Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้เรื่องการเรียนรู้ด้วยตนเอง

ใบความรู้เรื่องการเรียนรู้ด้วยตนเอง

Published by Narongrit Chankong, 2021-09-01 02:55:37

Description: ใบความรู้เรื่องการเรียนรู้ด้วยตนเอง

Search

Read the Text Version

ใบความรู้ เรื่อง การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรเู้ ปน็ เรอ่ื งของทุกคน ศักดิศ์ รีของผูเ้ รียนจะมไี ด้เมื่อมโี อกาสในการเลอื กเรยี นในเรื่องที่ หลากหลายและมีความหมายแกต่ นเอง การเรียนร้มู ีองคป์ ระกอบ 2 ดา้ น คือ องคป์ ระกอบภายนอก ได้แก่ สภาพแวดล้อม โรงเรยี น สถานศกึ ษา สงิ่ อานวยความสะดวก และครู องค์ประกอบภายใน ไดแ้ ก่ การคิดเป็น พง่ึ ตนเองได้ มีอสิ รภาพ ใฝ่รู้ ใฝส่ รา้ งสรรค์ มคี วามคิดเชิงเหตุผล มจี ติ สานึกในการเรียนรู้ มีเจตคตเิ ชงิ บวกต่อ การเรียนรู้ การเรยี นรู้ท่ีเกิดขึ้นมิไดเ้ กิดข้นึ จากการฟงั คาบรรยายหรือทาตามท่ีครผู สู้ อนบอก แต่อาจเกดิ ขึน้ ได้ใน สถานการณ์ต่าง ๆ ตอ่ ไปนี้ 1. การเรยี นรู้โดยบังเอญิ การเรยี นรู้แบบนีเ้ กดิ ขึน้ โดยบังเอิญ มิได้เกิดจากความตัง้ ใจ 2. การเรยี นรู้ด้วยตนเอง เปน็ การเรยี นรู้ด้วยความตง้ั ใจของผ้เู รยี น ซงึ่ มีความปรารถนาจะรใู้ น เรื่องนั้น ผเู้ รียนจึงคดิ หาวิธีการเรยี นดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ หลังจากนน้ั จะมกี ารประเมนิ ผลการเรียนร้ดู ้วยตนเองจะเปน็ รูปแบบการเรียนรทู้ ี่ทวีความสาคญั ในโลกยุคโลกาภวิ ัตน์ บุคคลซึ่งสามารถปรับตนเองใหต้ ามทนั ความก้าวหน้า ของโลกโดยใชส้ อื่ อปุ กรณ์ยุคใหม่ได้ จะทาใหเ้ ปน็ คนทมี่ คี ุณค่าและประสบความสาเรจ็ ได้อยา่ งดี 3. การเรียนรู้โดยกลมุ่ การเรยี นรแู้ บบน้ีเกิดจากการที่ผู้เรยี นรวมกล่มุ กันแลว้ เชิญผู้ทรงคุณวฒุ ิมา บรรยายใหก้ ับสมาชกิ ทาให้สมาชิกมีความรเู้ ร่ืองที่วทิ ยากรพดู 4. การเรียนรจู้ ากสถาบนั การศกึ ษา เป็นการเรยี นแบบเป็นทางการ มีหลกั สูตร การประเมินผล มี ระเบยี บการเขา้ ศึกษาทชี่ ัดเจน ผเู้ รยี นต้องปฏิบตั ติ ามกฎระเบยี บที่กาหนด เม่อื ปฏบิ ัติครบถว้ นตามเกณฑ์ท่ี กาหนดก็จะไดร้ ับปริญญา หรอื ประกาศนยี บัตร จากสถานการณก์ ารเรยี นรู้ดังกลา่ วจะเห็นได้ว่า การเรียนรอู้ าจ เกดิ ไดห้ ลายวธิ ี และการเรียนร้นู ้ัน ไม่จาเป็นต้องเกิดข้ึนในสถาบนั การศึกษาเสมอไป การเรียนรู้อาจเกดิ ขน้ึ ได้ จากการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง หรือจากการเรยี นโดยกลุ่มกไ็ ด้ และการทบี่ ุคคลมีความตระหนักเรยี นรอู้ ยู่ภายใน จติ สานกึ ของบุคคลน้นั การเรียนรู้ด้วยตนเองจึงเป็นตวั อย่างของการเรยี นรู้ในลักษณะทเี่ ปน็ การเรียนรู้ ท่ีทาให้ เกิดการเรียนรู้ตลอดชวี ติ ซงึ่ มีความสาคัญสอดคล้องกบั การเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจบุ ัน และสนบั สนุนสภาพ “สงั คมแหง่ การเรยี นรู้” ได้เป็นอย่างดี การเรียนรู้ด้วยตนเองคืออะไร เม่ือกล่าวถึง การเรียนด้วยตนเอง แล้วบคุ คลโดยทั่วไปมักจะเขา้ ใจว่าเป็นการเรียนที่ผเู้ รียน ทาการศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเองตามลาพังโดยไมต่ ้องพึ่งพาผสู้ อน แต่แทท้ ่จี รงิ แล้วการเรยี นดว้ ยตนเองทต่ี ้องการ ใหเ้ กิดขึน้ ในตัวผู้เรียนน้นั เป็นกระบวนการเรยี นร้ทู ่ผี เู้ รียนริเริ่มการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง ตามความสนใจ ความ ตอ้ งการ และความถนดั มเี ป้าหมาย รู้จกั แสวงหาแหล่งทรัพยากรของการเรยี นรู้ เลือกวธิ กี ารเรยี นรู้ จนถึง การประเมินความกา้ วหนา้ ของการเรยี นรขู้ องตนเอง โดยจะดาเนนิ การด้วยตนเองหรือรว่ มมือช่วยเหลือกบั ผู้อน่ื หรือไม่ก็ได้ ซ่งึ ผู้เรียนจะต้องมีความรับผดิ ชอบและเป็นผู้ควบคุมการเรยี นของตนเอง ทง้ั น้ีการเรียนด้วยตนเองนน้ั มีแนวคดิ พื้นฐานมาจากแนวคดิ ทฤษฎกี ลุม่ มนุษยนิยมที่มีความเชอ่ื ในเร่ือง ความเป็นอิสระและความเป็นตัวของตัวเองของมนุษยว์ า่ มนุษยท์ กุ คนเกิดมาพร้อมกบั ความดี มีความเป็นอสิ ระ เป็นตัวของตัวเอง สามารถหาทางเลอื กของตนเอง มีศักยภาพและสามารถพฒั นาศักยภาพของตนเองได้อย่าง

ไมม่ ีขดี จากดั รวมท้ังมีความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเองและผอู้ ่นื ซงึ่ การเรยี นด้วยตนเองก่อให้เกดิ ผลในทางบวกต่อ การเรยี น โดยจะส่งผลใหผ้ เู้ รียนมีความเชือ่ ม่ันในตนเอง มแี รงจงู ใจในการเรยี นมากขน้ึ มีผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนสงู ขนึ้ และมีการใชว้ ิธกี ารเรียนท่ีหลากหลาย การเรียนด้วยตนเองจงึ เปน็ มาตรฐานการศกึ ษาทค่ี วรสง่ เสริม ใหเ้ กดิ ขึ้นในตวั ผเู้ รียน ทกุ คน เพราะเมือ่ ใดก็ตามทผี่ ้เู รียนมีใจรักท่ีจะศึกษา ค้นคว้าจากความต้องการของตนเอง ผเู้ รยี นกจ็ ะมีการศึกษาค้นคว้าอยา่ งต่อเนอ่ื งต่อไปโดยไมต่ ้องมใี ครบอกหรือบงั คับ เป็นแรงกระตุน้ ใหเ้ กิดความ อยากรู้อยากเหน็ ตอ่ ไปไม่มที สี่ ิ้นสุด ซึ่งจะนาไปสู่การเปน็ ผู้เรียนรู้ตลอดชีวิตตามเป้าหมายของการศึกษาต่อไป การเรยี นดว้ ยตนเองมีอยู่ 2 ลกั ษณะคือ ลักษณะทเี่ ป็นการจัดการเรียนร้ทู ่มี ีจดุ เน้นใหผ้ เู้ รียนเป็น ศนู ยก์ ลางในการเรยี นโดยเปน็ ผู้รับผิดชอบและควบคุมการเรยี นของตนเองโดยการวางแผน ปฏิบัตกิ ารเรียนรู้ และประเมนิ การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง ซ่ึงไมจ่ าเปน็ จะตอ้ งเรียนด้วยตนเองเพียงคนเดียวตามลาพงั และผเู้ รียน สามารถถา่ ยโอนการเรยี นรู้และทกั ษะทไ่ี ด้จากสถานการณห์ นง่ึ ไปยังอกี สถานการณห์ นงึ่ ได้ ในอกี ลกั ษณะหนึ่ง เป็นลักษณะทางบคุ ลิกภาพที่มีอยใู่ นตัวผู้ที่เรียนดว้ ยตนเองทุกคนซ่ึงมีอยู่ในระดบั ทีไ่ มเ่ ทา่ กันในแตล่ ะ สถานการณ์การเรยี น โดยเป็นลักษณะที่สามารถพัฒนาให้สงู ข้นึ ได้และจะพฒั นาไดส้ ูงสุดเมือ่ มีการจดั สภาพการ จดั การเรียนรู้ท่ีเออ้ื กนั การเรียนร้ดู ว้ ยตนเองมีความสาคญั อยา่ งไร การเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง (Self-Directed Learning) เป็นแนวทางการเรยี นรหู้ นึ่งท่สี อดคล้องกับการ เปลย่ี นแปลงของสภาพปัจจบุ ัน และเปน็ แนวคดิ ทส่ี นับสนนุ การเรียนรู้ตลอดชีวิตของสมาชิกในสังคมสู่การเป็น สังคมแห่งการเรยี นรู้ โดยการเรยี นร้ดู ว้ ยตนเองเป็นการเรียนรทู้ ่ีทาใหบ้ คุ คลมีการรเิ ริ่มการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง มี เปา้ หมายในการเรยี นรู้ที่แนน่ อน มีความรับผิดชอบในชวี ติ ของตนเอง ไม่พ่งึ คนอนื่ มีแรงจงู ใจ ทาใหผ้ เู้ รียนเป็น บุคคลทีใ่ ฝ่รู้ ใฝ่เรยี น ที่มกี ารเรียนรตู้ ลอดชีวิต เรยี นรู้วิธเี รยี น สามารถเรยี นรูเ้ รื่องราวต่าง ๆ ไดม้ ากกว่าการเรียน ท่ีมคี รูป้อนความรใู้ หเ้ พียงอย่างเดียว การเรยี นรู้ด้วยตนเองได้นับวา่ เป็นคุณลักษณะท่ีดที ีส่ ุดซง่ึ มอี ยู่ใน ตัวบุคคล ทุกคน ผ้เู รียนควรจะมคี ุณลักษณะของการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง การเรียนรดู้ ้วยตนเองจัดเป็นกระบวนการเรยี นรู้ ตลอดชีวิต ยอมรับในศักยภาพของผ้เู รยี นว่าผเู้ รียนทกุ คนมีความสามารถท่จี ะเรยี นร้สู ิง่ ต่าง ๆ ไดด้ ว้ ยตนเอง เพื่อที่ตนเองสามารถท่ีดารงชีวติ อยู่ในสังคมทีม่ ีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อยา่ งมคี วามสุข ดังน้ัน การ เรยี นรูด้ ้วยตนเองมีความสาคัญดงั นี้ 1. บุคคลท่ีเรยี นร้ดู ว้ ยการริเริ่มของตนเองจะเรียนได้มากกว่า ดกี ว่า มีความตัง้ ใจ มจี ุดมงุ่ หมายและมี แรงจงู ใจสงู กว่า สามารถนาประโยชนจ์ ากการเรยี นรู้ไปใช้ได้ดกี วา่ และยาวนานกว่าคนท่ีเรยี นโดยเป็นเพียงผู้รับ หรอื รอการถ่ายทอดจากครู 2. การเรียนรู้ด้วยตนเองสอดคล้องกบั พฒั นาการทางจติ วทิ ยา และกระบวนการทางธรรมชาติ ทาให้ บุคคลมีทิศทางของการบรรลุวุฒภิ าวะจากลกั ษณะหน่ึงไปสู่อีกลกั ษณะหนึง่ คือ เม่อื ตอนเดก็ ๆ เปน็ ธรรมชาติท่ี จะตอ้ งพง่ึ พิงผ้อู ่ืน ต้องการผูป้ กครองปกป้องเลย้ี งดู และตัดสินใจแทนให้ เมื่อเตบิ โตมีพัฒนาการขนึ้ เร่ือยๆ พฒั นาตนเองไปสู่ความเปน็ อิสระ ไม่ต้องพึ่งพิงผู้ปกครอง ครู และผูอ้ ่ืน การพัฒนาเปน็ ไปในสภาพทเ่ี พิ่มความ เปน็ ตวั ของตัวเอง

3. การเรียนร้ดู ว้ ยตนเองทาให้ผู้เรยี นมีความรับผิดชอบ ซง่ึ เปน็ ลักษณะท่สี อดคลอ้ งกับพัฒนาการใหม่ ๆ ทางการศกึ ษา เชน่ หลักสตู ร ห้องเรียนแบบเปิด ศนู ย์บริการวชิ าการ การศกึ ษาอยา่ งอสิ ระ มหาวิทยาลยั เปดิ ลว้ นเน้นให้ผู้เรยี นรบั ผดิ ชอบการเรยี นรูเ้ อง 4. การเรียนร้ดู ว้ ยตนเองทาให้มนษุ ย์อยูร่ อด การมีความเปล่ียนแปลงใหม่ ๆ เกดิ ขึน้ เสมอ ทาใหม้ ีความ จาเปน็ ทจ่ี ะต้องศึกษาเรียนรู้ การเรยี นรู้ดว้ ยตนเองจึงเปน็ กระบวนการต่อเน่ืองตลอดชวี ติ การเรียนรู้ดว้ ยตนเองมีลักษณะอย่างไร การเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง สามารถจาแนกออกเปน็ 2 ลกั ษณะสาคัญ ดังน้ี 1. ลักษณะท่เี ป็นบุคลิกคุณลกั ษณะสว่ นบุคคลของผเู้ รียนในการเรยี นด้วยตนเอง จดั เป็น องคป์ ระกอบ ภายในที่จะทาใหผ้ ูเ้ รยี นมแี รงจงู ใจอยากเรยี นตอ่ ไป โดยผูเ้ รยี นทมี่ ี คณุ ลักษณะในการเรยี นด้วยตนเองจะมี ความรับผดิ ชอบต่อความคิดและการกระทาเกีย่ วกับการเรียน รวมทง้ั รบั ผดิ ชอบในการบรหิ ารจัดการตนเอง ซ่ึงมีโอกาสเกดิ ขึน้ ไดส้ ูงสดุ เมื่อมีการจดั สภาพการเรยี นร้ทู ี่ส่งเสรมิ กนั 2. ลักษณะท่ีเปน็ การจดั การเรียนรใู้ หผ้ ู้เรียนไดเ้ รียนดว้ ยตนเอง ประกอบด้วย ขน้ั ตอนการวางแผนการ เรยี น การปฏบิ ัตติ ามแผน และการประเมนิ ผลการเรียน จดั เป็นองค์ประกอบ ภายนอกที่ส่งผลต่อการเรยี นดว้ ย ตนเองของผู้เรยี น ซ่ึงการจัดการเรยี นรูแ้ บบนีผ้ เู้ รยี นจะได้ประโยชนจ์ ากการเรยี นมากท่ีสุด Knowles (1975) เสนอ ใหใ้ ช้สัญญาการเรยี น (Learning contracts) เปน็ การมอบหมายภาระงานให้แก่ผเู้ รยี นวา่ จะต้องทาอะไรบ้างเพื่อให้ ได้รับความรู้ตามเปา้ ประสงค์และผเู้ รยี นจะปฏบิ ตั ิตามเงอื่ นไขนั้น องค์ประกอบของการเรียนรดู้ ้วยตนเองมีอะไรบา้ ง องคป์ ระกอบของการเรียนรู้ด้วยตนเอง มีดังนี้ 1. การวิเคราะห์ความต้องการของตนเองจะเริ่มจากใหผ้ ู้เรียนแตล่ ะคนบอกความต้องการ และความสนใจของตนในการเรียนกบั เพ่ือนอีกคน ทาหนา้ ที่เป็นทป่ี รกึ ษา แนะนา และเพือ่ นอีกคน ทาหน้าที่จดบนั ทึก และให้กระทาเชน่ นีห้ มุนเวยี น ท้ัง 3 คน แสดงบทบาทครบทั้ง 3 ดา้ น คือ ผเู้ สนอ ความตอ้ งการ ผู้ให้คาปรึกษา และผู้คอยจดบันทึก การสังเกตการณ์ เพือ่ ประโยชน์ในการเรียน รว่ มกนั และชว่ ยเหลอื ซงึ่ กนั และกันในทุกๆ ดา้ น 2. การกาหนดจดุ มุ่งหมายในการเรยี น โดยเรม่ิ จากบทบาทของผู้เรียนเป็นสาคัญ ผเู้ รยี น ควรศึกษาจุดมุ่งหมายของวิชา แลว้ เขยี นจุดมุ่งหมายในการเรยี นของตนใหช้ ัดเจน เนน้ พฤติกรรมที่ คาดหวัง วดั ได้ มคี วามแตกต่างของจุดมุง่ หมายในแตล่ ะระดับ 3. การวางแผนการเรียน ใหผ้ ูเ้ รียนกาหนดแนวทางการเรยี นตามวตั ถปุ ระสงคท์ ่ีระบุไว้ จัดเนือ้ หาใหเ้ หมาะสมกบั สภาพความต้องการและความสนใจของตน ระบุการจดั การเรียนรใู้ ห้ เหมาะสมกบั ตนเองมากที่สดุ 4. การแสวงหาแหลง่ วิทยาการทั้งท่ีเป็นวัสดุและบุคคล 4.1 แหล่งวิทยาการที่เปน็ ประโยชนใ์ นการศึกษาคน้ คว้า เช่น ห้องสมดุ พิพิธภณั ฑ์ เป็นตน้

4.2 ทกั ษะต่าง ๆ ที่มสี ว่ นช่วยในการแสวงแหลง่ วิทยาการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เชน่ ทกั ษะ การต้งั คาถาม ทกั ษะการอ่าน เป็นต้น 5. การประเมินผล ควรประเมินผลการเรียนด้วยตนเองตามท่ีกาหนดจดุ มุ่งหมายของการ เรียนไว้ และให้สอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงคเ์ กย่ี วกับความรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ ทัศนคติ ค่านยิ ม มี ขั้นตอนในการประเมนิ คอื 5.1 กาหนดเปา้ หมาย วัตถุประสงคใ์ ห้ชดั เจน 5.2 ดาเนนิ การใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงค์ซงึ่ เป็นสิ่งสาคญั 5.3 รวบรวมหลักฐานจากผลการประเมินเพอื่ ตัดสนิ ใจซ่งึ ต้องตงั้ อยูบ่ นพ้นื ฐานของ ข้อมลู ที่สมบูรณ์และเชือ่ ถือได้ 5.4 เปรยี บเทยี บข้อมลู ก่อนเรียนกบั หลังเรียนเพื่อดวู า่ ผู้เรยี นมีความก้าวหนา้ เพียงใด 5.5 ใชแ้ หล่งขอ้ มูลจากครูและผเู้ รียนเป็นหลกั ในการประเมิน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook