ประกอบวชิ า ว320101 เทคโนโลย2ี ครูผู้สอน ครูรัชชนก วงส์เขียว
คานา หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์เลม่ นีจ้ ดั ทาขนึ ้ เพ่ือศกึ ษา เกี่ยวกบั สวนพฤกษศาสตร์ในโรงเรียน โดยเนือ้ หา ประกอบไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ในโรงเรียน และ ประกอบการเรียนวิชา ว32101 เทคโนโลยี 2 ผ้จู ดั ทา หวงั วา่ จะเป็นประโยชน์ตอ่ ผ้ศู กึ ษาได้เป็นอยา่ งดี ผ้จู ดั ทา ชื่อ นาย อภิสทิ ธ์ิ วงศ์ใหม่ ช่ือ นาย ณฐั พล ชารีพร
ดอกเขม็ ช่อื วิทยาศาสตร์ : Ixora chinensis Lamk. Ixora spp. ช่ือวงศ์ : RUBIACEAE ช่ือสามญั : West Indian Jasmine ชื่อพนื้ เมอื ง : เข็ม ถน่ิ กาเนิด : แถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ฤดูกาลออกดอก : ออกดอกตลอดปี ลกั ษณะท่วั ไป : -ต้น : เป็นพรรณไม้พมุ่ ขนาดเลก็ ถงึ ขนาดยอ่ ม ลาต้นสงู ประมาณ 3–5 ฟตุ จะแตกก่ิงก้านสาขาออกแผเ่ ป็นพมุ่ -ใบ :ใบของดอกเข็มแข็ง และเปราะงา่ ย มีสเี ขียวสด ลกั ษณะ ใบมนรี ปลายใบแหลม -ดอก : ดอกออกเป็นชอ่ ใหญ่ จะออกตรงสว่ นยอดของต้น ใน แตล่ ะชอ่ จะประกอบด้วยดอกขนาดเลก็ เป็น หลอด ตรง ปลายหลอดจะเป็นกลีบซง่ึ มีอยู่ 4-5 กลีบ ปลายกลบี แหลม ลกั ษณะดอกและสสี รรแตกตา่ งกนั ไป -ฝัก/ผล : เป็นผลกลม ผลออ่ นสเี ขียว ผลแก่สีดา
ต้นมะขาม ชื่อวงศ์ : FABACEAE ชื่อท้องถิ่น : ตะลูบ(นครศรีธรรมราช), ม่องโคลง้ , มอดแล, ส่ามอเกล, หมากแกง, อาเปี ยล(สุรินทร์) ช่ือสามญั : Tamarind ถิ่นกาเนิด : แถบร้อนของแอฟริกา แหล่งทพี่ บ : พบไดท้ ว่ั ไปในประเทศไทย วสิ ัย เป็ นพรรณไม้ยนื ต้น ขนาดกลางจนถงึ ขนาดใหญ่แตกกงิ่ ก้านสาขาตรง ส่วนยอดของต้น และแขง็ แรงมาก ลาต้น ลาต้นมคี วามสูงประมาณ 60 ฟุต เปลอื กมสี ีนา้ ตาลอ่อน และแตก สะเกด็ เป็ นร่องเลก็ ๆ ใบ เป็ นไม้ใบรวม จะออกใบเป็ นคู่ ๆ เรียงกนั ตามก้านใบ ก้านหน่ึงมใี บอยู่ ประมาณ 10-18 คู่ ลกั ษณะของใบย่อย เป็ นรูปขอบขนาน ปลายใบและ โคนใบมน มสี ีเขยี วแก่ ดอก ดอกออกเป็ นช่อเลก็ ๆ อยู่ตามบริเวณปลายกง่ิ ช่อหน่ึงจะมดี อก ประมาณ 10-15 ดอก ดอกจะเลก็ มกี ลบี เป็ นสีเหลอื ง และมจี ุดประสีแดง อยู่ตรงกลางดอก ดอกมรี ส
ดอกลลี าวดี ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Plumeria สายพนั ธ์ุทเ่ี หนือกว่า: วงศต์ ีนเป็ด อาณาจักร: Plantae วงศ์: Apocynaceae อนั ดบั : Gentianales ลีลาวดีมีถิ่นกาเนิดในทวปี อเมริกาพบในบริเวณพ้ืนท่ีต้งั แต่ประเทศเมก็ ซิโก ตอนใตถ้ ึงตอนเหนือของทวปี อเมริกาโดยเฉพาะหม่เู กาะทะเลแคริบเบียน ลีลาวดีเป็นไมย้ นื ตน้ มีขนาดต้งั แต่พมุ่ เต้ียแคระสูงประมาณ 0.9-1.2 เมตร จนถึงตน้ ที่สูงมาก อาจสูงถึง 12 เมตรลาตน้ แตกก่ิงกา้ นสขาและพมุ่ ใบ สวยงาม มีน้ายางสีขาวขน้ เป็นไมผ้ ลดั ที่สลดั ใบในฤดูแลง้ ก่อนที่จะผลิดอก และผลิใบรุ่นใหม่กิ่งที่ยงั ไม่แก่มีสีเขียวอ่อนนุ่ม ดูเกือบจะอวบน้ากิ่งแก่มีสี เทามีรอยตะป่ ุมตะป่ า ก่ิงไม่สามารถทานน้าหนกั ได้ กิ่งเปราะเปลือกลาตน้ หนาตน้ ท่ีโตเตม็ ท่ีแลว้ จะพฒั นาจนกระทงั่ มีความแขง็ แรงมากข้ึนใบเป็นใบ เด่ียว มีการเรียงตวั แบบสลบั และหนาแน่นใกลป้ ลายกิ่งมีลกั ษณะแตกต่างกนั ไปท้งั รูปร่าง ขนาด สี และความหนาแน่น โดยทว่ั ไปใบจะหนาเหนียวแขง็
ดอกหูปลาช่อน • ช่ือวทิ ยาศาสตร์ Acalypha wilkesiana Muell. Arg • ช่ือวงศ์ EUPHOPBIACEAE • ช่ือสามญั Copper Leaf Beef - steak • ช่ือพนื้ เมอื งอ่นื ๆ หปู ลาช่อน • ถ่นิ กาเนิด แถบหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซฟิ ิ ก • ลักษณะท่วั ไป : ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลกุ มีลาต้นตงั้ ตรง มีความสงู ประมาณ .4-18 นิว้ ลาต้นปกคลมุ ด้วยขนน่มุ ทวั่ ไป ใบ : ใบมีลกั ษณะห้มุ หอ่ ลาต้นอยู่ มีขนาดยาวประมาณ 2-3 นิว้ ปลายใบแหลมเรียว โคนใบกว้างเป็นรูปไข่ ริมขอบใบหยกั เว้า หลงั ใบ เป็นสีเขียวเข้มใต้ท้องใบมีสีมว่ งแดง ดอก : ดอกออกเป็นช่อ ตามบริเวณกลางลาต้น ชอ่ หนง่ึ จะแยกออกเป็น 2 แขนง ลกั ษณะของดอกเป็นดอกขนาดเลก็ กลบี ดอกสว่ นโคนจะเช่ือม ติดกนั เป็นรูปทอ่ ดอกมีสีแดงเป็นดอกสมบรู ณ์เพศ ผล : ผลเป็นผลเด่ียว เปลอื กแข็ง ผลแห้งจะไม่แตกหรืออ้าออก
ดอกโป๊ ยเซียน ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Euphorbia milii • สายพนั ธ์ุทเ่ี หนือกว่า: สกลุ ยฟู อร์เบีย • อาณาจกั ร: Plantae • ช้ัน: สปี ชีส์ • สปี ชีส์: E. milii • วงศ์: Euphorbiaceae • ใบยาวรี ปลายใบจะแหลม ออกดอกเป็นกลุ่ม ๆ แต่ละดอกจะมีกลีบอยู่ ตรงขา้ มกนั ดอกโป๊ ยเซียนมีหลายสี เช่น แดง เหลือง ชมพู สม้ ขาว เป็นตน้ ดอกโป๊ ยเซียนจะออกดอกท้งั ปี แต่ออกมากในหนา้ หนาว และ ดอกจะทนมาก ลาตน้ มีหนามแหลม และแขง็ คลา้ ยกระบองเพชร
ต้นมะละกอ • มะละกอ ช่ือวิทยาศาสตร์คือ Carica papyya L. ชื่อ วงศ์: CARICACEAE ชื่อสามญั :Papaya. ชื่อ ท้องถิ่น: มะก๊วยเตด็ ก๊วยเท็ด ลอกอ • ลกั ษณะโดยทวั่ ไปของมะละกอนนั้ สามารถ เจริญเตบิ โตได้ดใี นทกุ สภาพภมู ิอากาศ ขนึ ้ ในบริเวณที่เป็ น ดนิ ร่วนปนทรายที่มีการระบายนา้ ได้ดี นา้ ไมท่ ว่ มขงั มาก ดนิ มีความเป็ นกรดเป็ นดา่ งอยรู่ ะหวา่ ง 6.0-6.8 ซง่ึ ประโยชน์ ของมะละกอนนั้ สามารถใช้ผลบริโภคได้ ทงั้ ผล ดบิ และผลสกุ ยางมะละกอสามารถนาไปต้มเพือ่ เพิม่ การ เป่ื อยยยุ่ ของอาหารได้ ยางมีฤทธ์ิกดั กร่อนอยา่ ง อ่อน ยอดออ่ นนามาต้มสกุ รับประทานได้ดแี ก้ร้อนใน มะละกอเป็ นผลไม้ยืนต้น ท่ีคนไทยนิยมรับประทานกนั อยา่ งแพร่หลาย มีรสอร่อย หวาน ทงั้ มะละกอดบิ เมนทู ่ี นิยมกนั มากก็คอื ส้มตา สว่ นมะละกอสกุ ก็สามารถ นาไปรับประทานสดเพื่อสขุ ภาพ
ต้นสัก • ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Tectona grandis • ชัน้ : สปี ชีส์ • สายพนั ธ์ุท่เี หนือกว่า: สกลุ สกั • วงศ์: Lamiaceae • อาณาจักร: Plantae • สปี ชีส์: T. grandis • ลาต้น : เป็ นเปลาตรงเปลือกเรียบหรือแตกเป็นร่องเลก็ ๆ สีเทา โคนเป็นพพู อนต่า ๆ • ใบ : เป็นใบเดยี่ วใหญ่มาก ออกตรงข้ามกนั เป็นคู่ ปลายใบแหลม โคนมน ยาว 25 - 30 เซนตเิ มตร กว้างเกือบเทา่ ยาว ใบของต้น ออ่ นจะใหญ่กวา่ นีม้ าก ผิวใบขนสากคายสเี ขียวเข้ม ขยีใ้ บสดจะมี สีแดงเหมือนเลอื ด มีการสลดั ใบทงิ ้ เมื่อถงึ ฤดหู นาว • ดอก : มีขนาดเล็ก สขี าวนวลออกเป็นชอ่ ตาม ปลายก่ิง ออกดอก และเป็นผลเดือน มถิ นุ ายน - ตลุ าคม • ผล : เป็นผลแห้งคอ่ นข้างกลม เส้นผา่ ศนู ย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร เปลือกแขง็ ภายในมี 1 - 3 เมล็ด
ต้นพญาสัตบรรญ • ชื่อวทิ ยาศาสตร์: Alstonia scholaris • สายพนั ธ์ุทเ่ี หนือกว่า: Alstonia • อาณาจักร: Plantae • วงศ์: Apocynaceae • สถานะการอนุรักษ์: เป็นกงั วลนอ้ ย Encyclopedia of Life • ช้ัน: สปี ชีส์ • เปลือกหนาแต่เปราะ ผวิ ตน้ มีสะเกด็ เลก็ ๆ สีขาวปนน้าตาลกรีดดูจะมี ยางสีขาวลาตน้ ตรง แตกกิ่งกา้ นสาขามากลกั ษณะเป็นช้นั ๆ เปลือก ช้นั ในสีน้าตาล มีน้ายางสีขาว ใบเป็นกลุ่มบริเวณปลายก่ิงช่อหน่ึงมีใบ ประมาณ 5-7 ใบ กา้ นใบส้นั แผน่ ใบรูปรีแกมรูปขอบขนานถึงรูป หอกแกมรูปขอบขนาน หรือรูปมนแกมรูปบรรทดั ปลายใบเป็นติ่ง เลก็ นอ้ ย ใบดา้ นบนมีสีเขียวเขม้ ดา้ นล่างมีสีขาวนวล ถา้ เดด็ กา้ นใบจะ มียางสีขาว ลกั ษณะใบยาวรีปลายใบมนโคนใบแหลม ขนาดใบยาว ประมาณ 10-12 เซนติเมตร ออกดอกสีเขียวอ่อนเป็นช่อตามปลาย ก่ิง ปากท่อของกลีบดอกมีขนยาวปุกปุย ดอกมีกล่ินฉุนรุนแรง สูดดม เพยี งเลก็ นอ้ ยจะรู้สึกกล่ินหอม
ต้นมะนาว • ช่อื พนื้ เมือง : ส้มบะนาว(เหนือ), มะลวิ (เชียงใหม)่ , มะนาว (กลาง) • ช่อื วทิ ยาศาสตร์: Citrus aurantifolia (Christm) Swing. • ช่อื วงศ์: RUTACEAE • ช่อื สามัญ : Common lime • ประโยชน์: ใช้เป็นยาสมนุ ไพร ขบั เสมหะ แก้ไอ เลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวม • ผลมะนาวโดยทวั่ ไปมขี นาดเส้นผา่ นศนู ย์กลางประมาณ 4 – 4.5 เซนตเิ มตร ต้น มะนาวเป็นไม้พ่มุ เตีย้ สงู เตม็ ที่ราว 5 เมตร ก้านมีหนามเลก็ น้อย มกั มีใบดก ใบยาว เรียวเลก็ น้อย คล้ายใบส้ม สว่ นดอกสีขาวอมเหลือง ปกติจะมดี อกผลตลอดทงั ้ ปี แต่ ในช่วงหน้าแล้ง จะออกผลน้อย และมีนา้ น้อย • มะนาวเป็นพืชพืน้ เมอื งในภมู ภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ผ้คู นในภมู ภิ าคนีร้ ู้จกั และ ใช้ประโยชน์จากมะนาวมาช้านาน นา้ มะนาวนอกจากใช้ปรุงรสเปรีย้ วในอาหารหลาย ประเภทแล้ว ยงั นามาใช้เป็นเครื่องด่ืม ผสมเกลอื และนา้ ตาล เป็นนา้ มะนาว ซง่ึ เป็นท่ี รู้จกั กนั ดีทงั ้ ในประเทศไทย และตา่ งประเทศทวั่ โลก นอกจากนีเ้ครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บางชนิดยงั นิยมฝานมะนาวเป็นชนิ ้ บางๆ เสยี บไว้กบั ขอบแก้ว เพ่ือใช้แต่งรส
ต้นสนมงั กร • ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Juniperus chinensis • สายพนั ธ์ุท่เี หนือกว่า สนจนู ิเปอร์ • สถานะการอนุรักษ์: เป็นกงั วลน้อย (คงท่ี) Encyclopedia of Life • ชัน้ : สปีชีส์ • สปี ชีส์: J. chinensis • วงศ์: Cupressaceae • สนมงั กร เป็นไม้ยืนต้นอย่ใู นวงศ์ Cupressaceae มีลกั ษณะ รูปทรงพีระมิดความสงู 3-12 เมตร ลาต้นสนี า้ ตาลเข้มแดงเลก็ น้อย ใบสีเขียวเข้ม ไมผ่ ลดั ใบ ขนึ ้ ได้ดีในดนิ ทวั่ ไป ความชืน้ ปานกลาง ชอบ แสงเตม็ วนั นิยมปลกู เป็นไม้ประธานในการจดั สวน นิยมปลกู เป็นกลมุ่ 3 หรือ 5 ต้น ปลกู เป็นแนวถนน การดแู ลไมค่ วรรดนา้ ทรงพ่มุ เพราะ จะแตกทรงพมุ่ ไม่สวย
ต้นมะพร้าว • ช่อื พนื้ เมือง : บะป้ าว (เหนือ), ดงุ (จนั ทบรุ ี) เฮ็ดดงุ (เพชรบรู ณ์) โพล (กาญจนบรุ ี) คอสา่ (แมฮ่ อ่ งสอน) พร้าว (นครศรีธรรมราช) • ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Cocos nucifera L. var. nucifera • ช่อื วงศ์ : PALMAE • ช่ือสามัญ : Coconut • ประโยชน์: นา้ มะพร้าวออ่ น และนา้ มะพร้าวแกใ่ ช้สด ราก ใช้ สด เก็บได้ตลอดปี ดอก ใช้สด เปลือกต้นใช้สด เก็บได้ตลอดปี สารสนี า้ ตาล ทอ่ี อกมาย้อยแขง็ อยใู่ ต้ใบ เก็บไว้ใช้ • มะพร้าว เป็นพืชยืนต้น ใบมีลกั ษณะเป็นใบประกอบแบบขน นก ผลประกอบด้วยเอพคิ าร์ป (epicarp) คือเปลือกนอก ถดั ไปข้างในจะเป็นมีโซคาร์ป (mesocarp) หรือใย มะพร้าว ถดั ไปข้างในเป็นสว่ นเอนโดคาร์ป (endocarp) หรือกะลามะพร้าว ซงึ่ จะมีรูสีคลา้ อยู่ 3 รู สาหรับงอก
ต้นมะม่วง • ช่ือพนื้ เมือง : บะมว่ ง (เหนือ), มะม่วง (กลาง) • ช่ือวทิ ยาศาสตร์: Mangifera indica L. • ช่ือวงศ์ : ANACARDIACEAE • ช่ือสามญั : Mango • ประโยชน์ : ผลสดแก่ รับประทานแก้คลน่ื ไส้อาเจียน วิงเวียน กระหายนา้ ผลสกุ หลงั รับประทานแล้วล้างเมลด็ ตากแห้ง ต้มเอานา้ ดม่ื หรือบดเป็นผง รับประทานแก้ท้องอืดแน่น ขบั พยาธิ ใบสด 15– 30 กรัม ต้มเอานา้ ดมื่ แก้ลาไส้อกั เสบเรือ้ รัง ท้องอืดแน่น เอานา้ ต้ม ล้างบาดแผลภายนอกได้ เปลอื กต้น ต้มเอานา้ ดื่ม แก้ไข้ตวั ร้อน เปลอื กผลดบิ ควั่ รับประทานร่วมกบั นา้ ตาล แก้อาการปวดเมื่อย เมื่อมปี ระจาเดือน แก้ปวดประจาเดือน • ลักษณะ : เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขาออกไป รอบต้นมากมายจนดหู นาทบึ เปลอื กของลาต้นจะมีสีนา้ ตาลอมดา พืน้ ผิวเปลอื กขรุขระ เป็นร่องไปตามแนวยาวของลาต้น
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: