โดย นาย สันติ สืบทรง คณะเพื่อนม.5/5 ครผู ู้สอนประจาวิชา นาวอจั ฉรา ไสยะหุต นางสาวอารีย์ เท่ียงออ่ น โรงเรียนบ่อพลอยรัชดาภเิ ษก สานักงานเขตพนื้ ท่ีมัธยมศึกษากาญจนบุรี
ภมู ิประวัติสตรส์ ากล วัตถปุ ระสงค์ของการจัดทาองคค์ วามรู้ “ภมู ปิ ระวัตศิ าสตร์ บรูณาการรายวชิ า ประวัติศาสตร์ยุคโบราณ วิชาภูมิศาสตร์ สากล” วชิ าพระพทุ ธศาสนา วชิ าหนา้ ทีพ่ ลเมอื ง และ วชิ าภูมปิ ัญญา 1. บรู ณาการวิชาในกลุ่มสาระสงั คมศกึ ษา ของนักเรียน ไทยวัฒนธรรมไทย ในระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ภายใตส้ ถานการณก์ ารแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ โดย นายสันติ สบื ทรง และคณะ ไวรสั โคโรนา 2019 (Covid-19) 2. นาตัวชว้ี ดั และสาระการเรียนร้แู กนกลางต้องรแู้ ละควร ครผู ู้สอนประจาวิชา นางอัจฉรา ไสยะหตุ รู้ตามหลักสตู ร แกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน นางสาวอารีย์ เที่ยงอ่อน พุทธศกั ราช 2551 สาหรับการจดั การเรียนรู้ภายใต้ โรงเรยี นบอ่ พลอยรัชดาภิเษก สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา สานกั งานเขตพ้ืนทม่ี ธั ยมศกึ ษากาญจนบุรี 2019(Covid-19) 3. บรู ณาการรายวิชา ประวตั ิศาสตร์ยุคโบราณ วิชา ภูมศิ าสตร์ วชิ าพระพทุ ธศาสนา วชิ าหนา้ ท่ีพลเมือง และ วชิ าภมู ปิ ญั ญาไทยวัฒนธรรมไทย
คำนำ สารบญั การเรยี นการสอนในรายวชิ า สงั คมศกึ ษา -ประวตั ิศาสตร์ เรอ่ื งมรดก อารยธรรมจนี ยคุ ประวัตศิ าสตร์ เเละวัฒนธรรมจนี โดยมีจดุ ประสงค์ให้ผเู้ รียนมีความรู้เเละความเขา้ ใจ ในรายวชิ า สงั คมศกึ ษา-ประวัตศิ าสตร์ เเละมีเนื้อหาเกย่ี วกบั ตวั อักษร อารยธรรมจีนสมยั ก่อนประวัติศาสตร์ มีแหลง่ อารยธรรมท่ี จีนโบราณ 4 สิง่ ประดษิ ฐข์ องจีน เทศกาลจีน วัฒนธรรมการชงชา สาคัญ 2 แหล่ง คือ เเละเเหลง่ มรดกโลกของจนี เนือ่ งจากประเทศจนี มปี ระวัตศิ าสตรท์ ี่ สมัยประวตั ิศาสตรข์ องจนี แบง่ ได้ 4 ยคุ ยาวนานนบั หลายพนั ปี วัฒนธรรมจีนนอกจากเเสดงถงึ ความ อารยธรรมจีนในสมัยราชวงศต์ า่ งๆ มดี ังน้ี เจรญิ ก้าวหนา้ ท้ังทางดา้ นวัตถุเเละพัฒนาการทางสงั คมของประเทศ อารยธรรมจนี ในสมัยราชวงศ์ต่างๆ มีดงั นี้ จีนเเลว้ ยัฝสะท้อนถึงวิถชี วี ิตเเละเเนวความคิดของประชาชนจนี ด้วย จนี ยคุ สำธำรณรฐั และยคุ คอมมิวนิสต์ เเละครอบคลุมถึงสิง่ ต่างๆ ความเชอื่ จรยิ ธรรม ขนบธรรมเนียม ศิลปวฒั นธรรมของจนี ประเพณีเเละกฎระเบียบของสังคม วฒั นธรรมของชนชาติตา่ งๆ ดังน้นั กำรถำ่ ยทอดอำรยธรรมจนี สดู่ ินแดนตำ่ งๆ จุงมมี รดกและวฒั นธรรม เเละเเหล่งเรยี นรู้ทนี่ า่ สนใจ หวังเปน็ อยา่ งยิ่งว่าเร่อื ง มารดกและวัฒนธรรมจนี เลม่ นจ้ี ะเปน็ ประโยชนเ์ เก่ผู้เรียนเเละเป็นสง่ิ ทผี่ ู้เรียนให้ความสนใจไมม่ ากกน็ อ้ ย
อารยธรรมจนี ยุค ประวัติศาสตร์ ประเทศจีนเปน็ ประเทศทมี่ ีอารยธรรมยาวนานท่ีสุด ประเทศหน่งึ โดยหลักฐานทางประวตั ศิ าสตรท์ ่ี สามารถ ค้นคว้าไดบ้ ่งชว้ี ่าอารยธรรมจีนมีอายุถึง 5,000 ปี รากฐานท่ีสาคญั ของอารยธรรมจนี คือ การสร้างระบบ ภาษาเขยี น และการพัฒนาแนวคิดลัทธขิ งจ๊อื เม่ือ ประมาณ ศตวรรษท่ี 2 ก่อน ค.ศ. ประวัติศาสตรจ์ นี มีท้ัง ช่วงท่เี ป็นปกึ แผ่นและแตกเปน็ หลายอาณาจักรสลบั กนั ไป ในบางครง้ั กถ็ ูกปกครองโดยชนชาตอิ ่ืน วฒั นธรรมของจนี มี อทิ ธพิ ลอยา่ งสงู ตอ่ ชาตอิ น่ื ๆ ในทวีปเอเชยี ซ่งึ ถา่ ยทอดไป ทัง้ การอพยพ การค้า และการยดึ ครอง
อารยธรรมจีนสมัยก่อนประวตั ิศาสตร์ มแี หล่งอารยธรรมท่ี ลุม่ น้ำแยงซี ( Yangtze ) บริเวณมณฑลชานตุง สาคญั 2 แหล่ง คอื พบ วฒั นธรรมหลงซำน ( Lung Shan Culture ) พบหลักฐานท่เี ป็นเครือ่ งป้ันดนิ เผามลี ักษณะ ลุ่มแมน่ ้ำฮวงโห พบความเจริญท่ีเรยี กวา่ วัฒนธรรมหยำงเชำ ( Yang สาคญั คอื เครอื่ งป้นั ดนิ เผามเี น้อื ละเอียดสีดาขดั Shao Culture ) พบหลักฐานทเ่ี ป็นเคร่ืองปน้ั ดนิ เผามลี ักษณะสาคญั คอื มนั เงา คุณภาพดเี น้อื บางและแกรง่ เป็นภาชนะ เครอ่ื งปนั้ ดนิ เผาเป็นลายเขยี นสี มักเปน็ ลายเรขาคณิต พชื นก สัตว์ตา่ งๆ และพบใบหน้ามนษุ ย์ สที ่ใี ช้เป็นสีดาหรอื สีม่วงเข้ม นอกจากนยี้ ังมีการ 3 ขา พิมพ์ลายหรอื ขดู สลกั ลายเปน็ รปู ลายจกั สาน ลายเชอื กทาบ
สมยั ประวตั ิศาสตร์ของจีนแบง่ ได้ 4 ยคุ ราชวงศ์ชาง ประวตั ศิ าสตร์สมัยโบราณ เริ่มต้ังแต่สมยั ราชวงศ์ ราชวงศ์จ๋นิ ชาง ส้นิ สดุ สมัยราชวงศ์โจว ประวัตศิ าสตรส์ มยั จกั รวรรดิ เริ่มตั้งแตส่ มัยราชวงศ์จิ๋น จนถึง ปลายราชวงศช์ งิ หรอื เช็ง ประวตั ศิ าสตร์สมัยใหม่ เริม่ ปลายราชวงศ์เช็งจนถงึ การปฏวิ ัติเขา้ สู่ระบอบสงั คมนิยม ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย เริ่มตั้งแต่จีนปฏิวตั ิ เปล่ยี นแปลงการปกครองเข้าสูร่ ะบอบสังคมนิยม หรอื คอมมวิ นสิ ตจ์ นถงึ ปัจจบุ นั ราชวงศ์เช็ง
อารยธรรมจนี ในสมยั ราชวงศต์ า่ งๆ มีดังนี้ ราชวงศ์โจว ราชวงศ์ชาง ราชวงศ์ชาง เป็นราชวงศ์แรกของ จนี แนวความคิดดา้ นการปกครอง เช่ือเรื่องกษัตริยเ์ ป็น “โอรสแหง่ สวรรค์ สวรรค์มอบ มีการปกครองแบบนครรฐั อานาจให้มาปกครองมนษุ ย์เรยี กวา่ “อำณตั แหง่ สวรรค์ มีการประดษิ ฐ์ตัวอกั ษรขึ้นใช้เปน็ เริ่มตน้ ยุคศกั ดนิ าของจนี คร้ังแรก พบจำรกึ บนกระดอง เกดิ ลัทธขิ งจอ๊ื ท่ีมีแนวทาง เตำ่ และกระดกู วัว เร่อื งทีจ่ ารึก ส่วนใหญเ่ ปน็ การทานาย เป็นแนวคดิ แบบอนรุ ักษน์ ยิ ม โชคชะตาจึงเรยี กวา่ “กระดูก เน้นความสัมพนั ธ์และการทาหนา้ ทขี่ องผคู้ นในสังคม ระหว่างจกั รพรรดกิ บั เสีย่ งทำย” ราษฎร บิดากับบุตร พ่ีชายกบั นอ้ งชาย สามกี ับภรรยา เพ่อื นกับเพอ่ื น มคี วามเช่อื เรือ่ งการบชู าบรรพ เน้นความกตญั ญู เคารพผอู้ าวุโส ใหค้ วามสาคัญกับครอบครัว บรุ ุษ เนน้ ความสาคัญของการศกึ ษา
รำชวงศ์สยุ รำชวงศถ์ งั เป็นยคุ แตกแยกแบ่งเป็นสามก๊ก ได้ชอื่ ว่าเป็นยุคทองของอารยธรรมจีน นครฉางอานเปน็ ศูนยก์ ลาง มกี ารขดุ คลองเชื่อมแม่นา้ ฮวงโหกับแมน่ ้าแยงซี เพอ่ื ของซีกโลกตะวนั ออกในสมัยนั้น พระพทุ ธศาสนามคี วามเจริญรงุ่ เรอื ง พระภิกษุ (ถงั ซ้ำจัง๋ ) เดนิ ทาง ประโยชน์ในดา้ นการคมนาคม ไปศกึ ษาพระไตรปิฎก ในชมพทู วีป เป็นยุคทองของกวีนพิ นธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหวย่ หลไี่ ป๋ ตู้ฝู้ ศิลปะแขนงตา่ งๆมีความรงุ่ เรอื ง
• ราชวงศ์ซอ้ ง • ราชวงศห์ ยวน มีควำมกำ้ วหนำ้ ดำ้ นกำรเดนิ เรอื สำเภำ • เป็นราชวงศช์ าวมองโกลท่ีเข้ามาปกครองจีน ฮอ่ งเต้องคแ์ รก รูจ้ กั กำรใชเ้ ข็มทศิ รูจ้ กั กำรใชล้ กู คิด คอื กุบไลขำ่ น หรือ หงวนสีโจว๊ ฮ่องเต้ ประดิษฐ์แท่นพมิ พห์ นงั สอื • ชาวตะวันตกเข้ามาติดตอ่ คา้ ขายมาก เชน่ มารโ์ คโปโล พอ่ ค้า รกั ษำโรคดว้ ยกำรฝังเขม็ ชาวเมอื งเวนีส อติ าลี
• ราชวงศห์ มิงหรือเหม็ง • ราชวงศ์ชงิ หรือเช็ง • วรรณกรรม นิยมการเขียนนวนยิ ายท่ใี ช้ภาษาพูดมากกวา่ การ • เป็นราชวงศ์เผา่ แมนจู เปน็ ยุคทจ่ี นี เสือ่ มถอยความเจรญิ ทกุ ด้าน • เร่มิ ถกู รกุ รานจากชาติตะวันตก เชน่ สงครามฝิน่ ซ่ึงจีนรบแพ้ ใช้ภาษาเขียน มนี วนยิ ายทีส่ าคัญ ไดแ้ ก่ สำมกก๊ ไซอวิ๋ • สง่ เสรมิ การสารวจเส้นทางเดนิ เรือทางทะเล องั กฤษ ทาใหต้ อ้ งลงนามในสนธสิ ญั ญานานกิง • สรา้ งพระราชวงั หลวงปักกิ่ง (วงั ตอ้ งห้าม) • ปลายยุคราชวงศ์ชงิ พระนางซสู ีไทเฮาเขา้ มามีอทิ ธพิ ลในการ บริหารประเทศมาก
จนี ยุคสาธารณรัฐและยุคคอมมวิ นิสต์ •ปลำยยคุ รำชวงศช์ ิง ดร.ซนุ ยตั เซน็ จดั ตงั้ สมำคมสนั นบิ ำต เพ่ือลม้ ลำ้ งรำชวงศช์ ิง โดย อนสุ ำวรยี ว์ รี ชนปฏิวตั ขิ องจีน ประกำศ ลัทธิไตรราษฎร์ ประกอบดว้ ย 1.หลกั เอกรำช 2.หลกั แห่งอำนำจอธิปไตยของ ประชำชน 3.หลกั ควำมยตุ ิธรรมในกำรครองชีพ สว่ นนโยบำยปฏวิ ตั ิ คือ โค่นลม้ รำชวงศแ์ มนจู และจดั ตงั้ รฐั บำลประชำชน จดั ตงั้ รฐั บำลตำมระบอบสำธำรณรฐั จดั สรรท่ดี ินใหแ้ ก่ประชำชน และก่อตงั้ พรรคชำตนิ ยิ ม หรอื พรรคก๊กมนิ ต๋งั ขนึ้ ในท่ีสดุ •ต่อมำ ซนุ ยตั เซ็นไดร้ ว่ มมือกบั ยวน ซไี ข ทำกำรปฏิวตั ิลม้ รำชวงศช์ ิงไดส้ ำเร็จเปลย่ี นกำรปกครอง เขำ้ สรู่ ะบอบสำธำรณรฐั (จกั รพรรดิปยู ี เป็นกษัตรยิ อ์ งคส์ ดุ ทำ้ ยของจีน) มกี ำรแย่งชิงอำนำจของ ผนู้ ำทำงทหำรเรยี กว่ำ ยคุ ขนุ ศกึ •ซนุ ยตั เซน็ ไดเ้ สนอให้ ยวน ซไี ข เป็นประธำนำธิบดีของสำธำรณรฐั จีน •ยวน ซีไข คิดสถำปนำตนเองเป็นจกั รพรรดิและรอื้ ฟื้นระบบศกั ดนิ ำ •ดร.ซนุ ยตั เซ็น ตงั้ พรรคก๊กมินต๋งั •เม่อื ยวน ซีไข เสยี ชีวติ ลง ดร.ซนุ ยตั เซน็ เป็นประธำนำธิบดี แต่เป็นไดไ้ ม่นำนก็เสยี ชีวิต •หลงั จำก ดร. ซุนยตั เซ็น เสยี ชีวิต เจียงไคเช็ค ขนึ้ เป็นผนู้ ำพรรคก๊กมินต๋งั และผนู้ ำจีน •แต่รฐั บำลเจียงไคเช็ค ประสบปัญหำฉอ้ รำษฎรบ์ งั หลวง กดข่ีรำษฎร •จีนเกิดกำรปฏวิ ตั ิอกี ครงั้ โดยพรรคคอมมวิ นสิ ตจ์ ีน ภำยใตก้ ำรนำของ เหมำ เจ๋อตุง รฐั บำลเจียง ไคเช็ค ต่อสกู้ บั พรรคคอมมิวนิสตแ์ ต่แพ้ •เหมำ เจ๋อตงุ สถำปนำ “สำธำรณรฐั ประชำชนจีน” ปกครองดว้ ยระบอบคอมมวิ นิสต์ มกี ำรจัด ระเบียบสงั คมใหม่ เรยี กวำ่ การปฏวิ ัตทิ างวัฒนธรรม เพ่ือต่อตำ้ นจำรตี ศกั ดินำแบ่งชนชนั้ •หลงั จำก เหมำ เจ๋อตงุ เสยี ชีวติ เตงิ้ เส่ยี วผงิ ขนึ้ เป็นผนู้ ำจีนแทน ประกำศพฒั นำประเทศ ดว้ ย นโยบายส่ที นั สมัย คือดำ้ นเกษตรกรรม อตุ สำหกรรม กำรทหำร วทิ ยำศำสตรแ์ ละ เทคโนโลยี โดยอนญุ ำตใหต้ ำ่ งชำตเิ ขำ้ มำลงทนุ ภำยในประเทศ รวมทงั้ ผอ่ นปรนวถิ ีกำรดำเนินชวี ติ ของประชำชนใหค้ ลำยควำมเขม้ งวดลง
ศลิ ปวฒั นธรรมของจนี ประตมิ ากรรม จติ รกรรม •มีววิ ฒั นำกำรมำจำกกำรเขยี นตวั อกั ษรจีนจำรกึ บนกระดกู เสีย่ งทำยเพรำะ •สว่ นใหญ่เป็นเครอื่ งปั้นดินเผำมอี ำยเุ กำ่ แก่ตงั้ แตก่ อ่ นประวตั ศิ ำสตร์ ทำ ตวั อกั ษรจีนมลี กั ษณะเหมอื นรูปภำพ จำกดนิ สีแดง มลี วดลำย แดง ดำ และขำวเป็นลวดลำยเรขำคณิต •งำนจิตรกรรมจีนรุง่ เรอื งมำกในสมยั รำชวงศฮ์ ่นั มกี ำรเขยี นภำพและแกะสลกั บน •สมยั รำชวงศช์ ำง มกี ำรแกะสลกั งำชำ้ ง หนิ อ่อน และหยกตำมควำมเชื่อ แผน่ หิน ทีน่ ิยมมำกคอื กำรเขียนภำพบนผำ้ ไหม ภำพวำดเป็นเรอ่ื งเลำ่ ในตำรำ และควำมนยิ มของชำวจีน ทีเ่ ชื่อวำ่ หยก ทำใหเ้ กิดควำมเป็นสิรมิ งคล ขงจือ๊ พระพทุ ธศำสนำและภำพธรรมชำติ ควำมสขุ สงบ ควำมรอบรู้ ควำมกลำ้ หำญ ภำชนะสำรดิ เป็นหมอ้ สำมขำ •สมยั รำชวงศถ์ งั มีกำรพฒั นำกำรใชพ้ กู่ นั สีและกระดำษภำพสว่ นใหญ่ไดร้ บั •สมยั รำชวงศถ์ งั มีกำรพฒั นำเครอ่ื งเคลอื บดนิ เผำเป็นเคลอื บ 3 สีคอื อิทธิพลจำกพทุ ธศำสนำและลทั ธิเตำ๋ เหลือง นำ้ เงิน เขยี ว สว่ นสีเขียวไขก่ ำมีช่ือเสยี งมำกในสมยั รำชวงศซ์ อ้ ง •สมยั รำชวงศซ์ อ้ ง จิตรกรรมจดั วำ่ เดน่ มำก ภำพวำดมกั เป็นภำพมนษุ ยก์ ับ ธรรมชำติ ทิวทศั น์ ดอกไม้ สว่ นพระพุทธรูปนิยมสร้างในสมยั ราชวงศถ์ งั ทงั้ งำนหลอ่ สำรดิ และ แกะสลกั จำกหิน ซงึ่ มสี ดั สว่ นงดงำม เป็นกำรผสมผสำนระหวำ่ งศิลปะ อินเดยี และจีนทม่ี ีลกั ษณะเป็นมนษุ ยม์ ำกกวำ่ เทพเจำ้ นอกจำกนมี้ ีกำรปั้น รูปพระโพธิสตั วก์ วนอมิ •สมยั รำชวงศเ์ หม็ง เครอื่ งเคลือบไดพ้ ฒั นำจนกลำยเป็นสินคำ้ ออก คอื เครอื่ งลำยครำมและลำยสีแดง ถึงรำชวงศช์ ิง เครอื่ งเคลอื บจะนิยมสสี นั สดใส เชน่ เขียว แดง ชมพู
สถาปัตยกรรม วรรณกรรม •กำแพงเมอื งจีน สรำ้ งในสมยั รำชวงศจ์ ๋ิน เพอ่ื ปอ้ งกนั กำรรุกรำนของมองโกล •สามกก๊ สนั นิษฐำนวำ่ เขียนในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 14 เป็นเรอื่ งรำวของควำม •เมืองปักก่ิง สรำ้ งในสมยั รำชวงศห์ งวน โดยกบุ ไลขำ่ น ซง่ึ ไดร้ บั กำรยกยอ่ ง แตกแยกในจีนตงั้ แตป่ ลำยสมยั รำชวงศจ๋ินจนถงึ รำชวงศฮ์ ่นั •ซอ้ งก๋งั เป็นเรอื่ งประทว้ งสงั คม เรอ่ื งรำวควำมทกุ ขข์ องผคู้ นในมือชนชนั้ ทำงดำ้ นกำรวำงผงั เมือง สว่ นพระรำชวงั ปักกิ่งสรำ้ งในสมยั รำชวงศเ์ หมง็ ผปู้ กครอง สะทอ้ นควำมทกุ ขข์ องชำวจีนภำยใตก้ ำรปกครองของพวกมองโกล •พระรำชวงั ฤดรู อ้ น สรำ้ งในสมยั รำชวงศเ์ ช็ง โดยพระนำงซูสีไทเฮำ ซง่ึ เป็น •ไซอ๋วิ เป็นเรอ่ื งรำวกำรเดนิ ทำงไปนำพระสตู รจำกสวรรคท์ ำงตะวนั ตกมำยงั สถำปัตยกรรมทผ่ี สมผสำนระหวำ่ งยโุ รปและจีนโบรำณ ประเทศจีน •จนิ ผิงเหมย หรอื ดอกบวั ทอง แตง่ ขนึ้ ในรำวครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 16-17 เป็นนยิ ำย เก่ียวกบั สงั คมและชีวติ ครอบครวั เป็นเรอ่ื งของชีวิตที่รำ่ รวย มีอำนำจขนึ้ มำดว้ ย เลห่ เ์ หลยี่ ม แตด่ ว้ ยกำรทำช่วั และผดิ ศลี ธรรมในท่สี ดุ ตอ้ งดร้ บั กรรม •หงโหลวเม่ิง หรือ ความฝันในหอแดง เดน่ ทีส่ ดุ ในครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 18 เรอ่ื งรำวเตม็ ไปดว้ ยกำรแกง่ แยง่ ชิงดี อิจฉำรษิ ยำกนั ผอู้ ำ่ นจะรูส้ กึ เศรำ้ สลดตอ่ ชะตำชีวติ ของพระเอกนำงเอกเนอื้ เรอื่ งสะทอ้ นใหเ้ ห็นสงั คมศกั ดนิ ำของจีนที่กำลงั เส่ือมโทรมกอ่ นกำรเปลย่ี นแปลงสงั คมเขำ้ สยู่ คุ ใหม่ บนั ทกึ ประวัตศิ าสตร์ ของ สอ่ื หมำ่ เฉียน
การถา่ ยทอดอารยธรรมจนี สู่ดนิ แดนตา่ งๆ สว่ นภมู ิภำคเอเชียกลำงและตะวนั ออกกลำงนนั้ เนื่องจำก บรเิ วณที่เสน้ ทำงกำรคำ้ สำนแพรไหมผำ่ นจึงทำหนำ้ ทเ่ี ป็น อำรยธรรมจีนแผข่ ยำยขอบขำ่ ยออกไปอยำ่ งกวำ้ งขวำงทงั้ ในเอเชียและ สอื่ กลำงนำอำรยธรรมตะวนั ตกและจีนมำพบกนั อำรย ยโุ รป อนั เป็นผลมำจำกกำรติดตอ่ ทำงกำรทตู กำรคำ้ กำรศกึ ษำ ตลอดจน ธรรมจีนทเ่ี ผยแพรไ่ ป เชน่ กำรแพทย์ กำรเลยี้ งไหม กำรเผยแผศ่ ำสนำ อยำ่ งไรก็ตำมลกั ษณะกำรถำ่ ยทอดแตกตำ่ งกนั ออกไป กระดำษ กำรพมิ พ์ และดินปืน เป็นตน้ ซงึ่ ชำวอำหรบั จะ ดินแดนทเ่ี คยตกอยภู่ ำยใตก้ ำรปกครองของจีนเป็นเวลำนำน เช่น เกำหลี นำไปเผยแพรแ่ ก่ชำวยโุ รปอีกตอ่ หนง่ึ และเวียดนำม จะไดร้ บั อำรยธรรมจีนอยำ่ งสมบรู ณ์ ทงั้ ในดำ้ นวฒั นธรรม กำรเมือง ขนบธรรมเนยี มประเพณี กำรสรำ้ งสรรค์ และกำรแสดงออกทำง ศิลปะ ทงั้ นเี้ พรำะรำชสำนกั จีนจะเป็นผกู้ ำหนดนโยบำยและบงั คบั ให้ ประเทศทงั้ สองรบั วฒั นธรรมจีนโดยตรง ในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ อำรยธรรมจีนไดร้ บั กำรยอมรบั ในขอบเขต จำกดั มำก ท่ีเหน็ อยำ่ งชดั เจนคอื กำรยอมรบั ระบบบรรณำกำรของจีน ในเอเชียใต้ ประเทศท่แี ลกเปลี่ยนวฒั นธรรมกบั จีนอยำ่ งใกลช้ ิด คอื อินเดยี พระพทุ ธศำสนำมหำยำนของอนิ เดยี แพรห่ ลำยเขำ้ มำในจีน จนกระท่งั เป็นศำสนำสำคญั ทชี่ ำวจีนนบั ถือ นอกจำกนศี้ ลิ ปะอินเดยี ยงั มี อิทธิพลตอ่ กำรสรำ้ งสรรคศ์ ลิ ปะบำงอยำ่ งของจีน เชน่ ประตมิ ำกรรมที่เป็น พระพทุ ธรูป
จดั ทาโดย หาข้อมูลโดย นำยสนิ ติ สืบทรง เลขท1่ี 0 นำยชวลั วทิ ย์ ใครค่ รวญ เลขท่ี1 นำงสำววิรญั ชนำ จำเรญิ เลขที่15 นำยชยั วฒั น์ ทมุ ขนั ท์ เลขท2่ี นำยทิชำนนท์ เอ่ียมวิไล เลขท่ี7 นำยธนกฤต ชื่นชวน เลขที่3 นำยชยั วฒั น์ ทองโตอ่ำ เลขที่6 นำยธญั เทพ ศรเี พชรดี เลขที่4 นำยวชั รำกร สำมสวนเเกว้ เลขท5่ี นำยชินภทั ร รตั นหนมุ่ นอ้ ย เลขที่8 นำยณฐั วฒุ ิ พนั ธพ์ ฒุ เลขท่ี9 นำยสินติ สอื ทรง เลขที่10 นำยอธิชำติ ออ่ นสวำ่ ง เลขที่11 นำยทติ ติพร กำระวงษ์ เลขที่12 นำยอนชุ ิต กำระเกตุ เลขท่ี13 นำยภทั รพล ปีสิงห์ เลขท่ี14 นำงสำวเกรศรำภรณ์ เหมอื นทดั เลขท่ี16 นำงสำวคีตภทั ร ยงั อยู่ เลขที่17 นำงสำวศภุ นดิ ำ อยเู่ ป่ียม เลขท่ี18
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: