ละครใน คำว่ำ \"ละครใน\" สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราชานุ ภาพ (2546) ไดท้ รงอธบิ ายไว้ว่าแต่เดมิ คงเรียกว่า \"ละครนางใน\" หรอื \"ละครขา้ งใน\" จากนัน้ จงึ ไดเ้ ปล่ยี นมาเรียกอยา่ งยอ่ วา่ \"ละครใน\" ปรากฎ หลกั ฐานครัง้ แรกในสมยั พระเจา้ อยู่หวั บรมโกศ โดยพบขอ้ ความจากหนงั สอื บณุ โณวาทคาฉันท์ของพระมหานาค วดั ท่าทราย (2503) ทไ่ี ด้เขียนเรื่องราว เก่ยี วกบั การสมโภชพระพุทธบาท จงั หวดั สระบุรีของพระเจา้ อยู่หวั บรมโกศ ซึ่งไดก้ ล่าวถงึ มหรสพต่าง ๆ ทโ่ี ปรดใหม้ ีในการสมโภชครัง้ นั้น ท่มี า: http://ich.culture.go.th/index.php/th/ich/238-stage/68--m-s
ดงั ข้อควำมต่อไปนี้ บรริ กั ษจักรี กลลับบแลชาย \"ฝ่ายฟอ้ นละครใน อรอ่อนลอออาย โรงริมคิรีมี จิตรจงมเมอฝนั \" ในลว้ นสรรสกรรจ์นาง ใครยลบอยากวาย ขอ้ ความดังกลา่ วขา้ งต้นกลา่ วถงึ การฟ้อนราของละครในบริรกั ษจ์ ักรี ซึง่ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน (2546) ได้ใหค้ วามหมายไวว้ า่ คาวา่ \"บรริ กั ษ\"์ หมายถงึ ดูแล รักษา ปกครอง คาวา่ \"จักรี\" หมายถงึ ผ้มู ีจกั ร หมายถึงพระนารายณ์ ตอ่ มาหมายถึงพระราชาตาม คติความเชื่อของไทยท่ถี อื วา่ เป็นพระนารายณ์อวตาร เม่อื รวมความแล้ว “ละครในบรริ ักษจ์ ักร”ี จึงหมายถงึ ละครทไ่ี ด้รบั การดแู ล รกั ษาหรือปกครองโดยพระราชาหรอื พระมหากษตั ริย์ หรืออาจกลา่ วอีกนยั หน่งึ ไดว้ ่าหมายถึงละครของหลวง
จากคาประพนั ธข์ ้างต้นแสดงวา่ ในรชั กาลพระเจา้ อยู่หวั บรมโกศมีการแสดงละคร ผู้หญิงแลว้ ซง่ึ เรียกวา่ “ละครใน” ละครผ้หู ญิงอาจเกิดขึ้นกอ่ นหนา้ นี้ แต่คงจะไม่ กอ่ นสมยั สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราช เพราะถ้ามลี ะครผู้หญงิ ลาลแู บร์ก็นา่ จะได้ เคยดแู ละคงจะไดบ้ นั ทึกไวใ้ นจดหมายเหตุ ภายหลังรชั กาลสมเด็จพระนารายณ์ มหาราชถงึ สมยั พระเจ้าอยูห่ ัวบรมโกศ อาจมีตอนใดตอนหนงึ่ ที่พระเจา้ อยู่หัวบรม โกศโปรดทอดพระเนตรละคร จึงทรงพระราชดาริใหผ้ ูห้ ญงิ ในวังแสดงละครถวาย และอาจเป็นไดว้ า่ ละครผหู้ ญิงเกิดขนึ้ ในสมัย พระเจา้ อยู่หวั บรมโกศนนั่ เอง เพราะมชี ว่ งเวลายาวกว่า 3 รชั กาลก่อน ท้ังยงั เปน็ สมัยที่ บา้ นเมืองสงบ และพระ เจา้ อยู่หวั บรมโกศกโ็ ปรดการเลน่ ละครอยดู่ ว้ ย ละครในสมัยกรุง ศรีอยุธยา คงจะรุ่งเรืองเพียง สมัยพระเจ้าอยู่หวั บรมโกศเพียง รัชกาลเดียว เพราะปรากฏวา่ สมัยต่อมา เมือ่ พระเจ้าเอกทัศน์มีพระราชประสงค์จะ ทอดพระเนตรละคร ตอ้ งหาละครผชู้ ายเข้าไปเล่นถวายแสดงว่าละครในประจาราช สานกั เล่นถวายไมไ่ ดด้ ว้ ยเหตุอย่างใดอย่างหนง่ึ ประจวบกับการเสียกรุงศรีอยธุ ยาแก่ พมา่ เมอ่ื พ.ศ. 2310 ละครในก็กระจดั กระจายไปบ้าง ถูกพม่ากวาดต้อนไปบ้าง สมยั กรงุ ธนบรุ ี สมเด็จพระเจ้ากรงุ ธนบุรีได้ทรงรวบรวมตัวละครทกี่ ระจดั กระจายหนีภยั สงครามบ้างและตวั ละครผหู้ ญงิ ของเจ้านครศรธี รรมราช เข้ามาเปน็ ครูหดั ละคร ผหู้ ญิงของหลวงขึน้ ใหม่ จึงได้มีละคร ผหู้ ญงิ แตข่ องหลวงเพยี งโรงเดียวตามแบบเดิม บทละครกใ็ ชข้ องเดมิ ซึ่งไม่ค่อยจะสมบูรณ์
สมัยกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก ไดท้ รงฟนื้ ฟกู าร ละครครงั้ ใหญ่ ได้ทรงพระราชนิพนธบ์ ทละครในเพ่อื เป็นตน้ ฉบับสาหรับพระนครขน้ึ ทงั้ 3 เรื่องอยา่ งสมบูรณ์ แตแ่ บบฉบับการฟอ้ นราไม่ไดเ้ ครง่ ครัด พึ่งจะมาพถิ ีพิถนั ใน เรื่องทา่ ราและแบบแผนในสมยั พระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลยั จนเรียกวา่ เป็นยคุ ทองของละครใน ต่อมาในสมัยรชั กาลท่ี 5 ไดม้ ีละครแบบใหมเ่ กิดขึน้ คือ ละครดึกดาบรรพ์ นบั แตน่ ้ันมาคนกห็ ันไปสนใจกบั ละครแบบใหม่ มากกว่าละครใน เพราะดาเนินเรอ่ื งรวดเรว็ ทันใจ ท้ังยังเปน็ ของแปลกใหม่ไม่เคยดู มาก่อน ในสมยั ตอ่ มากเ็ กิดการละครประเภทอน่ื ๆ อกี เชน่ ละครร้อง ละครพนั ทาง และละครพดู ในระยะหลังน้ลี ะครในเส่ือมความนิยมลงมาก หลังสมัยรชั กาลที่ 6 แล้ว มิไดม้ ลี ะครในของหลวงอีก และแม้ในปัจจุบันนี้จะมีละครในเล่นกัน แต่แบบ และลกั ษณะการแสดงเปล่ยี นไปมาก
ลักษณะวธิ แี สดงละครใน การแสดงละครในน้นั เน่ืองจากผู้แสดงละครในเป็นนางใน ซง่ึ ไดร้ ับยกยอ่ งวา่ เป็นผู้มกี ิรยิ ามารยาทงดงาม เพราะฉะนนั้ ละครในจงึ มีความมุ่งหมายอยทู่ ศี่ ิลปะของการรา่ ยรา ต้องใหแ้ ช่มช้อยมีสงา่ ไม่ นิยมแสดงตลกขบขนั โลดโผน ทัง้ ยังต้องรักษาแบบแผนจารตี ประเพณี เพราะเหตุ นผ้ี ปู้ ระพันธ์ละครในจึงตอ้ งพิถพี ิถนั ในการใชถ้ ้อยคาให้สละสลวย ระมดั ระวังทจ่ี ะ ไม่ให้มีคาตลาดเข้ามาปน เพลงร้อง ปีพ่ าทยต์ อ้ งมที านองและจังหวะน่ิมนวล สละสลวย ไมร่ กุ เรว็ เหมอื นเพลงละครนอก เพอ่ื ให้ตวั ละครได้แสดงศลิ ปะในการ รา่ ยราได้งดงาม และแสดงทา่ ทีทีม่ ีความประณตี บรรจงในลลี าการเคล่ือนไหว การแสดงละครในผแู้ สดงไม่ตอ้ งร้องเอง เพราะมตี ้นเสยี งร้องแทน คงจะเห็นว่าถา้ ตวั ละครร้องเองจะทาให้ลลี าฟ้อนราไม่งดงามเท่าทค่ี วร เพราะฉะนนั้ ไม่ว่าเปน็ บท ดาเนินเรอื่ งหรอื บทเจรจา ก็จะมตี น้ เสยี งและลกู ครู่ ้องเปน็ ลานาเพลงต่างๆ ส่วนมากให้ร้องรา่ ยเป็นพื้น ตวั ละครเป็นแตเ่ พียงราไปตามบทร้องหรอื ตามเพลง หนา้ พาทย์ท่กี าหนดไว้ ในเรื่องแบบแผนของละครในนี้ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ทรงเห็นว่าละครในเปน็ การนาเอาแบบแผนของการ แสดง 3 อย่างมาผสมกันกลา่ วคอื ไดเ้ ร่ืองท่ีเลน่ มาจากโขน ไดก้ ระบวนการเลน่ และช่ือท่ีเรียกวา่ “ละคร” มาจากละครผชู้ ายท่ีเลน่ กนั อยเู่ ดมิ และนาเอาวธิ ีรอ้ ง วิธีรามาจากการแสดงระบา ละครในจงึ ไมใ่ หต้ วั ละครรอ้ งบทเองอยา่ งละคร นอก สาหรบั โอกาสท่ีแสดงละครใน ระยะแรกการแสดงละครในจะแสดงเฉพาะ ภายในพระราชฐานเทา่ นนั้ ในสมยั ตอ่ มา นามาเลน่ กนั แพรห่ ลายท่วั ไป โดย สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดารงราชานภุ าพ ทรงกลา่ วไวว้ า่ การ เลน่ ละครในไมเ่ ลน่ รบั งานหาเหมือนละครนอก เพราะละครในมกั เป็น ละครผมู้ ีบรรดาศกั ดิ์ ฝึกหดั ไวส้ าหรบั ประดบั เกียรตยิ ศ เป็นแตแ่ สดงดู กนั เอง หรือแสดงในการบาเพญ็ กศุ ล
ประเภทของกำรรำท่ีแทรกอย่ใู นกำรแสดงละคร รำเดยี่ ว คอื การแสดงที่ใชผ้ แู้ สดงเพยี งคนเดยี ว มจี ุดมุง่ หมายเพื่ออวดฝีมอื การรา่ ย ราท่ีประณตี งดงาม ผู้แสดงราเดย่ี วจึงต้องมที ักษะในการราและไดร้ ับการฝึกฝนมาเป็น อยา่ งดี การราเด่ียว ได้แก่ มโนห์ราบูชายญั ในเรอื่ งพระสธุ นมโนห์รา ราพลายชุมพล ในเรอ่ื งขุนชา้ งขุนแผน ฯลฯ ซ่งึ เปน็ การราท่ีมลี ลี ากรดี กราย ทว่ งทงี ดงามใสค่ วามรู้สึก บนใบหน้า ทา่ ทางและการเคลือ่ นไหว โดยเฉพาะการราฉยุ ฉายซง่ึ มอี ยู่หลายชดุ เช่น ฉุยฉายพราหมณ์ ฉยุ ฉายศูรปนขาแปลง ฉยุ ฉายทศกัณฐ์ เปน็ ตน้ สว่ นใหญส่ อดแทรก อยู่ในการแสดงโขน เรอื่ งรามเกยี รต์ิ แต่ละเพลงผแู้ สดงจะต้องราดว้ ยลีลาการ เคลือ่ นไหวไปตามบุคลกิ เฉพาะของตัวละครในบทนนั้ ๆ ดว้ ย ราพลายชุมพล
รำคู่ คอื การแสดงท่ใี ช้ผแู้ สดง 2 คน แบง่ ออกเปน็ 2 ลักษณะ ไดแ้ ก่ ราคู่ในเชิง ศิลปะการตอ่ สู้ ไมม่ บี ทรอ้ ง และราคทู่ เ่ี ป็นการแสดงเน้นความสวยงาม 1. กำรรำคใู่ นเชิงศลิ ปะกำรตอ่ สู้ เปน็ การราที่ไมม่ ีบทรอ้ ง ใช้สลบั ฉาก ในการแสดง ไดแ้ ก่ กระบี่กระบอง การตอ่ ส้ดู ้วยดาบ ทวน พลอง เป็นตน้ 2. กำรรำค่ใู นชุดสวยงำม เป็นการราที่ไดร้ บั ความนยิ มเพราะทา่ รา มักจะประดิษฐ์ใหส้ วยงาม เช่น ราแมบ่ ท ราเบิกโรง ชดุ ราดอกไมเ้ งินทอง ราประเลง เปน็ ต้น ราโบกโรง รากระบกี่ ระบอง นอกจากนี้ การราคยู่ งั นาไปประกอบอย่ใู นการแสดงเป็นชดุ เป็นตอน เช่น หนมุ านจับนางสพุ รรณมจั ฉา ( เพลงเชดิ นอก ) ในเร่ือง รามเกยี รต์ิ ชุด จองถนน พระรามตามกวาง ( เพลงเชดิ ฉาน ) ในเร่อื ง รามเกยี รต์ิ ชุด ลักสดี า เมขลารามสูร ( เพลงเชิดฉิง่ และเชิดจีนสามตัว ) ในเรอื่ ง รามเกียรติ์ ศุภลกั ษณอ์ ุม้ สม ( เพลงเชดิ ฉิ่ง รอ้ งเพลงบะหล่มิ และเบ้าหลดุ ) ในเร่อื ง อุณรุท
ระบำ ระบาท่ีใช้ประกอบการแสดงละคร หมายถึงระบาท่ีแทรกอย่ใู นการแสดงละครเรอ่ื ง ตา่ งๆ ระบาประเภทนี้มีท้งั ระบาท่เี ป็นแบบมาตรฐาน และระบาทป่ี รบั ปรุงข้นึ ใหม่ 1. ระบาท่ใี ช้ประกอบการแสดงละครและอยูใ่ นประเภทระบามาตรฐาน เชน่ ระบากฤษดาภินหิ าร ในละครเรื่อง เกยี รตศิ ักดิ์ไทย ระบาเทพบันเทิง ในละครเรื่อง อิเหนา ระบาพรหมาสตร์ ในการแสดงโขนเรื่อง รามเกยี รต์ิ ระบากฤษดาภินิหาร ระบาทใ่ี ชป้ ระกอบการแสดงละครและอย่ใู นประเภทระบาท่ปี รับปรงุ ข้ึนใหม่ เช่น ระบานพรตั น์ ในละครเร่อื ง สุวรรณหงส์ ระบาไก่ ในละครเรอ่ื ง พระลอ ระบามา้ ในละครเรอื่ ง อิเหนา ระบาเรงิ อรณุ ในฉากนาการแสดงโขนเรื่อง รามเกียรต์ิ ตอนศึกวิรฬุ จาบัง ระบาเรงิ อรุณ
กำรแต่งกำย เนื่องจากละครในเป็นละครของหลวงและใชผ้ หู้ ญงิ แสดง จงึ จาเปน็ ตอ้ งให้ ตัวละครสวมเส้อื สมเด็จพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดารงราชานภุ าพ ทรงกล่าวไวว้ า่ การคดิ แก้ไขแบบแผนเครือ่ งแตง่ ตัวละครในนน้ั น่าจะมีการ แก้ไขเมอ่ื นางราของหลวงเป็นเทพบุตร เทพธิดา เลน่ จบั ระบา จงึ นามาใช้เปน็ แบบแผนการแต่งตัวละครผู้หญงิ ของหลวงสืบมา เคร่อื งแตง่ กายของละครใน แบง่ ออกเป็น 2 พวก คือ เคร่อื งแตง่ กายตวั พระ และเคร่ืองแต่งกายตวั นาง
เครือ่ งแต่งกายตัวพระ เลียนแบบเครื่องทรงของกษัตรยิ ์ ประกอบด้วย 1. ชฎา 13. ตาบหนา้ ในวรรณคดี เรยี กวา่ ทับทรวง 2. ดอกไมเ้ พชร 14. เส้อื ในวรรณคดี เรียกวา่ ฉลององค์ 3. จอนหู ในวรรณคดหี รอื กรรเจยี ก กรรเจยี กจร 15. สังวาล 4. ดอกไมท้ ดั 16. ตาบทศิ 5. อุบะ หรอื พวงดอกไม้ 17. เข็มขัด หรือ ปนั้ เหน่ง 6. อินทรธนู 18. รดั สะเอว หรอื รัดองค์ 7. แหวนรอบ 19. ผา้ นงุ่ ในวรรณคดี เรยี กวา่ พระภษู า 8. กาไลแผง ในวรรณคดี เรียกวา่ ทองกร 20. สุวรรณกระถอบ 9. พาหุรัด 21. ห้อยข้าง หรือเจยี รบาด 10. ธามรงค์ 22. ห้อยหนา้ หรือ ชายไหว 11. ประวะหลา่ 23. สนับเพลา 12. กรองคอในวรรณคดี เรียกวา่ กรองศอ 24. กาไลเทา้
เคร่ืองแต่งกายตวั นาง มีลกั ษณะเชน่ เดียวกบั เครื่องแต่งกายตัวพระ คือเลียนแบบเครื่องทรงของนางกษัตรยิ ์ ประกอบดว้ ย 1. มงกุฎ 11. ธามรงค์ 2. ดอกไมท้ ัด 12. ผา้ หม่ นาง 3. จอนหู ในวรรณคดีหรือกรรเจียก กรรเจียกจร 13. จี้นาง หรื อตาบทับ ในวรรณคดี 4. อุบะ หรอื พวงดอกไม้ เรยี กว่า ทับทรวง 5. นวมนาง ในวรรณคดี เรียกว่า กรองศอ 14. เสอื้ ในนาง 6. กาไลสวม ในวรรณคดี เรียกว่า ทองกร 15. สะอิ้ง 7. แหวนรอบ 16. เข็มขัด 8. ประหล่า 17. ผา้ นุ่งนาง ในวรรณคดี เรียกว่า ภษู า 9. กาไลตะขาบ หรอื พระภษู า 10. พาหุรดั 18. กาไลเท้า
วิธกี ำรแสดง เน่อื งจากผู้แสดงเปน็ นางในซึง่ ไดร้ ับการยกยอ่ งวา่ เป็นผ้มู กี ริ ยิ ามารยาทงดงาม เพราะฉะนนั้ ละครในจึงมคี วามมงุ่ หมายอย่ทู ี่ศลิ ปะของการรา่ ยราตอ้ งใหแ้ ชม่ ช้อย มสี ง่า ไม่นยิ มแสดงตลก ขบขนั โลดโผน ทัง้ ยงั ตอ้ งรกั ษาแบบแผนจารีตประเพณี เพราะเหตนุ ้ี ผปู้ ระพนั ธ์ละครในจงึ ตอ้ งพถิ พี ถิ ันในการใช้ถ้อยคาให้สละสลวย ระมัดระวังท่จี ะไมใ่ หม้ ีคาตลาดเขา้ มาปนผ้แู สดงละครในนนั้ ต้องตีบทใหแ้ ตก คาว่า ตีบท เป็นภาษานาฏศิลป์ หมายถึง การราบท การราบทก็คอื การแสดงท่าทางแทน คาพดู เรยี กวา่ “ภาษาทา่ \" ในเรอ่ื งแบบแผนของละครใน สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์ เธอกรมพระยาดารงราชานภุ าพทรงเหน็ วา่ ละครในเป็นการนาเอาแบบแผนของการ แสดง ๓ อย่างมาผสมกนั กลา่ วคอื ไดเ้ ร่อื งทเ่ี ลน่ มาจากโขน ได้กระบวนการเล่น และชอื่ เรยี กวา่ “ละคร” มาจากละครผ้ชู ายที่เลน่ กนั อยู่เดมิ และนาเอาวธิ รี ้อง วธิ ีรา มาจากระบา ละครในจึงไม่ให้ตัวละครรอ้ งบทเองอย่างละครนอก ละครในจะแสดง เพยี ง 3 เร่ือง คอื อณุ รุท รามเกียรติ์ และอิเหนา การแสดงละครใน เรอ่ื งอเิ หนา ที่มาของภาพ : นาฏศิลป์ไทยเบ้ืองต้น, รานี ชยั สงคราม (๒๕๔๔, ๕๗)
สถำนที่กำรแสดง ในระยะแรกการแสดงละครในจะแสดงภายในพระราชฐานเทา่ นัน้ ในสมัยตอ่ มา โอกาสที่แสดงละครใน สมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราชานภุ าพ ทรงกล่าวว่า “การเลน่ ละครในไมเ่ ล่นรบั งานหาเหมือนละครนอก เพราะละครใน มกั เป็นละครผู้มบี รรดาศกั ด์ิ ฝกึ หัดไวส้ าหรบั ประดับเกยี รตยิ ศเปน็ แต่แสดงดกู นั เอง หรือแสดงในการบาเพ็ญกุศล” ระยะหลังไม่จากดั สถานทแ่ี สดง
วงดนตรีที่ใช้ประกอบกำรแสดง โดยปกตใิ ชว้ งปพ่ี าทย์เครื่องห้า นยิ มตดี ว้ ยไมน้ วม เพื่อให้มีกระแสเสียงท่ีนมุ่ นวล เพลงร้องและหนา้ พาทยท์ ใ่ี ช้ประกอบการร่ายราจากบทละครทปี่ รากฏเป็นหลักฐาน ใช้เพลงรอ้ งไม่มากนกั โดยจะดาเนินเร่ืองด้วย “เพลงร่ายใน” เป็นหลกั ใหญ่ การใช้ เพลงร้องทานองต่างๆ ปรากฏมากข้ึนในระยะทีม่ ีละครดึกดาบรรพ์เกิดขึน้ แลว้ และ เปน็ แบบแผนสบื มาถึงปจั จบุ ัน เพลงรอ้ ง ในการแสดงละครในนั้นผ้แู สดงไมต่ ้องร้องเอง เพราะมตี น้ เสยี งรอ้ ง แทน คงจะเห็นว่าถ้าตวั ละครรอ้ งเองแล้วจะทาให้ลีลาฟ้อนราไม่งดงาม เทา่ ท่ีควร เพราะฉะนั้นไมว่ า่ จะเปน็ บทดาเนินเร่ืองหรอื บทเจรจา กจ็ ะมตี ้นเสียง และลกู คู่ร้องเป็นลานาเพลงตา่ งๆ ส่วนมากให้รอ้ งรา่ ยเปน็ พื้นตัวละครเป็นแตเ่ พียงรา ไปตามบทรอ้ งหรือตามหน้าพาทยท์ ี่กาหนดไว้ มีทานองและจงั หวะน่ิม นวล สละสลวย ไม่รุกเรว็ เหมือนเพลงละครนอก เพ่อื ใหต้ ัวละครไดแ้ สดงศิลปะใน การร่ายราได้งดงาม และแสดงทา่ ทนี วยนาด อยา่ งทเี่ รยี กวา่ “ทีท้าวทพี ญา” วงปพ่ี าทยเ์ ครือ่ งหา้ (ปใี่ น ระนาดเอก ฆอ้ งวงใหญ่ ตะโพน กลองทัด ฉ่งิ )
อ้ำงองิ http://oknation.nationtv.tv/blog/assada999/2009/11/20/entry-2 https://so01.tci- thaijo.org/index.php/humanjubru/article/view/196701/136732?fbclid=Iw AR0rVP7oJS-m8y52R9eTxIAE2RSAx4X0ekh6eNttGOsOuEia1w9I07JYYgA http://blog.bru.ac.th/wp-content/uploads/bp- attachments/19965/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8 %B5%E0%B9%88-1- %E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0 %B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8 %A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1 %E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E 0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B 8%A2-p1-32-26-06-2561.pdf?fbclid=IwAR39sPwV23Dr6SW- BSGIW6MNorXQttjrAkpK5hXOZi-gtGsRG90rgFipFwE https://sites.google.com/site/tiwaporn077/reiyn-ru-lakhr-ni/prapheth- khxng-kar-ra
สมำชกิ ในกล่มุ 1. นางสาวปิยลักษณ์ อนิ ทรตั น์ รหสั นักศกึ ษา 3004632007 2. นางสาวกลุ ธิดา อนิ ทรฤทธิ์ รหสั นกั ศกึ ษา 3004632018 3. นายจีรวัฒน์ วฒั นกูล รหัสนกั ศกึ ษา 3004632020 4. นางสาวณฐั พร พนั ธน์ ้อย รหสั นักศึกษา 3004632029 5. นางสาวพัทธวรรณ ชันตโิ ก รหัสนกั ศึกษา 3004632033 6. นายณฐั พงศ์ แสงอรณุ รหสั นกั ศึกษา 3004632037 7. นายรุง่ โรจน์ เหลอื งตระกลู รหัสนกั ศึกษา 3004632042
ขอบคุณคะ่
Search
Read the Text Version
- 1 - 18
Pages: