1หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี เรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ วทิ ยำศำสตร์เปน็ กำรศกึ ษำเก่ยี วกับสิ่งทอี่ ยรู่ อบตวั เรำ ซง่ึ วิธีกำรและขั้นตอน ทเี่ รำใช้เพอื่ หำควำมรู้อย่ำงเป็นระบบเรยี กว่ำ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ คือ วธิ กี ำรและข้ันตอนทใี่ ชด้ ำเนนิ กำร คน้ คว้ำหำควำมรู้ทำงวทิ ยำศำสตร์ แบง่ เปน็ 3 ประเภท คอื 1) วธิ ีกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ 2) ทกั ษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ 3) จิตวทิ ยำศำสตร์
เรยี นรู้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 1 ระบุปัญหา 2 ต้งั สมมติฐาน 1. วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ เปน็ วิธีทน่ี กั วทิ ยำศำสตรใ์ ช้ในกำรค้นหำคำตอบของปัญหำ 3 รวบรวมขอ้ มลู หรอื สง่ิ ทสี่ งสยั ใช้สบื เสำะหำควำมรู้หรอื ค้นหำควำมจรงิ รวมทง้ั แกไ้ ขปญั หำในดำ้ นตำ่ งๆ ประกอบดว้ ย 5 ขั้นตอน 4 วิเคราะหข์ ้อมลู 5 สรุปผล
เรยี นรกู้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ตัวอย่าง การใช้วธิ กี ารทางวทิ ยาศาสตร์ 1 ระบปุ ัญหา 2 ตงั้ สมมตฐิ าน 3 รวบรวมข้อมลู มดแดงชอบกนิ ของหวานหรือไม่ ถ้ามดแดงชอบกินของหวาน ดงั น้นั ถา้ วาง วางแผนและทาการทดลองโดยนาลูกอม ลกู อมไว้มดแดงน่าจะมากนิ ลกู อม ยาเมด็ แกป้ วด และมะขามเปียก ไปวางไว้ บรเิ วณทีม่ ดแดงเดนิ ผา่ นหรอื ใกล้รงั มดแดง แล้วเฝ้าสังเกตพร้อมบนั ทกึ ผลไว้ จากน้ัน หาขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ
เรยี นรู้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ตวั อย่าง การใช้วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ 4 วเิ คราะห์ข้อมลู 5 สรปุ ผล พบว่า เมื่อทดลองวางลูกอม ยาเม็ดแก้ปวด สรุปไดว้ ่า มดแดงชอบกินของหวาน และมะขามเปียก ไว้บริเวณที่มดเดินผ่านหรือ ใกล้รังมดแดง มดแดงจะออกมากินลูกอมและ ขนลูกอมกลบั เข้ารัง
เรยี นรูก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หมายถงึ ความชานาญและความสามารถในการคิดคน้ หรอื การสืบเสาะเพอ่ื ค้นหาคาตอบและการแก้ไขปัญหาตา่ งๆ ได้ถกู ต้อง และเหมาะสม ซึ่งแบ่งเป็น 2 ขน้ั ดังน้ี 81) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรข์ ้นั พืน้ ฐาน มี ทกั ษะ ทกั ษะการสังเกต 1 5 ทกั ษะการหาความสัมพันธข์ อง สเปซกับเวลา ทักษะการจาแนกประเภท 2 6 ทักษะการจดั กระทาและสื่อ ความหมายขอ้ มูล ทกั ษะการวัด 3 7 ทักษะการลงความเหน็ จากข้อมลู ทักษะการใชจ้ านวน 4 8 ทกั ษะการพยากรณ์
เรียนรู้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 62) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขน้ั สงู หรือขั้นผสม มี ทกั ษะ 1 4 ทกั ษะการกาหนดและควบคมุ ตวั แปร ทักษะการกาหนดนิยามเชงิ ปฏิบตั ิการ 2 5 ทกั ษะการตคี วามหมายข้อมูลและ ทกั ษะการตงั้ สมมติฐาน ลงข้อสรุป 6 3 ทกั ษะการสร้างแบบจาลอง ทักษะการทดลอง
เรียนรกู้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ตวั อย่าง ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรท์ นี่ กั เรียนจะไดเ้ รียนร้ใู นช้นั เรยี นน้ี 1. ทกั ษะการหาความสมั พนั ธ์ของสเปซกับเวลา คือ ควำมสำมำรถในกำรหำควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงรูป 1 มิติ 2 มติ ิ และ 3 มิติ รวมไปถึงกำรระบรุ ปู ทรง ขนำด ตำแหน่ง ทศิ ทำงกำรเคลอ่ื นที่ ของวัตถทุ เี่ วลำตำ่ งๆ ➢ สเปซของวตั ถุ คือ ที่วา่ งทีว่ ัตถุนน้ั ครอบครองอยู่ และมรี ูปรา่ งลกั ษณะเช่นเดียวกบั วัตถนุ ้ัน โดยสเปซของวัตถุมคี วามสัมพนั ธ์ 2 ลักษณะ ไดแ้ ก่ 1) การหาความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปซกบั สเปซ วตั ถุ รูป 2 มติ ิ รปู 3 มิติ 1.1 ความสัมพันธร์ ะหว่างวัตถุ 2 มิติ กับวตั ถุ 3 มิติ รูปสีเ่ หลย่ี มมุมฉำก ทรงสเ่ี หลยี่ มมุมฉำก คือ ควำมสำมำรถในกำรระบชุ อ่ื หรอื วำดภำพของวัตถุ 2 มติ ิ 3 มติ ิ รปู วงกลม รปู สเี่ หล่ียมมุมฉำก ทรงกระบอก
เรยี นรูก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ตวั อย่าง ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรท์ ่นี กั เรียนจะไดเ้ รยี นรูใ้ นชั้นเรยี นน้ี 1. ทักษะการหาความสัมพนั ธ์ของสเปซกับเวลา 1) การหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งสเปซกบั สเปซ 1.2 ความสัมพันธ์ระหว่างตาแหน่งท่ีอยู่ของวตั ถุหนึ่งกับอีกวัตถุหน่ึง คือ ควำมสำมำรถในกำรบอกตำแหน่งและทิศทำงของวัตถุ ต่ำงๆ เมื่อเทียบกับวัตถุหน่ึง เช่น กำรหย่อนก้อนหินลงแก้วที่มีน้ำอยู่เต็มพบว่ำ ก้อนหินจะเข้ำไปแทนท่ีน้ำ โดยสังเกตได้จำก กำรลน้ ของนำ้ ในแกว้ หรือสำมำรถบอกไดว้ ำ่ วตั ถอุ ย่ทู ำงด้ำนซ้ำยมือหรือขวำมือของตนเอง
เรยี นร้กู ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ตวั อย่าง ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรท์ นี่ ักเรียนจะได้เรียนรู้ในช้นั เรยี นนี้ 1. ทกั ษะการหาความสมั พนั ธ์ของสเปซกับเวลา 07.20 โรงเรยี น 2) การหาความสมั พันธ์ระหวา่ งสเปซกบั เวลา 2.1 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างการเปล่ียนตาแหน่งท่ีอยขู่ องวัตถกุ ับเวลา คือ ควำมสำมำรถในกำรบอกควำมสัมพันธ์ระหว่ำงตำแหน่งของ วัตถุกับเวลำท่ีวัตถุน้ันเคลื่อนท่ีไป เช่น กำรเปลี่ยนตำแหน่งของ นำรีในขณะที่เดินทำงไปโรงเรยี น เมอื่ เวลำเปลีย่ นไป 07.00 บา้ น
เรียนรู้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ตัวอย่าง ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรท์ น่ี กั เรยี นจะได้เรียนรู้ในชน้ั เรยี นนี้ 1. ทักษะการหาความสัมพนั ธ์ของสเปซกบั เวลา 2) การหาความสมั พนั ธร์ ะหว่างสเปซกับเวลา 2.2 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งรปู ร่างของวัตถุท่ีเปล่ยี นไปกบั เวลา คอื ควำมสำมำรถในกำรบอกควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งกำรเปลีย่ นขนำดหรือ ปริมำณของสำรกับเวลำทเ่ี ปลยี่ นไป เช่น กำรหลอมเหลวของน้ำแข็งก้อน เม่อื ต้งั ทิ้งไว้ เมอ่ื เวลาผา่ นไเปรนิ่มตา้ แง้ั นข็งา้ กแ้อขน็งกห้อลนอทมง้ิเหไวล้ วกลายเปน็ น้า
เรยี นรกู้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ตัวอยา่ ง ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรท์ น่ี กั เรียนจะได้เรียนรใู้ นช้นั เรยี นนี้ 2. ทักษะการจดั กระทาและส่ือความหมายขอ้ มูล ➢ ธนดลและขนิษฐาชว่ ยกนั นาขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการสารวจมาจัดกระทาใหม่ ตวั อย่าง ข้อมูลทีจ่ ัดกระทาและสื่อความหมายใหม่ คอื กำรนำขอ้ มูลท่ไี ดม้ ำจำกกำรรวบรวมด้วยวธิ ีกำรต่ำงๆ มำจัดกระทำให้ อยใู่ นรปู แบบท่ีมคี วำมหมำยหรอื มคี วำมสมั พนั ธ์กนั มำกข้ึน รวมท้งั นำขอ้ มลู แผนภำพต้นกหุ ลำบ มำจดั กระทำในรปู แบบตำ่ ง ๆ เชน่ แผนภำพ แผนภมู ิ ตำรำง กรำฟ สมกำร กำรเขยี นบรรยำย เพือ่ ทำให้ผู้อน่ื เข้ำใจควำมหมำยได้ง่ำยข้ึน ดอกตมู ธนดลและขนิษฐาชว่ ยกันสารวจพืชโดยใช้ ดอกทบ่ี านแลว้ สงู 30 เซนติเมตร ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละ ดอกสแี ดง มกี ลิ่นหอม ตามขอ้ กาหนดของครู ลาตน้ มีหนามแหลม
เรียนรูก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ตัวอยา่ ง ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรท์ ี่นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นรใู้ นชนั้ เรยี นน้ี 3. ทกั ษะการสร้างแบบจาลอง ➢ ตัวอย่าง แบบจาลอง น่คี อื แบบจาลอง การระเบดิ ของภูเขาไฟ คือ กำรสร้ำงหรือใช้สง่ิ ทท่ี ำข้ึน เพ่ือเลียนแบบ น่คี ือแบบจาลอง หรอื อธบิ ำยสง่ิ ทศี่ กึ ษำหรือทสี่ นใจ จำกนั้นสำมำรถ อะไร? นำเสนอควำมคดิ รวบยอด ขอ้ มลู หรอื เหตกุ ำรณ์ท่ี เกดิ ขน้ึ จำกกำรศกึ ษำในรูปของแบบจำลองเพื่อให้ ผอู้ ่ืนเข้ำใจ เช่น รปู ภำพ ภำพเคลอ่ื นไหว แผนภำพ ชนิ้ งำน ขอ้ ควำม หุ่น สิ่งของ
เรียนรูก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 3. จติ วทิ ยาศาสตร์ คอื ลักษณะนิสยั ของบุคคลที่เกิดจำกกำรศึกษำหำควำมรู้ทำงวทิ ยำศำสตร์ โดยใช้กระบวนกำรทำงวทิ ยำศำสตร์ จิตวทิ ยาศาสตร์ ประกอบดว้ ยลักษณะต่างๆ เช่น นพทาเงินหลน่ 20 บาทนะ ขอบคณุ มากนะอ้อย มะเขือเทศทานได้ ทเี่ ก็บมาคนื เรา หรอื ยังนะ มีความซอื่ สตั ย์ มีความชา่ งสงสยั อยากรูอ้ ยากเห็น
เรยี นรูก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จติ วทิ ยาศาสตร์ ประกอบด้วยลกั ษณะต่างๆ เช่น จิตวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยลักษณะต่างๆ เชน่ คณุ ครคู รบั ผมมาสง่ การบา้ นครับ นพส่งงานครู เดี๋ยวเราลองคน้ หา อฐู ปรบั ตวั ในแหล่ง ตรงเวลาเสมอ ขอ้ มลู ก่อนนะ ทอ่ี ยูอ่ ย่างไรบา้ ง เลยนะ มีความรบั ผิดชอบ มีความสนใจใฝ่เรียนรู้
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: