Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงร่างวิจัยนมมารดา

โครงร่างวิจัยนมมารดา

Published by chawanon, 2021-07-20 10:59:41

Description: โครงร่างวิจัยนมมารดา

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการสอน วชิ า การวจิ ยั ทางการพยาบาล ดร.ชวนนท์ จันทร์สขุ ดร.นฤมล จันทรส์ ุข วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ชัยนาท สถาบันพระบรมราชชนก สานกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2564

ตัวอย่างการเขียนโครงร่างการวจิ ัย เรื่อง ปัจจัยทม่ี ีอทิ ธิพลต่อการเลยี้ งบุตรด้วยนมมารดา 1. หวั ข้อการวจิ ัย ปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลต่อการเล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดา 2. ชื่อและประวตั ิผ้วู จิ ัย ………………………….. ประวตั กิ ารศึกษา - ………………. ประวตั ิการทางาน - …………………. ประวตั กิ ารทาวจิ ัย - ……………….. 3. สถานทป่ี ฏิบตั งิ าน - วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ชยั นาท 4. ความสาคญั ของปัญหา ในปัจจุบนั การพฒั นาประเทศได้มุ่งเน้นในเร่ืองการพฒั นาคุณภาพชีวิตของประชากร กุญแจที่สาคญั คือสุขภาพ ซ่ึงเป็ นพ้ืนฐานท่ีจะนาไปสู่คุณภาพชีวิต ดงั น้ัน การมีสุขภาพท่ีดีจะตอ้ ง พฒั นาต้ังแต่วยั ทารกซ่ึงเป็ นจุดเร่ิมต้นของชีวิต ดังคากล่าวท่ีว่า เด็กท่ีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ครอบครัวยอ่ มมีสุข (Rodriguez – Garcia, et al. 1990 : 431) การท่ีทารกจะเจริญเติบโตเป็นผใู้ หญ่ท่ี มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงไดจ้ ะตอ้ งไดร้ ับอาหารที่เหมาะสม ในระยะแรกของชีวติ มนุษย์ คงไม่มี อาหารชนิดใดที่จะเหมาะสมท่ีสุดสาหรับทารกยง่ิ ไปกวา่ นมมารดา (ไกรสิทธ์ิ ตนั ติศิรินทร์. 2522 : 29) วีระพงษ์ ฉัตรานนท์ ได้กล่าวไวเ้ ม่ือจดั อภิปรายเร่ือง “เอานมแม่คืนมาเพ่ือพฒั นาเด็ก” ที่ โรงพยาบาลรามาธิบดี ปี พ.ศ. 2525 น้ี ว่านมของสัตว์ชนิดใดก็เหมาะสาหรับลูกของตนเอง นมของมนุษยจ์ ึงเหมาะสาหรับลูกมนุษย์ เน่ืองจากวา่ น้านมมารดา เป็ นอาหารที่มีประโยชน์และมี คุณคา่ ท่ีสุด โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในช่วง 6 เดือนแรก ตอ่ จากน้นั ปริมาณน้านมมารดาจะลดลง ทารกจึง ควรไดร้ ับอาหารอื่นเพ่ิมเติมนอกเหนือจากนมมารดา เพ่ือใหเ้ พียงพอกบั ความตอ้ งการและการ เจริญเติบโตของร่างกาย แต่ทารกควรไดร้ ับนมมารดาไปเรื่อย ๆ จนถึงอายุ 2 ปี เพราะจะทาให้ ร่างกายของเด็กแข็งแรงไม่เกิดการเจ็บป่ วยง่าย และที่สาคญั ที่สุดบุตรที่เล้ียงด้วยนมมารดาจะมี

พัฒ นาการทางด้านจิตสังคมดี (Jelliffe & Jelliffe. 1978 : 12) สอดคล้องกับคากล่าวของ Morldy(1992) และ Anderson (1999) ท่ีวา่ ช่วงเวลาหลงั คลอด ทารกควรไดร้ ับอาหารที่มีประโยชน์ เหมาะสมกับร่างกาย ท้ังน้ีเพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่ โดยเฉพาะการเจริญเติบโตและ พฒั นาการทางดา้ นสติปัญญา อาหารท่ีเด็กตอ้ งการท่ีสุดสาหรับในช่วงน้ีคือ “นมมารดาอยา่ งเดียว อย่างน้อย 4- 6 เดือน” จากการศึกษาพบว่า เด็กที่กินนมมมารดาจะมีพัฒนาการด้าน สติปัญญา ดีกวา่ เด็กที่ไดร้ ับนมผสม แต่สถานการณ์การเล้ียงลูกดว้ ยนมมารดาอย่างงน้อย 4 เดือน พบเพียงร้อยละ 16.87 เท่าน้นั (สานกั ส่งเสริมสุขภาพ. ม.ป.ป.) ท้งั น้ีเนื่องจากการเปล่ียนแปลงสภาพ สังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ทาให้ความเป็ นอยขู่ องครอบครัวไทยมีสภาพที่แปรเปล่ียนไปมาก ความจาเป็ นดา้ นเศรษฐกิจและสังคมบีบบงั คบั ให้ตอ้ งทางานเพื่อหารายไดจ้ ุนเจือครอบครัวของสตรี กลายเป็นสิ่งจาเป็น และมีลกั ษณะท้งั ดึงดูดและบงั คบั ใหส้ ตรีหรือมารดาตอ้ งออกจากบา้ นไปทางาน ซ่ึงมกั เป็ นงานท่ีมารดาไม่สามารถจะเล้ียงบุตรไปพร้อม ๆ กนั ได้ ท้งั สภาพสังคมก็ไม่อานวยให้ มารดาออกจากงานหรือลางานชว่ั คราวเพื่อดูแลบุตรในช่วงที่ยงั ไม่เขา้ โรงเรียน อีกท้งั ในปัจจุบนั วิวฒั นาการทางเทคโนโลยีด้านการผลิตนมผสมสาหรับทารกมีความกา้ วหน้ามากข้ึนและบริษทั ผผู้ ลิตนมผสมยงั มีวธิ ีการโฆษณาและเผยแพร่ผลิตภณั ฑน์ มในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อชกั จูงให้เกิดความ นิยมในผลิตภณั ฑข์ องบริษทั ท้งั ทางตรงและทางออ้ ม (Latham. 1976 : 15) นอกจากน้ีมารดาบางคน ไม่สามารถเล้ียงบุตรดว้ ยน้านมตนเอง เพราะมีขีดจากดั คือสุขภาพไม่ดี หวั นมแตก เตา้ นมอกั เสบ (ไกรสิทธ์ิ ตนั ติศิรินทร์. 2522 : 78) การที่จานวนมารดาเปลี่ยนมาใช้นมผสมเล้ียงทารกมากข้ึนน้ี พบว่า เป็ นสาเหตุสาคัญ ประการหน่ึงของการเกิดปัญหาทุพโภชนาการในทารก โดยเฉพาะเขตชุมชนแออดั และเขตชนบท ท้งั น้ีเนื่องจากความไม่รู้ไม่เขา้ ใจในการเลือกซ้ือและให้นมท่ีเหมาะสมกบั ทารกเพ่ือทดแทนนมแม่ ดงั น้นั จึงพบวา่ มารดาจานวนมากท่ีใชน้ มขน้ หวานเล้ียงทารกเพราะราคาถูก หาซ้ือง่าย สะดวกต่อ การเก็บรักษา แต่นมขน้ หวานเป็ นนมท่ีไม่เหมาะสมสาหรับใชเ้ ล้ียงทารก เน่ืองจากส่วนประกอบ ในนมข้นหวานเป็ นน้าตาลสูงถึงร้อยละ 42.47 และมีสารอาหารประเภทโปรตีน วิตามิน และ เกลือแร่ท่ีจาเป็ นสาหรับทารกไม่เพียงพอ นอกจากน้ี ในกรณีที่มารดาใช้นมผสมในสัดส่วนที่ไม่ เหมาะสม เช่นเติมน้ามากเกินไปทาให้นมจืดจางเพ่ือความประหยดั เพราะนมผสมที่ใชม้ ีราคาแพง ก็ เป็นสาเหตุใหท้ ารกไดร้ ับพลงั งานและสารอาหารที่ต่ากวา่ ความตอ้ งการของร่างกาย และยงั มีมารดา บางรายขาดความรู้เร่ืองความสะอาดของน้าที่ใชผ้ สม ความสะอาดของขวดนม และวธิ ีเตรียมนม ทา ใหท้ ารกมีโอกาสติดเช้ือและเกิดอุจจาระร่วงได้ (ภารดี เตม็ เจริญ. 2524 : 143 - 155) จากการศึกษาอิทธิพลของการใชน้ มมารดาเล้ียงทารกท่ีมีต่ออตั ราการป่ วยและการตายของ ทารกพบวา่ การเล้ียงลูกดว้ ยนมมารดาจะช่วยลดอตั ราการป่ วยและการตายของทารก (Wray. 1979) นอกจากน้ี นักวิชาการทางการแพทยย์ ืนยนั วา่ นมมารดาเป็ นนมที่ดีท่ีสุดสาหรับทารกในระยะ 6 เดือนแรก โดยไม่จาเป็ นตอ้ งให้อาหารอ่ืนใดแก่ทารก มารดาท่ีมีสุขภาพดีสามารถหลง่ั น้านมได้

วนั ละ 850 ลูกบาศก์เซนติเมตร ในระยะ 6 เดือนแรกหลังคลอด และหลังจากน้ันปริมาณของ นมมารดาจะลดลง ส่วนในดา้ นคุณภาพของนมมารดาพบวา่ มีการเปลี่ยนแปลงนอ้ ยมากไม่วา่ มารดา จะอยใู่ นภาวะใด ก็ตาม (ไกรสิทธ์ิ ตนั ติศิรินทร์. 2525) ในดา้ นเศรษฐกิจพบวา่ การเล้ียงลูกดว้ ยนม มารดาจะช่วยประหยดั ค่าใช้จ่ายของครอบครัวไดถ้ ึงเกือบ 1 ใน 4 ของผูม้ ีรายได้ปานกลาง และ มากกวา่ ร้อยละ 60 ของรายไดใ้ นผทู้ ี่มีรายไดน้ อ้ ย การเล้ียงลูกดว้ ยนมมารดายงั มีผลดีสาหรับผเู้ ป็ น มารดาคือ ทาให้ไม่อว้ นและมดลูกเขา้ อู่เร็วข้ึน ดว้ ยขอ้ มูลและเหตุผลดงั กล่าวขา้ งตน้ แสดงให้ เห็นว่านมมารดามีประโยชน์ต่อตวั มารดาและทารก รวมท้ังต่อเศรษฐกิจอีกด้วย หน่วยงานท้ัง ของรัฐและเอกชนได้มีการรณรงค์ส่งเสริมให้มารดาเล้ียงบุตรด้วยนมตนเองมากข้ึน แต่จากการ ศึกษาวิจยั พบว่า ในปัจจุบนั แนวโน้มการเล้ียงทารกดว้ ยนมมารดาลดลง จากการศึกษาของลคั นา อิ่มศูนย์ (2532 : 26) เก่ียวกบั การเล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดาในโรงพยาบาลรามาธิบดี จานวน 460 คน พบวา่ มีมารดาเพียงร้อยละ 43.48 ท่ีตดั สินใจเล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดาอยา่ งเดียว สมชาย ดุรงคเ์ ดช และคณะ (2527 : 293 – 294) ศึกษาถึงการใช้นมมารดาเล้ียงบุตร ในเขตชุมชน กรุงเทพมหานคร พบวา่ มารดาส่วนมากประมาณร้อยละ 90 จะเร่ิมให้บุตรกินนมตนเองขณะท่ีอยใู่ นโรงพยาบาล หลงั คลอด 1 –3 วนั แต่จะลดลงเหลือร้อยละ 40 ขณะที่ออกจากโรงพยาบาล และลดลงเหลือร้อยละ 20 ภายใน 1 เดือนแรก เหตุผลสาคญั ของการใช้นมมารดาเล้ียงบุตรลดลงอย่างรวดเร็วมาก คือ มารดาตอ้ งออกไปทางานนอกบา้ น (ลดาวลั ย์ ประทีปชยั กลู . 2532 : 22 –32) ประกอบหลงั คลอด มารดามกั เจ็บปวดแผล บางคนยงั ใหน้ มบุตรไม่เป็ นและในปัจจุบนั หลงั คลอดปกติ แพทยจ์ ะให้อยู่ โรงพยาบาลเพยี งระยะเวลาส้ัน ๆ จึงทาใหม้ ีโอกาสท่ีจะไดร้ ับคาแนะนาช่วยเหลือ จนกระทง่ั ประสบ ผลสาเร็จในการเล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดานอ้ ย (กรรณิการ์ วจิ ิตรสุคนธ์ และคณะ. 2532 : 96 – 109) นอกจากน้ี มารดายงั ไดร้ ับอิทธิพลการโฆษณานมผสม จึงมีผลใหม้ ารดาหนั ไปใชน้ มผสมเล้ียงบุตร เพ่ิมมากข้ึน จากแนวคิดทฤษฎีและขอ้ มูลดงั กล่าวขา้ งตน้ คณะผวู้ ิจยั ในฐานะบุคลากรในทีมสุขภาพได้ เห็นความทสาคญั ของการเล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดา จึงสนใจที่จะศึกษาปัจจยั ที่มีอิทธิพลต่อการเล้ียง บุตรด้วยนมมารดา เพื่อเป็ นแนวทางในการส่งเสริมแนะนาให้สตรีเล้ียงดูบุตรดว้ ยนมมารดาเป็ น ระยะเวลานานข้ึน เพ่ือท่ีจะให้บุตรมีการเจริญเติบโตอยา่ งสมบูรณ์ มีพฒั นาการท่ีดี เป็ นผใู้ หญ่ที่มี คุณภาพ ซ่ึงจะเป็นขมุ พลงั ท่ีมีคุณค่าท้งั ในดา้ นกาลงั งาน และสติปัญญาต่อไปในอนาคต 5. วตั ถุประสงค์ของการวจิ ัย เพ่อื ศึกษาถึงปัจจยั ทางประชากร เศรษฐกิจสังคม และปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งท่ีมีอิทธิพลกบั การ เล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดา

6. สมมติฐานการวจิ ัย มารดาที่มีปัจจยั ทางประชากร เศรษฐกิจสงั คม และปัจจยั ท่ีเก่ียวขอ้ งต่างกนั จะมีผลต่อระยะ เวลาการเล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดาตา่ งกนั 7. ขอบเขตของการวจิ ัย ตวั แปรท่ีศึกษา 1. ตวั แปรอิสระ ไดแ้ ก่ 1.1 ปัจจยั ทางประชากร - อายขุ องมารดา - จานวนบุตร 1.2 ปัจจยั ทางเศรษฐกิจ สังคม - อาชีพของมารดา - ระดบั การศึกษาของมารดา - รายไดค้ รัวเรือน - สถานที่ทางานของมารดา - สถานภาพการทางานของมารดา 1.3 ปัจจยั อ่ืน ๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง - ผใู้ หค้ าแนะนาเร่ืองการเล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดา - ความรู้ของมารดาเก่ียวกบั ประโยชน์ของนมแม่ 2. ตวั แปรตาม คือ การเล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดา 8. ข้อตกลงเบอื้ งต้น คาตอบของมารดาที่ไดจ้ ากแบบสอบถามในการวจิ ยั คร้ังน้ีถือวา่ เป็นคาตอบที่ตรงกบั ความ รู้สึกท่ีแทจ้ ริงของมารดาในขณะน้นั 9. นิยามศัพท์ทใ่ี ช้ในการวจิ ัย การเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา หมายถึง ระยะเวลาในการใช้นมมารดาเพ่ือเล้ียงทารก ซ่ึง อาจจะใชน้ มมารดาอยา่ งเดียวหรือใชน้ มอื่นร่วมดว้ ยก็ได้ มารดา หมายถึง สตรีหลงั คลอดที่หอผูป้ ่ วยหลงั คลอด โรงพยาบาลชัยนาท ในระหว่าง เดือนตุลาคม 2547 – มกราคม 2548

10. ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รับ 1. เพื่อทราบปัจจยั ที่มีอิทธิพลต่อการเล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดา 2. เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาถึงปัจจยั การไดร้ ับการดูแลในระยะก่อนคลอดและหลงั คลอด ที่อาจมีอิทธิพลต่อการตดั สินใจเล้ียงบุตรดว้ ยนมชนิดต่าง ๆ 11. กรอบแนวคดิ การวจิ ัย ปัจจยั ทางประชากร - อายขุ องมารดา - จานวนบุตร ปัจจยั ทางเศรษฐกิจและสังคม การเลยี้ งบุตรด้วยนมมารดา - รายได้ - อาชีพของมารดา - ระดบั การศึกษาของมารดา - สถานท่ีทางานของมารดา - สถานภาพในการทางานของ มารดา ปัจจยั อ่ืน ๆ - ผใู้ หค้ าแนะนาเร่ืองการเล้ียง บุตรดว้ ยนมมารดา 12. เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ กยี่ วข้อง 12.1 แนวคิดเกี่ยวกบั นมมารดา 12.2 แนวคิดเก่ียวกบั ปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลต่อการเล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดา 12.3 งานวจิ ยั ที่เก่ียวขอ้ ง

13. วธิ ีดาเนินการวจิ ัย 13.1 ระเบียบวธิ ีวจิ ัย การวิจยั คร้ังน้ีเป็ นการวิจยั เชิงบรรยาย (Descriptive Research) มีวตั ถุประสงค์เพื่อศึกษาถึง ปัจจยั ทางประชากร เศรษฐกิจสงั คม และปัจจยั ที่เก่ียวขอ้ งท่ีมีอิทธิพลกบั การเล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดา 13.2 ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง ประชากร คือ สตรีหลงั คลอดท่ีหอผปู้ ่ วยหลงั คลอด โรงพยาบาลชยั นาท ในระหวา่ ง เดือนตุลาคม 2547 - มกราคมคม 2548 กล่มุ ตวั อย่าง คือ สตรีหลงั คลอดท่ีหอผปู้ ่ วยหลงั คลอด โรงพยาบาลชยั นาท ในระหวา่ ง เดือนตุลาคม 2547 - มกราคมคม 2548 เครื่องมือทใี่ ช้ในการวจิ ัย เครื่ องมือที่ใช้ในการวิจัยคร้ังน้ีเป็ นแบบสอบถาม ซ่ึ งคณะผู้วิจัยสร้างข้ึนเอง ประกอบดว้ ย 3 ตอน คือ ตอนที่ 1 ขอ้ มูลทว่ั ไปเกี่ยวกบั ผตู้ อบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 ขอ้ มูลเกี่ยวกบั บุตรและการเล้ียงดู ตอนที่ 3 ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ความรู้ของมารดาเก่ียวกบั ประโยชนข์ องนมมารดา คุณภาพของเครื่องมอื คณะผวู้ จิ ยั นาแบบสอบถามที่สร้างข้ึน ไปขอความอนุเคราะห์ผทู้ รงคุณวฒุ ิจานวน 3 ท่าน พจิ ารณาตรวจสอบเน้ือหา ความครอบคลุมของเน้ือหา ความชดั เจนและความเหมาะสมของ ภาษาที่ใช้ โดยถือเกณฑค์ วามเห็นของผทู้ รงคุณวฒุ ิตรงกนั 2 ใน 3 ทา่ น แสดงวา่ เคร่ืองมือมีความ ตรงตามเน้ือหา การเกบ็ รวบรวมข้อมูล คณะผวู้ จิ ยั ไดด้ าเนินการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ดงั น้ี 1. ทาหนงั สือถึงผอู้ านวยการโรงพยาบาลชยั นาท เพ่ือขออนุญาตและขอความร่วมมือใน การวจิ ยั 2. ประสานงานกบั หวั หนา้ หอผปู้ ่ วยหลงั คลอดและเจา้ หนา้ ท่ีพยาบาลท่ีเก่ียวขอ้ งเพื่อขอ ความร่วมมือในการดาเนินการวจิ ยั ประชุมร่วมกนั เพอ่ื ช้ีแจงวตั ถุประสงคแ์ ละรายละเอียดของการ ดาเนินการวจิ ยั 3. คณะผวู้ จิ ยั ดาเนินการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลตามระยะเวลาที่กาหนด

13.3 การวเิ คราะห์ข้อมูล การวเิ คราะห์ขอ้ มูลดว้ ยโปรแกรม SPSS for windows ดงั น้ี 1) วเิ คราะห์ขอ้ มลู ทวั่ ไปโดยใชส้ ถิติเชิงพรรณนา 2) วเิ คราะห์ปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลต่อการเล้ียงบุตรดว้ ยนมมารดา โดยใช้ ไควสแควร์ 14 . ระยะเวลาทใ่ี ช้ในการทาวจิ ัย รายการ เดอื น ส.ค. ก.ย. ต.ค พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. 47 47 47 47 47 48 48 48 1.ศึกษาเอกสารและงานวจิ ยั ที่เกี่ยวขอ้ ง 2. เขียนเคา้ โครงวจิ ยั 3. สร้างเคร่ืองมือและตรวจสอบคุณภาพ 4. เกบ็ ขอ้ มลู และวเิ คราะห์ขอ้ มลู 5. เขียนรายงานรายงานการวิจยั 15. งบประมาณในการวจิ ัย 1. คา่ ทบทวนวรรณกรรม 3,000 บาท 2. ค่าพมิ พร์ ายงานการวจิ ยั 2,500 บาท 2. ค่าจดั ทาแบบสอบถาม 2,000 บาท 4. ค่าวเิ คราะห์ขอ้ มลู 4,500 บาท 5. คา่ จดั ทารูปเล่มวจิ ยั 2,000 บาท 6. ค่ายานพาหนะเก็บขอ้ มูลวจิ ยั 3,500 บาท รวมค่าใช้จ่าย 19,500 บาท (หนึ่งหมนื่ เก้าพนั ห้าร้อยบาทถ้วน) ลงช่ือ…………………………… ผเู้ ขียนโครงการ (…………………………..) …………………. ลงชื่อ…………………………… ผเู้ ห็นชอบโครงการ (…………………..…….) ………………..…….. ลงช่ือ……………………………. . ผอู้ นุมตั ิโครงการ (……………………….) …………..……………….


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook