ทวปี ยโุ รปกบั พฒั นาการทาง ประวตั ศิ าสตร ์
พฒั นาการดา้ นการเมืองการ โดยท่วั ไปกลา่ วไดว้ ่าในอดีตดินแดนสว่ นใหญ่ของทวีป ปกครอง ยโุ รปมกี ษัตรยิ เ์ ป็นประมขุ สงู สดุ ระบอบการปกครอง แบบกษัตรยิ ก์ ็เป็นท่ีรูจ้ กั กนั แพรห่ ลายแลว้ ในสมยั จกั รวรรดโิ รมนั พระประมขุ สงู สดุ เรยี กว่า ซีซารห์ รอื จกั รพรรดซิ ่งึ ทรงปกครองอาณาบรเิ วณกวา้ งขวาง ครอบคลมุ พืน้ ท่ีในยโุ รปและบางสว่ นของเอเชียและ แอฟรกิ า เม่อื จกั รวรรดิโรมนั ลม่ สลายลงใน ค.ศ. ๔๗๖ ยโุ รปได้ เขา้ สสู่ มยั กลาง ท่ีระยะแรกๆบา้ นเมอื งระบอบการ ปกครองแบบรวมศนู ยอ์ านาจของโรมสลายตวั บา้ นเมืองไรข้ ่ือแป ประมวลกฎหมายโรมนั ท่ีใชบ้ งั คบั ท่วั ทงั้ จกั รวรรดถิ กู ละ ทิง้ เกิดเป็นระบอบการปกครองแบบฟิวดลั ของพวกอ นารยชนแทนประมวลกฎหมายโรมนั อยา่ งไรก็ดี กษัตรยิ ก์ ็ยงั คงไดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เป็นเจา้ ของแผน่ ดิน และไดร้ บั การยกยอ่ งว่าเป็นพระประมขุ (แต่ไมม่ ี อานาจ) แตใ่ นปลายสมยั กลางกษัตรยิ ต์ า่ งสามารถ สถาปนาอานาจปกครองแบบรวมศนู ยอ์ านาจและ สรา้ งรฐั ชาติ ท่ีรวมดนิ แดนตา่ งๆ เขา้ เป็นชาติเดียวกนั ได้ ซ่งึ พระราชอานาจในการปกครองของกษัตรยิ ใ์ น ดินแดนต่างๆ มพี ฒั นาการท่ีแตกต่างกนั ดงั นี้
ระบอบกษัตรยิ แ์ บบสมบรู ณาญาสทิ ธิราชย์ สว่ นฝร่งั เศสและประเทศมหาอานาจในอดีต อ่ืนๆ ไดแ้ ก่ ปรสั เซีย (รฐั หน่งึ ในดินแดน เยอรมนั ต่อมามีบทบาทเป็นผนู้ าในการรวม ชาติเยอรมนีใน ค.ศ.๑๘๗๑) ออสเตรยี และ รฐั เซียนนั้ กลบั มีพฒั นาการระบอบการ ปกครองแบบสมบรู ณาญาสิทธิราชย์ ฝร่งั เศสใน ค.ศ. ๑๖๑๔ หลงั เกิดเหตคุ วาม ระบอบกษัตรยิ ภ์ ายใตร้ ฐั ธรรมนญู วนุ่ วายและสงครามกบั สเปน สภาฐานนั ดร ในองั กฤษ พระเจา้ จอหน์ ทรงยอมรบั แมก ( ซง่ึ เป็นตวั แทนของชนชนั้ ต่างๆ ไดป้ ระกาศ นาคารต์ า หรอื มหากฎบตั ร ท่ีขนุ นาง ยบุ ตวั และประกาศให้ “อานาจอธิปไตร พระ พอ่ คา้ และประชาชนรวมตวั กนั บีบ สงู สดุ เป็นของกษัตรยิ เ์ พราะทรงเป็นผไู้ ดร้ บั บงั คบั ใหพ้ ระองคย์ อมรบั ขอ้ ตกลงท่ีเป็นล มงกฎุ จากพระเป็นเจา้ ” จงึ ทาใหไ้ มม่ ีการ ยาลกั ษณอ์ กั ษรในการจากดั พระราช เรยี กประชมุ สภาฐานนั ดรอีกเลยเป็นเวลา อานาจไมใ่ หใ้ ชพ้ ระราชอานาจเกิน ๑๗๕ ปี จนก่อนเกิดการปฏิวตั ฝิ ร่งั เศส ค.ศ. ขอบเขตในการเก็บภาษีอากร การลงโทษ ๑๗๘๙ ทาใหก้ ษัตรยิ ฝ์ ร่งั เศสไม่มีสภาท่ีจะ และอ่ืนๆ ต่อมาไดเ้ กิดรฐั สภา ท่ี ควบคมุ การใชพ้ ระราชอานาจ พระราช ประกอบดว้ ย สภาขนุ นาง และ สภา สามญั ท่ีมีสว่ นสาคญั ในการลดอานาจ อานาจของกษัตรยิ จ์ งึ ไดเ้ พ่ิมพนู ขึน้ อีก สทิ ธิ์ของกษัตรยิ ์
ระบอบการปกครองในทวปี ยโุ รปสมยั ปัจจบุ นั หลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี ๒ ระบอบการปกครองของยโุ รปแยก ออกเป็น ๒ ระบอบอยา่ งเดน่ ชดั ดงั นี้ ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบท่ีเนน้ ความเป็นปัจเจก บคุ คลนิยม เหตผุ ลนิยม และเสรภี าพ หลกั การสาคญั ของ แนวความคดิ ประชาธิปไตย คอื สทิ ธิ เสรภี าพของประชาชน ประชาชนเป็นท่ีมาของอานาจอธิปไตย ทกุ คนมีสทิ ธิ เสรภี าพ และความเสมอภาคภายใตก้ ฎหมาย การปกครอง ระบอบประชาธิปไตยมตี น้ กาเนิดมาตงั้ แตส่ มยั กรกี โบราณ เม่ือกวา่ ๕๐๐ ปีก่อนครสิ ตศ์ กั ราช โดยนครรฐั เอเธนสเ์ ป็น ดินแดนแหง่ แรกท่ีใหส้ ทิ ธิแก่พลเมืองเพศชายท่ีเป็นเสรชี น ทกุ คนมสี ทิ ธิในการเลอื กตงั้ และเขา้ น่งั ในสภา ทงั้ ยงั ดารง ตาแหน่งผปู้ กครองได้ ระบอบการปกครองแบบ ประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองท่ีประชาชนมอี านาจ สงู สดุ โดยมีรฐั สภาทาหนา้ ท่ีเป็นตวั แทนของประชาชน
ระบอบเผดจ็ การคอมมวิ นิสต์ เป็นระบอบการปกครองท่อี า้ งอดุ มการณ์ ของลทั ธิมากซใ์ นการสรา้ งสงั คมท่ี ปราศจากชนชนั้ และมคี วามเสมอภาคกนั ในดา้ นต่างๆ โดยชนชนั้ แรงงานเป็น ผปู้ กครองประเทศระอบเผดจ็ การ คอมมวิ นิสตม์ ีพรรคการเมืองเพยี งพรรค เดียว ผนู้ าพรรคคอมมวิ นิสตแ์ ละผนู้ ารฐั เป็นคนเดยี วกนั สหภาพโซเวียตเป็น ประเทศแรกท่มี กี ารปกครองในระบอบ เผดจ็ การคอมมิวนิสตภ์ ายหลงั การปฏิวตั ิ รสั เซยี ในเดือนตลุ าคม ค.ศ. ๑๙๑๗ หลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี ๒ ก็มีประเทศอ่ืน ปกครองในระบอบเผดจ็ การคอมมวิ นิสต์ อีก ๑๖ ประเทศ แตเ่ ม่อื สหภาพโซเวียตลม่ สลายลงใน ค.ศ. ๑๙๙๑ ก็เหลอื เพียงไมก่ ่ี ประเทศ เชน่ จีน คิวบา เกาหลเี หนือ เป็น ตน้ สว่ นบรรดาประเทศบรวิ ารของสหภาพ โซเวียตเดิม (รวมทงั้ รสั เซีย) ก็ตอ้ งปฏิรูป การปกครองตนเองในแนวทางของระบอบ การปกครองแบบประชาธิปไตยดว้ ย
พฒั นาการดา้ นเศรษฐกิจ ระหวา่ ง ค.ศ. ๔๗๖-๑๐๕๐ หรอื สมยั กลางตอนตน้ ชาวไร่ ชาวนาสว่ นใหญ่ตา่ งสญู เสียอสิ รภาพและกลายเป็นทาสติด ท่ดี นิ ตอ้ งอยใู่ นสงั กดั ของขนุ นางเจา้ ของท่ดี นิ และดารงชีวิตอยู่ ในเขตแมเนอร์ ซง่ึ เป็นเขตท่ีดินในปกครองของขนุ นาง และเป็น ท่ีเพาะปลกู และอยอู่ าศยั โดยมีเขตท่ีเป็นท่ีตงั้ ปราสาทของขนุ นางเจา้ ของท่ีดิน และเขตหมบู่ า้ นซง่ึ เป็นเขตท่อี ยู่อาศยั ของ พวกทาสติดท่ีดนิ และชาวไรช่ าวนาบางคนท่เี ป็นเสรชี น เศรษฐกิจในเขตแมเนอรเ์ ป็นเศรษฐกิจพอเลีย้ งตนเอง ท่ชี าวไร่ ชาวนาตา่ งประกอบอาชีพพอกินพอใชแ้ ละผลิตสินคา้ เพ่ือใช้ เองหรอื แลกเปล่ยี นกนั การคา้ ท่ีเคยรุง่ เรอื งในสมยั จกั รวรรดิ โรมนั ตอ้ งหยดุ ชะงกั เป็นเวลากวา่ ๕๐๐ ปี ก่อนท่ียโุ รปจะฟื้นตวั จนสามารถสรา้ งความเป็นปึกแผ่นและปลอดภยั จากการ รุกรานของพวกอนารยชน จานวนประชากรไดเ้ พ่ิมมากขนึ้ และ สามารถผลติ สินคา้ เพ่ือการคา้ ขายทงั้ ภายในประเทศและ สง่ ออกได้
เศรษฐกิจแบบพาณิชยนิยม เศรษฐกิจแบบพาณิชยนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจท่ี เกิดขนึ้ และพฒั นาพรอ้ มๆ กบั การกอ่ ตวั ของรฐั ชาติ เป็น รูปแบบของเศรษฐกิจครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๖-๑๘ โดยรฐั เขา้ ควบคมุ อตุ สาหกรรมและการคา้ ภายในประเทศ สง่ เสรมิ การดาเนินธุรกิจของพอ่ คา้ การสง่ สินคา้ ออก และกีดกนั การนาเขา้ สนิ คา้ จากตา่ งประเทศลทั ธิ พาณิชยนิยมเป็นผลจากความเช่ือว่าการควบคมุ และ การดาเนินธรุ กิจตา่ งๆ จะทาใหร้ ฐั ม่นั คง เขม้ แขง็ ดงั นนั้ จงึ ถือเป็นหนา้ ท่ีและความจาเป็นของรฐั ท่ีจะตอ้ ง ดาเนินการทกุ วถิ ีทางเพ่ือเป็นเจา้ ของทรพั ยากรและโภค ทรพั ยต์ า่ งๆ และเขา้ ครอบครองดนิ แดนตา่ งๆ แลว้ จดั ตงั้ เป็นอาณานิคม เผยแผ่ศาสนา ทา้ ยท่ีสดุ ก็ กอ่ ใหเ้ กิดความขดั แยง้ กนั เองและเขา้ สสู่ งคราม กลายเป็นสงครามท่ีลกุ ลามในภมู ภิ าคอ่ืนๆ ของโลก เช่น สงครามเจด็ ปี ระหวา่ งฝร่งั เศสและออสเตรีย กบั องั กฤษและปรสั เซีย กอ่ ใหเ้ กิดการรบกนั ทงั้ ในทวีป ยโุ รป อเมรกิ า และเอเชีย
เศรษฐกิจแบบทนุ นิยม ปลายครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๘ ไดเ้ กิด แนวคิดทางเศรษฐศาสตรแ์ ละการเมือง ท่ีสาคญั คือ แนวคดิ ไลสเ์ ซ-แฟร์ เป็น คาฝร่งั เศส หมายถงึ ปลอ่ ยใหเ้ ป็นเอง และแนวคิดการคา้ เสรี ของแอดมั สมทิ ชาวสกอต เจา้ ของผลงานเร่อื ง The Wealth of Nations (ค.ศ. ๑๗๗๖) ท่ีกาหนดใหอ้ ปุ สงค์ และ อปุ ทาน เป็นตวั กาหนดกลไกของตลาด ดา้ นเศรษฐกิจนนั้ ไลสเ์ ซ-แฟร์ หมายถงึ การดาเนินนโยบายภายในท่ีรฐั บาลไม่ ควรเขา้ ไปกา้ วกา่ ยกบั การคา้ เป็นธรุ กิจ ของภาคเอกชนทงั้ ในดา้ นอตุ สาหกรรม และการเงิน ระบบเศรษฐกิจแบบเสรี นิยมสง่ เสรมิ ใหน้ ายทนุ แขง่ ขนั กนั อยา่ ง เสรี ผบู้ รโิ ภคจะทาใหก้ ลไกของตลาด เคล่อื นไหวและนาความม่งั ค่งั มาสรู่ ฐั ได้
เศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม เศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม เป็น ระบบเศรษฐกิจท่ีพฒั นามาจาก แนวความคิดทางการเมืองของคารล์ มากซ์ นกั สงั คมนิยมท่ีมีช่ือเสียงของ ยโุ รป เกิดขนึ้ กลางครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ เพ่ือตอบโตก้ ารขยายตวั ของ ลทั ธิทนุ นิยมและการเอารดั เอา เปรยี บชนชนั้ แรงงาน เขาตอ้ งการ สรา้ งระบบเศรษฐกิจท่ีเสมอภาค คือ การยกเลกิ กรรมสทิ ธิ์ทรพั ยส์ นิ สว่ น บคุ คล และใหม้ ีการจดั การทางการ ผลติ โดยชนชนั้ แรงงาน ซง่ึ ชนชนั้ แรงงานจะใชอ้ านาจเผดจ็ การในการ ปกครองเพ่ือผลกั ดนั นโยบายสงั คม นิยมใหบ้ รรลผุ ลสาเรจ็
พฒั นาการดา้ นสงั คมและศิลปวฒั นธรรม มีดงั นี้ กาเนิดของชนชนั้ กลาง ในสมยั กลางตอนตน้ สงั คมของตะวนั ตกประกอบดว้ ย ชนชนั้ ๓ ฐานนั ดร ไดแ้ ก่ กษัตรยิ -์ ขนุ นาง นกั บวช และชาวไร-่ ชาวนา (ทาส ติดท่ีดิน) แตเ่ ม่ือมีการฟื้นตวั ของเศรษฐกิจและเมืองขนึ้ ใน ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๑ สงั คมยโุ รปกเ็ กิดชนชนั้ ใหม่ คือ ชนชนั้ กลาง หรอื ชนชนั้ กระฎมุ พี ท่ีประกอบอาชีพตา่ งๆ เชน่ ช่างฝีมือ ลกู จา้ ง พอ่ คา้ อาจารย์ นกั ศกึ ษา โดยอาศยั อยใู่ นเขตเมือง ถือว่าเป็น ชน ชนั้ ใหม่ ของสงั คมตะวนั ตก ชนชนั้ กลางเหลา่ นีไ้ ดร้ ว่ มกนั วางรากฐานความเจรญิ ใหแ้ กส่ งั คมยโุ รปและปลกู ฝังอดุ มการณ์ และวธิ ีการปฏิบตั ิในการอยรู่ ว่ มกนั เชน่ สทิ ธิและหนา้ ท่ีของ ชาวเมือง การจดั เก็บภาษีและคา่ ปรบั เป็นตน้ เพ่ือนารายไดม้ า บรหิ าร การทานบุ ารุงแลการปอ้ งกนั เมือง สง่ เสรมิ และขยาย การศกึ ษาการจดั ตงั้ มหาวทิ ยาลยั และเกิดการฟื้นฟศู ลิ ปวิทยาการ และความเจรญิ อ่ืนๆ ตลอดจนสง่ เสรมิ คณุ ธรรมและให้ ความสาคญั แกส่ ทิ ธิ เสรภี าพ และความเสมอภาคปัจเจกบคุ คล ซง่ึ เป็นพืน้ ฐานสาคญั ท่ีทาใหส้ งั คมยโุ รปสามารถพฒั นาระบอบการ ปกครองแบบระบอบประชาธิปไตย
การขยายตวั ของเมืองในยคุ ปฏิวตั ิ อตุ สาหกรรม การขยายตวั ของเมอื งในยคุ ปฏิวตั ิ อตุ สาหกรรมเดน่ ชดั ขนึ้ ในกลาง ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ กลา่ วคือใน ค.ศ. ๑๘๕๑ การสารวจสามะโนครวั ในองั กฤษ บง่ ชีใ้ หเ้ ห็นเป็นครงั้ แรกวา่ มีประชากร อาศยั อยใู่ นเขตเมอื งมากกวา่ อยใู่ นเขต ชนบท ขณะท่ีประเทศอ่นื ๆ ก็มีแนวโนม้ ของสงั คมเมืองในลกั ษณะเดียวกนั นีด้ ว้ ย แตเ่ ม่ือสิน้ ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ มีเมืองกวา่ ๕๐ แหง่ ท่ีมีประชากรมากกวา่ ๑ ลา้ นคน ปัจจบุ นั ประชากรสว่ นใหญ่ในทวีปยโุ รป มากกวา่ รอ้ ยละ ๕๐-๖๐ อาศยั อยใู่ นเขต เมืองซง่ึ มีขนาดใหญ่
การสรา้ งสรรคท์ างศิลปวฒั นธรรม แมว้ า่ ศลิ ปวฒั นธรรมของกรกี -โรมนั คอื รากเหงา้ ของอารย ธรรมตะวนั ตก แตค่ รสิ ตศ์ าสนาซง่ึ เป็นท่ียอมรบั ในจกั รวรรดิ มนั ตงั้ แตต่ น้ ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๔ และมีอิทธิพลอย่างมากในโลก ตะวนั ตกจนสมยั กลางไดช้ ่ือวา่ ยคุ แหง่ ศรทั ธา กค็ ือ พลงั ท่ี แตง่ เติมใหศ้ ิลปวฒั นธรรมของยโุ รปบรรลคุ วามงามและความ สมบรู ณแ์ บบ ทงั้ มีการสรา้ งมหาวหิ าร ดว้ ยศิลปะแบบกอทิก ไปท่วั ยโุ รปในระหวา่ ง ค.ศ. ๑๑๐๐-๑๓๐๐ มีจานวนมากกว่า ๕๐๐ แหง่ ตอ่ มาในยคุ ฟื้นฟศู ลิ ปะวิทยาการ ท่ีเรม่ิ ตน้ ใน อติ าลใี นกลางครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี ๑๔ ยโุ รปสามารถฟื้นฟู การศกึ ษาและผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นวจิ ิตรศิลป์ ของกรีก- โรมนั ขนึ้ มาใหม่ ศิลปินตา่ งหวนกลบั ไปสโู่ ลกของธรรมชาติ จน เกิดเป็นรูปแบบของศิลปะซง่ึ เป็นความงามของธรรมชาติและ การวภิ าคของมนษุ ยท์ ่ีจดั วา่ เป็นผลงานอนั ย่งิ ใหญ่ของพระ เป็นเจา้ มาซกั ซีโอ เป็นจิตรกรอิตาลคี นแรกท่ีนาเทคนิคการ วาดภาพ ๓ มติ ิมาใช้ จนเกิดเป็นแนวคดิ ใหมท่ ่ีวา่ ลกั ษณะท่ี สมจรงิ
แหลง่ ขอ้ มลู https://sites.google.com/site/peerapat304/1 จดั ทาโดย ภาณพุ ฒั น์ จิตรพิทกั ษเ์ ลศิ ID 9018 คณะผบู้ งั คบั การ เลขท่ี 7
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: