ศิริพร ดาบเพชร| 195 บทนา การพ่ายแพ้ของญ่ีปุ่นในสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลง อย่างมากในญี่ปุ่นพอกับการเปลี่ยนแปลงในสมัยเมจิ จักรวรรดิญี่ปุ่นส้ินสุดลง ด้วยความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ ญี่ปุ่นได้รับความบอบช้าจากสงครามอย่างมาก และถูกยึดครองโดยชาวต่างชาติเป็นคร้ังแรกในประวัติศาสตร์ระหว่าง ค.ศ. 1945 - 1952 ฝ่ายสัมพันธมิตรประกาศนโยบายยึดครองญ่ีปุ่นในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1945 โดยมีหลักการสาคัญเพื่อมุ่งปฏิรูปญ่ีปุ่น และเปล่ียนจากผู้ทาลายมา เป็นผู้สร้างสันติภาพ เพ่ือทาลายระบบทหารของญ่ีปุ่นและสร้างความเป็น ประชาธิปไตยให้ญ่ีปุ่น1 การยึดครองญ่ีปุ่นดาเนินการโดยคณะกรรมาธิการ ตะวันออกไกลที่กรุงวอชิงตัน โดยมีตัวแทนจากประเทศท่ีทาสงครามกับญ่ีปุ่น เป็นสมาชิก แต่ในทางปฏิบัติการยึดครองและบริหารดาเนินการโดย สหรฐั อเมริกา บทนี้ศึกษาวิเคราะห์นโยบายการการยึดครองและฟ้ืนฟูญี่ปุ่นของ สหรัฐอเมริกา ปัจจัยที่มีผลต่อนโยบายปฏิรูปญี่ปุ่นของสหรัฐอเมริกาและผลท่ี เกดิ ขนึ้ และการเปลย่ี นแปลงของญป่ี ่นุ ภายใตก้ ารยดึ ครอง 1. สภาพของญ่ปี ุ่นหลงั สงคราม หลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ญ่ีปุ่นได้รับความบอบช้าจากสงครามมาก คน ญ่ีปุ่นรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง ชิงชังสงคราม เม่ือสงครามสิ้นสุดลงญ่ีปุ่นสูญเสีย ดินแดนอาณานิคมและอิทธิพลต่างๆ โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมของญ่ีปุ่นได้หยุดชะงักงัน โรงงานและเครื่องจักรในเกาหลี และ
196 | ญ่ปี นุ่ กับการสรา้ งจักรวรรดนิ ยิ ม แมนจูเรียถูกยึดครองโดยสหภาพโซเวียต อุตสาหกรรมในประเทศเสียหาย ยับเยินจากภัยสงคราม ผลผลิตทางการเกษตรลดลงประมาณ 1 ใน 3 เนื่องจากขาดเครื่องมือใหม่ๆ ขาดปุ๋ย และขาดแรงงานเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากไปทาสงคราม เมืองใหญ่ส่วนมากถูกทาลาย ชาวญี่ปุ่นประมาณ 7 แสน 5 หม่ืนคน บาดเจ็บและเสียชีวิต บ้านเรือนกว่า 3 ล้านหลังถูกทาลาย2 ประชาชนอยูใ่ นภาวะสิ้นหวงั สนิ ค้าอปุ โภคบริโภคขาดแคลน อาหารราคาแพง เศรษฐกิจได้รับการฟื้นฟูค่อนข้างช้า มีการละเมิดกฎหมายทาให้ปัญหา อาชญากรรมเพ่ิมขึ้น ทหารญี่ปุ่นราว 2 ล้านคนในประเทศถูกปลดประจาการ ทหารและพลเรือนกว่า 3 ล้านคนในต่างประเทศถูกส่งกลับญ่ีปุ่น3 ทาให้อาหาร ขาดแคลนมากข้นึ สหรัฐอเมรกิ าตอ้ งบรจิ าคอาหารและของใช้จานวนมาก ความกดดันต่างๆ ในสังคมญ่ีปุ่นขณะนั้นทาให้ชาวญ่ีปุ่นต้องการฟื้นฟู ประเทศและพร้อมรับการเปล่ียนแปลงไปสู่สิ่งท่ีดีกว่า ทาให้การยึดครองของ สหรัฐอเมริกาเป็นไปได้ง่ายขึ้น ประกอบกับสหรัฐอเมริกาส่งนายพลดักลาส แมคอาร์เธอร์ (Douglas MacArthur) มาเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของฝ่าย สัมพันธมิตร (The Supreme Commander for the Allied Powers หรือ SCAP) ในญี่ปุ่น มีหน้าท่ีปกครองญี่ปุ่นหลังสงคราม แมคอาเธอร์เป็นผู้นาท่ีเด็ดเด่ียว กระตือรือร้น แสดงความเห็นใจชาวญ่ีปุ่นและเต็มใจช่วยเหลือญ่ีปุ่น เพ่ือสร้าง ความเช่อื ม่นั ใหแ้ ก่ชาวญป่ี นุ่ ว่าสหรัฐอเมริกาเป็นมติ รและเขา้ มาช่วยญี่ปุ่น4 ในส่วนของชาวญีป่ ุน่ เอง สหรัฐอเมรกิ าเหน็ ว่าเป็นคนท่ีมีระเบยี บวินัย มี การศึกษา อ่อนน้อม เต็มใจร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาเพื่อปฏิรูปประเทศ ด้วย ลักษณะนิสัยของชาวญ่ีปุ่นที่เช่ือฟังผู้นา ทาให้ญ่ีปุ่นยินดีร่วมมือกับผู้นาชาว ญปี่ นุ่ และสหรัฐอเมรกิ า
ศริ พิ ร ดาบเพชร| 197 2. ญีป่ ุ่นภายใต้การยึดครองชว่ งแรก ค.ศ. 1945 – 1947 ฝ่ายสัมพันธมิตรได้วางนโยบายท่ีจะใช้ปกครองญ่ีปุ่นข้ึนในปลายเดือน สิงหาคม ค.ศ. 1945 นโยบายน้ีร่างโดยกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา หลักการส่วนใหญ่มาจากคาประกาศปอร์ตสดัม มีจุดมุ่งหมายสาคัญเพ่ือมุ่ง ปฏิรูปญี่ปนุ่ จากผู้ทาลายมาเปน็ ผู้สรา้ งสันติภาพ ป้องกันญ่ีปุ่นจากการท่ีจะเป็น อันตรายต่อสันติภาพของโลกในอนาคต โครงร่างที่สัมพันธมิตรกาหนดใช้กับ ญ่ีปนุ่ ไดแ้ ก่ 1) อานาจอธิปไตยของญ่ีปุ่นจากัดอยู่เฉพาะ 4 เกาะ และเกาะเล็กน้อยท่ี กาหนด 2) ตอ้ งทาลายอานาจทางทหารใหห้ มดไป และปลดอาวธุ กองทพั ญี่ปุ่น 3) พิจารณาโทษอาชญากรสงคราม 4) พฒั นาองคก์ รแรงงานทเ่ี ป็นประชาธปิ ไตย 5) ส่งเสรมิ เสรภี าพสว่ นบุคคล เคารพในหลักการสทิ ธิมนุษยชนข้นั พ้ืนฐาน 6) ญ่ีปุ่นจะได้รับโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับนโยบาย สนั ติภาพ สง่ เสริมการกนิ ดอี ยู่ดี5
198 | ญีป่ ุ่นกับการสร้างจกั รวรรดนิ ยิ ม จักรพรรดิฮโิ รฮิโตะ (ค.ศ. 1926 – 1989) กบั นายพลดักลาส แมคอาร์เธอร์ ผู้บัญชาการของฝา่ ยสัมพนั ธมิตรในการยึดครองญ่ปี ุน่ ระหว่าง ค.ศ. 1945-1952 (จาก Gordon, 2014) จากนโยบายเหล่าน้ี ญี่ปุ่นต้องปฏิบัติตามโดยขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการ สูงสุดของฝ่ายสัมพันธมิตร คือ นายพลดักลาส แมคอาร์เธอร์ ซ่ึงมีอิสระในการ ปฏิบัติงานและได้รับอานาจหากมีกรณีฉุกเฉินทุกอย่าง การปกครองญ่ีปุ่นของ ฝ่ายสมั พนั ธมิตรดาเนนิ ไปภายใต้หน่วยงาน 2 หนว่ ย คือ 1. คณะกรรมาธิการแห่งตะวันออกไกล (Far Eastern Commission) ประกอบด้วยสมาชิก 13 ประเทศ ท่ีร่วมรบต่อสู้กับญ่ีปุ่น ทาหน้าท่ี ตัดสนิ นโยบายหลัก 2. สภาของฝ่ายสมั พันธมิตร (Allied Council For Japan) มี 4 มหาอานาจ คือ สหรัฐอเมรกิ า อังกฤษ จีน โซเวียต ทาหน้าท่ีให้คาปรึกษาแนะนา
ศิริพร ดาบเพชร| 199 แก่นายพลดักลาส แมคอาเธอร์ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของฝ่าย สมั พันธมิตร (SCAP) ทีท่ าหน้าทป่ี ฏบิ ตั ิงานในญี่ปุ่น แต่ในทางปฏิบัติอานาจส่วนใหญ่อยู่กับสหรัฐอเมริกา ฝ่ายสัมพันธมิตร เ ห็ น ว่ า ก า ร ก า จั ด อิ ท ธิ พ ล ท ห า ร อ ย่ า ง เ ดี ย ว ไ ม่ ส า ม า ร ถ ท า ใ ห้ ญี่ ปุ่ น เ ป็ น ประชาธิปไตยได้ ต้องทาการปฏิรูปด้านอื่นด้วย การยึดครองช่วงแรกจึงเป็น ระยะทส่ี หรฐั อเมริกาดาเนินการเพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ญีป่ นุ่ เปน็ ประเทศที่ รักสันติ มีการปกครองแบบประชาธิปไตย มีการดาเนินการท่ีสาคัญๆ เช่น ยกเลกิ รฐั ธรรมนูญเมจิ ยกเลกิ การกาหนดให้ศาสนาชินโตเป็นศาสนาประจาชาติ ยกเลิกกลุ่มธุรกิจหรือไซบะสึ เพราะสหรัฐอเมริกาเห็นว่าเป็นกลุ่มที่สนับสนุนให้ รัฐบาลญปี่ ุ่นกอ่ สงคราม นโยบายปฏิรปู การเมืองเพ่ือสร้างประชาธิปไตย เป้าหมายหลักของสหรัฐอเมริกา คือ การทาลายลัทธิทหารนิยมญ่ีปุ่น ใหห้ มดไปและสรา้ งสงั คมทเี่ ป็นประชาธปิ ไตยในญี่ปนุ่ จึงดาเนินการต่างๆ ดังน้ี การส่งเสริมสิทธิมนษุ ยชน สหรฐั อเมรกิ ามีเป้าหมายเพื่อสรา้ งระบอบ ประชาธปิ ไตยที่แทจ้ ริงในญป่ี ุน่ ในเดอื นตุลาคม ค.ศ. 1945 SCAP จงึ ไดป้ ระกาศ “พระราชบัญญัติสิทธิมนุษยชนของญี่ปุ่น” เพ่ือยกเลิกข้อจากัดทางเสรีภาพ ยกเลกิ กฎหมายทจ่ี ากัดสิทธิมนษุ ยชน ปลอ่ ยนักโทษการเมอื ง6 การลงโทษอาชญากรสงคราม ในกระบวนการสร้างระบอบ ประชาธปิ ไตยให้เกิดข้ึนนั้น SCAP มคี วามเหน็ ว่าจาเป็นต้องทาลายระบบทหาร ของญ่ีปุ่น โดยยึดกองกาลังทหาร ตารวจลับ สั่งปิดฐานทัพ คลังสรรพาวุธ
200 | ญป่ี ุ่นกับการสร้างจกั รวรรดนิ ยิ ม โรงงานสร้างอาวุธ จัดต้ัง “ศาลทหารระหว่างประเทศสาหรับภูมิภาคตะวันออก ไกล” (The International Military Tribunal for the Far East) เพ่ือไต่สวนคดี อาชญากรสงคราม ปรากฏว่ามีการตัดสินแขวนคอผู้นาญ่ีปุ่น 7 คน รวมถึงนาย พลโตโจ ฮิเดกิ จาคุก 18 คน แยกเป็นจาคุกตลอดชีวิต 16 คน จาคุก 20 ปี 1 คน และจาคุก 7 ปี อีก 1 คน และมีอาชญากรสงครามท่ีทาทารุณต่อเชลย สงครามและชนพ้ืนเมือง 5,000 คน แต่ถูกประหารประมาณ 900 คน7 ต่อมา บุคคลเหล่านี้ได้รับการจารึกช่ือท่ีศาลเจ้ายะสุคุนิ ศาลเจ้าศักด์ิสิทธ์ิในลัทธิชินโต ที่กรุงโตเกียว ถือกันว่าบุคคลท่ีถูกจารึกช่ือที่ศาลเจ้าแห่งน้ีเป็น “กันชิน” หรือ เทพแห่งสงคราม ผู้อุทิศตนรับใช้องค์จักรพรรดิ การท่ี “อาชญากร” ในสายตา พันธมิตรได้รับการยกย่องจากทหารญ่ีปุ่น อีกทั้งนายกรัฐมนตรีของญ่ีปุ่นยังไป เคารพดวงวิญญาณของ “กันชิน” เป็นประจา จึงทาให้เกิดการประท้วงอย่าง รุนแรงจากท้ังเกาหลีและจนี มาโดยตลอด การเปล่ียนแปลงสถานะของจักรพรรดิ กองบัญชาการสูงสุดของ ฝ่ายสัมพันธมิตรเรียกร้องให้ญี่ปุ่นร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพ่ือเปลี่ยนแปลง ทางการเมืองท่ีเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อระบอบประชาธิปไตย คือ สถาบัน จักรพรรดิ กองบัญชาการสูงสุดฯ มีความเห็นว่าสถาบันจักรพรรดิเปน็ สถาบันที่ มีความสาคัญควบคู่กับการปกครองญี่ปุ่นมายาวนาน การเปลี่ยนแปลงใดๆ จึง ตอ้ งทาอยา่ งระมัดระวัง รอบคอบ และมีการสารวจความเหน็ ของชาวอเมริกันว่า จะจัดการกับสถาบันจักรพรรดิอย่างไร ในวันท่ี 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1946 มี การจัดสารวจความคิดเห็น ปรากฏว่าชาวอเมรกิ ันเห็นว่าให้ประหารชีวิตร้อยละ 33 ใหศ้ าลตัดสนิ รอ้ ยละ 17 จาคุกตลอดชวี ิตร้อยละ 17 เนรเทศรอ้ ยละ 9 ไม่
ศิริพร ดาบเพชร| 201 ทาอะไรเพราะจักรพรรดิเป็นหัวโขนของผู้นาทหารร้อยละ 5 ใช้จักรพรรดิเป็น ห่นุ เชิดในการปกครองญ่ปี ่นุ รอ้ ยละ 3 ไม่มคี วามเห็น-ไม่ตอบร้อยละ 258 จากการสารวจพบว่าการต่อต้านจักรพรรดิญี่ปุ่นในสังคมอเมริกันมี ความรุนแรงมาก มีการเรียกร้องให้ลงโทษจักรพรรดิในฐานะอาชญากรสงคราม เพราะมีความเข้าใจว่าจักรพรรดิเป็นผู้ส่งเสริมให้ก่อสงคราม แต่ความคิดนี้ถูก คัดคา้ นจากพวกอนุรักษน์ ิยมในญ่ีปุ่นและในตา่ งประเทศทม่ี ีความเข้าใจเกี่ยวกับ ญ่ีปุ่นดีว่าสถาบันนี้มีความสาคัญมากในสังคมญี่ปุ่น และการที่ญ่ีปุ่นประกาศ สงครามเป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากที่ปรึกษาของจักรพรรดิ ไม่ใช่ความ เห็นชอบหรือการตัดสินใจโดยลาพังของจักรพรรดิ นายพลแมคอาเธอร์เห็นว่า สถาบันจักรพรรดิมคี วามจาเปน็ ต่อการรักษาเสถียรภาพทางการเมอื งของญี่ป่นุ และสร้างความสะดวกในการปฏิรูป เพราะหากยกเลิกสถาบันหรือลงโทษ จักรพรรดิ อาจถูกต่อต้านจากชาวญี่ปุ่นได้ เขาจึงเห็นว่าต้องรักษาสถาบันน้ีไว้ ภายใต้รัฐธรรมนูญ และโน้มน้าวให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเห็นด้วย แต่ต้อง ปรบั เปลี่ยนสถานะของจักรพรรดิ9 ในทสี่ ดุ ในวันท่ี 1 มกราคม ค.ศ. 1946 จักรพรรดิฮโิ รฮโิ ตะประกาศสละ สิทธิในสถานภาพอันศักด์ิสิทธ์ิ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ และประกาศถึงความเป็น มนุษย์ของพระองค์ จากคาประกาศนี้ทาให้สถานภาพจักรพรรดิเป็นเพียง สัญลักษณ์ของประเทศ นอกจากกาหนดฐานะของจักรพรรดิไว้ว่าเป็นเพียง สัญลักษณ์ของรัฐแล้ว SCAP ยังกาหนดขอบเขตพระราชกรณียกิจของ จักรพรรดิว่าต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และสร้างภาพลักษณ์ ใหม่ให้แก่จักรพรรดิญ่ีปุ่นด้วยการให้ปรากฏพระองค์และพระราชทานพระ ราโชวาทแก่ประชาชน เพ่ือทาให้จักรพรรดิเป็นศูนย์รวมแห่งความจงรักภักดี
202 | ญป่ี ุ่นกบั การสร้างจกั รวรรดนิ ยิ ม แ ล ะ ใ ห้ ป ร ะ ช า ช น รั ก แ ล ะ เ ล่ื อ ม ใ ส แ ท น ค ว า ม น่ า เ ก ร ง ข า ม อ ย่ า ง ส ถ า น ะ ข อ ง จักรพรรดิในอดีต10 การดาเนินการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ SCAP เห็นว่าญ่ีปุ่น จาเป็นต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่แทนรัฐธรรมนูญเมจิ ( ค.ศ.1889) เพราะ รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ เ ม จิ เ ป็ น รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ ท่ี ขั ด ข ว า ง ก า ร ป ก ค ร อ ง ป ร ะ ช า ธิ ป ไ ต ย กองบญั ชาการสูงสุดโดยนายพลแมคอาเธอร์แจง้ แก่นายกรัฐมนตรีชิเดฮะระของ ญ่ีปุ่นว่าการปฏิรูปรัฐธรรมนูญเป็นภาระสาคัญท่ีสุดประการหน่ึงที่รัฐบาลญี่ปุ่น ควรปฏบิ ัติ นายกรัฐมนตรีชิเดฮะระจึงต้ังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขน้ึ มนี ายมะซโึ มโตะ โจจิ (Matsumoto Joji) ผู้เชีย่ วชาญดา้ นกฎหมายของญ่ปี นุ่ เป็นประธานคณะกรรมการ ดาเนินการร่างอยู่ราว 3 เดือน ในวันท่ี 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1946 คณะรัฐมนตรีได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญต่อกองบัญชาการ สูงสุด แต่ร่างรัฐธรรมนูญน้ียังมีความเป็นอนุรักษ์นิยมอยู่มาก ไม่แตกต่างจาก รัฐธรรมนูญเมจินัก และจักรพรรดิยังดารงฐานะสูงสุดทางการเมือง เน้ือหาของ รัฐธรรมนูญตรงข้ามกับคาประกาศปอร์ตสดัม คือ สถาบันจักรพรรดิยังดารง ฐานะสาคญั ทางการเมือง สทิ ธิมนษุ ยชนขนั้ พื้นฐานยงั ไมไ่ ดร้ ับการประกัน11 เมื่อ ญ่ีปุ่นร่างรัฐธรรมนูญออกมาเช่นนี้ นายพลแมคอาเธอร์จึงเข้าแทรกแซง เพราะ เกรงจะไม่ทันต่อการเลือกตั้งในอีก 2 เดือน โดยตั้งคณะทางานร่างรัฐธรรมนญู ของกองบัญชาการข้ึนใหม่ภายใต้การนาของพลเอกคอทนีย์ วิทนีย์ (Courtney Whitney) นายพลแมคอาเธอร์เสนอวา่ ตอ้ งคานงึ ถงึ พื้นฐาน 3 ประการในการรา่ ง รัฐธรรมนญู คอื 12
ศริ พิ ร ดาบเพชร| 203 1) จกั รพรรดเิ ปน็ ประมขุ ภายใต้รัฐธรรมนญู อานาจของจักรพรรดิถูกจากัด ลงและดารงอยใู่ นฐานะประมุขประเทศ 2) ญี่ปุ่นจะต้องไม่ก่อหรือเข้าสู่สงครามในอนาคต ส่วนการตัดสินใจสละ สิทธ์ิในการทาสงครามและการไม่มีกองทหารนั้นเกิดจากข้อเสนอของ นายกรัฐมนตรีชิเดฮาระท่ีเสนอต่อนายพลแมคอาเธอร์ โดยมี จุดมุ่งหมายเพ่ือให้ประเทศต่างๆ ในโลกรู้ว่าญี่ปุ่นไม่ประสงค์จะก่อ สงครามอกี 13 3) ญี่ปุ่นยกเลิกโครงสร้างระบบฟิวดัลท้ังหมด โดยจะไม่มีการแต่งต้ังขุน นางเพ่ิม และถ้ามีตาแหน่งอยู่ ให้ยกเลิกตาแหน่งเมื่อผู้ดารงตาแหน่ง สิ้นชวี ติ ลง และบรรดาขุนนางเหลา่ นี้จะไมม่ อี านาจการเมือง รัฐธรรมนูญฉบับน้ีร่างเสร็จภายในระยะเวลาสปั ดาห์เศษ เสนอนายพล แมคอาเธอร์ให้ความเห็นชอบ และส่งให้ผู้แทนคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นอีกคร้ัง เพ่ือแก้ไข และมีการประชุมร่วมกันระหว่างฝ่ายญ่ีปุ่นกับฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่ง ผู้แทนคณะรัฐมนตรีญ่ีปุ่นมีเวลาจากัดในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ จึงกล่าว ได้ว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้เป็นไปตามความต้องการของนายพลแมคอาเธอร์ เม่ือ คณะกรรมการทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้วจึงมีการจัดทารัฐธรรมนูญเป็น ภาษาองั กฤษและภาษาญ่ีป่นุ ให้จกั รพรรดิลงพระนามและประกาศใช้ในวนั ที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1946 และใหม้ ีผลบังคับใช้ในวนั ที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1947 สาระสาคัญของรัฐธรรมนูญโชวะ ประกอบด้วย 11 หมวด 103 มาตรา14 บทบญั ญัติสาคญั คอื 1) สถาบันจกั รพรรดิเป็นเพยี งสัญลกั ษณข์ องประเทศ (มาตรา 1)
204 | ญปี่ ุ่นกบั การสรา้ งจักรวรรดินยิ ม 2) ญ่ีปุ่นจะเป็นชาติท่ีไม่มีกองทัพบก เรือ อากาศ (มาตรา 9) โดย รัฐธรรมนูญระบุว่า “ประชาชนชาวญ่ีปุ่นประกาศสละสิทธิการทา สงครามในฐานะเป็นสิทธิแห่งอานาจอธิปไตยของชาติ” ซ่ึงเป็น ขอ้ ความผูกมดั ไม่ใหญ้ ป่ี ุ่นมกี องทัพ15 3) ประชาชนมีความเท่าเทียมกันทางกฎหมาย มีสิทธิเสรีภาพขั้น พ้ืนฐาน เช่น สิทธิการเลือกต้ัง การแสดงความคิดเห็น การนับถือ ศาสนา การประกอบอาชีพ การชุมนมุ รัฐธรรมนูญโชวะได้เปล่ียนแปลงพื้นฐานแนวคิดทางการเมืองของ รัฐบาลญี่ปุ่นหลายประการ ข้อแตกต่างสาคัญระหว่างรัฐธรรมนญู เมจิ ค.ศ.1889 กับ รัฐธรรมนญู โชวะ ค.ศ. 1947 สรุปได้ดงั นี้ 1) สถาบันจักรพรรดิ รัฐธรรมนูญเมจิ ระบุว่า “รัฐธรรมนูญให้อานาจ สิทธขิ์ าดไว้กับองคจ์ กั รพรรดิ เน่อื งจากทรงสืบเช้อื สายมาจากสรุ ิยเทพ” ส่วนรัฐธรรมนูญโชวะ ระบุว่า จักรพรรดิมีฐานะเป็นสัญลักษณ์ของ ประเทศ เป็นศูนย์รวมจติ ใจของประชาชน “จักรพรรดิจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ตามความเห็นของสภา และจะแต่งต้ังหัวหน้าศาลสูงสุด ตามความเห็นของ คณะรัฐมนตรี” แสดงให้เห็นว่าอานาจการปกครองท่ีแท้จริงมาจากการเลือกต้ัง การปกครองในระบอบกษัตรยิ ์อยูภ่ ายใต้รัฐธรรมนญู เป็นไปแบบเสรนี ิยม อานาจ ในการปกครองเป็นของประชาชนส่วนใหญ่ รัฐสภาคือองค์กรสูงสุดของ ประเทศ16 2) รัฐสภา รัฐธรรมนูญเมจิมี 2 สภา คือ สภาสูง และ สภา ผู้แทนราษฎร สมาชิกของสภาสูงมาจากสมาชิกของขุนนางราชสานัก คณะผู้ แทนทีไ่ ด้รับการเลอื กต้ังจากจักรพรรดิ
ศิรพิ ร ดาบเพชร| 205 รัฐธรรมนูญโชวะ ระบุว่า รัฐสภาเป็นองค์กรสูงสุด อานาจแห่ง รัฐธรรมนูญเป็นองค์กรบัญญัติกฎหมายแห่งเดียวของรัฐ รัฐสภาประกอบดว้ ย 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ท้ัง 2 สภามาจากการเลือกต้ัง คุณสมบัติของสมาชิกทั้ง 2 สภา และคุณสมบัติของผู้มีสิทธ์ิเลือกตั้งถูกกาหนด ไว้ในกฎหมาย ผู้แทนอยู่ในตาแหน่งคราวละ 4 ปี สภามีสิทธิยุบก่อน 4 ปี วุฒิสภา 6 ปี และมกี ารเลือกตัง้ ครึง่ หนงึ่ ของสมาชิกทกุ 3 ปี 3) คณะรัฐมนตรี รัฐธรรมนญู เมจิคณะรัฐมนตรีไม่ต้องรับผิดชอบต่อ รัฐสภา แต่รับผิดชอบต่อจกั รพรรดิ รัฐธรรมนูญโชวะ ระบุว่า คณะรัฐมนตรีมี อานาจสูงสุดทางการบริหาร ประกอบด้วยรัฐมนตรีเป็นหัวหน้า รัฐมนตรีต้อง เป็นพลเรือน ในการใช้อานาจบริหารให้คณะรัฐมนตรีรับผิดชอบร่วมกัน นายกรัฐมนตรีได้รบั เลือกจากสภา 4) ตลุ าการ รฐั ธรรมนญู เมจิ อานาจตลุ าการมาจากจกั รพรรดิ ส่วนรฐั ธรรมนูญโชวะ ระบวุ ่า อานาจตุลาการเปน็ อสิ ระจากฝ่ายบรหิ าร ศาลสงู มี สิทธิพจิ ารณาวา่ รา่ งกฎหมายตา่ งๆ สอดคล้องกบั รฐั ธรรมนูญหรือไม่17 5) การปกครองท้องถ่ิน รัฐธรรมนูญเมจิไม่มีระบุไว้ ส่วน รฐั ธรรมนญู โชวะระบวุ า่ รัฐบาลท้องถิน่ มีอานาจและอิสระในการบริหารงาน การ สรา้ งกฎเกณฑใ์ นการบริหารงานท้องถนิ่ พฒั นาการทางการเมอื งชว่ งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญโชวะ การดาเนินการเลือกตั้ง การปฏิรูปการเมืองที่กองบัญชาการสูงสุด พยายามทากับญ่ีปุ่น คือ ผลักดันให้มีการเลือกตั้งข้ึน โดยเสนอให้รัฐสภาญ่ีปุ่น ออกกฎหมายเลือกตั้งใหม่ ให้สตรีมีสิทธิลงคะแนน และการท่ีกองบัญชาการ
206 | ญป่ี ุ่นกับการสร้างจกั รวรรดนิ ยิ ม สงู สุดไดอ้ อกพระราชบัญญตั ิประกนั สิทธิเสรภี าพของประชาชนเมือ่ ตุลาคม ค.ศ. 1945 มีส่วนช่วยกระตุ้นกิจกรรมการเมือง มีพรรคการเมืองเข้ามาหาเสียงจาก ประชาชน เช่น พรรคคอมมิวนิสต์ประกาศนโยบายแก้ปัญหาขาดแคลนอาหาร ควบคุมราคาสินค้า เพิ่มค่าจ้างแรงงาน ยึดอุตสาหกรรมพื้นฐานท้ังหมดที่เป็น ของรัฐ และยกเลกิ การยึดครองญ่ปี ุ่น พรรคเสรปี ระชาธิปไตย (LPD) มีนโยบาย ยึดธนาคารและอุตสาหกรรมตา่ งๆ เขา้ เปน็ ของรัฐ แก้ปญั หาขาดอาหาร ควบคมุ ราคาสนิ คา้ เพ่มิ คา่ แรง พรรคเสรนี ยิ มมแี นวอนุรกั ษ์นยิ ม เน้นเศรษฐกจิ เสรี นิยม ส่งเสรมิ ใหส้ ตรมี ีสทิ ธิเลือกตงั้ การเลือกต้ังทั่วไปครั้งที่ 1 จัดขึ้นในเดอื นเมษายน ค.ศ. 1946 นายโย ชิดะ ชิเงรุ (Yoshida Shigeru, ค.ศ. 1946– 1947 และ 1948-1954) ได้เป็น นายกรัฐมนตรี ต้ังรัฐบาลผสมระหว่างพรรคเสรีนิยมและพรรคก้าวหน้า ต่อมา เม่ือรัฐธรรมนูญโชวะบังคับใช้ในวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1947 จึงได้จัดการ เลือกตั้งครั้งท่ี 2 ข้ึน ซึ่งพรรคสังคมนิยมชนะการเลือกตั้ง แต่คะแนนเสียงไม่ ขาด จึงมีการต้ังรัฐบาลผสม มีนายคะตายามะ เท็ตสึ เป็นนายกรัฐมนตรี 9 เดอื น ใน ค.ศ. 1948 นายโยชิดะ ขึ้นเป็นนายกรฐั มนตรีครงั้ ท่ี 2 ปัญหาการปลดพวกหัวรุนแรง ก่อนหน้าท่ีรัฐธรรมนูญโชวะจะมีผล บังคับใช้ในกลาง ค.ศ.1947 กองบัญชาการสูงสุดของฝ่ายพันธมิตรได้ขยาย มาตรการปลดเจ้าท่ีที่นิยมทหารออกจากตาแหน่งในระดับรัฐบาลท้องถ่ิน วงการอุตสาหกรรมและการเงินขนาดใหญ่ ผู้มีอิทธิพลในฝ่ายสื่อสารมวลชน ทาให้รัฐบาลญ่ีปุ่นมีคาส่ังปลดและกีดกันบุคคลท่ีเคยสนับสนุนพวกชาตินิยมหัว รุนแรงและสนับสนุนการทาสงคราม ออกจากตาแหน่งหน้าที่ในหนว่ ยงานระดบั ทอ้ งถ่นิ 18
ศริ พิ ร ดาบเพชร| 207 การกาจัดพวกชาตินิยมหัวรุนแรงด้านเศรษฐกิจมีมากกว่าบุคคลสาขา อ่ืนๆ เพราะเจ้าหน้าที่ฝ่ายยึดครองมีความเห็นว่ากลุ่มไซบะสึต้องรับผิดชอบต่อ การรุกรานต่างประเทศของทหารนิยมญ่ีปุ่น ทาให้มีผู้ถูกปลดท้ังผู้บริหาร ระดับสูง ผู้อานวยการ เจ้าหน้าท่ีท่ีมีอิทธิพลในบรษิ ัทตา่ งๆ ซ่ึงแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ บริษัทของรัฐบาล เช่น ธนาคารแห่งญี่ปุ่น บริษัทที่มีกิจการใน ดินแดนท่ีญี่ปุ่นยึดครอง และบริษัทของกลุ่มผูกขาดหรือไซบะสึ รวมทั้งยึด ทรัพย์สินของบุคคลเหล่านี้19 อย่างไรก็ตาม การกาจัดพวกชาตินิยมหัวรุนแรง ของกองบัญชาการสูงสดุ ของฝ่ายพันธมิตรเป็นไปโดยฝ่ายญี่ปุ่นไมเ่ ห็นชอบดว้ ย ทั้งหมด ทาให้เกิดปัญหาความยุ่งยาก ไม่ยุติธรรมแก่ผู้ถูกปลดจานวนมาก ทา ให้โครงการนี้ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ต่อมาจึงมีการลบรายช่ือผู้ถูกปลด ออกเปน็ จานวนมาก การเคล่อื นไหวของกลุ่มแรงงาน ปญั หาเศรษฐกิจตกต่าหลังสงคราม ท่ีเกิดขึ้นทาให้ปัญหาของกรรมกรมีมากข้ึน พรรคคอมมิวนิสต์จึงเป็นผู้นา เรียกร้องให้มีการกาหนดค่าแรงข้ันต่า ให้ยกเว้นภาษีแก่ผู้มีรายได้ต่า และเพิ่ม ค่าแรงให้กรรมกร ต่อมากรรมกรประมาณแสนห้าหมื่นคนไปชุมนุมกันท่ีกรุง โตเกียว เรียกรอ้ งใหน้ ายกรัฐมนตรโี ยชดิ ะลาออก และประกาศจะนดั หยดุ งานทั่ว ประเทศในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1947 แต่ SCAP ได้เข้าแทรกแซงไม่ให้มี การนัดหยุดงาน และในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1948 SCAP ออกกฎห้าม ข้าราชการพลเรือนหยุดงาน ในปีต่อมาได้แก้กฎหมายสหภาพแรงงานเพ่ือ จากัดกิจกรรมทางการเมอื งของสหภาพท่ีมมี ากขึ้นและร้ือฟนื้ ข้อบังคับการกวาด ลา้ งข้ึนมาใหม่ ท่เี ปน็ เชน่ นเ้ี พราะ SCAP ต้องการควบคมุ ไม่ให้สหภาพกรรมกร ซ่งึ ได้รบั การสนบั สนุนจากพรรคคอมมิวนสิ ตญ์ ปี่ นุ่ ขยายบทบาททางการเมือง
208 | ญ่ปี นุ่ กับการสรา้ งจักรวรรดินยิ ม การเติบโตของฝ่ายอนุรักษ์นิยมในญี่ปุ่น หลังจากท่ีพรรค คอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นมีบทบาทน้อยลงเพราะความล้มเหลวจากแผนการนัดหยุด งานท่ัวประเทศใน ค.ศ. 1947 และ SCAP มีมาตรการควบคุมการเคล่ือนไหว ของกรรมกรมากขึ้น ทาให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมในญี่ปุ่นมีบทบาทมากข้ึน ตัวแทน จากฝ่ายอนุรักษ์นิยมพรรคต่างๆ ผลัดกันข้ึนดารงตาแหน่งนายกรัฐมนตรี และ ต้ังแต่ ค.ศ. 1950 SCAP ได้ลดการแทรกแซงทางการเมืองของญ่ีปุ่นลงตาม นโยบายของนายพลแมคอาเธอร์ที่ต้องการให้ญ่ีปุ่นบริหารประเทศด้วยตนเอง ทาให้การโจมตีรัฐบาลวา่ ถูก SCAP ควบคุม ลดนอ้ ยลงด้วย พรรคคอมมิวนิสต์ญ่ีปุ่นนั้นได้รับการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์ จีน และเมอื่ พรรคคอมมิวนิสต์จีนเริ่มมีชยั ชนะในหลายพื้นทต่ี ั้งแต่ ค.ศ. 1948 จงึ มีส่วนส่งเสริมความมั่นคงของพรรคคอมมิวนิสต์ญ่ีปุ่นด้วย เห็นได้จากการ เลือกต้ังเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 1949 ตัวแทนพรรคคอมมิวนิสต์ญ่ีปุ่นได้รับ เลือกเข้ามาในสภาผู้แทนราษฎรถึง 35 คน จากสมาชิก 467 คน20 แต่รัฐบาล อนุรักษ์นิยมพยายามควบคุมอิทธิพลพรรคคอมมิวนิสต์โดยมี SCAP สนับสนุน รัฐบาลอนุรักษ์นิยมออกมาตรการการใช้แรงงานใหม่โดยยึดตามมาตรฐานของ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ ต้ังกระทรวงแรงงาน และกาจัดพวก คอมมวิ นิสต์ท่คี วบคมุ ฝา่ ยบริหารของสหพันธแ์ รงงานต่างๆ ขณะที่พรรคคอมมิวนสิ ต์จนี ประสบความสาเรจ็ ในการปฏวิ ัติจีน แต่ใน ญี่ปุ่นพรรคคอมมิวนิสต์กลับมีบทบาทน้อยลง SCAP พยายามทาให้ประชาชน เส่ือมศรัทธาในพรรคคอมมิวนิสต์ เช่น ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1950 นายพล แมคอาเธอร์ส่ังให้รัฐบาลญ่ีปุ่นห้ามสมาชิกคณะกรรมการกลางของพรรค คอมมิวนิสต์ญี่ปุ่นและคณะกรรมการบริหารหนังสือพิมพ์รายวันของพร รค
ศิริพร ดาบเพชร| 209 คอมมิวนิสต์เข้ายุ่งเก่ียวกับการเมือง ทั้งการพูด การเขียนในที่สาธารณะ การ ทางานในหนว่ ยงานของรฐั บาล ทาใหพ้ วกคอมมวิ นสิ ต์ต้องหลบซ่อนตวั และถูก กนั ออกไปจากวงการเมอื ง ความก้าวหน้าของประชาธิปไตยและพรรคการเมืองสาคัญ รัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1947 ให้ความสาคัญกับความเป็นประชาธิปไตย และสถาบัน สภาผู้แทนราษฎรซ่งึ ได้กลายเป็นสถาบันทางการเมืองที่มีอานาจสูงสุด เพราะมี อานาจในการกาหนดตัวบุคคลในการจัดต้ังรัฐบาล ทาให้ผู้ท่ีต้องการเข้าบริหาร ประเทศได้เคล่ือนไหวจัดตั้งพรรคการเมืองข้ึน เพื่อนาไปสู่การเป็นรัฐบาล ใน ระยะแรกของการรณรงค์ประชาธิปไตยญ่ีปุ่นมีพรรคการเมืองตั้งขึ้นกว่า 300 พรรค แต่เมื่อเข้าสทู่ ศวรรษ 1950 หลายพรรคได้สลายตัวไป และบางพรรคยุบ รวมกนั พรรคการเมืองสาคัญของญี่ปุ่น เช่น 1) พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ จูมินชูโต (Liberal Democratic Party – LDP) ตั้งข้ึนเม่ือ ค.ศ. 1955 จากการรวมกันของพรรคเสรีนิยมและพรรค ประชาธิปไตยซ่ึงเป็นพรรคอนุรักษ์นิยม พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยได้เป็น พรรครัฐบาลเกือบทุกสมัย มีเพียงไม่ก่ีสมัยท่ีเป็นรัฐบาลผสม แต่ไม่นาน พรรค เสรีประชาธิปไตยก็กลับมาครองเสียงข้างมากเป็นรัฐบาลพรรคเดียว หรือ บางคร้ังเป็นรัฐบาลผสมที่พรรคเสรีประชาธิปไตยมีเสียงข้างมาก พรรคเสรี ประชาธิปไตยมีนโยบายอนุรักษ์นิยม ฐานเสียงคือข้าราชการ เกษตรกร เจา้ หน้าทีบ่ ริษัทอุตสาหกรรมและรัฐวิสาหกิจ นโยบายสาคญั ของพรรค คือ การ รักษาและพัฒนาประชาธิปไตย ระบอบรัฐสภา ต่อต้านเผด็จการ การเคารพและ สนับสนุนสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลและกฎของสังคม และการรักษาเอกราช อธิปไตยและสง่ เสรมิ การเปน็ รัฐสวสั ดิการ
210 | ญปี่ นุ่ กับการสร้างจกั รวรรดินยิ ม 2) พรรคสังคมนิยมญ่ีปุ่น (Japan Socialist Party) ตั้งข้ึนเมื่อ ค.ศ. 1945 เน้นเศรษฐกิจสังคมนิยม ไม่ต้องการทาสนธิสัญญาความม่ันคงกับ สหรัฐอเมริกา ฐานเสียง คือ กรรมกรกับสหภาพ เดิมพรรคยึดนโยบายแน่วแน่ รุนแรง แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน จึงลดความรุนแรงลง และเปลี่ยน นโยบายใหท้ นั กับเหตกุ ารณ์มากขน้ึ 3) พรรคโคเมโตะ (Komeito Party) ตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1946 ผู้ก่อตั้งเป็น ผู้นานิกายนิชิเรน ในนามสมาคมโซกะ งักไค (สมาคมสร้างสรรค์คุณธรรม) มี นโยบายสายกลาง นโยบายของพรรคโคเมโต คอื ให้มรี ัฐบาลที่ซอื่ สตั ย์ มีความ รับผิดชอบต่อเยาวชน ส่งเสรมิ สนั ติภาพของโลกดว้ ยภราดรภาพ ไม่สนบั สนนุ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้ลดกาลังของกองกาลังป้องกันตนเองลง พรรคนี้ พยายามเผยแพรน่ โยบายไปสชู่ นชั้นกลางและกรรมกร ซ่ึงได้ผลดี โดยมีสมาชกิ เพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว ใน ค.ศ. 1969 แยกตัวจากสมาคมและปรับนโยบายแยก จากศาสนาอยา่ งเดด็ ขาด 4) พรรคคอมมิวนิสต์ญป่ี ่นุ (Japan Communist Party) ตั้งขึ้นเมอื่ ค.ศ. 1922 เดิมมีนโยบายปฏิวัติอย่างรุนแรง แต่หลังสงครามโลกคร้ังที่ 2 มีนโยบาย ใหม่ คือ ปฏิวัติโดยสันติวิธี หลังวิกฤติการณ์น้ามันในทศวรรษ 1970 พรรค คอมมิวนิสต์หันมาใช้นโยบายเน้นการไม่พึง่ ชาติอ่ืน แต่เป็นมิตรกับทุกชาติ และ คัดคา้ นการขยายกองกาลังป้องกนั ตนเอง นโยบายปฏิรูปเศรษฐกจิ ปัญหาเศรษฐกิจของญ่ีปุ่นหลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 คือ การขาดแคลน เครื่องอุปโภค เศรษฐกิจโดยรวมล้มละลายและเศรษฐกิจญ่ีปุ่น พ่ึงพาผลผลิต
ศิริพร ดาบเพชร| 211 ทางทหารอยู่มาก ไม่เป็นประชาธิปไตย กองบัญชาการสูงสุดของฝ่าย สัมพันธมิตรจงึ ดาเนินการปฏริ ปู เศรษฐกิจ ท่ีสาคญั คอื การสลายกลุ่มไซบะสึ ในเดือนตุลาคม ค.ศ.1945 กองบัญชาการ สูงสุดของฝา่ ยสมั พนั ธมิตรส่ังอายัดทรัพยส์ นิ ของกลุม่ ไซบะสึ 15 กลุม่ ทค่ี รอบงา เศรษฐกิจญ่ีปุ่น เช่น มิตซุย มิซูบิชิ ซึมิโมโตะ ยาซุดะ ในปีต่อมามีการจัดตั้ง คณะกรรมการสลายบริษัทผู้ถือหุ้นเพื่อขจัดอิทธิพลไซบะสึ จากัดบทบาท สมาชิกสาคัญตระกูลไซบะสึจานวน 56 คน ยึดทรัพย์และขายทอดตลาด ใน ค.ศ. 1947 รัฐบาลออกกฎหมายห้ามผูกขาด ห้ามบริษัทต่างๆ รวมตัวหรือทา ข้อตกลงทีจ่ ะเข้าไปควบคมุ การค้า21 การปฏิรูปที่ดิน ในยุคก่อนสงครามชาวนาส่วนใหญ่ไม่มีท่ีดินทากิน ของตนเองต้องจ่ายค่าเช่าสูง ทาให้ชาวนายากจนตกอยู่ในอิทธิพลของเจ้าของ ท่ดี นิ ชาวนาจานวนมากต้องหันไปรับจ้างเป็นกรรมกรได้รับคา่ จา้ งต่า ทาให้การ ซื้อในประเทศต่า ญี่ปุ่นจึงมุ่งขยายตลาดต่างประเทศ จนนาสู่การรุกราน กองบัญชาการสูงสุดจึงมุ่งปฏิรูปที่ดินเพ่ือแก้ปัญหา ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1946 รัฐบาลสมัยนายโยชิดะ ชิเงรุเสนอกฎหมายปฏิรูปท่ีดินที่ทาขึ้นภายใต้การ ควบคมุ ของกองบัญชาการของฝา่ ยสมั พันธมิตร โดยมีเป้าหมายเพ่ือให้ชาวนามี ท่ีดินทากินของตนเองและบังคับให้เจ้าของที่ดินท่ีไม่ได้ทาการเกษตรเองขาย ท่ดี นิ ส่วนใหญใ่ หก้ ับรัฐบาล ข้อกาหนดสาคัญของกฎหมายปฏิรูปที่ดินมีดังนี้ ผู้ไม่ทาการเกษตรถือ ครองที่ดินได้เพียง 2.5 เอเคอร์ หรือ 6.25 ไร่ (1 เอเคอร์ เท่ากับ 2.5 ไร่) ผู้เช่า ท่ีดินทาการเกษตรมีสิทธิซ้ือท่ีดินโดยผ่านชาระ 30 งวดในอัตราดอกเบ้ียต่า คือ ร้อยละ 3.2 ต่อปี หรือผ่อนส่งภายใน 24 ปี เกษตรกรที่เช่าท่ีดินจะเสียค่าเช่า
212 | ญปี่ ุ่นกบั การสร้างจักรวรรดนิ ยิ ม ท่ีดินไม่เกินร้อยละ 25 ของผลผลิตที่ได้ ที่ดินที่รัฐบาลซ้ือไว้จะจาหน่ายให้แก่ผู้ เพาะปลูกในที่ดินนั้น การปฏิรูปเสร็จส้ินใน ค.ศ. 1950 และมีผลน่าพอใจเพราะ ทาให้พ้ืนที่การเพาะปลูกแบบเช่าท่ีลดลงมาก เกษตรกรมีท่ีดินเพ่ิมขึ้นร้อยละ 9022 ชาวนาประมาณ 3 ล้านคน มีท่ีดินเป็นของตนเอง23 ปัญหาเร่ืองการเช่า ทดี่ นิ และชนชั้นเจ้าที่ดินหมดไป การปฏิรูปอุตสาหกรรม กองบัญชาการของฝ่ายสัมพันธมิตรเห็นว่า กลุ่มไซบะสึเป็นปัจจัยสาคัญประการหนึ่งท่ีไม่เอื้อต่อการพัฒนาประชาธิปไตย จงึ ดาเนินการปฏริ ูปดว้ ยการดาเนนิ การดังน้ี 1) ออกกฎหมายรองรบั การเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงาน คุม้ ครอง กรรมกรเร่ืองสิทธิการรวมตัว สิทธิต่อรองเป็นกลุ่ม สิทธิการนัด หยุดงาน (ค.ศ.1945) 2) ทาลายกลุ่มผูกขาดทางธรุ กิจ โดยต้ังคณะกรรมการตรวจสอบผ้ถู ือ หุ้นเพ่ือสลายอิทธิพลของไซบะสึ (ค.ศ.1946) ยุบบริษัทถือหุ้น 10 แหง่ กลุ่มอตุ สาหกรรมขนาดใหญ่ 26 แห่ง กระจายห้นุ ประมาณ 600 แห่งใหป้ ระชาชน 3) ออกกฎหมายต่อต้านการผูกขาด และกฎหมายขจดั การรวมอานาจ ทางเศรษฐกิจทเี่ กินควร (ค.ศ.1947) ใน ค.ศ. 1947 กฎหมายมาตรฐานแรงงานได้รับการประกาศใช้ โดย กาหนดเงื่อนไขขั้นต่าของการทางาน (8 ชั่วโมงต่อวัน) กาหนดให้ป้องกันความ ปลอดภัยสุขภาพอนามยั จา่ ยค่าชดเชย ดูแลสภาพการทางานของเดก็ และสตรี ทาให้กรรมกรเข้าร่วมสหภาพจากร้อยละ 0 ใน ปี 1945 เพ่ิมเป็นร้อยละ 50 -
ศิรพิ ร ดาบเพชร| 213 60 ใน ค.ศ. 1948 -49 และกรรมกรไดร้ ่วมมือกับพรรคฝ่ายซ้ายพรรคสังคมนยิ ม และพรรคคอมมวิ นิสต์ ระยะแรกกองบัญชาการสูงสุดสนับสนุนสหภาพแรงงาน แต่ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1947 มีการนัดหยุดงานทั่วประเทศ กองบัญชาการฯ จึงเข้า แทรกแซงและกดดันสหภาพ ออกกฎหมายห้ามลูกจ้างของรัฐนดั หยุดงาน ยอม ให้มีการปลดคนงานโดยอาศยั เรื่องการเมือง ทาให้สหภาพกรรมกรที่อยู่ภายใต้ การนาของฝ่ายซ้ายเส่ือมลง นอกจากนี้หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีชัยชนะ ในสงครามกลางเมืองและได้ปกครองประเทศจีนใน ค.ศ. 1949 ทาให้ สถานการณ์คอมมิวนิสต์แพร่ขยาย ดังน้ัน SCAP จึงมุ่งปฏิรูปเศรษฐกิจญ่ีปุ่น มากข้ึน เพือ่ หวังสกดั กน้ั การขยายอิทธพิ ลของสหภาพโซเวียต ผลของการปฏิรูปทาให้วงการธุรกิจเป็นประชาธิปไตยเสรี และ กองบัญชาการสูงสุดเร่ิมเปลี่ยนแปลงนโยบายเพราะสถานการณ์คอมมิวนิสต์ แพร่ขยาย จึงมุ่งปฏิรูปญ่ีปุ่นด้านเศรษฐกิจเพื่อหวังสกัดกั้นการขยายอิทธิพล ของสหภาพโซเวียต นโยบายการปฏริ ูปสังคม การปฏิรูปการศึกษา มีการดาเนินการเพื่อเปลี่ยนแปลงปรัชญา การศึกษาเพ่ือรัฐ มาเป็นการศึกษาที่เยาวชนเลือกเรียนตามประสงค์ โดย SCAP ส่ังการให้กระทรวงศึกษาธิการปรับวิธีการสอนและเน้ือหา เปลี่ยน แบบเรียนที่เน้นความจงรักภักดีและสังคมเพ่ือรัฐ เป็นการสอนเรื่องสันติภาพ และประชาธิปไตย หนังสือเรียนช่วงก่อนสงครามถูกยกเลิก ยกเลิกวิชาที่ เก่ียวกับชาตินิยม การศึกษาวิชาทหารและความเช่ือในสมัยสงคราม เพิ่มวิชา
214 | ญ่ีปนุ่ กับการสรา้ งจกั รวรรดนิ ยิ ม หน้าท่ีพลเมือง การเรียนในแต่ละวันไม่ต้องทาท่าการแสดงความเคารพ จกั รพรรดิ (บนั ไซ) เหมือนท่ีเคยทามาตง้ั แต่สมัยเมจิ ใน ค.ศ. 1946 สหรัฐอเมริกาแนะนาให้ปรับระบบการศึกษาแบบ สหรัฐอเมริกา คือ ให้ส่วนท้องถิ่นจัดการบริหารการศึกษาเอง ใน ค.ศ. 1947 ขยายการศึกษาภาคบังคับเป็น 9 ปี มีระบบการศึกษาคือ ประถมศึกษา 6 ปี : มธั ยมต้น 3 ปี : มัธยมปลาย 3 ปี : อดุ มศกึ ษา 4 ปี ให้นกั เรยี นเลอื กเรียนตาม ความต้องการ ระบบมหาวิทยาลัยขยายตัวมากขึ้นท้ังของรัฐบาลและเอกชน และเปล่ียนช่ือมหาวิทยาลัยโดยตัดคาว่า Imperial ออกจากชื่อมหาวิทยาลัย หลายแห่ง เชน่ มหาวิทยาลยั Tokyo Imperial เปน็ มหาวิทยาลัย Tokyo รวมท้งั มมี หาวทิ ยาลัยสาหรับสตรโี ดยเฉพาะดว้ ย24 การเปล่ียนแปลงด้านศาสนา มีการยกเลิกการกาหนดให้ศาสนา ชินโตเป็นศาสนาประจาชาติ ห้ามทางการอุดหนุนศาสนา ห้ามใช้ศาสนาชินโต ปลุกระดมประชาชนให้รุกรานผู้อ่ืน ยกเลิกการสอนศาสนาชินโตในสถาบันใน ลักษณะการโฆษณาชวนเชื่อ ห้ามใช้ศาสนาในเรื่องการเมือง ทุกศาสนาเท่า เทียมกันทางกฎหมาย ห้ามตีพิมพ์จาหน่าย แจกจ่ายหนังสือหลักพื้นฐาน โครงสร้างรัฐ เลิกใช้คาว่าโลกท้ังหมดภายใต้หลังคาเดียวกัน ยุติความเชื่อว่า จักรพรรดิญปี่ ่นุ สงู ส่งกว่าประมุขประเทศอื่น การเปล่ียนแปลงฐานะสตรี ในสมัยน้ีฐานะในสังคมของสตรีได้รับ การยกย่องให้เท่าเทียมบุรุษ สตรีมีสิทธิเลือกตั้ง มีมหาวิทยาลัยสตรี มีกิจกรรม ทางสังคม กจิ กรรมทางการเมือง และการต้งั องคก์ รสตรตี า่ งๆ มากข้ึน การใหส้ ทิ ธิเสรภี าพส่ือมวลชน การสง่ เสรมิ สทิ ธิเสรภี าพขั้นพ้นื ฐานเป็น เป้าหมายหลักของสหรฐั อเมริกา จึงส่งเสริมให้สือ่ มวลชนมีเสรภี าพในการแสดง
ศิรพิ ร ดาบเพชร| 215 ความเห็น การพิมพ์ แต่ระยะแรกสหรัฐอเมริกายังควบคุมในบางเร่ืองที่ เก่ียวกบั ความม่ันคงอยู่ 3. ญีป่ นุ่ ภายใต้การยึดครองช่วงที่ 2 ค.ศ. 1948 – 1952 ระหว่างน้ีสถานการณ์โลกและในเอเชียตะวันออกมีการเปลี่ยนแปลงที่ สาคัญ คอื ภาวะสงครามเยน็ ในเอเชียเพิม่ มากขนึ้ หลังจากทจ่ี นี แผน่ ดินใหญ่ตก อยู่ภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนใน ค.ศ. 1949 และใน ค.ศ. 1950 เกิดสงครามเกาหลี (ค.ศ. 1950 – 1953) ในคาบสมุทรเกาหลีซ่ึงถือเป็น สงครามตัวแทนคร้งั แรกในช่วงสงครามเย็น ประกอบกบั การเกดิ ภาวะเงินเฟอ้ ใน ญี่ปุ่น สาเหตุเหล่าน้ีทาให้สหรัฐอเมริกาเปลี่ยนนโยบายการปกครองญ่ีปุ่นโดยมี เป้าหมายทาให้ญ่ีปุ่นมั่นคงท้ังทางการเมืองและเศรษฐกิจ เพ่ือให้ญ่ีปุ่นเป็น พันธมติ รของสหรฐั อเมรกิ าในการตอ่ ต้านการขยายตัวของคอมมิวนิสตใ์ นเอเชยี ความสาคัญของญ่ีปุ่นต่อสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามเกาหลีมาจาก การท่ีญี่ปุ่นได้รับการปฏิรูปแล้ว และมีศักยภาพทางอุตสาหกรรมสูง ในช่วง สงครามญ่ปี ุน่ จึงมีความสาคัญต่อกองกาลังของสหประชาชาติในการรบทีเ่ กาหลี เพราะญี่ปุ่นเป็นแหล่งผลิตสินค้ายุทธปัจจัยให้สหรัฐอเมริกา ในด้านยุทธศาสตร์ ญ่ีปุ่นมีความสาคัญด้านความมั่นคงของสหรัฐอเมริกาในเอเชีย และญ่ีปุ่นช่วย สร้างเสถียรภาพในแปซิฟิกด้านตะวันตก25 ซ่ึงความสาคัญเหล่านี้ของญ่ีปุ่นทา ให้ญ่ปี นุ่ กลายเปน็ พันธมิตรหลักของสหรัฐอเมริกาในเอเชยี เม่อื สงครามเกาหลีเกดิ ขึ้น สหรัฐอเมริกาไดใ้ ช้ญี่ป่นุ เป็นฐานในการผลิต สินค้ายุทธปัจจัยและว่าจ้างบริการต่างๆ จากญ่ีปุ่นเพ่ือการสงคราม ระหว่าง
216 | ญป่ี นุ่ กับการสรา้ งจกั รวรรดนิ ยิ ม ค.ศ. 1951 – 1953 เงินที่สหรัฐอเมริกาใช้ในสงครามเกาหลีตกราว 2 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ ซ่ึงคิดเป็นร้อยละ 60 ของมูลค่าการส่งออกของญ่ีปุ่น26 ทาให้ เศรษฐกิจของญี่ปุ่นฟ้ืนตัวอย่างมาก การส่งออกและการผลิตเพิ่มข้ึน ทาให้ มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GNP) ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 ต่อปี การทญ่ี ปี่ ่นุ ไดป้ ระโยชน์ดา้ นเศรษฐกจิ จากสงครามและโยชิดะเหน็ การณ์ไกลด้าน เศรษฐกิจ (เรียกการเติบโตทางเศรษฐกิจว่า “ของขวัญจากพระเจ้า” (“a gift of the gods”) และนักธุรกิจญี่ปุ่นกล่าวถึงสงครามเกาหลีว่าเป็น “สายฝนจาก สวรรค์” (“blessed rain from heaven”)27 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลทางเศรษฐกิจ ของญี่ปุ่นจากสงครามเกาหลีว่านอกจากทาให้ญ่ีปุ่นฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างดี แล้ว ยังทาให้เศรษฐกิจญ่ีปุ่นเติบโตอย่างมากและเป็นพ้ืนฐานสาคัญของการ ขยายตัวทางเศรษฐกจิ ของญี่ป่นุ ต่อมา ในทศวรรษ 1950 เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเน่ือง ญี่ปุ่นซื้อ เทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกามาใช้ในภาคอุตสาหกรรมและซ้ือวัตถุดิบราคาถูก จากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ในช่วงสงครามโลกครั้งท่ี 2 ญี่ปุ่นได้สร้าง ประสบการณ์ท่ีเลวร้ายแก่ชนพื้นเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่การเป็น พั น ธ มิ ต ร กั บ ส ห รั ฐ อ เ ม ริ ก า ท า ใ ห้ ญี่ ปุ่ น ส า ม า ร ถ เ ข้ า ถึ ง ท รั พ ย า ก ร ใ น เ อ เ ชี ย ตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความสัมพันธ์ท่ีใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาในช่วงสงคราม เย็น28 ประกอบกับการที่สหรัฐอเมริกาสนับสนนุ ให้ญ่ีปุ่นเข้าเป็นสมาชิกองค์การ ระหวา่ งประเทศต่างๆ ชว่ ยใหญ้ ่ีปุ่นขยายตลาดท้ังในและนอกประเทศไดม้ ากขึน้
ศิรพิ ร ดาบเพชร| 217 นายโยชิดะ ชิเงรุ นายกรัฐมนตรีญี่ปนุ่ (ค.ศ. 1946– 1947 และ 1948-1954) (จาก Reischauer and Craig, 1978) ลัทธิโยชิดะ (Yoshida Doctrine) ในช่วงสงครามเกาหลี นายจอห์น ฟอสเตอร์ ดัลเลส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เรียกร้องให้ญ่ีปุ่นติดอาวุธอีกคร้ังเพื่อช่วยสหรัฐอเมริกา แต่นายโยชิดะ ชิเงรุ นายกรฐั มนตรีของญี่ป่นุ ไม่เห็นด้วย เขายนื ยันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 9 ที่ญ่ปี ุ่น จะไมม่ กี องทัพ อย่างไรกต็ าม การที่ญี่ปุ่นได้ประโยชนด์ ้านเศรษฐกจิ จากสงคราม และโยชิดะเห็นการณ์ไกลด้านเศรษฐกิจ ทาให้ญ่ีปุ่นตกลงให้สหรัฐอเมริกาต้ัง ฐานทัพในญี่ปุ่นต่อ ยินยอมให้ญี่ปุ่นมีกองกาลังทหารในขนาดจากัดเพื่อ แลกเปล่ียนกับการให้สหรัฐอเมรกิ าตกลงทาสญั ญาสันติภาพกับญี่ปุ่น นายโยชิ ดะได้ประกาศหลักการ 3 ประการ เป็นแนวทางเก่ียวกับนโยบายความมั่นคง ของญ่ีปุ่น เรียกกันว่า ลัทธิโยชิดะ ประกอบด้วย 1) การรักษาความเป็น พันธมิตรกับสหรัฐอเมริกาเพื่อประกันความมั่นคงของญี่ปุ่น 2) เน้น ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศเพ่ือช่วยสร้างความม่ันคงของ เศรษฐกิจภายในประเทศ 3) ญ่ีปุ่นจะหลีกเลี่ยงการเข้าไปมีส่วนพัวพันปัญหา ยุทธศาสตร์ต่างประเทศ29 นอกจากนี้ญี่ปุ่นจะมีกองกาลังขนาดย่อม พึ่งพา
218 | ญ่ีปุน่ กบั การสร้างจักรวรรดนิ ยิ ม สหรัฐอเมริกาในการป้องกันประเทศ โดยให้สหรัฐอเมริกาต้ังฐานทัพอากาศ เรือ บก เพื่อเปน็ หลักประกนั ความมั่นคงระยะยาวของญปี่ ุน่ 4. สนธสิ ญั ญาสนั ติภาพและเอกราชญ่ปี ุ่น นโยบายของสหรัฐอเมริกาท่ีจะทาสนธิสัญญาสันติภาพกับญี่ปุ่นมีข้ึน ต้ังแต่ต้น ค.ศ. 1947 ตามท่ีนายพลแมคอาเธอรไ์ ด้ประกาศว่าการยึดครองญปี่ ่นุ มี 3 ข้ันตอน คือ ทางทหาร การเมือง และเศรษฐกิจ ในขณะนั้นการยึดครอง ทางทหารเสร็จส้ินแล้ว และมีมาตรการป้องกันไม่ให้ญี่ปุ่นก่อสงครามอีกใน อนาคต การฟ้ืนฟูการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยก็ดาเนินไปแล้ว ส่วนการ ปฏิรูปเศรษฐกิจอยู่ระหว่างดาเนินการ ดังนั้นจึงควรเลิกการยึดครองญี่ปุ่นด้วย การทาสนธิสัญญาสันติภาพและให้ญ่ีปุ่นอยู่ภายใต้การดูแลขององค์การ สหประชาชาติ30 นายพลแมคอาเธอร์ย้าว่าสนธิสัญญาสันติภาพจะต้องเป็น ข้อตกลงที่ประกันสันตภิ าพ ไม่ใช่เป็นการลงโทษเหมือนสนธสิ ัญญาแวร์ซายส์ใน สงครามโลกคร้ังที่ 1 หลังจากน้ันจึงเร่มิ การประชุมกับญปี่ ุ่นเกย่ี วกับสนธิสัญญา สันติภาพตัง้ แตเ่ ดอื นกรกฎาคม ค.ศ. 1947 สหรัฐอเมริกาได้เชิญประเทศสมาชิกคณะกรรมการตะวันออกไกล มาร่วมประชุมด้วย แต่ผ่านไปเกือบ 6 เดือน ยังตกลงกันไม่ได้ ทาให้ สหรัฐอเมริกาเห็นว่าต้องดาเนินการเพ่ือให้ชาติอ่ืนเห็นว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศท่ีมี อิสระ มีความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและการเมืองเพ่ือสร้างความม่ันคงให้ญี่ปุ่น ต่อมาใน ค.ศ. 1949 เม่ือสถานการณ์การเมืองระหว่างโลกคอมมิวนิสต์กับ ประชาธิปไตยรุนแรงขึ้นทั้งในเอเชียและยุโรป สหรัฐอเมริกาและอังกฤษจึงตก
ศริ พิ ร ดาบเพชร| 219 ลงกันว่าจะต้องมีสนธิสัญญาสันติภาพแบบเสรีและต้องไม่ลงโทษญี่ปุ่น เพื่อให้ ญี่ปุ่นเข้ามาเป็นพันธมิตรของฝ่ายประชาธิปไตยและเป็นปราการป้องกันการ ขยายตัวของสหภาพโซเวียตในเอเชีย โดยญี่ปุ่นอนุญาตให้สหรัฐอเมริกามฐี าน ทพั ในญ่ปี ่นุ สว่ นสหรฐั อเมรกิ าจะป้องกนั ญปี่ นุ่ เป็นการแลกเปลีย่ น เม่ือสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหภาพโซเวียตทาสนธิสัญญา สันติภาพระหวา่ งกันในต้น ค.ศ. 1950 และเกิดสงครามเกาหลีในเดอื นมิถนุ ายน ค.ศ. 1950 ทาให้การทาสนธิสัญญาสันติภาพกับญี่ปุ่นกลายเป็นเร่ืองเร่งด่วน และจาเป็นมากข้ึน สหรัฐอเมริกาแต่งตั้ง นายจอห์น ฟอสเตอร์ ดัลเลส เป็น ตวั แทนไปเจรจากบั ประเทศพันธมติ รอ่นื ๆ ซึ่งมีบางประเดน็ ท่ียงั ตกลงกันไมไ่ ด้ เช่น สหภาพโซเวียต สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐจีน และประเทศใน เครือจักรภพไม่เห็นด้วยกับการท่ีสหรัฐอเมริกาจะเข้าปกครองหมู่เกาะริวกิว ส่วนออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และสหภาพโซเวียต คัดค้านท่ีสหรัฐอเมริกาจะไม่ เข้มงวดต่อการจัดต้ังกองทัพญี่ปุ่นข้ึนใหม่ในอนาคต31 รวมท้ังสหภาพโซเวียต ต้องการให้สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นตัวแทนของจีนไม่ใช่สาธารณรฐั จีน แต่ สหรัฐอเมริกาปฏเิ สธ ระหวา่ งท่ีการเจรจาดาเนินอยนู่ นั้ ในวนั ท่ี 11 เมษายน ค.ศ. 1951 นาย พลแมคอาเธอร์ ถกู ปลดออกจากตาแหน่ง นายพลแมทธิว รดิ จ์เวย์ เขา้ มาดารง ตาแหนง่ แทน นโยบายให้เอกราชญีป่ ุน่ ยังคงดาเนินต่อไป ในการดาเนนิ การทา สนธิสัญญาสันติภาพน้ีรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกาเจรจากับประเทศ ต่างๆ โดยสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ ณ ซานฟรานซิสโก และมีการลงนามใน วันท่ี 8 กันยายน ค.ศ.1951 ประเทศพันธมิตร 55 ประเทศ ที่เคยประกาศ สงครามกับญ่ีปุ่นได้ร่วมประชุมสันติภาพท่ีเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
220 | ญีป่ นุ่ กบั การสรา้ งจักรวรรดินยิ ม กลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ภายใต้การนาของสหภาพโซเวียตไม่ยอมลงนามใน สนธิสัญญา จึงมีประเทศที่ลงนามรับรอง 48 ประเทศ สาระสาคัญของ สนธสิ ัญญาสันติภาพ ได้แก่ 1. ญ่ีปุ่นจะสมัครเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ โดยจะปฏิบัติตาม หลักการสหประชาชาติและยึดหลักสิทธิมนุษยชนและเสถียรภาพใน รัฐธรรมนญู 2. ฝ่ายพันธมิตรรับรองอธิปไตยของญ่ีปุ่นและญี่ปุ่นได้ดินแดนตามที่ ประกาศในคาประกาศปอรต์ สดมั 3. ญ่ีปุ่นรับรองเอกราชของเกาหลี สละสิทธิในเกาะฟอร์โมซา สะขะลินใต้ เพสคาดอเรส ครู ลิ 4. ญ่ีปุ่นยอมให้สหรัฐอเมรกิ าดแู ลหม่เู กาะรวิ กิว โบนนิ โวลคาโน 5. กองกาลังยึดครองญี่ปุ่นจะถอนออกไปภายใน 90 วัน หลังสนธิสัญญามี ผลบังคบั ใช้ 6. รัฐบาลญี่ปุ่นยอมให้กองกาลังต่างชาติตั้งฐานทัพอยู่ในญี่ปุ่นได้ โดยจะมี สนธิสัญญาความม่ันคงร่วมระหว่างสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่น เพื่อรักษา ความม่ันคงปลอดภัยในตะวันออกไกล เมื่อมีการให้สัตยาบันสนธิสัญญาสันติภาพในเดือนเมษายน ค.ศ. 1952 การยึดครองญี่ปุ่นจึงส้ินสุดลง ญ่ีปุ่นกลับมาเป็นชาติเอกราชอีกครั้ง แต่ยังคงมี ปัญหาตามมาเพราะมีสนธิสัญญาพิเศษระหว่างสหรัฐอเมริกากับญ่ีปุ่น คือ สนธิสัญญาความร่วมมือและมั่นคง (Treaty of Mutual Cooperation and Security between the United States and Japan) ซ่ึงระบุว่ารัฐบาลญี่ปุ่นยอม ให้มีกองทัพสหรัฐอเมริกาในญ่ีปุ่น โดยมีฐานทัพใหญ่อยู่ท่ีเกาะโอกินาวาทางใต้
ศริ พิ ร ดาบเพชร| 221 แม้ญี่ปุ่นจะไดเ้ อกราช แต่การมีกองทัพต่างชาติภายในประเทศทาให้เกิดกระแส ต่อต้าน ชาวญี่ปุ่นเห็นว่าการมีกองทัพต่างชาติอยู่ในประเทศทาให้ญ่ีปุ่นไม่มี อธิปไตยอย่างแท้จริง และญี่ปุ่นอาจเสีย่ งจากการตกเป็นเปา้ โจมตีจากฝ่ายตรง ข้ามสหรัฐอเมริกา ทาให้เกิดการต่อต้านสหรัฐอเมริกา และฐานทัพของ สหรัฐอเมริกาในญ่ีปุน่ การทาสนธิสัญญาความร่วมมือและมั่นคงระหว่างสหรัฐอเมริกากับ ญ่ีปุ่นทาให้ชาวญ่ีปุ่นต่อต้านอย่างหนกั เพราะสนธิสัญญาน้ไี ม่ไดร้ ะบวุ าระส้นิ สดุ และชาวญี่ปุ่นเห็นว่าการมีกองทัพต่างชาติอยู่ในประเทศเท่ากับว่าญ่ีปุ่นยังไม่มี อธิปไตยอย่างแท้จริง ดังนั้น หลังได้รับเอกราชเพียง 3 วัน กรรมกร นักศึกษา และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ได้รวมตัวกันในกรุงโตเกียวเรียกร้องให้ทหาร อเมริกันถอนออกจากญี่ปุ่น โจมตีนายกรัฐมนตรีโยชิดะที่ตกลงทาสนธิสัญญา กับสหรัฐอเมริกา รวมถึงเพ่ือต่อต้านการจากัดเสรีภาพทางวิชาการ การ เดินขบวนมีข้ึนภายใต้การ ช้ีนาขององค์การนั กศึกษา ที่มี พรร คคอมมิว นิ ส ต์ สนับสนุน และเกิดการปะทะกับตารวจจนได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ผู้นาใน ญ่ปี นุ่ หลายคนรวมถึงหนังสอื พมิ พ์ลงข่าวโจมตพี รรคคอมมวิ นสิ ต์ บางฉบบั เสนอ ให้ยุบพรรคคอมมิวนิสต์ รัฐบาลจึงออกกฎหมายต่อต้านการบ่อนทาลายใน เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1952 ให้อานาจคณะรัฐมนตรีที่จะห้ามกิจกรรมใดๆ ท่ี นาไปสู่การจลาจล ทาให้การเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกควบคุมมากข้ึน และ สนธิสญั ญาความมั่นคงร่วมนี้จะเปน็ ปัญหาในสังคมญปี่ ่นุ ต่อมา32
222 | ญ่ีปนุ่ กบั การสรา้ งจกั รวรรดนิ ยิ ม สรปุ ภายใต้การปกครองของสหรัฐอเมริการะหว่าง ค.ศ. 1945 – 1952 สหรัฐอเมริกาได้ฟื้นฟูญี่ปุ่นในหลายด้าน โดยในช่วงแรกเน้นเปล่ียนแปลงให้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่รักสันติ เป็นประชาธิปไตย มีการดาเนินการท่ีสาคัญ เช่น ประกาศใชร้ ฐั ธรรมนูญฉบับใหม่ กาหนดสถานะของจักรพรรดิใหส้ อดคล้องกับที่ เปน็ จรงิ คือเปน็ สญั ลักษณ์ของรัฐและความสามัคคีของประชาชน33 ทาลายระบบ ทหาร วางรากฐานเรื่องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพพื้นฐาน จัดต้ังระบบรัฐสภา ตามแบบของอังกฤษ สละสิทธกิ ารทาสงครามและการมกี องทัพของญปี่ นุ่ ภายใต้ภาวะสงครามเย็นที่ขยายตัวมากข้ึนสหรัฐอเมริกาจึงเน้นฟ้ืนฟู ญ่ีปุ่นให้มั่นคงทั้งการเมือง เศรษฐกิจ เพ่ือให้ญี่ปุ่นมีพื้นฐานการเมืองแบบ ประชาธิปไตยและเศรษฐกิจท่ีเข้มแข็ง โดยสหรัฐอเมริกาหวังให้ญ่ีปุ่นเป็น ปราการป้องกันคอมมิวนิสต์ในเอเชีย โดยการปฏิรูปเศรษฐกิจญ่ีปุ่นนั้นถือว่า เป็นการปฏิรูปที่มีผลระยะยาวและส่งผลสาคัญต่อญี่ปุ่น ใน ค.ศ. 1952 ญี่ปุ่นได้ เอกราชอย่างสมบูรณ์ แต่สนธิสัญญาความร่วมมือและมั่นคงระหว่าง สหรฐั อเมริกากับญ่ปี ุน่ ทาใหเ้ กดิ กระแสต่อต้านและเป็นปัญหามาจนปัจจุบนั
ศิริพร ดาบเพชร| 223 เชิงอรรถ 1 Andrew Gordon. (2014). op.cit. p.229 2 ฮวิ จ์ บอร์ตนั . (2526). เลม่ เดมิ . หนา้ 534 3 ดับเบิลยู จี. บิสลยี .์ (2543). เล่มเดิม. หนา้ 426 4 ฮิวจ์ บอร์ตนั . (2526). เลม่ เดิม. หนา้ 534 5 แหล่งเดมิ . หนา้ 531 และ ดับเบิลยู จ.ี บิสลีย์. (2543). เลม่ เดมิ . หน้า 426 6 Ibid. p. 230 7 Hugh Borton. (1970). op.cit. pp 474 - 476 8 สรุ างค์ศรี ตนั เสยี งสม. (2543). ญ่ีป่นุ บนเส้นทางมหาอานาจทางทหารสมู่ หาอานาจทาง เศรษฐกิจ (ทศวรรษท่ี 1860 – 1990). หน้า 61 9 Andrew Gordon. (2014). op.cit. p. 231 10 ดบั เบลิ ยู จี. บิสลยี .์ (2543). เล่มเดิม. หนา้ 432 11 ฮวิ จ์ บอรต์ นั . (2526). เล่มเดมิ . หน้า 537 12 แหล่งเดิม. หน้า 537 - 538 13 Andrew Gordon. (2014). op.cit. p. 231 และเพ็ญศรี กาญจโนมยั . (2527). เลม่ เดิม. หนา้ 297 14 ดูรายละเอยี ดเพิ่มเตมิ ใน เพญ็ ศรี กาญจโนมัย. (2527). เลม่ เดมิ . หน้า 294 - 295 15 ดับเบิลยู จ.ี บิสลีย์. (2543). เลม่ เดมิ . หน้า 439 16 ฮิวจ์ บอร์ตนั . (2526). เลม่ เดมิ . หน้า 545 17 แหลง่ เดิม. หน้า 546 18 Andrew Gordon. (2014). op.cit. p. 239 19 เอด็ วิน โอ. ไรส์เชาเออร์. (2525). เล่มเดมิ . หน้า 352 20 ฮวิ จ์ บอรต์ นั . (2526). เล่มเดิม. หน้า 551. 21 Andrew Gordon. (2014). op.cit. p. 231 22 ดับเบลิ ยู จ.ี บสิ ลยี ์. (2543). เล่มเดมิ . หน้า 434
224 | ญีป่ ุ่นกับการสร้างจกั รวรรดนิ ยิ ม 23 ฮวิ จ์ บอรต์ ัน. (2526). เลม่ เดิม. หนา้ 556 24 ดับเบลิ ยู จี. บสิ ลยี .์ (2543). เลม่ เดมิ . หน้า 436 และ Andrew Gordon. (2014). op.cit. p. 231 25 แมรอิ สุ บี. แจนเสน. (2526). เลม่ เดมิ . หนา้ 138 26 Andrew Gordon. (2014). op.cit. p. 241 27 Ibid. 28 แมริอุส บ.ี แจนเสน. (2526). เล่มเดมิ . หน้า 139 29 David M. Potter. (2008). “Evolution of Japan’s Postwar Foreign Policy”. https://office.nanzan-u.ac.jp/cie/gaiyo/kiyo/pdf_09/kenkyu_03.pdf (Accessed on 13 November 2015) 30 ฮิวจ์ บอรต์ นั . (2526). เลม่ เดิม. หน้า 559 31 แหล่งเดิม. หน้า 563. 32 ศิริพร ดาบเพชร. (2557). “Anpo Protests: พฒั นาการของการเคลอื่ นไหวทางการเมอื ง ในญปี่ ่นุ ยุคหลังสงคราม”, วารสารสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ, 17: 328 - 338 33 เอด็ วิน โอ. ไรเชาเออร์, (2525). นีค่ อื ญี่ปุ่น. หน้า 348
9 ส่งทา้ ย
226 | ญป่ี ่นุ กบั การสร้างจักรวรรดินยิ ม การขยายจักรวรรดินิยมของญ่ีปุ่นเข้าไปในดินแดนเพื่อนบ้านนั้น ประสบความสาเร็จอย่างงดงาม ญ่ีปุ่นสามารถยึดครองดินแดนไต้หวันจากชัย ชนะเหนือจีนใน ค.ศ. 1895 ยึดครองเกาหลีเป็นอาณานิคมใน ค.ศ. 1910 การ ขยายอานาจเข้าไปในแผ่นดินใหญ่ของจีนในช่วงสงครามโลกคร้ังที่ 1 และใช้ นโยบายทหารนิยมเข้าไปในแมนจูเรียในทศวรรษ 1930 จนถึงสงครามจีน – ญี่ปุ่นคร้ังท่ี 2 ค.ศ. 1937 และต่อมาสามารถทาลายอิทธิพลของชาตติ ะวันตกใน ดินแดนอาณานิคมเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ในชว่ งสงครามโลกครงั้ ที่ 2 การแผ่ขยายอานาจทางทหารไปยังดินแดนต่างๆ การปกครองอาณา นิคมที่กดข่ีและแสวงหาผลประโยชน์ และการเข้าปกครองดินแดนอาณานิคม ของชาติตะวันตกในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ของญปี่ ุ่นนั้น มีผลตอ่ ความสัมพันธ์ ระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศต่างๆ มาจนปัจจุบัน โดยเฉพาะประเทศที่ได้รับ ผลกระทบมากที่สุดอย่างเกาหลีและจีนซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างอ่อนไห ว กว่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบ จากจกั รวรรดนิ ยิ มญีป่ ุ่นโดยตรงและรุนแรง ในบทส่งท้ายนี้จะวิเคราะห์ถึงประเด็นความขัดแย้งในปัจจุบันท่ีเป็นผล จากประวตั ศิ าสตร์ยุคจกั รวรรดินิยมญป่ี ุ่น ได้แก่ ความระแวงของนานาชาติเรื่อง การตั้งกองทัพญ่ีปุ่น ความขัดแย้งจากประวัติศาสตร์สมัยสงครามท้ังกรณีศาล เจา้ ยาสคุ ุนิ แบบเรยี นประวัตศิ าสตร์ และหญงิ บรกิ ารหรอื comfort women
ศิริพร ดาบเพชร| 227 1. ความระแวงจากต่างชาติเรอื่ งกองทัพญปี่ ุ่น มาตรา 9 ของรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นฉบับ ค.ศ. 1947 ระบุว่า ญี่ปุ่นไม่มี กองทัพและห้ามส่งกองกาลังไปปฏิบัติการนอกประเทศ งบประมาณส่วนใหญ่ ของประเทศจงึ ใชใ้ นการพฒั นาเศรษฐกจิ เปน็ หลัก (The Economic First Policy) ทาใหเ้ ศรษฐกิจญป่ี ่นุ เติบโตอยา่ งมนั่ คง ในทศวรรษ 1960 – 1970 ซึ่งเปน็ ชว่ ง ท่ีสงครามเย็นอยู่ในภาวะตึงเครียด นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นต่างเสนอหลักการด้าน นโยบายต่างประเทศ นโยบายความมั่นคงและการป้องกันประเทศเพื่อให้ญ่ีปุ่น สามารถคงบทบาทการเมืองท่สี งวนตวั ในสังคมระหวา่ งประเทศไว้ได้ โดยเนน้ ยา้ ว่าอาวุธและกองกาลังป้องกันตนเองไม่มีสมรรถนะเพ่ือนาไปใช้ในการรุกราน และจะไม่ถูกส่งไปยังต่างประเทศ แม้จะเป็นไปในรูปของคณะเจ้าหน้าท่ีดูแล รักษาความสงบของสหประชาชาติ ทาให้ท่ีผ่านมาญ่ีปุ่นไม่เข้าไปยุ่งเก่ียวกับ ความขัดแยง้ ระหวา่ งประเทศ ในทศวรรษ 1970 ญ่ีปุ่นซึ่งมีความม่ันคงทางเศรษฐกิจแล้วได้ขยาย บทบาททางการเมืองระหว่างประเทศมากข้ึน ทาให้เกิดความระแวงจากท้ังชาว ญ่ีปุ่นและนานาชาติว่าญ่ีปุ่นจะใช้กาลังทหารในอนาคตอีก ประเด็นท่ีมีการ กล่าวกันมากในระยะนี้ คือ เร่ืองการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ของชาติต่างๆ ตั้งแต่ ทศวรรษ 1960 ซ่ึงเป็นช่วงท่ีสงครามเย็นอยู่ในภาวะตึงเครียด ชาวญี่ปุ่นส่วน ใหญ่และประเทศอื่นๆ ต่างกังวลว่าญี่ปุ่นจะสะสมอาวุธนิวเคลียร์ด้วย เพราะ ในช่วงทศวรรษ 1960 นักการเมืองญี่ปุ่นบางคนกล่าวเป็นนัยถึงการให้ญ่ีปุ่นมี อาวุธนิวเคลียร์ ทาให้นายกรัฐมนตรีซาโต เอซากุ (Sato Eisaku, ค.ศ. 1964- 1972) ซ่ึงเป็นนายกรัฐมนตรีท่ีดารงตาแหน่งยาวนานท่ีสุดของญี่ปุ่น ต้อง
228 | ญ่ีปุ่นกับการสร้างจกั รวรรดินยิ ม ประกาศนโยบายเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น ว่า ญี่ปุ่นจะไม่ผลิต ไม่ ครอบครอง และไม่อนุญาตให้มีการนาเข้านิวเคลียร์ ส่งเสริมการลดอาวุธ นิวเคลียร์ท่ัวโลก และนามาสู่การลงนามในสนธิสัญญาไม่ครอบครองอาวุธ นิวเคลียร์ (Treaty on the Non-proliferation of Nuclear Weapons) ทาให้ นายกรัฐมนตรีซาโต ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ใน ค.ศ. 1974 แต่ผู้ไม่ เห็นด้วยบอกว่าซาโตได้สั่งอาวุธของสหรัฐอเมริกามาประจากองกาลังป้องกัน ตนเองของญี่ปุ่น จงึ เทา่ กับไม่ไดส้ ง่ เสริมสันติภาพอยา่ งแทจ้ รงิ การเมืองระหว่างประเทศท่ีเปล่ียนแปลงในทศวรรษ 1970 นี้มีผลต่อ นโยบายความมั่นคงของญี่ปุ่นเช่นกัน การเปล่ียนแปลงท่ีสาคัญในทศวรรษน้ี เช่น ใน ค.ศ.1970 เกิดกรณีญ่ีปุ่นเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาคืนเกาะโอกินาวาให้ ญี่ปุ่น จนนามาสู่การลงนามสนธสิ ญั ญาระหวา่ งสองประเทศใน ค.ศ. 1971 โดย สหรัฐอเมริกาคืนเกาะโอกินาวาและเกาะอ่ืนๆ บริเวณหมู่เกาะริวกิวให้แก่ญี่ปุ่น สนธิสัญญานี้ได้รับสัตยาบันจากท้ังสองประเทศใน ค.ศ. 1972 ทาให้ญี่ปุ่นมี อธิปไตยเหนือดินแดนของตนอย่างแท้จริง แม้สหรัฐอเมริกาจะยังคงมีฐานทพั อยู่ท่ีโอกินาวา แต่สหรัฐอเมริกายอมรับข้อจากัดสิทธิของสหรัฐฯ ในฐานทัพโอกิ นาวา เชน่ การนาอาวธุ เขา้ -ออก ต่อมาสหรัฐอเมริกาเปลี่ยนนโยบายหันมาฟ้ืนฟูความสัมพันธ์กับ สหภาพโซเวียตและสาธารณรัฐประชาชนจีน ใน ค.ศ. 1972 ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐอเมริกา เดินทางเยือนท้ังสองประเทศ ทาให้ สถานการณ์สงครามเย็นผ่อนคลายลง เหตุการณ์น้ีทาให้รัฐบาลญ่ีปุ่นสมัย นายกรัฐมนตรีทานากะ คาคุเออิ (Tanaka Kakuei, ค.ศ. 1972-1974) ต้อง เปล่ียนนโยบายต่างประเทศมาเปดิ ความสมั พันธก์ ับจีนและสหภาพโซเวยี ตตาม
ศริ ิพร ดาบเพชร| 229 สหรัฐอเมริกาเช่นกัน ซ่ึงส่งผลดีต่อญ่ีปุ่นเพราะญ่ีปุ่นต้องการเปิดความสัมพันธ์ ทางเศรษฐกจิ กับสองชาตนิ ี้ อีกเหตุการณ์หน่ึงท่ีมีผลกระทบต่อนโยบายต่างประเทศของญ่ีปุ่นคือ การเกิดวิกฤตการณ์น้ามันใน ค.ศ. 1973 จากภาวะสงครามในตะวันออกกลาง ทาให้เศรษฐกิจของญ่ีปุ่นได้รับความกระทบกระเทือน เพราะญี่ปุ่นพึ่งพาน้ามัน จากต่างประเทศจานวนมาก ญ่ปี ุ่นจึงหนั มาใช้นโยบายตา่ งประเทศแบบเป็นมิตร รอบด้าน เพ่ือรักษาแหล่งทรัพยากรด้านพลังงาน วัตถุดิบ และการมี ความสัมพันธ์ทางการคา้ ที่ราบรื่นกับประเทศอืน่ ยึดหลกั แยกเศรษฐกจิ ออกจาก การเมือง ในทศวรรษ 1970 อิทธิพลทางทหารของสหรัฐอเมริกาเส่ือมลงจากการ ถอนทหารจากสงครามเวียดนามใน ค.ศ. 1975 และการพิจารณาถอนทหาร จากคาบสมุทรเกาหลี (แต่ต่อมาระงับไว้) ขณะท่ีสหภาพโซเวียตผลิตอาวุธ นิวเคลียร์ในระดบั เทา่ เทยี มกบั สหรัฐอเมรกิ าและขยายอทิ ธิพลมากขึ้น รวมทง้ั ใน ค.ศ. 1979 สหภาพโซเวียตรุกรานอัฟกานิสถานและเวียดนามรุกรานกัมพูชา โดยสหภาพโซเวียตสนับสนุน ทาให้ภาวะผ่อนคลายความตึงเครียดสิ้นสุดลง เกิดปัญหาผู้อพยพในอินโดจีน และตามด้วยการโจมตีเวียดนามของจีน ปัญหา เหล่านี้ทาให้ญ่ีปุ่นหว่ันเกรงเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นแหล่ง ทรัพยากรและตลาดสินค้าของญี่ปุ่น ญ่ีปุ่นจึงเริ่มปรับนโยบายด้านความมั่นคง แม้จะเนน้ เศรษฐกจิ เปน็ อันดับหนงึ่ แตก่ ็หนั มาเพ่ิมงบการทหารมากขนึ้ ในด้านของสหรัฐอเมริกานั้น ในทศวรรษ 1970 สหรัฐอเมริกาเพ่ิม ความสาคัญแก่ญี่ปุ่นมากขึ้น เพราะต้องการให้สหภาพโซเวียต จีน และญี่ปุ่น ถ่วงดุลอานาจกันและกัน เพ่ือลดการคุกคามของสหภาพโซเวียตในเอเชีย
230 | ญี่ปุ่นกับการสร้างจกั รวรรดินยิ ม ตะวันออก ต้องการให้ญี่ปุ่นเข้าแทนท่ีสหรัฐอเมริกาท่ีกาลังจะถอนตัวจาก ดินแดนตา่ งๆ ในเอเชยี จึงต้องการใหญ้ ป่ี ุ่นชว่ ยรับภาระทางการทหารในภมู ิภาค นี้ให้มากข้ึน โดยเฉพาะการรับภาระป้องกันเกาหลีใต้แทนสหรัฐอเมริกา แต่ใน ค.ศ. 1975 ญี่ปุ่นเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาอยู่ในเอเชียและเกาหลีต่อไป เพ่ือ ประกันความม่ันคงปลอดภัยของญี่ปุ่น นอกจากนี้ญ่ีปุ่นยงั ยืนยันวา่ จะยดึ มนั่ ใน ลทั ธิโยชดิ ะและการไม่ยงุ่ เก่ียวกับความขดั แยง้ ทางการเมืองระหวา่ งประเทศ การท่ีญ่ีปุ่นมุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมี สหรัฐอเมริกาเป็นคู่ค้าสาคัญอันดับหน่ึงท่ีญ่ีปุ่นได้ดุลการค้าเป็นประจา ทาให้ ญ่ีปุ่นขัดแย้งทางเศรษฐกิจกับสหรัฐอเมริกา เพราะสหรัฐอเมริกาขาดดุลมาก ประกอบกบั การทีญ่ ี่ปุน่ อ้างเรอ่ื งการไมม่ กี องทัพจึงไม่เข้ายุ่งเกย่ี วในกจิ การต่างๆ ของโลก ทาใหม้ เี สยี งวิจารณ์ญป่ี ุ่นว่าเอาเปรยี บเพราะญ่ีปนุ่ ไม่ต้องใช้งบประมาณ ด้านการทหาร จึงนาเงินมาพัฒนาเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ ญ่ีปุ่นพยายามลด ความขัดแย้งเพราะกระทบต่อการค้าของตนดว้ ยวิธีต่างๆ เช่น การนาเขา้ สนิ คา้ ของสหรัฐอเมริกามากข้ึน การเพ่ิมเงินช่วยเหลือในกิจกรรมระหว่างประเทศ ต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาและองค์การสหประชาชาติ ญ่ีปุ่นพยายามยึดนโยบายไม่ยุ่งเก่ียวกับการเมืองหรือความขัดแย้ง ระหว่างประเทศ ด้วยการอ้างว่าประเทศญี่ปุ่นไม่มีกองทหารจึงไม่เคยส่งทหาร ออกไปปฏบิ ตั ิการนอกประเทศต้ังแต่หลังสงครามโลกครั้งท่ี 2 แม้จะเป็นภารกจิ ของกองกาลังสหประชาชาติก็ตาม แต่มักให้ความร่วมมือเป็นเงินช่วย ซึ่งถูก ประเทศต่างๆ โจมตีว่าญ่ีปุ่นเอาตัวรอดโดยให้ทหารชาติอื่นไปแทน ญี่ปุ่น พยายามช้ีแจงมาตลอดวา่ เป็นเพราะตนไมม่ ีกองทัพ แต่กระแสความไม่พอใจก็ ยังคงอยู่
ศิริพร ดาบเพชร| 231 เม่ือสงครามเย็นส้ินสุดลงในต้นทศวรรษ 1990 ในญ่ีปุ่นมีการอภิปราย ถึงความจาเป็นของการมีอยู่ของฐานทัพสหรัฐอเมริกาในโอกินาวา และเกิด กระแสต่อต้านกองทพั สหรัฐอเมริกาในญีป่ ่นุ ขึ้นมาอีกครั้ง ในทศวรรษนญ้ี ่ปี นุ่ เริม่ ปรับนโยบายด้านความม่ันคงของประเทศ ซึ่งแม้จะยังเน้นเศรษฐกิจเป็นอันดับ หนึ่ง แต่หันมาเพิ่มงบการทหารมากขึ้น และเริ่มส่งกองกาลังป้องกันตนเอง (Self-Defense Force: SDF) ออกไปร่วมปฏิบัติการในนามขององค์การ สหประชาชาติ ภารกิจแรกคอื การรกั ษาความสงบและจัดการเลอื กตั้งในกมั พูชา ในนามของสหประชาชาติใน ค.ศ. 1992 และตั้งแต่ ค.ศ. 1992 – 1996 กอง กาลังป้องกันตนเองของญ่ีป่นุ ออกปฏิบัติการนอกประเทศร่วมกับสหประชาชาติ ถึง 4 ครงั้ 1 และใน ค.ศ. 2004 ญ่ปี ุ่นสง่ กองกาลังไปอริ กั ซ่งึ ถือเปน็ การปฏิบตั ิการ ในสมรภูมิครั้งแรกหลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ปฏิบัติการเหล่านี้ของกองกาลัง ป้องกันตนเองแสดงถึงการขยายบทบาทคร้ังสาคัญของญี่ปุ่นในเวทีการเมือง ระหว่างประเทศ ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศนั้นรัฐบาลญ่ีปุ่นหลายสมัยต้ังแต่ ค.ศ. 1994 พยายามเรียกร้องให้มีการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่ง สหประชาชาติ เพื่อที่ญี่ปุ่นจะได้เข้าเป็นสมาชิกคณะมนตรีฯ ประเภทถาวร เช่นเดียวกับสมาชิกถาวรอีก 5 ประเทศ โดยเฉพาะในสมัยนายกรัฐมนตรจี นุ อจิ ิ โร โคอิซุมิ (Junichiro Koizumi, ค.ศ. 2001 - 2006) พยายามผลักดันเรื่องน้ี อย่างหนักในเวทีสหประชาชาติ แต่ยังไม่ประสบความสาเร็จ2 อย่างไรก็ตาม ใน ญี่ปุ่นมที งั้ ฝ่ายทเี่ หน็ ดว้ ยและไมเ่ หน็ ดว้ ย เพราะการเปน็ สมาชกิ คณะมนตรีความ มั่นคงแบบถาวรย่อมหมายความว่าญ่ีปุ่นต้องเข้าไปยุ่งเก่ียวกับการเมืองหรือ ความขัดแย้งระหวา่ งประเทศ และมีความเปน็ ไปได้ว่าจะต้องส่งทหารเขา้ ร่วมใน
232 | ญ่ปี ุ่นกับการสร้างจกั รวรรดนิ ยิ ม การระงับความขัดแย้งในพ้ืนที่ต่างๆ ของโลกซึ่งเป็นข้อห้ามในรัฐธรรมนูญของ ญป่ี ่นุ ดังน้ันภายใต้การนาของพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ LDP ซึ่งเป็น พรรคอนรุ ักษน์ ยิ มและเป็นพรรคที่ไดจ้ ดั ต้ังรัฐบาลมาเป็นสว่ นใหญ่ พยายามให้มี การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ญี่ปุ่นมีกองทัพ เช่น รัฐบาลของนายชินโซ อาเบะ (Shinzo Abe) ซึ่งดารงตาแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยแรกใน ค.ศ. 2006 – 2007 และสมัยที่สอง ต้ังแต่ ค.ศ. 2012 ถึงปัจจุบัน (ค.ศ. 2016) ได้ดาเนินการมา ตลอดเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 9 แต่ถูกคัดค้านจากประชาชนและพรรค การเมอื งอ่ืนๆ ทีไ่ มต่ ้องการใหญ้ ปี่ นุ่ ติดอาวธุ อีก รวมถงึ ประเทศท่เี คยถูกกองทัพ ญี่ปุ่นเข้าไปโจมตี เช่น จีน เกาหลีใต้ และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการดาเนินการเพื่อแก้ไขมาตรา 9 ของรัฐบาลญี่ปุ่นน้ีทาให้เกิดความ หวาดระแวงจากประเทศเหล่านี้ 2. ความขดั แย้งจากประวตั ศิ าสตรส์ มัยสงคราม ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับชาติเพ่ือนบ้านในเอเชียตะวันออก คือ จีน เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น้ันแม้จะมี ความสัมพันธ์ท่ีค่อนข้างเป็นมิตรกัน และเป็นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจเป็น หลัก แต่บ่อยคร้ังที่เกิดความตึงเครียดและกระทบกระท่ังกัน โดยเฉพาะความ ขัดแย้งจากประวัติศาสตร์สมัยสงครามท่ีจักรวรรดินิยมญ่ีปุ่นแผ่ขยายอานาจไป ยังประเทศต่างๆ ยังอยู่ในความทรงจาของสาธารณชนในประเทศท่ีได้รับ ผลกระทบ
ศริ พิ ร ดาบเพชร| 233 ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 หลายประเทศท่ีเป็นคู่กรณีตา่ งเรียกร้อง “คา ขอโทษ” จากญี่ปนุ่ เพราะท่ีผา่ นมาต้ังแต่ทศวรรษ 1950 รัฐบาลญี่ปนุ่ หลายสมัย ได้แต่กล่าวแสดง “ความเสียใจ” ต่อการกระทาของทหารญี่ปุ่น แต่ไม่เคยกล่าว คาขอโทษแม้จะถูกเรียกรอ้ งใหข้ อโทษ เหตุผลทีท่ างการญป่ี ุ่นไม่กล่าวคาขอโทษ เพราะการขอโทษเท่ากับการยอมรับในส่ิงที่ทหารญ่ีปุ่นกระทา ซ่ึงญ่ีปุ่นอาจมี ความกังวลว่าประเทศที่เคยได้รับผลกระทบอาจใช้โอกาสท่ีทางการญี่ปุ่นกล่าว คาขอโทษน้ีว่าเป็นการยอมรับผิดชอบตามกฎหมาย ซ่ึงจะทาให้มีการเรียกร้อง ค่าเสียหายหรือค่าชดเชยตามมาอีกหลายประเทศ หรืออาจจะเปน็ การเรียกรอ้ ง ผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือข้อตกลงทางการเมืองกับญ่ีปุ่น3 นอกจากนี้พวก ชาตินยิ มในญ่ีปุน่ ไม่ตอ้ งการให้รัฐบาลนาเงินไปชดเชยค่าเสียหายและไม่ต้องการ ให้ยอมรับว่ามีการกระทาทารุณโดยกองทัพญี่ปุ่น ผู้นาญ่ีปุ่นท่ีผ่านมาจึง หลีกเล่ียงท่ีจะกล่าวคาขอโทษ แต่กล่าวแสดงความเสียใจท้ังต่อการปกครองท่ี กดขี่ในอาณานิคมและการกระทาต่อหญิงบริการชาติต่างๆ ท้ังชาวเกาหลี ไตห้ วัน จีน ฟิลปิ ปนิ ส์ อินโดนีเซีย โดยสว่ นใหญ่เป็นสตรีชาวเกาหลี ประเด็นสาคัญประเด็นหนึ่งที่เป็นความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ท่ีจีน เกาหลี และบางชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตาหนิญ่ีปุ่นอย่างมาก คือ ใน ทศวรรษ 1990 มีคาอธิบายเกี่ยวกับการขยายอานาจของญ่ีปุ่นในช่วงก่อนและ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นักประวัติศาสตร์ชาตินิยมในญ่ีปุ่นกล่าวว่า การ กระทาของญี่ปุ่นชาติอ่ืนๆ ในเอเชียในช่วงสงครามโลกครั้งท่ี 2 เป็นการ “ปลดปล่อย” ชาติเอเชียจากจักรวรรดินิยมตะวันตก และก่อให้เกิดผลดีต่อชาติ ต่างๆ มากกว่าผลเสีย รวมทั้งไม่ยอมรับว่าทหารญี่ปุ่นรุกรานและกระทาการ โหดเห้ียมรุนแรงต่อชาวจีนและเกาหลีอย่างท่ีท้ังสองชาติกล่าวอ้าง เช่น กรณี
234 | ญปี่ นุ่ กับการสรา้ งจักรวรรดินยิ ม เหตุการณท์ ่เี มืองหนานจงิ ใน ค.ศ. 1937 หรือการปกครองเกาหลีอย่างกดข่ี และ ญ่ีปุ่นไม่ยอมรับจานวนผู้เสียชีวิตท่ีเกิดจากการกระทาของกองทัพญี่ปุ่นจานวน 3 แสนคน ตามท่ีทางการจีนประกาศออกมา ฝ่ายญ่ีปุ่นกล่าวว่ามีการปล้นและ สังหารพลเรือนบ้าง แต่ไม่มากเท่าท่ีทางการจีนอ้าง และไม่กล่าวถึงการข่มขืน และการทารณุ กรรม4 ประเด็นการ “ปลดปล่อย” ชาติในเอเชียของญ่ีปุ่นในช่วงสงครามนี้ ปรากฏอยู่ในหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ของนักเรียนญ่ีปุ่นในทศวรรษ 1990 ด้วย ซึ่งกลุ่มชาตินิยมในญ่ีปุ่นเห็นว่าควรสอนนักเรียนให้ภาคภูมิใจในความเป็น คนญ่ีปุ่นที่ได้ช่วยปลดปล่อยชาวเอเชียจากจักรวรรดินิยมตะวันตก และเห็นว่า ไมค่ วรสอนนกั เรยี นเกย่ี วกับประเดน็ หญิงบรกิ ารและการสังหารหมู่พลเรือน5 ทา ให้เกิดเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างประเทศขึ้น เพราะชาติที่ถูกญี่ปุ่นเข้าไป รุกรานไม่ยอมรับคากล่าวอ้างน้ีของญี่ปุ่น เพราะเห็นว่าเป็นการรุกราน ไม่ใช่ เป็นการ “ปลดปล่อย” ความเห็นของกลุ่มชาตินิยมในญี่ปุ่นและประเด็นใน หนังสือแบบเรียนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นทาให้เกิดการประท้วงญ่ีปุ่นในจีนและ เกาหลีอย่างรุนแรง ใน ค.ศ. 2001 ความขัดแย้งเกิดข้ึนอีกเม่ือสมาคมเพื่อเขียนแบบเรียน ใหม่ (Association to Write New Textbooks) เขียนแบบเรียนท่ีใช้แนวคิด ชาตนิ ิยม กระทรวงศกึ ษาธกิ ารของญีป่ ่นุ บังคบั ให้คณะผู้เขียนแก้ไขข้อความเพ่ือ ล ด ค ว า ม ขั ด แ ย้ ง แ ล ะ ใ ห้ แ ก้ ไ ข ข้ อ มู ล ท่ี ผิ ด พ ล า ด ก ว่ า ร้ อ ย แ ห่ ง แ ต่ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารอนุญาตให้ใชแ้ บบเรยี นน้ีในโรงเรียนได้หลงั แกไ้ ขแล้ว ทาให้ นักประวัติศาสตร์ ครูและประชาชนญ่ีปุ่นจานวนมาก รวมถึงรัฐบาลจีน รัฐบาล เกาหลีใต้ และประชาชนในสองประเทศนี้วิจารณ์การตัดสินใจของทางการญี่ปุ่น
ศิริพร ดาบเพชร| 235 และแบบเรียนนี้อย่างหนัก แม้ว่ามีโรงเรียนระดับจังหวัดและเทศบาลเพียงร้อย ละ 1 เท่าน้ันที่เลือกใช้แบบเรียนเล่มน้ี แต่ประเด็นน้ียังเปน็ ข้อถกเถียงกันมาจน ปจั จบุ ันว่าจะสอนประวัตศิ าสตรช์ ว่ งน้ีตอ่ เยาวชนญ่ีปุ่นอย่างไร6 การที่ญ่ีปุ่นเห็นว่าการกระทาของญ่ีปุ่นเป็นการช่วยปลดปล่อยชน พน้ื เมืองเอเชียจากจกั รวรรดนิ ยิ มตะวันตก ดังนัน้ ผู้นาทางการเมอื งและผนู้ าทาง ทหารของญี่ปุ่นในสมัยน้ันจึงถือเป็น “วีรบุรุษ” ของชาติในสายตาของผู้นาและ ชาวญ่ีปุ่น แม้บุคคลเหล่าน้ันจะถูกลงโทษโดยศาลทหารระหว่างประเทศสาหรับ ภูมภิ าคตะวันออกไกลใน ค.ศ. 1948 ท่ีใหล้ งโทษประหารชีวิต 7 คน จาคุกตลอด ชวี ิต 16 คน จาคกุ 20 ปี 1 คน และจาคกุ 7 ปี อกี 1 คน7 บคุ คลเหลา่ นี้ได้รับการ จารึกชอ่ื และมปี ้ายวญิ ญาณทศี่ าลเจา้ ยาสคุ ุนิท่กี รุงโตเกียว ศาลเจ้ายาสุคุนิได้รับการยกย่องเป็นศาลเจ้าศักด์ิสิทธิ์ในลัทธิชินโต สร้างขึ้นในสมัยเมจิเพื่อเชิดชูจักรพรรดิเมจิและนาป้ายวิญญาณของซามูไรที่ เสียชีวิตจากการรบเพื่อจักรพรรดิมาไว้ท่ีนี่ ถือกันว่าบุคคลท่ีถูกจารึกช่ือท่ีศาล เจ้าแห่งน้เี ป็น “กันชิน” หรือเทพแห่งสงคราม ผู้อุทิศตนรับใช้องค์จักรพรรดิ ซ่ึง แต่เดิมในลัทธิชินโตมีเฉพาะเทพเจ้าแห่งธรรมชาติเท่าน้ัน นอกจากน้ีศาลเจ้า อื่นๆ ในลัทธิชินโตหรือวัดพุทธอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย แต่ ศาลเจ้ายาสุคุนิอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงทหารบก วันท่ีราลึกศาลเจ้า ผูกพันกับวันสาคัญทางทหาร เช่น วันท่ีชนะสงครามกับจีนใน ค.ศ. 1895 วันท่ี ชนะสงครามกับรัสเซียใน ค.ศ. 1905 หลังสงครามโลกคร้ังที่ 2 ลัทธิทหารนิยมถูกกาจัด กองทัพถูกยกเลิก ไป ศาลเจ้ายาสุคุนิหมดความสาคัญลง รูปปั้นทหารในท่ีต่างๆ ถูกทาลายหรือ โบกปูนทับ จนถึงทศวรรษ 1960 และ 1970 เมื่อเศรษฐกิจของญ่ีปุ่นมีความ
236 | ญ่ปี ุน่ กับการสรา้ งจักรวรรดนิ ยิ ม ม่ันคง บรรดาญาติพ่ีน้องของอดีตทหาร สมาคมทหารผ่านศึก สมาคมญาติ ผู้เสียชีวิตในชว่ งสงครามซ่งึ มีอยู่ในทุกจังหวัดและเป็นฐานเสียงสาคัญของพรรค เสรปี ระชาธปิ ไตย หรือ LDP ท่เี ปน็ แกนนารัฐบาลและเป็นพรรคอนุรักษน์ ิยม ได้ เรียกร้องและกดดันให้พรรคฟ้ืนฟูความสาคัญและเกียรติยศของอดีตทหาร ให้ ผู้นารัฐบาลไปเคารพป้ายวิญญาณท่ีศาลเจ้ายาสุคุนิ แต่ “กันชิน” เหล่าน้ีถือเป็น อาชญากรในสายตาของชาติอื่น ใน ค.ศ. 1981 ศาลเจ้าได้รับการฟื้นฟู ความสาคัญให้เป็นศาลเจ้าระดับ A (the Class-A war criminals) และอัญเชิญ ดวงวิญญาณอาชญากรสงครามสาคัญอยา่ งนายพลฮเิ ดกิ โตโจ มาที่ศาลเจ้า ทา ให้จีนและเกาหลปี ระทว้ งญีป่ นุ่ 8 ตอ่ มาใน ค.ศ. 1985 นายยาสุฮโิ ระ นากาโซเน (Yasuhiro Nakasone, ค.ศ. 1982 – 1987) เปน็ นายกรัฐมนตรคี นแรกทเี่ ดนิ ทางไปคารวะป้ายวญิ ญาณ ทหารทศี่ าลเจ้า การทอี่ าชญากรสงครามได้รับการยกย่อง รวมท้งั นายกรัฐมนตรี ญ่ีปุ่นหลายคนไปเคารพดวงวิญญาณของ “กันชิน” เป็นประจา ทาให้เกิดการ ประท้วงจากทั้งเกาหลีและจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุกครั้งท่ีนายกรัฐมนตรี ญี่ปุ่นเดินทางไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิอย่างเป็นทางการ เพราะถือว่าไปในนาม ของรัฐบาล เงินที่บริจาคให้ศาลเจ้าเป็นเงินของรัฐบาล นอกจากนี้ท่ีศาลเจ้ายาสุ คุนยิ งั มีป้ายวิญญาณของทหารชาวไต้หวันและเกาหลีท่ีเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น และเข้ารว่ มในกองทพั ญ่ีปุ่นดว้ ย ทาให้ญาติของทหารไต้หวนั และเกาหลไี ม่พอใจ ต้องการให้เชิญดวงวญิ ญาณญาติของตนออกมา
ศิรพิ ร ดาบเพชร| 237 ศาลเจ้ายาสุคุนิ ตงั้ อยทู่ ่ีกรงุ โตเกยี ว (ภาพถา่ ยโดยผู้เขยี น) ประวัติศาสตร์ในช่วงน้ีของญี่ปุ่นกับประเทศต่างๆ ทาให้ทางการญ่ีปุ่น ต้องกล่าวแสดงความเสียใจอยู่เสมอ เช่น ในต้นเดือนเมษายน ค.ศ. 2005 นาย โคอซิ มู ิ จุนอจิ โิ ร นายกรัฐมนตรีของญปี่ ุ่น ตอ้ งกล่าว “ยอมรับจากใจจริงถึงความ เป็นจริงทางประวัติศาสตร์น้ันอย่างสานึกผิด และอยากขออภัยอยู่ตลอดเวลา” ต่อท่ปี ระชมุ ผนู้ าประเทศเอเชีย–แอฟริกา ที่เมอื งบนั ดุง ประเทศอนิ โดนเี ซีย เมื่อ วันท่ี 22 เมษายน ค.ศ. 2005 เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของการประชุม ดังกลา่ ว ส่วนประเด็นหญิงบริการหรือ comfort women นั้นเป็นอีกประเด็นท่ีเป็น ข้อขัดแย้งกันมายาวนาน หญิงบริการ ในภาษาญ่ีปุ่นเรียกว่า Ianfu (ิอิอันฟุ) มี ท้ังผู้หญิงที่สมัครใจมาทางานเพราะได้รับค่าตอบแทนที่ดีกว่าการเป็นแรงงาน
238 | ญปี่ ุ่นกบั การสร้างจกั รวรรดินยิ ม กับกลุ่มที่ถูกหลอก ลักพาตัวหรือบังคับ มีการประมาณว่าผู้หญิงเกาหลีจานวน 100,000 - 200,000 คน ต้องกลายเป็นหญิงบริการ นอกจากผู้หญิงชาวเกาหลี ญ่ีปุ่นยังได้นาผู้หญิงจีน ฟิลิปปินส์ ไปเป็นเป็นหญิงบริการทหารญี่ปุ่นในพ้ืนที่ ต่างๆ ด้วย แต่มีจานวนน้อยกว่า9 โดยมี comfort station ในประเทศต่างๆ ประมาณ 2,000 แห่ง รวมถึงมีหญิงบริการท่ีเป็นชาวญ่ีปุ่นเองด้วย ซ่ึงกลุ่มนี้ ได้รับการปฏบิ ตั ทิ ด่ี กี วา่ หญิงต่างชาติ เรื่องของหญิงบริการเริ่มเป็นท่ีสนใจของสาธารณชนเมื่อมีการสร้าง ภาพยนตร์เรอื่ ง หญงิ ชราในโอกนิ าวา: คาให้การของหญงิ บริการ (An Old Lady in Okinawa: Testimony of a Military Comfort Women) ใน ค.ศ.1979 ซ่ึงเป็น ภาพยนตร์ที่สร้างจากเร่ืองราวของเพ พอง กี (Pae Pong Gi) หญิงบริการชาว เกาหลี ประเด็นโต้แยง้ เกี่ยวกับหญิงบริการเริ่มเป็นที่สนใจอีกครั้งใน ค.ศ. 1991 เม่ือหญิงบริการชาวเกาหลีบอกเล่าเรื่องราวของตนต่อสาธารณชน ทาให้เกิด การวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นตัวอย่างการละเมิดสิทธิมนุษยชนท่ีรุนแรงและเป็น การกระทารุนแรงท่ีไม่สามารถยอมรับได้ต่อสตรี สตรีเกาหลี 3 คนที่เคยเป็น หญิงบริการย่ืนฟ้องรัฐบาลญี่ปุ่น โดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มส่งเสริมสิทธิ สตรีในญี่ปุ่นเอง10 ท่ีผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นในยุคหลังสงครามต่างปฏิเสธความ เก่ียวข้องของรัฐบาลญ่ีปุ่นกับการจัดหาหญิงบริการในค่ายทหารที่เรียกกันว่า comfort station แต่ใน ค.ศ. 1992 นักประวัติศาสตร์ญ่ีปุ่นได้เปิดเผยหลักฐานที่ ยืนยันว่ารัฐบาลสมัยสงครามเก่ียวข้องโดยตรงกับการตั้ง comfort station และ หญงิ บรกิ ารถกู ปฏบิ ัตเิ หมอื นเป็นทาสมากกว่าเป็นโสเภณธี รรมดา11 ใน ค.ศ. 1992 นายคิอิชิ มิยาซาวะ (Kiichi Miyazawa, ค.ศ.1991-1993) นายกรัฐมนตรีญ่ีปุ่นเดินทางเยือนกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในคร้ังนี้เขากล่าว
ศิรพิ ร ดาบเพชร| 239 คาขอโทษต่อหญิงบริการ และกล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซ้ึงต่อผู้ได้รับ ความทุกข์ทรมานในช่วงเวลาน้ัน แต่ยังคงไม่กล่าวคาขอโทษต่อการกระทา ท้ังหมดของกองทัพญี่ปุ่น จนกระท่ังในโอกาสครบรอบ 50 ปีของการส้ินสุด สงครามโลกครั้งท่ี 2 ใน ค.ศ. 1995 นายกรัฐมนตรีโทมิชิ มุรายามะ (Tomiichii Murayama, ค.ศ. 1994-1996) ได้กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซ้ึงและพูดคา วา่ “ขอโทษจากใจ” ตอ่ ความก้าวร้าวของญ่ปี ุ่นในอดีตและต่อการปกครองอาณา นิคมของญี่ปุ่น12 ซ่ึงเป็นสาเหตุความทุกข์ทรมานของประชาชนในเอเชีย นับเป็นครั้งแรกท่ีทางการญี่ปุ่นกล่าวขอโทษต่อเหตุการณ์ ไม่ใช่เพียงแค่กล่าว แสดงความเสียใจอย่างเดียวหรือกล่าวขอโทษเฉพาะหญิงบริการ และ นายกรัฐมนตรีมุรายามะได้ก่อต้ังกองทุนสตรีแห่งเอเชียขึ้นในรูปแบบกองทุน เอกชน เพ่ือดาเนินการจ่ายค่าชดเชยต่อผู้ทีเ่ คยเป็นหญิงบรกิ าร ใน 2-3 ประเทศ ในเอเชีย และจา่ ยคา่ ชดเชยใหอ้ ดตี หญงิ บริการราว 500 คน กอ่ นท่กี องทนุ จะยุติ ไปใน ค.ศ. 2007 ความขัดแย้งระหว่างประเทศจากประเด็นน้ียังคงมีมาอย่าง ต่อเน่ือง ในปลายทศวรรษ 1990 เร่ืองของหญิงบริการถูกเขียนไว้ในหนังสือ เรียนระดับช้ันมัธยมของญ่ีปุ่น แต่พรรคอนุรักษ์นิยมให้นาเรื่องน้ีออกจาก แบบเรียนในทศวรรษ 2000 ชาวญี่ปุ่นจานวนมากมีความเห็นในเรื่องหญิง บริการในช่วงสงครามแตกต่างกัน ใน ค.ศ. 2013 นายกเทศมนตรีเมืองโอซากา แสดงความเห็นวา่ หญิงบริการเป็น “ความจาเป็น” ของกองทัพญี่ปุ่นในเวลาน้ัน ทาใหช้ าวญป่ี ่นุ จานวนมากแสดงความไมเ่ หน็ ด้วยกบั ความเหน็ เชน่ นี้13 ในโอกาสครบรอบ 70 ปีสงครามโลกคร้ังที่ 2 ใน ค.ศ. 2015 ประเด็น ความขัดแย้งในประวัติศาสตร์เหล่าน้ีได้รับการอภิปรายกันอีกครั้ง ประเทศที่
240 | ญีป่ ุ่นกบั การสร้างจักรวรรดินยิ ม ได้รับผลกระทบจากการรุกรานของญี่ปุ่นเรียกร้องคาขอโทษอีกคร้ัง ซึ่งนายชิน โซ อาเบะ (Shinzo Abe) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้กล่าวคาขอโทษอีกคร้ัง และ กล่าวว่าต่อไปนี้นานาชาติควรจะมองไปข้างหน้า ต่อมาในวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 2015 รัฐบาลญ่ีปุ่นและเกาหลีใต้ทาข้อตกลงกันระบุว่า รัฐบาลญ่ีปุ่นจะ จ่ายเงินชดเชย 1 พันล้านเยน หรือ 8.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้ากองทุนเพื่อ ช่วยเหลืออดีตหญิงบริการ ที่ผ่านมาในการประชุมระดับนานาชาติแทบทุกเวที โดยเฉพาะการประชุมสหประชาชาติ เกาหลีใต้มักยกกรณีที่ญ่ีปุ่นรุกรานและทา ทารุณกรรมในช่วงสงครามมากล่าวถึงเสมอ รวมถงึ ญปี่ ุ่นยงั ถูกโจมตีจากองค์กร สิทธิมนุษยชนสากล องค์กรสิทธิสตรีในระดับต่างๆ อยู่เสมอ ทาให้เกิดผล กระทบด้านความสัมพันธ์ทางการทูตและความขัดแย้งจากประวัติศาสตร์นี้ยัง ส่งผลต่อความม่ันคงในภูมิภาคด้วย ดังนั้นรัฐบาลทั้งสองชาติจึงตกลงจะยุติการ วิจารณ์และตาหนิกันในเวทีโลกและในที่ประชุมสหประชาชาติ นายอาเบะ กลา่ วถงึ ข้อตกลงนีว้ า่ รัฐบาลญ่ปี นุ่ ได้ทาหน้าที่ต่อคนรุน่ ปัจจุบันโดยหาทางแก้ไข ปญั หาข้อขดั แย้งที่มีมายาวนานกว่า 70 ปี นบั จากสน้ิ สดุ สงคราม14 อย่างไรก็ตาม ในเกาหลีใต้ยังมีข้อวิจารณ์ว่าเงินชดเลยที่อดีตหญิง บริการได้รับนั้นนอ้ ยไป แตท่ างการเกาหลใี ต้ให้เหตุผลวา่ ทต่ี ้องยอมรับเพราะทุก วนั นอี้ ดีตหญงิ บรกิ ารท่ีปัจจบุ ันสูงอายุแล้วมเี หลืออยเู่ พียง 40 กวา่ คน หากไม่ตก ลงรับข้อเสนอของญ่ีปุ่นและเรียกร้องมากขึ้นซ่ึงย่อมต้องใช้ระยะเวลาในการ เจรจา อดีตหญิงบริการเหล่านี้อาจจะไม่ได้รับการชดเชยใดๆ เลยก่อนถึงแก่ กรรม นอกจากน้ีในเกาหลีใตแ้ ละในจีนมีข้อวจิ ารณว์ ่า แมญ้ ี่ปนุ่ มขี อ้ ตกลงที่ จะชดเชยให้กับผู้เสียหาย แต่ข้อตกลงนี้ไม่ได้กล่าวถึงการค้นหาความจริงและ
ศริ พิ ร ดาบเพชร| 241 การศึกษาประวัติศาสตร์ นักวิชาการด้านจีนศึกษาวิเคราะห์ว่าการที่เหตุการณ์ ในชว่ งสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ไดร้ ับการอภิปรายอย่างเปิดกวา้ งนับจากสงคราม สิ้นสุดลงนั้นเป็นเพราะภาวะสงครามเย็นที่เกิดข้ึนตามมา สถานการณ์การเมือง โลกต้องให้ความสนใจกับสงครามเย็นที่กาลังลุกลามในหลายพื้นท่ี โดยเฉพาะ เมื่อจีนกลายเป็นคอมมิวนิสต์ใน ค.ศ. 1949 ตามด้วยสงครามเกาหลีใน ค.ศ. 1950 - 1953 และการแบ่งแยกคาบสมุทรเกาหลี ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องกับ สงครามโลกจึงไม่มีโอกาสได้บอกเล่าความรู้สึกของพวกเขา ข้อตกลงอย่างเป็น ทางการระหว่างประเทศหรือต่อผู้เสียหายไม่เคยเกิดข้ึน15 ทาให้บาดแผลจาก สงครามไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างเต็มที่ และการค้นหาความจริงทาง ประวตั ิศาสตรไ์ มเ่ คยเกิดข้นึ ความขัดแย้งจากสาเหตุในประวัติศาสตร์เหล่านี้บ่อยครั้งจึงถูกนามา ปลุกเร้ากระแสชาตินิยมภายในประเทศจนทาให้สถานการณ์บานปลายและ รุนแรง เช่น ในยามที่มีข้อขัดแย้งด้านเขตแดนระหว่างจีนกับญ่ีปุ่นกรณีเกาะ เตียวหยูในชื่อจนี หรือเกาะเซนกากุในช่ือญีป่ ุ่น หรือข้อขัดแย้งระหว่างเกาหลีกบั ญ่ีปุ่นกรณีเกาะดอกโดในช่ือเกาหลีหรือเกาะทาเคชิมะในช่ือญ่ีปุ่น หรือในยามที่ จีนและเกาหลีประท้วงต่อต้านแบบเรียนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ การเมืองภายในประเทศยังมีส่วนส่งเสริมแนวคิดชาตินิยมจากประวัติศาสตร์ บาดแผลด้วย กล่าวคือ หลังเหตุการณ์การปราบปรามประชาชนท่ีจัตุรัสเทียน อานเหมินใน ค.ศ. 1989 ของรัฐบาลจีน ทาให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ของจีนมีความ ไม่พอใจพรรคคอมมิวนิสต์ ผู้นาพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงใช้ประโยชน์จากการ ต่อต้านญี่ปุ่นสร้างความรู้สึกชาตินิยมในชาติและการสนับสนุนรัฐบาลพรรค คอมมวิ นสิ ตจ์ นี
242 | ญี่ปุ่นกับการสร้างจกั รวรรดนิ ยิ ม จากประวัติศาสตร์ท่ีผ่านมาที่ส่งผลกระทบมาจนปัจจุบันน้ัน สรุปได้ ว่าเพ่ือสร้างความเข้าใจให้เกิดข้ึนเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและสร้างความ มั่นคงให้เกิดขึ้นในภูมิภาค จะต้องมีการค้นหาความจริงที่เกิดข้ึนใน ประวัติศาสตร์และคนรุ่นปัจจุบันต้องยอมรับว่าประวัติศาสตร์เป็นส่ิงท่ี ผ่านไป แล้ว ไม่ควรนามาเป็นสาเหตุความขัดแย้งในปัจจุบัน แต่ควรนามาใช้เป็น บทเรียนไม่ให้เกิดข้ึนอีก และสร้างความร่วมมือระหว่างกันแทนที่จะอยู่อย่าง ขัดแยง้
ศิรพิ ร ดาบเพชร| 243 เชิงอรรถ 1 Andrew Gordon. (2003). A Modern History of Japan. p. 330 2 Asahi Shimbun. (2004). Koizumi: No Shift in Article 9. Retrieved February 20, 2016. From https://www.globalpolicy.org/the-dark-side-of-natural-resources-st/water- in-conflict/41183.html 3 Kirk Spitzer . (2012). Why Japan Is Still Not Sorry Enough. Retrieved February 20, 2016. From http://nation.time.com/2012/12/11/why-japan-is-still-not-sorry-enough/ 4 วุฒิชัย มลู ศิลป์. (2551). ไทย จนี ญป่ี ุน่ ในยคุ จกั รวรรดินิยมใหม่. หนา้ 347. 5 Andrew Gordon. (2003). op.cit. p. 332 6 Ibid. 7 Hugh Borton. Japan’s Modern Century. From Perry to 1970. pp. 474–476. 8 Toshiya Takahashi. (2014). Abe’s Yasukuni visit: the view from Japan. Retrieved February 25, 2016. From http://www.eastasiaforum.org/2014/01/24/abes-yasukuni- visit-the-view-from-japan/ 9 วฒุ ิชยั มลู ศิลป์. (2551). เลม่ เดิม. หนา้ 338 10 Andrew Gordon. (2003). op.cit. p. 331 11 Ibid. 12 Carol Gluck; Ranna Mitter, and Charles K. Armstrong, (2015). The Seventieth Anniversary of World War II's End in Asia: Three Perspectives. The Journal of Asian Studies. 74, (3, August), p. 532 13 Carol Gluck and et.al. (2015). op.cit. p. 532 14 Holly Yan, KJ Kwon, Junko Ogura and Tiffany Ap. (2015, December 29). South Korea, Japan reach agreement on 'comfort women'. Retrieved February 26, 2016. From http://edition.cnn.com/2015/12/28/asia/south-korea-japan-comfort- women/index.html
244 | ญี่ป่นุ กบั การสร้างจักรวรรดนิ ยิ ม 15 Jaview C. Hernandez. (2015, November 12). Q. and A.: Ezra F. Vogel on China’s Shifting Relations with Japan and Taiwan. Retrieved February 26, 2016. From https://www.chinafile.com/links/q-and-ezra-f-vogel-chinas-shifting-relations-japan-and- taiwan
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257