Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนหน่วยที่ 2 เคมีพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต (3 แผน) ราช222

แผนการสอนหน่วยที่ 2 เคมีพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต (3 แผน) ราช222

Published by Sudaporn Suboonpiam, 2022-03-18 09:13:58

Description: แผนการสอนหน่วยที่ 2 เคมีพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต (3 แผน) ราช222

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชวี วิทยา1 มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 1 โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชวี วิทยา1 มธั ยมศึกษาปีที่ 4 2 แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง เคมที ี่เป็นพน้ื ฐานของสงิ่ มีชีวติ แผนจดั การเรยี นรู้ที่1 เรอ่ื ง สารอนินทรยี ์ รายวิชา ชีววิทยา1 รหัสวชิ า ว31241 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 นำ้ หนกั เวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรียน 3 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ เวลาท่ใี ชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1 ชั่วโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสำคญั สารอนินทรยี ์ที่เปน็ องค์ประกอบสำคัญในรา่ งกายส่งิ มชี วี ติ คือ นำ้ และแรธ่ าตุบางชนดิ โดยนำ้ เป็นตัว ทำละลายทด่ี ี ชว่ ยลำเลียงสารต่างๆ ไปทั่วรา่ งกาย ชว่ ยรกั ษาอุณหภูมขิ องรา่ งกายให้คงที่ สว่ นแรธ่ าตเุ ป็น สว่ นประกอบของเซลล์และเน้ือเย่อื และชว่ ยใหเ้ กิดปฏกิ ริ ิยาเคมีต่างๆ 2. ผลการเรยี นรู้ 3. สืบค้นขอ้ มูล อธิบายเกย่ี วกบั สมบตั ิของน้ำ และบอกความสำคญั ของน้ำท่มี ตี ่อส่ิงมีชีวิต และ ยกตัวอยา่ งธาตชุ นดิ ตา่ งๆ ท่ีมคี วามสำคญั ตอ่ ร่างกายสิง่ มชี วี ติ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลัก : Knowledge 1) อธบิ ายเก่ยี วกบั สมบัตขิ องน้ำได้ 2) บอกความสำคัญของนำ้ ทม่ี ตี อ่ ส่งิ มชี ีวติ ได้ 3) ยกตัวอย่างธาตชุ นดิ ต่างๆ ทม่ี ีความสำคญั ตอ่ รา่ งกายสิง่ มชี ีวติ ได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1) สืบเสาะหาความร้เู กี่ยวกับความสำคัญของสารอนินทรียต์ ่อร่างกายสิ่งมชี ีวิตได้ 3.3 คุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ : Attitude 1) สนใจใฝ่รู้ในการศึกษา 4. สมรรถนะสำคญั ของนกั เรียน 1) ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ความสามารถในการคิด 5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลกั ษณะของวิชา 1) ความรับผิดชอบ 2) กระบวนการกลุ่ม โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเปีย่ ม กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชวี วิทยา1 มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 3 6. คณุ ลกั ษณะทพ่ี งึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 7. ช้ินงาน/ภาระงาน : 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 เคมที เี่ ป็นพนื้ ฐานของสงิ่ มีชวี ิต 2. ใบงาน เร่ือง ความสำคญั ของสารอนินทรีย์ต่อสิ่งมชี วี ติ 3. แบบฝกึ ทักษะ เรือ่ ง สารอนนิ ทรีย์ 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่วั โมงที่ 1 ขัน้ นำเข้าส่บู ทเรียน/ขน้ั ตั้งคำถาม 1. ครูแจ้งผลการเรยี นรู้ ให้นักเรยี นทราบ และให้นักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง เคมที ่ีเปน็ พ้ืนฐานของส่งิ มชี วี ิต เพือ่ วดั ความรู้เดิม ของนกั เรียนกอ่ นเขา้ สกู่ จิ กรรม 2. ครนู ำอภิปรายเก่ียวกบั หน่วยพ้ืนฐานของสงิ่ มชี วี ติ ทนี่ กั เรียนไดศ้ ึกษามาแลว้ โดยกล่าวถงึ โครงสร้าง และหน้าท่ีของเซลล์แตล่ ะชนดิ แลว้ เชอ่ื มโยงเข้าสู่เนอ้ื หาว่าภายในเซลล์ของส่งิ มชี วี ิตนน้ั ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนดิ 3. ครกู ระตุ้นความสนใจของนักเรยี น โดยตงั้ คำถามใหน้ ักเรยี นร่วมกันอภิปราย 1. สารเคมีเกย่ี วข้องกบั ร่างกายส่ิงมีชีวติ อยา่ งไร (แนวคำตอบ : ร่างกายสงิ่ มีชวี ติ ประกอบไปด้วยหนว่ ยพนื้ ฐานทเ่ี รยี กวา่ เซลล์ โดยภายใน เซลล์ประกอบไปด้วยโมเลกลุ ของสารเคมีหลายชนดิ เชน่ น้ำ แรธ่ าตุ คาร์โบไฮเดรต โปรตนี เป็นต้น ซง่ึ สารเคมีต่างๆ เหลา่ น้ี ล้วนมีผลต่อการทำงานของระบบตา่ งๆ ในร่างกายส่งิ มชี วี ติ ) 2. ร่างกายของส่งิ มชี ีวิตทุกชนดิ ประกอบด้วยสารเคมเี ชน่ เดียวกันหรือไม่ อยา่ งไร (แนวคำตอบ : ร่างกายสิ่งมีชีวิตทุกชนิดประกอบไปด้วยสารเคมีเช่นเดียวกัน แต่อาจมี ปริมาณสารแต่ละชนิดแตกต่างกนั ) 3. สารเคมที เ่ี ป็นองค์ประกอบของรา่ งกายสงิ่ มีชวี ติ ไดแ้ กส่ ารชนดิ ใดบ้าง (แนวคำตอบ : สารอนนิ ทรยี ์ และสารอนิ ทรีย์) ขนั้ สำรวจและคน้ พบ/ขน้ั การเตรียมการค้นหาคำตอบ 1. ให้นักเรียนรวมกล่มุ กล่มุ ละ 5-6 คน แลว้ ตั้งคำถามเก่ียวกับ สารอนินทรยี ์ในประเด็นทีน่ กั เรยี น สนใจ ตวั อย่างเช่น โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเปีย่ ม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชวี วิทยา1 มัธยมศึกษาปที ่ี 4 4 1) สารอนินทรียใ์ นรา่ งกายสง่ิ มชี วี ติ มีอะไรบา้ ง (แนวคำตอบ : นำ้ และแร่ธาตุ) 2) สารอนินทรีย์มีความสำคัญต่อการดำรงชีวติ ของสง่ิ มีชวี ิตอย่างไร (แนวคำตอบ : นำ้ เป็น ตวั ทำละลาย ชว่ ยลำเลียงสาร และควบคมุ อณุ หภูมขิ องร่างกาย ส่วน แรธ่ าตชุ ่วยในการ เกดิ ปฏิกิริยาเคมีต่างๆ ในร่างกาย) 2. ครกู ระต้นุ ใหน้ ักเรียนศกึ ษาสดั ส่วนของน้ำในรา่ งกายมนษุ ย์ จากภาพแผนภมู ิแสดงปรมิ าณสารเคมี ในร่างกายมนษุ ย์ แล้วรว่ มกนั อภิปราย โดยมแี นวอภิปราย ดังนี้ นำ้ เป็นองคป์ ระกอบท่ีพบมากทส่ี ุดในรา่ งกายมนุษย์ แสดงวา่ นำ้ มคี วามสำคัญอยา่ งย่ิงต่อ รา่ งกาย ดังน้ัน จงึ ควรด่มื น้ำให้เพยี งพอตอ่ ความตอ้ งการของร่างกาย อยา่ งน้อยวันละ 8-10 แกว้ นอกจากนย้ี ังควรด่มื น้ำหลงั จากออกกำลังกาย และหลังจากรับประทานอาหารอยา่ งสม่ำเสมอ 3. ครูใชเ้ ทคนคิ การเขียนรอบโต๊ะ (round table) โดยแจกกระดาษใหน้ กั เรยี นกลุม่ ละ 1 แผ่น แลว้ ให้ สมาชกิ แต่ละคนในกลุ่มเขียนความสำคัญของนำ้ ต่อส่งิ มีชีวิต คนละ 1 ขอ้ ไม่ซำ้ กนั ซงึ่ นกั เรยี นอาจ เขียนได้ ดังนี้ - น้ำชว่ ยใหเ้ กิดปฏกิ ิริยาเคมี - นำ้ ชว่ ยในการลำเลยี งสาร - นำ้ ช่วยรกั ษาสมดุลอณุ หภูมิในรา่ งกาย - นำ้ ช่วยรักษาสมดุลของกรด-เบส - นำ้ เป็นตวั ทำละลายท่ีดี ขนั้ อธิบายและลงข้อสรุป/ขัน้ ดำเนนิ การค้นหาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ครูตั้งคำถามเพอ่ื ใหน้ ักเรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกันหาคำตอบว่า สมบัตขิ องน้ำเก่ียวข้องกับโครงสรา้ ง โมเลกุลของน้ำอยา่ งไร 2. ให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มอธิบายการเกิดโมเลกุลที่มีขั้วของนำ้ รวมทง้ั การเขยี นสัญลกั ษณแ์ ทนขัว้ บวก และขั้วลบ แลว้ นำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน โดยมแี นวการอธบิ าย ดังนี้ การเกดิ โมเลกุลทมี่ ขี ว้ั ของนำ้ เกดิ จากอะตอมออกซเิ จนในโมเลกุลของนำ้ ยังมอี เิ ล็กตรอนวง นอกสุดเหลอื อกี 4 ตวั ซงึ่ ไม่ได้ยดึ เหนี่ยวกับอะตอมของธาตุอน่ื ทำให้อะตอมของออกซิเจนแสดง ประจลุ บ ส่วนอะตอมของไฮโดรเจนทงั้ 2 อะตอม แสดงประจุบวก ซึ่งเขียนสัญลักษณ์แทนข้วั บวก และขั้วลบได้ ดังนี้ 3. ให้นักเรยี นแต่ละกลมุ่ สบื คน้ ข้อมูลเก่ียวกบั แร่ธาตุ กลมุ่ ละ 1 ชนดิ จากใบความรู้ เรือ่ ง แร่ธาตใุ นสิ่งมชี ีวติ 4. ให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ ส่งตัวแทนออกมานำเสนอสาระสำคัญทกี่ ลุ่มตนเองศกึ ษาหน้าช้ันเรียน โดย กล่าวถึงประเด็นเกยี่ วกบั ความสำคัญ และแหล่งท่พี บแร่ธาตุนนั้ ๆ 5. ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปความร้เู ร่อื งแร่ธาตุ โดยมีแนวการสรปุ ดงั น้ี โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบญุ เป่ียม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชวี วิทยา1 มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 5 แร่ธาตุเปน็ สารอนินทรีย์ซึ่งเป็นสว่ นประกอบของสารอนิ ทรีย์หลายชนดิ แรธ่ าตุบางชนิดเป็น ส่วนประกอบของเอนไซม์และโปรตีนต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย การ ขาดแร่ธาตุบางชนิดอาจกอ่ ให้เกดิ ความผดิ ปกติของรา่ งกาย เช่น หากพืชขาดธาตุแมกนีเซยี ม ใบแก่จะ มีสเี หลืองระหวา่ งเส้นใบ ปลายใบและขอบใบม้วนเปน็ รูปถ้วย หากขาดธาตไุ อโอดีน อาจทำให้เกิดโรค คอพอก เป็นต้น 6. ครนู ำอภปิ รายเก่ียวกบั ความสำคญั ของสารอนนิ ทรีย์ตอ่ สิง่ มชี ีวิต และรว่ มกนั อภปิ รายตอ่ ไปวา่ หากขาดสารอนนิ ทรีย์บางชนดิ จะสง่ ผลตอ่ รา่ งกายอย่างไร โดยอาจมีแนวการอภิปราย ดงั น้ี การขาดแร่ธาตุในมนุษย์ เชน่ - ขาดแคลเซยี ม : กระดูกและฟนั ไมแ่ ขง็ แรง - ขาดเหล็ก : เปน็ โรคดลหติ จาง - ขาดไอโอดีน : เปน็ โรคคอพอก การขาดแร่ธาตใุ นพชื เชน่ - ขาดไนโตรเจน : ลำตน้ และรากแคระแกร็น ใบเลก็ ใบมสี เี หลอื ง ใบร่วงง่าย - ขาดฟอสฟอรัส : ลำตน้ แคระแกร็น ใบเลก็ ใบมีสีเหลือง - ขาดโพแทสเซยี ม : ใบแกม่ ีอาการไหมโ้ ดยเรม่ิ จากปลายใบ แผ่นใบม้วน 7. ครูมอบหมายใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนทำกจิ กรรมในใบงาน เร่ือง ความสำคัญของสารอนินทรีย์ต่อ สิง่ มชี ีวติ 8. ครมู อบหมายใหน้ กั เรียนทำแบบฝึกทักษะ เรือ่ ง สารอนนิ ทรีย์ ข้นั สรปุ และประเมนิ ผล 1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เคมที ีเ่ ปน็ พื้นฐานของสิง่ มชี วี ติ 2. ครตู รวจสอบผลจากใบงาน เรื่อง ความสำคญั ของสารอนินทรีย์ตอ่ สงิ่ มชี วี ติ 3. ครูประเมินผล โดยการสงั เกตการตอบคำถาม การรว่ มกนั อภิปราย และการนำเสนอผลงาน 4. ครตู รวจสอบผลจากการทำแบบฝึกทักษะ เรือ่ ง สารอนนิ ทรีย์ 9. ส่ือการเรียนการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ จำนวน สภาพการใชส้ อ่ื รายการสื่อ 1 ชดุ ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรุป 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 เคมที ี่เป็น 1 ชุด ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ พ้นื ฐานของส่ิงมชี ีวิต 1 ชุด ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ 2. ใบงาน เร่ือง ความสำคัญของสารอนินทรยี ต์ อ่ ส่ิงมชี วี ิต 1 ชุด ขั้นสำรวจและค้นพบ 3. แบบฝกึ ทกั ษะ เรื่อง สารอนนิ ทรีย์ 4. Microsoft PowerPoint หน่วยท่ี 2 เคมีทเ่ี ปน็ พน้ื ฐานของ ส่ิงมีชีวิต โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบุญเปยี่ ม กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าชีววทิ ยา1 มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 6 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล เป้าหมาย หลักฐานการเรยี นรู้ วิธีวัด เคร่อื งมอื วัดฯ ประเด็น/ การเรยี นรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน เกณฑก์ ารให้ แบบทดสอบก่อนเรียน 1) อธบิ ายเกย่ี วกบั 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น ตรวจแบบทดสอบ คะแนน สมบตั ขิ องนำ้ ได้ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เคมีท่ี ก่อนเรียน แบบประเมนิ ใบงาน เป็นพืน้ ฐานของสงิ่ มชี วี ิต ประเมินตามสภาพจรงิ 2) บอกความสำคัญของ 2. ใบงาน เรอ่ื ง ความ ตรวจใบงาน เร่อื ง แบบประเมินแบบฝึกทักษะ นำ้ ที่มตี ่อสิ่งมีชีวติ ได้ สำคญั ของสารอนนิ ทรีย์ต่อ ความ สำคญั ของ รอ้ ยละ 65 ผา่ นเกณฑ์ สง่ิ มชี วี ติ สารอนินทรยี ์ต่อ ผลงานท่นี ำเสนอ 3) ยกตัวอยา่ งธาตุชนดิ สิ่งมีชวี ิต ร้อยละ 65 ผา่ นเกณฑ์ ต่างๆ ที่มคี วามสำคญั 3. แบบฝึกทกั ษะ ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะ แบบสงั เกตพฤติกรรม ต่อรา่ งกายสิ่งมีชีวติ ได้ เร่ือง สารอนนิ ทรยี ์ เรอ่ื ง สารอนินทรยี ์ การทำงานรายบุคคล ระดบั คณุ ภาพ 2 6. การนำเสนอผลงาน ประเมนิ การนำเสนอ แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ ผลงาน การทำงานรายกลุ่ม ระดับคุณภาพ 2 แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์ 7. พฤตกิ รรมการ สังเกตพฤตกิ รรม อนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ สังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คณุ ภาพ 2 8. พฤติกรรมการ การทำงานรายกลุ่ม ผ่านเกณฑ์ ทำงานรายกลุ่ม 9. คุณลักษณะ สงั เกตความมีวินัย อันพงึ ประสงค์ ใฝ่เรียนรแู้ ละม่งุ มัน่ ในการทำงาน โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บญุ เป่ียม กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชวี วิทยา1 มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 7 แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำช้แี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดบั คะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 3 21 1 เนื้อหาละเอยี ดชดั เจน 2 ความถกู ต้องของเน้ือหา   3 ภาษาท่ีใช้เข้าใจงา่ ย   4 ประโยชน์ทีไ่ ด้จากการนำเสนอ   5 วิธีการนำเสนอผลงาน     รวม ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ (นางสาวสุดาภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม) ............./................../............... เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ สมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชีววทิ ยา1 มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 8 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกบั ระดบั คะแนน การมี การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี ส่วนรว่ มใน รวม ชื่อ – สกุล ความ ฟงั คนอื่น ตามทไ่ี ดร้ ับ นำ้ ใจ การ 15 ลำดับท่ี ของนกั เรียน คิดเห็น มอบหมาย ปรับปรงุ คะแนน ผลงานกลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ (นางสาวสดุ าภรณ์ สืบบุญเปี่ยม) ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ............../.................../............... ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรุง โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบญุ เปี่ยม กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชีววิทยา1 มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 9 แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คำช้ีแจง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน คุณลักษณะ รายการประเมนิ ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงค์ด้าน 321 1. มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ 1.1 ปฏิบตั ิตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คบั ของครอบครัว มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบตั กิ ิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน 2. ใฝเ่ รียนรู้ 2.1 รจู้ ักใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏบิ ัตไิ ด้ 2.2 รจู้ ักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม 2.3 เช่ือฟงั คำสง่ั สอนของบดิ า - มารดา โดยไม่โต้แย้ง 2.4 ตง้ั ใจเรยี น 3. ม่งุ มัน่ ในการทำงาน 3.1 มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทำงานทไ่ี ด้รับมอบหมาย 3.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรคเพ่ือให้งานสำเร็จ ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบุญเปี่ยม) ............../.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน พฤตกิ รรมที่ปฏิบตั ิชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัตชิ ัดเจนและบอ่ ยครงั้ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัตบิ างครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 51 - 60 ดมี าก 41 - 50 ดี 30 - 40 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรบั ปรงุ โดย ครสู ดุ าภรณ์ สบื บญุ เป่ียม กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชีววิทยา1 มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 10 11. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงช่อื .................................................. (...................................) รองผู้อำนวยการฝา่ ยวชิ าการ 12. บันทึกผลหลังการสอน  เนือ้ หา  กจิ กรรมการเรียนรู้  สือ่ ประกอบการเรียนรู้  พฤติกรรม/การมีสว่ นรว่ มของผู้เรยี น ลงชื่อ..................................................ผสู้ อน (นางสาวสดุ าภรณ์ สบื บญุ เปีย่ ม) ตำแหน่ง ครผู ชู้ ่วย โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเป่ยี ม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชีววิทยา1 มัธยมศึกษาปที ี่ 4 11 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เคมีพนื้ ฐานของส่งิ มชี ีวิต คำชีแ้ จง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. นำ้ มีความสำคัญหลายประการยกเว้นข้อใด 7. กรดอะมโิ นชนิดใดทจ่ี ำเปน็ สำหรับการ 1. เป็นตัวทำละลายท่ไี ม่ดี เจริญเติบโตและพฒั นาการในวัยเดก็ 2. เปน็ องคป์ ระกอบสว่ นใหญใ่ นเซลล์ 1. ซีรนี และโพรลนี 3. ช่วยหลอ่ เลย้ี งอวยั วะตา่ งๆ ในร่างกาย 2. อะลานนี และวาลีน 4. ชว่ ยรกั ษาสมดลุ ของอณุ หภูมใิ นร่างกาย 3. อารจ์ ีนีนและฮีสทิดนี 5. ช่วยลำเลียงออกซเิ จนและ 4. ไลซีนและเมไทโอนีน คาร์บอนไดออกไซด์ 5. ลวิ ซีนและแอสปาราจีน 2. นายอนันต์ปว่ ยเปน็ โรคคอพอก นายอนันต์ควร 8. เด็กชายปกรณ์โดนมีดบาดมือแล้วเลือดไหล รับประทานอาหารจำพวกใด ออกมาปริมาณมาก และใช้เวลานานกว่า 1. ไข่ 2. นม เลือดจะหยุดไหล จากเหตุการณนี้นักเรียน 3. หอยนางรม 4. ขา้ วซ้อมมอื คิดว่าเด็กชายปกรณ์น่าจะขาดวิตามินชนิด 5. ปลาตะเพียน ใด 3. แหลง่ สะสมคารโ์ บไฮเดรตในร่างกายของมนุษย์ 1. วิตามนิ A 2. วิตามนิ B คอื ส่วนใด 3. วิตามนิ C 4. วติ ามนิ D 1. ตบั และไต 5. วิตามนิ K 2. ตับและตบั ออ่ น 9. เอนไซม์มหี น้าท่อี ย่างไร 3. ตับและกลา้ มเนอ้ื 1. เพมิ่ พลังงานก่อกัมมนั ต์ 4. กระดูกและพังผดื หนา้ ท้อง 2. เพม่ิ ระดบั พลงั งานกระตุ้น 5. กระดูกและกล้ามเน้อื ต้นขา 3. ยับย้งั การเร่งปฏิกริ ิยาเคมี 4. สารชนดิ ใดเม่อื นำไปตม้ กบั สารละลายเบเนดกิ ซ์ 4. ยบั ย้ังการเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี แล้วจะไมเ่ กิดปฏกิ ิรยิ า 5. เร่งปฏกิ ิริยาเคมใี ห้เกดิ ไดเ้ รว็ ขึ้น 1. กลูโคส 2. ซโู ครส 10. ปฏกิ ริ ยิ าของสาร A และสาร B เปน็ ดงั นี้ 3. ฟรกั โทส 4. แลกโทส A+B ไม่เกดิ ปฏิกิรยิ า 5. มอลโทส A+B+C ไม่เกิดปฏกิ ริ ยิ า 5. เซลลโู ลสพบไดใ้ นส่วนใดของสง่ิ มชี ีวิต A+B+C+D ไมเ่ กิดปฏิกริ ยิ า 1. เสน้ ผม 2. เปลือกกุ้ง 1. สาร C เปน็ เอนไซม์ 3. กล้ามเนอื้ 4. กระดองปู 2. สาร A เปน็ สารต้ังต้น 5. ผนังเซลลข์ องพชื 3. สาร B เป็นสารตงั้ ตน้ 4. สาร C เปน็ ผลิตภณั ฑ์ 5. สาร D เป็นตัวยับยั้งเอนไซม์ โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บญุ เป่ยี ม กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชีววิทยา1 มัธยมศึกษาปีท่ี 4 12 6. ขอ้ ใดเปน็ ผลิตภัณฑจ์ ากปฏกิ ิรยิ าสปอนนฟิ ิเคชัน 1. สบู่ 2. เบส 3. ไขมัน 4. น้ำมัน 5. เบนซนิ โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชวี วิทยา1 มธั ยมศึกษาปีที่ 4 13 เฉลย แบบทดสอบกอ่ นเรียน หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 เคมีพน้ื ฐานของสิ่งมชี วี ติ คำชี้แจง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 6. นำ้ มคี วามสำคญั หลายประการยกเว้นข้อใด 9. กรดอะมโิ นชนดิ ใดทจี่ ำเปน็ สำหรับการ 6. เป็นตัวทำละลายท่ไี ม่ดี เจริญเติบโตและพัฒนาการในวยั เดก็ 7. เป็นองค์ประกอบสว่ นใหญใ่ นเซลล์ 6. ซีรีนและโพรลนี 8. ช่วยหล่อเลี้ยงอวยั วะตา่ งๆ ในร่างกาย 7. อะลานนี และวาลีน 9. ช่วยรกั ษาสมดลุ ของอุณหภมู ใิ นรา่ งกาย 8. อารจ์ นี ีนและฮสี ทิดีน 10.ชว่ ยลำเลียงออกซิเจนและ 9. ไลซีนและเมไทโอนีน คารบ์ อนไดออกไซด์ 10. ลวิ ซนี และแอสปาราจีน 7. นายอนนั ตป์ ว่ ยเปน็ โรคคอพอก นายอนันต์ควร 11. เด็กชายปกรณ์โดนมีดบาดมือแล้วเลือดไหล รับประทานอาหารจำพวกใด ออกมาปริมาณมาก และใช้เวลานานกว่า 2. ไข่ 2. นม เลือดจะหยุดไหล จากเหตุการณน้ีนักเรียน 3. หอยนางรม 4. ข้าวซ้อมมือ คิดว่าเด็กชายปกรณ์น่าจะขาดวิตามินชนิด 5. ปลาตะเพียน ใด 8. แหล่งสะสมคาร์โบไฮเดรตในร่างกายของมนุษย์ 2. วิตามิน A 2. วติ ามนิ B คอื ส่วนใด 3. วติ ามิน C 4. วติ ามิน D 6. ตับและไต 5. วติ ามิน K 7. ตบั และตบั อ่อน 12. เอนไซม์มีหนา้ ทอ่ี ย่างไร 8. ตับและกล้ามเน้ือ 6. เพ่มิ พลงั งานก่อกมั มนั ต์ 9. กระดกู และพังผืดหนา้ ทอ้ ง 7. เพ่มิ ระดับพลงั งานกระตุ้น 10.กระดูกและกลา้ มเนือ้ ต้นขา 8. ยับยงั้ การเรง่ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี 9. สารชนิดใดเมื่อนำไปต้มกบั สารละลายเบเนดกิ ซ์ 9. ยบั ยง้ั การเกิดปฏิกริ ิยาเคมี แล้วจะไมเ่ กดิ ปฏิกิริยา 10.เรง่ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีใหเ้ กิดได้เร็วขนึ้ 2. กลโู คส 2. ซูโครส 13. ปฏกิ ริ ิยาของสาร A และสาร B เป็นดังน้ี 4. ฟรกั โทส 4. แลกโทส A+B ไม่เกดิ ปฏกิ ิริยา 10.มอลโทส A+B+C ไม่เกดิ ปฏกิ ิริยา 6. เซลลูโลสพบได้ในส่วนใดของส่ิงมชี วี ิต A+B+C+D ไมเ่ กดิ ปฏิกิริยา 2. เส้นผม 2. เปลอื กก้งุ 6. สาร C เปน็ เอนไซม์ 3. กลา้ มเนอ้ื 4. กระดองปู 7. สาร A เป็นสารต้งั ต้น 5. ผนังเซลลข์ องพืช 8. สาร B เปน็ สารตัง้ ตน้ โดย ครสู ดุ าภรณ์ สบื บุญเปี่ยม กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชีววทิ ยา1 มัธยมศึกษาปีที่ 4 14 8. ข้อใดเปน็ ผลิตภัณฑจ์ ากปฏกิ ริ ยิ าสปอนนฟิ เิ คชนั 9. สาร C เป็นผลิตภัณฑ์ 10. สาร D เป็นตัวยับยง้ั เอนไซม์ 2. สบู่ 2. เบส 3. ไขมัน 4. นำ้ มนั 6. เบนซนิ โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บุญเปีย่ ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชีววิทยา1 มัธยมศึกษาปที ่ี 4 15 แบบฝึกทักษะ เรอื่ ง สารอนนิ ทรีย์ คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนเขยี นอักษร “T” หน้าขอ้ ความท่ีถูกตอ้ ง และเขยี นอักษร “F” หน้าขอ้ ความทผี่ ิด พร้อมทั้งแก้ไขข้อความนัน้ ให้ถูกตอ้ ง ………. 1. น้ำช่วยลอ่ ล่นื อวัยวะตา่ งๆ ดวงตา ขอ้ ต่อ ชอ่ งท้อง เยอ่ื หุ้มปอด หัวใจ ตอบ= ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………. 2. สูตรโมเลกลุ ของนำ้ คือ (H2O)n ซ่งึ อะตอมของไฮโดรเจนและออกซิเจนยึดเหนี่ยวกนั ด้วยพันธะ ไอออนกิ ตอบ= ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………. 3. ในร่างกายมนุษยม์ นี ้ำอยู่ประมาณร้อยละ 65 ของน้ำหนกั ตัว ตอบ= ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………. 4. โมเลกลุ ของนำ้ มีสมบัตคิ วามเป็นกรดและเบสในตวั เดียวกัน ตอบ= ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………. 5. สารชอบน้ำเปน็ สารที่มีโมเลกุลแบบไมม่ ีขว้ั สว่ นสารไมช่ อบนำ้ เป็นสารที่มโี มเลกุลแบบมีข้ัว ตอบ= ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………. 6. ความจุความรอ้ นของน้ำ เท่ากบั 4.814 จูล/กรมั /องศาเซลเซียส หมายถึง การทจ่ี ะทำใหน้ ้ำ 1 กรมั มีอณุ หภมู ิลดลง 1 องศาเซลเซยี ส จะตอ้ งใชพ้ ลงั งานความรอ้ นเทา่ กบั 4.814 จูล ตอบ= ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………. 7. ไอโอดีน พบมากในเน้อื สัตว์ นม ไข่ ผักและผลไม้ทกุ ชนิด ตอบ= ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………. 8. โรคโลหติ จางเกดิ จากการขาดธาตฟุ อสฟอรสั ตอบ= ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………. 9. ธาตุเหล็กเปน็ ส่วนประกอบของเอนไซมบ์ างชนิดและเฮโมโกบินในเมด็ เลือดแดง ตอบ= ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………. 10. แคลเซยี มและฟอสฟอรสั มบี ทบาทเก่ยี วขอ้ งกบั ความแข็งแรงของกระดกู และฟัน ตอบ= ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบญุ เปี่ยม กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชีววทิ ยา1 มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 16 แบบฝึกทกั ษะ เร่ือง สารอนนิ ทรีย์ คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นเขยี นอักษร “T” หน้าขอ้ ความทถี่ ูกต้อง และเขียนอักษร “F” หน้าขอ้ ความท่ผี ดิ พร้อมทงั้ แก้ไขขอ้ ความน้ันให้ถูกตอ้ ง ……T…. 1. นำ้ ชว่ ยลอ่ ลื่นอวยั วะตา่ งๆ ดวงตา ข้อต่อ ชอ่ งทอ้ ง เย่อื หุ้มปอด หัวใจ ตอบ= ………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……F…. 2. สตู รโมเลกุลของน้ำ คือ (H2O)n ซงึ่ อะตอมของไฮโดรเจนและออกซเิ จนยดึ เหนย่ี วกันดว้ ยพนั ธะ ไอออนิก ตอบ= สูตรโมเลกลุ ของน้ำ คอื H2O ซงึ่ อะตอมของไฮโดรเจนและออกซิเจนยดึ เหนยี่ วกันดว้ ยพนั ธะ โคเวเลนต์ ซึง่ เป็นแรงยึดเหนยี่ วทเ่ี กิดจากการใช้อเิ ล็กตรอนร่วมกัน ……T…. 3. ในร่างกายมนุษย์มนี ้ำอย่ปู ระมาณรอ้ ยละ 65 ของน้ำหนักตวั ……T…. 4. โมเลกุลของน้ำมสี มบัติความเปน็ กรดและเบสในตวั เดียวกัน ……F…. 5. สารชอบนำ้ เป็นสารท่มี ีโมเลกุลแบบไม่มีขวั้ สว่ นสารไม่ชอบน้ำเปน็ สารที่มีโมเลกุลแบบมีขว้ั ตอบ= สารชอบน้ำเป็นสารที่มสี มบัตลิ ะลายน้ำได้ ซึ่งมโี มเลกุลแบบมขี ั้ว สว่ นสารไม่ชอบนำ้ เป็นสารที่ไม่ สามารถละลายน้ำได้ ซ่ึงมโี มเลกุลแบบไม่มีขว้ั ……F…. 6. ความจุความร้อนของนำ้ เทา่ กบั 4.814 จลู /กรัม/องศาเซลเซียส หมายถงึ การทจี่ ะทำให้น้ำ 1 กรมั มอี ณุ หภูมลิ ดลง 1 องศาเซลเซยี ส จะต้องใชพ้ ลงั งานความร้อนเทา่ กบั 4.814 จูล ตอบ= ความจุความร้อนของน้ำ เทา่ กบั 4.184 จลู /กรัม/องศาเซลเซยี ส หมายถึง การทีจ่ ะทำให้น้ำ 1 กรมั มอี ณุ หภูมิลดลง 1 องศาเซลเซยี ส จะตอ้ งใช้พลังงานความร้อนเท่ากับ 4.184 จูล ……F…. 7. ไอโอดีน พบมากในเน้ือสตั ว์ นม ไข่ ผักและผลไม้ทกุ ชนดิ ตอบ= ไอโอดีนพบมากในอาหารทะเล เกลอื สมุทร และผลิตภณั ฑ์จากทะเล ……F…. 8. โรคโลหิตจางเกดิ จากการขาดธาตฟุ อสฟอรสั ตอบ= โรคโลหิตจางเกดิ จากการขาดธาตุเหลก็ ……T…. 9. ธาตเุ หลก็ เปน็ ส่วนประกอบของเอนไซมบ์ างชนิดและเฮโมโกบนิ ในเม็ดเลอื ดแดง ……T…. 10. แคลเซยี มและฟอสฟอรสั มบี ทบาทเก่ียวข้องกบั ความแขง็ แรงของกระดกู และฟนั โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บญุ เป่ยี ม กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชวี วิทยา1 มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 17 แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 2 เรือ่ ง เคมพี น้ื ฐานของส่งิ มีชีวิต แผนจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 เรือ่ ง สารอินทรีย์ รายวชิ า ชีววทิ ยา1 รหัสวิชา ว31241 ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/1 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 นำ้ หนักเวลาเรียน 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 3 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ เวลาทใ่ี ช้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 5 ช่ัวโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสำคญั สารอินทรยี ม์ ธี าตุคาร์บอนและธาตไุ ฮโดรเจนเป็นองคป์ ระกอบหลัก สารอนิ ทรีย์ทพ่ี บมากในรา่ งกาย ส่ิงมชี ีวิตมี 4 กลมุ่ ไดแ้ ก่ คารโ์ บไฮเดรต โปรตนี ลิพิด และกรดนวิ คลีอิก ซงึ่ สารตา่ งๆ เหล่าน้ีเปน็ สว่ นประกอบ ของเซลล์ ชว่ ยให้ร่างกายเจริญเติบโต 2. ผลการเรียนรู้ 4. สบื ค้นขอ้ มูล อธิบายโครงสรา้ งของคารโ์ บไฮเดรต ระบุกลุม่ ของคาร์โบไฮเดรต รวมท้งั ความสำคัญ ของคารโ์ บไฮเดรตท่มี ีต่อส่งิ มีชวี ติ 5. สืบคน้ ข้อมูล อธิบายโครงสร้างของโปรตนี และความสำคัญของโปรตนี ท่มี ตี ่อสง่ิ มีชีวติ 6. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบายโครงสร้างของลิพดิ และความสำคัญของลิพิดทม่ี ีตอ่ สิ่งมีชวี ติ 7. สืบค้นขอ้ มูล อธบิ ายโครงสร้างของกรดนวิ คลีอกิ ระบกุ ลมุ่ ของกรดนวิ คลอี กิ และความสำคญั ของ กรดนวิ คลีอิกทีม่ ีต่อสง่ิ มีชีวิต 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เนอื้ หาสาระหลัก : Knowledge 1) อธิบายโครงสร้าง ความสำคัญ และชนิดของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ลิพดิ และกรดนวิ คลีอิกได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1) สบื คน้ ข้อมูลและอภปิ รายเกยี่ วกบั ความสำคัญของสารอนิ ทรยี ์ตอ่ ส่งิ มชี วี ิตได้ 3.3 คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ : Attitude 1) สนใจใฝ่ร้ใู นการศกึ ษา มีความรบั ผดิ ชอบ 4. สมรรถนะสำคัญของนกั เรยี น 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคิด 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเปี่ยม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชีววทิ ยา1 มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 18 5. คุณลักษณะของวิชา 1) ความรับผิดชอบ 2) กระบวนการกล่มุ 6. คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. ม่งุ มั่นในการทำงาน 7. ชน้ิ งาน/ภาระงาน : 1. ใบงาน เรื่อง คารโ์ บไฮเดรต 2. บทปฏบิ ัตกิ าร เร่อื ง ปริมาณกรดไขมันไม่อ่ิมตวั ในนำ้ มันพชื แลน้ำมันสัตว์ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่วั โมงท่ี 1 ข้นั นำเข้าสูบ่ ทเรยี น/ขนั้ ตง้ั คำถาม 1. ครูกล่าวนำเกี่ยวกับสารอนิ ทรยี ์ โดยถามคำถามวา่ สารอนิ ทรีย์แตกต่างจากสารอนนิ ทรีย์อยา่ งไร จากนัน้ ร่วมกนั อภปิ รายวา่ สารอินทรียเ์ ปน็ สารท่ีมธี าตุคาร์บอนและไฮโดรเจนเปน็ องค์ประกอบหลัก 2. ครูอธิบายเก่ยี วกับการยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอะตอมของคารบ์ อนกับคาร์บอน และอะตอมของคารบ์ อน กบั ไฮโดรเจน เกดิ เป็นสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน ซ่งึ เป็นส่วนหน่ึงของหมู่ฟังกช์ ันในสารอินทรีย์ โดยอาจเขยี นโครงสร้างโมเลกุลของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนให้นกั เรยี นร่วมกนั พิจารณา ดังน้ี อเี ทน เอทลิ นี อะเซทลิ ีน 3. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาหมูฟ่ งั กช์ นั บางชนิดท่เี ป็นองคป์ ระกอบของในสารอนิ ทรยี ์ ขั้นสำรวจและคน้ พบ/ข้นั การเตรียมการคน้ หาคำตอบ 1. ครูอธบิ ายว่า สารอินทรยี ์ท่พี บในส่งิ มีชวี ติ มีหลายชนดิ ทีเ่ ป็นสารชีวโมเลกุล (biological molecule) ซึ่งมโี ครงสร้าง สมบตั ิ และการเกิดปฏกิ ิริยาแตกต่างกนั ทำใหส้ ารชวี โมเลกุลมีหนา้ ท่แี ตกตา่ งกนั 2. ครูให้นักเรยี นรว่ มกนั ยกตวั อย่างอาหารทีม่ ีสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชีววทิ ยา1 มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 19 3. ครูและนกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายและสรปุ เกย่ี วกบั โครงสรา้ งของคาร์โบไฮเดรต โดยมแี นวการสรปุ ดังนี้ คารโ์ บไฮเดรต (carbohydrate) เป็นสารชีวโมเลกุลที่ประกอบด้วยธาตุหลกั 3 ชนิด ได้แก่ คารบ์ อน (carbon) ไฮโดรเจน (hydrogen) และออกซเิ จน (oxygen) โดยมีอัตราสว่ นของอะตอม ไฮโดรเจนตอ่ อะตอมออกซเิ จนเป็น 2 : 1 มีสูตรโมเลกลุ เปน็ (CH2O)n ซง่ึ n มคี ่าตัง้ แต่ 3 ข้ึนไป 4. ให้นกั เรียนแบง่ กลุม่ ออกเป็น 3 กลมุ่ ศึกษาประเภทของคาร์โบไฮเดรต ดงั น้ี กลุม่ ที่ 1 ศึกษาเร่อื ง มอโนแซ็กคาไรด์ กลุ่มที่ 2 ศกึ ษาเรอื่ ง โอลิโกแซก็ คาไรด์ กล่มุ ท่ี 3 ศึกษาเรอื่ ง พอลแิ ซ็กคาไรด์ 5. ใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผงั มโนทศั นข์ องกลุ่มตนเอง ใชเ้ วลาในการนำเสนอ กลมุ่ ละไมเ่ กนิ 5 นาที ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ /ข้ันดำเนนิ การคน้ หาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. หลงั จากกล่มุ ท่ี 1 นำเสนอเรอ่ื งมอโนแซ็กคาไรด์ ครตู งั้ คำถามเพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจของ นกั เรียน - มอโนแซ็กคาไรดช์ นิดใดทพ่ี บมากท่สี ดุ ในธรรมชาติ (แนวตอบ : นำ้ ตาลเฮกโซส ไดแ้ ก่ กลูโคส กาแลกโทส และฟรกั โทส) - จงอธบิ ายลกั ษณะและแหลง่ ทพ่ี บน้ำตาลกลโู คส กาแลกโทส และฟรักโทส (แนวตอบ : กลโู คส เป็นผลกึ สีขาว ละลายนำ้ ไดด้ ี มรี สหวาน พบมากในผกั ผลไม้ นำ้ ผ้ึง กาแลกโทส ละลายนำ้ ไดไ้ มด่ ี มีรสหวานนอ้ ย มกั รวมตัวอยู่กบั กลโู คส พบมากในนม ฟรกั โทส เปน็ ผลึกสีขาว ละลายนำ้ ได้ดี มีรสหวานจดั พบมากในผลไมส้ กุ นำ้ ผ้งึ ) 2. หลงั จากกลุ่มท่ี 2 นำเสนอเรอื่ งโอลโิ กแซก็ คาไรด์ ครตู ัง้ คำถามเพอื่ ตรวจสอบความเข้าใจของ นักเรยี น - โอลิโกแซก็ คาไรดเ์ กิดขนึ้ ไดอ้ ย่างไร (แนวตอบ : เกิดจากการทมี่ อโนแซก็ คาไรด์ตง้ั แต่ 2-10 โมเลกลุ มาเชื่อมต่อกนั ดว้ ยพนั ธะ ไกลโคซิดิก) - จงอธบิ ายลกั ษณะและแหลง่ ที่พบนำ้ ตาลมอลโทส แลกโทส และซูโครส (แนวตอบ : มอลโทส เกดิ จากกลูโคส 2 โมเลกลุ เชื่อมต่อกัน ละลายน้ำไดด้ ี มีรสหวานนอ้ ย พบมากในขา้ วมอลต์ เมล็ดธัญพชื ทก่ี ำลงั งอก ขา้ วโพด แลกโทส เกิดจากกลูโคลเชอ่ื มกบั กาแลกโทส ผลึกเปน็ ผงละเอยี ด ละลายน้ำไดไ้ มด่ ี มรี ส หวานน้อย พบมากในนม ซโู ครส เกิดจากกลูโคสเชอื่ มกับฟรกั โทส เปน็ ผลกึ สขี าว ละลายนำ้ ได้ดี มรี สหวาน พบมาก ในออ้ ย ตาล มะพรา้ ว) โดย ครูสดุ าภรณ์ สืบบุญเปย่ี ม กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าชีววทิ ยา1 มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 20 3. ให้นักเรียนสังเกตตำแหน่งของพนั ธะไกลโคซิดกิ ในน้ำตาลมอลโทสกับนำ้ ตาลแลกโทส ซ่งึ มลี ักษณะ ต่างกัน 4. หลงั จากกลุ่มที่ 3 นำเสนอเรอื่ ง พอลิแซก็ คาไรด์ ครตู ง้ั คำถามเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของ นกั เรียน - พอลิแซ็กคาไรด์เกิดข้นึ ไดอ้ ย่างไร (แนวตอบ : เกิดจากมอโนแซ็กคาไรด์ 11-1,000 โมเลกลุ เช่อื มตอ่ กันด้วยพนั ธะไกลโคซิดิก) - จงอธิบายลักษณะและแหล่งท่ีพบแป้ง เซลลโู ลส และไกลโคเจน (แนวตอบ : แปง้ ประกอบด้วยกลูโคสเรยี งตวั ตอ่ กันเปน็ เส้นยาว ซ่งึ ถา้ ไม่มีการแตกแขนง จะ ได้อะไมโลส แตถ่ า้ มีการแตกแขนง จะไดอ้ ะไมโลเพกทิน พบในพชื เซลลโู ลส ประกอบดว้ ยกลโู คสเรียงตัวตอ่ กนั เปน็ เส้นยาวทไี่ ม่แตกแขนง เสน้ ใยเหนียว ไม่ละลายน้ำ พบในพืช ไกลโคเจน ประกอบด้วยกลูโคสเรยี งตัวตอ่ กันเป็นเสน้ ยาวที่มีการแตกแขนง พบในสัตว์) 5. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า พืชแต่ละชนิดจะมีปริมาณอะไมโลสและอะไมโลเพกทินแตกต่างกัน เช่น ข้าวเหนียว มอี ะไมโลเพกทนิ รอ้ ยละ 99 มอี ะไมโลสรอ้ ยละ 1 สว่ นขา้ วเจา้ มอี ะไมโลสร้อยละ 7-33 จงึ ทำใหข้ ้าวเหนียวมีความเหนยี วมากกวา่ ขา้ วเจา้ มาก ชั่วโมงที่ 2 ข้นั นำเขา้ สู่บทเรยี น/ขั้นตั้งคำถาม 1. ครใู ห้นักเรยี นรว่ มกนั ยกตัวอยา่ งอาหารท่มี ีสารอาหารประเภทโปรตนี 2. ครูต้ังคำถามเพ่ือตรวจสอบความร้เู ดมิ ของนักเรียน - สารอาหารประเภทโปรตนี มีความสำคญั ต่อร่างกายอยา่ งไร (แนวตอบ : - ช่วยในการเจรญิ เตบิ โต - เป็นแหลง่ พลังงาน - เปน็ เอนไซม์เรง่ ปฏิกริ ิยาเคมใี นร่างกาย - เปน็ โครงสรา้ งของเซลล์ เยือ่ หุ้มเซลล์ เป็นองคป์ ระกอบของโครโมโซม - เสรมิ สรา้ งภูมิคมุ้ กัน) ขัน้ สำรวจและคน้ พบ/ขนั้ การเตรียมการค้นหาคำตอบ 1. ให้นักเรียนสังเกตภาพสูตรโครงสร้างของกรดอะมิโน จากหนงั สอื เรียน แลว้ ครถู ามคำถามว่า - โครงสร้างของกรดอะมโิ นมีธาตใุ ดเป็นองคป์ ระกอบบ้าง (แนวตอบ : คารบ์ อน ไฮโดรเจน ออกซเิ จน และไนโตรเจน) - กรดอะมิโนที่เปน็ องคป์ ระกอบของโปรตีนในสิง่ มชี ีวิตมกี ่ีชนดิ จงยกตวั อยา่ ง (แนวตอบ : 20 ชนิด ซ่งึ ดูข้อมลู ได้จากหนังสอื เรยี น) โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเปยี่ ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชีววิทยา1 มัธยมศึกษาปีที่ 4 21 2. ใหน้ ักเรียนสังเกตภาพการเชือ่ มต่อกันของกรดอะมโิ นด้วยพนั ธะเพปไทด์ - พนั ธะเพปไทด์เกิดข้ึนไดอ้ ย่างไร (แนวตอบ : เกดิ จากการเช่ือมตอ่ กนั ระหวา่ งหม่คู าร์บอกซลิ ของกรดอะมโิ นโมเลกุลหนึง่ กบั หมู่อะมโิ นของกรดอะมโิ นอีกโมเลกุลหนง่ึ ) - เม่ือเกดิ พันธะเพปไทดจ์ ะมีสารใดเกดิ ขน้ึ บ้าง (แนวตอบ : เกดิ สายของกรดอะมโิ นท่เี รยี กวา่ เพปไทด์ และเกดิ นำ้ 1 โมเลกลุ ) 3. ครูให้นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กล่มุ ละ 5-6 คน เพือ่ เลน่ เกมต่อลูกปัด โดยแจกลูกปัดให้นักเรียนกลุ่มละ 4 สี สีละ 5 เมด็ แลว้ ให้นกั เรียนลองตอ่ ลกู ปดั แบบต่างๆ ซ่ึงเปรยี บเทยี บกบั การสร้างสาย เพปไทด์ โดยแทนลกู ปัดแต่ละสีเปน็ กรดอะมโิ นแตล่ ะชนดิ ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป/ขน้ั ดำเนนิ การคน้ หาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ให้นกั เรียนแต่ละกลุม่ นำเสนอวา่ กลุ่มตนเองต่อลูกปัดไดก้ แี่ บบ อยา่ งไรบา้ ง จากน้นั ครูตงั้ คำถามให้ นกั เรียนชว่ ยกันตอบวา่ - เพปไทด์ทปี่ ระกอบดว้ ยกรดอะมโิ น 4 ชนิด ชนิดละ 1 โมเลกุล จะมีสายเพปไทด์ทมี่ ีลำดบั กรดอะมิโนทแ่ี ตกตา่ งกันไดก้ แ่ี บบ (แนวตอบ : 24 วธิ ี โดยคิดจากสูตร n! (n factorial) ซง่ึ n คอื จำนวนชนิดของกรดอะมโิ น แทนค่าสูตร 4! = 4x3x2x1 = 24) 2. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายและสรปุ ว่า เนอ่ื งจากการจัดเรยี งตัวและจำนวนกรดอะมิโนที่เปน็ องคป์ ระกอบแตกต่างกนั จึงทำใหโ้ ปรตีนแตล่ ะชนดิ มสี มบัติแตกตา่ งกัน ชวั่ โมงที่ 3 ขั้นนำเขา้ สู่บทเรยี น/ขนั้ ตั้งคำถาม 1. ครใู ห้นักเรยี นรว่ มกันยกตวั อย่างอาหารทมี่ สี ารอาหารประเภทลพิ ิด 2. ครูตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบความร้เู ดิมของนักเรยี น - เมือ่ กล่าวถงึ ลิพิด นักเรียนนกึ ถงึ สารชนิดใดบ้าง (แนวตอบ : น้ำมัน ไขมนั ไข) ครคู วรอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ว่า สารจำพวกลิพดิ นอกจากจะมนี ้ำมนั ไขมัน และไขแลว้ ยงั มีอีกหลาย ชนิด เช่น ฟอสโฟลพิ ิด ไกลโคลิพิด สเตอรอยด์ เปน็ ตน้ ซง่ึ นกั เรียนจะไดศ้ กึ ษาต่อไป - ลพิ ิดละลายนำ้ ได้หรอื ไม่ และละลายในสารใดไดบ้ ้าง (แนวตอบ : ลิพดิ มีสมบตั ิไม่ละลายน้ำ แตส่ ามารถละลายไดใ้ นสานละลายอนิ ทรีย์หลายชนิด เชน่ คลอโรฟอรม์ อะซิโตน อีเทอร์ เป็นต้น) โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบญุ เปย่ี ม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชวี วิทยา1 มัธยมศึกษาปที ่ี 4 22 - ลพิ ดิ มปี ระโยชน์ต่อร่างกายอยา่ งไร (แนวตอบ : ลพิ ิดมเี ปน็ สารอาหารท่ใี หพ้ ลังงานแก่รา่ งกาย ให้ความอบอุ่นแกร่ ่างกาย ชว่ ยป้องกนั การกระทบกระเทือนของอวัยวะภายใน) ขั้นสำรวจและค้นพบ/ขัน้ การเตรยี มการค้นหาคำตอบ 1. ให้นักเรยี นสังเกตภาพการเกิดไขมันชนดิ ไตรกลเี ซอไรด์ แล้วครถู ามคำถามวา่ - โมเลกลุ ของไขมันและน้ำมนั ประกอบดว้ ยหนว่ ยย่อยใดบา้ ง (แนวตอบ : โมเลกุลของไขมันและน้ำมันประกอบดว้ ยหน่วยยอ่ ย 2 สว่ น ได้แก่ กรดไขมัน (fatty acid) และกลีเซอรอล (glycerol)) 2. ใหน้ ักเรียนทำความเข้าใจในการเรยี กชนดิ ของไขมนั ตามจำนวนโมเลกลุ ของกรดไขมัน ดงั นี้ - หากมกี รดไขมัน 1 โมเลกุล เรียกวา่ มอโนกลีเซอไรด์ - หากมกี รดไขมนั 1 โมเลกลุ เรยี กวา่ ไดกลเี ซอไรด์ - หากมกี รดไขมัน 1 โมเลกลุ เรียกวา่ ไตรกลเี ซอไรด์ ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป/ขัน้ ดำเนนิ การคน้ หาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ครูตงั้ คำถามเพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียน - กรดไขมันมีสมบตั อิ ย่างไร (แนวตอบ : ไมล่ ะลายน้ำ จดุ เดือดและจุดหลอมเหลวสูงข้ึนตามจำนวนคารบ์ อนอะตอม) - กรดไขมันอม่ิ ตวั กับกรดไขมนั ไม่อม่ิ ตัวแตกตา่ งกนั อย่างไร (แนวตอบ : กรดไขมนั อ่ิมตวั อะตอมของคาร์บอนในโมเลกลุ ตอ่ กนั ด้วยพนั ธะเดีย่ ว พบใน ไขมันจากสตั ว์ หรอื จากพืชบางชนดิ เชน่ น้ำมันมะพร้าว นำ้ มันปาลม์ กรดไขมนั ไม่อิ่มตัว อะตอมของคารบ์ อนในโมเลกุลต่อกันดว้ ยพันธะคู่ ทำปฏกิ ริ ยิ ากบั ออกซเิ จนในอากาศ เกดิ เปน็ สารประเภทเพอร์ออกไซด์ ทำให้เกิดกลิ่นเหมน็ หืน) - การรวมตวั กันระหว่างโมเลกลุ กรดไขมนั กับโมเลกุลกลีเซอรอล เรียกวา่ ปฏกิ ริ ิยาอะไร (แนวตอบ : ดไี ฮเดรชัน (dehydration) หรอื ปฏิกิรยิ าควบแน่น (condensation)) - จงยกตวั อย่างลิพดิ เชิงซอ้ น และลิพิดอนพุ ันธ์ (แนวตอบ : ลพิ ดิ เชงิ ซ้อน เช่น ฟอสโฟลพิ ิด ไกลโคลิพิด ลโิ พโปรตีน ลพิ ิดอนพุ นั ธ์ เชน่ คอเลสเตอรอล โพรเจสเทอโรน เทสโทสเทอโรน) ขน้ั ขยายความรูแ้ ละนำเสนอผลการค้นหาคำตอบ 1. ครอู ธบิ ายเพ่มิ เติมเก่ียวกับการทดสอบหาปรมิ าณกรดไขมันไมอ่ ิม่ ตัวในน้ำมันชนดิ ตา่ งๆ ดังน้ี สามารถทดสอบหาปรมิ าณกรดไขมันไมอ่ มิ่ ตวั โดยใหท้ ำปฏกิ ริ ิยากบั ไอโอดนี ซึ่งไอโอดนี สามารถเขา้ ทำปฏกิ ิริยาบริเวณพนั ธะคูร่ ะหว่างอะตอมคาร์บอน เกดิ เปน็ สารทไ่ี ม่มีสี ดังนัน้ หากนำ้ มัน มีปริมาณกรดไขมนั ไม่อมิ่ ตัวอยู่มาก จะสามารถฟอกสีของไอโอดีนไดม้ าก โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเปี่ยม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชีววทิ ยา1 มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 23 2. ใหน้ ักเรยี นแบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 5-6 คน ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม เรอื่ ง ปรมิ าณกรดไขมันไมอ่ ิม่ ตวั ในน้ำมนั พชื และน้ำมนั สัตว์ แล้วรว่ มกันอภปิ รายและสรปุ ผลการทำกจิ กรรม 3. ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกบั การเหมน็ หืนของน้ำมนั โดยนำ้ มนั ที่มีกรดไขมันไม่อ่ิมตวั จะเหมน็ หืนได้ ง่ายกวา่ ซึ่งสามารถแกไ้ ขได้ด้วยการเตมิ วติ ามินอีเพอ่ื ชะลอการเหมน็ หืน 4. ครูตง้ั คำถามเชอื่ มโยงกบั ชวี ิตประจำวนั ดงั นี้ - เหตุใดเม่ือนำนำ้ มันพืชบางชนิดไปแชใ่ นต้เู ยน็ นำ้ มนั นน้ั จะไมแ่ ข็งตัว (แนวตอบ : น้ำมันพืชจะประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวปริมาณมาก ซึ่งกรดไขมันไม่ อิ่มตวั ส่วนใหญม่ จี ุดหลอมเหลวตำ่ ประมาณ -0.5 ถึง -49 oC ซง่ึ ต่ำกว่าอณุ หภมู ิในตูเ้ ย็น น้ำมัน นั้นจึงไม่แข็งตัว ส่วนกรดไขมันอิ่มตัวส่วนใหญ่มีจุดหลอมเหลวประมาณ 44-48 C ซึ่งสูงกว่า อณุ หภูมใิ นตู้เย็น น้ำมนั น้นั จึงแขง็ ตวั ) - น้ำมันท่ใี ช้ประกอบอาหารทข่ี ายทวั่ ไปในท้องตลาด มีความแตกต่างกันอยา่ งไร (แนวตอบ : น้ำมันที่ขายในท้องตลาดมีหลายชนิด เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันปาล์ม น้ำมนั ถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด น้ำมันเมล็ดทานตะวัน ซึ่งประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว ส่วน น้ำมันจากสัตว์ เช่น นำ้ มันหมู ประกอบไปดว้ ยกรดไขมันอิม่ ตวั ) ชั่วโมงที่ 4 ขน้ั นำเข้าส่บู ทเรยี น/ข้นั ต้งั คำถาม 1. ครตู ั้งคำถามเพอ่ื ตรวจสอบความรู้เดิมของนกั เรยี น - ลกั ษณะของสิง่ มีชวี ติ ถกู ควบคมุ ด้วยสารใด (แนวตอบ : สารพนั ธกุ รรม) - สารพันธกุ รรมในส่งิ มีชวี ิตแต่ละชนดิ เปน็ สารเดียวกันหรอื ไม่ อย่างไร (แนวตอบ : สารพันธุกรรมในสิ่งมชี ีวิตแต่ละชนดิ แตกต่างกัน โดยอาจเป็น DNA หรอื RNA) 2. ครอู าจนำภาพหรอื แบบจำลอง DNA ให้นกั เรยี นสังเกตลักษณะและส่วนประกอบตา่ งๆ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ รายเกี่ยวกบั นิวคลีโอไทล์ นำ้ ตาลเพนโทส ไนโตรจีนัสเบส และหมู่ ฟอสเฟต ขน้ั สำรวจและคน้ พบ/ข้นั การเตรียมการค้นหาคำตอบ 1. ให้นกั เรยี นศกึ ษาเก่ียวกบั ประเด็นต่างๆ ดังน้ี - นิวคลีโอไทล์ - น้ำตาลเพนโทส - ไนโตรจีนสั เบส - หมูฟ่ อสเฟต - ชนิดของกรดนิวคลีอิก โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บญุ เป่ียม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชีววทิ ยา1 มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 24 สรุปสาระสำคญั ลงในสมดุ บันทกึ ของนกั เรียน 2. ครูเน้นย้ำให้นักเรียนสังเกตความแตกต่างระหว่าง DNA กับ RNA แต่ยังไม่ต้องศึกษาโครงสร้าง ละเอียด ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ /ขนั้ ดำเนนิ การคน้ หาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ครูตัง้ คำถามเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน ดงั น้ี - แต่ละโมเลกุลของนวิ คลีโอไทด์ประกอบดว้ ยหน่วยย่อยอะไรบา้ ง (แนวตอบ : นำ้ ตาลเพนโทส ไนโตรจีนัสเบส และหมู่ฟอสเฟต) - DNA กบั RNA แตกต่างกันอย่างไร (แนวตอบ : แตกต่างกันทชี่ นิดของเบส (ใน DNA เปน็ A C G T สว่ นใน RNA เป็น A C G U) ชนดิ ของน้ำตาล (ใน DNA เป็นดีออกซีไรโบส ส่วนใน RNA เป็น ไรโบส)) 2. ครอู าจแจ้งวา่ ในหน่วยการร้นู ี้ นักเรียนอาจยังไมต่ อ้ งศกึ ษาโครงสร้างและหนา้ ท่ีของ DNA กบั RNA อยา่ งละเอียด ซึง่ นักเรียนจะไดศ้ กึ ษาต่อไปในเร่ืองพนั ธุศาสตร์ แต่ให้นักเรยี นทราบเพียงวา่ กรดนิวคลีอิกเปน็ สารพันธุกรรมอย่ใู นนิวเคลียส มหี น้าทีค่ วบคุมการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม ชั่วโมงท่ี 5 ขัน้ นำเข้าสู่บทเรยี น/ข้นั ตงั้ คำถาม 1. ครตู ้งั คำถามเพ่ือตรวจสอบความร้เู ดิมของนักเรยี น 1.1 ให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่างอาการหรือโรคท่ีเกิดจากการขาดวิตามนิ (แนวตอบ : พจิ ารณาจากคำตอบของนกั เรียน ตัวอยา่ งเช่น - โรคตาบอดกลางคืน เกดิ จากการขาดวิตามนิ เอ - โรคเหน็บชา เกิดจากการขาดวติ ามินบี 1 - โรคลกั ปดิ ลักเปดิ เกิดจากการขาดวิตามนิ ซี - โรคกระดกู อ่อน เกดิ จากการขาดวิตามินดี - เลอื ดแขง็ ตวั ช้า เกิดจากการขาดวิตามินเค) ขัน้ สำรวจและคน้ พบ/ขนั้ การเตรียมการคน้ หาคำตอบ 1. ให้นักเรยี นแบ่งกลุม่ กลุม่ ละ 6 คน ศกึ ษาเกยี่ วกับวติ ามนิ ชนดิ ต่างๆ ดงั นี้ - คนท่ี 1 ศึกษาวิตามินซี - คนที่ 2 ศึกษาวิตามนิ บี - คนที่ 3 ศกึ ษาวิตามนิ เอ - คนท่ี 4 ศึกษาวติ ามินดี - คนท่ี 5 ศึกษาวิตามินอี - คนที่ 6 ศึกษาวติ ามินเค สรปุ สาระสำคัญในประเดน็ ของความสำคัญ และแหลง่ ทพ่ี บลงในสมุดบันทกึ ของนักเรียน 2. ใหน้ กั เรียนแต่ละกล่มุ สรุปความรู้ที่ศกึ ษาเปน็ แผนผังความคดิ ในรูปแบบ mind mapping โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บญุ เป่ยี ม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชีววทิ ยา1 มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 25 ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ /ขั้นดำเนนิ การค้นหาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายและสรุปประเด็นเกยี่ วกับเรือ่ งวติ ามิน 2. ครตู ้ังคำถามเพ่อื ตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี น ดังนี้ - รา่ งกายสงิ่ มีชีวติ จำเป็นตอ้ งได้รบั วิตามนิ หรอื ไม่ อยา่ งไร (แนวตอบ : จำเป็น เพราะวิตามินช่วยควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายให้ ทำงานได้อย่างปกติ ซึ่งร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินได้เอง จึงจำเป็นต้องได้รับจาก สารอาหาร) - วติ ามนิ พบไดม้ ากในอาหารประเภทใด (แนวตอบ : วิตามนิ พบไดใ้ นอาหารหลายชนิด แตพ่ บได้มากในผลไม)้ ขน้ั ขยายความรู้และนำเสนอผลการคน้ หาคำตอบ 1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายและสรุปความสำคัญของสารอินทรยี ์แต่ละชนิดต่อร่างกาย สง่ิ มชี ีวติ โดยควรสรปุ ประเดน็ สำคัญได้ ดังน้ี - คาร์โบไฮเดรต : เปน็ แหลง่ พลงั งานและวัตถุดบิ สำหรบั สร้างโครงร่างและส่วนประกอบของเซลล์ - โปรตีน : เปน็ โครงสรา้ งของเซลล์ เป็นตัวเร่งปฏิกริ ิยาเคมีภายในเซลล์ ควบคมุ การทำงานของ ร่างกาย เก่ยี วขอ้ งกับระบบภูมคิ ุม้ กัน - ลพิ ิด : เปน็ แหลง่ พลงั งาน ป้องกนั การสญู เสียน้ำ ควบคมุ อณุ หภูมิของร่างกาย ป้องกนั การ กระทบกระแทกของอวัยวะภายในร่างกาย - กรดนิวคลีอิก : ควบคุมการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมของสง่ิ มีชีวิต - วติ ามนิ : ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ในรา่ งกายให้อย่ใู นสภาวะปกติ 2. ครูนำอภปิ รายวา่ จากการศึกษาพบว่าสารอินทรีย์แตล่ ะชนิดล้วนมคี วามสำคญั ต่อสิ่งมีชีวติ ดงั นัน้ จงึ ควรบริโภคอาหารทีห่ ลากหลายและมปี ระโยชน์ ทั้งนเ้ี พอื่ สุขภาพรา่ งกายที่สมบูรณ์แขง็ แรง 3. ครกู ล่าวเชื่อมโยงเข้าส่เู นือ้ หาทจ่ี ะได้ศึกษาตอ่ ไปวา่ สารอาหารต่างๆ ทั้งสารอนินทรยี ์และ สารอินทรยี ์ เมอ่ื เข้าสู่รา่ งกายแล้วจะถกู ลำเลียงไปสเู่ ซลล์ แล้วเกดิ ปฏิกิริยาเคมภี ายในเซลล์ 4. ครูมอบหมายให้นกั เรียนทำแบบฝึกทักษะ เร่ือง สารอนิ ทรยี ์ ขั้นสรุปและประเมนิ ผล 1. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสงั เกตการตอบคำถาม การรว่ มกันทำผลงาน และการนำเสนอผลงาน 2. ครูวัดและประเมินผลจากการทำใบงาน เรอ่ื ง คาร์โบไฮเดรต 3. ครูวัดและประเมินจาก แบบบันทึกบทปฏิบัติการ เรื่อง ปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัวในน้ำมันพืชแล น้ำมนั สตั ว์ 4. ครตู รวจสอบผลการทำแบบฝึกหัด โดย ครูสดุ าภรณ์ สืบบุญเป่ียม กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชวี วิทยา1 มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 26 9. ส่อื การเรยี นการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ รายการสอื่ จำนวน สภาพการใช้ส่ือ 1. ใบงาน เรื่อง คาร์โบไฮเดรต 1 ชดุ ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ 2. บทปฏิบัตกิ าร เรอื่ ง ปรมิ าณกรดไขมนั ไม่อิ่มตัวในน้ำมนั พชื และ 1 ชดุ ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ นำ้ มันสัตว์ 10. การวดั ผลและประเมินผล เป้าหมาย หลกั ฐานการเรียนรู้ วธิ วี ัด เครื่องมอื วัดฯ ประเดน็ / การเรียนรู้ ชนิ้ งาน/ภาระงาน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1) อธิบายโครงสรา้ ง 1. ใบงาน เรื่อง ความสำคัญ และ คารโ์ บไฮเดรต ตรวจใบงาน เรื่อง แบบประเมนิ ใบงาน ระดบั คุณภาพ ชนิดของ 2. บทปฏบิ ัตกิ าร เรือ่ ง คาร์โบไฮเดรต ปรมิ าณกรดไขมันไม่ คาร์โบไฮเดรต ร้อยละ 65 ผา่ นเกณฑ์ โปรตนี ลพิ ดิ และ อ่ิมตัวในน้ำมันพืชและ กรดนิวคลอี ิกได้ นำ้ มันสัตว์ ตรวจ บท แบบประเมนิ แบบ ระดบั คณุ ภาพ 2) สืบค้นขอ้ มลู และ อภปิ รายเก่ยี วกบั 3. การนำเสนอผลงาน ปฏบิ ตั ิการ เรือ่ ง บทปฏิบตั กิ าร เร่ือง รอ้ ยละ 65 ผ่านเกณฑ์ ความสำคญั ของ สารอินทรยี ์ตอ่ 4. พฤตกิ รรมการ ปรมิ าณกรดไขมัน ปริมาณกรดไขมัน สิ่งมชี วี ติ ได้ ทำงานรายบุคคล 3) สนใจใฝร่ ูใ้ น ไมอ่ ่ิมตวั ในน้ำมนั ไมอ่ ่มิ ตัวในนำ้ มัน การศึกษา และมี 5. พฤตกิ รรมการ ความรบั ผิดชอบ ทำงานรายกลุ่ม พืชและน้ำมนั สตั ว์ พืชและนำ้ มันสตั ว์ 6. คณุ ลักษณะ ประเมนิ การ ผลงานทนี่ ำเสนอ ระดับคุณภาพ 2 อนั พึงประสงค์ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2 การทำงาน พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์ รายบุคคล การทำงาน รายบคุ คล สังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดับคุณภาพ 2 การทำงานรายกลมุ่ พฤตกิ รรม ผ่านเกณฑ์ การทำงานรายกลมุ่ สงั เกตความมีวนิ ัย แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2 ใฝเ่ รยี นรู้และมุ่งมน่ั คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ โดย ครูสดุ าภรณ์ สืบบญุ เปย่ี ม กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชีววทิ ยา1 มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 27 แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 3 21 1 เน้อื หาละเอยี ดชัดเจน 2 ความถกู ต้องของเนอื้ หา   3 ภาษาทใี่ ช้เข้าใจง่าย   4 ประโยชนท์ ไ่ี ดจ้ ากการนำเสนอ   5 วิธีการนำเสนอผลงาน     รวม ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน (นางสาวสุดาภรณ์ สบื บุญเป่ียม) ............./................../............... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 - 15 ดมี าก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรับปรงุ โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บุญเปยี่ ม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชีววิทยา1 มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 28 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 3 21 1 การแสดงความคิดเหน็   2 การยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น   3 การทำงานตามหนา้ ทีท่ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย   4 ความมีนำ้ ใจ   5 การตรงต่อเวลา   รวม ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน (นางสาวสดุ าภรณ์ สืบบญุ เป่ยี ม) ............./................../.............. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14 - 15 ดมี าก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเปี่ยม กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าชีววิทยา1 มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 29 แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม คำช้ีแจง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน การมี การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี ส่วนรว่ มใน รวม ช่ือ – สกุล ความ ฟังคนอ่นื ตามที่ได้รบั น้ำใจ การ 15 ลำดับที่ ของนักเรียน คดิ เหน็ มอบหมาย ปรับปรงุ คะแนน ผลงานกลุม่ 321321321321321 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสมำ่ เสมอ (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบญุ เป่ียม ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครง้ั ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ............../.................../............... ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 14 - 15 ดมี าก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรุง โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเปี่ยม กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชีววทิ ยา1 มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 30 แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คำชแ้ี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องท่ี ตรงกับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น 321 1. มีวนิ ยั รับผดิ ชอบ 1.1 ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคบั ของครอบครัว มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจำวัน 2. ใฝเ่ รียนรู้ 2.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏบิ ตั ไิ ด้ 2.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 2.3 เชอื่ ฟงั คำสั่งสอนของบดิ า - มารดา โดยไม่โต้แย้ง 2.4 ตง้ั ใจเรยี น 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน 3.1 มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทำงานท่ีได้รับมอบหมาย 3.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแท้ตอ่ อุปสรรคเพ่อื ใหง้ านสำเรจ็ ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบุญเป่ยี ม) ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมทีป่ ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 51 - 60 ดีมาก 41 - 50 ดี 30 - 40 พอใช้ ต่ำกวา่ 30 ปรบั ปรุง โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเปย่ี ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชีววิทยา1 มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 31 11. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงช่อื .................................................. (...................................) รองผู้อำนวยการฝา่ ยวชิ าการ 12. บันทึกผลหลังการสอน  เนือ้ หา  กจิ กรรมการเรียนรู้  สือ่ ประกอบการเรียนรู้  พฤติกรรม/การมีสว่ นรว่ มของผู้เรยี น ลงชื่อ..................................................ผสู้ อน (นางสาวสดุ าภรณ์ สบื บญุ เปีย่ ม) ตำแหน่ง ครผู ชู้ ่วย โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเป่ยี ม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชีววิทยา1 มัธยมศึกษาปีท่ี 4 32 ใบงาน เรอ่ื ง คารโ์ บไฮเดรต คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นสรปุ ใจความสำคัญเร่อื ง คารโ์ บไฮเดรต เป็นผังมโนทศั น์ วิธดี ำเนนิ การ 1. ให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 5-6 คน สบื คน้ ข้อมูลเก่ยี วกบั คารโ์ บไฮเดรต แล้วสรปุ ใจความสำคญั เป็นผังมโนทัศน์ใหม้ คี วามน่าสนใจ โดยอาจมีประเด็นตา่ งๆ ดงั นี้ • สูตรโมเลกุล • ประเภท - มอโนแซ็กคาไรด์ (ชนิด ลกั ษณะ แหล่งท่ีพบ) - โอลิโกแซก็ คาไรด์ (ชนดิ ลกั ษณะ แหล่งทพ่ี บ) - พอลแิ ซก็ คาไรด์ (ชนิด ลักษณะ แหลง่ ที่พบ) • การทดสอบ โดยจดั ทำชน้ิ งานท่ีมีขนาดเท่ากบั กระดาษ A4 ทีต่ ่อกันจำนวน 6 แผน่ 2. ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่ม นำเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรยี น โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบญุ เป่ียม กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชวี วทิ ยา1 มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 33 แผนการจัดการเรยี นรู้ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรือ่ ง เคมที เี่ ป็นพื้นฐานของส่งิ มชี ีวิต แผนจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 เร่ือง ปฏกิ ริ ิยาเคมใี นเซลล์ของสิ่งมีชวี ิต รายวิชา ชีววทิ ยา1 รหสั วิชา ว31203 ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 4/1 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565 นำ้ หนกั เวลาเรยี น 1.5 (นน./นก.) เวลาเรยี น 3 ชัว่ โมง/สปั ดาห์ เวลาทีใ่ ช้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 6 ชั่วโมง .......................................................................................................................................................... 1. สาระสำคัญ ปฏิกิริยาเคมีในเซลลข์ องส่ิงมีชีวิต มี 2 ประเภท คือ ปฏิกิริยาคายพลังงานและปฏิกริ ยิ าดูดพลังงาน ปฏิกิริยาเหลา่ นจี้ ำเปน็ ต้องอาศยั เอนไซมช์ ่วยเรง่ ปฏิกริ ิยา ความเปน็ กรด-เบส อุณหภูมิ ความเข้มข้นของสารต้ัง ตน้ และความเขม้ ขน้ ของเอนไซมม์ ผี ลตอ่ ปฏิกริ ิยาต่างๆ ในเซลล์ ปฏิกิริยาอาจหยุดชะงักหรอื หยุดไปถ้ามีสารที่ มสี มบัตยิ บั ยง้ั การทำงานของเอนไซม์เขา้ รวมกบั เอนไซมห์ รอื สารตง้ั ต้น 2. ผลการเรียนรู้ 8. สืบคน้ ข้อมูลและอธิบายปฏกิ ิรยิ าเคมีท่ีเกดิ ขนึ้ ในสงิ่ มีชีวิต 9. อธบิ ายการทำงานของเอนไซมใ์ นการเร่งปฏิกริ ยิ าเคมใี นสงิ่ มีชวี ิต และระบุปัจจัยท่ีมผี ลตอ่ การ ทำงานของเอนไซม์ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เน้ือหาสาระหลัก : Knowledge 1) อธบิ ายการเกิดปฏิกิรยิ าดูดพลงั งานและปฏกิ ริ ิยาคายพลงั งานได้ 2) อธิบายการทำงานของเอนไซม์ ตัวยังยั้งเอนไซม์ และปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อการทำงานของ เอนไซม์ได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1) ทดลองเพอ่ื ศกึ ษาการทำงานของเอนไซม์จากเนื้อเยือ่ ของส่งิ มีชวี ติ ได้ 3.3 คณุ ลกั ษณะทีพ่ ึงประสงค์ : Attitude 1) สนใจใฝ่รใู้ นการศึกษา 4. สมรรถนะสำคัญของนักเรยี น 1) ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ความสามารถในการคิด 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบญุ เป่ียม กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าชวี วิทยา1 มัธยมศึกษาปที ี่ 4 34 5. คุณลักษณะของวิชา 1) ความรบั ผิดชอบ 2) กระบวนการกล่มุ 6. คณุ ลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน : 1. กิจกรรม เรื่อง การทำงานของเอนไซม์ 2. ใบงาน เรอื่ ง ปจั จัยที่มีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ 3. แบบทดสอบหลังเรยี น เรอ่ื ง เคมีพนื้ ฐานของสิง่ มชี วี ติ 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงท่ี 1 ข้ันนำเขา้ สบู่ ทเรียน/ขั้นตัง้ คำถาม 1. ครูกระตุ้นความสนใจของนกั เรียนเกีย่ วกบั เรอ่ื งปฏิกริ ิยาเคมี โดยใหน้ ักเรียนดสู ่ือดิจิทลั จาก อินเทอรเ์ น็ต หรือ PowerPoint หรือภาพยนตร์สารคดีสั้น TWIG เรอื่ ง การเปลีย่ นแปลงพลังงานของปฏกิ ริ ิยา 2. ครตู ัง้ ประเดน็ เพื่อให้นกั เรยี นศึกษาเกี่ยวกับปฏิกริ ิยาดดู พลงั งานและปฏกิ ริ ยิ าคายพลังงาน ดงั นี้ - ปฏกิ ิริยาการแยกน้ำด้วยไฟฟา้ - ปฏกิ ิริยาการรวมตัวของอะตอมไฮโดรเจนกับอะตอมออกซเิ จนเปน็ โมเลกลุ ของนำ้ ขนั้ สำรวจและคน้ พบ/ขนั้ การเตรียมการคน้ หาคำตอบ 1. ให้นักเรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 4-5 คน ศกึ ษาขอ้ มูลเกย่ี วกบั ปฏกิ ิรยิ าท่ีครูกำหนดข้างตน้ ในประเด็น ตา่ งๆ ดังน้ี - สารตั้งต้นของปฏกิ ิริยา - ผลิตภัณฑข์ องปฏิกิริยา - การเปลยี่ นแปลงพลังงานในปฏิกริ ิยา - พนั ธะเคมี - พลงั งานพนั ธะ - ประเภทของปฏิกริ ิยาเคมี โดยนกั เรียนอาจศกึ ษาได้จากใบความรู้ เร่อื ง ประเภทของปฏิกิริยาเคมี 2. ให้นักเรยี นแต่ละกลุม่ สรุปความรู้ท่ศี กึ ษาในรปู แบบของผงั มโนทัศน์ หรอื รูปแบบอืน่ ๆ ทน่ี ่าสนใจ 3. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายเก่ียวกบั ปฏิกิรยิ าเคมที ่ีศึกษา โดยควรมีแนวการอภิปราย ดงั นี้ - อะตอมของธาตุหรอื สารประกอบรวมตัวกนั อยู่ไดด้ ว้ ยพนั ธะเคมซี ่ึงมพี ลงั งานสะสมอยู่ - โมเลกุลของสารทกุ ชนิดมพี ลงั งานสะสมอยใู่ นรปู ของพลังงานพนั ธะ โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บญุ เปยี่ ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชีววทิ ยา1 มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 35 - ถา้ พลงั งานพันธะของสารตงั้ ตน้ สงู กวา่ พลงั งานพนั ธะของผลิตภัณฑ์ เมอ่ื เกิดปฏิกิริยาจะมี พลังงานถกู ปลดปลอ่ ยออกมา เรยี กปฏิกริ ิยาแบบน้ีวา่ ปฏิกิริยาคายพลังงาน - ปฏิกิรยิ าการรวมตวั กันระหว่างอะตอมของไฮโดรเจนกบั อะตอมออกซเิ จน จะต้องมกี ารใช้ พลังงานไปกระตุ้นเพ่อื สลายพันธะและสรา้ งพันธะใหมร่ ะหวา่ งไฮโดรเจนกบั ออกซิเจนกลายเปน็ น้ำ ซึง่ มี พลังงานถูกปลดหลอ่ ยออกมา โดยพลงั งานท่ปี ลดปลอ่ ยออกมามีค่ามากกวา่ พลังงานกระตุน้ จึงเป็นปฏิกิริยา คายพลงั งาน - ถ้าพลงั งานพนั ธะของสารตงั้ ตน้ ต่ำกวา่ พลังงานพนั ธะของผลิตภณั ฑ์ เม่ือเกดิ ปฏกิ ริ ิยา จำเป็นตอ้ งใช้พลังงานจากภายนอก เรียกปฏกิ ิริยาแบบนี้วา่ ปฏิกริ ยิ าดูดพลงั งาน - ปฏกิ ริ ยิ าการแยกน้ำดว้ ยไฟฟา้ จะต้องมีการใช้พลงั งานไปกระตุ้นเพ่ือสลายพนั ธะระหว่าง ไฮโดรเจนกับออกซิเจน และมกี ารสร้างพนั ธะใหมร่ ะหวา่ งไฮโดรเจนกบั ไฮโดรเจน และออกซเิ จนกบั ออกซิเจน โดยพลังงานท่ใี ช้กระตุน้ มีคา่ มากกว่าพลงั งานทปี่ ล่อยออกมา จึงเปน็ ปฏกิ ิรยิ าดูดพลงั งาน ชวั่ โมงที่ 2 ข้ันสำรวจและคน้ พบ/ขัน้ การเตรยี มการค้นหาคำตอบ 1. ครตู ้งั คำถามใหน้ ักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ ดงั น้ี 1) ภายในเซลล์ของสง่ิ มีชวี ติ มีปฏิกิรยิ าเคมีเกิดข้ึนหรอื ไม่ (แนวตอบ : มี ซึ่งมีทั้งปฏิกิริยาสลายสารและสังเคราะห์สาร โดยเรียกปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในเซลล์ สิ่งมชี วี ติ ว่า เมแทบอลซิ ึม) 2) เอนไซม์มคี วามสำคญั ต่อสิ่งมชี ีวติ อยา่ งไร (แนวตอบ : เอนไซม์มีความสำคัญต่อสิ่งมชี ีวิต เนื่องจากปฏิกิริยาเคมีภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตต้อง อาศัยเอนไซม์) 3. ให้นักเรยี นกล่มุ เดมิ จากชว่ั โมงทแี่ ล้ว ศึกษาข้อมลู เกย่ี วกบั ประเดน็ ต่างๆ ดงั นี้ - การเรยี กช่ือเอนไซม์ - กลไกการทำงานของเอนไซม์ - ปจั จยั ที่มผี ลต่อการทำงานของเอนไซม์ 4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปความรู้ที่ศึกษาแล้วร่วมกันตั้งคำถามกลุ่มละ 1-2 คำถาม เกี่ยวกับเรือ่ ง ดงั กล่าว ตวั อยา่ งเชน่ - เอนไซมม์ ีสมบัตอิ ย่างไร - การเรียกชอื่ เอนไซมม์ กี ว่ี ธิ ี อย่างไรบา้ ง - เอนไซม์มกี ลไกการทำงานอย่างไร - เอนไซม์เขา้ จับสารต้งั ตน้ ทบ่ี รเิ วณใด - การจบั กนั ระหวา่ งเอนไซม์กบั สารตงั้ ตน้ มีกีท่ ฤษฎี อะไรบ้าง โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเป่ยี ม กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชีววิทยา1 มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 36 ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรุป/ข้นั ดำเนินการคน้ หาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ให้นกั เรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมาถามคำถามเพ่ือนในชนั้ เรียน โดยมีแนวการตอบคำถาม ดังน้ี 1) เอนไซมม์ สี มบตั อิ ย่างไร (แนวตอบ : เอนไซม์เป็นโปรตีนทรงกลม มคี วามจำเพาะเจาะจง มีประสทิ ธภิ าพการทำงานสูง คงสภาพเดิม ตลอดปฏิกิริยา แต่อาจเสยี สภาพเมอ่ื ได้รับความร้อน หรืออยู่ในภาวะกรด-เบสท่ีไมเ่ หมาะสม) 2) การเรยี กช่ือเอนไซม์มกี ี่วิธี อยา่ งไรบ้าง (แนวตอบ : การเรียกชอ่ื เอนไซม์มี 3 วธิ ี ได้แก่ 1. เรียกตามชนิดของสารต้ังตน้ โดนเติม –ase ลงไปทา้ ยช่ือ สารต้ังต้น 2. เรยี กตามชนดิ ของปฏกิ ริ ยิ าทเี่ กิดข้ึน โดยเติม –ase ลงไปท้ายชื่อปฏกิ ิริยา 3. เรยี กชอ่ื เฉพาะ) 3) เอนไซมม์ ีกลไกการทำงานอยา่ งไร (แนวตอบ : เอนไซม์จะไปลดพลังงานกอ่ กัมมันต์หรือพลงั งานกระตนุ้ ในการเกดิ ปฏกิ ริ ิยา และทำให้สารตัง้ ต้น ชนกนั ในทิศทางทเี่ หมาะสม) 4) เอนไซม์เข้าจับสารต้งั ต้นทบ่ี ริเวณใด (แนวตอบ : บรเิ วณเร่ง (active site)) 5) การจับกันระหว่างเอนไซมก์ บั สารตั้งต้นมีกี่ทฤษฎี อะไรบา้ ง (แนวตอบ : 2 ทฤษฎี ได้แก่ 1. ทฤษฎแี มก่ ญุ แจและลกู กญุ แจ 2. ทฤษฎีการเหน่ยี วนำ) 6) ปจั จยั ใดบา้ งท่มี ผี ลต่อการทำงานของเอนไซม์ (แนวตอบ : 1. ความเขม้ ขน้ ของเอนไซม์ 2. ความเข้มขน้ ของสารตงั้ ตน้ 3. ความเปน็ กรด-เบส 4. อุณหภูมิ) ชวั่ โมงที่ 3-4 ข้นั สำรวจและคน้ พบ/ข้ันการเตรียมการคน้ หาคำตอบ 1. ครูนำอภิปรายเพื่อเข้าสู่กิจกรรมเรื่อง การทำงานของเอนไซม์ โดยให้นักเรียนพิจารณาข้อความ ต่อไปน้ี “ไฮโดรเจนเปอรอ์ อกไซด์ (H2O2) เป็นผลิตภัณฑ์จากปฏิกริ ิยาเคมีทีเ่ กิดขึน้ ภายในเซลล์ ซึ่งเป็นสารท่ี อันตรายต่อเซลล์ หากไม่ถูกทำงายอาจสง่ ผลให้เซลลต์ าย แต่เซลล์ทั่วไปยังคงมีชวี ิตอยูไ่ ด้ ดังนัน้ จะเป็นไปได้ หรอื ไม่ว่าภายในเซลล์มีปฏิกิริยาสลายไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์” 1) จากข้อความขา้ งต้น นักเรยี นสรปุ ข้อเทจ็ จรงิ ได้อย่างไรบ้าง (แนวตอบ : - H2O2 เปน็ สารทีเ่ กดิ จากปฏิกิริยาเคมภี ายในเซลล์ - H2O2 เปน็ อนั ตรายตอ่ เซลล์ ถ้าสารนไี้ ม่ถูกทำลาย เซลล์อาจตายได้ ดงั น้นั ภายในเซลล์ มีการสลาย H2O2 ซึ่งมีเอนไซม์เขา้ มาเกีย่ วข้อง) โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเปยี่ ม กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชวี วิทยา1 มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 37 2. ให้นักเรียนแบง่ กลุม่ เพอื่ ทำกิจกรรม เร่ือง การทำงานของเอนไซม์ โดยใหน้ ักเรยี นร่วมกันต้ังปัญหา และสมมตุ ิฐานของกจิ กรรม ตัวอย่างเชน่ ปญั หา : เอนไซม์มบี ทบาทอยา่ งไรในการสลาย H2O2 สมมตุ ิฐาน : เอนไซมช์ ว่ ยเร่งปฏกิ ิรยิ าการสลาย H2O2 3. ครูใช้รูปแบบการเรยี นรู้แบบรว่ มมือ เทคนคิ LT มาจดั กระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดให้สมาชิกแต่ ละคนภายในกลุ่ม มีบทบาทหนา้ ท่ขี องตนเอง ดังนี้ สมาชิกคนที่ 1 และ 2 : ทำหน้าทีเ่ ตรียมวัสดุอุปกรณ์ สมาชิกคนท่ี 3 และ 4 : ทำหนา้ ทอ่ี า่ นวธิ ีการทำกจิ กรรม และอธิบายให้สมาชิกในกลุ่มฟัง สมาชกิ คนท่ี 5 และ 6 : ทำหน้าที่บันทกึ ผลการทดลอง สมาชิกคนที่ 7 และ 8 : ทำหน้าท่นี ำเสนอผลการทดลอง 4. ระหว่างที่นักเรียนทำกิจกรรม ครูอาจตั้งคำถามเพื่อให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น ตัวอยา่ งเช่น 1) เพราะเหตใุ ดจึงตอ้ งแบง่ การทดลองออกเปน็ 3 หลอดทดลอง (แนวตอบ : เน่ืองจากการทดลองหลอดที่ 1 และ 2 เปน็ ชดุ ทดลอง สว่ นหลอดที่ 3 เปน็ ชุดควบคุม เพื่อใชเ้ ปรยี บเทียบกับผลท่ไี ด้จากหลอดที่ 1 และ 2) ช่วั โมงท่ี 5-6 ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป/ขน้ั ดำเนินการค้นหาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภิปรายผลการทำกจิ กรรม โดยใช้คำถามท้ายกิจกรรรม หรือคำถามอ่นื ๆ เชน่ 1) ผลการทดลองจากหลอดทดลองท้ังสามหลอดมคี วามแตกตา่ งกนั อย่างไร เพราะเหตใุ ดจงึ เปน็ เช่นนน้ั (แนวตอบ : ในหลอดทดลองที่ 1 เกิดฟองแกส๊ เน่ืองจากการสลายตวั ของ H2O2 เพราะมเี อนไซมช์ ว่ ยเรง่ ปกิ กิรยิ า ในหลอดทดลองท่ี 2 เกิดฟองแก๊สเลก็ น้อยเนอื่ งจากการสลายตัวของ H2O2 เพราะมีเอนไซม์ แตเ่ อนไซม์ บางสว่ นเสียประสทิ ธิภาพไปเนื่องจากความรอ้ น ส่วนหลอดทดลองที่ 3 เกดิ ฟองแก๊สเลก็ นอ้ ยเนอ่ื งจากการ สลายตัวของ H2O2 ตามธรรมชาต)ิ 2) เพราะเหตใุ ดจึงต้องนำของเหลวทไ่ี ด้จากการบดเนอ้ื เยอ่ื ไปอนุ่ จนมีอณุ หภมู ปิ ระมาณ 60-70 oC (แนวตอบ : ทำใหเ้ อนไซม์เสียสภาพ เพราะเอนไซม์เสยี สภาพเมอ่ื ได้รบั ความร้อนสูงกว่า 60 oC) 3) แกส๊ ทเี่ กิดข้ึนในกิจกรรมเป็นแกส๊ ชนิดใด และทดสอบไดอ้ ย่างไร (แนวตอบ : แกส๊ ออกซเิ จน ทดสอบไดโ้ ดยใชธ้ ูปท่ีตดิ ไฟแล้วทำให้เปลวไฟดับเหลือเฉพาะเป็นถ่านแดงๆ จอ่ เขา้ ไปในหลอดทดลอง ซึง่ จะมเี ปลวไปสวา่ งวาบขนึ้ ) โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบญุ เป่ยี ม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชวี วทิ ยา1 มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 38 2. หลังจากอภิปรายผลการทำกิจกรรม ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปเกีย่ วกบั การทำงานของเอนไซม์ ดังนี้ “ในปฏิกิรยิ าสลาย H2O2 เอนไซม์จากเซลล์ทำหน้าที่เรง่ ปฏิกิรยิ า ซงึ่ สงั เกตได้ว่า เมอ่ื ขาดเอนไซม์ การ สลาย H2O2 จะเกิดช้ามาก และจากกจิ กรรมเปน็ การศึกษาถงึ ความเขม้ ข้นของเอนไซม์ทมี่ ผี ลตอ่ การทำงานของ เอนไซม์” ขนั้ ขยายความรู้และนำเสนอผลการคน้ หาคำตอบ 1. หลังจากทน่ี ักเรยี นทำกิจกรรมแล้ว ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ศกึ ษาเรือ่ งต่างๆ ดังนี้ - สารทชี่ ว่ ยเอนไซมใ์ นการทำงานของเอนไซม์ - การยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ - การเสยี สภาพของเอนไซม์ 2. ครตู ้ังคำถามเพือ่ ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุม่ แข่งขันกันตอบคำถาม ดงั นี้ 1) สารใดบ้างที่ช่วยในการทำงานของเอนไซม์ (แนวตอบ : โคแฟกเตอร์ และโคเอนไซม)์ 2) การยบั ยัง้ การทำงานของเอนไซมม์ กี ร่ี ปู แบบ อย่างไรบา้ ง (แนวตอบ : 2 รปู แบบ ได้แก่ 1. การยบั ยง้ั แบบไมท่ วนกลับ 2. การยับยงั้ แบบทวนกลบั ได้) 3) ภาวะใดทมี่ ีผลทำให้เอนไซม์เสียสภาพ (แนวตอบ : อณุ หภมู สิ งู ) 3. จากการทำกิจกรรม เรื่อง การทำงานของเอนไซม์ ใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ออกแบบการทดลองเพื่อ ศกึ ษาปจั จยั ทม่ี ีผลตอ่ การทำงานของเอนไซม์ โดย ทำใบงาน เรอ่ื ง ปจั จยั ทมี่ ีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ ขน้ั สรปุ และประเมินผล 1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลงั เรียน 2. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตการตอบคำถาม การรว่ มกันทำผลงาน และจากการนำเสนอผลงาน 3. ครวู ดั และประเมินการปฏิบตั กิ าร จากการทำ กจิ กรรม เรอ่ื ง การทำงานของเอนไซม์ 4. ครูวดั และประเมนิ การปฏบิ ตั ิการ จากการทำ ใบงาน เรอ่ื ง ปัจจยั ท่ีมีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ 9. สอื่ การเรียนการสอน / แหล่งเรียนรู้ จำนวน สภาพการใช้ส่อื รายการสอ่ื 1 ชดุ ข้นั สำรวจและค้นพบ 1 ชดุ ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป 1. กจิ กรรม เร่อื ง การทำงานของเอนไซม์ 1 ชดุ ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ 2. ใบงาน เรือ่ ง ปจั จัยทมี่ ีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ 3. แบบทดสอบหลงั เรียน เรือ่ ง เคมีพ้ืนฐานของส่งิ มีชวี ติ โดย ครูสดุ าภรณ์ สืบบุญเปย่ี ม กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชวี วทิ ยา1 มัธยมศึกษาปที ่ี 4 39 10. การวัดผลและประเมนิ ผล เปา้ หมาย หลักฐานการเรียนรู้ วิธีวดั เคร่อื งมือวัดฯ ประเด็น/ การเรียนรู้ ช้นิ งาน/ภาระงาน เกณฑ์การให้ 1. อธบิ ายการ 1. แบบทดสอบหลงั ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบหลังเรยี น คะแนน ประเมินตามสภาพ เกิดปฏิกิริยาดดู เรียน เร่ือง เคมี หลังเรยี น เร่อื ง เรือ่ ง เคมพี นื้ ฐานของ จริง พลงั งานและ พน้ื ฐานของสงิ่ มีชวี ิต เคมพี ้ืนฐานของ ส่ิงมชี ีวิต ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ปฏิกิรยิ าคาย สง่ิ มชี ีวติ ระดับคณุ ภาพ พลงั งานได้ 2. กิจกรรม เรอ่ื ง การ ตรวจกิจกรรม เร่ือง แบบประเมินบท ร้อยละ 65 การทำงานของ ปฏิบตั ิการ ผ่านเกณฑ์ 2. อธบิ ายการทำงาน ทำงานของเอนไซม์ เอนไซม์ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ ของเอนไซม์ ตัวยังยงั้ ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ เอนไซม์ และปัจจยั ท่ี 3. ใบงาน เรอื่ ง ปจั จัยท่ี ตรวจใบงาน เร่อื ง แบบประเมนิ ใบงาน ระดับคณุ ภาพ 2 มีผลต่อการทำงาน มผี ลต่อการทำงานของ ปจั จยั ทมี่ ีผลต่อการ ผ่านเกณฑ์ ระดับคุณภาพ 2 ของเอนไซมไ์ ด้ เอนไซม์ ทำงานของเอนไซม์ ผ่านเกณฑ์ 3. ทดลองเพื่อศกึ ษา 4. การนำเสนอผลงาน ประเมนิ การ ผลงานท่นี ำเสนอ การทำงานของ นำเสนอผลงาน เอนไซม์จากเน้อื เยอื่ 5. พฤติกรรมการ สังเกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม ของสิ่งมีชวี ิตได้ ทำงานรายบคุ คล การทำงาน การทำงานรายบคุ คล รายบคุ คล 6. พฤติกรรมการ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ทำงานรายกลมุ่ การทำงานรายกลมุ่ การทำงานรายกลมุ่ 7. คุณลกั ษณะ สงั เกตความมวี นิ ัย แบบประเมนิ อันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นร้แู ละมุง่ มั่น คณุ ลักษณะ ในการทำงาน อันพึงประสงค์ โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเปีย่ ม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชีววทิ ยา1 มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 40 แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 3 21 1 เน้อื หาละเอยี ดชัดเจน 2 ความถกู ต้องของเนอื้ หา   3 ภาษาทใี่ ช้เข้าใจง่าย   4 ประโยชนท์ ไ่ี ดจ้ ากการนำเสนอ   5 วิธีการนำเสนอผลงาน     รวม ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน (นางสาวสุดาภรณ์ สบื บุญเป่ียม) ............./................../............... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกบั รายการประเมนิ สมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 - 15 ดมี าก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรับปรงุ โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บุญเปยี่ ม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชีววิทยา1 มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 41 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 3 21 1 การแสดงความคิดเหน็   2 การยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น   3 การทำงานตามหนา้ ทีท่ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย   4 ความมีนำ้ ใจ   5 การตรงต่อเวลา   รวม ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน (นางสาวสดุ าภรณ์ สืบบญุ เป่ยี ม) ............./................../.............. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยคร้งั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14 - 15 ดมี าก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเปี่ยม กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชวี วิทยา1 มธั ยมศึกษาปีที่ 4 42 แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ คำชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องท่ี ตรงกับระดับคะแนน การมี การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม ชื่อ – สกุล ความ ฟังคนอน่ื ตามที่ได้รับ นำ้ ใจ การ 15 ลำดบั ท่ี ของนักเรยี น คดิ เห็น มอบหมาย ปรบั ปรุง คะแนน ผลงานกลุ่ม 321321321321321 เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่อื ...................................................ผูป้ ระเมนิ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบญุ เป่ยี ม) ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ............../.................../............... ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรับปรุง โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บญุ เปีย่ ม กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชวี วทิ ยา1 มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 43 แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คำชแ้ี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ลงในช่องท่ี ตรงกับระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น 321 1. มีวนิ ยั รับผดิ ชอบ 1.1 ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคบั ของครอบครวั มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชวี ิตประจำวัน 2. ใฝเ่ รียนรู้ 2.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏบิ ัตไิ ด้ 2.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม 2.3 เชอื่ ฟงั คำสั่งสอนของบดิ า - มารดา โดยไม่โต้แยง้ 2.4 ตง้ั ใจเรยี น 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน 3.1 มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทำงานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 3.2 มคี วามอดทนและไมท่ ้อแทต้ ่ออุปสรรคเพ่ือใหง้ านสำเร็จ ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน (นางสาวสุดาภรณ์ สบื บญุ เปย่ี ม) ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมทีป่ ฏิบัติชัดเจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน พฤตกิ รรมท่ปี ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 51 - 60 ดีมาก 41 - 50 ดี 30 - 40 พอใช้ ต่ำกว่า 30 ปรบั ปรงุ โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชีววิทยา1 มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 44 11. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงช่อื .................................................. (...................................) รองผู้อำนวยการฝา่ ยวชิ าการ 12. บันทึกผลหลังการสอน  เนือ้ หา  กจิ กรรมการเรียนรู้  สือ่ ประกอบการเรียนรู้  พฤติกรรม/การมีสว่ นรว่ มของผู้เรยี น ลงชื่อ..................................................ผสู้ อน (นางสาวสดุ าภรณ์ สบื บญุ เปีย่ ม) ตำแหน่ง ครผู ชู้ ่วย โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเป่ยี ม กลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชวี วทิ ยา1 มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 45 ใบงาน เร่ือง ปจั จัยท่มี ผี ลตอ่ การทำงานของเอนไซม์ คำช้แี จง : ให้นักเรยี นออกแบบและดำเนนิ การทดลองเพอื่ ศกึ ษาปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ การทำงานของเอนไซม์ วธิ ดี ำเนนิ การ 1. ให้นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 5-6 คน ออกแบบและดำเนินการทดลองเพ่อื ศึกษาปจั จัยทมี่ ีผลต่อการ ทำงานของเอนไซม์ 2. กำหนดปจั จัยท่ีมีผลตอ่ การทำงานของเอนไซม์โดยไมซ่ ้ำกับกล่มุ อ่ืน ๆ 3. กำหนดปัญหา สมมติฐาน ตัวแปรตน้ ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคมุ และออกแบบการทดลอง โดยบนั ทึก ลงในกรอบด้านล่าง 4. ปฏบิ ตั กิ ารทดลองตามที่ออกแบบไว้ บันทึกผล และนำเสนอผลงาน โดย ครูสดุ าภรณ์ สืบบุญเปี่ยม กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชีววทิ ยา1 มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 46 ใบงาน เฉลย เรอื่ ง ปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ การทำงานของเอนไซม์ คำช้แี จง : ให้นักเรยี นออกแบบและดำเนินการทดลองเพอ่ื ศึกษาปจั จยั ทม่ี ผี ลตอ่ การทำงานของเอนไซม์ วิธดี ำเนนิ การ 1. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 5-6 คน ออกแบบและดำเนินการทดลองเพ่อื ศึกษาปจั จัยทม่ี ีผลต่อการ ทำงานของเอนไซม์ 2. กำหนดปจั จัยที่มีผลต่อการทำงานของเอนไซม์โดยไมซ่ ้ำกบั กลุ่มอ่นื ๆ 3. กำหนดปัญหา สมมตฐิ าน ตวั แปรต้น ตวั แปรตาม ตวั แปรควบคมุ และออกแบบการทดลอง โดยบันทกึ ลงในกรอบดา้ นล่าง 4. ปฏิบตั ิการทดลองตามท่ีออกแบบไว้ บนั ทกึ ผล และนำเสนอผลงาน พิจารณาจากผลงานของนักเรียน โดยอยใู่ นดุลยพินิจของครูผสู้ อน ตัวอยา่ งเช่น ความเขม้ ข้นของสารตั้งต้นต่อการทำงานของเอนไซม์ ปญั หา : ความเข้มข้นของสารต้ังตน้ มีผลตอ่ การทำงานของเอนไซม์หรือไม่ สมมติฐาน : ถา้ ความเข้มขน้ ของสารตงั้ ตน้ มผี ลต่อการทำงานของเอนไซม์ ดังนนั้ ถา้ เปลี่ยนความ เข้มข้นของสารต้งั ต้น อัตราการทำงานของเอนไซมจ์ ะเปลย่ี นแปลงไป ตัวแปรต้น : ความเข้มขน้ ของสารตัง้ ตน้ ตวั แปรตาม : อตั ราการทำงานของเอนไซม์ ตวั แปรควบคุม : ภาชนะทีใ่ ส่ อุณหภมู ิ การออกแบบการทดลอง : 1. นำถัว่ งอกประมาณ 20 กรมั มาบดในโกรง่ บดยาแลว้ เตมิ นำ้ กล่นั 20 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร คนให้ เข้ากนั จากนน้ั ใชผ้ ้าขาวบางคัน้ เอาน้ำเก็บไว้ 2. ใส่ H2O2 ความเข้มขน้ 3% 5% 10% ลงในหลอดทดลองความเขม้ ขน้ ละ 1 หลอด หลอดละ 5 ลูกบาศกเ์ ซนตเิ มตร แล้วใสส่ ารจากข้อ 1. 5 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร 3. ปิดหลอดทดลองท้งั สามหลอดดว้ ยจุกยาง สงั เกตและบันทึกผลการทดลอง โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบญุ เป่ียม กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชีววิทยา1 มัธยมศึกษาปีท่ี 4 47 เฉลย พิจารณาจากผลงานของนกั เรียน โดยอยูใ่ นดุลยพินิจของครูผู้สอน ตวั อยา่ งเช่น ความเข้มขน้ ของเอนไซม์ตอ่ การทำงานของเอนไซม์ ปญั หา : ความเข้มข้นของเอนไซมม์ ีผลต่อการทำงานของเอนไซม์หรือไม่ สมมตฐิ าน : ถา้ ความเข้มขน้ ของเอนไซมม์ ีผลตอ่ การทำงานของเอนไซม์ ดังนน้ั ถ้าเปล่ียนความ เขม้ ขน้ ของเอนไซม์ อัตราการทำงานของเอนไซมจ์ ะเปล่ียนแปลงไป ตวั แปรตน้ : ความเขม้ ขน้ ของเอนไซม์ ตวั แปรตาม : อัตราการทำงานของเอนไซม์ ตวั แปรควบคมุ : ภาชนะท่ใี ส่ อุณหภูมิ การออกแบบการทดลอง : 1. นำถ่วั งอกประมาณ 20 กรัม มาบดในโกร่งบดยาแล้วเตมิ นำ้ กลั่น 20 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร คนให้ เข้ากนั จากน้นั ใช้ผ้าขาวบางคน้ั เอานำ้ เกบ็ ไว้ 2. เจอื จางสารจากขอ้ 1. ให้ได้ความเขม้ ขน้ ตา่ งกนั 3 ระดับ โดยการเตมิ น้ำกลน่ั ลงไป 3. ใส่ H2O2 ความเขม้ ข้น 3% ลงในหลอดทดลอง 3 หลอด หลอดละ 5 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร แลว้ ใส่สารจากข้อ 2. ความเข้มขน้ ละ 5 ลกู บาศก์เซนติเมตร 4. ปดิ หลอดทดลองทั้งสามหลอดดว้ ยจกุ ยาง สงั เกตและบันทึกผลการทดลอง โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเปีย่ ม กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าชวี วทิ ยา1 มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 48 แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว 1. คณุ สมบัตขิ องน้ำมหี ลายประการ ยกเวน้ ข้อใด 5. ข้อใดกล่าวไมถ่ ูกตอ้ ง 1. โมเลกลุ ของน้ำเป็นโมเลกุลทม่ี ขี วั้ 1. ในพชื น้ำตาลสามารถเปลยี่ นรูปกลับมาเปน็ 2. แสดงไดท้ ั้งประจุบวกและประจลุ บ ทำให้ แปง้ ได้ เป็นตวั ทำละลายทดี่ ี 2. คาร์โบไฮเดรตสามารถสะสมในรูปของ 3. เกดิ จากอะตอมของออกซเิ จนกับอะตอม ไกลโคเจนในตับได้ ของไฮโดรเจนยึดเหน่ียวกนั ด้วยพนั ธะโคเว 3. คาร์โบไฮเดรตถูกใช้สำหรบั ผลิตพลงั งานใน เลนต์ เซลลข์ องสิง่ มีชวี ติ 4. แตล่ ะโมเลกุลของน้ำยึดเหนี่ยวกันดว้ ย 4. อะไมโลสประกอบด้วยกลโู คสเรยี งตวั ต่อกัน พนั ธะโคเวเลนต์ ทำให้นำ้ มีสถานะเปน็ เปน็ เสน้ ยาวท่ไี ม่มีการแตกแขนง ของเหลว 5. เซลลโู ลสเกดิ จากโมเลกุลของกลโู คสเช่ือม 5. สามารถแตกตวั ให้ไฮโดรเจนไอออน H+ กันแบบ α (1 → 6 ) glycosidic bond และไฮดรอกไซดไ์ อออน OH- ซึ่งแสดง 6. พันธะใดทเ่ี ชอ่ื มตอ่ ระหวา่ งกรดอะมิโนในสาย สมบัติความเป็นกรด-เบส พอลเิ พปไทด์ 2. น้ำนมของสตั วม์ ีแร่ธาตุใดอยู่ปรมิ าณมาก 1. พันธะโลหะ 1. แคลเซยี มและเหล็ก 2. พันธะอะมิโน 2. ไอโอดนี และโซเดียม 3. พันธะเพปไทด์ 3. แคลเซยี มและฟอสฟอรสั 4. พนั ธะไฮโดรเจน 4. แคลเซยี ม เหล็ก และโพแทสเซียม 5. พนั ธะไกลโคซดิ กิ 5. ฟอสฟอรสั เหลก็ และโพแทสเซยี ม 7. ขอ้ ใดไม่ถกู ต้องเก่ียวกบั คุณสมบตั ขิ องลิพิด 3. ข้อใดถกู ต้องเกย่ี วกับน้ำตาลมอลโทส 1. ช่วยละลายวติ ามิน B และ C 1. ไม่สามารถละลายนำ้ ได้ 2. ช่วยรกั ษาความอบอุ่นของร่างกาย 2. ยอ่ ยได้ดว้ ยเอนไซมเ์ พปซนิ 3. เป็นองคป์ ระกอบสำคัญของเยือ่ หมุ้ เซลล์ 3. โดยท่ัวไปจะเรยี กวา่ นำ้ ตาลทราย 4. ชว่ ยปอ้ งกันการกระทบกระเทือนของ 4. ประกอบด้วยโมเลกุลทเ่ี ลก็ ท่ีสุด คือ กลูโคส อวยั วะภายใน 5. มีความหวานมากกว่าน้ำตาลซูโครส 0.4 5. ไมล่ ะลายนำ้ แต่สามารถละลายไดใ้ น เท่า สารละลายอินทรยี ์ 4. เซลลโู ลสพบได้ในส่วนใดของสิง่ มีชวี ติ 1. เสน้ ผม 2. เปลือกกงุ้ โดย ครูสดุ าภรณ์ สืบบญุ เปีย่ ม กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาชีววิทยา1 มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 49 3. กล้ามเน้ือ 4. กระดองปู 5. ผนงั เซลลข์ องพืช 8. วติ ามินใดทช่ี ่วยป้องกันอาการออ่ นเพลยี 10. ข้อใดกล่าวไม่ถกู ต้อง ป้องกนั โรคโลหติ จาง และปอ้ งกันการเกิดความ 1. เมือ่ ความดนั เพม่ิ ขนึ้ การเกิดปฏกิ ริ ิยาของ ผดิ ปกติ ของกระบวนการเมแทบอลซิ ึมของ สารที่เป็นแก๊ส จะเกดิ ไดเ้ รว็ ขึ้น กรดอะมโิ นตามลำดับ 2. หากสภาวะความเปน็ กรด-เบสเปลยี่ นแปลง 1. B1 B2 B5 จะมีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ 2. B1 B2 B6 3. ในสภาวะทีอ่ ณุ หภูมิต่ำ จะทำให้การ 3. B1 B12 B6 เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเรว็ กวา่ สภาวะท่มี อี ณุ หภูมิสูง 4. B1 B6 B12 4. สารต้ังตน้ ทเ่ี ปน็ ของแขง็ ที่มีพื้นทผี่ ิวมาก จะ 5. B2 B6 B12 เกิดปฏิกริ ิยาเร็วกว่าสารต้งั ตน้ ที่มีพนื้ ทผ่ี ิว 9. ข้อใดไม่ใช่สมบัตขิ องเอนไซม์ นอ้ ย 1. ละลายไดใ้ นน้ำและกลีเซอรอล 5. ถา้ สารตง้ั ตน้ เป็นสารละลายที่มคี วามเขม้ ข้น 2. ทำหน้าที่ลดพลังงานกอ่ กมั มนั ต์ สงู จะเกดิ ปฏิกิรยิ าเรว็ กวา่ สารตง้ั ตน้ ที่เจอื 3. ตกตะกอนในแอลกอฮอลเ์ ข้มขน้ จาง 4. เปน็ สารประเภทโปรตีนรูปทรงกลม 5. ทำงานไดด้ ีเมือ่ ได้รบั ความรอ้ นสงู มาก โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบญุ เป่ยี ม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาชีววทิ ยา1 มัธยมศึกษาปที ี่ 4 50 โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี