Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่17 สัตว์น่ารัก

หน่วยที่17 สัตว์น่ารัก

Description: 17 สัตว์น่ารัก

Search

Read the Text Version

แผนการจดั ประสบการณ์ ช้ันอนบุ าล 3 สัปดาห์ท่ี 17 สตั ว์นา่ รกั นางสาวอาภาพร ลือทองจนั ทร์

การวเิ คราะห์โครงสร้างหน่วยการจัดประสบการณ์ ตามหลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หนว่ ยที่ ๑๗ สัตวน์ ่ารัก ช้นั อนุบาลปีท่ี 1 – 3 ภาคเรยี นท่ี 1 รายการ อนบุ าลปที ๑่ี อนบุ าลปีท๒ี่ อนุบาลปที ๓ี่ สาระทค่ี วรเรียนรู้ สัตว์ปีก ๑. ลักษณะของสตั วป์ กี สัตวน์ ำ้ สัตวเ์ ล้ียง ๒. สัตว์ปกี และแมลงท่ีพบบ่อย ๒.๑ ไก่ ๑. ลกั ษณะของสตั ว์น้ำ ๑. ลักษณะของสตั ว์เล้ยี ง ๒.๒ นก ๒.๓ ผีเสื้อ ๒. ประเภทของสตั ว์ สตั วแ์ ต่ละชนิดมีรปู ร่ำง ลักษณะ ๒. ประเภทของสัตว์ สตั วแ์ ต่ละชนิดมีรปู รำ่ ง ๒.๔ แมลงปอ ๓. การจับคู่ภาพเหมือน และขนำดแตกต่ำงกัน ลักษณะ และขนำดแตกตำ่ งกัน ๓. สัตว์แต่ละชนดิ มีธรรมชำติควำมเป็นอยู่ท่ีแตกตำ่ ง ๓. อำหำร ทอ่ี ยู่ของสตั ว์ และชว่ งอำยขุ องสัตว์ กัน ๔. กำรป้องกนั อนั ตรำยและควำมปลอดภยั จำกสตั ว์ ๔. กำรปอ้ งกนั อันตรำยและควำมปลอดภัยจำกสัตว์ ๕. ประโยชน์ของสัตว์ต่อมนษุ ย์ ๕. ควำมเมตตำกรณุ ำ ตอ่ สัตว์ ๖. ควำมเมตตำกรณุ ำ ตอ่ สัตว์ ๖. การสงั เกต จับคู่เปรยี บเทยี บ จาแนก ๗. การจับคู่ภาพเหมือน เกมโดมิโน การจบั คภู่ าพ จัดกลุ่มสตั ว์ กบั สัญลกั ษณ์ การจบั คภู่ าพกับจานวน มาตรฐาน มฐ 1 ตบช. 1.3 (1.3.1) มฐ 1 ตบช. 1.3 (1.3.1) มฐ 1 ตบช. 1.3 (1.3.1) ตวั บ่งชี้ มฐ.2 ตบช. 2.1 (2.1.๓) มฐ 2 ตบช. 2.1 (2.1.๓) มฐ 2 ตบช. 2.1 (2.1.๓) สภาพที่พึงประสงค์ ตบช. 2.2 (2.2.๓) ตบช. 2.2 (2.2.๑) ตบช. 2.2 (2.2.๑) มฐ.๔ ตบช ๔.๑ (๔.๑.๑) มฐ ๓ ตบช ๓.๒ (๓.๒.๒) มฐ ๓ ตบช ๓.๒ (๓.๒.๒) มฐ ๔ ตบช ๔.๑ (๔.๑.๓) มฐ ๔ ตบช ๔.๑ (๔.๑.๑) ตบช ๔.๑ (๔.๑.๓) มฐ 5 ตบช 5.๒ (5.๒.๑) มฐ 5 ตบช 5.๒ (5.๒.๑) มฐ 5 ตบช 5.๒ (5.๒.1) มฐ 6 ตบช. 6.2 (6.๓.๑) มฐ 6 ตบช. 6.2 (6.๓.๑) มฐ 7 ตบช 7.๑ (7.๑.๑) มฐ 7 ตบช 7.๑ (7.๑.๑) มฐ 6 ตบช. 6.2 (6.2.๑) มฐ ๘ ตบช ๘.๓ (๘.๓.๒) มฐ ๘ ตบช ๘.๓ (๘.๓.๒) มฐ 9 ตบช. 9.1 (9.1.๒) มฐ 9 ตบช. 9.1 (9.1.๒) มฐ ๘ ตบช ๘.๓ (๘.๓.๒) มฐ 9 ตบช. 9.1 (9.1.1) ตบช. 9.๒ (9.๒.๑) ตบช. 9.๒ (9.๒.๑) ตบช. 9.๒ (9.๒.1)

มฐ 1๐ ตบช. 10.1(10.1.๒) มฐ 10 ตบช. 10.1(10.1.๒) มฐ 10 ตบช. 10.1(10.1.๒) ตบช. 10.1(10.1.๓) ตบช. 10.1(10.1.๓) มฐ ๑๒ ตบช. ๑๒.๒(๑๒.๒.๑) ประสบการณ์สาคัญ รา่ งกาย ร่างกาย รา่ งกาย ๑.๑.๑ (๑) การเคลอ่ื นไหวอยู่กับที่ 1.1.1 (2) การเคลอื่ นไหวเคลือ่ นที่ ๑.๑.๑ (๑) การเคลอ่ื นไหวอยู่กบั ที่ (๒) การเคลอื่ นไหวเคลอ่ื นที่ 1.1.2 (2) การเขียนภาพและการ (๒) การเคลอ่ื นไหวเคลอ่ื นที่ (๓) การเคลอ่ื นไหวพรอ้ มอุปกรณ์ (๔)การเคลอื่ นไหวที่ใชก้ ารประสานสมั พนั ธ์ เลน่ กบั สี (๓) การเคลอื่ นไหวพร้อมอุปกรณ์ ของการใชก้ ล้ามเน้อื ใหญใ่ นการจับ การโยน (๕) การเลน่ เครือ่ งเล่นสนามอย่างอิสระ (3) การป้นั (๔) การเคลือ่ นไหวท่ีใช้การประสานสัมพันธ์ ๑.๑.๒ (๒) การเขยี นภาพและการเล่นกับสี (๓) การปัน้ (5) การฉกี ปะ ของการใช้กล้ามเน้ือใหญใ่ นการจบั การโยน (๔)การประดิษฐ์สงิ่ ตา่ งๆด้วยเศษวสั ดุ (๕) การหยิบจับ การใชก้ รรไกร การฉีก ๑.๑.๔ (๓) การเล่นเครือ่ งเลน่ อย่าง (๕) การเลน่ เครื่องเล่นสนามอย่างอสิ ระ การตดั การปะ และร้อยวสั ดุ ๑.๑.๔ (๑) การปฏบิ ัตติ นให้ปลอดภยั ใน ปลอดภัย ๑.๑.๒ (๒) การเขยี นภาพและการเล่นกับสี ชวี ติ ประจาวนั (๓) การเลน่ เครื่องเลน่ อย่างปลอดภยั (๓) การป้นั ๑.๒.๒ (๑) การเล่นอสิ ระ (๓) การเล่นตามมุมประสบการณ์ (๔) การประดษิ ฐส์ ิง่ ต่างๆดว้ ยเศษวสั ดุ (๔) การเล่นนอกห้องเรยี น (๕) การหยบิ จับ การใช้กรรไกร การฉกี การตัด การปะ และร้อยวัสดุ ๑.๑.๔ (๑) การปฏิบตั ติ นให้ปลอดภยั ใน ชวี ติ ประจาวนั (๓) การเล่นเคร่อื งเล่นอย่างปลอดภัย ๑.๑.๕ (๑) การเคลอื่ นไหวโดยควบคุมตนเองไปใน ทิศทาง ระดับ และพืน้ ที่ (๒) การเคล่ือนไหวขา้ มสง่ิ กดี ขวาง ๑.๒.๒ (๑) การเลน่ อิสระ (๓) การเล่นตามมมุ ประสบการณ์ (๔) การเล่นนอกห้องเรียน

อารมณ์ อารมณ์ อารมณ์ 1.2.4 (๒)การเล่นบทบาทสมมติ (ท่าทางสัตว์) ๑.๒.๓ (๒) การฟงั นทิ านเกี่ยวกับคณุ ธรรม จริยธรรม ๑.๒.๓ (๒) การฟงั นทิ านเก่ยี วกับคณุ ธรรม (5) การทางานศลิ ปะ ๑.๒.๔ (๑) การพดู สะท้อนความรูส้ ึกของตนเองและ จรยิ ธรรม สงั คม ผูอ้ ่ืน ๑.๒.๔ (๑) การพูดสะท้อนความรู้สึกของตนเองและ ๑.๒.๑ (๓) การเคลือ่ นไหวตาม เสียงเพลงและดนตรี (๒) การเล่นบทบาทสมมติ ผ้อู นื่ 1.๒.3 (๒) การฟังนทิ านเกี่ยวกบั คณุ ธรรม จริยธรรม (๓) การเคลอ่ื นไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี (๓) การเคลอ่ื นไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี 1.3.4 (2) การปฏบิ ัตติ นเปน็ สมาชกิ ทีด่ ขี องห้องเรียน (๔) การเลน่ บทบาทสมมติ (๔) การเลน่ บทบาทสมมติ (๕) การทางานศลิ ปะ ๑.๓.๒ (๓) การทางานศลิ ปะท่นี าวสั ดุ หรือสิ่งของเครื่องใชท้ ่ีใชแ้ ล้วมาใชซ้ า้ หรแื ปรรูปใหม่ (๕) การเลย้ี งสตั ว์ สังคม สังคม ๑.๒.๒ (๒) การเลน่ รายบคุ คล ๑.๒.๒ (๑) การเล่นอสิ ระ กลุม่ ย่อย กลุ่มใหญ่ (๒) การเล่นรายบคุ คล กลุ่มยอ่ ย กล่มุ ใหญ่ (๓) การเลน่ ตามมมุ ประสบการณ์ (๓) การเล่นตามมมุ ประสบการณ์ (๔) การเลน่ นอกห้องเรียน ๑.๓.๒ (๑) การมสี ่วนรว่ มรบั ผดิ ชอบดูแลรกั ษา ๑.๓.๒ (๑) การมสี ว่ นรว่ มรบั ผดิ ชอบดูแลรกั ษา ส่งิ แวดล้อมภายในและภายนอกและภายนอก สิ่งแวดล้อมภายในและภายนอกและภายนอก ห้องเรยี น หอ้ งเรียน (๒) การใช้วัสดแุ ละสงิ่ ของเครอ่ื งใชอ้ ยา่ งคมุ้ ค่า (๒) การใช้วัสดุและสิ่งของเคร่อื งใชอ้ ย่าง (๕) การเลย้ี งสัตว์ คุ้มค่า ๑.๓.๓ (๑) การเลน่ บทบาทสมมติ การปฏบิ ัตติ นใน (๓) การทางานศิลปะท่ีนาวัสดุ ความเปน็ ไทย หรอื สิ่งของเครื่องใช้ทใ่ี ช้แลว้ มาใช้ซา้ หรอื แปรรปู (๕) การละเลน่ พนื้ บ้านของไทย ใหม่ ๑.๓.๔ (๒) การปฏบิ ตั ิตนเป็นสมาชิกทด่ี ีของห้องเรยี น (๕) การเลีย้ งสตั ว์ (๓) การให้ความรว่ มมือในการปฏิบตั ิกิจกรรม ๑.๓.๓ (๑) การเลน่ บทบาทสมมติ การปฏิบัติตนใน ตา่ งๆ ความเป็นไทย

(๕) การละเลน่ พนื้ บ้านของไทย ๑.๓.๔ (๒) การปฏิบตั ติ นเป็นสมาชกิ ทีด่ ขี อง หอ้ งเรยี น (๓) การใหค้ วามรว่ มมือในการปฏิบัติ กิจกรรมต่างๆ สตปิ ัญญา สติปัญญา สตปิ ญั ญา 1.4.1 (2) การฟงั และปฏิบตั ิตาม คาแนะนา ๑.๔.๑ (๒) การฟังและปฏิบัติตามคาแนะนา 1.4.1(๒) การฟงั และปฏบิ ตั ติ ามคาแนะนา (๕) การพดู เร่อื งราว (๓) การฟังเพลง นิทาน หรอื เรอื่ งราวตา่ ง ๆ (๓) การฟงั เพลง นทิ าน หรอื เร่ืองราวต่าง ๆ เกยี่ วกบั ตนเอง (๔) การพดู แสดงความคดิ เหน็ ความรู้สึกและ (๔) การพดู แสดงความคดิ เห็นความรู้สึกและ (8) การรอจงั หวะท่ี เหมาะสมในการพดู ความตอ้ งการ ความต้องการ (12) การเห็นแบบอย่าง (๕) การพูดกับผู้อน่ื เก่ียวกบั ประสบการณ์ของ (๕) การพดู กบั ผู้อ่นื เกี่ยวกบั ประสบการณ์ ของการอา่ นทถ่ี ูกต้อง 1.4.2 (1) การสังเกตลักษณะสงิ่ ตนเอง หรอื พดู เลา่ เรื่องราวเกี่ยวกบั ตนเอง ของตนเอง หรอื พูดเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตนเอง ต่างๆโดยใช้ประสาทสมั ผัสอย่าง เหมาะสม (๑๐) การอา่ นอย่างอิสระตามลาพังการอา่ น (๑๐) การอา่ นอย่างอิสระตามลาพังการอ่าน (๕) การคัดแยก การจัด ร่วมกัน การอ่านโดยมผี ชู้ แี้ นะ ร่วมกนั การอ่านโดยมีผ้ชู ีแ้ นะ กลมุ่ และการจาแนกสิ่งตา่ งๆ ตาม ลกั ษณะและรปู ร่าง รูปทรง (๑๒) การเหน็ แบบอย่างของการอา่ นที่ถกู ต้อง (๑๓) การสังเกตทศิ ทางการอ่านตวั อกั ษร คา (๑๓) การเปรียบเทยี บส่ิง (๑๓) การสงั เกตทิศทางการอ่านตวั อกั ษร คา และข้อความ ต่างๆตามลักษณะ ขนาดใหญ่-เล็ก ความสูง- ตา่ และข้อความ (๑๔) การอ่านและช้ีข้อความโดยกวาด (๑๔) การอ่านและช้ีข้อความโดยกวาดสายตา สายตาตามบรรทัดจากซา้ ยไปขวา จากบนลงล่าง ตามบรรทดั จากซา้ ยไปขวา จากบนลงล่าง (๑๗) การคาดเดา คาวลีหรอื ประโยคจาก (๑๗) การคาดเดา คาวลหี รือประโยคจากนิทาน นทิ าน 1.4.2 (๑) การสังเกตลกั ษณะ สว่ นประกอบ 1.4.2 (๑) การสังเกตลักษณะส่วนประกอบ การเปล่ยี นแปลงและความสมั พนั ธ์ของสง่ิ ต่างๆโดยใช้ การเปลี่ยนแปลงและความสัมพนั ธ์ของสิ่งต่างๆโดย ประสาทสัมผสั อย่างเหมาะสม ใชป้ ระสาทสัมผสั อย่างเหมาะสม (๕) การคัดแยก การจัดกลุ่มและการจาแนก (๕) การคดั แยก การจัดกลุ่มและการจาแนก ส่ิงตา่ งๆ ตามลักษณะและรปู ร่าง รปู ทรง ส่งิ ต่างๆ ตามลกั ษณะและรูปร่าง รูปทรง (๖) การต่อของชน้ิ เลก็ เตมิ ในชนิ้ ใหญ่ให้ (๖) การตอ่ ของชิน้ เลก็ เติมในชนิ้ ใหญ่ให้ สมบรู ณ์และการแยกชิ้นสว่ น สมบูรณ์

(๘) การนับและแสดงจานวนของสง่ิ ต่าง ๆ (๘) การนับและแสดงจานวนของสิ่งตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจาวัน ในชีวติ ประจาวนั (๑๓) การจบั คู่ การเปรียบเทียบและการ (๑๓) การจับคู่ การเปรียบเทยี บและ เรียงลาดบั สง่ิ ต่าง ๆ ตามลักษณะความยาว/ความสงู การเรยี งลาดบั สงิ่ ต่างๆตามลักษณะ ความยาว ความสูง น้าหนัก ปริมาตร 1.4.4 (๑) การสารวจสิง่ ตา่ ง ๆ และแหลง่ เรยี นรู้ รอบตวั (๒) การต้งั คาถามในเรื่องทส่ี นใจ คณิตศาสตร์ ๑. การนบั ๑. การนบั ๑. การนบั วทิ ยาศาสตร์ ๑.๑ การนับปากเปลา่ 1 – ๒๐ ๑.๑ การนับปากเปล่า 1 – 5 ๑.๑ การนับปากเปลา่ 1 – ๑๐ ๑.๒ การนับและแสดงจานวน ๑ - ๙ ๑.๒ การนบั และแสดงจานวน ๓ ๑.๒ การนับและแสดงจานวน ๑ - ๕ ๒. เปรียบเทยี บ จาแนกจดั กลุ่มสตั ว์ ๓. การเปรียบเทยี บขนาดใหญ่-เล็ก ๒. เปรียบเทียบ จาแนกจัดกลุ่มสตั ว์ ๑. ทกั ษะกำรสังเกต ๑. ทักษะกำรสงั เกต ๑. ทกั ษะกำรสังเกต ๒. กำรสำ้ รวจ ๒. ทักษะกำรเปรยี บเทยี บ ๒. กำรส้ำรวจ พัฒนาการทางภาษา ๑. กำรฟังและปฏิบัตติ ำม ๑ กำรฟังและปฏิบตั ติ ำมค้ำแนะนำ้ ๑. กำรฟังและปฏิบัติตำมคำ้ แนะน้ำ และการรูห้ นงั สือ คำ้ แนะน้ำ ๒. กำรฟังเพลงนิทำนคำ้ คลอ้ งจอง ๒. การอา่ นหนงั สอื ภาพ นทิ าน ๒. การคาดคะเน เรอื่ งจากปกหนังสือ ๓. กำรอ่ำนหนังสอื ภำพ ๓. การเห็นแบบอยา่ งการอา่ นท่ีถูกต้อง ๓. การอ่านหนงั สอื ภาพ นิทาน ๔. กำรพูดเร่อื งรำวเกีย่ วกบั ตนเอง ๔. การรอจงั หวะท่ีเหมาะสมในการพูด ๔. การเหน็ แบบอย่างการอ่านทถ่ี ูกต้อง ๕ รู้จักส่วนประกอบหนังสือ ปกหนา้ ปกใน ชื่อผู้แตง่ ๕. การรอจงั หวะท่ีเหมาะสมในการพดู ผวู้ าดภาพ เนื้อเร่อื ง ๖. รู้จักส่วนประกอบหนังสือ ปกหนา้ ปกใน ช่อื ผู้ ๖. การเติมคาด้วยปากเปล่าเมอื่ อา่ นถงึ คาที่พบบ่อย แต่ง ผู้วาดภาพ เน้อื เร่ือง ๗. การเห็นแบบอย่างการเขียนท่ถี ูกต้อง ๗. การเติมคาดว้ ยปากเปลา่ เมื่ออ่านถงึ คาที่พบบ่อย ๘. การเหน็ แบบอย่างการเขยี นที่ถกู ต้อง

หนว่ ยการจดั ประสบการณ์ สัปดาห์ท่ี ๑๗ หนว่ ย สตั ว์น่ารัก ช้ันอนุบาลปีที่ ๓ แนวคดิ เดก็ ควรมคี วามร้พู ้ืนฐานเกย่ี วกบั สง่ิ มีชีวติ รอบตัวโดยเฉพาะสตั ว์ประเภทประเภทตา่ งๆ เชน่ สตั ว์ปกี สตั ว์น้า สัตว์บก สตั ว์เลย้ี ง สตั ว์เล้ยี งมหี ลายชนิด ทั้งสัตวน์ า้ เชน่ ปลา สตั ว์บกเช่นสุนขั แมว สัตว์ปกี เชน่ นก ไก่ สัตว์แต่ละชนิดมีรูปรา่ ง ลักษณะ และขนาดแตกต่างกัน ย่อมมีธรรมชาตคิ วามเป็นอยูท่ ่ี แตกตา่ งกัน เดก็ ตอ้ งรู้วธิ ีปอ้ งกนั อันตรายและความปลอดภัยจากสัตว์เลี้ยง มีความเมตตากรณุ าต่อสตั ว์ และเรยี นรู้ประโยชน์ของสตั ว์เล้ยี ง มาตรฐานหลักสูตรปฐมวัย จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ตวั บ่งช้ี สภาพที่พงึ ประสงค์ ประสบการณส์ าคัญ สาระทค่ี วรเรียนรู้ มาตรฐานท่ี ๑ ๑.๓ รักษาความ ๑.๓.๑ เลน่ และ ๑. เลน่ และ ๑.๑.๔ การรกั ษาความปลอดภัย ความรพู้ ืน้ ฐานเก่ียวกับหนงั สือ ปฏบิ ัติต่อผู้อน่ื อยา่ งปลอดภยั (๓) การเลน่ เครื่องเล่นอย่าง ร่างกายเจรญิ เติบโตตาม ปลอดภัยของตนเองและ ปฏิบัตติ ่อผอู้ ืน่ อย่าง ปลอดภัย และตัวหนงั สอื นทิ านเร่อื ง ตัว ๒. เคลือ่ นไหวรา่ งกายใน ๑.๒.๒ การเล่น วัยและมีสุขนิสัยทดี่ ี ผูอ้ ืน่ ปลอดภยั กิจกรรมตา่ งๆอย่าง (๑) การเล่นอสิ ระ อะไรกาลงั มา คล่องแคล่วประสานสมั พนั ธ์ (๓) การเล่นตามมุมประสบการณ์ มาตรฐานท่ี ๒ ๒.๑ เคลื่อนไหวรา่ งกาย ๒.๑.๓ วิง่ หลบหลีกส่ิงกีด และทรงตวั ได้ (๔) การเล่นนอกหอ้ งเรียน ๑. ลักษณะของสตั ว์เล้ยี ง ๑.๑.๑ การใชก้ ลา้ มเนือ้ ใหญ่ กล้ามเนอ้ื ใหญ่และ อยา่ งคล่องแคล่วประสาน ขวางได้อยา่ งคล่องแคล่ว (๑) การเคล่ือนไหวอยู่กับที่ ๒. ประเภท รปู รา่ ง ลกั ษณะ (๒) การเคล่ือนไหวเคล่ือนท่ี กล้ามเนื้อเล็กแข็งแรง สมั พนั ธ์และทรงตวั ได้ (๓) การเคลื่อนไหวพรอ้ มอุปกรณ์ ขนาด ของสัตวท์ ่แี ตกต่างกัน (๔) การเคล่ือนไหวท่ีใชก้ ารประสาน ใชไ้ ดอ้ ยา่ งคล่องแคลว่ สัมพันธข์ องการใช้กล้ามเนื้อใหญ่ใน ๓. การปอ้ งกนั อันตรายและ การจับ การโยน และประสานสัมพันธก์ นั (๕) การเลน่ เครื่องเล่นสนามอยา่ ง ความปลอดภัยจากสตั ว์ ๔. ประโยชน์ของสัตวต์ ่อมนษุ ย์ ๕. ความเมตตากรุณา ตอ่ สตั ว์ ๖. อาหารสัตวเ์ ลีย้ ง ๗. การจบั คู่ภาพเหมือน เกมโดมโิ น การจบั ค่ภู าพและ สัญลักษณ์ การจับคู่ภาพกับ จานวน อสิ ระ

มาตรฐานหลกั สูตรปฐมวัย จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ ประสบการณส์ าคญั มาตรฐาน ตัวบ่งชี้ สภาพที่พงึ ประสงค์ ๑.๑.๕ การตระหนักรเู้ กยี่ วกบั สาระท่ีควรเรียนรู้ ร่างกายตนเอง (๑) การเคล่ือนไหวโดยควบคุม ตนเองไปในทิศทาง ระดบั และพน้ื ที่ (๒) การเคล่ือนไหวข้ามส่งิ กดี ขวาง ๑.๓.๓ การปฏิบตั ติ ามวัฒนธรรม ท้องถ่นิ และความเปน็ ไทย (๑) การเลน่ บทบาทสมมติ การ ปฏิบัติตนในความเปน็ ไทย (๕) การละเลน่ พ้ืนบ้านของไทย ๒.๒ ใชม้ อื - ตาประสาน ๒.๒.๑ ใชก้ รรไกรตัด ๓. ทากจิ กรรมศิลปะ จาก ๑.๑.๒ การใช้กลา้ มเน้ือเลก็ สัมพนั ธก์ ัน กระดาษตามแนวเส้นโค้งได้ กระดาษ ดนิ และเศษวัสดไุ ด้ (๒) การเขยี นภาพและการเล่นกบั สี (๓) การปน้ั (๔) การประดษิ ฐ์สง่ิ ตา่ งๆด้วยเศษ วสั ดุ (๕) การหยิบจบั การใช้กรรไกร การ ฉีก การตดั การปะ และ รอ้ ย วสั ดุ

มาตรฐานหลกั สูตรปฐมวัย จดุ ประสงค์ สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ตวั บ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ ประสบการณ์สาคัญ สาระท่คี วรเรียนรู้ มาตรฐานที่ 3 ๓.๒ มคี วามร้สู ึกทดี่ ตี ่อ ๓.๒.๒ แสดงความพอใจใน ๔. แสดงอารมณ์ความรู้สกึ ของ ๑.๒.๔ การแสดงออกทางอารมณ์ มสี ขุ ภาพจิตดีและมี ความสุข ตนเองและผู้อนื่ ผลงานและความสามารถ ตนไดเ้ หมาะสมตาม (๑) การพูดสะท้อนความรูส้ กึ ของ ของตนเองและผอู้ ่ืน สถานการณ์และบอกอารมณ์ ตนเองและผอู้ ่ืน แก่ผู้อ่ืนได้ (๒) การเลน่ บทบาทสมมติ (๓) การเคล่ือนไหวตามเสียงเพลง/ ดนตรี (๕) การทางานศิลปะ มาตรฐานท่ี ๔ ๔.๑ สนใจมีความสขุ และ 4.1.3 สนใจมคี วามสขุ ๕.ร่วมกจิ กรรมการเคลอ่ื นไหว ๑.๒.๔ การแสดงออกทางอารมณ์ แสดงทา่ ทาง เคลื่อนไหว ประกอบเพลงจังหวะและ (๓) การเคลื่อนไหวตามเสยี งเพลง ชน่ื ชมและแสดงออกทาง แสดงออกผา่ นงานศิลปะ ประกอบเพลงจังหวะและ ดนตรีได้ และดนตรี ดนตรี (๔) การเลน่ บทบาทสมมติ ศิลปะ ดนตรแี ละการ ดนตรี และการเคล่ือนไหว เคลื่อนไหว มาตรฐานท่ี ๕ ๕.๒ มคี วามเมตตากรุณามี ๕.๒.๑ แสดงความรกั เพือ่ น ๖. แสดงความรักตอ่ ผู้อืน่ และมี ๑.๓.๒ การดูแลรักษาธรรมชาตแิ ละ มคี ณุ ธรรมจรยิ ธรรมและ นา้ ใจและชว่ ยเหลือแบง่ ปัน และมเี มตตาสตั วเ์ ลี้ยง เมตตาต่อสัตวอ์ ย่างเหมาะสม สง่ิ แวดลอ้ ม จิตใจท่ีดีงาม (๓) การทางานศลิ ปะทน่ี าวัสดุ หรอื สง่ิ ของเคร่ืองใช้ท่ใี ชแ้ ลว้ มาใช้ ซา้ หรือแปรรูปใหม่ (๕) การเลีย้ งสตั ว์

มาตรฐานหลกั สตู รปฐมวัย จุดประสงค์ สาระการเรยี นรู้ มาตรฐาน ตัวบง่ ชี้ สภาพทพ่ี ึงประสงค์ ๗. ใช้ส่งิ ของเครื่องใชอ้ ยา่ ง ประสบการณส์ าคัญ สาระทีค่ วรเรียนรู้ มาตรฐานท่ี ๖ ประหยัดและพอเพียงด้วย มที กั ษะชวี ิตและปรัชญา ๖.๓ ประหยัดและพอเพียง ๖.๓.๑ ใชส้ ่ิงของเคร่ืองใช้ ตนเองได้อย่างเหมาะสม ๑.๓.๒ (๒) การใช้วสั ดแุ ละสงิ่ ของ ของเศรษฐกจิ พอเพียง ๘. มสี ว่ นรว่ มดูแลรักษา มาตรฐานท่ี ๗ อย่างประหยัดและพอเพียง ธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมด้วย เครอื่ งใช้อย่างคุ้มค่า รักธรรมชาตสิ ง่ิ แวดลอ้ ม ตนเอง วฒั นธรรมและความเป็น ด้วยตนเอง ไทย ๙. ปฏิบตั ิตนเปน็ ผู้นาและ ๗.๑ ดูแลรักษาธรรมชาติ ๗.๑.๑ มสี ว่ นร่วมดูแลรกั ษา ผตู้ ามในกิจกรรมเคลื่อนไหว ๑.๓.๒ การดูแลรักษาธรรมชาติและ มาตรฐานท่ี ๘ และจังหวะได้ดว้ ยตนเอง ส่งแวดลอ้ ม อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ ่นื ได้อย่างมี และสง่ิ แวดลอ้ ม ธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม (๑) การมสี ว่ นรว่ มรับผดิ ชอบดแู ล ความสขุ และปฏบิ ตั ิตน รักษาสิ่งแวดล้อมภายในและ เปน็ สมาชิกที่ดขี องสงั คม ดว้ ยตนเอง ภายนอกและภายนอกห้องเรียน ในระบอบประชาธิปไตย (๕) การเลี้ยงสตั ว์ อนั มีพระมหากษัตรยิ ์ ๘.๓ ปฏบิ ัตติ นเบือ้ งตนใน ๘.๓.๒ ปฏิบตั ติ นเป็นผนู้ า ๑.๓.๔ การมีปฏสิ มั พนั ธ์ มีวินยั ทรงเป็นประมขุ การเปน็ สมาชกิ ที่ดีของ และผตู้ ามไดเ้ หมาะสมกับ มีสว่ นร่วมและบทบาทสมาชิกของ สังคม สถานการณ์ สังคม (๒) การปฏิบตั ติ นเป็นสมาชิกท่ดี ีของ หอ้ งเรยี น (๓) การใหค้ วามร่วมมือในการปฏิบตั ิ กิจกรรมต่างๆ

มาตรฐานหลกั สูตรปฐมวัย จดุ ประสงค์ สาระการเรียนรู้ มาตรฐาน ตวั บ่งชี้ สภาพท่ีพึงประสงค์ ๑๐. เลา่ เป็นเรือ่ งราวไดอ้ ย่าง ประสบการณ์สาคัญ สาระทคี่ วรเรียนรู้ มาตรฐานท่ี ๙ ต่อเน่ืองใหผ้ ู้อนื่ เข้าใจได้ ใช้ภาษาสอื่ สารได้ ๙.๑ สนทนาโต้ตอบ ๙.๑.๒ เล่าเปน็ เรื่องราวตอ่ เน่ือง ๑๑. อา่ นภาพสัญลกั ษณ์คา ๑.๔.๑ การใชภ้ าษา(๒) การฟังและ เหมาะสมกบั วัย ดว้ ยการชหี้ รือกวาดตามอง และเล่าเรอื่ งให้ผูอ้ ่ืน ได้ จดุ เร่ิมต้นหรอื จดุ จบของ ปฏบิ ตั ติ ามคาแนะนา ข้อความได้ เข้าใจ ๙.๒.๑ อ่านภาพสญั ลกั ษณ์คา (๓) การฟังเพลง นิทาน ๙.๒ อา่ น เขยี น ภาพ ด้วยการช้หี รือกวาดตามอง คาคล้องจองหรือเรื่องราวต่าง ๆ และสญั ลกั ษณไ์ ด้ จุดเริ่มตน้ หรือจุดจบของ (๔) การพูดแสดงความคดิ ข้อความ ความรู้สกึ ความต้องการ (๕) การพูดกบั ผู้อื่นเกยี่ วกบั ประสบการณ์ของตนเอง หรอื พดู เล่าเร่ืองราวเก่ียวกบั ตนเอง (๑๐) การอา่ นหนังสอื ภาพและ นทิ านหลากหลายประเภทรูปแบบ (๑๑) การอ่านอย่างอิสระตามลาพัง การอ่านร่วมกนั การอา่ นโดยมีผู้ ชีแ้ นะ (๑๒) การเห็นแบบอย่างของการ อ่านที่ถูกต้อง (๑๓) การสังเกตทิศทางการอ่าน ตัวอกั ษร คา และข้อความ (๑๔) การอ่านและชี้ข้อความโดย กวาดสายตาตามบรรทดั จากซ้ายไป ขวา จากบนลงลา่ ง

มาตรฐานที่ ๑๐ ๑๐.๑ มคี วามสามารถ ๑๐.๑.๑ บอกลกั ษณะ ๑๒.บอกลักษณะสัตวท์ ่ีมี (๑๗) การคาดเดา คาวลหี รือ มีความสามารถในการ ในการคดิ รวบยอด สว่ นประกอบ กาเปล่ยี นแปลง ความสัมพนั ธก์ ันจากการ ประโยคจากนทิ าน คดิ ท่ีเป็นพืน้ ฐานในการ หรือความสมั พันธ์ของสิ่งต่างๆ สงั เกตได้ เรยี นรู้ จากการสงั เกตโดยใช้ประสาท ๑.๔.๒ การคดิ รวบยอด การคิดเชงิ สมั ผสั (๑๒) การจบั คู่ การ เหตผุ ล การตดั สินใจและแกป้ ัญหา มาตรฐานที่ 12 เปรียบเทยี บ รปู ร่างลักษณะ (๑)การสังเกตลักษณะสว่ นประกอบ มีเจตคตทิ ด่ี ีต่อ ๑๐.๑.๒ จับคแู่ ลเปรยี บเทยี บ ตา่ ง ๆ การเปลย่ี นแปลงและความสัมพนั ธ์ การเรยี นรู้และ ความแตกต่างและความเหมือน ๑๔.จาแนกและจดั กลุ่ม ของส่ิงตา่ งๆโดยใชป้ ระสาทสัมผัส มคี วามสามารถใน ส่งิ ต่าง ๆ โดยใช้ลักษณะที่สังเกต สตั ว์เลี้ยงได้ อยา่ งเหมาะสม การแสวงหาความรู้ได้ พบสองลักษณะข้นึ ไป (๘) การนับและแสดงจานวนของสิง่ ๑๐.๑.๓ จาแนกและจัดกลุ่มสงิ่ ต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวัน ตา่ งๆโดยใช้ต้งั แตส่ องลกั ษณะ (๑๓) การจับคู่ การเปรยี บเทียบ ข้ึนไปเป็นเกณฑ์ และการเรียงลาดบั ส่ิงต่าง ๆ ตาม ลักษณะความยาว/ความสงู (๕)การคัดแยก การจัดกลุม่ และการ จาแนกสิง่ ตา่ งๆ ตามลักษณะและ รปู รา่ ง รูปทรง 12.2 มคี วาม สามารถ 12.2.๑ คน้ หาคาตอบขอ้ สงสัย ๑๕. ค้นหาคาตอบข้อสงสัย 1.4.4 เจตคตทิ ่ีดตี ่อการเรียนร้แู ละ ในการแสวงหาความรู้ ตา่ ง ๆ โดยใชว้ ิธที หี่ ลากหลาย ตา่ ง ๆ โดยใชว้ ิธีท่หี ลากหลาย การแสวงหาความรู้ ดว้ ยตนเอง (๑) การสารวจสิ่งต่าง ๆ และแหลง่ ด้วยตนเอง เรียนรูร้ อบตวั (๒) การต้ังคาถามในเร่ืองทส่ี นใจ

การวางแผนกิจกรรมรายหน่วยการจัดประสบการณ์ ชั้นอนบุ าลปที ่ี ๓ หนว่ ยสตั ว์น่ารัก กิจกรรม วันท่ี เคลอ่ื นไหวและ เสรมิ ประสบการณ์ ศลิ ปะสร้างสรรค์ เล่นตามมมุ กลางแจ้ง เกมการศึกษา จังหวะ พฒั นาการทางภาษาและการรู้หนงั สือ ๑. ปั้นดินเหนียวเป็น มมุ หนงั สือ แนะนา เล่นเคร่อื งเลน่ สนาม เกมภาพตัดต่อนิทานตวั ๑. การเคลอื่ นไหว ๑. คาดคะเนจากปกนิทานเรื่อง ตัวอะไร สตั วต์ ่างๆ หนงั สือนิทานเร่ืองตวั อะไรกาลงั มา ๒. การวาดภาพ อะไรกาลงั มาและ เคลอ่ื นทีป่ ระกอบ กาลังมา ระบายสี หนังสือเก่ยี วกบั สัตว์ ๒. ประเภท รูปร่างลักษณะของสัตวเ์ ลี้ยง สนี ้า อยา่ งอิสระ เล้ยี ง เพลง สัตว์เลย้ี ง ๓. การนับ การจาแนกและเปรียบเทยี บ ๑-๙ 1 ๒. การเคล่อื นไหว พัฒนาการทางภาษาและการรู้หนังสือ ๑. การวาดภาพ มมุ สร้างสรรค์ จัดวาง เลน่ นา้ เลน่ ทราย เกมโดมโิ นภาพเหมือนสัตว์ เลย้ี งภาพหลกั ๕ ภาพ รา่ งกายไปในทศิ ทาง ๑. แนะนาองค์ประกอบของหนงั สอื และ ระบายสี สนี า้ อยา่ ง อปุ กรณ์ สัตว์จาลอง 2 ระดับ และพ้นื ท่ี ฝึกการตัง้ คาถาม จากนทิ านเร่ือง ตวั อะไร อิสระ ตา่ งๆ อยา่ งอสิ ระ กาลงั มา ๒. ป้นั แปง้ ขา้ วเหนยี ว ๒. อาหารสัตว์เล้ียง เปน็ อาหารสัตว์ ๓. การเคลอื่ นไหว พัฒนาการทางภาษาและการรู้หนังสือ ๑. การวาดภาพ มุมบทบาทสมมติ จัด เกมรบั สง่ ลกู ลงิ ชิง เกมจาแนกสตั ว์เล้ยี งชนดิ ระบายสี สนี า้ วางหุน่ นว้ิ มือ บอล ตา่ งๆ เคลอื่ นที่เชิง ๑. กจิ กรรมอา่ นร่วมกนั และเติมคาปาก อยา่ งอสิ ระ หวั สัตวต์ ่างๆ ๒. การประดิษฐส์ ัตว์ 3 สรา้ งสรรค์ประกอบ เปลา่ จากหนังสอื นิทานเร่อื ง ตวั อะไร จากวัสดุเหลือใช้ อปุ กรณ์ ช้นิ พลาสตกิ กาลังมา สรา้ งสรรค์ ๒. การป้องกันอนั ตรายและความ ปลอดภยั จากสตั ว์

๔. การเคลอื่ นไหว พฒั นาการทางภาษาและการรู้หนังสือ ๑. การทาหุ่นถงุ มือจาก มุมประสบการณ์ อย่าง การละเลน่ พ้ืนบ้าน เกมจับคู่ภาพกับสญั ลักษณ์ เคลอื่ นท่เี ลยี นแบบ ๑. กิจกรรมการอ่านร่วมกนั และการปิดคา วสั ดเุ หลอื ใช้เป็นหนา้ น้อย ๔ มมุ วงิ่ กระสอบ (บัตรคา) พรอ้ มบตั ร 4 ท่าทางสัตวต์ ่างๆที่มี ให้เด็กทายจากนิทานเร่ือง ตวั อะไรกาลงั สัตว์ ตรวจสอบ ในนิทาน ตัวอะไร มา กาลงั มา ๕. ความเมตตากรุณาตอ่ สัตว์ การเคล่อื นไหว พัฒนาการทางภาษาและการรู้หนังสอื ๑. การทาสวนสตั ว์ มุมประสบการณ์ อย่าง เกมเลน่ สรา้ งบ้านให้ เกมจบั คู่ภาพสัตวเ์ ลย้ี งกับ เคล่อื นทแี่ สดงท่าทาง ๑. กิจกรรมการอ่านรว่ มกนั และ จาลองดว้ ยผลงานท้งั นอ้ ย ๔ มุม หมา จานวน ๑ - ๙ เป็นผนู้ า และผตู้ าม อาสาสมคั รเด็กอ่านคาจากนิทานเรื่อง ตวั สปั ดาห์ 5 อะไรกาลังมา ๒. นาเสนอผลงาน ๒. ประโยชนข์ องสัตวต์ ่อมนุษย์ ศลิ ปะสรา้ งสรรค์ท้ัง ๓. การนับ การจาแนกและเปรียบเทยี บ สปั ดาห์ ๑-๙

ผังความคดิ แผนการจดั ประสบการณ์ หน่วยสตั วน์ า่ รัก ชนั้ อนบุ าลปที ่ี ๓ ๑. กจิ กรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ๒. กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ ๓. กจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ๑. การเคล่อื นไหวเคลอ่ื นทปี่ ระกอบเพลง สัตวเ์ ลย้ี ง ๑. พฒั นาการทางภาษาและการรู้หนงั สือ ๑. ปั้นดินเหนยี วเปน็ สตั วต์ ่างๆ ๒. การเคลอ่ื นไหวร่างกายไปในทิศทาง ระดบั และ นิทานเรื่อง ตัวอะไรกาลังมา ๒. การวาดภาพ ระบายสนี ้าอิสระ พนื้ ที่อยา่ งอสิ ระ ๑. ลักษณะของสตั ว์เลี้ยง ๓. ปน้ั แป้งข้าวเหนยี วเป็นอาหารสัตว์ ๓. การเคลอื่ นไหวเคลอื่ นที่เชิงสรา้ งสรรค์ประกอบ ๒. ประเภท รปู ร่างลักษณะ และขนาดของสัตวท์ ีแ่ ตกตา่ งกนั ๔. การประดิษฐ์สัตวจ์ ากวัสดเุ หลอื ใช้ อุปกรณ์ ชิ้นพลาสตกิ สรา้ งสรรค์ ๓. การปอ้ งกันอนั ตรายและความปลอดภยั จากสัตว์ ๕. การทาหุน่ ถงุ มอื จากวสั ดเุ หลอื ใช้ ๔. การเคลอ่ื นไหวเคลื่อนที่เลียนแบบทา่ ทางสตั ว์ ๔. ประโยชนข์ องสัตว์ตอ่ มนุษย์ ๖. การทาสวนสัตวจ์ าลองดว้ ยผลงานทั้ง ต่างๆทม่ี ใี นนทิ านเร่อื ง ตวั อะไรกาลังมา ๕. ความเมตตากรุณา ต่อสตั ว์ สัปดาห์ ๕. การเคลื่อนไหวเคล่อื นที่แสดงท่าทางเปน็ ผนู้ า ๖. อาหารสตั ว์เลีย้ ง และผู้ตาม ๗. การนับ การจาแนกและเปรยี บเทยี บ ๑ - ๙ ๔. กจิ กรรมเลน่ ตามมุม หน่วย ๖. กิจกรรมเกมการศึกษา สตั ว์นา่ รกั ๑. มมุ หนงั สือ แนะนาหนังสอื และหนังสอื เกี่ยวกับสตั ว์ ๑. เกมภาพตัดต่อนทิ านตัวอะไรกาลังมา เลย้ี งตวั อะไรกาลงั มา ๕. กิจกรรมกลางแจง้ ๒. เกมโดมโิ นภาพเหมือนสัตวเ์ ล้ียงภาพหลกั ๕ ภาพ ๒. มุมสรา้ งสรรค์ จัดวางอปุ กรณเ์ กยี่ วกบั การฉีกตัดปะ ๓. เกมจาแนกสตั ว์เลี้ยงชนดิ ตา่ งๆ ๓. มุมบลอ็ ก ๑. การเลน่ เครือ่ งเลน่ สนาม ๔. เกมจับคูภ่ าพกับสญั ลกั ษณ์(บตั รคา) พร้อมบตั ร ๔. มมุ บทบาทสมมติ จดั วางหุน่ น้ิวมือหัวสัตวต์ า่ งๆ ๒. การเลน่ นา้ – เล่นทราย ตรวจสอบ ๓. เกมรบั สง่ ลกู ลิงชงิ บอล ๕. เกมจับค่ภู าพสัตวเ์ ลี้ยงกบั จานวน ๑ - ๙ ๔. การละเล่นเของไทย ว่ิงกระสอบ ๕. การเลน่ สรา้ งบ้านใหส้ นุ ขั ๕

แผนการจัดประสบการณช้นั อนบุ าล ๓ หนวยท่ี ๑๗ สัตวน ารกั สปั ดาหท่ี ๑๗ ครงั้ ที่ ๑ วนั ที่................เดอื น..........................พ.ศ..................... จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ กจิ กรรมการเคลอื่ นไหว ประสบการณส์ าคัญ สาระท่คี วรเรียนรู้ 1. แนะนาเพลงสัตว์เลย้ี ง โดยร้องให้เด็กฟัง 1 ๑.เคร่อื งเคาะจงั หวะ สงั เกต และจังหวะ รอบ ๒.เพลงสัตวเ์ ลีย้ ง การเล่นอย่างปลอดภัย รว่ มกจิ กรรมการ (๑) การเคล่ือนไหวอยู่ 2. เดก็ รอ้ งตามทีละบทอีกหน่ึงรอบ เมอื่ มผี ้ชู ้แี นะ เคล่อื นไหวประกอบ กบั ท่ี 3. เดก็ รอ้ งเพลงพร้อมครู เพลง สตั ว์เลี้ยงอย่างมี (๒) การเคลื่อนไหว 4. ใหเ้ ดก็ ทาทา่ ประกอบเพลงสัตว์เลีย้ ง อยา่ ง ความสุข เคล่อื นที่ อิสระ (๓) การเคลื่อนไหวตาม 5. เมือ่ ไดย้ นิ สญั ญาณหยดุ ในท่านน้ั แล้วพดู ชือ่ สัตว์คนละ ๑ ชื่อ เสยี งเพลง/ดนตรี ๖. ทาเชน่ นอี้ กี 4 - 5 ครั้ง กจิ กรรมเสริม (๒) ฟังและปฏิบัตติ าม ๑. ความรพู้ นื้ ฐาน ๑. พฒั นาการทางภาษาและการรู้หนงั สือจาก นทิ านเรอื่ งตวั อะไร สังเกต ประสบการณ์ คาแนะนา การอ่านภาพและพดู อ่านภาพและพดู (๑๐) การอา่ นหนังสอื เก่ยี วกับหนงั สอื และ นิทานเรือ่ งตัวอะไรกาลังมา กาลงั มา เร่อื งราวด้วยภาษาของ เร่อื งราวดว้ ยภาษาของ ภาพ ตนให้ผูอ้ ื่นเขา้ ใจ ตนให้ผ้อู น่ื เขา้ ใจได้ (๑๒) การเห็นแบบอยา่ ง ตัวหนงั สอื นทิ านเร่อื ง 1.๑ นาหนังสือนิทานเร่ืองตัวอะไรกาลงั มา ของการอา่ นท่ถี ูกต้อง (๔) การพูดแสดง ตัวอะไรกาลังมา มาให้เด็กดหู น้าปกหนงั สือ ความคิด ความรูส้ ึก ความต้องการ ๒. ประเภท รปู ร่าง ๑.๒ ใหเ้ ดก็ คาดคะเน เรื่องจากปกวา่ เปน็ เร่ือง ลักษณะของสตั วเ์ ลย้ี ง ๓.การนับ การจาแนก เก่ยี วอะไร และเปรียบเทียบ ๑-๙ ๑.๓ จดบนั ทกึ ชอ่ื เดก็ พร้อมข้อความที่เด็ก คาดคะเน ๑.๔ ครูอ่านหนังสอื นทิ านเร่อื งตัวอะไรกาลังมา จนจบ โดยชีค้ าตรงกบั เสยี งอา่ น ๑.๕ ครอู ่านข้อความท่ีเดก็ คาดคะเนไว้และถาม ความเหน็ เรอื่ งชื่อของนิทานอีกคร้ังหนง่ึ

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ ประสบการณส์ าคัญ สาระทีค่ วรเรยี นรู้ ๑.๖ สนทนาซกั ถามเด็กสืบเน่ืองจากนิทาน ใน สงั เกต นทิ านเป็นเรื่องเก่ยี วกับอะไร เดก็ รูจ้ ักสัตว์ การ ปนั้ สตั วน์ า้ จาก ดิน ตวั ไหนบ้าง นบั จานวนสตั ว์จากปกนิทาน เหนียว ๒. ครสู นทนาเรอื่ งสัตว์เลยี้ งจากนทิ าน ใครเล้ียงสตั ว์อะไรบ้าง สงั เกต ๓. สนทนาเร่ืองสัตวแ์ ตล่ ะชนดิ เคลือ่ นที่อย่างไร การใช้สง่ิ ของเครื่องใช้ อย่างประหยัดและ กิจกรรมศิลปะ (๓) การปั้น การปั้นดนิ เหนียวเปน็ สตั วต์ ่างๆ ๑. ดนิ เหนียว พอเพียงเม่ือมผี ูช้ แ้ี นะได้ ๑. นาดินเหนียวมาใหเ้ ด็ก ทดลองจบั บีบ คลึง ปัน้ ๒. แผ่นรองป้ัน อยา่ งเหมาะสม สรา้ งสรรค์ (๕) การทางานศิลปะ ทบุ ดนิ ใหน้ ิม่ ๒. ครูสาธิตการปัน้ สตั ว์เลี้ยงจากดินเหนยี ว ปั้นสัตว์ด้วย ดินเหนยี ว ๓. เดก็ ป้ันสตั ว์น้าตามความสนใจ ๔. ทาเสรจ็ นาเสนอผลงานทสี่ าเร็จ ได้ กจิ กรรมเล่นตามมุม (๓) การเล่นตามมมุ มมุ ประสบการณ์ควรมอี ยา่ งน้อย ๔ มมุ อุปกรณ์มุม ๑. ใช้สิ่งของเครือ่ งใช้ ประสบการณ์ เด็กเลือกกิจกรรมตามมมุ ประสบการณต์ ามความ ประสบการณ์ใน อยา่ งประหยัดและ (๒) การใชว้ ัสดแุ ละสงิ่ ของ สนใจ ได้แก่ หอ้ งเรียน พอเพยี งเมื่อมีผู้ชแี้ นะ เคร่อื งใช้อย่างคุ้มค่า 1.๑ มุมหนังสอื แนะนาหนังสือนทิ านเร่ืองตัวอะไร ได้อยา่ งเหมาะสม กาลงั มาและหนงั สอื เกย่ี วกับสัตว์เลยี้ ง ๑.๒ มุมสรา้ งสรรค์ จัดวางอปุ กรณ์ สตั ว์จาลองต่างๆ ๑.๓ มุมบลอ็ ก ๑.๔ มุมวทิ ยาศาสตร์ 2. เม่ือหมดเวลาเด็กเกบ็ ของเข้าที่ให้เรยี บร้อย

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ ประสบการณ์สาคญั สาระทีค่ วรเรียนรู้ 1. เด็กเลอื กเล่นอปุ กรณ์ในสนามเด็กเลน่ ตามความ สนามเดก็ เล่นของ สงั เกต กจิ กรรมกลางแจง้ ((๒) การเลน่ รายบุคคล สนใจอย่างอิสระ โรงเรียน เล่นและทากจิ กรรมใน 2. เมื่อหมดเวลา ช่วยกนั เก็บทาความสะอาดสนาม สนามเด็กเล่นอย่าง ๑. เล่นและทากิจกรรม กลุม่ ย่อย กลุ่มใหญ่ ลา้ งมอื กลับเขา้ ห้องเรียน ปลอดภัยด้วยตนเอง ในสนามเดก็ เลน่ อยา่ ง (๔) การเล่นนอกหอ้ งเรียน ปลอดภยั ด้วยตนเอง (๕) การเล่นเครื่องเลน่ สนามอย่างอิสระ เกมการศึกษา (๑ )การสงั เกตลกั ษณะ เกมภาพตัดต่อนิทาน 1. แนะนาเกมภาพตดั ต่อนิทานตัวอะไรกาลังมา 1. เกมภาพตัดต่อ สงั เกต ๑๒. บอกลกั ษณะสตั ว์ สว่ นประกอบและ ตัวอะไรกาลงั มา 2. แบ่งเดก็ เป็นกลุ่ม 2 - 3 คน ตามความสมัครใจ นิทานตวั อะไรกาลัง การเล่นเกมภาพตดั ต่อ ความสัมพนั ธ์ของส่ิงต่างๆ มา นิทานตวั อะไรกาลงั มา ทม่ี คี วามสัมพนั ธ์กนั โดยใชป้ ระสาทสัมผสั อยา่ ง มอบเกมใหม่ให้เด็ก 1 กล่มุ กล่มุ อื่น ๆ เล่นเกมที่มี 2. เกมชุดเดิมในมุม เหมาะสม อยูแ่ ล้ว เกมการศกึ ษา จากการสังเกตได้ (๖) การต่อของชิน้ เลก็ เติม 3. หมุนเวยี นการเลน่ จนหมดเวลา ในชิ้นใหญใ่ ห้สมบูรณ์ 4. เดก็ เก็บเกมภาพศึกษาเขา้ ท่ีเดิม

แผนการจดั ประสบการณช ั้นอนบุ าล ๓ หนวยท่ี ๑๗ สตั วน า รัก สปั ดาหท ่ี ๑๗ ครัง้ ที่ ๒ วนั ท.ี่ ...............เดือน..........................พ.ศ..................... จุดประสงค์การ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ เรยี นรู้ ประสบการณ์สาคญั สาระที่ควรเรยี นรู้ สังเกต กิจกรรมเคล่อื นไหว (๑) การเคล่ือนไหวอยกู่ ับ 1. การเคล่ือนไหวเคลื่อนที่ไปในทศิ ทาง ระดับและ เครื่องเคาะจังหวะ การรว่ มกิจกรรมการ พนื้ ที่ ตามสัญญาณหรือคาส่ังตามที่ไดต้ กลงก่อนเร่ิม เคล่อื นไหวรา่ งกายไปใน และจังหวะ ที่ กิจกรรม เชน่ ให้เด็กเคลอื่ นท่ีไปรอบๆ ห้องดว้ ย ทิศทาง ระดบั และพ้นื ที่ กริ ยิ าทา่ ทางตา่ ง ๆ ได้ยินสัญญาณหยดุ ใหห้ ยุดใน ไดอ้ ยา่ งมีความสุข ร่วมกิจกรรมการ (๒) การเคล่ือนไหว ท่าน้ัน แล้วบอกวา่ ตนเองเคล่ือนท่ดี ว้ ยท่าทางอะไร สังเกต เคล่ือนไหวรา่ งกายไป เคลอ่ื นท่ี 2. เริม่ สัญญาณใหมใ่ หเ้ ปล่ียนทา่ ทาง ทาเชน่ น้ี การอ่านภาพและพดู ในทิศทาง ระดับ และ (๑) การเคล่ือนไหวโดย เร่ืองราวดว้ ยภาษาของ พ้นื ท่ี อย่างมคี วามสขุ ควบคุมตนเองไปใน ตนใหผ้ ู้อ่ืนเขา้ ใจ ทศิ ทาง ระดบั และพ้นื ที่ กจิ กรรมเสริม (๑๐) การอา่ นหนังสือ ๑. ความรู้พื้นฐาน 4 - 5 ครงั้ หรอื จนกวา่ จะครบกาหนดเวลา นทิ านเรอ่ื ง ตวั อะไร ประสบการณ์ ภาพ นิทาน เกยี่ วกับหนังสือและ ๑.ความรู้พ้ืนฐานเกยี่ วกับหนังสอื และตัวหนังสือ กาลงั มา อ่านภาพและพูด (๑๒) การเห็นแบบอยา่ ง ตัวหนังสือ นิทาน 1.๑. เด็กอ่านหนังสือนทิ านเร่ือง ตวั อะไรกาลงั มา เรอ่ื งราวดว้ ยภาษา การอ่านท่ีถกู ต้อง เรื่อง ตวั อะไรกาลัง ของตนใหผ้ ้อู ่ืนเข้าใจ (๕) การเลีย้ งสตั ว์ มา พรอ้ มกันจนจบ ๑ รอบ ได้ ๒. อาหารสตั วเ์ ลย้ี ง ๑.๒ ครูแนะนาส่วนประกอบหนงั สอื ทีละหน้าไดแ้ ก่ ปกหน้า ปกใน ช่อื ผูแ้ ตง่ ผูว้ าดภาพ เน้อื เร่อื ง ๑.๓ ครูชกั ชวนให้เด็กตัง้ คาถามเกี่ยวกบั นทิ านท่ีอา่ น สัตว์เลีย้ งแต่ละชนดิ เหมอื นกันหรอื ต่างกันอยา่ งไร และเปดิ โอกาสใหเ้ พื่อนในห้องช่วยกนั ตอบคาถาม ๒.สรุปรว่ มกัน สตั วแ์ ตล่ ะชนดิ มคี วามเหมือนความ ตา่ งกนั

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ กิจกรรมศิลปะ ประสบการณส์ าคัญ สาระที่ควรเรยี นรู้ สงั เกต สรา้ งสรรค์ (๒) การเขยี นภาพและ เดก็ เลือกกิจกรรมคนละ ๑กิจกรรมและเลือก ๑. สนี ้า การทาภาพศลิ ปะ ทาภาพศลิ ปะ จาก นิว้ การเลน่ กับสี จากนิ้วมือ มือได้ (๕) การหยิบจบั การใช้ อุปกรณ์ของแต่ละกจิ กรรม นง่ั ตามโต๊ะทีจ่ ัดไว้ ๒. สเี ทียน กรรไกร การฉีกการตดั ๓-๔ คนอย่างอสิ ระ ๓. กระดาษ สงั เกต กจิ กรรมเลน่ ตามมุม การปะ การพับกระดาษ ๑.วาดภาพ ระบายสดี ว้ ยสีเทียน ๔. จานสี การใชส้ ง่ิ ของเครื่องใช้ ใช้สิ่งของเครอื่ งใชอ้ ย่าง (๑) การพดู สะท้อน อยา่ งประหยดั และ ประหยดั และพอเพยี ง ความรู้สกึ ของตนเองและ ๒.พมิ พภ์ าพจากนวิ้ มือ ๕. แกว้ นา้ พอเพียงเมื่อมีผู้ชแี้ นะได้ เมอ่ื มีผูช้ แ้ี นะได้อย่าง ผ้อู น่ื อย่างเหมาะสม เหมาะสม (๕) การทากิจกรรม ๒.๑ ครูสาธติ การผสมสีท่จี ะใชพ้ ิมพ์ภาพ ศลิ ปะ ๒.๒ ใชน้ วิ้ หัวแม่มือและนิว้ ชี้เปน็ แบบพมิ พ์ พิมพ์ที ละนวิ้ (๓) การเล่นตามมมุ ประสบการณ์ ๒.๓ ใช้ปลายน้วิ แตะสีเบาๆ นามาพมิ พ์บน (๒) การใช้วสั ดุและ กระดาษขนาด A๔ ตามความคิดตนเอง สงิ่ ของเครือ่ งใชอ้ ยา่ ง ๓. ถามเด็กวา่ ตดั สนิ ใจเลอื กกิจกรรมอย่างไร คุ้มค่า ๔. ทาเสร็จนาเสนอผลงานท่สี าเร็จ เด็กเลอื กกจิ กรรมตามมมุ ประสบการณ์ตามความ ๑. มุมประสบการณ์ใน สนใจ ได้แก่ ห้องเรยี น 1.๑ มุมหนังสอื วางหนงั สอื นิทานเรื่องตวั อะไร กาลังมาและหนงั สือเกี่ยวกบั สัตว์เลย้ี ง ๑.๒ มุมสรา้ งสรรค์ จดั วางอุปกรณ์ สัตว์จาลอง ต่างๆ ๑.๓ มุมบล็อก ๑.๔ มมุ วทิ ยาศาสตร์ 2. เมื่อหมดเวลาเดก็ เกบ็ ของเข้าทใ่ี หเ้ รยี บร้อย

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมินพฒั นาการ ประสบการณส์ าคัญ สาระท่ีควรเรียนรู้ สังเกต การเลน่ และทากจิ กรรม กจิ กรรมกลางแจ้ง (๔) การเลน่ นอก การเลน่ นา้ -เล่นทราย ๑. อปุ กรณ์เล่นนา้ การเล่นน้า - เลน่ ทราย 1. นาเดก็ ไปเลน่ ทรายท่ีกระบะทราย บริเวณเลน่ น้า ๒. อุปกรณเ์ ล่นทราย อย่างปลอดภยั ดว้ ย เลน่ และทากิจกรรม ห้องเรยี น ใช้กะละมังใหญ่ใสน่ ้า ๓. พลาสตกิ กนั เปื้อน ตนเอง การเลน่ นา้ -เลน่ ทราย (๒) การปฏิบัติตนเป็น - ให้เด็กเป็นผนู้ าสง่ิ ของไปฝังซ่อนเพ่ือให้เพ่ือนหา สงั เกต อย่างปลอดภัยด้วย สมาชกิ ที่ดีของห้องเรยี น การเลน่ เกมโดมโิ น ตนเอง (๑) การช่วยเหลือตนเอง เช่น เปลอื กหอย รูปจาลองกระดูกสตั ว์ ภาพเหมอื นสตั วเ์ ลย้ี ง ในกิจวัตรประจาวนั ภาพหลกั ๕ ภาพ - เล่นทรายกบั อุปกรณแ์ บบพมิ พ์ขนม ประดษิ ฐ์เป็น รูปตา่ งๆ - การก่อทรายเป็นรูปทรง อยา่ งอสิ ระ ๒.นาวสั ดุ อปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ นการเล่นนา้ ใหเ้ ดก็ ทดลองเล่น และสังเกตการจม-ลอยและการเปลีย่ นลกั ษณะ เช่น กาบมะพรา้ ว เมือ่ ถูกนา้ จะเปลีย่ นสี ๓. เม่อื หมดเวลาเดก็ ทาความสะอาดลานทราย และ ตนเอง เกมการศึกษา (๑)การสังเกตลักษณะ การเลน่ โดมโิ น 1. แนะนาเกมโดมิโนภาพเหมือนสตั วเ์ ลยี้ งภาพหลกั เกมโดมโิ นภาพเหมือน เกมโดมโิ นภาพเหมือน ส่วนประกอบ การ ภาพเหมอื นสตั ว์ ๕ ภาพ สตั ว์เลี้ยงภาพหลกั ๕ สตั วเ์ ล้ียงภาพหลกั ๕ เปลีย่ นแปลงและ เลี้ยงภาพหลัก ๕ 2. แบง่ เด็กเป็นกล่มุ 2 - 3 คน ตามความสมัครใจ ภาพ ภาพ ความสมั พันธข์ องส่งิ ตา่ งๆ ภาพ มอบเกมใหม่ใหเ้ ดก็ 1 กลุ่ม กลุ่มอน่ื ๆ เลน่ เกมทม่ี ีอยู่ โดยใชป้ ระสาทสมั ผสั แล้ว อยา่ งเหมาะสม 3. หมุนเวยี นการเลน่ จนหมดเวลา 4. เด็กเก็บเกมการศึกษาเขา้ ทีเ่ ดิม

แผนการจดั ประสบการณชัน้ อนบุ าล ๓ หนว ยท่ี ๑๗ สัตวน ารกั สัปดาหที่ ๑๗ คร้ังท่ี ๓ วันที.่ ...............เดือน..........................พ.ศ..................... จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สอ่ื การประเมินพัฒนาการ ประสบการณ์สาคัญ สาระที่ควรเรยี นรู้ สงั เกต กิจกรรมเคลื่อนไหว (2) การเคลื่อนไหว 1. ใหเ้ ดก็ เคลอื่ นไหวเชิงสร้างสรรค์ประกอบ ๑. เครอ่ื งเคาะจงั หวะ การเคลอื่ นไหวร่างกาย อปุ กรณ์ ห่วงโซพ่ ลาสติก ยาวประมาณ ๔ ๒. หว่ งโซ่พลาสตกิ ในกจิ กรรมต่างๆอย่าง และจังหวะ พรอ้ มวัสดุอปุ กรณ์ เซนตเิ มตร โดยใหเ้ ด็กคดิ ท่าทางเคลอ่ื นไหวขนึ้ เอง คลอ่ งแคล่วประสาน ได้ยินสัญญาณหยุด ให้จับกลุ่มรวมกัน เรม่ิ จาก นิทานเรื่อง ตัวอะไร สัมพันธแ์ ละทรงตวั ๑.เคลื่อนไหวรา่ งกายใน จับคู่ กลมุ่ เล็ก กลุ่มใหญ่ นาโซ่มาตอ่ กัน และเลา่ กาลงั มา ให้เพอื่ นฟงั ว่าเป็นรูปอะไร ๒. แถบประโยค สงั เกต กิจกรรมต่างๆอย่าง ๒. เปล่ยี นกลมุ่ และรูปทรงทุกคร้งั ทีเ่ รมิ่ ตน้ ๑. การเลา่ เร่อื งเป็น เคลอ่ื นไหวใหม่ ประโยคอย่างต่อเนื่องให้ คลอ่ งแคล่วประสาน 3. เคลื่อนไหวอกี 2 - 3 คร้ัง กาหนดตามความ ผ้อู ่ืนเขา้ ใจ สนใจและเวลา ๒. การอา่ นภาพและพดู สมั พันธแ์ ละทรงตวั ได้ ๑. พัฒนาการทางภาษาและการรู้หนงั สอื ข้อความดว้ ยภาษาของ ๑.๑. เด็กและครูอา่ นหนงั สือนิทานเร่อื ง ตวั อะไร ตน ๒.แสดงอารมณ์ กาลังมา พร้อมกนั จนจบ ฝึกเติมคาดว้ ยปากเปลา่ เมื่ออ่านถงึ คาที่พบบ่อย ความรู้สึกของตนได้ ๑.๒ ทากิจกรรมเติมตวั อกั ษรในคาที่พบบ่อย เช่น ตัวอะไ – กาลงั - า(ตวั อะไรกาลงั มา) เหมาะสมตาม ๑.๓ สนทนากับเดก็ ว่าในนทิ านมสี ตั ว์อะไรบา้ งท่ีมี อนั ตราย เราตอ้ งป้องกันอย่างไร สถานการณ์ ๑.๔ เด็กเคยไดร้ ับอันตรายจากสัตวไ์ หม เราจะ ปอ้ งกนั อยา่ งไร ชว่ ยกนั เสนอแนะวธิ ปี ้องกัน กจิ กรรมเสรมิ (๒) การฟังและปฏิบตั ิ ๑. ความรพู้ ้ืนฐาน ประสบการณ์ เกย่ี วกบั หนงั สือและ ๑. เล่าเรอ่ื งเปน็ ตามคาแนะนา ตวั หนังสือ นทิ านเรอื่ ง ประโยคอย่างต่อเนื่อง ตัวอะไรกาลงั มา ใหผ้ ู้อืน่ เขา้ ใจได้ (๔) การพูดแสดง ๒. การปอ้ งกนั อันตราย ๒. อา่ นภาพและพูด ความคิด ความรสู้ ึก และความปลอดภยั จาก ขอ้ ความด้วยภาษาของ ความต้องการ สัตว์ ตนได้ (๕) การเล้ยี งสตั ว์ (๑๐) การอา่ นหนังสอื ภาพและนทิ าน หลากหลายประเภท รูปแบบ

กิจกรรมศลิ ปะ (๑๒) การเหน็ ๑. การวาดภาพ ระบายสี สนี ้า อย่างอสิ ระ ๑. สนี า้ สังเกต สรา้ งสรรค์ แบบอยา่ งของการอ่าน ๒. สีเทยี น ความสนใจและ สนใจและแสดงออก ที่ถกู ต้อง ๒. การประดิษฐส์ ตั วจ์ ากวัสดุเหลือใช้ ๓. กระดาษ โปสเตอรส์ ี แสดงออกทางศลิ ปะ ทางศลิ ปะ (๒) การเขียนภาพและ ๓. เด็กเลอื กกจิ กรรมคนละ ๑ กิจกรรมและเลือก ๔. จานสี อปุ กรณ์ของแต่ละกิจกรรม นั่งตามโตะ๊ ที่จัดไว้ ๕. แกว้ นา้ การเล่นกับสี ๓ - ๔ คนอย่างอสิ ระ ๓. ถามเดก็ เวลาเลือกกจิ กรรมคิดตดั สนิ ใจอยา่ งไร (๕) การหยิบจับ การใช้ ๔. ทาเสรจ็ นาเสนอผลงานทส่ี าเรจ็ กรรไกร การฉีก การตดั การปะ กจิ กรรม (๓) การเล่นตามมมุ เดก็ เลอื กกจิ กรรมตามมมุ ประสบการณ์ตามความ ๑. มมุ ประสบการณ์ใน สังเกต การเลอื กเลน่ ในมุม เลน่ ตามมมุ ประสบการณ์ สนใจ ไดแ้ ก่ หอ้ งเรยี น ประสบการณ์ทีต่ นสนใจ ใช้ส่งิ ของเคร่ืองใชอ้ ย่าง (๑) การชว่ ยเหลือ 1.๑ มุมหนงั สือ วางหนังสือนทิ านเรื่อง ตัวอะไร ๒. หนงั สอื นทิ านเร่ือง ประหยดั และพอเพยี ง ตนเองในกจิ วตั ร กาลังมา ตัวอะไรกาลงั มา เม่อื มีผชู้ ้ีแนะได้อย่าง ประจาวัน และหนังสือเกี่ยวกบั สตั ว์เลย้ี ง เหมาะสม ๑.๒ มุมสร้างสรรค์ จัดวางอุปกรณ์ สัตว์จาลอง ตา่ งๆ ๑.๓ มุมบทบาทสมมติ จดั วางหนุ่ ถงุ มือหัวสัตว์ ตา่ งๆ ๑.๔ มุมวิทยาศาสตร์ 2. เมื่อหมดเวลาเดก็ เก็บของเขา้ ท่ีให้เรยี บร้อย

จุดประสงค์การ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ พฒั นาการ เรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ สาระทค่ี วรเรียนรู้ สงั เกต การเล่นเกมรบั สง่ ลูกลิง กจิ กรรมกลางแจง้ (๓) การเล่นเครื่องเลน่ ๑. ครูสาธิต การเลน่ เกมรบั สง่ ลกู ลิงชิงบอล ๑.อปุ กรณล์ ูกบอล ชงิ บอล และบอกถงึ กตกิ าการเล่น เคลื่อนไหวรา่ งกายใน อยา่ งปลอดภัย ๒. เมื่อเด็กเล่นครบทกุ คนแล้วให้เล่นอสิ ระใน สนามเด็กเลน่ ต่อไป กจิ กรรมต่างๆอย่าง (๒) การเล่นรายบุคคล ๓.เลน่ เสร็จแลว้ เกบ็ อุปกรณ์ทาความสะอาด และทา ความสะอาดตนเอง คลอ่ งแคลว่ ประสาน กล่มุ ยอ่ ย กลุ่มใหญ่ สัมพนั ธ์และทรงตัวได้ (๑) การช่วยเหลอื ตนเองในกจิ วัตร ประจาวนั เกมการศกึ ษา (๑๒) การจบั คู่ การ การจาแนกสิง่ ต่างๆ ๑. ครูสาธิตการเล่นเกมจาแนกสัตว์เลย้ี งชนดิ ต่างๆ ๑. เกมจาแนกสตั วเ์ ลีย้ ง สังเกต การเล่นเกมจาแนกสตั ว์ จาแนกและจัดกลุ่ม เปรียบเทียบและ 2. แบ่งกลุ่มเด็กเล่นเกมทเี่ คยเลน่ มาแลว้ หมุนเวยี น ชนดิ ต่างๆ กนั ๒. เกมทีเ่ คยเลน่ มาแลว้ เล้ยี งชนดิ ตา่ งๆ สตั ว์เลย้ี งได้ รปู ร่างลกั ษณะต่าง ๆ 3. หมดเวลาเดก็ เกบ็ ของเลน่ เข้าท่ี

แผนการจดั ประสบการณชน้ั อนุบาล ๓ หนว ยท่ี ๑๗ สตั วนารัก สปั ดาหท่ี ๑๗ ครัง้ ท่ี ๔ วนั ที่................เดอื น..........................พ.ศ..................... จุดประสงค์การ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมิน เรียนรู้ ประสบการณ์ สาระทคี่ วร เครื่องเคาะ พฒั นาการ จงั หวะ กิจกรรมเคลือ่ นไหว สาคัญ เรียนรู้ สังเกต และจังหวะ ๑.นทิ านเร่อื ง การเคล่อื นไหว เคลอื่ นไหวรา่ งกายใน (๑) การ การเคลือ่ นไหว ๑. กจิ กรรมการเคลื่อนไหวเคล่ือนที่เลยี นแบบท่าทางสตั ว์ต่างๆทม่ี ใี นหนังสอื ตวั อะไรกาลงั มา รา่ งกายในกิจกรรม กิจกรรมตา่ งๆอย่าง เคล่ือนไหว ๒. กระดาษปิดคา ตา่ งๆอย่าง คล่องแคล่วประสาน เคล่อื นท่ี เคล่อื นท่ี นทิ านเรอื่ ง ตัวอะไรกาลังมา คล่องแคล่วประสาน สัมพนั ธ์และทรงตวั ได้ สมั พันธแ์ ละทรงตวั เลยี นแบบ ๒. เดก็ เคลือ่ นไหวตามจังหวะเมอื่ ได้ยนิ สญั ญาณหยุดใหห้ ยุดในทา่ น้ันทนั ที กจิ กรรมเสริม สังเกต ประสบการณ์ ท่าทางสตั ว์ พูดว่าเปน็ สตั ว์ชนิดใด ให้จับกล่มุ เดียวกนั ๑. การเล่าเรอ่ื งเปน็ ๑. เลา่ เรอื่ งเปน็ ต่างๆทม่ี ีใน 2. เรมิ่ ใหม่อกี 2 - 3 ครง้ั ดูความคดิ และการแสดงออกของเดก็ กาหนด ประโยคอย่าง ประโยคอย่างตอ่ เนื่อง นทิ านเรอ่ื ง ตามความสนใจ ต่อเนื่องใหผ้ อู้ ่นื ให้ผ้อู ื่นเขา้ ใจได้ เข้าใจ ๒. แสดงความรักต่อ ตวั อะไรกาลงั ๒. การแสดงความ ผอู้ น่ื และมีเมตตาต่อ รกั ต่อผู้อนื่ และมี สัตว์อยา่ งเหมาะสม มา เมตตาต่อสัตว์อย่าง ๓.มสี ่วนร่วมดูแล เหมาะสม รกั ษาธรรมชาตแิ ละ (๒) ฟงั และปฏบิ ัติ ๑. ความรู้ ๑. พัฒนาการทางภาษาและการรู้หนังสือ ๓. การมสี ่วนรว่ ม สิ่งแวดลอ้ มด้วย ดูแลรกั ษาธรรมชาติ ตนเอง ตาม พืน้ ฐาน ๑.๑ เดก็ และครูอา่ นนทิ านเรือ่ ง ตวั อะไรกาลงั มา และสิ่งแวดลอ้ มดว้ ย (๑) การมีส่วน เก่ียวกบั ตนเอง ร่วมรับผิดชอบ พรอ้ มกันจนจบ๑รอบ ดูแลรกั ษา สงิ่ แวดล้อม หนงั สอื และ ๑.๒ อา่ นพร้อมกันอกี ครง้ั โดยครูใชก้ ระดาษปดิ คาให้เด็กทาย เมอื่ อ่าน คา (๑๐) การอ่าน ทท่ี ายแลว้ ให้เดก็ เปิดดูว่าถูกต้องหรอื ไม่เพื่อฝึกการสงั เกตคา ตัวหนังสือ หนงั สือภาพและ ๑.๓ ให้เด็กเลอื กปดิ คาเองและใหเ้ พื่อนทายบ้าง นทิ านเรื่อง ตวั ๑.๔ สนทนากับเด็กต่อเน่อื งจากนิทานด้วยการใชค้ าถามเชน่ ถ้าตดั ตน้ ไม้ นิทานหลากหลาย หมดสตั ว์จะเปน็ อยา่ งไร อะไรกาลังมา ๑.๕ เดก็ จะมวี ิธชี ่วยเหลือสตั ว์อย่างไร ประเภทรปู แบบ ๑.๖ ใครเลีย้ งสัตว์เลยี้ งไว้บา้ ง เล้ยี งอยา่ งไร ๕. ความ ๑.๗ รว่ มกนั สรุป (๕) การเลย้ี งสตั ว์ เมตตากรุณา ตอ่ สตั ว์

กจิ กรรมศลิ ปะ (๕) การทางาน ๑. การฉกี ตดั ปะ ภาพสตั ว์ ๑. กระดาษขาว สังเกต A4 ทากิจกรรมศลิ ปะ สร้างสรรค์ ศลิ ปะ ๒. ปน้ั รูปสัตว์ นามาจัดเป็นสวนสัตว์ ๒. กระดาษ จาก กระดาษ ดนิ ๓. เด็กเลอื กกิจกรรมคนละ ๑กจิ กรรมและเลอื กอุปกรณ์ของแต่ละกิจกรรม โปสเตอร์สี และเศษวสั ดไุ ด้ ทากิจกรรมศิลปะ น่ังตามโตะ๊ ท่จี ัดไว้ ๓ - ๔ คนอยา่ งอิสระ มมุ ประสบการณ์ สังเกต จาก กระดาษ ดินและ ๓. ถามเดก็ เวลาเลอื กกจิ กรรมคิดตัดสินใจอยา่ งไร ในหอ้ งเรียน การเลือกเล่นในมุม ๔. ทาเสรจ็ นาเสนอผลงานที่สาเร็จ ประสบการณ์ทีต่ น เศษวสั ดไุ ด้ เดก็ เลอื กกิจกรรมตามมมุ ประสบการณ์ตามความสนใจ ไดแ้ ก่ การละเล่น สนใจ พื้นบ้าน วงิ่ กจิ กรรมเลน่ ตามมุม (๓) การเลน่ ตาม 1.๑ มุมหนงั สือ ครูนาหนังสอื นทิ านเร่ือง ตัวอะไรกาลงั มาและหนังสอื กระสอบ สังเกต ใช้สิง่ ของเครอ่ื งใช้ มุมประสบการณ์ การว่ิงกระสอบ ได้ อย่างประหยัดและ (๑) การชว่ ยเหลอื เก่ียวกับสัตว์เลีย้ งมาไวใ้ นมมุ หนังสอื เกมจับคูภ่ าพกบั อยา่ งปลอดภยั พอเพยี งเมื่อมีผชู้ ้ีแนะ ตนเองในกจิ วตั ร สัญลกั ษณ(์ บัตร ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ประจาวนั ๑.๒ มุมสรา้ งสรรค์ จัดวางอุปกรณ์ สตั ว์จาลองตา่ งๆ คา) พร้อมบตั ร สังเกต ตรวจสอ การเลน่ เกมจบั คู่ กจิ กรรมกลางแจง้ (๕) การละเลน่ ๑.๓ มมุ บทบาทสมมติ จดั วางหุ่นถงุ มือหวั สตั วต์ า่ งๆ ภาพสัตว์เลย้ี งกบั บตั รคาพร้อมบัตร เคลอ่ื นไหวร่างกายใน พืน้ บ้านของไทย ๑.๔ มุมวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบ กจิ กรรมต่างๆอย่าง 2. เมอ่ื หมดเวลาเดก็ เก็บของเขา้ ท่ใี ห้เรียบร้อย ๑. ครูสาธิต การละเล่นพนื้ บา้ น วง่ิ กระสอบ คลอ่ งแคลว่ ประสาน และบอกถงึ กตกิ าการเลน่ 2. เมื่อเด็กเล่นครบทุกคนให้เล่นอิสระในสนามเดก็ เล่น สมั พันธแ์ ละทรงตัวได้ ๓. เลน่ เสรจ็ แล้วเกบ็ อุปกรณ์ทาความสะอาด และทาความสะอาดตนเอง เกมการศกึ ษา (๑๒) การจบั คู่ การจบั คภู่ าพ ๑. ครูสาธติ การเลน่ เกมจบั คูภ่ าพกับสัญลักษณ์(บตั รคา) พร้อมบัตรตรวจสอบ เกมจบั คู่ภาพกับ การเปรยี บเทยี บ กับสัญลกั ษณ์ สัญลกั ษณ์(บัตรคา) และเรียงลาดบั สงิ่ (บัตรคา) 2. เม่ือเด็กเล่นครบทกุ คนให้เลน่ อสิ ระในสนามเดก็ เล่น พร้อมบตั รตรวจสอบ ต่าง ๆ 3. หมดเวลาเด็กเกบ็ ของเลน่ เขา้ ท่ี พร้อมบัตร ตรวจสอบ

แผนการจดั ประสบการณช ั้นอนุบาล ๓ หนว ยที่ ๑๗ สตั วน า รัก สปั ดาหที่ ๑๗ ครง้ั ท่ี ๕ วนั ท.ี่ ...............เดอื น..........................พ.ศ..................... จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมินพัฒนาการ ประสบการณ์สาคญั สาระท่ีควรเรียนรู้ กจิ กรรมเคล่ือนไหว สงั เกต และจังหวะ (๑) การเคล่ือนไหว 1. การเคล่ือนไหว การปฏิบตั ิตามคาสง่ั และ เครื่องเคาะจังหวะ การปฏิบตั ิตนเปน็ ผู้นา ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผ้นู าและ เคล่ือนที่ ขอ้ ตกลง การเปน็ ผนู้ า ผ้ตู าม และผตู้ ามในกิจกรรม ผตู้ ามในกจิ กรรม (๓) การใหค้ วามร่วมมือ 2. ให้เด็กคิดท่าทางตนเองตามจินตนาการ เคลอ่ื นไหวและจงั หวะได้ เคล่อื นไหวและจงั หวะ ในการปฏิบัตกิ ิจกรรม สรา้ งสรรคแ์ ละใหเ้ พ่ือนปฏบิ ตั ิตาม ด้วยตนเอง ได้ดว้ ยตนเอง ตา่ งๆ 3. เปลยี่ นผนู้ าไปเรือ่ ย ๆผู้นาต้องคดิ ทา่ ทางแปลก สงั เกต ใหม่ไม่ซ้าผอู้ ่ืน จนหมดเวลา ๑. การฟงั ผูอ้ ืน่ พูดจนจบ และสนทนาโต้ตอบ กิจกรรมเสริม (๒) ฟงั และปฏบิ ตั ิ ๑ .ความร้พู นื้ ฐาน ๑. พัฒนาการทางภาษาและการรู้หนังสอื นิทานเรื่อง ตัวอะไร เกยี่ วกับเร่อื งท่ีฟัง กาลงั มา ๒. การมสี ่วนรว่ มดูแล ประสบการณ์ คาแนะนา เกยี่ วกบั หนังสือและ ๑.๑ เด็กและครูอ่านนิทานเร่ือง ตัวอะไรกาลังมา รกั ษาธรรมชาตแิ ละ สง่ิ แวดลอ้ มด้วยตนเอง ๑. ฟงั ผูอ้ น่ื พดู จนจบ (๑) การมีส่วนร่วม ตวั หนังสือ นิทาน พร้อมกันจนจบ๑รอบ และพดู โตต้ อบเก่ยี วกบั รบั ผดิ ชอบดูแลรักษา เร่อื ง ตัวอะไรกาลัง ๑.๒ ให้เดก็ อาสาออกมาอ่านพร้อมชี้ข้อความ ให้ เพอื่ นอ่านไปพร้อมกัน เรือ่ งท่ีฟงั ได้ สิง่ แวดลอ้ ม มา ๑.๓ สนทนาเร่ืองจากนทิ านมีสัตว์เล้ยี งกชี่ นดิ ชนดิ ละกีต่ ัว ๒. มีส่วนรว่ มดแู ลรกั ษา ๒. ประโยชน์ของ ๓. สตั ว์เลย้ี งมีประโยชนก์ บั เดก็ หรือไม่ ธรรมชาติและ สัตว์ตอ่ มนุษย์ ๔. ช่วยกนั แสดงความคิดเห็นประโยชน์ของสัตว์ สิง่ แวดล้อมดว้ ยตนเอง ๓. การนับ เลยี้ ง การจาแนกและ เปรียบเทยี บ ๑ - ๙

จุดประสงค์การ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ พัฒนาการ เรียนรู้ ประสบการณส์ าคัญ สาระท่ีควรเรยี นรู้ ๑. พบั หุน่ สวมหวั จากวสั ดเุ หลอื ใชเ้ ปน็ รปู สตั ว์ ๒. ปั้นดินน้ามันเป็นสัตว์ต่างๆ กจิ กรรมศลิ ปะ (๕) การทางานศิลปะ ๑. พับหนุ่ สวมหัว ๓. เดก็ เลือกกิจกรรมคนละ ๑กิจกรรมและเลือก ๑. กระดาษใชแ้ ล้ว สังเกต อุปกรณ์ของแตล่ ะกจิ กรรม นง่ั ตามโต๊ะที่จัดไว้ สร้างสรรค์ (๓) การปนั้ จากวัสดุเหลือใชเ้ ป็น ๓ - ๔ คนอย่างอิสระ นติ ยสารต่างๆ การทากจิ กรรมศลิ ปะ ๓. ทากจิ กรรมศิลปะ (๔) การประดษิ ฐส์ ่ิงต่างๆ รปู สตั ว์ ๓. ถามเด็กเวลาเลอื กกจิ กรรมคดิ ตดั สินใจอย่างไร จาก กระดาษ ดนิ ด้วยเศษวสั ดุ ๒. ปั้นดินน้ามันเป็น ๔. ทาเสร็จนาเสนอผลงานท่ีสาเร็จ ๒. กระดาษโฆษณาต่างๆ จาก กระดาษ ดินและ และเศษวัสดุได้ (๕) การหยิบจบั การใช้ สตั ว์ต่างๆ กรรไกร การฉกี การตัด เด็กเลือกกิจกรรมตามมุมประสบการณ์ตามความ ดินน้ามนั เศษวสั ดุ สนใจ ได้แก่ การปะ 1.๑ มุมหนังสอื วางหนงั สือนทิ านเรื่อง ตัวอะไร กิจกรรมเล่นตามมุม (๓) การเลน่ ตามมมุ กาลงั มาและหนงั สือเกี่ยวกบั สัตว์เลย้ี ง มุมประสบการณ์ใน สงั เกต ใช้สงิ่ ของเครอื่ งใช้ ประสบการณ์ หอ้ งเรียน การเลน่ และใช้อุปกรณ์ อย่างประหยัดและ (๑) การช่วยเหลือตนเอง ๑.๒ มุมสรา้ งสรรค์ จัดวางอปุ กรณ์ สัตวจ์ าลอง ในมมุ ประสบการณ์ ๑.๓ มมุ บทบาทสมมติ จดั วางหนุ่ ถงุ มอื หวั สัตว์ พอเพียงเม่ือมีผ้ชู แ้ี นะ ในกิจวัตรประจาวนั ๑.๔ มุมวทิ ยาศาสตร์ ได้อยา่ งเหมาะสม 2. เมอ่ื หมดเวลาเด็กเกบ็ ของเข้าท่ีให้เรียบร้อย ๑. ครูสาธติ การเลน่ เกมสร้างบ้านให้สนุ ัข กิจกรรมกลางแจ้ง (๒) การเคลื่อนไหวอย่กู ับที่ และบอกถึงกตกิ าการเลน่ ไมบ้ ลอ็ กขนาดต่างๆ สังเกต เคล่ือนไหวรา่ งกาย 2. เมื่อเด็กเล่นครบทุกคนใหเ้ ล่นอิสระในสนามเด็ก การเคล่อื นไหวร่างกาย ในกจิ กรรมต่างๆ เล่น ในกจิ กรรมต่างๆอย่าง อยา่ งคล่องแคล่ว ๓. เลน่ เสร็จแลว้ เกบ็ อุปกรณ์ทาความสะอาด และ คลอ่ งแคล่วประสาน ประสานสมั พนั ธแ์ ละ ทาความสะอาดตนเอง สมั พนั ธแ์ ละทรงตัว ทรงตัวได้

จดุ ประสงค์การ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นรู้ สอ่ื การประเมนิ พัฒนาการ ประสบการณ์สาคัญ สาระท่คี วรเรียนรู้ เรียนรู้ (๕) การคัดแยก การจดั การเล่นจับคูภ่ าพ ๑. ครสู าธติ การเล่นเกมจับคภู่ าพสัตว์เลย้ี งกบั จานวน เกมจบั คภู่ าพสตั ว์ สงั เกต กล่มุ และการจาแนกส่ิง สตั วเ์ ลีย้ งกับ ๑–9 เลีย้ งกับจานวน การเลน่ เกมจับคภู่ าพ เกมการศึกษา ต่างๆ ตามลกั ษณะและ จานวน ๑ - ๙ 2. แบง่ กลมุ่ เด็กเลน่ เกมที่เคยเล่นมาแล้ว หมนุ เวียนกัน ๑-๙ สตั ว์เลยี้ งกบั เกมจบั คู่ภาพสตั ว์ รูปร่าง รปู ทรง 3. หมดเวลาเดก็ เกบ็ ของเลน่ เข้าท่ี จานวน ๑ - ๙ เลย้ี งกับจานวน ๑-๙

เลขที่ ชอื่ -สกลุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. ๑. การเล่น ทากิจกรรมอย่างปลอดภยั ดว้ ย ดา้ นรา่ งกาย ๒. การเคลอื่ นไหวรา งกายในกิจกรรมตางๆอยา ง คลอ งแคลว ประสานสัมพันธและทรงตวั ดา้ นอารมณ์ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมเดก็ แผนการจัดประสบการณช ั้นอนบุ าล ๓ หนว ยท่ี ๑๗ สตั วนา รัก ๓. การทากิจกรรมศิลปะ จาก กระดาษ ดิน ดา้ นสงั คม ประเมินพัฒนาการ และ เศษวสั ดุ ดา้ นสตปิ ญั ญา ๔. การแสดงอารมณ์ความรู้สกึ ของตนได้ เหมาะสมตามสถานการณ์และบอกอารมณ์แก่ ๕. การรวมกจิ กรรมการเคล่อื นไหวป ระกอบ เพลงจงั หวะและดนตรี ๖. การแสดงความรกั ตอ่ ผอู้ นื่ และมเี มตตาต่อ สัตว์อยา่ งเหมาะสม ๗. การใชส้ ่งิ ของเคร่ืองใช้อยา่ งประหยัดและ พอเพียงดว้ ยตนเองได้อย่างเหมาะสม ๘. การมสี ่วนร่วมดแู ลรักษาธรรมชาตแิ ละส่งิ ๘. มสี ่วนรว่ มดูแลรกั ษาธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ด้วยตนเองแวดล้อมด้วยตนเอง ๙. การปฏิบัตติ นเปน็ ผนู้ าและผูต้ ามในกิจกรรม เคลอ่ื นไหวและจงั หวะไดด้ ว้ ยตนเอง ๑๐. การเล่าเป็นเรื่องราวไดอ้ ย่างตอ่ เน่อื งให้ ผูอ้ น่ื เขา้ ใจ ๑๑. การอ่านภาพสัญลักษณค์ าด้วยการช้หี รอื กวาดตามองจุดเรม่ิ ตน้ หรือจุดจบของขอ้ ความ ๑๒. การบอกลกั ษณะสตั ว์เล้ียงทีม่ ีความสัมพนั ธ์ กบั จานวนจากการสังเกต ๑๓. การจบั คู่ การเปรียบเทียบรูปร่างและ ลักษณะต่าง ๆ ๑๔. การจาแนกและจดั กลุ่มสัตว์เล้ียง ๑๕. การคน้ หาคาตอบขอ้ สงสยั ต่าง ๆ โดยใช้ วธิ ที ห่ี ลากหลายดว้ ยตนเอง หมาย เหตุ

1. เลขที่ ช่อื -สกลุ 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. คาอธบิ าย ครสู ังเกตพฤตกิ รรมเดก็ รายบคุ คล จดบนั ทึกสรปุ เป็นรายสปั ดาห์ระบุระดบั คณุ ภาพเปน็ 3 ระดบั คือ ๑. การเลนทากจิ กรรมอยางปลอดภัยด้วตนเอง ด้านรา่ งกาย ระดบั 3 ดี ระดบั 2 ปานกลาง ระดบั 1 ต้องสง่ เสรมิ ๒. การเคลอื่ นไหวรางกายในกิจกรรมตา งๆ อยา ง คลอ งแคลวประสานสมั พันธและทรงตัว ด้านอารมณ์ ๓. การทากิจกรรมศิลปะ จาก กระดาษ ดนิ ประเมินพฒั นาการ และ เศษวสั ดุ ด้านสงั คม ๔. การแสดงอารมณ์ความรู้สึกของตนได้ ดา้ นสติปญั ญา เหมาะสมตามสถานการณ์และบอกอารมณแ์ ก่ ๕. การรวมกจิ กรรมการเคลือ่ นไหวป ระกอบ เพลงจังหวะและดนตรี ๖. การแสดงความรกั ต่อผอู้ ื่นและมีเมตตาตอ่ สัตว์อยา่ งเหมาะสม ๗. การใช้สงิ่ ของเคร่ืองใช้อย่างประหยดั และ พอเพียงด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสม ๘. การมสี ่วนร่วมดูแลรกั ษาธรรมชาตแิ ละสิ่ง๘. มสี ว่ นรว่ มดแู ลรกั ษาธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ดว้ ยตนเองแวดลอ้ มดว้ ยตนเอง ๙. การปฏิบัตติ นเปน็ ผูน้ าและผ้ตู ามในกิจกรรม เคล่ือนไหวและจงั หวะได้ดว้ ยตนเอง ๑๐. การเลา่ เป็นเร่ืองราวได้อยา่ งต่อเนือ่ งให้ ผ้อู ่นื เขา้ ใจ ๑๑. การอ่านภาพสญั ลกั ษณ์คาด้วยการช้หี รอื กวาดตามองจดุ เรมิ่ ตน้ หรอื จุดจบของขอ้ ความ ๑๒. การบอกลักษณะสตั ว์เล้ียงทม่ี คี วามสัมพันธ์ กบั จานวนจากการสงั เกต ๑๓. การจบั คู่ การเปรยี บเทียบรปู รา่ งและ ลักษณะต่าง ๆ ๑๔. การจาแนกและจดั กลุ่มสัตว์เล้ียง ๑๕. การคน้ หาคาตอบข้อสงสัยต่าง ๆ โดยใช้ วธิ ที หี่ ลากหลายด้วยตนเอง หมาย เหตุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook