ใบความร้ทู ่ี 1 เรื่อง ความหมายของการจัดการความรู้ การจดั การ (Management) หมายถึง กระบวนการในการเข้าถึงความรู้และการ ถา่ ยทอดความรทู้ ี่ ตอ้ งดาเนินการร่วมกนั กับผ้ปู ฏบิ ัติงาน ซึง่ อาจเริ่มต้นจากการบ่งชค้ี วามรูท้ ี่ ต้องการใช้ การสร้างและแสวงหา ความรู้ การประมวลเพื่อกลนั่ กรองความรู้ การจดั การ ความร้ใู ห้เปน็ ระบบ การสรา้ งช่องทางเพ่ือการส่ือสารกับ ผ้เู กย่ี วขอ้ ง การแลกเปลย่ี นความรู้ การจดั การสมยั ใหมใ่ ช้กระบวนการทางปัญญาเป็นสง่ิ สาคญั ในการคดิ ตดั สินใจ และสง่ ผล ใหเ้ กิดการกระทา การจดั การจึงเนน้ ไปที่การปฏบิ ตั ิ ความรู้ (Knowledge) หมายถึง ความรทู้ ่ีควบค่กู บั การปฏิบตั ิ ซ่งึ ในการปฏิบัติจาเปน็ ต้องใชค้ วามรู้ท่ี หลากหลายสาขาวิชามาเชอื่ มโยงบูรณาการเพื่อการคดิ และตดั สนิ ใจ และ ลงมือปฏบิ ัติ จดุ กาเนดิ ของความรคู้ ือ สมองของคน เป็นความรูท้ ีฝ่ งั ลึกอยู่ในสมอง ช้แี จงออก มาเปน็ ถอ้ ยคาหรือตัวอกั ษรได้ยาก ความรนู้ น้ั เม่ือ นาไปใชจ้ ะไม่หมดไป แตจ่ ะย่ิงเกิดความรู้ เพิ่มพูนมากข้ึนอยู่ในสมองของผู้ปฏบิ ัติ ในยคุ แรก ๆ มองวา่ ความรู้ หรอื ทนุ ทางปญั ญา มาจากการจดั ระบบและการ ตคี วามสารสนเทศ ซง่ึ สารสนเทศกม็ าจากการประมวลข้อมลู ข้ันของการเรียนรู้ เปรยี บดงั พรี ะมิดตามรูปแบบน้ี ความร้แู บ่งได้เป็น 2 ประเภท คอื 1. ความรู้เด่นชัด (Explicit Knowledge) เป็นความร้ทู เี่ ป็นเอกสาร ตารา คู่มอื ปฏิบัตงิ าน สอื่ ต่าง ๆ กฎเกณฑ์ กตกิ า ขอ้ ตกลง ตารางการทางาน บันทึกจากการทางาน ความรู้เด่นชัดจงึ มีชอื่ เรียกอกี อยา่ งหนึ่งวา่ “ความรู้ในกระดาษ” 2. ความรู้ซอ่ นเรน้ /ความรู้ฝงั ลกึ (Tacit Knowledge) เปน็ ความรูท้ ี่แฝงอย่ใู นตวั คน พัฒนาเป็นภมู ิ ปัญญา ฝงั อย่ใู นความคดิ ความเชือ่ คา่ นิยม ทคี่ นได้มาจากประสบ การณส์ ่งั สมมานาน หรือเปน็ พรสวรรค์อนั เปน็ ความสามารถพิเศษเฉพาะตวั ทม่ี ีมาแต่กาเนดิ หรอื เรียกอีกอยา่ งหนึ่งวา่ “ความรใู้ นคน” แลกเปลยี่ น ความรูก้ ันไดย้ าก ไม่สามารถแลก เปล่ยี นมาเปน็ ความรทู้ ่ีเปิดเผยได้ทง้ั หมด ตอ้ งเกิดจากการเรียนรรู้ ่วมกัน ผา่ น การเป็นชุมชน เชน่ การสังเกต การแลกเปลยี่ นเรยี นรรู้ ะหว่างการทางาน หากเปรียบความรเู้ หมอื นภูเขานา้ แข็ง จะมลี กั ษณะดังนี้
ส่วนของน้าแข็งทีล่ อยพน้ นา้ เปรียบเหมอื นความรทู้ ีเ่ ดน่ ชัด คือความรู้ทอ่ี ยู่ใน เอกสาร ตารา ซดี ี วดี โี อ หรือสอื่ อืน่ ๆ ท่จี ับต้องได้ ความรนู้ ี้มเี พยี ง 20 เปอร์เซน็ ต์ ส่วนของน้าแข็งทจ่ี มอยู่ใต้นา้ เปรียบเหมอื นความร้ทู ่ยี งั ฝังลกึ อยู่ในสมองคน มี ความรจู้ ากสิ่งท่ี ตนเองได้ปฏบิ ัติ ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนงั สอื ใหค้ นอน่ื ได้รบั รู้ได้ ความรูท้ ฝี่ งั ลกึ ในตวั คนนี้มี ประมาณ 80 เปอรเ์ ซน็ ต์ ความรู้ 2 ยุค ความรูย้ ุคท่ี 1 เนน้ ความร้ใู นกระดาษ เนน้ ความรขู้ องคนสว่ นนอ้ ย ความร้ทู ี่สรา้ ง ขน้ึ โดยนักวิชาการท่ี มคี วามชานาญเชีย่ วชาญเฉพาะดา้ น เรามกั เรยี กคนเหล่านั้นวา่ “ผู้มปี ญั ญา” ซงึ่ เชือ่ วา่ คนสว่ นใหญ่ไมม่ ีความรู้ ไมม่ ีปญั ญา ไมส่ นใจทจ่ี ะใชค้ วามร้ขู องคนเหล่านั้น โลกทัศน์ในยุคที่ 1 เปน็ โลกทศั น์ท่ีคับแคบ ความรยู้ คุ ท่ี 2 เป็นความรู้ในคน หรืออยู่ในความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งคน เปน็ การค้น พบ “ภมู ิปญั ญา” ที่ อยู่ในตวั คน ทกุ คนมีความรเู้ พราะทกุ คนทางาน ทุกคนมสี มั พันธก์ ับ ผอู้ ื่น จงึ ย่อมมีความรู้ท่ฝี ังลกึ ในตวั คนท่ีเกดิ จากการทางาน และการมีความสัมพันธ์กันน้นั เรยี กวา่ “ความรูอ้ ันเกดิ จากประสบการณ์” ซ่ึงความรยู้ คุ ท่ี 2 น้ี มคี ุณประโยชน์ 2 ประการ คือ ประการแรก ทาให้เราเคารพซึง่ กันและกนั วา่ ตา่ งก็มีความรู้ ประการท่ี 2 ทาให้ หน่วยงาน หรือองค์กรที่มีความเชอื่ เชน่ นี้ สามารถใช้ศักยภาพแฝงของทุกคนในองค์กรมาสรา้ งผลงาน สร้าง นวตั กรรมให้กบั องค์กร ทาให้องค์กรมกี ารพฒั นามากข้ึน
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: