Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Marco Polo

Marco Polo

Published by Nadeeya Patalu, 2020-10-11 03:02:56

Description: Translation

Search

Read the Text Version

ต้องการให้เป็นของตัวเอง บางครั้งก็ขโมยสมบัติ ของหมู่บ้านและเผามันทิ้ง ผู้คนจะกลัวว่าเขาจะฆ่า คนที่ลุกข้ึนมาสู้ บางคนยอมจำนนโดยไม่มีการต่อสู้ ใด ๆ ห ลั ง จ า ก ท่ี Genghis Khan เสี ย ชี วิ ต ลูกหลานก็มายึดสถานที่ท่ีเขาพิชิตมาได้ แต่ ท้ายที่สุดกุบไล ข่านก็กลายเป็นคนที่ปกครอง ท้ังหมด บทท่ี 5

มารโ์ คทำงานให้กุบไล ข่าน กุบไล ข่านเหมือนกับมาร์โคเพราะว่าเขาเป็นคนท่ีฉลาดและมี อารมณ์ขัน ในส่วนของมาร์โค17 ปี ผ่านไป เขาถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจ ไปยังพื้นทีต่ ่าง ๆ ของจักรวรรดมิ องโกล มาร์โคไม่เคยพูด เลยว่า ข่านขอให้เขาทำ ภารกิจเหล่าน้ี แต่เขาพูด วา่ เขาทำได้ดมี าตลอด ดูเหมือนว่า งาน ของเขากำลังถูกสอดแนม อยู่ หลังจากทำภารกิจ เสร็จส้ินแล้ว เขาก็ได้ส่ง สารไปยังข่านว่าเขาทำได้

ข่าวนี้ทำให้กุบไล ขา่ นมีความสุข ซ่ึงพวกเขาให้ความสนใจกบั มัน มากกว่าเร่ืองของคนอ่ืนท่ีส่งสารกลับมา มาร์โคจดบันทึกว่าเขาได้ เดินทางและแนะนำเร่ืองราวท่ีน่าสนใจจากดินแดนที่หา่ งไกลกลบั มายังท่ี ศาลของกุบไล เขาพยายามท่ีจะรวบรวมความรู้ทุกอย่างเพื่อดึงดูดความ สนใจจากข่าน ดูเหมือนว่ามาร์โคจะมีอนาคตท่ีสดใสในการทำงานแก่ กบุ ไล ขา่ น ในหนังสอื ของเขา เรือ่ งราวของมาร์โคไมไ่ ด้ตอบโจทยส์ ำหรับนัก อ่านในสมัยใหม่ แต่จะเขียนในรูปแบบท่ีทางการเหมือนกับสมัยก่อน หน่ึงในน้ัน มาร์โคได้เขียนเกี่ยวกับวันที่เขาเห็นบางส่ิงที่เขาคิดว่าเป็นงู ตัวใหญ่ ยาว 15 ฟตุ ขาแต่ละข้างของมัน

มี ก ร ง เล็ บ สามกรงเล็บ ปากมัน สามารถกลืนกินคน ไปได้ทั้งตัว แต่พอ เปิดออก มันกลับ เป็นจระเข้ มาร์โคไม่เคยเห็นถ่านหินมาก่อน เขาแปลกใจท่ีเห็นคนกำลังเผา หินสดี ำอยู่ จักรวรรดิมองโกล มีระบบการบริการส่งจดหมายแบบด่วนด้วย ม้า มาร์โครสู้ ึกประทบั ใจท่ีกุบไลสง่ ขอ้ ความไดเ้ รว็ ขนาดน้ี ที่นั่นจะมีสถานีอยู่ประมาณ 1 หมื่นแห่ง ซ่ึงแต่ละแห่งก็จะมี ระยะห่าง 30 ไมล์ ตามถนนสายหลักทั่วดินแดนของกุบไล คนส่งข่าว

สามารถพักท่ีสถานีเพื่อแลกเปล่ียนม้าใหม่และเดินทางเพ่ือส่งข่าวต่อไป ผู้สง่ ขา่ วจะเดนิ ด้วยเทา้ เพือ่ สง่ ข่าวจากสถานีไปยงั หมบู่ า้ นใกลเ้ คียง บ้านเมืองในมองโกล ได้ถูกทำลายลงเม่ือมาร์โคมาเยอื น หลายๆ ห มู่ บ้ า น ใน บ ริ เว ณ ข อ ง ทเิ บต กเ็ คยเป็นสถานทท่ี ่ี สวยงามมาก่อน แต่เม่ือ มาร์โคได้ที่แห่งน้ันแล้ว ผู้คนกลับหายไป เหลือ แต่ เสือแ ละสัต ว์ป่ าที่ ตระเวนตามสถานที่ที่ผุ พัง ทำใหร้ ้สู กึ ถึงอนั ตราย มาร์โคได้เห็นธนบัตรเป็นคร้ังแรกในประเทศจีน ธนบัตรได้รับ การคิดค้นในปีพ.ศ 648 ท่ีประเทศจีน เกือบ1000 ปี ก่อนที่มาร์โคจะ มาถงึ ในตอนแรกจะใช้ชิน้ สว่ นเกา่ ๆ

ไม่ว่าจะเป็น แหวน เศษผ้า ใบกัญชา และหญ้า ต่างก็ถูกนำมาใช้ในการทำ ธนบัตร ส่ิงเหล่านี้ ถูกต้มจน เป่ือย ทำให้แบนและแห้ง ต่อมา กระดาษจะทำโดย การลอกหนัง มาร์โคเขียนว่า ธนบัตรถูกทำโดยการกะเทาะเปลือกของต้นมัลเบอร์รี่ใบไม้ที่เป็นอาหาร ของตัวไหม “ย่งิ ธนบัตรใหญ่ กจ็ ะย่ิงมีราคาสูง” ในยุโรป ผู้คนจะไม่รู้จักวิธีการทำธนบัตรในช่วงเวลาที่มาร์โคทำ พวกเขาไม่มีเงินที่เป็นธนบัตร จนถึงปีพ.ศ 2143 มาร์โคตัดสินใจว่า ธนบัตร ดีกว่าเหรียญที่หนักกว่าอีกสำหรบั การพากลับบ้าน แทนท่ีจะใช้ กระดาษ หนังสอื ของคนยุโรปจะ

Chinese Printing ออกแบบถูกวาดลงบนกระดาษ และแกะสลักลงบนแม่พิมพ์ไม้ ส่วนชนิดท่ีเคลื่อนย้ายได้ก็จะถูกเลือกจากถาดดินเหนียว จากนั้นจะถูก เรียงลงในโครงเหล็ก และยึดด้วยขี้ผึ้ง แมพ่ ิมพ์หรอื ตัวโครงจะลงหมึกอยู่ แลว้ และกดลงบนตัวกระดาษ เพ่อื ทำการพมิ พห์ ลายๆครัง้

เขียนบนหนังลูกวัวหรือแผ่นหนัง ท่ีน่ันทำโดยการใช้ผิวหนังของ สตั ว์ เช่น แกะ ลูกววั หมู หรือแพะ มันยากและแพงกว่ากระดาษ คนจีน พมิ พห์ นงั สอื และเงนิ โดยการใชม้ อื กดกระดาษกบั หมกึ ทใ่ี ชเ้ ขยี นจดหมาย หรือภาพที่แกะสลักบนท่อนไม้ของต้นแพร การพิมพ์บล็อกไม้เร็วกว่า การเขยี นดว้ ยมอื แตม่ ันก็ยังช้าสำหรับการทำหนงั สอื ในประเทศจีน มาร์โครู้สึกแปลกใจกับวงตนตรีที่มีเสียงดังมาก ดังเท่าที่เขาไม่เคยฟังมาก่อน เสียงเหมือนกับดินปืนระเบิด หลาย ศตวรรษก่อนหน้านี้ คนจีนได้ประดิษฐ์ดินปืนขึ้นมา แต่คนยุโรปไม่รู้จัก ช่วงกลางปีพ.ศ 1743 มีผู้ชายชาวอังกฤษคนหน่ึงช่ือว่า Rojer Bacon คิดออกเก่ียวกับวิธีการทำดินปืน อาจจะคิดได้หลังจากท่ีเรียนจบท่ี ประเทศจีน ในปีพ.ศ 1831 มีคนรู้ถึงวิธีการทำปืนในจีน ปืนถูกใช้ใน ยุโรป ในปพี .ศ 1857

บทที่ 6 นกั รบมองโกลทเ่ี หีย้ มโหด มาร์โคได้อธิบายถึงการสู้รบหลายๆครั้งของ เผ่ามองโกลลงใน สมุดของเขา บางคร้ังเขาก็เห็นกับตา แต่บางคร้ังก็แค่ได้ยินจากปากคน อ่ืน หน่ึงในการต่อสู้ท่ียาวนานที่สุดของกุบไล ข่านได้สิ้นสุดลงเมื่อ 2 ปี ก่อนที่มาร์โคจะมาเยือน เพื่อเขียนเร่ืองราวนี้ มันเป็นการโจมตีเมืองริม แม่น้ำฮั่น ซ่ึงเกิดข้ึนในปีพ.ศ 1811 เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นเหมือนกับป้อม ยามกับกำแพง ผู้บัญชาการของกุบไลไม่สามารถเข้าไปในกำแพงเพื่อ โจมตไี ด้ ดังน้ัน พวกเขาจึงรว่ มกันทำเป็นรูปวงกลม ล้อมรอบเมือง ซ่ึงจะ มีทหาร เรือ กำแพงดิน และโคลน ผู้คนจะไม่สามารถเข้าไปเพ่ือรับ เสบยี งได้

ผู้ บั ญ ช า ก า ร ข อ ง กุ บ ไ ล พ ย า ย า ม ที่ จ ะ โจ ม ตี เมื อ ง ต ล อ ด เว ล า บางครั้งก็เป็นการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยเลือด แต่ท้ังสองฝ่ายต่างก็ไม่ยอมแพ้ มันดำเนนิ มาเปน็ เวลา 5 ปี สุดท้ายแล้วกุบไลก็ส่งวิศวกร 2 คนเพ่ือไปพิชิตเมือง ส่วนด้าน นอกของกำแพง พวกเขาได้สร้างหนงั สติก๊ สงู ทีเ่ รยี กว่า“mangonels”

Mangonel (แมง-โจ-เนล) เป็นคำพื้นฐาน หมายถึง กลไกของ สงคราม เอาไว้ยิงหินขนาดใหญ่ ลูกดอก น้ำมันดิน และแม้แต่คนก็ยิง ข้ามกำแพงเมืองไปได้ ถ้ามีสัตว์ตายจากโรคร้าย พวกเขาก็จะยิงร่างของ สัตว์ข้ามกำแพงไปด้วยเหมือนกัน เพราะเขาหวังเพื่อแพร่กระจายโรค รา้ ยไปยงั หมู่คนทอี่ ยู่ภายใน จนพวกเขาตอ้ งยอมแพ้ และสดุ ทา้ ยพวกเขา ก็ทำสำเร็จ กุบไลพยายามต้ัง 2 คร้ัง แต่ก็ไม่สามารถพิชิตประเทศญ่ีปุ่น ไปได้ สรา้ งความตกใจให้กับคนชาวยุโรปและชาวเอเชยี ซ่ึงคดิ วา่ กองทัพ มองโกลท่ีน่าเกรงขาม แตก่ ลับไม่สามารถเอาชนะได้ เผ่ามองโกล ชอบทำการจู่โจมในเวลาท่ีเป็นไปได้ พวกเขาจะ เงียบในตอนแรก และใช้ธง หรือโคมไฟเพ่ือส่ือสาร บางครั้งพวกเขายิง ผิวของลูกศรเพื่อส่งสัญญาณถึงกัน เมื่อถึงเวลาที่กองกำลังทหารเข้า โจมตี ผบู้ ัญชาการก็จะบอกให้นักดนตรีตกี ลองใหญ่

นกั รบมองโกลต่อสู้ด้วยดาบ หอก ขวาน และแม้แต่บ่วงบาศ แต่ อาวธุ หลักของเขาคอื ธนูและสนั่ ของลูกธนกู กกลวง

เพราะคันธนสู ั้น ทหารสามารถยิงได้ง่ายขณะขี่ม้า ยิงลูกศรไดไ้ กลกวา่ คัน ธนูทใ่ี ชใ้ นยโุ รปเป็นสองเทา่ และยงิ เข้าเป้าไดบ้ อ่ ยขึ้นเชน่ กนั

อย่างไรก็ตามการยิงธนูต้องใช้กำลังมากข้ึน จากประเภทคนั ธนขู องมองโกล นั ก ร บ มองโกลข่ีม้าได้ เก่งมาก ในการ เดิ น ท า งไก ล แต่ละคนนำม้า ท่ี มี ข า สั้ น แ ล ะ ท ร ง พ ลั ง ม า หลายตัว เม่ือ ม้าเหน่ือย คนขับข่ีก็จะเปล่ียนไปขี่ตัวอื่น บางครั้งพวกเขาขี่ทั้งกลางวันและกลางคืน อีกท้ังยังกินและนอนขณะข่ีม้า พวกเขา สามารถพิชิตดินแดนท่ีมีหญ้าข้ึนได้เท่าน้ัน เพราะมา้ ต้องการหญ้าเปน็ อาหาร

เมื่อกุบไล ข่านมีอายุมากขึ้น เขาจึงไม่สามารถขี่ม้าได้อีกต่อไป ในปี พ.ศ. 1830 หน่ึงในญาติของเขาพยายามที่จะโคน่ ล้มเขา กุบไลและ กองกำลังได้ไปท่ีแม่น้ำเหลียวเพ่ือต่อสู้ แต่กุบไลเหนื่อยมาก จึงทำได้แค่ มองดูจากหอคอยไม้แบกโดยช้างสี่เชือกขณะท่ีทหารพ่ายแพ้ญาติของ เขา

หากคุณคือชาวมองโกเลยี ใน • คณุ เปน็ คนเร่ร่อนที่ตอ้ นฝงู แพะ แกะ หรอื วัว • คุณอาจจะอาศัยอย่ใู นเต็นทห์ ลังใหญ่ที่เรยี นวา่ หอพกั

นช่วงเวลาของมาร์โค โปโล • คุณด่ืมนมแม่และกินเนื้อ คุณไม่เคยอาศัยอยู่ในที่ ๆ หน่ึงนาน พอท่ีจะปลูกสวนได้ ดังนั้นคุณต้องหาผลเบอร์รี่ป่า ถ่ัว และผัก กนิ • คุณสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้าหลายครัวเรือน แต่เชื่อในสิ่งมีชีวิต สูงสดุ • ทรัพยส์ ินในครอบครองทีส่ ำคัญทส่ี ุดของคุณก็คือมา้ ของคุณ การ ขโมยม้าตอ้ งถูกลงโทษดว้ ยความตาย

บทที่ 7 จับกมุ ตอนมาร์โคอายุได้สามสิบปลายๆ เขาใช้เวลาคร่ึงชีวิตของเขาที่ ประเทศจีน เขา พ่อ และลุงมีสมบัติเพชรพลอยและทองคำขณะนั้น กุบไลขานอายุเจ็ดสิบกว่า ในสมัยน้ันมีคนน้อยมากที่จะอยู่ได้ นานขนาดนั้น ในปีสุดท้ายของเขา กุบไล ข่านเร่ิมป่วยตัวลง โปโล กงั วลวา่ เขาจะตาย ชาวมองโกลบางคนอิจฉามาร์โค เพราะกุบไล ข่านชื่นชอบและ เช่อื ใจเขา เม่ือกุบไลเสียชวี ติ ลง มารโ์ คจะถกู จำคกุ หรือถกู ฆ่า หลายคร้ังในช่วงหลายปีท่ีผ่านมา โปโลได้ถามกุบไลว่าพวกเขา จะออกจากจีนได้หรอื ไม่ เขาชอบให้พวกเขาอยูด่ ้วยกัน เขามักจะบอกว่า ไม่

มาร์โคยังอยู่ที่เดิม เพราะการเดินทางกลับบ้านที่อิตาลีคงจะ อันตรายเกินไปหากปราศจากการปกป้องของกุบไล ข่าน แต่ในปี พ.ศ. 1834 โชคเข้าข้างเหล่าโปโล เจ้าหญิง ม อ ง โ ก ล อ า ยุ สิ บ เจ็ ด ปี ถู ก ส่ ง ตั ว ไ ป เปอร์เซียเพื่อแต่งงาน ผู้หญิงไม่ได้ เดินทางคนเดียวในสมัยนั้น เจ้าหญิง ต้องการอารกั ขาจำนวนมากและสหาย อารักขาของเจ้าหญิงคิดว่าการเดินทาง ทางบกคงจะยากเกินไปสำหรับเธอ พวกเขาต้องการเดินทางทางทะเล PRINCESS KOKACHIN ตรงกับมารโ์ คเพ่ิงกลบั จากการเดนิ ทาง ไปอินเดีย เน่ืองจากเขารู้เส้นทาง เขาจะได้เป็นผู้นำทางอย่างชำนาญ กุบไข ข่านมีทางเลือกไม่มากนัก เขาอยากแน่ใจว่าเจ้าหญิงถึงที่หมาย อย่างปลอดภัย แต่เขาไม่ตอ้ งการให้โปโลและคนอ่ืน ๆ จากไป อย่างไรก็ ตาม เขาก็ตกลงที่จะใหเ้ หล่าโปโลนำทางเจ้าหญงิ



สำหรับการเดินทางคร้ังน้ัน กุบไลให้เรือแก่โปโล สิบสามลำ พร้อมคนรับใชแ้ ละลกู เรือหกร้อยคนบนเรือ เขาฝากให้พวกเขาส่งข่าวไป ยังกษัตริย์แห่งฝรั่งเศส อังกฤษ และสเปน เพื่อปกป้องนักเดินทาง กุบไลให้แผ่นจารึก สีทองสองแผ่นแก่โปโล แต่ละแผ่นยาว ประมาณหนึ่งฟุตและกวา้ งส่ีนิ้ว ข้อความท่ี เขียนถึงพวกเขาคือคำส่ังให้ทุกคนที่พวก เข า พ บ เจ อ ร ะ ห ว่ า ง ท า ง ซ่ึ ง ไ ด้ รั บ ค ว า ม ช่วยเหลือ ถา้ เช่นน้ันกุบไลอาจเห็นพวกเขา ถูกประหารชวี ิต

หากคุณเปน็ คนจนี ในช่ว • บ้านของคุณอาจถกู สรา้ งขึ้นด้วยไม้ไผ่และไม้ • คุณกินอาหารที่ทำคณุ เติบโตขนึ้ เช่นข้าว ข้าวสาลี หรือถ่วั เหลอื ง • ศาสนาของคุณอาจจะเป็นศาสนาพุทธหรือเต๋า ศาสนาพุทธเร่ิม ขึ้นในประเทศอินเดียเม่ือประมาณ 500 ปีก่อนคริสตกาล และ จากนั้นก็ได้แพร่กระจายไปยังประเทศจีน ศาสนาพุทธสอนว่า ชวี ิตทส่ี มดลุ จะช่วยให้บุคคลพบความสุข

วงเวลาของมารโ์ ค โปโล ศาสนาเต๋าเริ่มต้นในประเทศจีนเมื่อประมาณ 125 ปกี ่อน คำว่า เต๋า หมายถึง “เส้นทาง” ไทเก๊กเป็นแบบฝึกหัดของจิตใจและร่างกาย ซง่ึ สว่ นใหญเ่ ปน็ ไปตามคำสอนของลทั ธิเต๋า • คณุ เคารพคำสอนของปราชญ์ขงจื๊อ

บทที่ 8 การสง่ ตวั เจา้ สาว เม็ดทองงคำของกุบไลเหมือนเป็นเคร่ืองรางท่ีคอยปกป้องเหล่า โปโลตลอดการเดินทาง จดหมายของมาร์โคเขียนถึงเมืองคานส์ “พวก เขาใช้ม้าในการขนส่ง” และ “มอบคนข่ีม้าจำนวนสองร้อยคน” มาคุ้ม กนั เพอ่ื ใหแ้ น่ใจว่าอาณาเขตของตนปลอดภัย เหลา่ โปโลเดินเรือผ่านคาบสมุทรจนี ผ่านทะเลเวียดนาม เกดิ ฝน ตกหนักที่เรียกว่า monsoon ทำให้ต้องเทียบท่าบนหมู่เกาะสุมาตรา และพกั อยู่ท่ีนัน่ เปน็ เวลาส่เี ดอื น ชนเผ่า Cannibals คือ เผ่ามนุษย์กินคน พยายามรุกรานเข้ามา ทำร้ายพวกเขา ทำใหม้ าร์โค รสู้ ึกไมป่ ลอดภัยบนเกาะสุมาตราอีกตอ่ ไป ในสมดุ บันทึกของเขาได้บนั ทึกเรือ่ งเกย่ี วกบั ถั่วชนดิ หน่ึง ทม่ี ีขนาดเทา่ หัว คน จริงๆแล้วส่งิ นน้ั คือมะพรา้ วนั่นเอง

เขาได้บันทึกว่าพบสัตว์ในตำนานอย่างยูนิคอร์น มีสีขาว มีเขา บนหวั แต่ที่จรงิ แลว้ มนั คอื แรด

เขายงั พบกับสิ่งมชี วี ติ ท่ีลกั ษณะคล้ายกบั มนุษย์แต่ตวั เลก็ วา่ มี ขนตามตวั คนทอ้ งถิน่ เรยี กว่า “orang pendek” สิง่ มชี วี ิตยงั ไมม่ ใี คร ทราบอย่างแน่ชัดวา่ มนั คือ อะไร จนถึงปจั จบุ นั ขนของ มันไดร้ ับความสนใจตอ่ การศึกษา บนเกาะศรีลงั กา ใกลก้ ับทางตอนใต้สดุ ของ อินเดยี มาร์โคไ่ ด้พบกับ กษัตริย์ เจ้าของเม็ดทับทมิ ที่ใหญท่ ส่ี ุดในโลก อกี ท้ัง ยังครอบครองปาลม์ เยอะ ที่สดุ ด้วย แถบชายฝั่งของอินเดีย พวกกเขายงั พบกบั นกั ดำน้ำงมหาหอย ไขม่ ุก Merchant ไดจ้ ้างวานนักดำนำ้ ทีม่ คี วามสามารถในการทำนาย การเดินเรือ คาถานั้นช่วยปกปอ้ งพวกเขาจากพวกฉลาม

การเดนิ เรือใชเ้ วลาไป 26 เดือน หรอื 2 ปกี ว่า มารโ์ ค ไดจ้ อดเทียบทา่ ท่ี Hormuz ลกู เรือ 8 คน ในหกร้อยคน ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจจะ เปน็ เพราะพายุ หรอื จากการตอ่ สกู้ ับโจรสลดั หรอื ไม่พวกเขาอาจจะไม่ใช่ ลกู เรอื ของเขา

เรือได้ทำการเทียบท่าเปอร์เซีย ก็ได้พบกับข่าวร้ายการสวรรคต ของเจ้า fiancé ซ่ึงเป็นเจ้าของพิธีอภิเษกสมรส ทำให้บุตรของพระองค์ ต้องอภิเษกแทน และข่าวร้ายก็ได้มาเยือนอีกครั้ง “กษัตริย์กุบไล ข่าน” ไดส้ วรรคต ทำใหม้ ารโ์ ค่ ไม่กลับไปประทศจีนอีกเลย เพราะไมม่ ีการดูแล ของข่าน การเดนิ เรอื แถบเอเชียจงึ ไมป่ ลอดภยั อีกตอ่ ไป เหล่าโปโลมุ่งหน้าไปยังเวนิส เดินทางโดยอูฐ ทางเรือ และทาง เทา้ เมอื่ ถึงตรุ กีพวกเขาก็ถูกปล้น

มาร์โคไม่ได้พดู ถึงทรัพยส์ ินที่สูญเสยี มากนกั และการเดินทางที่ใช้ เวลาแรมปีของการเดนิ ทางระยะทางทไี่ มไ่ กลนกั การเดินทางจากจีนไปยังอิตาลีใช้เวลารวม 3 ปี กับอีก 6 เดือน เทียบกบั ปจั จุบันการเดนิ ทางจดุ หมายปลายทางเดียวกันใช้เวลาไม่ถึง 24 ชว่ั โมงด้วยซ้ำ โดยการใช้เครอ่ื งบิน

บทท่ี 9 บ้านเกิด ปีพ.ศ 1838 โปโลได้กลับถึงบ้านเกิดและได้รับการยอมรับจาก ครอบครัว หลงั จากที่เขาได้หายไปจากเมอื งเวนสิ เปน็ เวลา 24 ปี

ผิวพรรณเปล่ียนเป็นสีแทนจากการโดนแดดจากทะเลทราย การ แต่งกายสกปรกและขาดยุ่ย พวกเขาไม่มีเหลือความเป็นคนรวยแห่ง Merchan ชาวบ้านบางคนไม่เช่ือด้วยซ้ำว่านี่คือตระกูลโปโล เพียงไม่กี่ วันหลังจากการกลับมา พวกเขาได้รับอาหาร เหล่าโปโลซ้ือเส้ือผ้าให้ เปลี่ยนจากเสื้อเก่าท่ีใช้ตลอดการเดินทางมาจากจีน พวกเขาได้ยึดมีด ทับทิม เพชรและเคร่ืองประดับอ่ืน ๆ ทั้งหมด ถึงทุกคนจะเช่ือแล้วว่า นั่นคือเหล่าโปโล แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเชื่อเร่ืองเล่าเก่ียวกับการเดินทางของ พวกเขา

เรื่องราวของมาร์โคเป็นเร่ืองแปลกสำหรับคนที่ไม่เคยออกนอก เมืองอิตาลี เม่ือเขาได้เล่าเรื่องการพบยูนิคอร์น มักเป็นเรื่องที่น่าขำ สำหรบั ชาวเวนิสและทุกคนกห็ ัวเราะ หลังจากนั้นมาร์โคก็กลับมาเป็นพ่อค้าอีกครั้ง เป็นไปไม่ได้ท่ีเขาจะไม่ ตื่นเต้นกับการทำงานให้กบั ขา่ น ทันใดน้ัน สงครามเมืองเวนิสกับเมืองหน่ึงของอิตาลี “Genoa” ประวัติศาสตร์สงครามระหว่างสองเมืองนับว่ารุนแรงและถือเป็น มหาอำนาจท่ีมอี ทิ ธพิ ลมากท่สี ุดในยุโรป

มารโ์ คได้รับการแต่งต้งั ใหเ้ ปน็ ผูบ้ งั คับบญั ชาแห่งการเดินเรือ เมอื งเวนสิ ฟังดูเหมอื นจะเป็นเรือ่ งสำคญั แต่ตำแหน่งไดถ้ กู สละเพราะ กปั ตันทีม่ ีประสบการณม์ ากกว่า ในปี พ.ศ. 1841 เรอื รบของ Genoa ไดแ้ ลน่ มาทางตอนใตข้ อง อติ าลีมุ่งหน้าไปยังทิศเหนือของทะเล “Adriatic ” พวกเขามีแผนการ เพือ่ บุกโจมตกี องทัพเรือของเวนสิ ท่ีใหญท่ ี่สดุ ในยุโรป พวกเขาไดเ้ ริ่มส่ง เรือรับจำนวน 94 ลำ 70 ลำไดถ้ ูกพายทุ ะเลซัดสญู หายไป เมอื่ กองทัพเวนิสรขู้ า่ ววา่ กองทัพเรือฝง่ั ตรงข้ามกำลังบกุ เข้ามา พวกเขากไ็ ด้ส่งเรือรบจำนวน 95 ลำ เพ่ือทำการรบ เรอื รบทงั้ สองฝั่งได้มาปะทะกันทท่ี ะเล Adriatic ฝง่ั เวนิสจะเป็นฝ่ายท่ถี อื ไพเ่ หนือกวา่ แต่เรอื รบทั้ง 17 ลำของ Genoa ได้เข้ามาสมทบร่วมรบทำ ใหฝ้ ั่งเวนิสพ่ายแพต้ อ่ ศัตรูเพยี งวนั เดยี วเท่านัน้ ชาวเวนิสกว่า 7000 คนต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของ กองทัพเรือ Genoa รวมถงึ มาร์โค

สงครามทางทะเล ในศตวรรษท่ี 13 กองทัพเรือของ Genoa กับเวนิสได้ทำการ ล่องเรอื สำเภาชอ่ื วา่ “Galleys” โดย Galleys เป็นเรอื ขนาดยาว 150 ฟุต (45.7 เมตร) กว้าง 16-25 ฟุต เท่าน้ัน (4.8 – 7.62 เมตร) ซึ่งนับว่าแคบมากสำหรับการบรรทุกลูกเรือ จำนวนมาก ฝีพายร้อยกว่านายนั่งพายเรือคนละฝั่งอย่างชำนาญ โดยแต่ละ ฝ่งั แถวยาว 30 ฟตุ แตไ่ มม่ กี ารชนกนั เอง

ภายในเรือ Galleys ประกอบด้วยแพทย์ 6 คน พ่อครัวเพียงคน เดียวเท่าน้ัน แต่มีนักดนตรีจำนวนมากถึง 20 คน ประกอบด้วย มือ กลอง นักเป่าทรมั เป็ต เพือ่ ผ่อนคลาย ลูกเรือ Galleys สวมหมวกนิรภัย เส้ือเกราะ และใช้อาวุธ สงครามคือ หอก ดาบ และไม้ บางคร้ังพวกเขายังใช้ธนูไฟ ทำให้เข้าตา และเผาผิวหนงั ศัตรู เวลาลว่ งเลยมาจนครบรอบ 100 ปกี ารจากไปของมาร์โค

บทที่ 10 หนงั สือท่มี ีช่ือเสียง มาร์โคถูกจำคุกในเรือนจำจีโนอา (Genoa) ประมาณ 10 เดือน ซึ่งไม่มีอะไรให้เขาทำมากนัก และนักโทษ Venetian คนอ่ืน ๆ คงจะ เบอ่ื มากเชน่ เดียวกัน แต่โชคดีที่มาร์โคเป็นนกั เล่าเร่ืองที่ดี เขาจงึ ใหค้ วาม บนั เทงิ กบั นักโทษคนอืน่ ๆ ดว้ ยการเล่าเรื่องราวของเขา มีนักเขียนคนหน่ึงท่มี ีชอ่ื วา่ Rustichello อยู่ในเรือนจำเดียวกัน กับมาร์โค เขาคิดว่าเรอื่ งราวของมาร์โคน้ันน่าสนใจ จึงอาสานำเร่ืองราว เหล่าน้ันมาทำเป็นเล่มหนังสือ ซึ่งเป็นทางท่ีดีที่จะฆ่าเวลาอันน่าเบ่ือนั้น ได้ จากน้นั มาร์โคและ Rustichello ก็เริม่ เขยี นหนงั สือทันที มาร์โคเล่าเร่ืองราวของเขาให้ Rustihillo ฟัง ในขณ ะที่ Rustihillo เขียนสิ่งเหล่านั้นลงไป แต่มาร์โคจำเร่ืองราวเหล่านั้นได้ไม่ หมด เขาต้องการวารสารท่ีได้เขียนในเอเชียน้ันมาช่วย พ่อของมาร์โคจึง สง่ วารสารนน้ั มายงั เรือนจำ

ไม่มีใครทราบได้ว่า Rustichello ได้เปลี่ยนเร่ืองราวของมาร์โค มากน้อยเพียงใด หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนในรูปแบบที่แตกต่างกัน อาจ ข้ึนอยู่กับท้ังสองคนว่าจะเขียนบทใดเป็นพิเศษ แต่หนังสือเล่มอื่น ๆ Rustichello ได้เขียนก่อนที่จะเป็นเร่ืองราวการผจญภัยเก่ียวกับอัศวนิ ผู้ สูงศักดิ์ เป็นไปได้ว่า Rustichello พยายามที่จะสร้างเร่ืองราวของมาร์ โคให้น่าทึง่ หลังจาก Vanice และ Genoa ทำสนธิสัญญาในปี พ.ศ. 1842 มารโ์ คถูกปลอ่ ยใหเ้ ปน็ อิสระ

เขากลับไปยังเวนิส (Venice) พร้อมกับหนังสือที่เขาและ Rustichello ได้ เขียนข้นึ มา มาร์โคตั้งช่ือหนังสือของเขาว่า “ The Description of the World.” หลงั จากนัน้ เรียกวา่ “The Travels of Marco Polo.” ได้แบง่ บทนำออกเป็นส่สี ว่ นหลัก ๆ ในบทนำจะพูดถึงเก่ียวกับตระกูลโปโลท่ีเดินทางไปจีนสองครั้งและ พบกบั กบุ ไลข่าน ซง่ึ ส่วนท่หี น่งึ จะเก่ียวกบั การเดนิ ทัว่ เอเชียของมารโ์ คไปยัง ประเทศจีน ส่วนท่สี อง อธิบายเกี่ยวกบั อาณาจักรกุบไล ข่าน สว่ นทสี่ าม คือ การเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ที่มาร์โคไปเคยไปเยี่ยม และการ เดินทางไปเมืองจีนไปยงั เวนสิ และส่วนท่สี ี่ ไมไ่ ด้เกย่ี วกับการเดินทางของมาร์ โค แตเ่ ก่ียวกบั สงครามมองโกล ในหนังสือของมาร์โค ไม่ได้เขียนเรื่องราวในชีวิตประจำวัน บท สนทนาและเพื่อน ๆ ของเขาลงในหนังสือที่เขาเขียนในเอเชีย แต่ส่ิงเหล่าน้ี เป็นสิ่งท่ีน่าสนใจอย่างมากสำหรับผู้อ่านสมัยใหม่ มาร์โคคาดไม่ถึงเลยว่า ผูอ้ ่านจะให้ความสนใจข้อมลู เหล่านัน้ ด้วย

“The Travels of Marco polo” ส่วนใหญ่เกี่ยวกับหนังสือ ภมู ิศาสตร์ เล่าถึงดินแดนท่ีเหล่าโปโลไปเย่ียมเยียน ประมาณ 55 ปีหลังจาก ท่ีเขาเสยี ชวี ติ หนงั สอื ของมารโ์ คชว่ ยสรา้ งแผนที่โลกทีม่ ีชอ่ื เสยี งมากมาย หนังสือฉบับเดิมที่มาร์โคและ Rustichello ได้เขียนไว้ตอนที่พวก เขาอยู่ในเรือนจำน้ัน ไม่เคยพบเจอมาก่อน ไม่มีใครทราบได้ว่าได้รับการ ตีพิมพม์ าแล้วกค่ี รงั้ ในวันของมาร์โค หนังสือถูกเขียนโดยพระท่ีอาศัยอยู่ในวัดโดยใช้ปากกาขน ห่านเป็นเคร่ืองมือในการเขียน ใช้ระยะเวลาระหว่าง 3 เดือน และ 3 ปี ใน การสร้างหนังสือและภาพประกอบอย่างสวยงาม หนังสอื จึงมีจำนวนไม่มาก นัก ปัจจุบันมีหนังสือที่เขียนด้วยลายมือจำนวน150 เล่มตั้งอยู่ใน พิพิธภัณฑ์อีกท้ังยังมีคอลเล็กชันอ่นื ๆ อีกด้วย ซ่ึงท้ังสองนัน้ มีความแตกต่าง กนั

แท่นพิมพ์ไม่ได้รับการประดิษฐ์ จนถึงปี พ.ศ. 1938 แต่ในปี พ.ศ. 2020 หนังสือของมาร์โคได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรก ฉบับแรกเป็น ภาษาเยอรมัน

ไม่นานได้รับการตีพิมพ์อีกคร้ังเป็นภาษาอังกฤษ สเปน และเกือบจะทุก ภาษาในยุโรป ไม่น่าแปลกใจที่มาร์โคกลายเป็นที่รู้จัก ปัจจุบันหนังสือ ยังคงไดร้ ับการตพี ิมพ์อยู่ สามารถหาไดจ้ ากห้องสมดุ หลายแหง่

แทน่ พิมพใ์ หม่ของ Gutenberg

ราว 120 ปี หลักจากที่มาร์โคเสียชีวิต ชาวเยอรมันคนหนึ่งที่มี ช่ือว่า Johannes Gutenberg (ประมาณ พ.ศ. 1933 - 2011 ) ได้ ประดิษฐ์แนวทางใหม่ของการพิมพ์ เขาสร้างแท่นพิมพ์แบบต่าง ๆ ท่ีใช้ ตัวอักษรโลหะแยกกนั เพ่ือสร้างคำและประโยค ก่อนหน้า Gutenberg ข้อความท่ีถูกสลัดลงบนแผ่นโลหะที่ เรียกว่าแผ่น และคำท้ังหมดจะถูกพิมพ์พร้อมกันทันที เป็นกระบวนการ ที่ใช้เวลานานมาก โดยที่ไม่มีคำใดในข้อความท่ีสามารถแยกกันได้ แต่ กลุ่มคำของ Gutenberg ถูกใช้เพ่ือสร้างคำหลักท่ีสามารถตั้งค่าได้อย่าง รวดเร็วในบรรทดั และตัวอักษรสามารถใชซ้ ้ำกันได้ หนังสือเล่มแรกที่ผลิตขึ้นมาโดยใช้แท่นพิมพ์คือคัมภีร์ไบเบิล เริ่มตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 1995 หลักจากพิมพ์ไปหลายหน้าแล้ว เขาก็ส่งไป ยงั โรงพิมพ์ ทำการติดและเยบ็ เข้าด้วยกันอกี ดา้ นเพอื่ ทำเป็นหนงั สือ เน่ืองจาก Gutenberg มีการตีพิมพ์หนังสือในรอบ 50 ปีท่ีผลิต มากกว่าช่วง 1000 ปีก่อนหน้า เมื่อหนังสือมีราคาที่ถูกกว่าและหาซ้ือได้ งา่ ยข้นึ ผูค้ นก็เริม่ เรยี นรู้ท่จี ะอา่ นมากข้นึ

ทุ ก ค ร้ั ง ที่ ห นั ง สื อ ข อ ง ม า ร์ โ ค ไ ด้ รั บ ก า ร ตี พิ ม พ์ ค ำ บ า ง ค ำ จ ะ เปล่ียนไป บางคร้ังเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้ต้ังใจ ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ง่ายมาก เม่ือหนังสือถูกแปลเป็นภาษาอื่น แต่บางทีผู้คัดลอกหรือผู้ ตพี ิมพ์เปล่ียนแปลงเร่ืองราวของมาร์โคให้ตรงตามจุดประสงค์ อาทิ เม่ือ หนังสือไดร้ บั การแปลเป็นภาษาไอรชิ แล้ว ผ้ตู พี ิมพท์ ราบว่าผู้อา่ นของเขา ชอบเรื่องราวท่ีนา่ สนใจ เขาจงึ ได้ทำการเปล่ียนเปลี่ยนแปลงเพราะคิดว่า ผอู้ ่านจะชอบ

บทท่ี 11 เรื่องราวของมารโ์ คเปน็ เร่ืองจริงหรอื ไม่ นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่คิดว่ามาร์โค โปโล ไปเมืองจีนพร้อม กับพ่อและลุงของเขา คำถามคือ ส่ิงที่เขาอ้างว่าเห็นหรือทำนั้นเป็นเรื่อง โกหกมากแค่ไหน หรอื ท่ีเรยี กว่าเร่ืองราวเหลือเช่ือ

ในหนังสอื ของเขาใชต้ ัวเลขจำนวนมากเพอื่ อธิบายจำนวน ขนาด และระยะห่าง เขากล่าวว่าในเมืองหางโจวของประเทศจีนมีสะพาน จำนวน 12000 แห่ง แต่ก็ยังมีน้อยกว่า เขายังกล่าวอีกว่า กุบไล ข่าน ส่งกองทัพทหารม้าจำนวน 360000 นาย และกองกำลังทหารอีก 100000 นาย เพ่ือต่อสู้กับศัตรู ในปี พ.ศ. 1830 แต่อาหารที่อยู่ใกล้ สนามรบไม่เพียงพอสำหรับกองกำลงั จำนวนมาก และหญา้ ที่จะใหม้ ้าน้ัน กไ็ มเ่ พยี งพอเช่นเดียวกัน ผู้คนส่วนใหญ่ท่ีอ่านเร่ืองราวของมาร์โคคร้ังแรก คือ ผู้ท่ีไม่เคย เดินทางไกลจากบ้าน เขาไม่รู้เรื่องราวบนโลกน้ีมากนัก สำหรับพวกเขา แล้ว เรื่องราวของมาร์โคท่ีเก่ียวกับดินแดนมหัศจรรย์ และผู้คนน้ันดู เหมือนยากท่ีจะเชอื่ พวกเขาจึงตัดสินว่าหนังสือเล่มน้ีไม่มีอะไรนอกจากคำโกหกนับ ล้าน ซึ่งส่ิงเหล่าน้ีทำให้เขาได้รับฉายาว่า “Marco Million” ใน ขณะเดียวกันยังมีวลีอื่น ๆ สำหรับการพูดเกินจริง คือ “Marco Polo” ณ งานเลี้ยงหุ่นตัวตลกที่มีช่ือว่า Marco Millions เล่าเรื่องราวท่ีเต็มไป ดว้ ยการพดู เกินจรงิ เพ่อื ใหผ้ ้ชู มเกดิ เสียงหวั เราะ

เร่ืองราวบางส่วนของมารโ์ คไม่น่าเชื่อถือ เขาอา้ งวา่ มีนกั มายากล ในจักวรรดิของกุบไล ข่าน สามารถทำให้แก้วไวน์บินได้ ทำให้กลางวัน เปน็ กลางคนื อกี ทัง้ ยังสามารถเปล่ยี นวนั ท่ีแดดจ้าเปน็ วันทฝ่ี นตก ปัจจุบันบางคนสงสัยว่าทำไมไม่เขียนเร่ืองราวเกี่ยวกับกำแพง เมอื งจีนลงในหนังสือของเขา และการถูกทำลายในคริสต์ทศวรรษ 1200 อาจไมท่ ำใหเ้ ขาประหลาดใจได้ กำแพงเมืองจีนถกู สร้างขึ้นมาใหม่และยาวขนึ้ ช่วงตระกูลหมิงปก ครองเมืองจนี ตง้ั แต่ปี พ.ศ. 1911 ถงึ 2187

กำแพงเมอื งจนี ผู้คนสงสัยว่าทำไมหนังสือของเขาไม่พูดถึงประเพณีการด่ืมชา ของชาวจีน อาจเป็นเพราะชาเป็นที่นิยมในตอนใต้ของประเทศจีน แต่ มารโ์ คอาศยั อยทู่ างตอนเหนอื ของประเทศจีนเป็นสว่ นใหญ่ มาร์โคได้เขียนว่า เขาคือผู้ปกครองเมืองจีนมีช่ือว่า Yang-chou ป กค รองเป็ น เวลา 3 ปี เข าไม่ เค ยเล่าอาชีพ ของเขาเลย นั ก ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่คิดว่า Yang-chou เรียนรู้ท่ีจะพูดภาษาจีน ดังนั้นจึงยากที่จะเช่ือว่ากุบไล ข่าน เลือก Yang-chou มาปกครองเมือง จนี

นักประวัติศาสตร์บันทึกเร่ืองราวในเมืองจีนอย่างรอบคอบ แต่ คนของรัฐบาลท่ีช่ือ Polo ถูกพูดถึงเพียงครั้งเดียว ถ้ามาร์โคทำงานให้ กุบไล ขา่ นเป็นเวลา 17 ปี แล้วทำไมเขาไม่ถูกพูดถึงมากกว่าน้ี เขาใช้ชื่อ ภาษาจีนเป็นส่วนใหญ่อย่างน้ันหรือ อาจเป็นเรอื่ งแปลกที่ไม่มีการพูดถึง ชาวยโุ รปสามคนทีม่ าถึงจนี ในครสิ ตท์ ศวรรษ 1200

เกิดอะไรข้ึนกับอัญมณีท่ีมาร์โคควรจะนำกลับบ้านในปี พ.ศ. 1843 หลังจากการกลับมาจากจีน 5 ปี เขาได้แต่งงานตอนอายุ 45 ปี เขาและ ภรรยา Donata Badoer มีลูกด้วยกันสามคน คือ Fantina, Bellela และ Moreta ขณะที่เขาเสียชีวิตลงเขาไม่ได้ เหลือทรัพย์สมบัติให้ครอบครัวของเขา น่ัน ทำให้เร่ืองราวเก่ียวกับการเดินทางไปเมือง จีนดูเหมือนเท็จ แต่รายการทรัพย์สินของ เขาในช่วงเวลาท่ีเขาเสียชีวิตแสดงให้เห็นว่า เขายังเหลือแผน่ จารึกทองคำของกุบไล ขา่ น ไว้ข้างหลัง จึงทำให้เร่ืองราวของเขาเสมือน จริง เขาจะได้รับแบบน้ันจากที่ไหนอีก ยกเวน้ จากจกั วรรดิขา่ น เขาสามารถซอ้ื ขโมยหรือทำแผน่ จารึกปลอมได้ไหม ไม่ว่ากรณีใด หนังสือของมาร์โคกระตุ้นนักสำรวจคนอ่ืน ๆ อีก มากมาย เช่น Christopher Columbus เขาศึกษาและจดบันทึก และ ปรารถนาท่ีจะไปจีนด้วยเส้นทางที่เร็วกว่ามาร์โคเคยค้นพบ Columbus ล่องเรือทางทิศตะวันตกจากสเปนในปี พ.ศ. 2035 หวังที่จะค้นพบประเทศ จีน ไมไ่ ด้ตระหนักว่าอเมรกิ าเหนอื และอเมรกิ าใต้ปดิ กัน้ เส้นทางของเขา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook