Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 3 การดำรงชีวิตของมนุษย์

หน่วยที่ 3 การดำรงชีวิตของมนุษย์

Published by Sudaporn Suboonpiam, 2023-04-16 05:45:10

Description: หน่วยที่ 3 การดำรงชีวิตของมนุษย์

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 1 โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบุญเปี่ยม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 2 แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรื่อง การดำรงชีวิตของมนษุ ย์ แผนจดั การเรยี นรู้ที่1 เร่ือง การรักษาดลุ ยภาพของน้ำและแรธ่ าตุในร่างกาย รายวชิ า วิทยาศาสตร์ชีวภาพ รหสั วิชา ว31101 ระดับช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2566 นำ้ หนักเวลาเรยี น 1.0 (นน./นก.) เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ เวลาท่ใี ชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2 ชั่วโมง ............................................................................................................................. ............................. 1. สาระสำคัญ ไต (kidney) เป็นอวัยวะสำคัญในการรักษาสมดลุ ของน้ำและเกลอื แร่ในร่างกาย ภายในไตมีหน่วยไต ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือด โดยเลือดเข้าสู่ไตหลอดเลือดรีนัลอาร์เตอรีและแตกแขนงเป็นโกล เมอรูลสั นำ้ เลอื ดและโมเลกลุ ของสารตา่ ง ๆ ที่อยใู่ นนำ้ เลอื ดจะออกจากโกลเมอรูลัสเข้าส่โู บว์แมนส์แคปซูล ซง่ึ จะมีเฉพาะของเหลวและสารโมเลกลุ ขนาดเล็ก เชน่ กลูโคส กรดอะมโิ น ทผ่ี า่ นการกรองของโกลเมอรูลสั แต่ สารโมเลกลุ ขนาดใหญ่ เช่น เซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดง โปรตีน จะไมผ่ ่านการกรอง จากนั้นของเหลวจะเข้าสู่ท่อหน่วย ไตซึ่งจะมีการดูดสารที่มีประโยชน์ เช่น กลูโคส กรดอะมิโน น้ำ และไอออนของเกลือแร่ กลับเข้าสูห่ ลอดเลือด อีกครั้ง จากนั้นของเหลวที่ผ่านท่อไตแล้วจะไปรวมกันในกระเพาะปัสสาวะเป็นน้ำปัสสาวะเพื่อขับออกจาก รา่ งกายต่อไป การทำงานของไต ในการควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ต่าง ๆ ในเลือด จะถูกควบคุมด้วยสมอง สว่ น ไฮโพทาลามสั ซ่ึงจะไปกระตุ้นหรือยับย้ังการหล่ังฮอร์โมนแอนตไิ ดยูเรติกจากต่อมใต้สมองสว่ นหลงั โดย เมื่อร่างกายขาดน้ำหรือมีน้ำในเลือดน้อย เลือดจะมีความเข้มข้นมากกว่าปกติ ทำให้ความดันเลือดต่ำ รู้สึก กระหายน้ำ ส่งผลใหส้ มองส่วนไฮโพทาลามัสกระตนุ้ ต่อมใตส้ มองสว่ นหลังใหห้ ลง่ั ฮอร์โมนแอนตไิ ดยูเรติก ซึ่งไป กระตุ้นการดูดน้ำกลบั ที่ท่อหน่วยไต ส่งผลให้ปรมิ าณนำ้ ในเลอื ดและความดนั เลือดสูงขึ้น และปัสสาวะออกมา น้อย แต่หากร่างกายได้รับน้ำมากเกินไป สมองส่วนไฮโพทาลามัสจะยับยั้งต่อมใต้สมองส่วนหลังไม่ให้หลั่ง ฮอรโ์ มนแอนติไดยูเรตกิ ทำใหไ้ มม่ ีการดดู กลับน้ำ จงึ ปสั สาวะออกมามาก 2. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชี้วัดช้ันปี/ผลการเรยี นรู้/เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ิของส่ิงมชี วี ิต หนว่ ยพ้นื ฐานของสิ่งมชี ีวิต การลำเลียงสารผา่ นเซลล์ ความสัมพนั ธ์ ของโครงสรา้ ง และหน้าที่ของระบบตา่ ง ๆ ของสตั ว์และมนุษยท์ ี่ทำงานสัมพนั ธก์ ันความสัมพันธ์ ของโครงสร้าง และหนา้ ที่ของอวยั วะตา่ ง ๆ ของพืชที่ทำงานสมั พนั ธก์ นั รวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ตวั ช้ีวัด/ผลการเรยี นรู้ ม.4/2 อธิบายการควบคุมดลุ ยภาพของนำ้ และสารต่าง ๆ ในเลอื ดโดยการทำงานของไต โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเป่ียม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 3 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 เนอื้ หาสาระหลกั : Knowledge 1) อธิบายสว่ นประกอบของหน่วยไตได้ 2) อธบิ ายการกรองของเสยี ออกจากเลือดได้ 3) อธิบายการรักษาสมดุลของน้ำและสารตา่ ง ๆ ในเลือดโดยการควบคมุ ของสมองสว่ น ไฮโพทาลามสั ได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1) เขยี นข้ันตอนการกรองของเสียออกจากไตได้ 3.3 คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ : Attitude 1) สนใจใฝร่ ู้ในการศกึ ษา 4. สมรรถนะสำคญั ของนกั เรยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 5) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะของวชิ า 1) ความรับผิดชอบ 2) กระบวนการกล่มุ 6. คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน 7. ชิน้ งาน/ภาระงาน : 1. รายงาน เรอ่ื ง โรคทีเ่ กดิ จากการทำงานผิดปกติของไต 2. ใบงาน เรอ่ื ง สว่ นประกอบและการทำงานของหน่วยไต 3. แบบทดสอบก่อนเรยี น เร่อื ง การดำรงชวี ิตของมนุษย์ 4. แบบฝึกทกั ษะ เร่อื ง การรกั ษาดุลภาพของร่างกาย 8. กิจกรรมการเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี 1 ขั้นนำเข้าสูบ่ ทเรียน/ขน้ั ตั้งคำถาม 1. ครูแจง้ ตวั ชี้วัดประจำหน่วยการเรยี นร้ใู หน้ กั เรยี นทราบ 2. ครูใหน้ กั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง การรกั ษาดุลยภาพของน้ำและแร่ธาตุในรา่ งกาย 3. ครถู ามคำถาม เพ่อื กระตนุ้ ความสนใจของนกั เรยี นว่า ทำไมเราจงึ จำเป็นต้องด่ืมนำ้ แล้วให้นักเรยี น โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเป่ยี ม กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 4 ร่วมกนั ระดมความคดิ การตอบคำถาม (แนวตอบ ในรา่ งกายของมนุษยม์ นี ้ำเปน็ องคป์ ระกอบถึง 65-70% ซึ่งนำ้ มสี ่วนชว่ ยในการปรบั อุณหภมู ิของรา่ งกาย ลำเลียงแก๊ส สารอาหาร และของเสียที่ผ่านเข้า-ออกจากเซลล์ แต่รา่ งกายจะ สูญเสยี นำ้ ไปจากการทำกจิ กรรมต่าง ๆ เราจงึ ต้องดื่มนำ้ ไปทำแทนน้ำทส่ี ญู เสียไป) 4. ครอู ธบิ ายใหน้ ักเรียนฟังว่า ในกจิ กรรมตา่ ง ๆ ของมนษุ ย์จะมขี องเสียเกิดข้ึน จงึ ต้องมีการขับของ เสยี ออกจากร่างกาย และถามคำถามนกั เรยี นวา่ รา่ งกายของมนษุ ย์กำจดั ของเสียในรปู แบบใดบ้าง (แนวตอบ รา่ งกายมนุษย์กำจัดของเสยี ออกจากร่างกาย ทั้งทางเหงอ่ื ปัสสาวะ อจุ จาระ และการ หายใจ) ขั้นสำรวจและค้นพบ/ข้นั การเตรยี มการคน้ หาคำตอบ 1. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟงั ว่า นำ้ มคี วามสำคัญต่อรา่ งกายมนุษย์ โดยมหี นา้ ทชี่ ่วยการปรับอณุ หภมู ิ ของร่างกาย ช่วยลำเลียงแกส๊ สารอาหาร และของเสยี ทผี่ ่านเขา้ -ออกจากเซลล์ 2. ครูใหน้ กั เรยี นศึกษาความต้องการนำ้ และการสญู เสยี น้ำของร่างกายมนุษย์ในแตล่ ะวัน แล้วถาม นักเรียนวา่ รา่ งกายได้รบั นำ้ และสญู เสียน้ำในแต่ละในรูปแบบใดบ้าง และปรมิ าณเทา่ ไร (แนวตอบ แต่ละวันร่างกายจะไดร้ ับน้ำจากอาหาร เคร่ืองด่ืม ประมาณ 2.5 ลิตร แตร่ า่ งกายจะสญู เสยี น้ำออกจากรา่ งกายทางเหง่ือ การหายใจ ปสั สาวะ และอุจจาระประมาณ 2.5 ลิตร เช่นกัน) 3. ครูถามนักเรยี นวา่ ถ้าปริมาณน้ำทร่ี ับเข้าสู่ร่างกายและปริมาณนำ้ ท่ีถูกขบั ออกจากร่างกายไมส่ มดุล กัน จะมีผลอย่างไร แลว้ ให้นกั เรยี นร่วมกนั ระดมความคิดการตอบคำถาม (แนวตอบ มผี ลต่อการเปลย่ี นแปลงความเข้มขน้ ของเลือด และความดนั เลือด รวมถงึ การทำงานของ อวัยวะและระบบตา่ ง ๆ ของร่างกาย เช่น ผู้ท่มี อี าการท้องเสยี อยา่ งรุนแรงจะสูญเสยี น้ำออกจาก ร่างกายปรมิ าณมาก จงึ ทำให้มีอาการตวั ซดี มือเท้าเย็น หมดแรง เปน็ ตะคริว และอาจถึงกบั ช็อกได้ เปน็ ต้น) 4. ครูอธิบายใหน้ กั เรียนฟงั ว่า ร่างกายจะมไี ตเปน็ อวยั วะสำคญั ในการรักษาดลุ ยภาพของน้ำและเกลือ แร่ในรา่ งกาย รวมถึงการกำจัดของเสยี ทเ่ี กดิ จากกระบวนการเมแทบอลิซึมต่าง ๆ ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ /ข้ันดำเนินการค้นหาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกับ ปรมิ าณนำ้ ทรี่ ่างกายไดร้ ับและสญู เสยี ในแต่ละวัน และ ผลกระทบจากการขาดน้ำ ช่ัวโมงที่ 2 ขัน้ สำรวจและค้นพบ/ขั้นการเตรียมการค้นหาคำตอบ 1. ครูทบทวนความรู้เดิมจากชั่วโมงที่แลว้ ใหน้ ักเรยี นทราบ พอสังเขป 2. ครใู ห้นักเรียนศึกษาโครงสร้างของไตที่เปน็ อวยั วะสำคัญในการรกั ษาดลุ ยภาพของนำ้ และเกลอื แร่ ในร่างกาย และขัน้ ตอนการกำจดั ของเสียออกจากรา่ งกาย 3. ครูอธบิ ายให้นกั เรยี นฟงั วา่ ภายในไตจะประกอบดว้ ยหน่วยไตมากถงึ 1 ล้านหน่วย ซง่ึ ทำหน้าที่ โดย ครูสดุ าภรณ์ สืบบญุ เป่ียม กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 5 กรองของเสียและส่ิงแปลกปลอมออกจากกระแสเลือด และรกั ษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ใน ร่างกาย โดยเลือดเข้าสู่ไตทางหลอดเลอื ดรนี ัลอาร์เตอรีและแตกแขนงเปน็ โกลเมอรูลัส น้ำเลือดและ โมเลกุลของสารต่าง ๆ ที่อยใู่ นน้ำเลือดจะออกจากโกลเมอรูลสั เข้าสู่โบว์แมนส์แคปซูล ซ่งึ จะมี เฉพาะของเหลวและสารโมเลกุลขนาดเลก็ ท่ผี า่ นการกรองของโกลเมอรลู ัส แตส่ ารโมเลกุลขนาด ใหญ่จะไมผ่ า่ นการกรอง จากนน้ั ของเหลวจะเขา้ สทู่ ่อหน่วยไต ซ่ึงจะมีการดูดสารท่ีมปี ระโยชน์กลับ เขา้ สหู่ ลอดเลือดอีกครั้ง จากน้นั ของเหลวท่ไี หลผา่ นท่อไตแล้วจะไปรวมกันในกระเพาะปสั สาวะเป็น น้ำปัสสาวะเพอื่ ขับออกจากรา่ งกาย 4. ครใู หน้ ักเรียนศกึ ษาปริมาณสารตา่ ง ๆ ในน้ำเลือด ของเหลวทีก่ รองได้ และในน้ำปสั สาวะ จาก ตารางที่ 3.1 แล้วถามนกั เรยี นวา่ สารชนดิ ใดบา้ งท่ีถกู ดดู กลบั ระหวา่ งการกรอง และสารชนิดใดบ้าง ทป่ี นออกมากับนำ้ ปัสสาวะ (แนวตอบ สารท่ีรา่ งกายจะดูดกลับที่ทอ่ หนว่ ยไต เชน่ กลโู คส กรดอะมโิ น และไอออนของเกลือแร่ สว่ นสารที่ปนออกมากบั นำ้ ปัสสาวะ เชน่ น้ำ ยเู รีย กรดยูรกิ และแอมโมเนยี ) 5. ครูอธบิ ายใหน้ กั เรียนฟังวา่ การรักษาดลุ ยภาพของนำ้ และแร่ธาตขุ องไตถกู ควบคมุ ดว้ ยฮอร์โมน แอนติ- ไดอูเรติกทห่ี ล่งั จากตอ่ มใตส้ มองสว่ นหลัง ซงึ่ จะถูกควบคุมด้วยสมองส่วนไฮโพทาลามสั 6. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษา กลไกการรักษาสมดุลของนำ้ และแร่ธาตขุ องร่างกายมนุษย์ 7. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรียนฟงั ว่า เมื่อร่างกายขาดน้ำหรือมีน้ำในเลือดน้อย เลอื ดจะมีความเข้มขน้ มากกว่าปกติ ทำใหค้ วามดันเลือดตำ่ รู้สึกกระหายน้ำ ส่งผลให้สมองส่วนไฮโพทาลามสั กระตุ้นต่อม ใต้สมองส่วนหลังให้หลัง่ ฮอรโ์ มนแอนตไิ ดยูเรตกิ ซ่ึงไปกระตนุ้ การดูดนำ้ กลับที่ทอ่ หน่วยไต ส่งผลให้ ปรมิ าณนำ้ ในเลอื ดและความดนั เลือดสงู ขึน้ และปัสสาวะออกมาน้อย แตห่ ากร่างกายได้รับน้ำมาก เกินไป สมองสว่ นไฮโพทาลามสั จะยับยั้งต่อมใต้สมองส่วนหลังไมใ่ ห้หลง่ั ฮอรโ์ มนแอนติไดยูเรติก ทำ ให้ไม่มีการดูดกลับน้ำ จึงปัสสาวะออกมามาก 8. ครถู ามคำถามกบั นกั เรียนวา่ กรณีผปู้ ว่ ยโรคไต ซง่ึ ไตไมส่ ามารถทำงานได้ จะตรวจพบสารชนิดใด ปนมากับปสั สาวะบ้าง เพราะเหตุใด (แนวตอบ กรณขี องผู้ป่วยโรคไต จะพบสารบางชนิดปนออกมากบั ปสั สาวะ เชน่ กลโู คส กรดอะมโิ น เนอ่ื งจากหน่วยไตไม่สามารถดูดกลับสารท่ีมปี ระโยชน์เหล่านไ้ี ด้ หรืออาจพบเซลลเ์ มด็ เลือดแดง และ โปรตีน ซ่งึ ปกตจิ ะไม่ผ่านการกรองของโกลเมอรลู สั ) ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป/ขั้นดำเนนิ การค้นหาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายเกย่ี วกบั ส่วนประกอบและการทำงานของหนว่ ยไต 2. ครูใหน้ ักเรยี นทำใบงาน เร่ือง ส่วนประกอบและการทำงานของหน่วยไต 4. ครูให้นักเรยี นทำแบบฝกึ ทักษะ เรื่อง การรักษาดุลยภาพของร่างกาย 5. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายเกย่ี วกบั การรักษาดุลยภาพของน้ำและแรธ่ าตุของไต 6. ครูให้นกั เรยี นทำแบบฝึกทักษะ เร่ือง การรักษาดุลยภาพ โดย ครสู ดุ าภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 6 ขน้ั ขยายความรูแ้ ละนำเสนอผลการคน้ หาคำตอบ 1. ครใู หน้ กั เรียนสบื คน้ ข้อมลู เร่ือง โรคทีเ่ กิดจากการทำงานผดิ ปกติของไต แล้วจัดทำเปน็ รูปเล่ม รายงานส่งครผู ูส้ อน ขั้นสรปุ และประเมนิ ผล 1. ครตู รวจสอบผลจากรายงาน เร่ือง โรคทเี่ กิดจากการทำงานผิดปกตขิ องไต 2. ครตู รวจสอบผลจากใบงาน เรือ่ ง ส่วนประกอบและการทำงานของหน่วยไต 3. ครูตรวจสอบผลจากแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง การดำรงชวี ติ ของมนุษย์ 4. ครูตรวจสอบผลจากการทำแบบฝกึ ทักษะ เร่ือง การรักษาดุลภาพของร่างกาย 9. ส่ือการเรยี นการสอน / แหล่งเรยี นรู้ จำนวน สภาพการใชส้ ือ่ รายการส่อื 1 ชดุ ขน้ั ตรวจสอบความรู้เดิม 1 ชุด ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่ือง การดำรงชีวิตของมนษุ ย์ 1 ชุด ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป 2. ใบงาน เรอื่ ง ส่วนประกอบและการทำงานของหนว่ ยไต 1 ชดุ ขั้นขยายความรู้ 3. แบบฝกึ ทกั ษะ เรอื่ ง การรกั ษาดุลภาพของร่างกาย 4. รายงาน เรื่อง โรคทีเ่ กดิ จากการทำงานผิดปกติของไต 1 ชดุ ขั้นสำรวจและคน้ พบ 4. Microsoft PowerPoint หนว่ ยที่ 3 การดำรงชวี ติ ของมนุษย์ โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บญุ เป่ยี ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 7 10. การวดั ผลและประเมินผล เป้าหมาย หลักฐานการเรียนรู้ วธิ ีวดั เครอ่ื งมือวดั ฯ ประเด็น/ การเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน เกณฑก์ ารให้ นักเรียนอธิบาย 1. แบบทดสอบกอ่ น ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบก่อนเรียน คะแนน ลกั ษณะสำคัญ เรียน หน่วยการ กอ่ นเรยี น ประเมินตามสภาพ ของไบโอมระดับโลก เรียนร้ทู ี่ 3 จริง ประเภทตา่ ง ๆ และ ตรวจเล่มรายงาน แบบประเมนิ เล่ม ยกตัวอยา่ งสิง่ มีชีวติ 2. รายงาน เร่อื ง โรคที่ รายงาน ระดบั คุณภาพ 2 ทีพ่ บในไบโอมระดับ เกดิ จากการทำงาน ผา่ นเกณฑ์ โลกประเภทต่าง ๆ ผิดปกตขิ องไต ตรวจใบงาน เร่ือง แบบประเมินใบงาน ได้ รอ้ ยละ 65 ผา่ น 3. ใบงาน เรอ่ื ง ส่วนประกอบและ เกณฑ์ สว่ นประกอบและ การทำงานของ การทำงานของ รอ้ ยละ 65 ผา่ น หน่วยไต เกณฑ์ หน่วยไต 4. แบบฝึกทักษะท่ี ระดบั คุณภาพ 2 เร่อื ง การรกั ษาดลุ ตรวจแบบฝกึ ทกั ษะ แบบประเมนิ แบบฝกึ ผ่านเกณฑ์ ภาพของรา่ งกาย ระดับคุณภาพ 2 6. การนำเสนอผลงาน ท่ี เรื่อง การรักษา ทกั ษะ ผา่ นเกณฑ์ 7. พฤตกิ รรมการ ดุลภาพของร่างกาย ระดับคุณภาพ 2 ทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์ ประเมินการ ผลงานทนี่ ำเสนอ ระดบั คุณภาพ 2 8. พฤตกิ รรมการ ผา่ นเกณฑ์ ทำงานรายกลมุ่ นำเสนอผลงาน 9. คุณลกั ษณะ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม อนั พึงประสงค์ การทำงาน การทำงานรายบุคคล รายบุคคล สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม การทำงานรายกลุ่ม การทำงานรายกล่มุ สังเกตความมวี นิ ัย แบบประเมนิ ใฝ่เรยี นร้แู ละมงุ่ มัน่ คณุ ลกั ษณะ ในการทำงาน อันพึงประสงค์ โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 8 แบบประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน แบบประเมนิ รายงาน คำช้แี จง : ให้ผู้สอนประเมินชิ้นงาน/ภาระงานของนักเรียนตามรายการทีก่ ำหนด แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรง กบั ระดับคะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4321 1 ความถูกตอ้ งของเนอื้ หา 2 ความสมบรู ณ์ของรูปเล่ม รวม 3 ความตรงต่อเวลา ลงชอ่ื ................................................... ผู้ประเมิน (นางสาวสดุ าภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม) ............./................../............... เกณฑก์ ารประเมนิ รายงาน ประเดน็ ทีป่ ระเมิน ระดบั คะแนน 1. ความถูกตอ้ ง 432 1 ของเนอ้ื หา เน้อื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนอื้ หาสาระของ รายงานไม่ถกู ตอ้ งเป็น 2. ความสมบูรณ์ ส่วนใหญ่ ของรปู เลม่ รายงานถูกต้องครบถ้วน รายงานถกู ตอ้ งเปน็ ส่วน รายงานถูกต้องบาง องค์ประกอบไม่ ครบถ้วน ไม่เปน็ 3. ความตรงต่อ ใหญ่ ประเด็น ระเบียบ และรูปเล่มไม่ เวลา สวยงาม มอี งคป์ ระกอบครบถว้ น มีองค์ประกอบครบถ้วน มอี งค์ประกอบครบถว้ น ส่งชิน้ งานชา้ กว่าเวลาที่ กำหนด 3 วันข้ึนไป สมบรู ณ์ มีความเป็น สมบรู ณ์ มคี วามเปน็ สมบรู ณ์ แตย่ ังไมเ่ ป็น ระเบยี บ และรปู เลม่ ระเบยี บ แตร่ ปู เล่มไม่ ระเบียบ และรปู เล่มไม่ สวยงาม สวยงาม สวยงาม สง่ ชน้ิ งานภายในเวลาที่ ส่งชิ้นงานชา้ กว่าเวลาท่ี ส่งชิน้ งานช้ากวา่ เวลาท่ี กำหนด กำหนด 1 วนั กำหนด 2 วัน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 11-12 ดมี าก 9-10 ดี 6-8 พอใช้ ตำ่ กว่า 6 ปรบั ปรงุ โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบญุ เป่ยี ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 9 แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คำช้ีแจง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 32 1 เนื้อหาละเอียดชดั เจน 1 2 ความถกู ตอ้ งของเนอ้ื หา  3 ภาษาที่ใชเ้ ข้าใจง่าย   4 ประโยชนท์ ีไ่ ดจ้ ากการนำเสนอ   5 วิธีการนำเสนอผลงาน     รวม  ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมนิ (นางสาวสดุ าภรณ์ สบื บุญเป่ียม) ............./................../............... เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 - 15 ดมี าก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเปีย่ ม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 10 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล คำช้แี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 3 21 1 การแสดงความคดิ เหน็   2 การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผ้อู ืน่   3 การทำงานตามหนา้ ท่ีทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย   4 ความมนี ำ้ ใจ   5 การตรงต่อเวลา   รวม ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ............./................../.............. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรุง โดย ครสู ดุ าภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 11 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน การมี การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ช่อื – สกลุ ความ ฟังคนอนื่ ตามทไี่ ดร้ ับ น้ำใจ การ 15 ท่ี ของนกั เรียน คดิ เหน็ มอบหมาย ปรบั ปรุง คะแนน ผลงานกลมุ่ 321321321321321 โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเป่ียม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 12 การมี การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี ส่วนรว่ มใน รวม ท่ี ช่อื – สกุล ความ ฟงั คนอ่นื ตามทไี่ ดร้ ับ น้ำใจ การ 15 ของนกั เรยี น คิดเห็น มอบหมาย ปรับปรงุ คะแนน ผลงานกลุ่ม 321321321321321 ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมิน (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบญุ เปยี่ ม) ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย ............../.................../............... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14 - 15 ดมี าก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 13 แบบประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คำชี้แจง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อนั พงึ ประสงค์ดา้ น 321 1. มีวนิ ัย รับผิดชอบ 1.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบงั คับของครอบครวั มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมต่าง ๆ ในชีวติ ประจำวัน 2. ใฝ่เรียนรู้ 2.1 รู้จักใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนำไปปฏิบัติได้ 2.2 รจู้ ักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 2.3 เช่อื ฟงั คำส่ังสอนของบิดา - มารดา โดยไม่โต้แย้ง 2.4 ตั้งใจเรยี น 3. อย่อู ย่างพอเพยี ง 3.1 ใชท้ รัพย์สินและสิ่งของของโรงเรยี นอย่างประหยัด 3.2 ใชอ้ ุปกรณ์การเรยี นอยา่ งประหยัดและรู้คณุ คา่ 3.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมีการเก็บออมเงนิ 4. มุง่ มัน่ ในการทำงาน 4.1 มคี วามตั้งใจและพยายามในการทำงานที่ได้รบั มอบหมาย 4.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออุปสรรคเพ่อื ใหง้ านสำเรจ็ ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมนิ (นางสาวสดุ าภรณ์ สบื บญุ เป่ียม) ............../.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัตชิ ดั เจนและสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั ิชดั เจนและบอ่ ยครัง้ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ัตบิ างคร้ัง ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 51 - 60 ดมี าก 41 - 50 ดี 30 - 40 พอใช้ ตำ่ กว่า 30 ปรับปรุง โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเป่ยี ม กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 14 แบบบันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้ ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ท.่ี ......... เรอ่ื ง................................................................ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี........... เร่อื ง................................................... รายวิชา วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 รหัสวชิ า ว31101 ครูผูส้ อน นางสาวสดุ าภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม ตำแหนง่ ครูผชู้ ่วย เวลาที่ใช.้ ................ ช่วั โมง ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้อคน้ พบระหว่าง ปัญหาที่พบ แนวทางการจดั การเรียนรู้ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ เน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ ประกอบการเรยี นรู้ พฤติกรรม/การมสี ่วนรว่ มของผ้เู รียน ลงช่ือ..................................................ผู้สอน (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบญุ เป่ยี ม) ตำแหน่ง ครผู ู้ชว่ ย ความเห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.................................................. (นายกิตติธัช จันทรา) รองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบุญเปยี่ ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 15 แบบบนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ท.่ี ......... เร่อื ง................................................................ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่.ี .......... เรือ่ ง................................................... รายวิชา วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 รหสั วชิ า ว31101 ครูผสู้ อน นางสาวสุดาภรณ์ สืบบุญเปย่ี ม ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย เวลาทใี่ ช.้ ................ ชวั่ โมง ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้อคน้ พบระหว่าง ปญั หาที่พบ แนวทางการจดั การเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ ประกอบการเรียนรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนรว่ มของผ้เู รยี น ลงช่ือ..................................................ผู้สอน (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบุญเป่ยี ม) ตำแหน่ง ครูผูช้ ่วย ความเห็นของผูบ้ ริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.................................................. (นายกติ ตธิ ัช จันทรา) รองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเปย่ี ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 16 แบบบนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ท.่ี ......... เร่อื ง................................................................ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่.ี .......... เรือ่ ง................................................... รายวิชา วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 รหสั วชิ า ว31101 ครูผสู้ อน นางสาวสุดาภรณ์ สืบบุญเปย่ี ม ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย เวลาทใี่ ช.้ ................ ชวั่ โมง ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้อคน้ พบระหว่าง ปญั หาที่พบ แนวทางการจดั การเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ ประกอบการเรียนรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนรว่ มของผ้เู รยี น ลงช่ือ..................................................ผู้สอน (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบุญเป่ยี ม) ตำแหน่ง ครูผูช้ ่วย ความเห็นของผูบ้ ริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.................................................. (นายกติ ตธิ ัช จันทรา) รองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเปย่ี ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 17 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 คำช้แี จง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. สว่ นประกอบใดของหนว่ ยไตทำหนา้ ทีก่ รองของเสยี 6. ข้อใดเปน็ การป้องกันเชื้อโรคและสงิ่ แปลกปลอมทางกาย ออกจากเลือด วภิ าค 1.ทอ่ รวม 2. ท่อหน่วยไต 1. การไอ จาม หรอื ขบั เสมหะ 3. โกลเมอรูรัส 4. รนี ัลอารเ์ ตอรี 2. การหลั่งเหง่อื ของตอ่ มเหง่ือ 5. โบว์แมนสแ์ คปซูล 3. การยับย้ังการเจรญิ ของจลุ ินทรียใ์ นนำ้ ลาย 2. สารชนิดใดบ้างจะไม่ถกู ดดู กลับเข้าสหู่ ลอดเลือด 4. การปอ้ งกันเช้อื จลุ นิ ทรียจ์ ากการหลัง่ น้ำตา 1. นำ้ 2. โปรตนี 5. การทำลายแบคทเี รยี จากน้ำย่อยของกระเพาะอาหาร 3. กลูโคส 4. กรดอะมโิ น 7. เซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวในขอ้ ใดมกี ารทำลายเชอ้ื โรคอย่างจำเพาะ 5. ไอออนของเกลือแร่ 1. เบโซฟิล 2. โมโนไซต์ 3. สมองสว่ นใดทำหนา้ ท่ีควบคมุ สมดุลนำ้ และเกลือใน 3. ลิมโฟไซต์ 4. นิวโทรฟลิ เลือด 5. อโี อซิโนฟิล 1. พอนด์ 2. ซีรบี รมั 8. ขอ้ ใดไมใ่ ช่หนา้ ท่ีของเซลล์ที 3. ซีรเี บลลัม 4. ไฮโพทาลามัส 1. ควบคมุ การทำงานของเซลล์บี 5. เมดัลลาออบลองกาตา 2. ทำลายแอนตเิ จนทเี่ ข้าสู่ร่างกาย 4. รา่ งกายลดความเป็นกรดของกระแสเลอื ดอยา่ งไร 3. กระตนุ้ เซลลบ์ ใี ห้สร้างแอนตบิ อดี 1. ขับ Na+ ออกจากเลือด 4. พัฒนาเป็นเซลล์พลาสมาเพือ่ สร้างแอนติบอดี 2. ดดู กลับ NH4+ เขา้ สเู่ ลอื ด 5. ควบคุมการทำงานของเซลลท์ ที ำลายส่งิ แปลกปลอม 3. ขับ HCO3- ออกจากเลือด 4. ลดการหายใจออกเพ่อื ขบั CO2 9. โรคเอดสเ์ กดิ จากการติดเชื้อประเภทใด 5. ขับสารทม่ี สี ่วนประกอบของ H+ ออกจากเลอื ด 1. รา 2. ยสี ต์ 3. ไวรัส 4. พยาธิ 5. เม่อื อณุ หภูมริ า่ งกายสงู กว่าปกติ ร่างกายมีการ 5. แบคทีเรีย ตอบสนองอย่างไร 10. ขอ้ ใดมโี อกาสตดิ เช้อื HIV นอ้ ยท่สี ุด 1. เพ่ิมอตั ราเมแทบอลิซมึ 1. การมีเพศสมั พนั ธ์ุ 2. ขนลุกและเกิดอาหารหนาวสน้ั 2. การรับบรจิ าคเลอื ด 3. ลดการขยายจัวของหลอดเลอื ด 3. การตดิ ตอ่ จากม่สูล่ ุก 4. ตอ่ มเหงอื่ สรา้ งเหงือ่ เพิ่มมากข้ึน 4. การใช้เขม็ ฉีดยารว่ มกนั 5. ลดการระเหยและพาความรอ้ นออกจากร่างกาย 5. การรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกัน โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 18 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 คำช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. สว่ นประกอบใดของหน่วยไตทำหนา้ ท่ีกรองของเสีย 6. ข้อใดเปน็ การป้องกนั เชือ้ โรคและสง่ิ แปลกปลอมทางกาย ออกจากเลือด วภิ าค 1.ทอ่ รวม 2. ท่อหนว่ ยไต 1. การไอ จาม หรือขบั เสมหะ 3. โกลเมอรูรสั 4. รนี ัลอารเ์ ตอรี 2. การหลั่งเหง่อื ของต่อมเหง่ือ 5. โบวแ์ มนส์แคปซลู 3. การยับย้ังการเจริญของจุลินทรียใ์ นน้ำลาย 2. สารชนดิ ใดบ้างจะไม่ถูกดูดกลับเขา้ ส่หู ลอดเลือด 4. การป้องกันเชื้อจุลินทรยี ์จากการหลงั่ นำ้ ตา 1. นำ้ 2. โปรตนี 5. การทำลายแบคทเี รยี จากนำ้ ย่อยของกระเพาะอาหาร 3. กลูโคส 4. กรดอะมโิ น 7. เซลลเ์ ม็ดเลือดขาวในข้อใดมีการทำลายเช้อื โรคอยา่ งจำเพาะ 5. ไอออนของเกลือแร่ 1. เบโซฟลิ 2. โมโนไซต์ 3. สมองสว่ นใดทำหน้าทีค่ วบคุมสมดลุ นำ้ และเกลอื ใน 3. ลมิ โฟไซต์ 4. นวิ โทรฟลิ เลอื ด 5. อีโอซิโนฟลิ 1. พอนด์ 2. ซีรบี รมั 8. ขอ้ ใดไมใ่ ช่หนา้ ท่ขี องเซลลท์ ี 3. ซรี ีเบลลัม 4. ไฮโพทาลามัส 1. ควบคมุ การทำงานของเซลลบ์ ี 5. เมดลั ลาออบลองกาตา 2. ทำลายแอนตเิ จนทเี่ ข้าสรู่ ่างกาย 4. รา่ งกายลดความเปน็ กรดของกระแสเลือดอยา่ งไร 3. กระตนุ้ เซลลบ์ ใี ห้สร้างแอนติบอดี 1. ขบั Na+ ออกจากเลือด 4. พฒั นาเปน็ เซลล์พลาสมาเพ่อื สรา้ งแอนตบิ อดี 2. ดดู กลับ NH4+ เขา้ สู่เลอื ด 5. ควบคุมการทำงานของเซลลท์ ที ำลายส่ิงแปลกปลอม 3. ขับ HCO3- ออกจากเลือด 4. ลดการหายใจออกเพ่อื ขบั CO2 9. โรคเอดสเ์ กิดจากการติดเชือ้ ประเภทใด 5. ขับสารท่มี ีสว่ นประกอบของ H+ ออกจากเลอื ด 1. รา 2. ยสี ต์ 3. ไวรัส 4. พยาธิ 5. เม่อื อุณหภูมิรา่ งกายสูงกว่าปกติ ร่างกายมกี าร 5. แบคทีเรีย ตอบสนองอยา่ งไร 10. ข้อใดมีโอกาสตดิ เชอื้ HIV นอ้ ยทส่ี ดุ 1. เพ่ิมอตั ราเมแทบอลซิ มึ 1. การมเี พศสัมพันธุ์ 2. ขนลกุ และเกดิ อาหารหนาวสั้น 2. การรับบริจาคเลือด 3. ลดการขยายจวั ของหลอดเลอื ด 3. การตดิ ตอ่ จากมส่ ู่ลุก 4. ต่อมเหงื่อสรา้ งเหงอ่ื เพม่ิ มากขน้ึ 4. การใชเ้ ข็มฉดี ยาร่วมกัน 5. ลดการระเหยและพาความร้อนออกจากร่างกาย 5. การรับประทานอาหารร่วมโตะ๊ กัน โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเปี่ยม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 19 ใบงาน เรือ่ ง สว่ นประกอบและการทำงานของหน่วยไต คำชแี้ จง : จงระบุโครงสร้างของหน่วยไตต่อไปน้ี และอธิบายขัน้ ตอนการกรองของเสียออกจากหน่วยไต 1. โครงสร้าง...................................................................... 2 ลักษณะสำคัญ............................................................... 1 ...................................................................................... ..................................................................................... 2. โครงสรา้ ง................................................................... ... ลักษณะสำคัญ............................................................... 3 ...................................................................................... ..................................................................................... 3. โครงสร้าง...................................................................... 4 ลกั ษณะสำคัญ............................................................... ...................................................................................... ..................................................................................... 4. โครงสรา้ ง...................................................................... ลกั ษณะสำคญั ............................................................... ...................................................................................... ..................................................................................... 5. การกรองของเสยี ที่หนว่ ยไต.................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบุญเปีย่ ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 20 เฉลยใบงาน เร่อื ง สว่ นประกอบและการทำงานของหน่วยไต คำช้ีแจง : จงระบุโครงสรา้ งของหนว่ ยไต และอธบิ ายข้ันตอนการกรองของเสียออกจากหน่วยไตใหถ้ กู ต้อง 1. โครงสรา้ ง...โ..ก..ล...เ.ม..อ...ร..ลู ..สั.................................................. 2 ลกั ษณะสำคัญ...ก..ล...ุ่.ม..เ..ส..้.น...เ.ล...ือ...ด..ฝ...อ..ย...ท...ี่อ...ย..ู.่แ...น..บ...ช...ิด...ก..ับ.. 1 ..โ..บ..ว...์แ..ม..น...แ..ค...ป..ซ...ูล....ท..ำ..ห...น...้า..ท..ี่ก...ร..อ..ง..น...้ำ..เ.ล..ือ...ด..ใ..ห..้.ผ..่า..น...เ.ข..้า..ส...ู่ ..โ..บ..ว..์แ...ม..น...ส..์แ..ค...ป..ซ...ูล......................................................... 2. โครงสรา้ ง.โ..บ..ว..แ์...ม..น...ส..แ์..ค...ป..ซ...ูล........................................... ลักษณะสำคญั .ล..กั..ษ...ณ...ะ..เ..ป..็น...ท...ร.ง..ก...ล..ม..ท...ห่ี...่อ..ห...มุ้ ............โ.ก...ล... 3 เ.ม...อ..ร..ลู..สั............................................................................ ..................................................................................... 3. โครงสร้าง...ท...่อ..ห...น..ว่...ย..ไ.ต................................................... 4 ลกั ษณะสำคัญ...ท..่อ...ท...ี่ข..ด..ไ..ป...ม..า...ท...ำ..ห...น..้า..ท...ี่ด..ูด...ก..ล...ับ..ส...า..ร..ท..ี.่ม.ี ..ป...ร..ะ..โ.ย...ช..น...เ์ .ข..้า..ส..่กู...ร..ะ..แ..ส..เ.ล...ือ..ด..อ...กี ..ค..ร..งั้................................. ..................................................................................... 4. โครงสรา้ ง....ท...อ่ ..ร..ว..ม......................................................... ลกั ษณะสำคัญ...ท...่อ...ท...ี่ร..ว..ม...ข..อ...ง..เ.ห...ล...ว..จ..า..ก...ก..า..ร...ก..ร..อ...ง..ข..อ...ง ...ห...น..่.ว..ย...ไ.ต...ก..่.อ..น...ส...่ง..ต...่อ...ไ.ป...ย...ัง..ก...ร..ว..ย...ไ.ต.....ซ..ึ.่ง..ข..อ...ง..เ..ห..ล...ว..ม...ี ...ล..กั..ษ...ณ...ะ..ค...ล..้า..ย..ป...สั ..ส...า.ว..ะ.................................................. 5. การทำงานของหนว่ ยไต .......เ.ล...ือ..ด..เ..ข..้า..ส..หู่...น..ว่..ย...ไ.ต...ท..า..ง..ห..ล...อ..ด...เ.ล..อื..ด...ร..นี ..ลั...อ..า..ร..์เ.ต...อ..ร..ี .แ...ล..ะ..แ..ต...ก..แ..ข...น..ง..เ.ป...น็...ก..ล..ุม่ ..เ.ส..้น...เ.ล..ือ. ด ..ฝ..อ...ย..ห...ร..ือ..โ..ก..ล...เ.ม...อ..ร..ูล...ัส....ซ..ึ.่ง..น..้ำ..เ..ล..ือ...ด..แ...ล..ะ..ส...า..ร..โ.ม...เ.ล...ก..ุล...ข..น...า..ด...เ.ล..็.ก....เ.ช..่.น....ก..ล...ูโ.ค...ส....ก..ร..ด...อ..ะ..ม...ิโ.น.....จ..ะ..ผ...่า..น..ก...า..ร..ข..อ...ง..โ.ก...ล.... ..เ.ม..อ...ร..ลู ..ัส..เ..ข..า้..ส..ูโ่..บ..ว...์แ..ม..น...ส..แ์...ค..ป...ซ..ูล....แ..ต...่ส..า..ร..โ.ม...เ.ล..ก...ลุ ..ข..น...า..ด..ใ..ห...ญ...่ .เ.ช...น่ ....เ.ซ..ล...ล..์เ.ม...็ด..เ..ล..ือ..ด...แ..ด..ง...โ..ป..ร..ต...นี ....จ..ะ..ไ..ม..ผ่..า่..น...ก..า..ร..ก..ร..อ...ง... ..จ..า..ก..น...ั้น...ข..อ...ง.เ..ห..ล...ว..ท...ี่ผ..่า..น...ก..า..ร..ก...ร..อ..ง..จ..ะ...เ.ค..ล...ื่อ..น...ท...ี่เ.ข..้.า..ส..ู่ท...่อ..ห...น...่ว..ย..ไ..ต....ซ..ึ่ง..เ.ป...็น...บ..ร..ิเ..ว..ณ...ท...ี่ม..ีก...า..ร..ด..ูด...ก..ล...ับ..น...้ำ....แ..ล..ะ..ส...า..ร..ท...ี่ม..ี .. ..ป..ร...ะ..โ.ย...ช..น...์ .เ..ช..่น....ก...ล..ูโ..ค..ส....ก..ร..ด...อ..ะ...ม..ิโ..น....ไ.อ...อ..อ...น..ข...อ..ง..เ.ก...ล..ือ...แ..ร..่..เ.ข..้า..ส...ู่เ.ล...ือ..ด...อ..ีก...ค..ร..ั.้ง...แ..ล...ะ..ข..อ...ง..เ.ห...ล..ว..ท...ี่เ.ห...ล..ือ...จ..ะ..ผ...่า..น..ท...่อ.... ..ห..น...ว่..ย..ไ..ต..แ...ล..้ว..ไ.ป...ร..ว..ม...ก..ัน...ใ.น...ก..ร..ะ..เ..พ..า..ะ..ป...สั..ส...า..ว..ะ..เ.ป...็น..น...้ำ..ป...สั ..ส..า..ว..ะ...เ.พ..่ือ...ก..ำ..จ..ดั...อ..อ...ก..จ..า..ก...ร.่า..ง..ก...า..ย..ต..่อ...ไ.ป................................. โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บุญเปีย่ ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 21 แบบฝกึ ทักษะ เรอ่ื ง การรักษาดุลยภาพของร่างกาย คำชแี้ จง : ใหน้ ักเรียนเลือกคำตอบทกี่ ำหนดให้ในแต่ละข้อเติมลงในช่องวา่ งให้ถกู ตอ้ ง 1. ปริมาตรและความเขม้ ข้นของเลือดลดลง/ ปรืมาตรของเลอื ดลดลง/ ความเข้มขน้ ของเลอื ดลดลง/ ปริมาตร และความเข้มข้นของเลอื ดเพิ่มขน้ึ 2. แรงดันออสโมติกของเลอื ดลดลง/ แรงดนั ออสโมตกิ ของเลือดสงู ข้นึ / แรงดนั ออสโมตกิ ของเลือดคงท่ี 3. กระต้นุ / ยบั ย้ัง 4. ตอ่ มใต้สมองส่วนหน้า/ ต่อมใต้สมองสว่ นกลาง/ ต่อมใต้สมองสว่ นหลงั 5. หลง่ั / ไม่หลงั่ 6. โฮร์โมนแอลโดสเทอโรน/ โฮรโ์ มนโพรแลคตนิ / โฮร์โมนแอนตไิ ดยูเรตกิ 7. กระตุ้น/ ยบั ย้ัง 8. การดดู กลบั น้ำลดลง/ การดดู กลับนำ้ เพ่ิมข้ึน/ การดดู กลับนำ้ เพิม่ ขน้ึ แต่ลดการดูดกลับกลโู คส 9. ปริมาตรและความเข้มขน้ ของเลือดลดลง/ ปริมาตรของเลอื ดเพิ่มขึน้ ความเขม้ ขน้ ของเลอื ดลดลง/ ปริมาตร และความเข้มขน้ ของเลือดเพิม่ ข้นึ 10. แรงดนั ออสโมตกิ ของเลือดลดลง/ แรงดันออสโมติกของเลอื ดสูงขึ้น/ แรงดนั ออสโมติกของเลอื ดคงท่ี เมอ่ื มีนำ้ ในเลือดนอ้ ย การขับถ่ายปสั สาวะลดลง 1. ………………………………………….. 10. …………………………………………. ………………………………………….. ………………………………………….. 2. ………………………………………….. 9. ………………………………………….. ………………………………………….. ………………………………………….. 3…………… 8. ………………………………………….. ………… 7. …………………………… 4. ………………………………………….. ………………………………………….. 5. ……………………………… 6. ………………………………………….. โดย ครสู ดุ าภรณ์ สบื บุญเป่ียม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 22 เฉลยแบบฝึกทกั ษะ เรอ่ื ง การรกั ษาดลุ ยภาพของรา่ งกาย คำช้แี จง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบท่ีกำหนดให้ในแตล่ ะข้อเติมลงในช่องว่างให้ถูกต้อง 1. ปริมาตรและความเขม้ ขน้ ของเลอื ดลดลง/ ปรืมาตรของเลือดลดลง/ ความเข้มข้นของเลือดลดลง/ ปริมาตร และความเข้มขน้ ของเลือดเพมิ่ ข้นึ 2. แรงดนั ออสโมติกของเลอื ดลดลง/ แรงดันออสโมติกของเลอื ดสงู ขน้ึ / แรงดนั ออสโมตกิ ของเลือดคงที่ 3. กระตนุ้ / ยบั ย้งั 4. ต่อมใตส้ มองสว่ นหนา้ / ต่อมใต้สมองสว่ นกลาง/ ตอ่ มใต้สมองสว่ นหลงั 5. หลัง่ / ไม่หลงั่ 6. โฮร์โมนแอลโดสเทอโรน/ โฮร์โมนโพรแลคติน/ โฮรโ์ มนแอนตไิ ดยูเรติก 7. กระตุ้น/ ยบั ยง้ั 8. การดดู กลับน้ำลดลง/ การดดู กลับนำ้ เพ่ิมข้ึน/ การดดู กลับนำ้ เพิม่ ขึ้น แต่ลดการดูดกลับกลโู คส 9. ปริมาตรและความเขม้ ขน้ ของเลือดลดลง/ ปริมาตรของเลือดเพ่ิมข้ึน ความเขม้ ข้นของเลือดลดลง/ ปรมิ าตร และความเข้มขน้ ของเลอื ดเพม่ิ ขึ้น 10. แรงดันออสโมตกิ ของเลือดลดลง/ แรงดันออสโมติกของเลอื ดสูงขนึ้ / แรงดนั ออสโมติกของเลอื ดคงที่ เมือ่ มนี ำ้ ในเลอื ดน้อย การขับถ่ายปสั สาวะลดลง 1. ปริมาตรของเลือดลดลง ความ 10. แรงดนั ออสโมตกิ ของ เขม้ ขน้ ของเลือดเพิ่มขนึ้ เลอื ดลดลง 2. แรงดันออสโมตกิ ของเลือดสงู ข้นึ 9. ปรมิ าตรของเลือดเพิ่มข้นึ ความ เขม้ ขน้ ของเลอื ดลดลง 3. กระตุ้น 4. ตอ่ มใต้สมองส่วนหลัง 8. การดดู กลับน้ำเพ่มิ ขึ้น 5. หลงั่ 7. กระตุ้น 6. ฮอรโ์ มนแอนติไดยเู รตกิ โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเป่ียม กลุม่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีที่ 4 23 แบบฝกึ ทกั ษะ เรื่อง การรักษาดลุ ยภาพของร่างกาย คำชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นนำคำศพั ท์ทกี่ ำหนดให้เติมหนา้ ข้อความท่ีมีความสัมพันธก์ นั ก. กลูโคส ข. โกลเมอรลู สั ค. ไฮโดรเจนคารบ์ อเนตไอออน จ. ไฮโพทาลามัส ง. ท่อหน่วยไต ไอออน ฉ. โบว์แมนส์แคปซลู ช. ท่อรวม ซ. ฮอร์โมนแอนตไิ ดยูเรตกิ ฌ. ตอ่ มเหง่ือ ฎ. ตอ่ มใตส้ มองสว่ นหลัง ฏ. แอมโมเนยี มไอออน ฐ. เมดลั ลาออบลองกาตา ฑ. ต่อมใตส้ มองสว่ นหน้า ฒ. ฮอร์โมนแอนโดสเทอโรน ณ. ยูเรีย …………………….. 1. สารท่ีร่างกายดูดกลับเขา้ กระแสเลือดเพ่อื ลดความเปน็ กรดของเลอื ด …………………….. 2. ทำหนา้ ทีค่ วบคมุ สมดลุ น้ำและอุณหภูมใิ นร่างกาย …………………….. 3. ทำหนา้ ที่ดูดกลับสารที่มีประโยชน์ เชน่ กลโู คส กรดอะมิโน เข้าสู่กระแสเลือด …………………….. 4. สารทป่ี นออกมาพร้อมกับน้ำปัสสาวะ …………………….. 5. กล่มุ เสน้ เลือดฝอยท่ีทำหนา้ ท่ีกรองน้ำเลือดเข้าสโู่ บว์แมนสแ์ คปซูล …………………….. 6. สารทร่ี า่ งกายดูดกลบั เข้ากระแสเลือดเพอ่ื ลดความเปน็ เบสของเลือด …………………….. 7. ทำหน้าทีห่ ่อหุ้มกล่มุ เส้นเลอื ดฝอยของหนว่ ยไต …………………….. 8. ทำหนา้ ที่หล่งั ฮอรโ์ มนแอนติไดยูเรติก เพือ่ กระตนุ้ การดูดกลับน้ำท่ีทอ่ หน่วยไต …………………….. 9. บริเวณท่ีรวมของเหลวทมี่ ีลักษณะคลา้ ยปสั สาวะจากการทำงานของหนว่ ยไต …………………….. 10. สารท่ที ่อหนว่ ยไตดดู กลบั เพื่อนำกลบั มาใช้ประโยชน์ โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบุญเปยี่ ม กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 24 เฉลยแบบฝึกทกั ษะ เร่อื ง การรกั ษาดลุ ยภาพของรา่ งกาย คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนนำคำศพั ทท์ ี่กำหนดให้เติมหน้าข้อความที่มีความสมั พนั ธ์กนั ข. กลโู คส ข. โกลเมอรลู ัส ค. ไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน จ. ไฮโพทาลามสั ง. ทอ่ หน่วยไต ไอออน ฉ. โบวแ์ มนส์แคปซูล ช. ท่อรวม ซ. ฮอร์โมนแอนตไิ ดยเู รตกิ ฌ. ต่อมเหงอ่ื ฎ. ต่อมใต้สมองส่วนหลงั ฏ. แอมโมเนียมไอออน ฐ. เมดลั ลาออบลองกาตา ฑ. ต่อมใตส้ มองส่วนหน้า ฒ. ฮอรโ์ มนแอนโดสเทอโรน ณ. ยเู รีย …………ค………….. 1. สารท่รี ่างกายดูดกลบั เขา้ กระแสเลือดเพื่อลดความเป็นกรดของเลือด …………จ………….. 2. ทำหน้าทค่ี วบคุมสมดุลนำ้ และอุณหภมู ใิ นร่างกาย …………ง………….. 3. ทำหนา้ ท่ดี ดู กลับสารที่มปี ระโยชน์ เช่น กลูโคส กรดอะมโิ น เข้าสู่กระแสเลอื ด …………ณ………….. 4. สารท่ีปนออกมาพร้อมกบั น้ำปสั สาวะ …………ข………….. 5. กลุ่มเส้นเลือดฝอยท่ีทำหน้าท่ีกรองน้ำเลือดเขา้ ส่โู บว์แมนสแ์ คปซูล …………ฏ………….. 6. สารทีร่ ่างกายดดู กลบั เขา้ กระแสเลือดเพอื่ ลดความเปน็ เบสของเลือด …………ฉ………….. 7. ทำหน้าท่ีหอ่ หุ้มกล่มุ เสน้ เลอื ดฝอยของหน่วยไต …………ฎ………….. 8. ทำหน้าท่ีหลง่ั ฮอรโ์ มนแอนติไดยูเรติก เพื่อกระตนุ้ การดูดกลับน้ำท่ีท่อหน่วยไต …………ช………….. 9. บรเิ วณที่รวมของเหลวทีม่ ลี ักษณะคล้ายปัสสาวะจากการทำงานของหน่วยไต …………ก………….. 10. สารท่ีท่อหนว่ ยไตดูดกลับเพื่อนำกลับมาใชป้ ระโยชน์ โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บุญเป่ียม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 25 แผนการจดั การเรียนรู้ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 เร่ือง การดำรงชีวิตของมนุษย์ แผนจดั การเรียนรทู้ ี่ 2 เร่ือง การรกั ษาดลุ ยภาพของกรด-เบส และอณุ หภูมิในรา่ งกาย รายวชิ า วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ รหัสวิชา ว31101 ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2566 นำ้ หนักเวลาเรียน 1.0 (นน./นก.) เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ เวลาทใ่ี ชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 2 ช่วั โมง ............................................................................................................................. ............................. 1. สาระสำคัญ ร่างกายมีกลไกในการรักษาดลุ ยภาพของดกรด-เบสในร่างกายโดยการทำงานของปอดและไต ซึ่งปอด ทำหนา้ ทขี่ ับ CO2 จากการหายใจออกเพื่อลดระดบั H+ จากกระบวนการเมแทบอลซิ ึมต่าง ๆ ของรา่ งกาย ส่วน ไตเมื่อเลือดมีความเป็นกรดสูงจะขับสารที่มีส่วนประกอบของไฮโดรเจนไอออนและขับแอมโมเนียมไอออน (NH4+) ออกจากเลือด ดูดกลับสารบางชนิด เช่น โซเดียมไอออน (Na+) และไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน (HCO3-) แตเ่ มื่อเลอื ดมคี วามเป็นเบสสงู (pH สงู ) กจ็ ะเกดิ กระบวนการทตี่ รงกนั ขา้ ม ร่างกายมีกลไกในการรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิในร่างกาย โดยมีศูนย์ควบคุมอยู่ที่สมองส่วนไฮโพ- ทาลามัสที่ทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปกระตุ้นหรือยับยั้งกระบวนการเมแทบอลิซึมต่าง ๆ ซึ่งหากอุณหภูมิของ ร่างกายสูงขึ้นกว่าช่วงปกติ ร่างกายจะตอบสนองโดยการลดอัตราเมแทบอลิซึม เพิ่มการขยายตัวของหลอด เลือด ต่อมเหงื่อสร้างเหงื่อเพิ่มขึ้น เพิ่มการระเหยและการพาความร้อนออกจากร่างกาย แต่หากอุณหภูมิของ ร่างกายต่ำกว่าช่วงปกติ ร่างกายจะตอบสนองโดยการเพิ่มอัตราเมแทบอลิซึม ลดการขยายตัวของหลอดเลือด ต่อมเหงื่อสร้างเหงื่อน้อยลงหรือไม่สร้างเหงื่อ ขนลุกเกิดอาการหนาวสั่น ลดการระเหยและการพาความร้อน ออกจากรา่ งกาย 2. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั ช้นั ป/ี ผลการเรยี นร/ู้ เปา้ หมายการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมชี ีวิต หน่วยพ้ืนฐานของสง่ิ มีชีวิต การลำเลยี งสารผ่านเซลล์ ความสมั พันธ์ ของโครงสร้าง และหน้าท่ีของระบบต่าง ๆ ของสัตวแ์ ละมนุษยท์ ีท่ ำงานสมั พันธก์ ัน ความสัมพันธข์ องโครงสรา้ ง และหน้าท่ขี องอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ท่ีทำงานสัมพนั ธ์กนั รวมท้งั นำ ความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชี้วดั /ผลการเรียนรู้ ม.4/3 อธิบายการควบคุมดลุ ยภาพของกรด-เบสของเลือดโดยการทำงานของไตและปอด ม.4/4 อธิบายการควบคมุ ดลุ ยภาพของอุณหภมู ิภายในร่างกายโดยระบบหมนุ เวยี นเลือด ผวิ หนัง และกลา้ มเนื้อโครงร่าง โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบญุ เป่ียม กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีที่ 4 26 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เนื้อหาสาระหลัก : Knowledge 1) อธิบายการรักษาดลุ ยภาพของกรด-เบสในร่างกายโดยการทำงานของไตและปอด 2) อธบิ ายการรักษาดุลยภาพของอณุ หภมู ใิ นร่างกายโดยการทำงานของระบบหมนุ เวยี นเลอื ด ผิวหนัง และกล้ามเนอื้ โครงรา่ งได้ 3) เปรยี บเทยี บกลไกการรักษาดลุ ยภาพของอุณหภูมิในรา่ งกายเม่ืออุณหภมู ิภายนอกสงู กว่า/ ต่ำกว่าอุณหภูมขิ องร่างกายได้ 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1) เขียนกลไกการการรักษาดุลยภาพของอณุ หภมู ิในรา่ งกายเมอ่ื อณุ หภมู ิภายนอกร่างกาย เปลีย่ นแปลง 3.3 คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ : Attitude 1) สนใจใฝ่รู้ในการศึกษา 4. สมรรถนะสำคญั ของนกั เรียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะของวชิ า 1) ความรบั ผดิ ชอบ 2) กระบวนการกลุม่ 6. คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน 7. ชิ้นงาน/ภาระงาน : 1. การอภปิ รายการรักษาดลุ ยภาพของอุณหภูมใิ นร่างกายของสตั ว์ตา่ ง ๆ 2. ผังสรปุ เร่อื ง กลไกการรกั ษาดุลยภาพอุณหภมู ิในรา่ งกาย 3. แบบฝึกทักษะ เรื่อง การเปรยี บเทยี บอุณหภูมิในร่างกาย 4. แบบฝึกทักษะ เรือ่ ง การรกั ษาดุลยภาพของอุณหภมู ิในร่างกาย โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบญุ เป่ียม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 27 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1 ขน้ั นำเข้าส่บู ทเรียน/ข้ันตั้งคำถาม 1. ครูกระตนุ้ ความสนใจของนักเรียนด้วยการอธิบายวา่ รา่ งกายของมนุษย์และส่งิ มีชีวติ ตา่ ง ๆ ประกอบด้วยสารชีวโมเลกุลหลายชนดิ ท้ังคารโ์ บไฮเดรต โปรตีน ไขมนั ซึ่งจะมีการเกิดปฏิกิริยา เคมี ตา่ ง ๆ มาควบคมุ ทำใหเ้ กดิ ภาวะสมดุล โดยปฏกิ ริ ิยาเคมที เ่ี กิดข้ึนจะมีเอนไซม์เป็นตัวเรง่ ปฏกิ ริ ิยาเคมแี ทบท้ังสน้ิ 2. ครถู ามนกั เรยี นว่า เอนไซม์คืออะไร มคี วามสำคัญต่อรา่ งกายอย่างไร (แนวตอบ เอนไซมเ์ ป็นโปรตีนท่สี รา้ งจากส่งิ มีชวี ิต ทำหนา้ ที่เร่งปฏิกิรยิ าเคมโี ดยการลดพลังงานก่อ กัมมนั ต์ของปฏิกิรยิ า ซ่ึงหากรา่ งกายมสี ภาวะไม่เหมาะสมต่อการทำงานของเอนไซม์ ทัง้ จากความเป็น กรด-เบส อุณหภูมจิ ะทำใหเ้ อนไซม์เสยี สภาพ และส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของรา่ งกาย) ขั้นสำรวจและคน้ พบ/ขั้นการเตรียมการคน้ หาคำตอบ 1. ครูอธิบายให้นกั เรยี นฟังวา่ ความเปน็ กรด-เบสของรา่ งกายจะมีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ต่าง ๆ รา่ งกาย เช่น เอนไซมเ์ ปปซิน ทำหนา้ ท่ีย่อยสลายโปรตีนในลำไสเ้ ล็ก จะทำงานได้ดใี นสภาวะ แวดลอ้ มทเ่ี ปน็ กรด (pH = 2) ขณะที่เอนไซม์ทรปิ ซิน จะทำหน้าทีย่ ่อยสลายโปรตนี ในกระเพาะ อาหาร ทำงานได้ดีในสภาวะแวดล้อมท่ีเป็นเบส (pH = 8) 2. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรียนฟังว่า รา่ งกายจะมีการดลุ ยภาพของกรด-เบสโดยการรกั ษาดุลยภาพของ H+ และใหน้ ักเรยี นศึกษาสมการการหายใจระดับเซลล์ 3. ครูถามคำถามกบั นักเรยี นว่า หาก CO2 ที่เกิดจากการหายใจระดบั เซลล์ จะสง่ ผลต่อ H+ อย่างไร (แนวตอบ CO2 ทเ่ี กดิ ข้ึนจะรวมตวั กับนำ้ ในเซลลเ์ มด็ เลือดแดงเกิดเป็นกรดคาร์บอนิก (H2CO3) ท่ีจะ แตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออน (H+) กบั ไฮโดรเจนคารบ์ อเนตไอออน (HCO3-) ) 4. ครอู ธิบายใหน้ กั เรยี นฟงั วา่ ร่างกายจะรกั ษา H+ ท่สี งู ข้ึนจากการหายใจระดบั เซลล์ โดยหายใจออก เพอื่ ขบั CO2 ออก ซ่งึ จะชว่ ยลด H+ ทำให้ความเป็นกรดของเลอื ดลดลง 5. ครใู หน้ กั เรียนศึกษา การหายใจออกเพื่อขบั CO2 ออก มีผลทำให้ความเป็นกรดของเลอื ดลดลง โดย เกิดจากการแลกเปล่ยี นแก๊สระหวา่ งถุงลมปอดกับเซลล์เมด็ เลอื ดแดง ซง่ึ แกส๊ CO2 ทอี่ ยูใ่ นเลือดจะ แพรเ่ ขา้ สูถ่ งุ ลมปอดเพื่อขับออกจากร่างกายโดยการหายใจออก และเมอ่ื CO2 ลดลงจะส่งผลให้ H+ ในเลือดลดลง ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรุป/ข้ันดำเนนิ การคน้ หาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกีย่ วกบั การรักษาดุลยภาพของกรด-เบสโดยการทำงานของปอด โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเป่ยี ม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 28 ช่วั โมงที่ 2 ข้ันสำรวจและค้นพบ/ขั้นการเตรียมการค้นหาคำตอบ 1. ครทู บทวนความร้เู ดมิ จากชวั่ โมงท่แี ลว้ ใหน้ ักเรยี นทราบ พอสังเขป 2. ครถู ามคำถามกบั นักเรยี นวา่ เพราะเหตุใด เมื่อเราออกกำลงั กายอยา่ งหนัก รา่ งกายจึงมีอตั ราการ หายใจท่ีมากขึ้น (แนวตอบ เมื่อเราออกกำลงั กายอย่างหนัก จึงมีการหายใจระดับเซลล์เพ่ิมมากขึน้ ทำใหเ้ กดิ CO2 มากข้นึ และจะรวมตวั กบั นำ้ ในเซลล์เม็ดเลอื ดแดงเกดิ เปน็ กรดคารบ์ อนิก (H2CO3) ท่ีจะแตกตัวให้ ไฮโดรเจนไอออน (H+) กับไฮโดรเจนคาร์บอเนตไอออน (HCO3-) ส่งผลทำให้เลือดมีความเปน็ กรด สงู ขนึ้ รา่ งกายจงึ ต้องหายใจออกเพ่อื กำจัด CO2 มีผลทำให้ H+ ในเลือดลดลง จงึ ทำให้ความเปน็ กรด ของเลือดลดลง) 3. ครูอธบิ ายให้นกั เรียนฟงั วา่ ไตเปน็ อีกอวยั วะสำคัญที่รักษาดุลยภาพของกรด-เบสในเลือด และให้ นกั เรยี นศกึ ษาการทำงานของไตในการรักษาดลุ ยภาพของกรด-เบสในเลอื ด ซ่ึงเมื่อเลือดมีความเปน็ กรดสงู (pH ต่ำ) หน่วยไตจะขับสารท่ีมสี ว่ นประกอบของไฮโดรเจนไอออน และขับแอมโมเนียม ไอออน (NH4+) ออกจากเลือด ดดู กลบั สารบางชนดิ เช่น โซเดยี มไอออน (Na+) และไฮโดรเจน คาร์บอเนตไอออน (HCO3-) แตห่ ากเลอื ดมีความเปน็ เบสสงู (pH สงู ) ก็จะเกิดกระบวนการ ทต่ี รงกนั ข้าม 4. ครอู ธิบายใหน้ กั เรยี นฟังวา่ การตรวจเลอื ดหรอื ปสั สาวะจะทำให้ทราบสารตา่ ง ๆ ซึ่งหากมีค่าท่ี ผิดปกติจะเปน็ สัญญาณเตือนถงึ ความผิดปกติของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายไดเ้ ชน่ กัน 4. ครูอธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟงั วา่ นอกจากกรด-เบสจะมผี ลต่อการทำงานของเอนไซม์แลว้ อุณหภมู ิยัง เป็นอกี ปัจจัยสำคญั ซ่งึ ปกติร่างกายของมนุษยจ์ ะมอี ุณหภูมิอยูใ่ นช่วง 35.85-37.70 องศาเซลเซียส แต่หากอุณหภมู สิ ูงหรือตำ่ กว่าช่วงดงั กลา่ ว ร่างกายจะมกี ลไกตอบสนองตา่ ง ๆ 5. ครูถามคำถามกบั นักเรยี นวา่ เพราะเหตุใด เม่ือเราป่วยและมอี าการไข้ข้ึนสงู ร่างกายจึงมเี หง่ือออก มากกวา่ ปกติ (แนวตอบ เม่ือเราปว่ ยและมีอาการไขข้ ้ึนสูง ร่างกายจะมอี ุณหภมู ิสงู กว่าปกติ ทำใหต้ ้องปรับตวั เพือ่ ให้ อุณหภูมลิ ดลง โดยตอ่ มเหง่อื จะหลั่งเหงื่อเพ่ิมมากขึ้นเพื่อเพ่มิ การระเหยและพาความร้อนออกจาก รา่ งกาย) 6. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษากลไกการรกั ษาดุลยภาพของอุณหภมู ิในร่างกาย โดยอาศัยการตอบสนองของ ระบบหมุนเวยี นเลอื ด ผวิ หนงั และกล้ามเน้ือโครงรา่ ง เม่ืออุณอุณหภมู ภิ ายนอกร่างกาย เปล่ียนแปลง 7. ครูให้นกั เรยี นเปรยี บเทยี บกลไกการรกั ษาดุลยภาพของร่างกายจากตารางท่ี 3.2 แล้วถามนักเรยี น วา่ หากนกั เรียนเดนิ ทางไปเท่ยี วในประเทศที่มีหมิ ะตก ร่างกายของนักเรียนจะมีการปรบั ตัวอย่างไร (แนวตอบ หากนักเรยี นเดินทางไปเที่ยวในประเทศทมี่ ีหิมะตก แสดงวา่ อุณหภมู ภิ ายนอกรา่ งกายตำ่ โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบญุ เปย่ี ม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 29 กวา่ อุณหภูมภิ ายในรา่ งกาย ร่างกายจะมกี ารตอบสนองโดยเพิ่มอตั ราเมแทบอลซิ ึม ลดการขยายตัว ของหลอดเลือด ต่อมเหงื่อสร้างเหง่ือน้อยลงหรือไมส่ รา้ งเหง่ือ ขนลกุ เกดิ อาการหนาวส่ัน ลดการ ระเหยและการพาความร้อนออกจากรา่ งกาย) 8. ครอู ธิบายใหน้ ักเรยี นฟงั วา่ จากขอ้ มูลท่ีศึกษาจะเหน็ วา่ มนษุ ยส์ ามารถควบคุมอณุ หภมู ิในร่างกาย ตอ่ การเปล่ยี นแปลงของอุณหภมู ิภายนอกได้ รวมถึงส่งิ มีชีวติ กลุ่มอ่ืน ๆ เชน่ สตั ว์เลยี้ งลูกด้วยนำ้ นม สัตวป์ ีก เรยี กสตั ว์กลมุ่ นว้ี ่า สตั วเ์ ลือดอนุ่ แต่สตั ว์บางกลุม่ เชน่ สัตวเ์ ลื้อยคลาน สตั ว์สะเทินน้ำ สะเทนิ บก และสัตวพ์ วกปลา จะไม่สามารถควบคมุ อณุ หภูมขิ องรา่ งกายได้ อุณหภมู ิของร่างกายจงึ แปรผันตามอณุ หภมู ภิ ายนอกร่างกาย เรียกสัตวก์ ลุ่มน้ีวา่ สัตว์เลอื ดเยน็ ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป/ข้ันดำเนนิ การค้นหาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกบั การรักษาดุลยภาพของกรด-เบส โดยการทำงานของไต 3. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝึกทักษะ เรื่อง การเปรยี บเทยี บอุณหภมู ใิ นรา่ งกาย 4. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกยี่ วกบั การรักษาดุลยภาพของอณุ หภูมิในรา่ งกาย 5. ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบฝึกทักษะ เรื่อง การรักษาดุลยภาพของอณุ หภูมิในร่างกาย 1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายเก่ยี วกับการรักษาดุลยภาพของอณุ หภูมใิ นรา่ งกายของสัตว์ตา่ ง ๆ ขนั้ ขยายความรู้และนำเสนอผลการค้นหาคำตอบ 1. ครใู หน้ ักเรียนทำผังสรปุ เร่ือง กลไกการรักษาดุลยภาพอุณหภูมใิ นร่างกาย ลงในกระดาษ ขนั้ สรุปและประเมนิ ผล 1. ครูตรวจสอบผลจากการอภิปรายการรักษาดุลยภาพของอุณหภมู ิในรา่ งกายของสตั ว์ตา่ ง ๆ 2. ครูตรวจสอบผลจากผังสรปุ เรอื่ ง กลไกการรักษาดุลยภาพอุณหภมู ใิ นร่างกาย 3. ครตู รวจสอบผลจากการทำแบบฝึกทกั ษะ เรื่อง การเปรียบเทยี บอุณหภูมใิ นร่างกาย 4. ครูตรวจสอบผลจากการทำแบบฝึกทักษะ เรื่อง การรกั ษาดลุ ยภาพของอุณหภมู ิในรา่ งกาย 9. ส่ือการเรียนการสอน / แหลง่ เรยี นรู้ จำนวน สภาพการใช้ส่ือ 1 ชุด ข้นั ขยายความรู้ รายการสอื่ 1 ชุด ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ 1. ผังสรปุ เรือ่ ง กลไกการรกั ษาดุลยภาพอุณหภมู ใิ นร่างกาย 1 ชดุ ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป 2. แบบฝึกทกั ษะ เรื่อง การเปรยี บเทียบอุณหภูมิในร่างกาย 3. แบบฝกึ ทักษะที่ เรือ่ ง การรักษาดลุ ยภาพของอณุ หภมู ิใน รา่ งกาย โดย ครสู ดุ าภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 30 10. การวัดผลและประเมนิ ผล เปา้ หมาย หลักฐานการเรยี นรู้ วธิ ีวดั เคร่อื งมือวดั ฯ ประเดน็ / การเรยี นรู้ ช้นิ งาน/ภาระงาน เกณฑก์ ารให้ 1) อธบิ ายการรักษา 1. ผังสรปุ เรือ่ ง กลไก ตรวจผงั สรปุ เร่อื ง แบบประเมนิ ชน้ิ งาน คะแนน ดุลยภาพของกรด- การรกั ษาดุลยภาพ กลไกการรกั ษาดลุ ย ระดับคุณภาพ เบสในรา่ งกายโดย อณุ หภมู ใิ นร่างกาย ภาพอณุ หภูมิใน แบบประเมินแบบฝกึ ร้อยละ 65 การทำงานของไต รา่ งกาย ทกั ษะ ผา่ นเกณฑ์ และปอด 2. แบบฝกึ ทกั ษะ ตรวจแบบฝึกทักษะ 2) อธิบายการรักษา เรื่อง การเปรยี บ เรอ่ื ง การ แบบประเมินแบบฝกึ ระดับคุณภาพ ดุลยภาพของ เทียบอณุ หภมู ิใน เปรยี บเทยี บ ทักษะ ร้อยละ 65 อุณหภูมใิ นรา่ งกาย ร่างกาย อณุ หภมู ใิ น รา่ งกาย ผา่ นเกณฑ์ โดยการทำงานของ ตรวจแบบฝึกทักษะ ผลงานท่นี ำเสนอ ระบบหมุนเวียน 3. แบบฝึกทักษะ เร่อื ง การรักษา ระดับคุณภาพ เลอื ด ผวิ หนงั และ เรอ่ื ง การรกั ษาดลุ ย ดลุ ยภาพของ แบบสังเกตพฤติกรรม รอ้ ยละ 65 กลา้ มเนอ้ื โครงรา่ งได้ ภาพของอณุ หภมู ใิ น อณุ หภมู ใิ นร่างกาย การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ 3) เปรียบเทียบกลไก ร่างกาย ประเมนิ การ การรกั ษาดุลยภาพ นำเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 ของอุณหภูมใิ น 5. การนำเสนอผลงาน สงั เกตพฤตกิ รรม การทำงานรายกล่มุ ผ่านเกณฑ์ ร่างกายเม่ืออุณหภมู ิ การทำงาน แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 ภายนอกสูงกว่า/ 6. พฤติกรรมการ รายบุคคล คุณลักษณะ ผ่านเกณฑ์ ตำ่ กว่าอุณหภูมิของ ทำงานรายบคุ คล สังเกตพฤติกรรม อันพงึ ประสงค์ ร่างกายได้ การทำงานรายกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 7. พฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ์ ทำงานรายกล่มุ สังเกตความมีวินัย ระดบั คุณภาพ 2 ใฝเ่ รยี นร้แู ละมงุ่ มั่น ผา่ นเกณฑ์ 8. คุณลักษณะ ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเป่ียม กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีที่ 4 31 แบบประเมินชน้ิ งาน/ภาระงาน แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน คำชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดบั คะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 32 1 เนอื้ หาละเอยี ดชดั เจน 1 2 ความถูกต้องของเนอ้ื หา  3 ภาษาท่ีใชเ้ ขา้ ใจงา่ ย   4 ประโยชน์ท่ไี ดจ้ ากการนำเสนอ   5 วิธกี ารนำเสนอผลงาน     รวม  ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมิน (นางสาวสดุ าภรณ์ สืบบุญเปี่ยม) ............./................../............... เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14 - 15 ดมี าก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรุง โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเป่ียม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 32 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล คำชแ้ี จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดบั คะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 3 21 1 การแสดงความคดิ เห็น   2 การยอมรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ืน่   3 การทำงานตามหน้าท่ีท่ีได้รับมอบหมาย   4 ความมีน้ำใจ   5 การตรงต่อเวลา   รวม ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมนิ นางสาวสดุ าภรณ์ สบื บุญเป่ียม ............./................../.............. เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 14 - 15 ดีมาก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรุง โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 33 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี ตรงกับระดับคะแนน การมี การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ช่อื – สกลุ ความ ฟังคนอนื่ ตามทไี่ ดร้ ับ น้ำใจ การ 15 ท่ี ของนกั เรียน คดิ เหน็ มอบหมาย ปรบั ปรุง คะแนน ผลงานกลมุ่ 321321321321321 โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเป่ียม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 34 การมี การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี ส่วนรว่ มใน รวม ท่ี ชอื่ – สกุล ความ ฟงั คนอ่นื ตามทไี่ ดร้ ับ น้ำใจ การ 15 ของนกั เรยี น คดิ เหน็ มอบหมาย ปรับปรงุ คะแนน ผลงานกลุ่ม 321321321321321 ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมิน (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบญุ เปยี่ ม) ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย ............../.................../............... เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 14 - 15 ดมี าก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 35 แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ ตรงกบั ระดับคะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น 321 1. มวี ินัย รับผดิ ชอบ 1.1 ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บงั คบั ของครอบครัว มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัตกิ จิ กรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน 2. ใฝเ่ รียนรู้ 2.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และนำไปปฏิบตั ิได้ 2.2 รจู้ ักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 2.3 เชอื่ ฟงั คำส่ังสอนของบิดา - มารดา โดยไม่โตแ้ ยง้ 2.4 ต้งั ใจเรยี น 3. มุ่งม่ันในการทำงาน 3.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ ับมอบหมาย 3.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพอ่ื ให้งานสำเรจ็ ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน (นางสาวสดุ าภรณ์ สืบบุญเปี่ยม) ............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ชิ ัดเจนและบอ่ ยครงั้ ให้ 2 คะแนน พฤติกรรมที่ปฏบิ ตั บิ างครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ 51 - 60 ดมี าก 41 - 50 ดี 30 - 40 พอใช้ ตำ่ กว่า 30 ปรบั ปรุง โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บญุ เปย่ี ม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 36 แบบบันทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้ ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ท.่ี ......... เรอ่ื ง................................................................ แผนการจัดการเรียนรูท้ .ี่ .......... เรื่อง................................................... รายวิชา วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 รหัสวชิ า ว31101 ครูผสู้ อน นางสาวสุดาภรณ์ สืบบญุ เปี่ยม ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย เวลาทใี่ ช้................. ชวั่ โมง ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้อคน้ พบระหว่าง ปัญหาที่พบ แนวทางการจดั การเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ ประกอบการเรียนรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนรว่ มของผ้เู รยี น ลงช่ือ..................................................ผู้สอน (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบุญเป่ยี ม) ตำแหน่ง ครูผูช้ ่วย ความเห็นของผูบ้ ริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.................................................. (นายกติ ตธิ ัช จันทรา) รองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเปยี่ ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4 37 แบบบนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ ช่อื หนว่ ยการเรียนรู้ท.่ี ......... เร่อื ง................................................................ แผนการจัดการเรียนรูท้ ่.ี .......... เรือ่ ง................................................... รายวิชา วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4 รหสั วชิ า ว31101 ครูผสู้ อน นางสาวสุดาภรณ์ สืบบุญเปย่ี ม ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย เวลาทใี่ ช.้ ................ ชวั่ โมง ผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้อคน้ พบระหว่าง ปญั หาที่พบ แนวทางการจดั การเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ ประกอบการเรียนรู้ พฤติกรรม/การมีส่วนรว่ มของผ้เู รยี น ลงช่ือ..................................................ผู้สอน (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบุญเป่ยี ม) ตำแหน่ง ครูผูช้ ่วย ความเห็นของผูบ้ ริหารสถานศึกษาหรือผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.................................................. (นายกติ ตธิ ัช จันทรา) รองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเปย่ี ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4 38 แบบบันทกึ หลังการจัดการเรียนรู้ ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ท.่ี ......... เร่อื ง................................................................ แผนการจดั การเรียนรู้ท.ี่ .......... เรือ่ ง................................................... รายวิชา วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 4 รหัสวชิ า ว31101 ครูผูส้ อน นางสาวสดุ าภรณ์ สบื บุญเปย่ี ม ตำแหนง่ ครูผชู้ ่วย เวลาที่ใช.้ ................ ช่วั โมง ผลการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้อคน้ พบระหว่าง ปญั หาที่พบ แนวทางการจดั การเรียนรู้ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ เน้อื หา กิจกรรมการเรียนรู้ สอื่ ประกอบการเรยี นรู้ พฤติกรรม/การมสี ่วนรว่ มของผ้เู รียน ลงช่ือ..................................................ผู้สอน (นางสาวสุดาภรณ์ สืบบญุ เป่ยี ม) ตำแหน่ง ครผู ู้ชว่ ย ความเห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย ........................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.................................................. (นายกิตติธัช จันทรา) รองผู้อำนวยการฝ่ายวชิ าการ โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบุญเปยี่ ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4 39 แบบฝกึ ทักษะ เรื่อง การรักษาดุลยภาพอุณหภูมิในร่างกาย คำชี้แจง ให้นกั เรียนเปรียบเทียบกลไกการรักษาดลุ ยภาพของอุณหภูมิในร่างกายต่อไปนี้ โครงสร้างของร่างกาย อณุ หภมู ภิ ายนอกสงู กว่าอุณหภมู ิ อณุ หภมู ภิ ายนอกต่ำกวา่ อณุ หภูมิ 1. ต่อมเหง่ือ ภายในรา่ งกาย ภายในร่างกาย ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... 2. หลอดเลอื ดฝอยท่ีผิวหนงั ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... 3. กล้ามเน้ือโครงรา่ ง ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... 4. รูขมุ ขน ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... 5. อัตราเมแทบอลิซึม ....................................................... ....................................................... ....................................................... ....................................................... โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บุญเป่ยี ม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 40 เฉลยแบบฝึกทักษะ เรื่อง การรกั ษาดุลยภาพอณุ หภมู ิในรา่ งกาย คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเปรียบเทยี บกลไกการรักษาดุลยภาพของอณุ หภูมใิ นร่างกายต่อไปนี้ โครงสร้างของรา่ งกาย อุณหภมู ิภายนอกสงู กว่าอณุ หภูมิ อุณหภมู ภิ ายนอกต่ำกว่าอณุ หภูมิ 1. ตอ่ มเหงื่อ ภายในร่างกาย ภายในร่างกาย ตอ่ มเหง่ือหลั่งเหงื่อมากขึ้น เพ่ือเพิ่ม ต่อมเหง่ือไมห่ ลัง่ เหง่ือ เพื่อลดการ การระเหยและการพาความร้อน ระเหยและการพาความร้อน 2. หลอดเลอื ดฝอยทผ่ี วิ หนัง หลอดเลอื ดฝอยที่ผวิ หนงั ขยายตวั หลอดเลอื ดฝอยท่ผี วิ หนังหดตัว เพื่อเพ่มิ การแผ่รงั สคี วามร้อน เพอ่ื ลดการแผ่รงั สีความร้อน 3. กลา้ มเนอ้ื โครงรา่ ง กล้ามเนอื้ โครงร่างไม่หดตัว กลา้ มเนอ้ื โครงรา่ งหดตัวเร็วขึ้น ทำใหร้ า่ งกายหนาวสั่น 4. รขู ุมขน รูขมุ ขนขยายตัว ทำใหข้ นเอนราบ รูขุมขนหดตวั ทำให้ขนลกุ ชัน 5. อตั ราเมแทบอลิซมึ ลดอัตราเมแทบอลซิ ึมของรา่ งกาย เพมิ่ อตั ราเมแทบอลิซมึ ของ ร่างกาย โดย ครสู ุดาภรณ์ สืบบุญเปี่ยม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 41 แบบฝกึ ทักษะ เร่อื ง การรกั ษาดุลยภาพของอณุ หภูมิในรา่ งกาย คำชแี้ จง ให้นักเรยี นเขยี นเคร่ืองหมาย ✓ หนา้ ข้อความทถ่ี กู ตอ้ ง และเขียนเคร่ืองหมาย × หนา้ ข้อความ ทไี่ ม่ถูกต้อง พร้อมทัง้ แก้ไขขอ้ ความนั้นใหถ้ ูกต้อง ………. 1. การหายใจออกเปน็ กลไกในการรักษาดลุ ยภาพของกรด-เบสในร่างกายประเภทหนึ่ง ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 2. ปรมิ าณ CO2 จากกระบวนการเมแทบอลซิ ึมของร่างกาย มีผลตอ่ ปรมิ าณ H+ ในเลือด ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 3. เม่ือเลอื ดมี pH ต่ำ หนว่ ยไตจะดูดกลบั NH4+ เขา้ สู่เลอื ด และขับ HCO3- ออกจากเลือด ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 4. ปอดและไตเป็นอวยั วะสำคัญในการรักษาดุลยภาพของกรด-เบสของร่างกาย ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 5. ศนู ย์กลางควบคุมดุลยภาพของอณุ หภมู ิในร่างกายอยู่ท่ีสมองสว่ นเซรีเบลลัม ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 6. ต่อมหง่ือที่ทำหนา้ ที่หลัง่ เหง่ือเพ่ือพาความร้อนออกจากรา่ งกายพบอยู่ในช้ันหนังกำพร้า ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 7. โครงสร้างท่ีชว่ ยรักษาดุลยภาพของอุณหภมู ใิ นร่างกาย ประกอบด้วยระบบหมุนเวียนเลอื ด ผิวหนงั และกล้ามเน้ือโครงรา่ ง ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 8. หากอณุ หภูมิในรา่ งกายสูงกว่าภายนอกร่างกาย รา่ งกายจะมอี ัตราเมแทบอลิซึมตา่ งๆ เพ่ิมขน้ึ เพ่ือพา ความร้อนออกจากร่างกาย ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 9. เมอ่ื ภายนอกมีอณุ หภมู ิต่ำกว่าภายในรา่ งกาย รา่ งกายจะตอบสนองโดยการขยายตวั ของหลอดเลอื ด ตอ่ มเหง่ือสร้างเหงือ่ ลดลง และเกดิ อาการหนาวสัน่ ……………………………………………………………………………………………………………………… ………. 10. สงิ่ มชี ีวติ กลุ่มสัตวเ์ ล้ือยคลานและสัตว์สะเทนิ น้ำสะเทินบก จดั อยู่ในกลุ่มสัตว์เลือดอุ่น ท่ีสามารถ รกั ษาอุณหภมู ิของรา่ งกายให้คงท่ไี ด้ ……………………………………………………………………………………………………………………… โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบญุ เป่ียม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 42 เฉลยแบบฝึกทักษะ เร่อื ง การรกั ษาดลุ ยภาพของอุณหภมู ใิ นร่างกาย คำชีแ้ จง ให้นกั เรียนเขียนเคร่ืองหมาย ✓ หนา้ ข้อความทถ่ี ูกต้อง และเขียนเคร่ืองหมาย × หนา้ ข้อความ ทไี่ มถ่ ูกต้อง พรอ้ มทง้ั แกไ้ ขขอ้ ความน้นั ให้ถกู ตอ้ ง ……✓…. 1. การหายใจออกเป็นกลไกในการรักษาดลุ ยภาพของกรด-เบสในรา่ งกายประเภทหนงึ่ ……✓…. 2. ปริมาณ CO2 จากกระบวนการเมแทบอลซิ ึมของร่างกาย มผี ลตอ่ ปริมาณ H+ ในเลือด ……× …. 3. เมอื่ เลือดมี pH ต่ำ หนว่ ยไตจะดดู กลับ NH4+ เข้าสเู่ ลอื ด และขบั HCO3- ออกจากเลอื ด เมื่อเลือดมี pH ต่ำ หน่วยไตจะขับ NH4+ ออกจากเลือด และดูดกลับ HCO3- เขา้ สู่เลอื ด ……✓…. 4. ปอดและไตเปน็ อวยั วะสำคญั ในการรกั ษาดลุ ยภาพของกรด-เบสของร่างกาย ……×…. 5. ศนู ย์กลางควบคุมดุลยภาพของอุณหภูมิในรา่ งกายอย่ทู ส่ี มองสว่ นเซรีเบลลมั ศนู ย์กลางควบคุมดลุ ยภาพของอุณหภมู ใิ นรา่ งกายอยู่ท่สี มองส่วนไฮโพทาลามัส ……×…. 6. ต่อมหง่ือที่ทำหน้าท่ีหลั่งเหงือ่ เพ่ือพาความร้อนออกจากรา่ งกายพบอยู่ในชนั้ หนังกำพร้า ตอ่ มหง่ือทที่ ำหน้าทีห่ ลงั่ เหง่ือเพ่ือพาความร้อนออกจากร่างกายพบอยู่ในชั้นหนงั แท้ ……✓…. 7. โครงสร้างที่ช่วยรักษาดลุ ยภาพของอุณหภมู ใิ นร่างกาย ประกอบดว้ ยระบบหมุนเวยี นเลือด ผิวหนัง และกล้ามเนื้อโครงรา่ ง ……×…. 8. หากอณุ หภมู ิในร่างกายสูงกวา่ ภายนอกร่างกาย ร่างกายจะมอี ตั ราเมแทบอลิซึมต่างๆ เพิ่มข้ึน เพื่อ พาความรอ้ นออกจากร่างกาย หากอณุ หภมู ิในร่างกายสงู กว่าภายนอกร่างกาย รา่ งกายจะมีอตั ราเมแทบอลิซมึ ต่างๆ ลดลง เพ่ือ ลดอุณหภมู ิภายในร่างกายเข้าสู่สภาวะปกติ ……✓…. 9. เม่อื ภายนอกมอี ุณหภูมิตำ่ กว่าภายในร่างกาย ร่างกายจะตอบสนองโดยการขยายตวั ของหลอด เลอื ด ต่อมเหงื่อสร้างเหง่ือลดลง และเกดิ อาการหนาวส่ัน ……×…. 10. สิ่งมีชวี ติ กลุม่ สัตวเ์ ล้ือยคลานและสัตวส์ ะเทินน้ำสะเทินบก จัดอยู่ในกล่มุ สตั วเ์ ลอื ดอุน่ ทสี่ ามารถ รกั ษาอุณหภูมิของร่างกายใหค้ งท่ไี ด้ สงิ่ มชี ีวติ กลุ่มสัตว์เล้ือยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก จัดอยู่ในกลุ่มสัตวเ์ ลอื ดเยน็ ท่ีไมส่ ามารถ รักษาอณุ หภูมิของรา่ งกายให้คงท่ีได้ โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบุญเปีย่ ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปที ี่ 4 43 แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 เรือ่ ง การดำรงชวี ติ ของมนษุ ย์ แผนจดั การเรียนรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง ระบบภูมิค้มุ กนั รายวชิ า วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ รหัสวิชา ว31101 ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2566 น้ำหนกั เวลาเรียน 1.0 (นน./นก.) เวลาเรียน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ เวลาทใี่ ช้ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 2 ชว่ั โมง ............................................................................................................................. ............................. 1. สาระสำคัญ ร่างกายมกี ลไกปอ้ งกัน ทำลายเช้ือโรคและสิ่งแปลกปลอมออกเปน็ 2 ระบบ ไดแ้ ก่ 1. ระบบภูมคิ ุม้ กันแบบไมจ่ ำเพาะ มีความสามารถในการป้องกนั ทำลายเช้อื โรคและสง่ิ แปลกปลอมได้เพยี ง ระดับหน่เึ ท่ากัน ซึ่งแบง่ กลไกการทำงานออกเป็น 3 ระบบ ได้แก่ การป้องการทางกายภาพ เชน่ ผิวหนัง เยอื่ บผุ วิ การปอ้ งกันโดยสารเคมี เชน่ สารเคมใี นตอ่ มน้ำตา ตอ่ มน้ำลาย กระเพาะอาหาร และตอ่ มเหง่อื และการกลืนกนิ ของเซลล์โดยการทำงานของเซลลเ์ ม็ดเลือดขาวชนดิ ฟาโกไซต์ 2. ระบบภูมคิ ุ้มกันแบบจำเพาะ เปน็ กลไกปอ้ งกัน ทำลายเช้ือโรคและสิง่ แปลกปลอมท่มี คี วามจำเพาะต่อ แอนตเิ จนแต่ละชนิด อาศยั การทำงานของเซลลเ์ ม้ดเลอื ดขาวลมิ โฟไซต์ 2 ชนิด ไดแ้ ก่ เซลลบ์ ีและเซลลท์ ี ซ่ึงเซลล์ทจี ะพัฒนาเป็นเซลลพ์ ลาสมาเพอ่ื สร้างแอนติเจนเขา้ ทำลายสง่ิ แปลกปลอม ส่วนเซลลท์ ีทำหน้าที่ จดจำและระบชุ นิดของเชอ้ื โรค 2. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปี/ผลการเรียนร/ู้ เป้าหมายการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ิของสิง่ มชี ีวติ หนว่ ยพนื้ ฐานของส่ิงมชี วี ติ การลำเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ ของโครงสร้าง และหน้าทข่ี องระบบตา่ ง ๆ ของสตั วแ์ ละมนุษย์ท่ีทำงานสัมพันธ์กัน ความสมั พันธ์ของโครงสร้าง และหนา้ ที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสมั พันธ์กัน รวมท้ังนำ ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ตวั ชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ ม.4/5 อธบิ ายและเขยี นแผนผงั เกย่ี วกับการตอบสนองของรา่ งกายแบบไม่จำเพาะ และ แบบ จำเพาะต่อส่งิ แปลกปลอมของรา่ งกาย 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 เนอ้ื หาสาระหลกั : Knowledge 1) อธิบายการทำงานของระบบภุมคิ ้มุ กนั แบบไมจ่ ำเพาะได้ 2) อธบิ ายการทำงานของระบบภุมิคุม้ กันแบบจำเพาะได้ โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบุญเป่ยี ม กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 44 3.2 ทักษะ/กระบวนการ : Process 1) เขียนกลไกการทำงานของเซลล์เม็ดเลอื ดขาวชนิดฟาโกไซต์ได้ 2) เขยี นกลไกการทำงานของเซลลบ์ ีและเซลลท์ ีได้ 3.3 คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ : Attitude 1) สนใจใฝ่รใู้ นการศึกษา 4. สมรรถนะสำคัญของนักเรยี น 1) ความสามารถในการสอื่ สาร 2) ความสามารถในการคดิ 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะของวชิ า 1) ความรับผดิ ชอบ 2) กระบวนการกลุ่ม 6. คุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 7. ช้ินงาน/ภาระงาน : 1. แผนผัง เรือ่ ง เซลลเ์ ม็ดเลือดขาว 2. ใบงาน เรอ่ื ง เซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาวกลุม่ ฟาโกไซต์ 3. แบบฝกึ ทกั ษะ เรือ่ ง ภมู ิคุ้มกนั 4. แบบฝึกทกั ษะ เร่ือง การทำงานของภูมิคุ้มกัน 5. ใบงาน เรอ่ื ง การทำงานของเซลล์บีและเซลล์ที 6. สถานการณ์จำลอง เรือ่ ง การทำงานของเซลล์บีและเซลล์ที 8. กิจกรรมการเรียนรู้ ชว่ั โมงที่ 1 ขน้ั นำเข้าสู่บทเรียน/ขัน้ ต้ังคำถาม 1. ครกู ระตุ้นความสนใจของนักเรยี น โดยนำภาพแบคทีเรยี ไวรสั เช้ือรามาให้นกั เรียนดู แล้วอธบิ าย วา่ สง่ิ แวดล้อมรอบตวั เรามีสิง่ มีชวี ติ เหล่านอ้ี ยู่ ซึ่งเราอาจไม่สามารถมองเห็นได้ดว้ ยตาเปลา่ และ เมือ่ รา่ งกายไดร้ บั สง่ิ เหลา่ นเี้ ข้าไปอาจทำให้เกิดภาวะเจบ็ ป่วยตามมาได้ 2. ครูใช้คำถาม เพื่อทบทวนความรู้เดมิ ของนกั เรียนวา่ เช้อื โรคและสิ่งแปลกปลอมสามารถเขา้ สู่ รา่ งกายไดท้ างใดบ้าง (แนวตอบ เชือ้ โรคหรือส่งิ แปลกปลอมสามารถเข้าสูร่ า่ งกายได้หลายทาง ทง้ั ทางผิวหนัง ระบบหายใจ โดย ครูสดุ าภรณ์ สืบบญุ เป่ียม กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 45 ระบบยอ่ ยอาหาร ระบบหมนุ เวียนโลหติ ) ข้นั สำรวจและค้นพบ/ขนั้ การเตรยี มการคน้ หาคำตอบ 1. ครอู ธบิ ายใหน้ ักเรียนฟังวา่ เมอ่ื รา่ งกายเกดิ บาดแผล เชอ้ื โรคและสง่ิ แปลกปลอมตา่ ง ๆ ใน สง่ิ แวดลอ้ มจะเขา้ สูร่ ่างกาย เรียกเช้ือโรคและสิง่ แปลกปลอมเหลา่ นี้วา่ แอนติเจน 2. ครูถามนักเรยี นว่า รา่ งกายของเรามีกลไกต่อตา้ นเชอ้ื โรคและส่ิงแปลกปลอมเหล่านี้อย่างไร (แนวตอบ รา่ งกายมีกลไกต่อต้านเชอ้ื โรคและสิ่งแปลกปลอมท่เี ข้าสู่ร่างกายทห่ี ลากหลาย ท้งั การ ปอ้ งกันจากสง่ิ กดี ขวางภายนอกรา่ งกาย เช่น ผิวหนัง เปน็ ต้น การปอ้ งกนั จากสารเคมีท่ีร่างกายสร้าง ขนึ้ เช่น เอนไซม์ น้ำย่อย เป็นตน้ และการป้องกันของเซลล์เมด็ เลอื ดขาวชนิดตา่ ง ๆ ซ่ึงการปอ้ งกัน เหลา่ นี้จะถกู แบง่ ออกเปน็ 2 ระบบ คือ ระบบภมู ิคุ้มกันแบบไมจ่ ำเพาะ และระบบภมู คิ ้มุ กันแบบ จำเพาะ) 3. ครอู ธบิ ายให้นักเรียนฟงั ว่า ระบบภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ มคี วามสามารถในการป้องกนั และ ทำลายเชอ้ื โรคและส่งิ แปลกปลอมท่ีไม่สูงนัก ซ่งึ มีกลไกการทำงานแบง่ ออกเปน็ 3 ระบบ ขัน้ อธิบายและลงข้อสรปุ /ขั้นดำเนินการคน้ หาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายเกี่ยวกับระบบภมู คิ มุ้ กันแบบไมจ่ ำเพาะจากการป้องกันทาง กายภาพ และสารเคมีในร่างกาย 2. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝึกทักษะ เร่ือง ภูมคิ ุ้มกนั ช่วั โมงที่ 2 ขัน้ สำรวจและค้นพบ/ขน้ั การเตรยี มการค้นหาคำตอบ 1. ครูทบทวนความรูเ้ ดิมจากชัว่ โมงท่แี ล้วให้นกั เรยี นทราบ พอสงั เขป 2. ครูอธิบายให้นกั เรียนฟังว่า นอกจากกลไกการป้องกันและทำลายเชอ้ื โรคทั้ง 2 ระบบที่ผ่านมา ยงั มี กลไกการป้องกันเชอื้ โรคและสง่ิ แปลกปลอมโดยการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดฟาโกไซต์ ซงึ่ จะทำลาย สงิ่ แปลกปลอมด้วยวธิ ฟี าโกไซโทซสิ หรือการกลนื กนิ ของเซลล์ 3. ครใู ห้นกั เรียนศึกษาเซลลเ์ มด็ เลอื ดขาวชนดิ ฟาโกไซต์ต่าง ๆ ซึง่ มหี นา้ ท่ีแตกต่างกัน และ เปรียบเทยี บลกั ษณะ และการทำลายของเซลลเ์ ม็ดเลือดขาวตา่ ง ๆ 4. ครูให้นักเรียนศึกษากลไกการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนดิ ฟาโกไซต์ เมอ่ื มีเช้ือโรคหรือ สิ่งแปลกปลอมเข้าสู่รา่ งกาย 5. ครูอธิบายใหน้ ักเรยี นฟังว่า จากทเ่ี รียนผ่านมาเปน็ ระบบภมู ิคุ้มกนั แบบไม่จำเพาะ แต่หากรา่ งกาย ไดร้ บั เช้อื โรคทรี่ ุนแรง หรือมีความจำเพาะ รา่ งกายจะมีกลไกทำลายเช้ือโรคและส่งิ แปลกปลอม ท่ี เรยี กวา่ ระบบภมู ิค้มุ กนั แบบจำเพาะ 6. ครูอธิบายใหน้ กั เรียนฟงั ว่า ระบบภมู คิ ุ้มกนั แบบจำเพาะอาศยั การทำงานของเซลล์เม็ดเลอื ดขาวลิม โฟไซต์ 2 ชนิด ไดแ้ ก่ เซลล์บีและเซลลท์ ี ซง่ึ เซลลท์ จี ะพัฒนาเปน็ เซลล์พลาสมาเพื่อสร้างแอนตเิ จน โดย ครูสุดาภรณ์ สืบบญุ เปยี่ ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 46 เขา้ ทำลายสิง่ แปลกปลอม และเซลล์ทที ำหนา้ ทจ่ี ดจำและระบุชนดิ ของเชื้อโรคตา่ ง ๆ 7. ครใู ห้นักเรยี นศึกษา กลไกการทำงานของเซลล์บแี ละเซลล์ทใี นการทำลายเช้ือโรคและสงิ่ แปลกปลอม 8. ครูแบ่งนกั เรียนออกเปน็ 3 กลุ่ม รวมกนั วางแผนการจำลองสถานการณก์ ารทำงานของเซลล์บีและ เซลล์ทีในการทำลายเชือ้ โรคและสง่ิ แปลกปลอม ซ่ึงแต่ละกลุ่มมีตัวแสดง ดงั น้ี - เชอ้ื โรค - แอนตเิ จน - เซลล์เมด็ เลือดขาวฟาโกไซต์ - เซลลบ์ ี - เซลลท์ ี - เซลลพ์ ลาสมา - แอนตบิ อดี - เซลลเ์ มมอรี ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ วางแผน เพ่อื จำลองสถานการณ์ในชว่ั โมงต่อไป 9. ครูใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ จัดเตรยี มวัสดอุ ปุ กรณเ์ พื่อใชใ้ นการจำลองสถานการณ์ การทำงานของ เซลลบ์ ีและเซลลท์ ีในการทำลายเช้อื โรคและสิง่ แปลกปลอม ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรุป/ข้ันดำเนนิ การค้นหาคำตอบและตรวจสอบคำตอบ 1. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 4 คน ออกมาอธิบายลักษณะและบทบาทของเซลล์เม็ดเลือดขาวแต่ละชนดิ 2. ครสู ุ่มเลอื กนักเรียน 3 คน ออกมาอธบิ ายกลไกการทำงานของเซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาวชนิดฟาโกไซต์ 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกบั การกลนื กนิ ของเซลล์ 4. ครใู หน้ กั เรยี นทำใบงานท่ี เรื่อง เซลล์เม็ดเลือดขาวกล่มุ ฟาโกไซต์ 5. ครูให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มออกมาเสนอ แผนการจำลองสถานการณ์การทำงานของเซลลบ์ แี ละเซลล์ที ในการทำลายเชือ้ โรคและส่งิ แปลกปลอม 6. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกย่ี วกับแผนการจำลองสถานการณ์การทำงานของเซลลบ์ แี ละ เซลลท์ ใี นการทำลายเชอ้ื โรคและสงิ่ แปลกปลอมของแตล่ ะกล่มุ เพือ่ ใหน้ กั เรียนนำไปปรบั ใช้ในการ จำลองสถานการณจ์ ริงในช่วั โมงตอ่ ไป 7. ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมาจำลองสถานการณ์ การทำงานของเซลลบ์ แี ละเซลลท์ ีในการทำลาย เชือ้ โรคและสง่ิ แปลกปลอม ในเวลา 5 นาที 8. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเก่ยี วกับระบบภูมิค้มุ กันแบบจำเพาะ 9. ครใู ห้นักเรยี นทำใบงานที่ เร่ือง การทำงานของเซลล์บีและเซลล์ที 10. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝึกทกั ษะ เร่อื ง การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ขน้ั ขยายความรแู้ ละนำเสนอผลการคน้ หาคำตอบ 1. ครใู ห้นักเรยี นสืบคน้ เร่อื ง เซลล์เมด็ เลอื ดขาว มเี นื้อหาประกอบดว้ ย ประเภทของเซลล์เม็ดเลือด ขาว ลกั ษณะของเซลล์เม็ดเลือดขาว หนา้ ทีแ่ ละการทำงานของเซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว และความ ผดิ ปกติของเซลลเ์ ม็ดเลอื ดขาว แล้วจัดทำแผนผงั โดย ครสู ุดาภรณ์ สบื บุญเปี่ยม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 47 ขนั้ สรปุ และประเมินผล 1. ครูตรวจสอบผลจากการทำแผนผงั เรอื่ ง เซลล์เม็ดเลือดขาว 2. ครตู รวจสอบผลจากใบงาน เร่ือง เซลล์เม็ดเลือดขาวกลุ่มฟาโกไซต์ 3. ครูตรวจสอบผลจากการทำแบบฝึกทักษะ เรื่อง ภมู ิค้มุ กัน 4. ครูตรวจสอบผลจากการทำแบบฝกึ ทกั ษะ เร่ือง การทำงานของภูมคิ ุ้มกนั 5. ครูตรวจสอบผลจากใบงาน เรือ่ ง การทำงานของเซลล์บีและเซลลท์ ี 6. ครตู รวจสอบผลจากสถานการณ์จำลอง เร่อื ง การทำงานของเซลล์บแี ละเซลล์ที 9. สอ่ื การเรยี นการสอน / แหลง่ เรียนรู้ จำนวน สภาพการใช้สอ่ื รายการสอื่ 1 ชดุ ข้นั อธิบายและลงข้อสรปุ 1 ชดุ ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป 1. แผนผงั เร่อื ง เซลลเ์ มด็ เลือดขาว 1 ชดุ ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป 2. ใบงาน เรือ่ ง เซลล์เมด็ เลอื ดขาวกลุ่มฟาโกไซต์ 1 ชดุ ข้ันอธิบายและลงข้อสรปุ 3. แบบฝึกทกั ษะ เร่ือง ภูมคิ ุ้มกนั 1 ชุด ขั้นขยายความรู้ 4. แบบฝึกทักษะ เร่ือง การทำงานของภูมคิ ุ้มกัน 1 ชดุ ขนั้ ขยายความรู้ 5. ใบงาน เรอ่ื ง การทำงานของเซลลบ์ ีและเซลล์ที 6. สถานการณ์จำลอง เรอื่ ง การทำงานของเซลลบ์ แี ละเซลลท์ ี โดย ครูสุดาภรณ์ สบื บญุ เปีย่ ม กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 48 10. การวัดผลและประเมินผล เป้าหมาย หลกั ฐานการเรียนรู้ วธิ ีวดั เคร่อื งมือวัดฯ ประเด็น/ การเรียนรู้ ชิ้นงาน/ภาระงาน เกณฑก์ ารให้ 1) อธบิ ายการทำงาน 1. แผนผงั เรื่อง เซลล์ ตรวจแผนผัง เรื่อง แบบประเมินชน้ิ งาน คะแนน ระดบั คุณภาพ 2 ของระบบภุมิคุ้มกัน เม็ดเลอื ดขาว เซลลเ์ ม็ดเลือดขาว ผ่านเกณฑ์ แบบไมจ่ ำเพาะได 2. ใบงาน เร่อื ง เซลล์ ตรวจใบงาน เรือ่ ง แบบประเมนิ ใบงาน ระดับคุณภาพ รอ้ ยละ 65 2) อธิบายการทำงาน เม็ดเลือดขาวกลุม่ เซลลเ์ ม็ดเลือดขาว ผา่ นเกณฑ์ ของระบบภุมคิ ุ้มกนั ฟาโกไซต์ กลุ่มฟาโกไซต์ ระดบั คุณภาพ แบบจำเพาะได้ 3. แบบฝึกทักษะ ตรวจแบบฝึกทักษะ แบบประเมนิ แบบฝึก ร้อยละ 65 ผ่านเกณฑ์ 3) เขยี นกลไกการ เรอื่ ง ภูมิค้มุ กัน เร่อื ง ภูมิคมุ้ กนั ทักษะ ระดบั คุณภาพ ร้อยละ 65 ทำงานของเซลล์เมด็ 4. แบบฝกึ ทักษะ เร่ือง ตรวจแบบฝึกทักษะ แบบประเมินแบบฝึก ผ่านเกณฑ์ เลือดขาวชนดิ ฟาโก การทำงานของ เรอ่ื ง การทำงาน ทกั ษะ ระดับคุณภาพ 2 ไซต์ได้ ผา่ นเกณฑ์ ภมู คิ มุ้ กัน ของภมู ิค้มุ กนั ระดับคุณภาพ 2 4) เขียนกลไกการ 5. ใบงาน เรอ่ื ง การ ตรวจใบงาน เรื่อง แบบประเมินใบงาน ผ่านเกณฑ์ ทำงานของเซลลบ์ ี ทำงานของเซลล์บี การทำงานของ ผลงานทนี่ ำเสนอ ระดับคุณภาพ 2 และเซลลท์ ไี ด้ และเซลลท์ ี เซลล์บแี ละเซลล์ที ผ่านเกณฑ์ ประเมนิ การ 6. การนำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ นำเสนอผลงาน ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ 7. พฤติกรรมการ สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม ทำงานรายบุคคล การทำงาน การทำงานรายบุคคล รายบคุ คล 8. พฤตกิ รรมการ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ทำงานรายกลุม่ การทำงานรายกล่มุ การทำงานรายกล่มุ 9. คุณลักษณะ สงั เกตความมีวนิ ัย แบบประเมนิ อันพงึ ประสงค์ ใฝเ่ รยี นรแู้ ละมุ่งมัน่ คณุ ลักษณะ ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์ โดย ครูสดุ าภรณ์ สบื บุญเป่ยี ม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 49 แบบประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน แบบประเมนิ แผนผัง คำชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินชิ้นงาน/ภาระงานของนักเรียนตามรายการที่กำหนด แล้วขีด ✓ ลงในช่องที่ตรง กบั ระดบั คะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 4321 1 ความถกู ตอ้ งของเน้อื หา 2 ความสมบรู ณ์ของรูปเล่ม รวม 3 ความตรงต่อเวลา ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมนิ (นางสาวสุดาภรณ์ สบื บญุ เปี่ยม) ............./................../............... เกณฑก์ ารประเมนิ รายงาน ประเดน็ ท่ปี ระเมนิ ระดับคะแนน 4. ความถูกตอ้ ง 432 1 ของเนือ้ หา เน้ือหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของ รายงานไมถ่ กู ต้องเปน็ 5. ความสมบูรณ์ ส่วนใหญ่ ของรูปเลม่ รายงานถกู ตอ้ งครบถว้ น รายงานถกู ตอ้ งเป็นส่วน รายงานถูกต้องบาง องค์ประกอบไม่ ครบถว้ น ไมเ่ ป็น 6. ความตรงต่อ ใหญ่ ประเดน็ ระเบยี บ และแผนผงั ไม่ เวลา สวยงาม มอี งค์ประกอบครบถ้วน มีองคป์ ระกอบครบถ้วน มีองค์ประกอบครบถว้ น สง่ ชิ้นงานชา้ กวา่ เวลาท่ี กำหนด 3 วันข้นึ ไป สมบรู ณ์ มคี วามเปน็ สมบูรณ์ มีความเปน็ สมบูรณ์ แต่ยงั ไม่เป็น ระเบียบ และแผนผัง ระเบยี บ แต่แผนผังไม่ ระเบยี บ และแผนผังไม่ สวยงาม สวยงาม สวยงาม ส่งช้นิ งานภายในเวลาท่ี สง่ ชนิ้ งานช้ากว่าเวลาท่ี ส่งช้นิ งานชา้ กวา่ เวลาที่ กำหนด กำหนด 1 วัน กำหนด 2 วนั เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 11-12 ดมี าก 9-10 ดี 6-8 พอใช้ ต่ำกวา่ 6 ปรบั ปรุง โดย ครสู ดุ าภรณ์ สบื บุญเปีย่ ม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 50 แบบประเมินการนำเสนอผลงาน คำชแ้ี จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่ ตรงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 32 1 เนือ้ หาละเอียดชัดเจน 1 2 ความถูกต้องของเนือ้ หา  3 ภาษาท่ใี ช้เข้าใจงา่ ย   4 ประโยชน์ที่ไดจ้ ากการนำเสนอ   5 วิธกี ารนำเสนอผลงาน     รวม  ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมิน (นางสาวสุดาภรณ์ สบื บุญเปยี่ ม) ............./................../............... เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14 - 15 ดมี าก 11 - 13 ดี 8 - 10 พอใช้ ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ โดย ครสู ดุ าภรณ์ สืบบุญเปย่ี ม กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook