Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore บทที่ 10 พัฒนาการของคนในวัยต่าง ๆ ตั้งแต่ระยะคลอกถึงวัยสูงอายุ

บทที่ 10 พัฒนาการของคนในวัยต่าง ๆ ตั้งแต่ระยะคลอกถึงวัยสูงอายุ

Published by chawanon, 2021-02-16 10:27:19

Description: บทที่ 10 พัฒนาการของคนในวัยต่าง ๆ ตั้งแต่ระยะคลอกถึงวัยสูงอายุ

Search

Read the Text Version

บทท่ี 10 พฒั นาการของคนในวยั ต่าง ๆ ต้งั แต่ระยะคลอดถงึ วยั สูงอายุ ความหมายของพฒั นาการและการเจริญเตบิ โต พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ ขบวนการพฒั นาการ หลกั การของพฒั นาการของมนุษย์ 1. วยั ก่อนเกดิ ข้นั ของพฒั นาการ 2. วยั ทารก  Freudian Theory 3. วยั เดก็ ตอนต้นหรือวยั เดก็ ก่อนเข้าโรงเรียน  Erikson’s theory 4. วยั เดก็ ตอนปลาย หรือวยั เข้าโรงเรียน  Piaget’s theory 5. วยั แรกรุ่น  Kohlberg’s theory 6. วยั รุ่น 7. วยั ผู้ใหญ่ตอนต้น 8. วยั กลางคน 9. วยั ชรา

ความหมายของพฒั นาการและการเจริญเตบิ โต พฒั นาการ (Development) Critical Period การเพมิ่ หรือการเปลย่ี นแปลงทางด้านคุณภาพ พฒั นาการทสี่ ัมพนั ธ์ต่อเน่ืองกนั และอาศัยความพร้อมร่วมกนั ของหลายระบบในร่างกาย นาไปสู่การมวี ุฒภิ าวะ เมอ่ื มีความพร้อมจะเกดิ การเปลย่ี นแปลง แม้จะอย่ใู นส่ิงแวดล้อมใดกต็ าม เช่น ควา่ คลาน เดนิ การเจริญเตบิ โต (Growth) การเพมิ่ หรือการเปลยี่ นแปลงทางด้านปริมาณ เช่น ส่วนสูง นา้ หนัก

ความหมายของพฒั นาการและการเจริญเตบิ โต การพฒั นาการของมนุษย์ ต้องอาศัยวุฒิภาวะและการเรียนรู้ 1. เดก็ เรียนรู้ทกั ษะทเ่ี กดิ จากแบบแผนของพฤตกิ รรมทสี่ ืบเนื่องมาจากพฒั นาการได้เร็วทส่ี ุด เช่น แม่ คล้ายเสียง อ้อแอ้ 2. อตั ราการพฒั นาการจะยงั คงเป็ นไปอย่างสมา่ เสมอ 3. ยงิ่ มวี ุฒิภาวะมาก การฝึ กฝนยงิ่ ใช้น้อยลง 4. การฝึ กหรือการเรียนก่อนช่วงมวี ุฒิภาวะจะไม่ได้ผล หรือดขี นึ้ ช่ัวคราวเท่าน้ัน 5. ระหว่างการฝึ กก่อนมวี ุฒิภาวะ เกดิ ความคบั ข้องใจ จะเกดิ ผลเสียมากกว่าผลดี

ขบวนการพฒั นาการ การเปลยี่ นแปลงในช่วงชีวติ แบ่งออกเป็ น 4 ลกั ษณะ 1. ขนาด (Changes in size) เช่น สูงขนึ้ นน.ขนึ้ 2. สัดส่วน (Changes in proportion) เช่น ลาตวั โตเตม็ ทจ่ี ะยาว 3 เท่าของแรกเกดิ 3. ความซับซ้อน (Changes in complexity) เช่น คดิ นามธรรมได้ 4. ความสามารถเก่า ๆ หายไป พร้อมกบั ความสามารถใหม่เข้ามาแทนท่ี (Disappearance of old feature and acquisition of new features) เช่น ฟันนา้ นมเป็ นฟันแท้

หลกั การของพฒั นาการของมนุษย์ (Principles of growth development) 1. เป็ นไปตามแบบแผน (Pattern) เช่น ควา่ ก่อนคลาน แบ่งเป็ น 2 ทิศทาง 1.1 Cephalo – caudal direction เช่น ใช้อวยั วะบริเวณศีรษะ ลาตวั ขา การพฒั นาจากบนลงมาหาส่วนล่าง 1.2 Proximo – distal direction เช่น ใช้แขน มอื นิว้ มือ การพฒั นาการจากแกนกลางตวั ออกไปยงั ข้างลาตัว

หลกั การของพฒั นาการของมนุษย์ (Principles of growth development) (ต่อ) 2. เริ่มจากส่วนใหญ่ไปหาส่วนย่อย หรือจากพฤติกรรมทวั่ ไปสู่การเจาะจงมากขนึ้ เช่น เคลอ่ื นไหวท้งั ตวั เป็ นบางส่วน ออกเสียง ออื ออ เป็ นคาเฉพาะ 3. ต่อเนื่องกนั โดยไม่มหี ยุดหรือขาดตอน ต้งั แต่ในครรภ์ เช่น ฟัน 4. อตั ราการพฒั นาของแต่ละคนจะแตกต่างกนั ขึน้ อย่กู บั พนั ธุกรรมและส่ิงแวดล้อม 5. อตั ราการพฒั นาของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายแตกต่างกนั เช่น มือ เท้า ถงึ ขีดสุดในวยั รุ่น ความคดิ สร้างสรรค์สูงสุดในวยั หนุ่มสาว

หลกั การของพฒั นาการของมนุษย์ (Principles of growth development) (ต่อ) 6. พฒั นาการทุกด้านจะสัมพนั ธ์กนั และสามารถทานายพฒั นาการทุกด้านได้ ร่างกายไม่ดี อารมณ์หงุดหงดิ ขาดความมัน่ ใจ ไม่กล้าคดิ วเิ คราะห์ 7. แต่ละวยั จะมีลกั ษณะเฉพาะของตัวมันเอง เช่น เด็ก กระโดดโลดเต้น ผู้ใหญ่จะสุขุมรอบคอบ 8. อายุ 21 ปี จะเจริญเตม็ ทที่ ุกด้าน ขนึ้ อยู่กบั วุฒิภาวะและการเรียนรู้

ข้นั ของพฒั นาการ (Stages of development) 1. Freudian Theory : แรงผลกั ดนั ทางเพศ (Libido) แบ่งเป็ น 5 ข้นั ตอน 1. ข้นั ปาก (Oral Stage) 0-18 เดอื น ความพงึ พอใจอยู่ทชี่ ่องปาก เร่ิมต้ังแต่เกดิ เป็ นวยั ทคี่ วามพงึ พอใจ เกดิ จากการดูดนมแม่ นมขวด และดูดนิว้ เป็ นต้น ความคบั ข้องใจจะเกดิ ขึน้ ถ้าเด็กหิวแต่แม่ไม่ให้นมเลยหรือให้นมแต่ ไม่พอ ถ้าหากเด็กเกดิ ความคบั ข้องใจจะทาให้เกดิ ภาวะทเ่ี รียกว่า “การตดิ ตรึงอยู่กบั ท”่ี (Fixation) และมาแสดงพฤติกรรมตอนผ้ใู หญ่ เช่น นินทาว่าร้าย กนิ จุบ-จบิ สูบบุหร่ี

ข้นั ตอนการพฒั นาบุคลกิ ภาพของฟรอยด์ 2. ข้นั ทวารหนัก (Anal Stage) 18 เดอื น – 3 ปี ได้รับความพงึ พอใจทางทวารหนัก คอื จากการขบั ถ่ายอุจจาระ สาเหตุของความขดั แย้งและความคบั ข้องใจของเดก็ วยั นี้ เพราะพ่อแม่มักจะ หัดให้เด็กใช้กระโถนและต้องขับถ่ายเป็ นเวลา แต่ความต้องการของเด็ก คอื อยากจะขับถ่ายเวลาทม่ี ีความต้องการ มีผลต่อบุคลกิ ภาพคอื เป็ นคนขีเ้ หนียว เจ้าระเบยี บ ทาร้ายผู้อน่ื ให้เจบ็ ปวด ยา้ คดิ ยา้ ทา หรือ สุรุ่ยสุร่าย รกรุงรัง

ข้นั ตอนการพฒั นาบุคลกิ ภาพของฟรอยด์ 3. ข้ันอวยั วะเพศ (Phallic Stage) 3-5 ปี ความพงึ พอใจของเดก็ วยั นีอ้ ย่ทู อี่ วัยวะสืบพนั ธ์ุ เดก็ ผ้ชู ายมปี มเอด็ ดปิ ุส (Oedipus Complex)เดก็ ผ้ชู ายตดิ แม่และรักแม่มาก และ ปัญหา ต้องการทจ่ี ะเป็ นเจ้าของแม่แต่เพยี งคนเดยี ว แต่ขณะเดยี วกนั กท็ ราบว่าแม่และ ทางเพศ พ่อรักกนั และกร็ ู้ดวี ่าตนด้อยกว่าพ่อทุกคร้ังท้งั ด้านกาลงั และอานาจ ประกอบ กบั ความรักพ่อและกลวั พ่อ ฉะน้ัน เดก็ กพ็ ยายามทจ่ี ะเกบ็ กดความรู้สึกท่ีอยาก เป็ นเจ้าของแม่แต่คนเดยี ว และพยายามทาตวั ให้เหมอื นกบั พ่อทุกอย่าง เดก็ หญงิ มปี มอเี ลค็ ตรา (Electra Complex) แรกทเี ดยี วเดก็ หญงิ กร็ ับแม่มาก เมอื่ โตขนึ้ พบว่าไม่มอี วยั วะ เพศเหมอื นเดก็ ชาย คดิ ว่าแม่เป็ นคนรับผดิ ชอบเพราะแม่เป็ นคนใกล้ชิดทสี่ ุด และโกรธแม่ว่าเป็ นคนทท่ี าให้ ตนไม่มอี วยั วะเพศเหมอื นกบั เดก็ ชาย อจิ ฉาผู้ทม่ี อี วยั วะเพศชาย แต่เมอื่ ทาอะไรไม่ได้กย็ อมรับและโกรธแม่ ถอนความรักจากแม่มารักพ่อทม่ี อี วยั วะเพศทต่ี นปรารถนาจะมี แต่กร็ ู้ว่าแม่และพ่อรักกนั เดก็ หญงิ จึง แก้ปัญหาด้วยการใช้กลไกป้ องกนั ตน โดยเกบ็ ความรู้สึกความต้องการของตน (Repression) และเปลย่ี นจาก การโกรธเกลยี ดแม่มาเป็ นรักแม่ (Reaction Formation) ขณะเดยี วกนั กอ็ ยากทาตัวให้เหมอื นแม่ จึง เลยี นแบบ สรุปได้ว่าเดก็ หญงิ มคี วามรักพ่อแต่กร็ ู้ว่าแย่งพ่อมาจากแม่ไม่ได้จึงเลยี นแบบแม่

ข้นั ตอนการพฒั นาบุคลกิ ภาพของฟรอยด์ 4. ข้ันแฝง (Latency Stage) อยู่ระหว่างอายุ 6-12 ปี เดก็ เกบ็ กดความต้องการทางเพศ หรือความต้องการทางเพศลดลง (Quiescence Period) เดก็ ชายมักเล่นหรือจบั กลุ่มกบั เด็กชาย ส่วนเดก็ หญงิ กจ็ ะเล่นหรือจบั กล่มุ กบั เดก็ หญงิ 5. ข้นั สนใจเพศตรงข้าม (Genital Stage) อายุ 12 ปี ขนึ้ ไป จะมคี วามต้องการทางเพศ วยั นีจ้ ะมีความสนใจในเพศตรงข้าม ซ่ึงเป็ นระยะเริ่มต้นของวยั ผู้ใหญ่

ข้นั ของพฒั นาการ (Stages of development) (ต่อ) 2. Erikson’s Theory : Psychosocial development มี 8 ข้ันตอน ข้ันท่ี 1 ความไว้วางใจ – ความไม่ไว้วางใจ (Trust vs Mistrust) ทารก 1 ปี แรก ได้รับการตอบสนองในสิ่งทตี่ ้องการ ข้ันท่ี 2 ความเป็ นตวั ของตวั เอง – ความไม่ม่ันใจในตวั เอง (Autonomous vs Shame and Doubt) เดก็ อายุ 2 ปี ทดลองและเลอื กทจี่ ะทาด้วยตนเอง ข้ันท่ี 3 ความคิดริเริ่ม – ความรู้สึกผดิ (Initiative vs Guilt) เดก็ อายุ 3-5 ปี ริเร่ิมทากจิ กรรมต่าง ๆ สนุกสนาน

ข้นั ของพฒั นาการ (Stages of development) (ต่อ) 2. Erikson’s Theory : Psychosocial development มี 8 ข้ันตอน ข้ันที่ 4 ความขยนั หมัน่ เพยี ร – ความรู้สึกตา่ ต้อย (Industry vs Inferiority) เดก็ อายุ 6-11 ปี กระตือรือร้นทจี่ ะเรียนรู้ ทางานสาเร็จ ข้ันที่ 5 ความเป็ นเอกลกั ษณ์ – ความสับสนในบทบาท (Ego Identity vs Role Confusion) อายุ 12-18 ปี Who am I

ข้นั ของพฒั นาการ (Stages of development) (ต่อ) 2. Erikson’s Theory : Psychosocial development มี 8 ข้ันตอน ข้นั ท่ี 6 ความผูกพนั – การแยกตัว (Intimacy vs Isolation) อายุ 19-40 ปี สร้างความสัมพนั ธ์อย่างมคี วามหมาย ข้นั ท่ี 7 การทาประโยชน์ให้สังคม – การเห็นแก่ตวั (Generativity vs Self -Absorption) อายุ 40-60 ปี อทุ ศิ ตนกบั การงาน ส่วนรวม ข้นั ท่ี 8 บูรณาภาพ– ความสิ้นหวงั (Integrity vs Despair) อายุ 60 ปี ขนึ้ ไป เผชิญความตายอย่างมศี ักด์ศิ รี

ข้นั ของพฒั นาการ (Stages of development) (ต่อ) 3. Piaget’s Theory : Cognitive development Theory มี 4 ข้นั ตอน 1. Sensory –motor period แรกเกดิ – 2 ขวบ การสัมผสั การเคลอื่ นไหว คลาน หยบิ เห็น ได้กลนิ่ รู้รส ผวิ หนัง พยายามเข้าใจสิ่งแวดล้อม สร้างสตปิ ัญญา เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างตนเองกบั ส่ิงแวดล้อม 2. Preoperational period อายุ 2 – 7 ขวบ ใช้สัญลกั ษณ์ต่างๆ ในการทาความเข้าใจและแสดงออกกบั ส่ิงแวดล้อม ยดึ ตวั เองเป็ นศูนย์กลาง (Ego centric behavior)

ข้นั ของพฒั นาการ (Stages of development) (ต่อ) 3. Piaget’s Theory : Cognitive development Theory มี 4 ข้นั ตอน 3. Period of concrete operation อายุ 7-11 ขวบ คดิ คานวณตัวเลขได้ คดิ เข้าใจรูปธรรม สร้างความสัมพนั ธ์ส่ิงต่าง ๆ ได้ 4. Period of formal operation อายุ 11- 15 ปี ใช้เหตุผลเชิงตรรกะ ความคดิ สร้างสรรค์ ทดสอบสมมตฐิ าน เรียนรู้นามธรรม คาดคะเนปรากฏการณ์หรือเหตุการณ์ เป็ นพนื้ ฐานการคดิ แก้ปัญหาในชีวติ

ข้นั ของพฒั นาการ (Stages of development) (ต่อ) 4. Kohlberg’s Theory : Moral development Theory มี 3 ระดบั 1. ระดบั Premal วยั เดก็ ตอนต้นก่อนเข้าเรียน วยั ความถูก - ผดิ ขนึ้ อยู่กบั สิ่งทป่ี รากฏชัดเจนไม่เกย่ี วกบั สาเหตุ ของการกระทาทอ่ี าจจะมแี รงจูงใจอนื่ อยู่เบอื้ งหลงั การกระทา ถูกต้อง - จบั ไม่ได้ ไม่ถูกต้อง - จบั ได้ 2. ระดบั Conventional วยั เรียน- วยั รุ่น ยดึ ถอื กฎระเบยี บ ทาตามคาสั่งหัวหน้าหรือผู้มอี านาจ จนบดบงั ความสามารถตนเอง 3. ระดับ Principled วยั ผ้ใู หญ่ สร้างคุณธรรมประจาตนเอง เป็ นประโยชน์กบั คนอน่ื

ข้นั ของพฒั นาการ (Stages of development) (ต่อ) 4. Kohlberg’s Theory : Moral development Theory พฒั นาการทางจริยธรรม แบ่งได้ 6 ข้นั 1. หลกั การหลบหนีไม่ให้ถูกลงโทษ อายุ 7 ขวบ พงึ่ พาและอยู่ในอานาจผู้ใหญ่ ความดี คอื การทาแล้วไม่ถูกลงโทษ แปรงฟันกลวั พ่อดุ 2. หลกั การได้รับรางวลั อายุ 7-10 ขวบ เห็นความสาคญั ของการได้รับรางวลั หรือคาชมเชย การให้รางวลั จะดกี ว่าการลงโทษ 3. หลกั การทาตามความเห็นชอบของผู้อนื่ วยั รุ่น 13-16 ปี ทาในสิ่งทกี่ ลุ่มเพอ่ื นยอมรับ

ข้นั ของพฒั นาการ (Stages of development) (ต่อ) 4. Kohlberg’s Theory : Moral development Theory พฒั นาการทางจริยธรรม แบ่งได้ 6 ข้นั 4. หลกั การทาหน้าท่ี วยั รุ่นตอนกลาง เจริญทางปัญญา ได้รับความรู้และประสบการณ์ ตระหนักในหน้าท่ี ศรัทธากฎเกณฑ์ 5. หลกั การมเี หตุมผี ลและเคารพตนเอง วยั ผ้ใู หญ่ การทาตามทต่ี นเองตกลงหรือให้สัญญาไว้กบั ผู้อน่ื เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน เคารพตนเองและผู้อนื่ 6. หลกั การอุดมคตสิ ากล วยั ผู้ใหญ่ หลกั ข้ันสูงสุด รับเอาความคดิ เห็นทเ่ี ป็ นสากลของผู้ทเ่ี จริญแล้ว มอี ุดมคติและคุณธรรมประจาใจ

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายปุ ฏิทนิ 1. วยั ก่อนเกดิ (Prenatal Period) ปฏิสนธิจนถงึ คลอด 250-280 วนั /9 เดอื น การเจริญเตบิ โตอย่างรวดเร็ว ทางร่างกายและระบบประสาท

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายปุ ฏทิ นิ 2. วยั ทารก (Infancy Period) คลอด – 2 ปี แรก ปรับตวั ให้เข้ากบั ส่ิงแวดล้อม บุคคลรอบข้าง สร้างความสัมพนั ธ์กบั คนรอบข้าง แยกเป็ น 5 ด้าน 1. พฒั นาการทางกาย (Physical Development) เปลยี่ นแปลงด้านโครงสร้างและการใช้อวยั วะ 2. พฒั นาการทางสติปัญญา (Intellectual Development) ขนึ้ อยู่กบั พนั ธุกรรม การเรียนรู้ สิ่งแวดล้อม 3. พฒั นาการทางอารมณ์ (Emotional Development) อารมณ์โกรธ กลวั อยากรู้อยากเหน็ 4. พฒั นาการทางสังคม (Social Development) การสร้างความสัมพนั ธ์กบั บุคคลอน่ื ครอบครัวสาคญั ทส่ี ุด 5. พฒั นาการทางภาษา (Speech Development) เข้าใจภาษา ฟังรู้เร่ือง พูดภาษาผู้ใหญ่ ได้ 6 ขวบ

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายปุ ฏทิ ิน พฒั นาการทางกาย (Physical Development) เปลยี่ นแปลงด้านโครงสร้างและการใช้อวยั วะ

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายปุ ฏทิ ิน 3. วยั เด็กตอนต้นหรือวัยเดก็ ก่อนเข้าโรงเรียน (Early Childhood or Pre School Age) อายุ 2 – 6 ขวบ อยากเป็ นอสิ ระ เป็ นตวั ของตวั เอง วยั ช่างปฏเิ สธ (Negativistic Period) 3.1 พฒั นาการทางกาย (Physical Development) เจริญเตบิ โตเพอื่ ให้ทางานเตม็ ท่ี ลาตัวยาวและกว้างขึน้ เป็ น 2 เท่าของทารก กระดูกเพมิ่ ความแข็งแรงขึน้ กล้ามเนือ้ และประสาทสัมผสั ทาหน้าทไ่ี ด้ดขี ึน้ การเล่นคอื การเรียนรู้ (Playing is learning)

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายปุ ฏทิ ิน 3. วยั เด็กตอนต้นหรือวยั เด็กก่อนเข้าโรงเรียน (Early Childhood or Pre School Age) อายุ 2 – 6 ขวบ 3.2 พฒั นาการทางอารมณ์ วยั ช่างปฏเิ สธ (Negativistic Period) โกรธง่าย กระทบื เท้า ร้องกรี๊ด นอนดนิ้ กบั พนื้ อวดดอื้ ถือดี (Negativistic) อยากรู้อยากเห็น ต้งั คาถาม ก้าวร้าวทางวาจามากกว่าทางกาย อจิ ฉาริษยา จากการสูญเสียของรัก หวาดกลวั จะหลบซ่อน หลกี เลยี่ ง วงิ่ หาผู้ใหญ่ หรรษา ประสบความสาเร็จในการเป็ นตวั เอง

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายุปฏทิ ิน 3. วยั เด็กตอนต้นหรือวยั เดก็ ก่อนเข้าโรงเรียน (Early Childhood or Pre School Age) อายุ 2 – 6 ขวบ 3.3 พฒั นาการทางภาษา 6 ขวบ ระยะสุดท้ายของพฒั นาการภาษาพูด (Speech) พูดภาษาแม่ของตนได้ดเี ท่าผู้ใหญ่ พฒั นาภาษาเขยี นและเร่ิมอ่านหนังสือ ใช้กล้ามเนือ้ และสายตาได้

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายุปฏทิ นิ 3. วยั เด็กตอนต้นหรือวัยเดก็ ก่อนเข้าโรงเรียน (Early Childhood or Pre School Age) อายุ 2 – 6 ขวบ 3.4 พฒั นาการทางสังคม 1. เริ่มรู้จกั เขา้ หาผอู้ ื่น 2. เบื่อหน่ายท่ีจะคบผใู้ หญ่เป็นเพือ่ น แสวงหาเพือ่ นร่วมวยั 3. คบเพอ่ื นร่วมวยั ยงั ไม่ราบรื่น เพราะ Self center 4. จานวนเพอื่ นมีจากดั เพ่อื นจริง เพ่อื นสมมุติ (Imaginative Friend) 5. สร้างโลกสมมุติ (Imaginative World or Imaginative Play) เล่นเลียนแบบชีวติ จริง อาจสนิทสนมกบั เพอื่ นสมมุติมากกวา่ เพ่ือนจริงได้

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายุปฏทิ นิ 3. วยั เดก็ ตอนต้นหรือวัยเด็กก่อนเข้าโรงเรียน (Early Childhood or Pre School Age) อายุ 2 – 6 ขวบ 3.4 พฒั นาการทางสังคม 6. พฤตกิ รรมทางสังคม เร่ิมมองเห็นความแตกต่างระหว่างเพศ (Sex Difference) Sex Typing Freud : ตระหนักถงึ ความเป็ นเพศชายหรือเพศหญิง เลยี นแบบผ้ใู หญ่เพศเดยี วกนั (Model or Identification Figures) เกดิ ปม Oedipus Complex เพศเดียวกนั Fixation มีความสัมพนั ธ์ที่ดี ประพฤติตนตามบทบาททางเพศ

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายุปฏทิ นิ 3. วยั เดก็ ตอนต้นหรือวยั เด็กก่อนเข้าโรงเรียน (Early Childhood or Pre School Age) อายุ 2 – 6 ขวบ 3.5 พฒั นาการทางศีลธรรมจรรยาและค่านิยม (Moral and Value Development) คดิ ด้วยตนเองไม่ได้ การทาให้เดก็ เลยี นแบบ นิทาน การเล่น ท่ีปลูกฝังมโนธรรม 3.6 พฒั นาการทางความคดิ (Cognitive Development) ระยะท่ี 1 อายุ 2-4 ขวบ ไม่สามารถคิดได้ว่าคนอนื่ คดิ แตกต่างได้ ระยะที่ 2 อายุ 4 – 7 ขวบ เห็นความแตกต่าง แยกวตั ถุเป็ นหมวดหมู่ข้นั ตอนได้ (Classification or Categorization) คดิ เช่ือมโยงความสัมพนั ธ์ระหว่างสิ่งต่าง ๆ ได้ (Associative Thinking)

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายุปฏทิ นิ 4. วยั เด็กตอนปลายหรือวยั เข้าโรงเรียน สมาชิกกล่มุ (Late Childhood or School Age) อายุ 6 – 12/13 ขวบ 4.1 พฒั นาการทางสังคม ออกจากบ้านไปสู่หน่วยสังคมอน่ื โรงเรียน กลุ่มทาให้เกดิ - การแข่งขนั (Competition) โลกเพอ่ื นร่วมวัย(The World of Peer) เดก็ ชาย > เดก็ หญงิ บทบาท ระเบียบ กฎเกณฑ์ - ตอบสนอง Basic Social Need กลุ่มเพอ่ื น อบอุ่น สนุก เข้าใจ ความเป็ นเจ้าของ กลุ่มมอี ทิ ธิพลต่อเดก็ ด้านอารมณ์ ความคดิ ทศั นคติ ความปรารถนา

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายปุ ฏทิ นิ 4. วยั เดก็ ตอนปลายหรือวัยเข้าโรงเรียน (Late Childhood or School Age) อายุ 6 – 12/13 ขวบ 4.2 พฒั นาการทางอารมณ์ กลวั ส่ิงทสี่ มเหตุสมผล เข้าใจอารมณ์ของตนเอง บุคคลอน่ื สัตว์เลยี้ ง รู้จกั ควบคุมตนเอง การแสดงออกทเี่ หมาะสม

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายุปฏทิ ิน 4. วยั เด็กตอนปลายหรือวัยเข้าโรงเรียน (Late Childhood or School Age) อายุ 6 – 12/13 ขวบ 4.3 พฒั นาการทางกาย ค่อยเป็ นค่อยไป ช้าแต่สมา่ เสมอ เดก็ หญิงโตเร็วกว่าเดก็ ชาย กจิ กรรมทใี่ ช้ความรวดเร็ว 4.4 พฒั นาการทางสตปิ ัญญา เข้าใจว่าวตั ถุยงั คงสภาพเดมิ (Conservation) ในบางลกั ษณะ ปริมาณ นา้ หนัก ปริมาตร

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายปุ ฏทิ ิน 5. วยั แรกรุ่น (Puberty) อายุ 12 – 25 ปี 1. วยั แรกรุ่น 12-15 ปี 2. วยั รุ่นตอนกลาง 16 -18 ปี 3. วยั รุ่นตอนปลาย 19 - 25 ปี 5.1 พฒั นาการทางกาย เตบิ โตถึงขดี สมบูรณ์ (Maturation) เพอ่ื ทาหน้าท่ีอย่างเต็มท่ี ภายนอก นน ส่วนสูง ภายใน โครงกระดูก อวยั วะสืบพนั ธ์

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายุปฏิทนิ 5. วยั แรกรุ่น (Puberty) อายุ 12 – 25 ปี การเล่น 5.2 พฒั นาการทางสังคม เป็ นเคร่ืองมอื สนองความต้องการ ทางสังคม อารมณ์และสตปิ ัญญา จบั กลุ่มนาน แน่นแฟ้ น ผูกพนั เร่ิมต้นชีวติ กลุ่มทแี่ ท้จริง (Gang Age) การรวมกลุ่ม  เป็ นไปโดยธรรมชาติ  แลกเปลยี่ นปัญหาและความคบั ข้องใจ  ตอบสนองความต้องการทางสังคม  สาคญั ต่ออนาคตและจติ ใจ

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายุปฏทิ ิน 5. วยั แรกรุ่น (Puberty) อายุ 12 – 25 ปี 5.2 พฒั นาการทางอารมณ์ การเจริญเตบิ โตทางร่างกาย กระทบกระเทอื นต่อแบบแผนอารมณ์ อารมณ์เปลยี่ นแปลงง่าย สับสน อ่อนไหว มคี วามเข้มของอารมณ์สูง เร่ิมแสดงบุคลกิ อารมณ์ประจาตัวออกมา รู้ลกั ษณะเด่น ด้อย เกยี่ วกบั ตนเอง

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายปุ ฏิทิน 5. วยั แรกรุ่น (Puberty) อายุ 12 – 25 ปี 5.2 พฒั นาการทางความคดิ อายุ 11 ขวบขนึ้ ไป รู้คดิ ถูกระบบ (Formal operation) คดิ เหมอื นผ้ใู หญ่แต่ด้อยประสบการณ์และความชานาญในการรู้คดิ คดิ เป็ นเหตุเป็ นผล ไม่เช่ืออะไรง่ายๆ ต้องการนึกคดิ ด้วยตนเอง ชิงชังคาสั่งบังคบั รู้คดิ ด้วยภาพความคดิ ในใจ (Mental Images) คดิ เรื่องนามธรรมได้ ชอบวพิ ากษ์วจิ ารณ์ ทายปัญหา การค้นหาตนเอง (Search for Identity) เริ่มปรากฏแววฉลาด เข้าใจว่าตนเองเป็ นบุคคลหนึ่ง (Self Awareness) เป็ นแบบ ไม่หยง่ั รู้ (The great unknown)

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายปุ ฏทิ นิ 6. วยั รุ่น (Adolescence) อายุ 16 – 25 ปี 6.1 ลกั ษณะอารมณ์ เป็ นแบบพายุบุแคม (Storm and Stress) สาเหตุของความสับสนทางอารมณ์ 1. ช่วงเปลยี่ นวยั 2. จะต้องเลอื กอาชีพ 3. ปรับตวั ไม่ทนั 6.2 พฤตกิ รรมสังคม ทากจิ กรรมต่าง ๆ กบั เพอื่ นร่วมวยั มากกว่าเพอื่ นต่างวัย มคี วามสาคญั ต่อจิตใจของวยั รุ่น

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายุปฏทิ นิ 6. วยั รุ่น (Adolescence) อายุ 16 – 25 ปี 6.3 การเลอื กอาชีพ รู้ความสาคญั ของอาชีพ ด้านบุคลกิ ภาพ ความถนัด ความสนใจ 6.4 ความต้องการทางจติ ใจ 1. อสิ ระ เป็ นตัวของตวั เอง 2. มตี าแหน่งหน้าที่ คายกย่อง 3. มปี ระสบการณ์แปลกใหม่ 4. รวมพวกพ้อง กล่มุ ก้อน 5. มนั่ คง ปลอดภยั 6. ความถูกต้องและยุติธรรม 7. ความงดงามทางร่างกาย

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายปุ ฏิทนิ 6. วยั รุ่น (Adolescence) อายุ 16 – 25 ปี 6.5 ความสนใจ 1. การศึกษา 2. ช่วยเหลอื บุคคลทลี่ าบาก ได้รับความไม่ยตุ ธิ รรม 3. กจิ กรรมสร้างสรรค์ 4. วฒั นธรรม ประเพณี ศาสนา ปรัชญา อดุ มคติ เพอ่ื นสนิทต่างเพศ 6.6 การนับถือวรี บุรุษ 1. ความต้องการรู้จกั ตนเอง 2. แสวงหาการดาเนินรอยตาม นับถอื ว่าเป็ นวรี บุรุษ (Heroes) หรือเป็ นแบบ Model อาจมมี ากกว่าหน่ึง ไม่เคยพบมาก่อนได้

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายุปฏิทนิ 7. วยั ผู้ใหญ่ตอนต้น (Early Adulthood) อายุ 25 – 40 ปี 7.1 การประกอบอาชีพ 1. ชาย มคี วามมกั ใหญ่ใฝ่ สูง มุ่งความสาเร็จมากกว่าหญิง 2. หญงิ ชอบทางานคล้อยตามวสิ ัยแห่งเพศ 7.2 การเลอื กคู่ครอง 3. หญงิ แต่งงานจริงจงั กบั งานน้อยกว่าคนโสด 1. มีความคล้ายคลงึ กนั 2. บุคลกิ ภาพไปด้วยกนั ได้ 3. อายุใกล้เคยี งกนั 4. มีอาชีพ 5. รักใคร่ผกู พนั 6. หญงิ มองความสามารถชาย ชายมอง รูปร่าง หน้าตาหญิง

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายุปฏิทิน 7. วยั ผู้ใหญ่ตอนต้น (Early Adulthood) อายุ 25 – 40 ปี 7.3 การปรับตวั ในชีวติ สมรส บทบาทสามีภรรยา วุฒิภาวะทางจิตใจ 7.4 การปรับตวั เพอื่ ทาหน้าที่บดิ ามารดา ชีวติ ครอบครัวผาสุกและประสบความสาเร็จ 7.5 การอยู่เป็ นโสด ความรู้สึกด้อยและว้าเหว่

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายปุ ฏทิ ิน 8. วยั กลางคน (Middle Age) อายุ 40 - 60 ปี สมรรถภาพทางกายเริ่มเสื่อมถอย ต้องปรับตัว มองตนด้านในมากขึน้ เปลยี่ นแปลงภาพพจน์ พฒั นาตนเองให้เข้าถึงวุฒภิ าวะทางจิตใจให้มากทส่ี ุด เพอ่ื เผชิญปัญหาประจาวยั และปรับตวั ได้ ความสนใจเป็ นไปในแนวลกึ มากกว่าแนวกว้าง ควรมกี จิ กรรมท่เี ป็ นงานอดเิ รก

พฒั นาการในวยั ต่าง ๆ แบ่งตามอายปุ ฏิทนิ 9. วยั ชรา (Old Age) อายุ 65 ปี ขนึ้ ไป ความเสื่อมโทรม (Deterioration) มีประสบการณ์และบทเรียนชีวติ หน้าทขี่ องครอบครัวและสังคมต่อคนชรา 1. สังคมเห็นคุณค่าของคนชรา 2. ให้ความนับถอื 3. ให้ความมน่ั คงทางการเงนิ 4. ทางานทม่ี คี วามสุขและเพลดิ เพลนิ