกั บ้างไหม” “กนิ แล้วคะ่ คณุ น้าไม่ต้องหว่ งหนูนะคะ หนจู ะช่วยดูแลยายให้เต็มท่ี” “พรุง่ นีเ้ ราคงไม่เจอกนั แลว้ ม้งั เน่ีย ไอ้หนจู ะลงกี่โมงลูก” “ได้เจอสิคะ พรุ่งนห้ี นูจะรบี มา วนั น้ีหนูลงตอน6โมงเย็นถา้ งานเสร็จท้ังหมดหนูคงจะได้ลงค่ะ วันนี้ อาจจะลงไวกว่าทกุ วัน” “ดแี ลว้ ลกู รบี กลับไปพกั ตั้งใจเรยี น อดทนนะลกู ว่างๆก็ไปเทย่ี วบ้านนา้ บ้าง อยูแ่ คต่ รงนีเ้ อง” ข้าพเจ้าตอบไปโดยท่ีไม่เคยรู้เลยว่านั่นจะเป็นสัญญาณเตือนของการบอกลา ตอนเช้าข้าพเจ้า รีบมาเพ่ือทจี่ ะเชด็ ตัวใหผ้ ู้ปว่ ยตามปกติ แตพ่ อมาถึงเตียงก็วา่ งแล้ว ไม่มีแม้แต่ญาติเหลืออยู่สักคนเดียว เม่ือสอบถามจากพี่พยาบาลจึงรู้ว่า “ญาติให้หมอถอดเคร่ืองช่วยหายใจไปต้ังแต่เม่ือวานแล้วน้อง พอน้องลงไปสกั พักญาตกิ ไ็ ปบอกหมอให้มาถอดเลย” เหมือนฝัน ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจที่ไม่มีโอกาสแม้แต่บอกลาคุณยายคนน้ัน แต่โชคก็ยังเข้าข้างข้าพเจ้าอยู่บ้าง เมื่อมี ญาติของผู้ป่วยกลับมาที่วอร์ดเพื่อติดต่อเร่ืองเอกสาร “ไอ้หนู ยายไปแล้วนะลูก พวกเราตกลงให้ หมอมาถอดเครื่องไป ไม่อยากให้ทรมานแล้ว พวกน้าคิดแล้วว่าไอ้หนูมาต้องตกใจแน่ๆไม่เจอยาย เลยกลบั มาบอกหนู ยายไปสบายแลว้ นะ” ข้าพเจ้าไม่เคยคดิ เลยวา่ จะได้รบั ความรัก ความใสใ่ จจากทกุ คนมากขนาดนี้ จากความรู้สึกตอน แรกที่ไม่อยากดูแล คิดแต่เพียงมันเป็นหน้าท่ี กลายเป็นความรัก ผูกพัน อยากจะดูแลให้ดีท่ีสุด ซึ่ง ผู้ป่วยและครอบครัวของผู้ป่วยเองให้ความสาคัญกับเราเหมือนเป็นลูกหลานของเค้าคนหน่ึง ประสบการณ์คร้ังนี้จะให้บทเรียนท่ีย่ิงใหญ่ และประสบการณ์ท่ีสาคัญที่สุดในชีวิตการเป็นนักเรียน พยาบาลของขา้ พเจา้ ทีจ่ ะจดจาไว้ตลอดไป ถึงความสุขของการเป็นพยาบาล และความสาคัญของการ ดูแลผู้ปว่ ยด้วยหวั ใจว่ามันวเิ ศษและสขุ ใจขนาดไหน
ฝนั ….ท่ีไมไ่ ด้วาดไว้ ศศภิ า จันทรน์ ุ่ม “เคยเปน็ แบบน้ีกันบ้างไหมเอ่ย วา่ ทาไมเราต้องเจอกบั ความผดิ พลาดอกี แล้ว? ทาไมชีวิตเราต้องมาเจอกับอะไรที่แย่ ๆ แบบนี้ด้วย หลาย ๆ ครั้งเราอาจเคยได้ยินคาพูดเหล่านี้ ออกมาจากตัวเราเองหรอื มาจากคนทใ่ี กล้ตัวเรา คาพูดและความคิดเหล่าน้ันอาจเกิดข้ึนมาจากบางสิ่ง บางอย่างที่ไม่เป็นไปตามต้องการ หรือไม่เป็นไปตามใจเราที่หวังเอาไว้ เม่ือเราหวังเอาไว้สูงเวลาเรา ผิดหวงั ก็ย่อมจะเจบ็ เปน็ เรอื่ งธรรมดาของมนษุ ย์โลก แต่คนเรากต็ อ้ งมีความหวังกบั เรือ่ งอะไรต่าง ๆ ใน ชีวิต ถ้าไม่อย่างงั้นชีวิตก็ขาดรสชาติ ในชีวิตปัจจุบันเราต่างดาเนินชีวิตไปด้วยความฝัน ความหวังบน พน้ื ฐานของโลกแห่งความเป็นจริง แตเ่ ราจะฝนั และหวังอย่างไรไม่ใหเ้ ราเสยี ใจ? ” คนเราทุกคนต่างก็มีเป้าหมายในชีวิตเป็นของตนเองทั้งนั้น บางคนก็อาจจะเดินตามความ ฝันของตัวเองได้สาเร็จ แต่ก็อาจจะยังมีผู้คนอีกมากมายท่ียังไม่ประสบความสาเร็จในการเดินตาม ความฝันและก็ยังมีผู้คนอกี มากทยี่ ังไม่ร้วู ่าความฝนั ของตวั เองคอื อะไร สาหรับเส้นทางของฉัน ฉันอยากที่จะเรียนเก่ียวกับศิลปะ การออกแบบ แต่ทางครอบครัว ของฉันอยากให้เรียนพยาบาล เพราะเรียนจบแล้วมีที่ทางานรองรับเลยไม่ต้องเสียเวลาในการหาท่ี ทางาน ซึ่งฉันไม่ได้ชอบการเรียนพยาบาลเลย เพราะฉันคิดว่าคงเรียนยาก ทางานก็เหน่ือย กลัวจะสู้ กับความอดทนไม่ไหว พ่อกับแมฉ่ นั ไดพ้ ดู ข้ึนมาวา่ “แม้จะเหนือ่ ยเราก็ตอ้ งอดทนมานะใหไ้ ด้ ไม่มีงานไหนที่ทาแล้วไม่เหน่ือย ทาแล้วจะสบายตลอด”ทาง ครอบครัวของฉันก็สนับสนุนเต็มท่ีที่จะให้ฉันได้เรียนพยาบาล ฉันจึงตัดสินใจลองสมัครเรียนต่อ พยาบาลที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชัยนาท ซึ่งในวันที่ประกาศรายชื่อนักศึกษาท่ีมีสิทธิ์เข้า ศึกษาต่อ ฉนั ได้เปดิ ดูรายชื่อด้วยความตื่นเต้น ปรากฏว่ามีรายช่ือฉัน ด้วยความดีใจฉันก็รีบไปบอกพ่อ กบั แม่ว่า “หนสู อบตดิ แล้วนะ” ทนั ใดนน้ั ฉนั กเ็ หน็ รอยย้ิมอันปล้ืมปริ่มบนใบหนา้ ของพอ่ กบั แมข่ องฉนั ^^ เม่ือวันที่ 17 กรกฎาคม 2560 ฉันได้เข้ามาเรียนท่ีวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชัยนาท วันแรก ฉนั ร้สู กึ หวา่ เว้ ยงั ไม่รูจ้ กั กบั เพื่อนใหม่ คิดถึงพ่อกับแม่ อยากกลับบ้านอยู่ตลอดเวลา พอหลาย สปั ดาหผ์ า่ นไปฉนั เริ่มปรบั ตัวเขา้ กบั เพอื่ นและสถานท่ีได้ สาหรบั การเรยี นในชว่ งปี 1 นั้น เป็นการเรียน ปรับพ้ืนฐานยังไม่หนักมากเท่าไร แต่จะมีสอบอยู่บ่อยครั้ง ทาให้ฉันเร่ิมรู้สึกเครียด เหน่ือยท้อทุกครั้ง แต่ไมว่ า่ อยา่ งไรก็ตาม ฉนั กฝ็ ่าฟันกับสถานการณ์ตึงเครียดเหล่านั้นมาได้ จนถึง ณ ตอนน้ีฉันได้อยู่ปี 2 สาหรบั การเรียนในชว่ งปี 2 นัน้ จะเป็นการเรยี นท่หี นักกว่าช่วงปี 1 เพราะเริ่มเข้าสู่วิชาชีพพยาบาล จะ
มีท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติที่เก่ียวกับการพยาบาลเพื่อที่จะนาความรู้ส่วนน้ีไปใช้ในการขึ้นวอร์ด ฉันมีความรู้สึกว่าเป็นช่วงท่ีทาให้ฉันเครียด เหนื่อยท้อมากจนอยากร้องไห้ออกมา แต่ฉันก็ผ่านไปได้ เชน่ เคย ณ วันข้ึนวอร์ดที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร เป็นการข้ึนวอร์ดคร้ังแรกของฉัน ท่ีจะมี อาจารย์คอยสอนประจาแต่ละวอร์ด ฉันรู้สึกต่ืนเต้นมาก ไม่รู้จะทาอย่างไร รู้สึกเกร็ง ๆ บ้างเล็กน้อย กลัวว่าจะทาผิดพลาด แต่พอหลายวันผ่านไป ฉันเริ่มปรับตัวได้มากขึ้น ทาอะไรหลาย ๆ อย่างได้ คล่องแคล่วกวา่ เดิม และมีอยวู่ นั หนง่ึ ฉนั ได้เคสผปู้ ว่ ยทฉ่ี ันประทบั ใจที่ตกึ ศัลยกรรมมหดิ ล 3 พคี่ นนช้ี ื่อ “บอย” มารบั การรกั ษาทหี่ ลายโรคมากเลยทีเดยี ว @_@ แตเ่ ขามแี ผล Stump ที่บริเวณขาขา้ งซ้าย ที่เกิดจากโรคเบาหวาน เป็นแผลท่ีค่อนข้างน่ากลัวและใหญ่ สาหรับฉันเลยแหละ ครง้ั แรกทีฉ่ ันทาแผลจะมีพี่พยาบาลท่ีคอยดูคอยสอนฉันอยู่ใกล้ ๆ ตลอด พอวัน ตอ่ ๆ มา ฉันได้ทาแผลโดยท่ีไม่รังเกียจและมีเพ่ือนหรือแม่ของเขาคอยช่วยยกขาไว้ให้ ฉันพยายามทา ใหเ้ บามือท่ีสุด และคอยถามเขาเสมอวา่ “เจบ็ ไหมคะ” “ทาแรง ๆ เลยพ่ไี มเ่ จบ็ หรอกนะ่ ” พบ่ี อยพูด ฉนั กแ็ สดงสหี นา้ ยิ้มอ่อน ๆ >//< ทุกครง้ั ทีท่ าแผลเสร็จเขามกั จะพูดว่า “ขอบใจมาก” ซง่ึ ฉันได้ทาแผลให้เขา เวลา 10:00 น. ทกุ วนั จนกว่าจะเปลยี่ นเคสใหม่ เช้าวนั ตอ่ มา เขาจะทักทายฉนั วา่ “มาแตเ่ ช้าเลยนะ กนิ ขา้ วมายังล่ะ” ฉันก็ตอบเขาพรอ้ มกับยิม้ ทาใหฉ้ นั รูส้ ึกว่าเราไม่ไดใ้ สใ่ จผู้ป่วยอยู่ฝ่ายเดียว แต่ในขณะเดียวกันนั้นผู้ป่วยก็คอยถามไถ่เรา ใส่ใจเรา เหมอื นกนั “นางฟ้าชุดขาว” หน่ึงวลีที่งดงามในความหมาย ส่วนใหญ่วลีนี้ถูกใช้แทน “พยาบาล” วิชาชีพซ่ึงถูกมองว่าเป็นผู้เสียสละ เป็นดั่งนางฟ้า เป็นผู้ให้ชีวิต ต้องดูแลคนทั้งคน สิ่งสาคัญ “รับฟัง ด้วยหู รับรู้ด้วยใจ” เอาใจเราไปใส่ใจเขา เราสามารถให้ได้ ทาได้ ไม่ต้องใช้เงิน เราจะต้องมี รอยย้ิมการสัมผัสด้วยความนุ่มนวลใส่ใจในส่ิงท่ีผู้ป่วยบอก สบตา แสดงออกถึงการใส่ใจ คาพูดและ ท่าทางท่เี หมาะสม จากก้าวแรกมาสวู่ นั นี้ สกู่ ารฝ่าฟัน มีความมุ่งมั่น เรียนรู้ที่จะอดทน ต้องต้ังใจ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน รอบคอบในการฝึกงาน ต้องเปลี่ยนแปลงตนเองเพ่ือส่ิงดีดี.....ทุก ๆ อย่างผ่านเรื่องราวหลากหลายที่ บางคร้ังก็รับได้ บางครั้งก็เกินกว่าจะรับได้แต่กระนั้นท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับ ทั้งยังผ่านการฝึกฝนอัน แสนหนักหน่วง แม้จะเหน่ือย แม้จะท้อ แต่สาหรับฉันกลับมีความยินดีและภาคภูมิท่ี ได้ทาให้คนคน
หนึ่งที่กาลังดิง่ ส่กู น้ เหวกลบั มาสู่ผืนดินอีกครัง้ ได้ทาให้คนคนหนึ่งกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยสองมือเล็ก ๆ นี้ เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว อนาคตที่ต้ังใจไว้และจะทาให้ได้คือ การดูแลครอบครัวของฉันให้มี ความสุขมากทส่ี ดุ และดาเนินชีวิตของตนเองไปอย่างราบรน่ื มชี วี ติ ท่มี ่นั คง และมคี วามสุขในทุก ๆ วัน แค่นี้ก็ถือวา่ เป็นอนาคตที่ดพี อแล้วสาหรับฉัน….^^ “นางฟา้ ชดุ ขาว ไมง่ า่ ยอยา่ งท่ีคิด”
ความจรงิ มีเพียงหนงึ่ เดียวเท่าน้ัน จารชิ า ศรชยั จากประสบการณ์ตรงของตัวเองในการไปขึ้นวอร์ดในคร้ังล่าสุดท่ีผ่านมา เป็นการขึ้นฝึกปฏิบัติ คร้ังแรกของชีวิต ฉัน แน่นอนต้องมีท้ังความกลัว ต่ืนเต้น เพราะจะไม่ได้ทาหัตถการกับหุ่นอีกต่อไป แล้ว แต่จะเปลี่ยนมาทากับ คนที่มีชีวิตจริงๆ แถมวอร์ดแรกที่ไปขึ้นก็คืออายุรกรรมชาย หรือ เรียก สั้นๆว่า Med ชาย จากการพูดคุยกับพี่ ในสายรหัสต่างก็บอกว่า Med ชายน่ีโหดสุด ท้ังโรคและ จานวนของคนไข้ วันแรกท่ีไปก็ ทาตวั ไมถ่ ูก ไมร่ ู้จะเริม่ จากตรงไหน ถงึ แมว้ า่ ทั้งพพี่ ยาบาลและอาจารย์ จะคอยบอก คอยแนะนา แต่ก็ทาให้ความต่ืนเต้นของ ฉันหายไปไม่ได้อยู่ดี ไม่กล้าจะทาอะไรกับคนไข้ เลย แต่แล้วเหมือนพระเจ้าอ่านใจฉันออกว่าไม่กล้า และตื่นกลัว ไปหมด ท่านเลยส่งเคสแรกท่ีดีมาก แบบมากๆ มาให้กบั ฉนั เคสแรกของฉันเป็นคุณลงุ วยั กลางคนคนหน่ึง คุณลุง แกไม่ได้เป็นอะไรมากถ้า ไม่นับโรคประจาตัวที่แกเป็น แต่ถึงอย่างน้ัน ภายนอกของแกก็ดูปกติ แข็งแรง พร้อม กลับบ้านได้ ซึ่ง ความคดิ ผิด และเปน็ ความคดิ ท่ไี มน่ า่ จะเกดิ ข้ึนเลยด้วยซ้าของนักศึกษาพยาบาลก็คือ ถ้าเคสกลับบ้าน แล้วยังไม่ครบกาหนดวันส่งงาน ก็คือต้องเปล่ียนเคสใหม่ซ่ึงเป็นส่ิงท่ีไม่ว่านักศึกษาคนไหนอยากให้ เกดิ ขึน้ เลย ท้ังๆท่ีจริงๆแล้วควรจะดีใจท่ีเคสหายแล้วกลับบ้านได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรู้สึกแย่ไปซะท้ังหมด ไอ้อารมณ์ยินดี และดีใจกับคนไข้ท่ีได้กลับบ้านไปใช้ชีวิตต่อก็มีอยู่ ซ่ึงเคสแรกของฉันกลับบ้านในวัน สุดท้ายของการส่งงานพอดี ความรู้สึกท่ีไม่ควรเกิดมันจึงไม่ได้เกิดข้ึน ฉันได้พูดคุยกับคุณลุงเยอะมาก ทั้งเรื่องท่ีใช้กับงานท่ี ต้องส่งและก็เรื่องทั่วไปท่ีไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานเลย เย็นวันนั้นด้วยการร้อนวิชา อยากจะส่ิงที่เรียนมาใช้กับคนไข้ ฉันจึงถามคุณลุงว่าอยากสระผมมั้ย คุณลุงมาอยู่หลายวันเหนียวหัว บ้างหรือเปล่าคะ คุณลุงก็ตอบกลับมาว่าอยากสระมาก เพราะไม่สบายหัวเลยแต่ก็ไม่กล้าสระ ฉันจึง บอกให้คุณลุงเตรียมยาสระผมกับผ้าเช็ด หัวไว้ เด๋ียววันพรุ่งนี้ฉันจะมาสระให้ แล้ววันต่อมาตอนบ่าย ฉันก็เข้าไปท่ีเตียงของคุณลุงเคสของฉัน คาแรกที่คุณลุงพูดออกมา คุณลุงพูดว่า “น่ีไง มาแล้ว รออยู่ เลย” ซ่ึงหมายความว่าคุณลุงเชื่อในคาพูดของฉัน ท้ังๆท่ี ผ่านมาต้ังหลายวันแล้วที่แกนอนอยู่ โรงพยาบาลไม่มีใครมาสระผมให้แกเลย แกอาจจะไม่ได้เช่ือใจฉันมากถึงขนาดจะมาสระผมให้จริงๆ มนั ทาใหร้ ูว้ า่ คาพูดของฉันมนั มีอิทธพิ ลกับคุณลุง และทาให้รอู้ ีกวา่ คาพดู ท่ีออกจากปากของเรา ถ้ามัน ไม่จริงและไม่สามารถรักษาคาพูดนั้นได้เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง เพราะมันจะเป็นการสร้าง ความหวังให้กับ คนไข้โดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว ฉันสระผมให้กับคุณลุงตามท่ีได้เรียนมา ระหว่างสระก็พูดคุยถามไถ่กันไป ด้วย คณุ ลงุ ถามฉันว่าเหน่ือยม้ัย ท้ังเดิน ทั้งทางานท้ังวันเลย ฉันก็ตอบว่าเหนื่อยค่ะ แต่หนูไหวแล้วแก ก็ พูดวา่ แกเข้าใจ จริงๆแกก็ไม่อยากรบกวนเพราะเห็นว่าเหน่ือยมากแล้ว ขอบคุณมากจริงๆท่ีอุตส่าห์
มาสระผมให้ ลงุ ฉนั ที่เหนอ่ื ยๆ หายเปน็ ปลิดทิ้งในประโยคส้ันๆของคุณลุง ฉันก็ตอบแกไปว่า ขอบคุณ นะคะ พรอ้ มกับตอบในใจอกี คร้ังวา่ ขอบคุณมากจริงๆ คาพูดของลุงเป็นกาลังใจอย่างดีให้กับนักศึกษา คนน้ีได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ แล้วเคสฉันก็กลับบ้านไป เคสใหม่ที่ได้มาคราวนี้ไปคนละเรื่องกับเคสก่อน หน้าเลย เป็นคุณลงุ ท่อี ายคุ อ่ นข้างมากและแกไมร่ ู้สึกตัว อุปกรณ์เต็มตัวแกไปหมด และช่วงนั้นแกเป็น เตียงเดียวที่ on Tube อยู่ ซึ่งก็ถือว่าหนักสุด ตอนแรกฉันกลัว กลัวว่าจะทาอะไรไปแล้วคุณลุงจะแย่ ลงกว่าเดิม แต่ตอนนี้ฉันอยากขอบคุณคุณลุงมาก เพราะ ฉันได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างแบบมากๆเลย จากคุณลุง สิ่งท่ีอยากขอบคุณก็คือลูกชายของคุณลุง แกให้ความร่วมมือดีมาก ทุกครั้งที่ฉันเข้าไปทา หัตถการถา้ ตอ้ งมคี นชว่ ยแล้วไม่มีเพ่ือนว่าง แกก็ช่วยฉันตลอด และเวลาท่ี ฉันทาพลาดจนถูกพี่ดุ แกก็ ไมเ่ คยวา่ ฉนั เลยแถมยงั ใหก้ าลงั ใจท้งั คาพูดว่า “ไม่เป็นไรหนู เอาใหม่” พร้อมทั้งเอาขนมปังให้ฉัน ฉันรู้ วา่ น่เี ป็นขนมปังที่อร่อยที่สุดที่ฉันเคยกินมาเลย และยังมีอีกหลายครั้งท่ีฉันเข้าไปทาหัตถการกับคุณลุง เคสของฉัน แล้วในช่วงแรกคุณลุงแกขัดขืนหนักมาก ฉันต้องคอยจับมือคุณลุงแล้วบอกว่าไม่เป็นไรนะ คะ คุณลุงก็จะสงบลงแต่ก็ยังมีขัดขืนอยู่บ้าง ฉันเข้าไปหาคุณลุงบ่อยมากใน 1 วัน ฉันคิดว่าฉันผูกพัน กับเคสน้ีในระดับหนึ่งเลย ไม่มีอะไรทาก็เข้าไปพูดคุย “เป็นไงบ้างคะ ท่ีหนูอาบน้าให้สบายตัวข้ึนเลย ใชม่ ย้ั คะ” แมว้ ่าคุณลุงจะไม่เคยตอบกลบั ฉันมาเลยแตฉ่ ันก็ชวนคุณลุงพูดแตถ่ า้ แกหลบั อยู่ฉันก็จะไม่ได้ เข้าไปพูดคุย บางครั้งก็คุยกับลูกชายของคุณลุง แกให้ความร่วมมือดีมาก ฉันถามอะไรไปแกก็ตอบให้ หมด ทาให้ฉันได้ข้อมูลท่ีค่อนข้างจะสมบูรณ์เลยทีเดียว วันลาวอร์ดฉันก็ไม่ลืมไปลาคุณลุงท้ังตัวเคส และลูกชาย ลูกชายคุณลุงแกก็อวยพรให้ฉันโชคดี ทั้งหมดน่ีก็เป็นเรื่องราวที่อยู่บนวอร์ดของฉันส่วน หน่ึงซึ่งก็ยังมีเร่ืองราวอีกมาก แต่ฉันเลือกท่ีจะยกเร่ืองราวท่ีฉันประทับใจและจะจาไม่มีวันลืมมา มัน ไม่ได้หวือหวาหรือว่าอลังการอะไรมาก แต่ในเร่ืองของความรู้สึกของฉันมันย่ิงใหญ่มาก ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากจรงิ ๆ
“ บทเรียนราคาแพง ” ศิริรัชต์ กันทรกิ า ย้อนกลับไปเม่ือ 3 เดือนก่อน ฉันได้ไปฝึกงานในฐานะนักศึกษาพยาบาลคร้ังแรก วอร์ดแรกที่ ฉันได้ขึ้นไปฝึกน้ันเป็นวอร์ดอายุรกรรมหญิง วันแรกเคสท่ีฉันได้รับเคสผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง วัน น้ันฉันประหม่ามากกลัวว่าจะทาได้ไม่ดี ส่ิงแรกที่ฉันทาคือการเข้าไปพูดคุยทาความรู้จักกับผู้ป่วย ฉัน ได้รู้ว่าผู้ป่วยคนนี้เดิมทีเป็นคนแข็งแรงแต่เกิดอุบัติเหตุหกล้มทาให้หลอดเลือดในสมองแตกกลายเป็น อัมพาตครึ่งซีก ฉันเขา้ ไปพูดคยุ กบั ญาติว่า “สวัสดีค่ะ หนูเป็นนักศึกษาพยาบาลนะคะเด๋ียววันพรุ่งนี้เช้าหนูจะมาช่วยดูแลอาบน้าให้คุณ ยายนะคะ” ฉันพูดตามปกติ แตด่ เู หมอื นว่าญาตผิ ูป้ ่วยจะเข้าใจผิดกลบั บอกใหผ้ ู้ป่วยฟังวา่ “เดี๋ยวคณุ หมอจะมาอาบนา้ ให้” หลังญาติพูดจบฉันก็ยืนงงสักพัก จึงตั้งสติได้ว่าญาติเข้าใจว่าฉันจะมาอาบน้าให้ตอนน้ีเลย ด้วย ความท่ีฉันเพิ่งมาฝึกงานวันแรกฉันจึงไม่กล้าขัด ได้แต่เดินงงๆ ไปหยิบอุปกรณ์อาบน้ามาเตรียมไว้ข้าง เตยี งผูป้ ว่ ยฉนั คอ่ ยๆ อาบน้าใหก้ บั ผูป้ ว่ ยอยา่ งนิม่ นวล “คณุ ยายคะ หนูขออณุญาตถิ อดเสื้อนะคะ” “คุณยาย เย็นสบายไหมคะ?” ฉันอาบน้าให้กับผู้ป่วยตามที่เรียนมา จนกระท่ังถึงตอนที่ต้องพลิกตะแคงตัวเพ่ืออาบน้า ด้านหลังให้กับผู้ป่วยฉันสังเกตเห็นว่าด้านหลังของผู้ป่วยเริ่มจะเป็นแผลกดทับ ฉันจึงรีบไปบอกพี่ พยาบาลท่ีอยู่บนหอผู้ป่วย พี่พยาบาลจึงให้ช่วยทาแผลให้กับผู้ป่วย วันน้ันเป็นวันท่ีทั้งเหน่ือยท้ังมี ความสขุ เหน่อื ยที่ต้องทาการพยาบาลใหก้ ับผู้ป่วยตั้งแต่วันแรก มีความสุขที่ได้ดูแลผู้ป่วย ป้องกันการ เกดิ แผลกดทบั ใหก้ ับผปู้ ่วย วันต่อมาฉันก็ไปอาบน้าให้กับผู้ป่วยตามปกติ แต่วันน้ีผิดกับวันก่อนวันดูคุณยายแจ่มใสข้ึน อีก ไม่กี่วันต่อมาคุณยายก็ได้ย้ายไปอยู่ห้องพิเศษ แล้วฉันจึงได้เปลี่ยนเคสพอดี ฉันได้เคสใหม่เป็นผู้ป่วย หลอดเลอื ดสมองอีก แต่ครัง้ นี้ผปู้ ่วยรายนี้มอี าการติดเช้ือร่วมด้วย ฉันได้เข้าไปดูแลคุณยายคนนี้ทุกวัน ทัง้ อาบน้า ให้ยา ให้อาหาร เปลี่ยนเตียงฉันทาแบบน้ีทุกๆ วันจนในที่สุดคุณยายก็ได้กลับบ้าน ฉันรู้สึก ดใี จมากทฉ่ี นั ได้ดูแลผู้ป่วยสองรายนี้ให้มีอาการดีข้ึนจากเดิม จากเหตุการณ์น้ีทาให้ฉันได้เรียนรู้ว่าการ ดูแลผู้ป่วยควรที่จะดูแลให้เหมือนกับญาติของตัวเอง นอกจากน้ีฉันยังได้มีโอกาสดูแลผู้ป่วยที่เป็น โรคติดต่อที่หลายคนไม่กล้าเข้าไปดูแล แต่ฉันกลับรู้สึกว่าผู้ป่วยเหล่าน้ันน่าสงสาร ญาติเองก็ไม่มี
ความรใู้ นการดแู ลฉันจงึ เข้าไปช่วยดูแลให้อาหารทางสายยางให้ ดูแลให้ยา สอนญาติในการดูแลผู้ป่วย จนกระทง่ั ถึงวันสุดทา้ ยทีผ่ ู้ปว่ ยจากไป สองสัปดาหผ์ ่านไปถงึ เวลาท่ีต้องย้ายไปฝึกอีกวอร์ดหน่ึง วอร์ดนี้ ก็ได้สอนอะไรให้ฉนั มากมาย ฉนั มีโอกาสได้ดแู ลผ้ปู ว่ ยรายหน่งึ ทน่ี อกจากจะป่วยกายแล้ว ยังป่วยใจอีก ดว้ ย เคสนเี้ ป็นเคสทห่ี ลายคนไม่อยากเข้าไปให้การพยาบาลเนื่องจากผู้ป่วยถ่ายหนักอยู่ตลอดเวลา ใน ตอนแรกข้าพเจา้ ก็ไม่อยากทา แต่เนื่องจากเคสนี้เป็นเคสของฉันเอง วันแรกที่ฉันได้รู้ว่าต้องดูแลผู้ป่วย เคสน้ฉี ันร้สู ึกไมอ่ ยากทาอะไรท้ังสน้ิ สงิ่ แรกทฉ่ี นั ทาคือการเดินเข้าไปพูดคยุ กับผปู้ ่วย “สวัสดีค่ะ ลุงคะวันนี้เป็นยังไงบ้างคะ หยุดถ่ายหรือยังเอ่ย?” ลุงตอบกลับมาด้วยสีหน้ากังวล วา่ “ยังเลยเน่ีย ยังไม่หยุดสักที หมอก็ให้ยาไปแล้วนะ แต่เด๋ียวคงหยุดถ่าย” เมื่อได้ฟังลุงพูดฉันก็ รู้สกึ เห็นใจ ลงุ เล่าว่าลงุ เป็นคนหารายได้เล้ียงคอบครัวแต่ประสบอุบัติเหตุณ์รถชนจึงเป็นอัมพาตทั้งตัว ลุงมี เพียงแม่ท่ีอายุมากแลวคอยดูแลลูกชายและลูกสาวของลุงนานๆ จะมาเยี่ยม ลุงโทรหาลูกทุกวันอยาก ใหล้ กู มาเย่ยี ม ทกุ ๆ วนั ท่ีฉนั เข้าไปทาการพยาบาลฉนั มักจะพดู คุยกบั ลงุ เสมอ จนกระท่ังผู้ป่วยดูสีหน้า ดีขึ้นพดู คุยมากข้ึน ไมเ่ งยี บซึมอย่างแตก่ ่อน แต่ทวา่ มีพบก็ย่อมมีจาก เม่ือถึงวันท่ีฝึกงานเสร็จฉันได้เข้า ไปบอกลงุ วา่ “ลุงวันนหี้ นมู าดแู ลวันสดุ ทา้ ยแลว้ นะ เดีย๋ วหนูตอ้ งกลบั ไปเรียนแลว้ ขอให้ลงุ หายเร็วๆนะคะ” ลุงตอบกลับมาวา่ “ไปเถอะ ไปกันหมดแล้วทีน้ีใครจะดูแล” ฉันรู้สึกว่าน้าเสียงที่ลุงเปล่งออกมาดูเหมือนจะไม่ได้ รู้สึกอะไรแต่ก็แฝงไปด้วยความน้อยใจ ในวันน้ันฉันจึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วการที่ฉันได้ทาการพยาบาล ให้กับไม่ใช่เพียงแค่บรรเทาอาการเจ็บป่วยกาย แต่จาเป็นต้องดูแลด้านจิตใจของท่ีผู้ป่วยและญาติ ผู้ป่วยบางคนถกู ทอดทิ้ง บางคนโดนรังเกียจดว้ ยโรคที่เป็นอยู่ ถึงแม้ในตอนนี้ข้าพเจ้าจะยังไม่ใช่นางฟ้า ชุดขาวเต็มตวั แตเ่ ป็นแตน่ างฟา้ ฝกึ หดั ตวั น้อยฉนั กจ็ ะพัฒนาตนเองให้มศี กั ยภาพมากพอเพื่อวันหน่ึงจะ ไดเ้ ป็นนางฟ้าชุดขาวได้อย่างสง่างาม
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: