การยศาสตร์ หมายถงึ วิทยาการเก่ียวกบั งานหรอื การทางาน สมาคมการจดั การแห่งประเทศไทย บญั ญัติศพั ท์ Ergonomics ไวว้ ่า “สมรรถยศาสตร์ ซึ่ง หมายถึง วิทยาการเกี่ยวกับความสามารถของมนุษย์ท่ีจะทางานในลักษณะต่าง ๆ (Human Performance Engineering)” Ergonomics มาจากคาในภาษากรีก 2 คานามาสนธิกัน คือคาว่า Ergon ซ่ึงหมายถึงงาน (Work) และคาว่า Nomos ซ่งึ หมายถึง กฎ (Law) เมื่อรวมกนั แลว้ จะเกิดคาใหม่ขนึ้ มาคือ Ergonomics (Law of Work) สถาบนั ความปลอดภยั ในการทางาน กรมแรงงาน กระทรวงมหาดไทย ไดใ้ หค้ วามหมายของ Ergonomics ว่า “วิทยาการจดั สภาพงาน” ความหมายของ Ergonomics ในเชิงปฏิบตั ิ คือ การศึกษาเกี่ยวกับการประสานกนั หรืออันตร กรยิ าระหวา่ งมนษุ ยแ์ ละเครอ่ื งมอื อปุ กรณภ์ ายใตส้ ิงแวดลอ้ มท่มี นษุ ยท์ างานอยู่
13.2.1 ผลดที เ่ี กิดขึน้ เม่ือไดม้ ีการออกแบบงานใหเ้ หมาะสมกับคน คอื 1) ช่วยลดความเม่ือยล้าจากการทางานลง 2) ช่วยลดอุบตั ิเหตุจากการทางาน 3) ช่วยลดความผิดพลาดต่าง ๆ ทเ่ี กิดขึน้ จากการปฏิบตั งิ าน 4) ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการฝึ กอบรมและควบคุมงานลงได้มาก 5) ช่วยก่อให้เกดิ การเพ่มิ ผลผลติ ทงั้ จากส่วนบคุ คลและกลุ่ม 6) ช่วยก่อให้เกิดความพึงพอใจในงาน เป็ นต้น
13.2.2 ประโยชนข์ องวิทยาการจดั สภาพงาน การท่ีตอ้ งนาเอาวิทยาการจดั การสภาพงานเขา้ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการทางาน ทง้ั อุตสาหกรรม หรอื สานกั งานก็เพ่ือเป็นการลดความเครยี ดต่าง ๆ ที่เกิดขนึ้ ทง้ั ทางรา่ งกายและจิตใจของผทู้ างานซง่ึ ทา ใหเ้ กิดผลดตี อ่ การทางานดงั ตอ่ ไปนี้ 1)เป็นการเพิ่มประสทิ ธิภาพในการทางาน 2)ลดอบุ ตั ิเหตุ ทาใหล้ ดคา่ ใชจ้ ่ายลงดว้ ย 3)ลดตน้ ทนุ การผลิต 4)ลดระยะเวลาฝึกอบรมคนงานแตไ่ ดผ้ ลคงเดิม 5)เพิ่มประสทิ ธิภาพและความสามารถของบคุ คล 6)ลดขน้ั ตอนในการทางาน
13.3.1 กายวภิ าคศาสตรแ์ ละสรีรวิทยา (Anatomy and Physiology) กายวิภาคศาสตรแ์ ละสรีรวิทยาเป็นวิทยาการที่ว่าดว้ ยระบบโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีต่าง ๆ ของ รา่ งกาย 13.3.2 การวัดขนาดมนุษย์ (Anthropometry) การวดั ขนาดมนษุ ยเ์ ป็นวิทยาการเก่ียวกบั การวดั สดั สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายคนท่ีมีขนาดตา่ ง ๆ กนั ซง่ึ ขนาดของแตล่ ะคนจะแตกตา่ งกนั ตามรูปแบบเชือ้ ชาติ ถ่ินฐาน ฯลฯ โดยนาเอาความแตกตา่ งนีม้ า ออกแบบขนาดของงานใหเ้ หมาะสมกบั สภาพรา่ งกายและจิตใจมากที่สดุ 13.3.3 จติ วิทยา (Psychology) จิตวิทยาเป็นวิทยาการเก่ียวกบั ระบบประสาทและสมองของคนซ่งึ ทาใหท้ ราบพืน้ ฐานเกี่ยวกบั พฤติกรรมของคนซงึ่ แตกตา่ งกนั
13.3.4 สุขศาสตรอ์ ุตสาหกรรม (Industrial Hygiene) สขุ ศาสตรอ์ ตุ สาหกรรมเป็นวิทยาการเกี่ยวกบั สภาวะตา่ ง ๆ ของการทางานท่ีอาจเป็ นอนั ตราย ตอ่ คน 13.3.5 ฟิ สิกสแ์ ละวิศวกรรม (Physic and Engineering) ฟิสกิ สแ์ ละวิศวกรรมเป็นวิทยาการในการออกแบบแกไ้ ขสภาพแวดลอ้ มที่อาจจะเป็นอนั ตรายให้ ดีขนึ้ 13.3.6 ชวี กลศาสตร์ (Biomechanics) ชีวกลศาสตรเ์ ป็นแขนงหนึ่งของวิศวกรรมศาสตรท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกับการปรบั ปรุงความสัมพันธ์ ระหว่างคน – เครอื่ งจกั ร – งาน ซงึ่ จะศกึ ษาถงึ การทางานของสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายคน 13.3.7 ไบโอโนมิคส์ (Biotechnology) ไบโอโนมิคสเ์ ป็นวิชาทมี่ คี วามหมายกวา้ ง ๆ ซง่ึ รวมเอาวิชาหลาย ๆ วิชาเขา้ ดว้ ยกัน เช่น ไบโอ เมคานิคส์ แฟคเตอรข์ องมนษุ ย์ จิตวิทยาวิศวกรรม เพ่ือที่จะนาไปแกไ้ ขความเครยี ดทเี่ กิดจากการทางาน
13.4.1 ทา่ ทางการทางาน โดยปกติในขณะทางานนน้ั รา่ งกายของคนท่ีทางานจาเป็นตอ้ งอย่ใู นลกั ษณะท่ีม่นั คงและ สบายพอสมควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะออกแรง ดงั นนั้ การรกั ษาท่าทางการทางานสงู ขึน้ และลด อนั ตรายท่อี าจจะเกิดจากการทางานลงดว้ ย 13.4.2 ความสาคญั ของทา่ ทางการทางานทเ่ี หมาะสมในแตล่ ะลักษณะงานมีดังนี้ คนที่ยืนทางานบนยกพืน้ ท่ีม่นั คงแข็งแรง ย่อมทาใหก้ ารออกแรงในการทางานเป็นไปอย่าง เหมาะสมและสะดวก ตรงกนั ขา้ มถา้ หากยกพืน้ ดงั กลา่ วไมม่ ่นั คงทา่ ทางการทางานของบคุ คลก็จะผิดปกติ ไป ทาใหต้ อ้ งสญู เสยี พลงั งานของรา่ งกายไปอยา่ งมากมายโดยไมจ่ าเป็น
งานต่างชนิดกันย่อมต้องการความสูงต่างกัน การยืนทางานบนขาข้างเดยี วจะทาให้เกิดแรงกด ทส่ี ะโพก
13.4.3 หลักในการจดั ทา่ ทางการทางานสาหรับบคุ คลทย่ี ืนทางาน มีดงั นี้ 1) ในการยืนทางานนน้ั ควรจะมีบรเิ วณสาหรบั การเคลอ่ื นเทา้ ไปขา้ ง ๆ กา้ วไปขา้ งหนา้ และถอย กลบั มาไดโ้ ดยไมม่ อี ะไรกีดขวางในแนวราบเลย 2) รา่ งกายไม่ควรเอนไปขา้ งหลงั หรือเอนไปขา้ งหนา้ ถา้ จะตอ้ งมีการเอน องศาของการเอนควร จะมไี ดเ้ พียงเลก็ นอ้ ยเทา่ นนั้ โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในการยกของ 3) ไมค่ วรเออื้ มมอื สงู กวา่ ระดบั ความสงู ของไหลห่ รอื ต่ากวา่ ระดบั ท่มี อื จะหยิบฉวยไดใ้ นขณะยืน 4) ไมค่ วรหมนุ ลาตวั หรอื เอยี งไปขา้ ง ๆ 5) ไมค่ วรแหงนศีรษะ กม้ ศีรษะมากเกินไป ไมเ่ หมาะสม แกไ้ ขใหเ้ หมาะสม การยืนทางานทตี่ ้องใช้เท้าบังคับเครื่องจักร
1) ศรี ษะควรอยใู่ นลกั ษณะสมดลุ คือ อยกู่ งึ่ กลางบนไหลท่ ง้ั สองขา้ งและสายตามองในระดบั ความ สงู ของโตะ๊ งาน 2) ไหลท่ ง้ั สองขา้ งควรจะอยใู่ นลกั ษณะธรรมชาติ (ทา่ พกั ) 3) ลาตวั ควรอยใู่ นแนวดิ่งหรอื เอียงไปขา้ งหลงั เล็กนอ้ ยโดยมีท่ีรองรบั หลงั อยา่ งเหมาะสมในระดบั เอว 4) แขนสว่ นลา่ งทงั้ สองและขาสว่ นบน (ตน้ ขา) ทง้ั สองควรจะอยใู่ นระดบั ราบ 5) ตน้ แขนทงั้ สองและขาตอนลา่ งทง้ั สองควรจะทามมุ กบั แนวดิ่งประมาณ 0 และ 45 องศา 6) ควรมบี รเิ วณสาหรบั สอดเขา่ ไวไ้ ดอ้ ยา่ งเหมาะสม 7) ควรมีท่ีวางเทา้ อยา่ งเหมาะสม 8) ไมค่ วรมกี ารเออื้ มหรอื บิดตวั โดยไมจ่ าเป็น
ควรออกแบบงานเพื่อให้พนักงานไม่ต้องยกแขน ขนึ้ สูงและข้อศอกอยู่ข้างลาตัว การน่ังทางานจะต้องสะดวกสบายมากทสี่ ุด
ข้อเสนอแนะในการออกแบบทน่ี ่ังทางาน 1) ความสงู ของที่น่งั ควรปรบั ไดโ้ ดยใหส้ งู ระหว่าง 40 – 53 เซนตเิ มตร 2) พนกั พิงหลงั ควรจะปรบั ไดใ้ นแนวด่งิ จาก 15 – 24 เซนติเมตร จากระดบั ทนี่ ่งั 3) พนกั พิงหลงั ควรจะปรบั ในแนวลกึ ไดร้ ะหวา่ ง 34 – 44 เซนติเมตร จากขอบทนี่ ่งั ดา้ นหนา้ 4) ความลกึ ของทน่ี ่งั อยา่ งนอ้ ย 35 เซนตเิ มตร 5) เกา้ อีค้ วรมีความม่นั คงไมโ่ ยกหรอื เล่ือนไปมา 6) เกา้ อีค้ วรเคลื่อนไหวไดอ้ ยา่ งอิสระ การออกแบบให้มีทพ่ี ักมือหรือศอก
เคร่ืองมือท่ีใช้งาน ควรเป็ นเคร่ืองมือออกแบบตามหลักการยศาสตร์ เครื่องมือที่ ออกแบบไม่ดีหรือเป็ นเคร่ืองมือหรืองานท่ีไม่ได้ ออกแบบให้มีความเหมาะสมสาหรับ ผู้ปฏบิ ัตงิ านแต่ละคน ข้อแนะนาในการเลอื กใช้เคร่ืองมือทดี่ ีมดี งั นี้ 1) หลีกเล่ียงการใชเ้ ครอ่ื งมอื ทม่ี คี ณุ ภาพไมด่ ี 2) เลือกใชเ้ ครือ่ งมือท่ีผปู้ ฏิบตั ิงานสามารถใชก้ าลงั กลา้ มเนือ้ มดั ใหญ่บริเวณไหล่ แขน และ ขามากกวา่ การใชก้ าลงั กลา้ มเนอื้ มดั เล็กบรเิ วณขอ้ มอื และนวิ้ มอื 3) หลีกเลี่ยงท่าทางการยกถือเครื่องมือเป็นระยะเวลานานหรือตอ้ งออกแรงมากในการบี บ เครอ่ื งมือ 4) เครอ่ื งมือทีไ่ ดร้ บั การออกแบบอยา่ งเหมาะสม 5) ควรเลอื กใชเ้ ครอ่ื งมอื ทดี่ า้ มจบั มคี วามยาวมากพอ เพื่อใหเ้ หมาะกบั มอื ผูป้ ฏิบตั ิงาน 6) ไมค่ วรเลือกใชเ้ ครอ่ื งมอื ท่ีมชี ่องว่างระหวา่ งดา้ มจบั 7) เลอื กใชเ้ ครอื่ งมอื เช่น กรรไกร คีม ท่ีใชไ้ ดถ้ นดั ทงั้ มอื ซา้ ยหรอื มือขวา
8) ไม่ควรเลือกเคร่ืองมือท่ีเหมาะสาหรบั มือขนาดเดียว เพราะจะก่อใหเ้ กิดแรงกดที่มือหาก เครอื่ งมือทีใ่ ชไ้ มเ่ หมาะกบั ขนาดของมอื 9) ใหด้ า้ มจบั ของเคร่ืองมือง่ายตอ่ การจบั ถือ ควรมีฉนวนกนั ไฟฟ้าไดเ้ ป็นอย่างดี และไม่ควรมี ขอบคม หรอื มมุ ทีแ่ หลมคม ควรมพี ลาสตกิ นม่ิ ๆ หมุ้ ดา้ มจบั เพื่อลดความล่นื ในการจบั ถือเครอ่ื งมอื 10) หลีกเลี่ยงการใชเ้ คร่ืองมือท่ีบังคบั ใหต้ อ้ งบิดงอขอ้ มือ หรือตอ้ งอยใู่ นอิริยาบถท่าทางที่ฝืน ธรรมชาติ ควรออกแบบเครอื่ งมอื ใหม่ เพ่ือใหด้ า้ มจบั ของเครอ่ื งมอื โคง้ งอแทนท่จี ะตอ้ งบิดงอขอ้ มอื 11) เลอื กเครอื่ งมือทีม่ ีนา้ หนกั สมดลุ เสมอกนั และควรแนใ่ จว่ามีการใชใ้ นตาแหนง่ ที่เหมาะสม 12) จงแนใ่ จวา่ มกี ารดแู ลบารุงรกั ษาเครอื่ งมืออยา่ งเหมาะสม 13) ควรเลือกเครอื่ งมอื ทีเ่ หมาะสมกบั ผปู้ ฏิบตั งิ านทถี่ นดั มอื ขวาหรอื มือซา้ ย
การออกแบบมีดชาแหละไก่ทเ่ี หมาะสมกับการ การออกแบบด้ามจบั คมี ตัด ทางานหลายลักษณะ การออกแบบหวั แร้ง การออกแบบอุปกรณ์ควบคุมเคร่ืองจกั ร
ตาราง ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของขนาดรา่ งกายทกุ สดั ส่วนในกล่มุ ตวั อย่างเพศหญิงและเพศ ชาย (หนว่ ยวดั เป็นเซนตเิ มตร)
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: