การเพาะเลีย้ งจระเข คาํ นาํ จระเขเ ปนสัตวป า จาํ พวกสตั วเลอ้ื ยคลานท่คี ร้ังหน่งึ ในอดตี เคยมปี รมิ าณมากมายตามแหลง นํ้า ธรรมชาตขิ องประเทศไทย แตปจ จบุ นั นจ้ี ระเข ประสบภาวะถกู คกุ คามจนใกลส ญู พันธไุ ปจากธรรมชาติ เนอ่ื งจากความตองการบริโภคของมนษุ ยอ นั มตี อหนังและเน้อื จระเข ทวปี ริมาณมากขน้ึ ประกอบกบั สภาพ ความเปน อยแู ละแหลงอาศัยหากินในธรรมชาติถกู ทาํ ลายดวยการรกุ ลา้ํ ของมนษุ ย ดังน้ันเราจึงพบเห็นเพยี ง จระเขท ี่เกดิ หรอื อยใู นท่ีเพาะเล้ียงเทานัน้ ซึง่ ก็คอื หน ทางเดียวทจี่ ะอนุรกั ษทรพั ยากรจระเขเอาไวได อีกทั้งยัง เปน จรรโลงธุรกจิ อุตสาหกรรมการผลิตสัตวเ พือ่ เปน สตั วเ ศรษฐกจิ ขนึ้ มาเชนน้ีแลว ขอ มลู ดา น ชีววทิ ยา การ สืบพนั ธุ การฟกไข การอนบุ าล การเลีย้ ง การขุน การดแู ลรกั ษาโรค การควบคมุ การทาํ ฟารม และการตลาด จงึ เปนพนื้ ฐานสําคัญสําหรบั เกษตรกรผเู ล้ียงจระเข และสนใจประกอบการตัดสินใจดาํ เนนิ กจิ การเลย้ี งจระเข ตอ ไป จระเขและตะโขงทพี่ บในประเทศไทย 1. จระเขน ้าํ จืดหรอื จระเขพนั ธุไทย (Freshwater or Siamese Crocodile, Crocodylus siamensis) ถ่ินกาํ เนดิ : เวยี ดนาม เขมร ลาว ไทย กะลมิ ันตนั ชวา และมใี นสุมาตรา ลักษณะ : เปน จระเขขนาดปานกลาง คอ นมาทางใหญ (3-4 เมตร) มีเกลด็ ทา ยทอย ชวี วิทยา : - จระเขถงึ วยั เจรญิ พันธเุ มอื่ อายุ 10-12 ป - วางไขค รัง้ ละ 20-48 ฟอง - ระยะเวลาฟก ไขนาน 68-85 วนั เฉล่ยี ราว 80 วนั - ดพุ อสมควร - ชอบอยูและหากินเดย่ี ว 2. จระเขนํา้ เค็มหรือจระเขป ากแมน ้ํา (Saltwater or Estaurine Crocodile, Crocodylus porosus) ถิ่นกําเนดิ : ศรีลังกา ตะวนั ออกของอินเดยี บงั คลาเทศ พมา ไทย เวยี ดนาม มาเลเซยี อนิ โดนีเซยี ฟล ิปปน ส และออสเตรเลียชอบอยูต ามปาก แมน ้ําทเ่ี ปด ออกทะเลและปา ชายเลน ลักษณะ : เปนจระเขขนาดใหญท ีส่ ุด มรี ายงานพบวายาวถงึ 9 เมตร ไมม ีเกล็ดทายทอย
ชีววิทยา : - เพศผถู งึ วยั เจรญิ พันธเุ ม่อื อายุ 16 ป หรือยาวประมาณ 3.2 เมตร สว นเพศเมยี คอื 10 ป และ 2.2 เมตร ตามลาํ ดับ - วางไขฤ ดฝู น ครัง้ ละ 25-90 ฟอง เฉลยี่ 50 ฟอง - ระยะเวลาฟกไขนาน 80 วนั - มีนสิ ัยดุรา ย ไมช อบอยเู ปน ฝงู 3. ตะโขงหรอื ตะโขงมลายู (False Gharial หรือ malayan Gharial, Tomistoma Schlegelii) ถิ่นกําเนิด : ตอนใตข องประเทศไทยและในคาบสมุทรมลายู สมุ าตรา กะลิมนั ตนั และ บอรเนียว อาศัยตามน้ํากรอย และปา ชายเลน ลักษณะ : ขนาดปานกลางความยาวประมาณ 2.80-3.0 เมตร ปากแหลมเรียวยาวมากแตไ มมี กอ นเนอื้ ตอนปลายจมกู เชน ตะโขงอินเดีย มแี ถบสดี ําพาดขวางลําตวั และหาง ชีววทิ ยา : - ตะโขงเพศเมยี ถงึ วยั เจริญพนั ธเุ ม่อื อายุ 5-6 ป หรือความยาว 2.50-3.0 เมตร - ทํารงั โดยพูนดนิ และวชั พืชขน้ึ บนชายฝง - วางไขครง้ั ละ 20-60 ฟอง ในฤดูแลง - ระยะฟก ไขราว 2.5-3 เดือน เปน ตวั ประมาณตนฤดฝู น - การขยายพันธใุ นท่กี กั ขงั หรอื เพาะเลย้ี งยังไมป ระสบความสาํ เร็จ จระเขทใ่ี ชเปนสตั วเ ศรษฐกจิ จระเขท นี่ าํ มาเลย้ี งเปน สัตวเ ศรษฐกิจของประเทศไทยนนั้ มอี ยู 2 ชนิดคอื 1. จระเขน ้าํ จดื หรือจระเขพ นั ธไุ ทย 2. จระเขน ํา้ เคม็ หรอื จระเขตนี เปด หรือไอเ คยี่ ม สาํ หรับประเทศไทยแลว นยิ มเลีย้ งจระเขน าํ้ จดื หรือจระเขพ ันธไุ ทยมากกวาจระเขน ํา้ เคม็ ทงั้ นี้ อาจเนือ่ งมาจากเหตผุ ลดงั ตอ ไปน้ี 1. พนั ธจุ ระเขนาํ้ จืดหางา ยกวาพันธุจ ระเขนํา้ เค็ม ทง้ั นี้เพราะมฟี ารม ทเ่ี ล้ียงขายลูกจระเขน ้าํ จืด อยูหลายแหง 2. จระเขน ้ําจดื เลี้ยงใหลูกเรว็ กวา คอื เริ่มเมอื่ อายุ 10-12 ป สว นจระเขน ํ้าเค็มจะเริ่มเจริญพันธุ ในตวั ผูเมื่ออายุ 16 ป และตวั เมยี ทอี่ ายุ 10 ป 3. มกี ารนาํ ลกู จระเขน้ําจดื จากประเทศเพือ่ นบานเขามาเลย้ี ง จงึ นับเปนอกี แหลงท่คี อยสนบั สนุน เรอื่ งพนั ธุมากข้นึ 4. ผคู นเชอ่ื วา จระเขน าํ้ เค็มตองเลี้ยงดว ยน้ําเคม็ เทาน้ัน จึงหนั มาเลีย้ งพันธนุ ํ้าจดื ซง่ึ หาแหลงนาํ้ งา ยกวา แตความเปนจริงแลว จระเขน ้าํ เคม็ สามารถเลีย้ งไดเ ปน อยางดใี นนํ้าจดื 5. พอแมพนั ธุจ ระเขน า้ํ เค็มมนี อ ย ทัง้ นี้เพราะในอดีตถกู ลาและสงหนงั ออกขายยังตางประเทศ
เปน สวนใหญเ น่อื งจากตลาดโลกนยิ มหนงั จระเข พนั ธนุ าํ้ เคม็ มาก สวนตะโขงนัน้ ไมน าํ มาเพาะเล้ียง เนือ่ งจากหนงั ไมมรี าคาและขยายพนั ธุยาก การตงั้ วตั ถุประสงคข องการเลีย้ งจระเข 1. การรับเลีย้ งหรือเล้ยี งขุนคือ การซื้อลกู จระเขข นาดประมาณ 30 ซ.ม. มาเลี้ยงขนุ จนโต ยาวราว 1.50 ถึง 1.80 เมตร หรือจนโตเตม็ ท่ี 2.5 ถงึ 3.0 เมตร บางคนใชจระเขเ ปน เสมอื น \"ถังขยะที่มชี วี ติ \" คอื ถือ เปนตัวทาํ ลายซากสัตว เชน หมู ไก ทเี่ ลย้ี งใชใ นฟารม 2. การเล้ียงเพือ่ เพาะขายลูก คือ การเลย้ี งเฉพาะพอ แมพันธุ เม่อื ผสมพนั ธไุ ดล กู ออกมาก็ขาย เฉพาะลูกไปปต อป จะตองคดั เลอื กจระเขต งั้ แต เปนวยั รนุ ทีม่ ปี ระวตั มิ าจากพอแมโ ดยทราบแนช ัดวาให ผลผลติ ดกี ารนํามาเขาคูใ นระยะยงั เปน วยั รนุ เลยี้ งในบอคดู ว ยอตั ราสว นตวั ผตู อตวั เมยี เทา กับหน่ึงตอหนึง่ น้ัน จะลดอตั ราความเสียหายจากการตอสูกัดกนั และยงั เพมิ่ อัตราการผสมตดิ ใหม ากข้ึน 3. การเล้ียงคร่งึ วงจรคอื มกี ารเลยี้ งพอแมพ นั ธเุ พ่อื เพาะขยายพนั ธุ เม่ือไดล ูกแลวก็ขุนจนโตได ขนาดจึงชําแหละสงตอไปยงั โรงงานฟอก หนงั หรอื กจิ การทาํ ผลติ ภัณฑอ ีกทีหนึ่ง 4. การเลย้ี งครบวงจร คอื การเพาะขยายพนั ธุ ขุน ชําแหละ และสง ออกหนงั รวมทง้ั ผลิตภณั ฑ จากจระเขท กุ ชนิด อีกทั้งยงั มกี ารผลติ อาหารจระเขอ ีกดว ย วงจรของการเลยี้ งจระเขก ค็ ลายกบั วงจรการเลย้ี งปศสุ ัตวอนื่ ๆ จะตา งกนั กเ็ พียงรายละเอียด ปลีกยอ ยเทา นน้ั หากจะขยายความแลวการเลย้ี ง ครบวงจรของอุตสาหกรรมจระเข กเ็ ริ่มมาจากมีพอ แมพ นั ธุ เพาะล้ยี งลกู ขนุ จระเขรนุ จนไดข นาดเกณฑเ พ่อื เชือดและลอกหนัง มกี จิ การสง ออกหนงั ดบิ ฟอก หนัง และ ทําผลิตภณั ฑจ ากหนงั จระเขแ ละเนอ้ื จระเข นอกจากนี้ยงั สามารถผลติ อาหารอื่นมาเลย้ี งจระเขไ ดเองอกี ดว ยน่ี คือการเลี้ยงครบวงจรอยา งจริงจัง แตก ็มีบาง โครงการทีต่ อ งการเพาะลกู จระเขไดแ ลว จึงสงไปยังลูกเลา หรอื เกษตรกรรายยอ ยทาํ หนา ท่รี บั จางเล้ียงภายใตเ ง่ือนไขและกฎเกณฑด านเทคโนโลยี จาก ฟารมแม เพอื่ ใหไ ด คุณภาพทเ่ี หมาะสมเมือ่ ถึงขนาดแลวก็ขายกลับไปยงั ฟารม แมดว ยราคาประกนั ทําลกั ษณะเดยี วกับธรุ กจิ ฟารม ไก ฟารม สุกร ปจจัยทม่ี ผี ลเกยี่ วของตอการเลี้ยงจระเข 1. พนั ธุ การตัดสนิ ใจเลือกวาจะเล้ยี งจระเขพ นั ธใุ ดยอมขึ้นกับ 1.1 ความตอ งการของตลาด 1.2 แหลง ทมี่ าของพันธุ ซง่ึ ตอ งเปนพันธแุ ท 1.3 คณุ ภาพของสายพนั ธนุ น้ั วา มาจากพอ แมพ นั ธุที่ใหผ ลผลติ สงู สมบรู ณและแขง็ แรง มี ขอ บกพรองทางพนั ธกุ รรมอยางใดหรอื ไม 2. สถานท่เี ลยี้ ง ขอนี้รวมทง้ั ทดี่ ิน ทาํ เลทต่ี งั้ และบอ ท่ีใชเลยี้ ง โดยพิจารณาจาก 2.1 การรบกวนตอ เพอื่ นบานใกลเ คียง 2.2 การคมนาคมขนสง
2.3 ระบบและสถานทห่ี รอื ลูทางระบายกาํ จัดของเสีย ทง้ั ส่ิงปฏิกูลและนาํ้ เสีย 2.4 คา ลงทุนในที่ดนิ กับคา ตอบแทนจากการเลยี้ ง 2.5 การขยายตวั ในอนาคต มีเผ่อื ไวห รือไม 2.6 ขนาดบอท่ีใชเ ลยี้ ง 2.7 วสั ดุ พ้ืนผวิ และระบบทใี่ ชเล้ียงจระเข ซง่ึ ขึน้ กับวัตถปุ ระสงคท ี่วางไวต ง้ั แตแ รก 3. แหลงน้ํา เน่ืองจากจระเขเ ปน สัตวเล้ือยคลานจึงไมส ามารถปรับอุณหภมู ิภายในรา งกายไดด ว ย ตัวเอง จาํ เปน อยางย่งิ ท่ีตอ งใชส งิ่ แวดลอ ม เปน ตวั ชว ยปรับอุณหภูมิ นนั่ คือ\"น้ํา\" ตอ งจัดหาน้ําใหเ พียงพอ สมํ่าเสมอตลอดเวลา อีกท้ังคุณภาพน้าํ ตองอยใู นเกณฑท ดี่ ดี ว ย การเล้ียงจงึ จะประสบผลสาํ เร็จ ไดจ ระเขที่มี หนงั คุณภาพสงู ทัศนคตเิ ดิมๆ เกยี่ วกบั จระเขท ่วี า สามารถอยใู นนํา้ เนา ควรลมื เสยี เพราะวิธีเล้ยี งเชน นนั้ จะทํา ใหจระเขป ว ยและมีคุณภาพหนงั ท่ีเลว ดงั น้นั ผูเ ล้ยี งตอ งคํานงึ ถงึ แหลง นํ้าดบิ ทด่ี เี พอื่ ใชเ ลย้ี ง ลา ง และทาํ ความ สะอาดบอจระเขโดยทวั่ ไปใหมาก 4. แหลง อาหาร อาหารท่ีดีมคี ณุ ภาพ ไมว าจะเปนซากไก ปลา หมู วัว ฯลฯ ซง่ึ เปน แหลงโปรตีนก็ ดี ควรอยูไ มไ กลจากทเี่ ลยี้ งมากนักเพราะ การขนสง ไกลๆ ยอ มทาํ ใหอาหารสดเหลา นนั้ บูดเนาหรอื คุณภาพ เสอื่ มถอยลง อกี ทั้งตอ งคาํ นงึ ถึงการจดั หาวา สามารถจดั หาอาหารเหลา นนั้ ใหไดสมํา่ เสมอหรือ ไมมิใชขาดๆ หายๆ อันจะเปนผลเสยี ตอ การเลยี้ งรวมถึงราคาที่ตองอยใู นเกณฑทพี่ อเหมาะอกี ดว ย 5. แหลงวชิ าการ ปจ จบุ ันการเลย้ี งสตั วไมว า ชนิดใดกต็ ามลว นจาํ เปนตองอาศยั วทิ ยาการ และ เทคโนโลยที ่ที นั ยุคทันสมัย เพอ่ื ใหไดผ ลผลติ คมุ คากับการลงทุน การเล้ยี งจระเขก เ็ ชน เดียวกนั หากสามารถ หาแหลงสนบั สนนุ ทางวชิ าการได เชน สมาคมฯ มหาวทิ ยาลยั หรอื นกั วชิ าการ เพือ่ ชว ยชแี้ นะให การ ดาํ เนนิ การเปน ไปในแนวทางที่จักกอ ใหเ กิดประโยชนอ ยางสูงสุดและคุม คา อกี ท้ังหากมีปญหาเกิดขึน้ กย็ อม ชวยแกไขปญ หาผอนคลายไดก อนทจี่ ะ สายเกนิ ไป 6. ทนุ ทรพั ย ปจจัยนห้ี ากขาดแลว ละก็มอิ าจดาํ เนินกจิ การอะไรไดเลยไมว า จะเปนการเลย้ี งจระเข หรอื สัตวอ นื่ ใด แตเ ราสามารถควบคุมปจจัย นีไ้ ด โดยใชท กุ บาททกุ สตางคเพื่อใหเกดิ ประโยชนอ ยา งคมุ คาสงู สุด คดิ ตริตรองและใชเ หตุผลประกอบกบั หลักวชิ าการทุกครงั้ กอ นใชเงิน 7. การตลาด เรือ่ งนีม้ ีความสาํ คญั อยางมาก หากเล้ียงไปแลว ไมม ตี ลาดรับซอื้ ผลผลติ จะทํา อยา งไร ?ราคาต่ํา ไมค ุมการลงทนุ จะขายหรอื ไม? การจะสรา งตลาดลกู จระเข ตลาดหนังจระเข หรอื ตลาด ผลติ ภัณฑจระเข ท้ังในและนอกประเทศไดอยา งไร ? ผทู ี่ตัง้ ตน หรอื คดิ ทีจ่ ะเลย้ี งจระเขควรศกึ ษาหา ขอ มูลให ดเี สียกอน อีกทงั้ ตอ งรูขน้ั ตอนตางๆ ในการคา ขายจระเขน ่นั รวมถึงระเบียบกฎเกณฑขอ กฎหมาย ทั้งของ ภายในประเทศและระหวา งประเทศ (ไซเตส CITES) อยา งถอ งแทอ กี ดวย การสบื พันธขุ องจระเข กอ นอนื่ เราควรมารูจ กั ถึงลกั ษณะหรอื กายวภิ าคของระบบสืบพนั ธจุ ระเข ของจระเขท ั้งสองเพศ เพ่ือปพู ืน้ ฐานเบ้ืองตน กอ นดงั น้ี
จระเขเ พศเมยี อวยั วะสบื พนั ธุ แบง ไดเ ปน 2 สวนใหญๆ คือ 1.รังไข รงั ไขจ ระเขม จี าํ นวน 2 อนั รูปรางรแี ละแบนสีขาวเนื้อคอ นขา งแนนแขง็ ติดอยใู กลก ับ ไตทั้ง 2 ขาง โดยแขวนลอยใตกระดกู สัน หลงั สวนเอว เม่ืออยูในฤดผู สมพนั ธรุ งั ไขจะขยายตวั และมถี งุ ไข ออ นอยบู นผิวเปนจาํ นวนมาก 2.ทอ นําไข ทอ นาํ ไขข องจระเข ไดแก สวนทเี่ ห็นเปน ทอ แบนๆ รูปตัว (Y) แยกเปน 2 ปก ถัด จากรงั ไขทั้งสองขา งทอนาํ ไขจ ะเปด ออกสู บริเวณชอ งขบั ถายรว ม ดานลางของลําตวั ตรงตําแหนง โคนหาง ของจระเข จระเขเ พศผู อวยั วะสืบพนั ธุ แบง ไดเ ปน 3 สวนใหญๆ คือ 1. อณั ฑะ อณั ฑะของจระเขมีจาํ นวน 2 อัน อยูในชองทอ งบรเิ วณใกลก ับไตซ่ึงตดิ อยู ดานหลัง มี หนา ท่ีผลิตน้าํ เช้ือ(อสจุ ิ) 2. ทอนํานํา้ เชอื้ เปนทอทตี่ อ จากอัณฑะมายงั อวยั วะเพศในชอ งขบั ถายรว ม ทาํ หนา ท่ีเปน ทาง ขนสงนาํ้ เช้ือจากอณั ฑะเพอื่ ออกผานทางอวัยวะ เพศขณะผสมพันธุ 3.อวัยวะเพศผู มีลกั ษณะเปน แทง ยาวปลายแหลมขยายออกเลก็ นอ ย โดยมรี อยคอดกอนถงึ สวนขยายมรี องเปดดานบน เพอ่ื ใหน า้ํ เชอ้ื ซ่ึง ผานมาจากทอ นาํ นาํ้ เช้อื ไหลออกขณะทําการผสมพนั ธุ โดย ปกตแิ ลวอวัยวะเพศผจู ะพับซอ นตวั อยใู นชอ งขับถายรว มและจะโผลออกมาเมอ่ื ถงึ เวลาผสมพนั ธเุ ทา น้ัน สรรี วิทยาการสืบพนั ธุ จระเขน ้ําจดื พันธไุ ทย มีฤดผู สมพันธราวเดอื นพฤศจกิ ายน โดยจระเขเพศเมยี จะถงึ วยั เจรญิ พันธทุ ี่ อายรุ ะหวา ง 7 ถงึ 11 ป (เฉลี่ยราว 9-10 ป ) ทงั้ นมี้ กี ารเปลยี่ นแปลงทางสรีรวิทยาของระบบสืบพันธคุ อื รังไข กอ นถึงฤดผู สมพันธุจ ะมกี ารสรางไข ซ่งึ อยูภายในถุงไขข ึ้นเปนเม็ดกลมๆ จาํ นวนมากบน รังไข ทําใหดวู า รงั ไขเหมือนพวงองนุ เร่มิ ขยายตวั และมไี ขเ กดิ ขึ้นประมาณ 8-12 ฟอง ตอ หนึ่งขา ง เม่ือจระเขท ําการผสมพนั ธุกันแลว ไขท ีต่ กจากรังไขล งมาอยใู นทอ นาํ ไขซึ่ง ณ จดุ นเ้ี ชือ้ จากจระเข เพศผูท่เี ขา มาผานทางอวัยวะเพศของตัวเมยี เคลอ่ื นเขา สูทอ นําไขท้ังสองขาง ทันทที ่ไี ขส ุกตกมาพบตวั เชอื้ ก็ จะเกดิ การปฏสิ นธิข้นึ ซึ่งไขทผ่ี สมแลวเหลา นจี้ ะคงอยใู นทอ นําไขท ง้ั ซา ยขวาตลอดไปจนถงึ ระยะ เวลา วางไข จากนน้ั จะมีการพัฒนาไขขาวออกมาหอ มลอมไขแ ละในระยะสดุ ทายจึงมกี ารพฒั นาเปลอื กไขหมุ ชนั้ นอกสดุ ขณะเดียวกนั ตัวออ นของ จระเขก็เร่มิ มี การพฒั นาตัวโดยการแบง เซลลขนึ้ มาก จากการศกึ ษา พบวานาํ้ เช้อื ของจระเขเพศผสู ามารถเขา ไปรอการตกไขข องตัวเมยี ในรงั ไข ไดน านตง้ั แต 1 เดอื น ถึง 1 เดอื น ครง่ึ แมจระเขท ต่ี ัง้ ทอ งแลว จะเรม่ิ หาและทาํ การพนู ดนิ ตลอดจนวสั ดตุ า งๆ เปน รงั โดยจะวางไขป ระมาณ เดือนมนี าคมและเมษายน ทนั ทที ไ่ี ขออกมาจากตัว แมจระเขแลว ตวั ออนภายในไขจ ะขยับตาํ แหนงมาอยูใน ตําแหนงท่ีสูงสดุ หรือเหนือสดุ ของไขแ ดง ไมจ มอยดู า นลางหรือทางตา่ํ ซงึ่ จะคง อยู ณ ตําแหนง นตี้ ลอด ไป ขณะที่ฟก ไขน นั้ จะไมม ีการขยับตวั ไขเ ลย ไขจ ระเขท่อี อกมาใหมๆ จะมเี ปลอื กท่ีคอ นขางโปรง แสง แตภายในวนั เดยี วจะพบวามแี ถบสีขาว
ทึบแสงผา ยบรเิ วณเหนอื ตาํ แหนงทต่ี วั ออนอยู แลวคอ ยๆ ขยายวงกวางออกเปนแนวดอกลงมา 2 ขางของไข ระยะกอนฟก ออกเปนตวั เปลอื กไขจะคอนขางบางลงกวาเดมิ ท้ังน้ีเนอ่ื งจากมีการดงึ แคลเซี่ยมจาก เปลอื กไข ไปใชพัฒนาโครงสรางของจระเข ดว ยสาเหตุน้ลี ูกจระเขจ ึงสามารถเจาะเปลอื กไขออกมาไดง า ยขึ้นและกย็ ังมี อวัยวะชว ยเจาะเปลอื กอกี อันหนง่ึ ซ่งึ เรยี ก วา \"ฟนเจาะไข\" เปน อวัยวะทีง่ อกออกมาจากผวิ หนงั บริเวณเหนือ ปาก ใชเจาะเปลือกไขใ หเ ปน รูจากน้นั อวัยวะนก้ี จ็ ะหายไปในภายหลัง การกาํ หนดเพศของจระเข จระเขเ ปนสตั วเล้ือยคลานทมี่ กี ารกําหนดเพศในระยะเปน ตวั ออ นดวยอุณหภมู ิ ถา อุณหภมู ฟิ ก ไข ท่ี 30 องศาเซลเซียสหรือตาํ่ กวา ลูกจระเขท่ี ออกมาสว นใหญจะเปน เพศเมยี หากอยูระหวา ง 32 ถึง 33 องศา เซลเซยี ส สว นใหญจ ะเปน เพศผู แตถา ประมาณ 31 องศาเซลเซียสแลว ปริมาณลูกจระเขที่ออก มาจะมี สัดสวนเพศผแู ละเพศเมยี จะเทา ๆ กัน ฉะนั้น เกษตรกรทต่ี องการลกู จระเขเ พือ่ ขนุ ขายจงึ ควรใหอณุ หภมู ิฟก สูง จะไดรบั ปริมาณลกู จระเขเพศผู มากขน้ึ ซึง่ มีอตั ราเจรญิ เติบโตดีกวา จระเขเ พศเมยี การฟก ไขจระเข การฟก ไขจระเขทกี่ ระทํากนั อยูในประเทศไทยขณะนม้ี อี ยู 3 แบบ คือ 1.แบบธรรมชาติ โดยการเตรยี มวัสดปุ ูรังและรงั เชน ฟาง ใบไม หญาแหง จอก แหน ผกั ตบ ฯลฯ ไวในบอ จระเข แมจระเขจะกวาดวัสดุเหลา นั้นมาพูนทาํ รังข้ึนเองและวางไขใ นน้ันตรงบรเิ วณพน้ื ทซี่ ่ึง จัดเตรียมไวใ ห หลงั จากแมจ ระเขว างไขเ รยี บรอยแลว จงึ ทาํ การปดก้ันมิใหแมจ ระเขเขามาที่ รงั อีกรอ จนถงึ เวลาฟก ไขใ กลฟ กเปน ตวั หรอื ไดยนิ เสยี งรองของลกู จระเข ก็ใหม าขุดเอาไขข ึ้นเพ่ือแกะเปลอื กเอาลูกจระเข ออกมา ขอ ดี คอื ประหยัดคา ใชจ าย ขอ เสยี คือ ไมส ามารถควบคุมอณุ หภูมิและความชนื้ ได ตอ งปลอ ยใหเปน ไปตามธรรมชาติ โอกาสไขเนาเสยี มีมาก 2.แบบกงึ่ ธรรมชาติ เกบ็ ไขจระเขจากรังมาฟก ในบออนุบาลหรอื หลุมท่ีใชดนิ ทราย เศษฟาง หญา ใบไม สมุ ขน้ึ มาใหด ูคลายรงั จริงทาํ การ ตรวจวัดอณุ หภูมทิ ุกวนั โดยใชป รอทดามยาวแทงลงไปในรัง หากพบวา รอ นจัดกจ็ ะใชน ้ําจากฝก บวั รดบริเวณรังเปน การลดความรอนและใหความชน้ื ไป ในตัว หาก อุณหภูมติ า่ํ กวา เกณฑม ักใชห ลอดไฟฟา 100 แรงเทยี น สอ งเพอื่ ใหเ กดิ ความรอนนบั วันหรือรอฟง เสียงลกู จระเขร องจึงทาํ การชว ยแกะเปลอื กเชน เดยี วกบั แบบธรรมชาติ ขอ ดี คอื สามารถควบคมุ สภาวะแวดลอ มไดด ีขนึ้ กวาแบบธรรมชาติ ขอเสีย คอื เพ่ิมคา ใชจ า ยและภาระการดแู ลมากขึน้ โอกาสไขเสยี ยังมีอยูมาก 3.แบบใชต ูฟก โดยใชต ูฟก ไขท ี่สามารถควบคมุ อณุ หภมู แิ ละความชน้ื ไดอยางมีประสิทธิภาพ เทีย่ งตรง เชอ่ื ถือได กอนนําไขเ ขาตฟู กตอง ลา งดว ยนาํ้ ยาฆา เชอ้ื และเชด็ ไขใ หส ะอาดปราศจากสิ่งสกปรกเชน เมือก เศษดิน ทราย ใบไม อนั เปน ตนเหตขุ องการตดิ เชอื้ จากนั้นวางบนตะแกรงในตูซง่ึ สามารถ ตรวจสอบดู
การเจรญิ เตบิ โตของตวั ออ นไดท กุ วนั จนฟก เปนตวั ขอ ดี คือ ควบคมุ สภาวะแวดลอมไดแนน อน ลดความสญู เสียลงมากสามารถตรวจดแู ละแยก ไขเ สียออกไดต ลอดเวลาและสามารถกําหนดเพศ ลกู จระเข ขอเสีย คือ เพิ่มการลงทุนและคา ใชจ าย ปจ จยั ทมี่ ผี ลตอ การฟก ไข ปจจยั ท่มี ีผลกระทบตอการฟกไขจระเขทีส่ ําคัญมหี ลกั อยู 3 ประการคือ 1. อุณหภมู ิ อุณหภูมิทเ่ี หมาะสมอยชู ว ง 31 ถึง 32 องศาเซลเซยี ส และพบวาหากอณุ หภูมิสูงจะใช ระยะฟกส้นั แตถาอณุ หภูมิตา่ํ จะใชเวลา นานออกไป สวนอุณหภูมทิ ีส่ งู เกินไปมผี ลทาํ ใหล กู จระเขท ่อี อกมามี รางกายพกิ าร จนบางครง้ั ตายในไขห รือไขแ ดงไมเขาทอง 2.ความชน้ื ความช้นื สมั พัทธท ่ีเหมาะสม คือ 99% ขน้ึ ไป ไมค วรตํา่ วา 95% ลงมา เพราะความช้นื สมั พัทธท่ีต่าํ จะทําใหไ ขแหงและตัว ออนจระเขตายเพระขาดน้าํ อกี ทง้ั ระยะใกลฟก เปนตัวลูกจระเขเจาะ เปลือกไขท ีแ่ หง เพราะขาดความชน้ื ไดย ากขึ้น 3.การแลกเปลยี่ นกาซ ตัวออนภายในไขส ามารถแลกเปล่ียนกาซเขาออก ทง้ั รับกาซออกซจิ นและ ขับกาซคารบอนไดออ กไซดผ านรเู ลก็ ๆบนผิว เปลอื กไข ดงั นนั้ หากไขแ ชอยใู นนา้ํ หรอื มสี ่งิ หน่ึงส่งิ ใดปดบัง รผู วิ จะทําใหขาดการแลกเปลย่ี นกาซ ตัวออนจะตายในทส่ี ุด รวมถงึ อากาศในบรรยากาศ ของตูฟก ไขด วย ควรจะมกี ารถา ยเทออกนอกตูฟก อยางนอยวนั ละคร้ัง ระยะเวลาในการฟกไข จระเขนํา้ จืดพันธไุ ทย ใชเ วลาฟกไขป ระมาณ 70-80 วนั จระเขนํ้าเค็ม ใชเวลาฟก ไขประมาณ 85-90 วนั การอนบุ าลลกู จระเข ลูกจระเขทฟี่ ก ออกจากไขใ หมๆ ควรไดรบั การเลี้ยงดหู รืออนบุ าลเปนกรณีพิเศษ โดยตอ ง คํานึงถงึ 1.สขุ ศาสตรสตั ว สุขอนามยั ของลูกจระเขแรกเกดิ เปน สงิ่ ทต่ี องคํานงึ ถงึ มากเราะมโี อกาสไดรบั เชื้อโรคงา ย ซ่งึ สามารถผานมาทางสะดอื โดยปะปนมากบั นํ้าทใ่ี ชเ ลยี้ งหรือพืน้ บอ ไมสะอาด ดงั นน้ั จงึ ตอ งทาํ ความสะอาดบอ ดว ยนาํ้ ยาฆาเชือ้ เปนประจําเปลยี่ นน้ําทกุ วนั วนั ละครง้ั เพ่ือขจดั เศษอาหารและ สิง่ ขบั ถา ย ออกไปรวมถึงเครือ่ งมือเคร่ืองใช ตลอดจนบุคลากรที่ตองเนน ถึงความสะอาดถูกสุขอนามัยเปน สาํ คญั 2.โภชนาการ ลูกจระเขเกดิ ใหมใ นระยะ 7 วันแรก ยงั ไมกินอาหารเนอ่ื งจากไมสามารถใชไขแดง ที่เหลืออยภู ายในชอ งทอ ง แตห ลงั จากน้ี แลว จําตองกินอาหารท่มี ีคณุ ภาพและปรมิ าณถูกตอง เพยี งพอ เหมาะสม เชน เนอื้ ปลา กงุ หมู ไกส บั ตลอดจนสัตวม ชี วี ติ เชน ลูกปลา ลกู กบ ฯลฯ ลูกจระเขจ ะกนิ อาหารทุก วนั วันละ 5-10% ของนาํ้ หนกั ตวั ทาํ ใหอ ตั ราการเจริญเตบิ โตในระยะแรกๆ สูงมาก
3.สภาวะแวด สภาพแวดลอมมผี ลตอ การเจริญเติบโตและการอยรู อดของลกู จระเขเ ปน อยางมาก ไมแ พปจจัยทง้ั สองทก่ี ลาวมาแลว ทัง้ นี้ เพราะลกู จระเขท ีฟ่ กออกมาใหมต อ งเผชิญกบั บรรยากาศภายนอก ทันทที นั ใด การเปลยี่ นแปลงอยางกะทนั หนั ยอมทาํ ใหลูกจระเขตกอยใู นสภาพ\"เครยี ด\" ซงึ่ จะ โนม นาํ ให เจ็บปวย ติดเชอื้ ไมก นิ อาหารและตาย ดังนั้นลูกจระเขท ฟ่ี ก ออกมาใหมควรเล้ียงไวใ นตูอนุบาลหรอื บอ อนุบาล ที่มอี ุณหภูมิบรรยากาศและในนาํ้ ระหวาง 31-32 องศาเซลเซียส อยูในที่เงยี บมดื มอี ากาศไหลเวียน ถา ยเทอยางสมา่ํ เสมอ ลกู จระเขท ่เี กดิ ใหมค วรอยใู นบออนบุ าลที่มีขนาดพื้นที่เหมาะสม ทง้ั นีเ้ พราะการ อยู อยา งหนาแนน เกนิ ไปจะทําใหเกดิ การกดั กนั แยง อาหาร แยง พน้ื ท่ี แพรโรคงา ย และสรางสมความเครยี ดขึ้น ฉะนั้นพนื้ ทีต่ อ ตัวท่เี หมาะสม คอื 0.07 ตาราง เมตร เนอื่ งจากจระเขเ ปน สัตวเลอ้ื ยคลานทีช่ อบอยูใ นนํ้า นํ้าเปนสง่ิ แวดลอมทใ่ี กลช ดิ จระเขม ากท่สี ดุ ดังนน้ั นํ้าทใ่ี ชจ ึงตอ งมคี ณุ ภาพดคี อื สะอาดปราศ จากสารพิษ หรอื เช้ือโรคตา งๆ จงึ ควรใชนํา้ ทีผ่ สมคลอรนี ใน อัตราสว น 2 สวนตอ นํา้ ลา นสว น (2 พพี ีเอม็ ) เพ่อื ฆาเชือ้ และถา ยเทเปลยี่ นออกทกุ ๆ วนั การดแู ลจระเขขนุ ลกู จระเขจ ะถกู เลยี้ งไวใ นบอ อนบุ าลจนครบหน่งึ ป ซึง่ จะไดโ ดยความยาวเฉลี่ย 1.2 ถึง 1.4 เมตร ก็ ทาํ การยา ยออกสูบอขุนหรอื บอเลี้ยงจระเขว ัย รนุ เปน บอภายนอกอาคารอยูกลางแจง แตยงั ยึดถอื หลกั ปฏบิ ตั ิ คลา ยกบั ลกู เกดิ ใหมเพยี งปรบั บางสวนใหเหมาะสมเชน ขนาดพื้นทีต่ อตัว คอื 0.7 ถงึ 1ตาราง เมตร มพี ื้นทบ่ี ก และนํา้ เทาๆ กนั โดยใหอ าหารคือ ไก ปลา หรอื อาหารผสม อาทิตยล ะ 3 ถงึ 5 ครัง้ ทาํ ความสะอาดและ เปล่ียนนํา้ ทกุ ๆ วนั ควรหมนั่ คัดขนาดจระเข ใหม ีขนาดทใี่ กลเ คยี งกัน ตลอดจนตองปรบั สดั สวนจํานวน จระเขตอพนื้ ทใี่ หเ หมาะสมไมห นาแนนเกนิ ไป เม่อื ความยาวของจระเขถ งึ ขนาดจึงสงออกสู ตลาดคือ ขนาด ยาวประมาณ 1.7 ถึง 1.8 เมตร หรอื ซ่งึ มกั มอี ายุ 3 ถงึ 4 ป ก็จะสงโรงเชือด การดูแลจระเขพอ แมพ ันธุ เราสามารถเลย้ี งจระเขพอ แมพ นั ธได 2 ระบบคือ เล้ียงบอ รวมกับบอแยก การเล้ียงบอรวม โดยการปลอ ยจระเขลงเลย้ี งรวมกนั ท้ังเพศผู เพศเมยี ในบอ ดินหรอื ซเี มนต ขนาดใหญม ขี อ ดคี อื ประหยดั ที่อาจใชส ดั สว น ตวั ผูตอ 10 ตอ 20 หรือ 20 ตอ 30 กไ็ ดสุดแทแ ตล ะรายไปแต ขอเสียคอื ปญหาการกดั กัน แกง แยงอาหาร ทีอ่ ยแู ยงผสมพนั ธุแ ละแยง ท่วี างไขท ําใหเกิดความสญู เสีย อกี ทัง้ อตั ราการผสมติดจะตา่ํ กวา บอ แยกหรอื บอ คู การเล้ียงบอแยกหรอื บอคู โดยการเลย้ี งจระเขพอแมพ นั ธุจาํ นวนนอยในพื้นท่ีจาํ กดั เปน สดั สว น เชน ตวั ผตู อตวั เมยี 1 ตอ 1 หรอื 1 ตอ 2 วธิ ี นม้ี ีขอดี คอื อตั ราผสมตดิ สงู ตดิ ตามดแู ลผลไดถ กู ตอ ง แมนยาํ รกั ษาความสะอาดงา ย สวนขอเสยี คอื เปลอื งพ้นื ทสี่ งู ลงทุนสงู และบางคร้ังอาจมีการตอ สู กดั กัน ได บา งจึงตอ งจบั คูตั้งแตเ ปน จระเขร ุนและแยกพ้นื ทีใ่ หหลบหลกี กนั ไดเ พียงพอจระเขพ อ แมพนั ธุควรไดรับ อาหารท่มี ปี ริมาณพอสมควรแกการดาํ รงชพี ไมให อวนเกนิ ไปเพราะจะเกดิ ปญหาผสมตดิ ยาก โดยเฉลีย่ ให ประมาณครงั้ ละ 2 กิโลกรัม ทกุ ๆ 2 อาทิตย
อาหารจระเข จระเขจดั เปน สตั วก นิ เนอ้ื อยางแทจรงิ คือ ไมมกี ารกนิ พชื เลยแมแตน อย ตามธรรมชาติลูกจระเข เกิดใหมจ นถงึ ขนาด 50 เซนตเิ มตรจะกนิ อาหาร หลักคอื กุง ปู แมลง ลกู ปลา ฯลฯ เมอ่ื โตขนึ้ กจ็ ะหาเหย่อื ท่ี ขนาดใหญเ ปน อาหาร เชน ปลา งู เตา ตะพาบ นกเปด นา้ํ ฯลฯ จระเขเล้ียงขนาดเลก็ อาจเรม่ิ กินอาหารท่ีมี ชีวิต จากน้นั หดั ใหก นิ อาหารท่ีไมม ชี ีวิต เชน กงุ ปลา ไก สบั เปนช้นิ เลก็ ๆ คลุกเคลาดว ยวติ ามนิ เกลอื แร แตอ ยาใส มากเกินไปเพราะจะผิดกลิ่นจนไมก นิ ในทส่ี ุด จระเขท่มี ีขนาดใหญข ึน้ หรือเปน จระเขข ุนอาจใหอาหารพวกโครงไกพ รอ มเนือ้ บด หมบู ด และ วิตามิน เกลอื แร ตลอดจนจระเขพอแมพ นั ธซุ งึ่ ตองคาํ นงึ ถงึ ความอว น อยาปลอยใหก ินไขมันมากเกนิ ไปจะ เปนเหตใุ หผ สมติดลาํ บากจนถงึ ไมตดิ เลย หลกั สําคญั ในการพิจารณาคํานึงถึงการใหอ าหารจระเขค ือ 1. อาหารสด สะอาด ปราศจากการปนเปอ นของสารพษิ 2. ครบถว นดว ยคณุ ภาพท่ตี อ งการ 3. ปรมิ าณเพยี งพอ ไมมากเกนิ ไป 4. หางา ย ขนสง ไมไกลเกินไป 5. ราคาพอสมควร ขอ ควรปฏิบัตคิ ือ เกบ็ เศษอาหารท่ีเหลือออกใหห มดทกุ ครง้ั หลังการกนิ การทําเครื่องหมายระบตุ วั จระเข เนอ่ื งจากจระเขม รี ปู รางลกั ษณะทใี่ กลเ คยี งกันมาก ทาํ ใหม อิ าจบง บอกวา ตวั ใดเปน ตวั ใดไดอยา ง เดน ชดั และแนน อน จึงจําเปน อยูเองทผ่ี ูเล้ยี งจะ ตอ งหาวิธที ่เี หมาะสมมาใช วัตถปุ ระสงค : เพอื่ บง บอกหรอื ชช้ี ัดใหทราบและแยกแยะจระเขแตล ะตวั ออกจากกันอยา ง แมนยํา ถกู ตอ งทส่ี ุด และทาํ การปลอมแปลงใหได ยากทีส่ ุด ประโยชน : 1. ใชในการจดั การผสมพนั ธุ ทําใหรูว า ลูกตวั ใดเกดิ จากพอ พันธุแมพนั ธุตัวไหน ปอ งกันการ ผสมในสายเลอื ดเดยี วกนั ทําใหสามารถกาํ จัดพอ แมพนั ธุที่มีพนั ธกุ รรมบกพรองออกไป นบั เปนประโยชน อยางย่ิงตอ การคดั เลอื กพันธดุ ว ย 2. ปองกันและปราบปรามการลักขโมยจระเขไ ด เพราะหากจระเขทกุ ตวั มเี บอรหรือ เคร่ืองหมายประจําตัวแลว จะเปนหลกั ฐานยืนยนั ทางกฏ หมายไดเปน อยา งดเี มอื่ เกดิ คดีลักขโมยข้นึ ลําพัง รูปพรรณสัณฐานทเี่ พยี งแตบ อกวา จําไดเทา นน้ั ไมถ ือเปน หลกั ฐานเพยี งพอ เมอ่ื นําจระเขม ารวมกันหลายตวั ก็ ไม อาจแยกแยะไดแ ลว 3. ใชใ นการข้ึนทะเบยี นจระเขข องแตละฟารม กบั หนว ยงานทค่ี วบคมุ กจิ การเพาะเล้ยี ง และขาย จระเขไ มว า จะเปนของรัฐหรอื เอกชน ทาํ ให เกิดความเชอ่ื ถอื ข้ึนวาไดต ง้ั ใจจริงทีจ่ ะทาํ การเล้ยี งจระเขเชิง
พาณชิ ยม ใิ ชไ ปไลลา จากธรรมชาติหรือลกั ลอบนาํ จระเขม ชี วี ิตจากตางประเทศเขามา วธิ กี าร : 1.การตดั เกล็ดหาง กระทาํ โดยตัดเกลด็ ทีม่ อี ยู 2 ขา งดานบนของหางจระเข มกั ใชกับลกู จระเขที่ เกิดใหมเพราะทาํ ไดง ายเพียงใชกรรไกร ปลายโคง ตดั เกลด็ ก็ขาดแลว ขอดี : - ทาํ งาย,ประหยัด,รวดเร็ว,ดชู ัด ขอ เสีย : - ทําไดเฉพาะกับลกู จระเขเพราะจระเขโ ตจะตดั เกล็ดลาํ บากมาก - สามารถลอกเลยี นหรือซาํ้ กนั ไดงา ย - บางครั้งเกลด็ หางสามารถงอกออกมาตามเดมิ หรือใกลเคียง 2.ตัดน้ิวมกั ตดั น้วิ เทาออกขณะเปนลกู จระเขโ ดยตัดท่ีขอ ปลายสุดของแตล ะเทา วิธนี ี้ไมเปนที่ นยิ มนกั ขอ ดี : - รวดเร็ว,ประหยดั ,งา ย ขอ เสยี : - อาจเกิดเชอื้ แบคทีเรียแทรกซอนหรอื เลอื ดไหลไมหยุด - ดลู าํ บาก - คอ นขา งทารุณและกอ ใหเ กิดความเครยี ด - ทาํ ไดเ ฉพาะลกู จระเข - จาํ นวนหมายเลขจาํ กดั มาก - ทาํ ซํ้าได 3.ใชสีหรอื สารเคมที า โดยการใชส นี ้ํามนั หรือสารเคมี เชน สารละลายซลิ เวอรไ นเตรท (SILVER NITRATE) ทาบนผิวหนัง ขอ ดี : - สะดวก,รวดเรว็ ,ประหยดั ขอ เสีย : - หนังเสยี บางครง้ั ลบออกลําบากไมหมดนัก - นยิ มใชช่ัวคราว - ลบเลอื นหรอื จางไป - ทาํ ซํา้ ได 4.จาํ เอกลกั ษณ ใชก ารจดจําลักษณะเดน ของจระเขแตล ะตัว เชน หางกดุ บาดแผลทําใหเ กดิ รองรอยแผลเปน ตามท่ตี าง ๆ ฯลฯ ขอ ดี : - ไมเ สียคา ใชจ า ย ,เหน็ ไดเดน ชดั ขอเสยี : - เหมาะกบั การมจี ระเขจ ํานวนนอ ย - บางคร้ังดไู ดลําบาก - อาจเกิดซาํ้ กนั หรือลบเลือน - ไมน า เช่อื ถือและใชก ับจระเขปกตไิ มไ ด 5.การติดเบอร โดยการใชแ ผน พลาสติคแบบเดยี วกบั ทใ่ี ชต ิดเบอรห วู วั มาเจาะตดิ กบั เกลด็ ท่ีมีอยู
2 ขา งดานบนของหางจระเข ขอดี : - เหน็ ไดชัดเจน,ไมแพงนกั ขอเสีย : - สามารถหลุดหรอื ฉีกขาดได - ทําซาํ้ หรอื ลอกเลียนได - อาจเกดิ ซ้ํากนั หรือลบเลอื น - ตัวเลขเลอื นลางหรอื สีจางหายไป 6.การฝงหมายเลขอิเล็กทรอนิคสหรือฉดี ไมโครชิพ นิยมใชก ันแพรห ลายในปศุสตั วและสัตว เลีย้ ง เชน ววั ควาย สนุ ขั นก สตั วท ดลอง โดยการฝงชน้ิ สวนหนว ยความจํารหัสเลขประจาํ ตวั ซง่ึ บรรจุใน แคปซูลขนาดจิ๋วเขาไปในกลา มเนื้อโคนหางดา นซายของจระเข ซ่ึงกระทาํ โดยฉีดผานเขม็ ฉดี ยา เชน เดยี วกบั การฉีดยาเขากลามเนื้อ เม่อื ตอ งการรูห มายเลขประจําตัวสตั วกเ็ พียงแตใ ชเครอื่ งมือสําหรบั อา น ไปทาบตรง ตําแหนงท่ีฝง หมายเลขไวตวั เลขหรอื รหสั ประจาํ ตวั จระเขน น้ั ๆ จะปรากฏขึ้นทีจ่ อภาพบนเคร่อื งอาน ขอดี : - ไมหลดุ หรอื หายไปไหน - ทาํ เทียมหรือลอกเลียนไมไ ด - มีความแนน นอนแมนยําสงู - เปนทีเ่ ชอ่ื ถือและยอมรับกันทว่ั โลก - ทาํ งาย สะดวก และอา นไดรวดเร็ว ขอ เสยี : - เพ่ิมคา ใชจ า ยขน้ึ แตถา เทยี บกบั ประโยชนท ไี่ ดร ับแลว นับวา คุมคา มาก - หากจระเขอ ยใู นระยะหางมากๆ จะอานเลขไดลาํ บาก ดว ยเทคนิคตา งๆ ในการระบตุ ัวจระเขที่ไดยกมาแสดงไปแลว นี้ คงเปน การช้นี าํ แนวทางใหผ ุ เลีย้ งจระเขเลอื กนําไปปฏิบตั ขิ ึ้นกับความสะดวก ฐานะเศรษฐกิจ ความจาํ เปน ความเหมาะสมอนื่ ๆ ตามแตล ะ รายไปแตท ข่ี อยา้ํ คอื ตองยึดหลกั การทวี่ า จระเขท ่ีเล้ยี งไวต อ งสามารถระบุตวั ได ปจ จบุ นั ฟารมจาระเข สว น ใหญใ นประเทศไทยใชระบบการทําเครอ่ื งหมายระบุตวั จระเขดว ยการฝง หมายเลขอเี ลคทรอนคิ ส หรอื ฉดี ไม โครชพิ กวา 10,000 ตัวแลว โรคของจระเขและการปองกนั รักษาเบอื้ งตน จระเขสามารถเจ็บปว ยไดเ ชน เดยี วกับสตั วช นดิ อน่ื ๆ เหมอื นกนั ซ่ึงตรงกนั ขา มกับความรู ความ เขาใจของคนทัว่ ไปทคี่ ดิ วาจระเขเปน สัตวทท่ี น ทานตอ โรคภัยไขเ จบ็ ไมปวยไข จงึ สามารถเลยี้ งแบบท้ิง ขวางหรืออยใู นสภาพสกปรกโสโครกได ทัง้ นค้ี งเนือ่ งมาจากเหน็ สภาพหรอื วิธีการเลย้ี งทีด่ ทู ่ีกระทาํ กนั อยา ง ผดิ ๆ จนเปน แบบแผนมานมนานตลอดจนความเชื่อและการถา ยทอดทม่ี ิไดย ึดอิงหลกั วชิ าการอกี ดว ย ผทู ่จี ะ เลยี้ งหรือกําลงั เล้ียงจระเขอ ยจู งึ ควรปรบั เปล่ยี น คา นยิ มและแนวคดิ ใหเกิดการยอมรบั วา จระเขเ ปนสตั วท ่ี สามารถปวยเปนโรคไดเ สยี กอ น การเลี้ยงจระเขใหป ระสบความสาํ เรจ็ จึงจะเกดิ ขนึ้ ตามมาจระเขส ามารถ มี โรคเกิดขนึ้ ไดแ บงเปน 2 ประเภทคอื
1.โรคทไ่ี มไ ดเกิดจากการตดิ เช้อื 2.โรคทเ่ี กิดจากการตดิ เช้อื โรคท่ีไมไดเ กดิ จากการติดเช้อื จระเขท่ปี ว ยหรอื ตายเนอื่ งดว ยสาเหตุอันไมเ ก่ยี วของกับการตดิ เชอื้ หรือเปนสาเหตุเร่ิมตน และ ทําใหม ีการตดิ เชื้อแทรกซอนในภายหลังไดน ัน้ ในประเทศไทยพบวา สวนใหญเ กดิ มาจากการจดั การท่ีไม เหมาะสมซง่ึ พอจะแจกแจงไดดังตอ ไปน้ี สิง่ แวดลอ มไมเ หมาะสม ไดแ ก 1. อณุ หภมู ิ จระเขเปนสตั วเลอื ดเย็นน่ันคอื ไมส ามารถสรา งความรอ นขนึ้ ในตัวเอง อุณหภมู ิ รา งกายของจระเขจงึ แปรเปลยี่ นไปตามอณุ หภูมิ ภายนอกท่แี วดลอ มอยู จระเขจ ําเปน ตอ งใชแหลง พลงั งาน ความรอ นจากภายนอกคือ \"แสงแดด\" ในการเพมิ่ อณุ หภูมิของรางกายเชน นอนอาบแดดและใชก ารแชน า้ํ นอนหลบใตเงา หรอื อา ปาก เพื่อลดอณุ หภมู ิของรา งกาย ทง้ั น้อี ุณหภมู ทิ ่ีเหมาะสมสบายสาํ หรับตัวจระเขจะ อยใู นระหวาง 32 องศาเซลเซียส สาํ หรบั จระเขเ ลก็ และ 30 องศาเซลเซียส สาํ หรับจระเขใหญ ผลของ อณุ หภูมทิ ่ีสงู มากเมื่อเกนิ 39 องศาเซลเซยี สขึ้นไป สามารถทาํ ใหจระเขต ายสว นใหญแ ลวปญ หามกั เกดิ จาก อณุ หภูมทิ ตี่ ่ําลงมากกวา เพราะจะทําใหเ กิดผลเสยี คอื ไขท ีไ่ ดร ับการผสมพนั ธซุ งึ่ ยังอยใู นทอ งของแมจ ระเขจ ะ ตาย จระเขเ บือ่ อาหารเมอ่ื อากาศหนาวเยน็ ทาํ ใหก าร เจรญิ เติบโตชาลง โอกาสตดิ เชือ้ แทรกซอ นเกิดไดส ูง เพราะภูมติ านทานของรางกายลดลง ฯลฯ 2. คุณภาพน้ํา จระเขใชชวี ิตอยูในนาํ้ ระยะเวลาท่สี ัมผสั กับนาํ้ ตอ วันแลว เกนิ กวาครึง่ หนึ่ง การ ที่จระเขใชน าํ้ เปนเครอ่ื งปรับอณุ หภมู ิท่ีสูง นัน้ ใหตํา่ ลงและผสมพันธใุ นนา้ํ รวมท้ังตามธรรมชาติจระเขอ าศยั ทองนา้ํ เปน สถานทหี่ าอาหารทสี่ าํ คญั ท่สี ดุ ดังนั้นคณุ ภาพนํ้าในทเ่ี ลย้ี งจระเขจึงมคี วามสาํ คญั ตอการดํารงชีพ ของจระเขเปน อยางมาก ซ่ึงมสิ ามารถจะละเลยไป นํา้ สาํ หรับจระเขท่ีเหมาะสมทีส่ ุดคือนาํ้ สะอาดมปี รมิ าณ แอมโมเนียตํ่า ส่ิงปฏิกลู สารพิษหรอื สิ่ง ปลอมปนอน่ื ๆ ตองมีนอยท่ีสดุ ทัง้ น้ีจาํ เปน ตอ งไดรับการตรวจ คุณภาพนาํ้ อยเู ปนระยะๆ การจะใหน ้าํ สะอาดเสมอควรจกั ตอ งมีการถา ยเทน้ําใหบอยท่สี ดุ เทา ท่ีจะ ทาํ ได ใน บางแหง เปลี่ยนนา้ํ ทุกวันจึงพบวาอตั ราการเจรญิ เติบโตของจระเขเ ปน ไปอยา งรวดเรว็ แตทงั้ นต้ี อ งคาํ นงึ ถึง วิธกี ารเปล่ียนน้าํ ดว ยวา ตองทาํ อยางคอ ยเปน คอยไป ไมเอะอะโครมครามเพระยอ มกอ ใหเกดิ ความตน่ื ตกใจ แกจระเข และเพ่ิมความเครียดข้ึนซง่ึ ไมเ ปน ผลดตี อการเจริญเติบโตของจระเขเลย ผูเล้ยี งจระเขห ลายรายยงั ใชค วามเชอื่ เกา ๆ ท่วี า จระเขส ามารถเลี้ยงไดแมแ ตในนํ้าเนาน้นั เหน็ ที จะตองเปลย่ี นความรคู วามเขา ใจดงั กลา วดว ย เหตผุ ลท่ีกลาวมาแลวและแหลง น้ําเนาเสยี ยอมเปนแหลง สะสม ของเศษอาหารและส่ิงขับถาย ซ่ึงทําใหมีกา ซแอมโมเนียสงู ข้ึนอันระคายเคอื งตอผิวและตาจระเข เปน อยาง มากโอกาสติดเช้ือแบคทเี รียที่มอี ยูอยางมากในแหลงนํา้ แทรกซอนจงึ มสี ูง 3. สถานที่เล้ยี ง สถานท่ีเลย้ี งหรือบอเล้ียงจระเขม หี ลายรูปแบบเชน บอ ธรรมชาติ บอดนิ บอ ซเี มนต ไปจนถึงอางไฟเบอรกลาซ ฯลฯ แตก ตางกนั ไปตามฐานะเศรษฐกิจ วตั ถุประสงคข องการเลย้ี งและ
เทคโนโลยขี องแตล ะฟารมไป แตสิง่ ทตี่ อ งรูและคํานึงเปน หลกั การก็คือ - ขนาด เราสามารถคํานวณขนาดของบอ เลยี้ งจระเขโดยใหพ น้ื ทต่ี อ จระเขห นึง่ ตัว = ความ ยาวจระเข x 3 เทา ของความยาวจระเขโดย อัตราสวนพน้ื ทบี่ กเทากับพน้ื ท่นี า้ํ หรอื อยา งนอย 2 ใน 3 ของพื้นท่ี นํา้ สว นความลกึ ของน้ําอยา งตาํ่ 60 ซ.ม. - พื้นผิว เนือ่ งจากจระเขเปน สัตวท ่ีคลานบนดินและใตน ํ้าโอกาสสัมผัสกบั พืน้ จึงมเี กอื บ ตลอดเวลา ฉะนัน้ ความเรยี บหรือหยายของพนื้ ผวิ จงึ มคี วามสาํ คัญเพราะสามารถทาํ ใหห นังทอ งของจระเข เกดิ รอยขูดขดี จนเปน บาดแผลและมีการตดิ เชื้อขน้ึ ผูเลย้ี งจงึ ไมควรมองขามขอนีไ้ ปเพราะราคาหนงั จระเข จะ ตกลงหากมตี าํ หนิดงั กลา วพนื้ ผวิ ซเี มนตข ดั เรียบหรือพน้ื บอไฟเบอรกลา ซจึงมขี อดใี นแงน ม้ี าก - รม เงา ดงั ท่ีกลา วนํามาแลว วาจระเขใ ชแ สงแดดเปนแหลง ใหค วามรอ น ฉะน้ันเม่ือความ รอ นสงู เกินตองการจงึ จําเปน ตอ งหลบแดดโดย อาศัยรมเงาซง่ึ อาจเปน รม ไมห ลงั คาแฝก มา นกรองแสง ฯลฯ อกี ทั้งยงั เปน เงาใหเ กดิ ความเยน็ บนพืน้ ผวิ ทจี่ ระเขน อนดว ย 4. จํานวนประชากรจระเข จาํ นวนจระเขท ่ีเลีย้ งในแตละบอจําตองเปน สัดสวนท่พี อเหมาะกับ ขนาดบอ หรือสถานที่เลยี้ งดังทใี่ หไวใ นหวั ขอ1.3 (ขนาด) แลวการเลย้ี งจระเขอ ยา งแออัดหนาแนน เกนิ ไป ยอมเปน สาเหตขุ องปญหาดงั ตอ ไปนี้ 1.แกง แยง อาหาร มกั มีตัวใหญหรอื ตวั ทแี่ ขง็ แรงกวาสามารถแยง อาหารกินไดก อ นตัวที่เล็กวา 2.ตอ สู เนื่องจากจระเขพ นั ธุนา้ํ จืดและพนั ธุน ้ําเค็ม คอ นขา งจะมพี ฤตกิ รรมหวงแหนทอ่ี ยหู รือ เขตแดนสูงฉะน้นั หากจะเลยี้ งจระเขจ าํ นวน มากรวมกันก็จาํ เปนตองจดั หาพืน้ ที่อยูอาศัยใหก วางขวาง เพียงพอ แกก ารสรางอาณาเขตของจระเขแ ตละตวั ดว ย ซ่ึงเราจะเหน็ ตวั อยา งไดชดั จากบอ เลีย้ งรวมมกั พบ จระเขตายเนอื่ งจากกดั กนั อยบู อ ยครัง้ 3.นา้ํ เสยี เนือ่ งจากสิง่ ปฏิกลู และเศษอาหารเกดิ ขึ้นเปน จํานวนมากนน่ั เอง 4.เกิดโรคติดเชื้อและแพรระบาด เชน พยาธชิ นดิ ตางๆ การติดเชื้อบนผวิ หนังและตา ฯลฯ 5.การดูแลสังเกตความเปน อยูแ ละสุขภาพทําไดอ ยา งไมท่ัวถงึ และไมล ะเอยี ดพอ 6.อตั ราการผสมติดตา่ํ เพราะเกิดการแกงแยงในการผสมพนั ธแุ ละการกดข่ตี ามลาํ ดับช้ัน 7.จับหรือยายจระเขไ ดลาํ บาก อาหารไมเ หมาะสม หมายถงึ อาหารทไี่ มเหมาะสมทง้ั ปรมิ าณ และคณุ ภาพ มที ั้งมากไปและ นอยไปขาดความสมดุลยในสารอาหารและ องคป ระกอบตา งๆ อนั ทีก่ อใหเ กดิ ปญหาและโรคตางๆ ดงั ตอไปนี้ เกาท เกาทค ือโรคทีเ่ กดิ จากความผิดปกติของขบวนการใชโปรตนี ในรา งกายทําใหเกิดการ สะสมของเกลือยูเรท และผนึกของกรดยูริค ตามสว นตา งๆของรา งกาย หากสะสมพอกพนู ในขอ เรยี กวา เกา ท เขา ขอ หากพบตามอวยั วะภายในรา งกายเชน หัวใจ ไต ตับ ฯลฯ ก็เรียกวา เกาทข องอวยั วะภายใน
สาเหตุ : 1.จระเขท ีถ่ กู เลีย้ งดว ยอาหารที่มโี ปรตนี สงู ซึ่งมจี ํานวนกรดนวิ คลอี คิ มากอันไดแก เครื่อง ในสตั ว หวั ใจ ตับ มาม ไต ฯลฯ 2.จระเขท ีป่ ว ยดว ยโรคไตเชน ไตวาย กรวยไตอักเสบจากสาเหตตุ า งๆทง้ั ตดิ เชือ้ แบคทีเรีย หรือไดรบั ยาทก่ี อใหเ กดิ อันตรายตอ ไตเปน ระยะเวลานานหรอื ขนาดสูงเชน เจนตามยั ซนิ กานามัยซนิ ดังนั้น ประสิทธิภาพการกรองของเสยี โดยเฉพาะอยางยงิ่ กรดยรู คิ และเกลือยูเรทจะเส่ือมไปจนทาํ ให สารสองตัวนี้มี ปรมิ าณเพ่ิมสูงขน้ึ และไปสะสมตามอวัยวะตางๆ 3.อุณหภมู ิต่ําหรอื ขาดแหลงความรอ น ประสทิ ธิภาพการกรองเอากรดยรู คิ และเกลอื ยู เรทออกดวยไตจะลดลงมาก เม่ืออุณหภูมิตาํ่ (20 ถึง 25 องศาเซลเซยี ส) ก็เปนสาเหตทุ าํ ใหเกดิ เกา ท 4.นา้ํ ไมเพียงพอหรอื ขาดนํ้า ทําใหล ดการขับหรือหยดุ การขับกรดยูรคิ และเกลอื ยเู รทจาก รางกายปนออกไปกบั ของเสยี ชนดิ อน่ื ๆ 5.เน่อื งมาจากขาดวิตามิน เอ อาการ : 1.เคลอื่ นที่ชา ลงจนไมเคลือ่ นไหว เริ่มจากขาหลงั ไมม แี รงจนสดุ ทายขยบั ไมไ ดท ั้ง 4 ขา 2.ซมึ เบื่ออาหาร 3.บวมตามขอแสดงอาการอักเสบแดงพบในชนดิ เกาทเ ขา ขอ 4.ตายโดยไมแสดงอาการ มักพบในชนดิ เกาทข องอวยั วะภายใน รองรอยโรคทีเ่ หน็ ดวยตาเปลา : เม่อื ผาตามขอทบ่ี วกจะเหน็ ของเหลวขนสีขาวคลายครมี เปน จํานวนมาก หากใชก ลอ ง จุลทรรศนส อ งดูจะเห็นผลกึ ของกรดยูริคและ เกลอื ยูเรทเปนรูปเข็มจํานวนมาก สวนกรณเี กา ฑของอวยั วะ ภายในจะพบวา เยือ่ หมุ หัวใจหนาตวั มสี ขี าวคลา ยผงชอลค เกาะอยแู ละสามารถพบไดท ีผ่ วิ ตบั มา ม และ ในไต จะมจี ดุ สขี าวๆ อยทู ัว่ ไป การปองกันและรักษา : 1.แกไ ขอาหารใหถ ูกตอ งโดยลดโปรตีนทม่ี กี รดนวิ คลีอคิ สงู และเสรมิ โปรตนี จากแหลง อ่นื เชน เนอ้ื สตั วอ่ืนๆ เปด ไกท้ังตวั 2.ระมดั ระวงั การใชย าทม่ี ผี ลตอไตโดยตรง 3.เล้ยี งจระเขใ นอณุ หภมู ทิ ี่เหมาะสม โดยเฉพาะอยา งยงิ่ ลกู จระเขไมควรเล้ยี งทีอ่ ุณหภูมิ ตํา่ 4.จดั หานํา้ ใหพ อเพยี ง 5.ปองกนั การขาดวติ ามนิ เอ โดยจัดเสริมลงในอาหารประจาํ วนั 6.การรกั ษาโรคเกาฑในจระเขไมไ ดผ ลและไมคมุ คา จึงจําเปน ตอ งเนน การปอ งกันจะ ดกี วา
ขาดวติ ามนิ อาหารท่ีขาดวติ ามินหรอื มีจํานวนไมเพยี งพอเกิดขน้ึ ไดจาก 1.วิตามินถกู ทําลายดว ยความรอนเน่ืองจากการเกบ็ อาหารไมด พี อ หรอื ใหอ าหารทง้ิ ตาก แดดไว 2.วติ ามินถกู ทําลายดว ยเอน็ ไซมบ างชนดิ ท่ที ํางานเมอ่ื อาหารไดร บั ความรอ น 3.อาหารน้นั ๆ ขาดวิตามนิ เหลานนั้ อยูแ ลว โรคหรืออาการทีเ่ กิดจากการขาดวติ ามนิ ชนดิ ตา งๆ ดังน้ี 1.ขาดวติ ามนิ เอ สาเหตุ : เลยี้ งจระเขด วยอาหารจาํ พวกเน้อื แดงลว นๆ เปนระยะเวลานานๆ ทั้งนี้เพราะเนอื้ ชนิดนมี้ ี ปริมาณวติ ามนิ เอไมเ พยี งพอ อาการ : 1.เปลอื กตาและเบาตาอกั เสบบวมออกมาโดยรอบ พรอมกับมีนํา้ ตาไหล 2.มีอาการบวมนา้ํ ทว่ั ไป ท้งั ตัวจนดคู ลายกับอว น หากใชน วิ้ กดตามสวนเหลา นน้ั จะบุม เปนรอยกดและมกี ารคนื ตวั ชา กวา ปกติ 3.การเจรญิ เติบโตชา กวา ที่ควร ผิวหนงั แหงหยาบกรา น 4.เกิดการติดเชื้อแบคทเี รียและเช้ือราแทรกซอ นไดง า ย เนือ่ งจากภมู คิ มุ กนั ของรางกายท่ี ลดต่ําลง การปอ งกนั และการรกั ษา : 1.ใหอ าหารชนดิ อ่ืนสับเปลย่ี นไปเปนคร้งั คราว เชน เน้ือตดิ หนังและมัน เปด ไกท ง้ั ตวั ฯลฯ 2.เสริมวติ ามินเอลงในอาหารดว ยขนาด 4,850 หนว ยสากลตอ อาหาร 1 กโิ ลกรมั ตอ วนั 2.ขาดวติ ามนิ บี 1 สาเหตุ : ใหจ ระเขก ินแตปลาเพยี งอยางเดียวโดยใชป ลาทค่ี ณุ ภาพไมดพี อ เชน ปลาทีเ่ ร่มิ เนา เพราะถูกความรอ นหรือวธิ ใี หอ าหารอยา งไมถ กู ตอ งเชน วางทง้ิ ตากแดดไวใ หจ ระเขมากนิ เอง ความรอนจะ ทาํ ใหเ อน็ ไซมไทอามิเนสท่มี ีอยแู ลวในเนือ้ ปลา เรมิ่ ทํางานโดยจะไปยอยสลายวติ ามนิ บี 1 ในเนอ้ื ปลา เปน เหตใุ หว ิตามนิ บี 1 หมดไป อาการ : จระเขย ังกินอาหารไดต ามปกติแตนํ้าหนักเพ่มิ ชา มากจนถงึ ลดลง บางคร้งั อาจแสดง อาการชกั การปองกนั และรกั ษา : 1.เปล่ยี นอาหารหรือเสรมิ อาหารชนิดอื่นพรอมท้ังแกไ ขวิธกี ารใหอ าหารดวย
2.เสริมวติ ามนิ บี 1 ในอาหารดว ยขนาด 4.4 ถึง 11 มิลลิกรัมตอ อาหารหน่งึ กโิ ลกรมั ตอวัน 3.ขาดวติ ามนิ ดี สาเหตุ : อาหารท่ีเลย้ี งจระเขข าดวติ ามนิ ดอี ยแู ลว หรือขาดการอาบแดดเทาที่ควร อาการ : การขาดวติ ามนิ ดจี ะสง ผลตอ การใชแคลเซยี่ มในรา งกายสัตวอ นั ทาํ ใหเ กดิ อาการของ กระดูกออ นตามมา ขาท้ังส่มี ีรูปทรงผิดไปอาจ โคงเขา หรอื แบะออก ขอ ขาโตขน้ึ ซมึ เบอ่ื อาหาร การปองกนั และการรกั ษา : จดั สถานทเี่ ลย้ี งใหไดร บั แสงแดดอยา งเพยี งพอพรอ มกบั เสรมิ วติ ามินดี ในอาหารขนาด 608 หนว ยสากลตอ อาหารหนงึ่ กโิ ลกรมั ตอ วัน 4.ขาดวติ ามนิ อี การขาดวติ ามินอใี นสัตวทําใหเ กิดโรคไขมนั อกั เสบหรือโรคไขมนั เหลือง สาเหตุ : มาจากการใหอาหารทม่ี วี ิตามินอตี ํ่ากวา ปกตหิ รือแทบไมม ี ซ่งึ มกั พบในปลาแชแ ข็ง เพราะจะมีไขมันชนิดไมอ ่มิ ตวั เปน จาํ นวนมากอนั มีผลทําใหระดับวิตามนิ อลี ดลงหรอื หายไป อาการ : ไมม ลี ักษณะท่ีบง บอกเดน ชัดนกั คงพบวา จระเขไ มก ระฉับกระเฉง เซอื่ งซึม หมดแรง เบ่ืออาหาร นอนอยูกับทแ่ี ละตายในทีส่ ดุ รองรอยโรคทีเ่ หน็ ดวยตาเปลา : ไขมนั ในแทบทุกสว นที่พบตามรา งกายจระเขท เ่ี ปนโรคไขมนั อกั เสบ จะมสี ีเหลอื งเขม จนสมจางปนเทาหรือออกสนี าํ้ ตาล อีกท้งั ยัง แขง็ ขึ้นกวา ปกติโดยเฉพาะอยางยิง่ ไขมนั ใตผิวหนังและกอน ไขมนั ในชองทอ ง เม่อื ใชแ สงอลุ ตรา ไวโอเลตสองจะสามารถเรอื งแสงจงึ เปนจุดทใี่ ชเ พ่อื การวนิ จิ ฉัย เปน อยา งดี การปอ งกนั และการรกั ษา : 1.งดการใหจระเขกินแตป ลาแชแ ข็งลวนๆ ตอ งใหอาหารโปรตีนจากแหลงอืน่ ซงึ่ มีกรด ไขมันชนดิ ไมอ ิ่มตัวนอ ยกวา ในปลา อาจใชไ ก ทั้งตัวเนอ้ื หรือหมูแทน เพราะยังคงมีปรมิ าณวิตามินออี ยูม าก พอเพยี ง 2.ถาหากตอ งใหจ ระเขก ินปลาเปนระยะเวลานานๆ กจ็ ําตอ งผสมวติ ามนิ อีเขา ไปดวย ขนาด 15-100 หนว ยสากลตอ ตัวตอวนั ทุกๆวัน เพอ่ื ปอ งกันการขาดวติ ามินอี การรักษาไมไ ดผ ลปอ งกันไว ดกี วา ขาดแรธาตุการขาดแรธ าตุที่พบไดมากในจระเข คือการขาดแคลนเซ่ยี มอนั เปน การทาํ ให เกดิ โรคกระดกู ออน
สาเหตุ : 1.กนิ อาหารทมี่ อี ตั ราสวนแคลเซ่ยี มตอ ฟอสฟอรสั ไมเหมาะสมเชน เนอื้ แดงลว นๆ 2.ขาดวติ ามินดีทําใหรางกายนาํ แคลเซ่ยี มไปใชไมได อาการ : ทีเ่ ดน ชดั มากคือ กระดกู บริเวณขากรรไกรลา งจะนม่ิ ผดิ ปกติ ทดสอบไดโดยใชม อื กดดู ทางดา นขา งทง้ั สองขา ง ขาโกง งอ แนวกระดูก สันหลงั บดิ คดหรอื โกง กระดกู บางหักงา ย เปลือกไขบางและ แตกงาย การปองกนั และรกั ษา : เราสามารถปองกนั ไดโดยใหอ าหารทมี่ ีสดั สว นของแคลเซยี่ มตอฟอสฟอรัสเทากับ 1.2 ตอ 1 ซ่งึ อาจใชเ สริมในอาหาร แคลเซ่ยี มทใ่ี ช มักใหในรปู แคลเซย่ี มแลคเตท แตถา จระเขน ้ันอยูร ะยะกําลงั วางไขหรือลกู จระเขทกี่ ําลงั เจรญิ เติบโต เราสามารถเพิ่มสัดสวนของแคลเซ่ยี มตอฟอสฟอรสั ขนึ้ เปน 2 ตอ 1 กไ็ ดแ ตท้งั นีต้ อ งไมลมื ใหว ติ ามินดีดว ย เพอ่ื ชวยในการดดู ซึมแคลเซี่ยมไปใชป กติเสรมิ ขนาด 100 หนว ย สากลตอ นาํ้ หนกั ตวั หนง่ึ กโิ ลกรัมอาทติ ยล ะครั้งการ รักษาไมประสบผลสาํ เร็จ กลุม อาการแคระเกร็น สาเหตุ : การแคระเกรน็ ในลกู จระเขยังไมเ ปนท่ีแจงชดั แตอาจพอสนั นษิ ฐานไดจากขอมลู ท่ผี า น มาวาเปน ผลสบื เนื่องมาจากพนั ธกุ รรมความผิด ปกตแิ ตก ําเนดิ สภาพแวดลอ ม อาหารและโรคติดเชอ้ื ซ่งึ มักมี ความเกยี่ วโยงซึ่งกนั และกนั อาการ : พบวาเกดิ กับลกู จระเขอ ายุระหวา ง 6 ถงึ 8 อาทิตย หลังฟกเปนสวนมากลกู จระเขไ มก นิ อาหาร เซือ่ งซมึ ผอมลง อัตราการเจรญิ เติบโต เมอ่ื ดูจากนาํ้ หนกั และความยาวลําตวั ต่ํากวาลกู จระเขต ัวอืน่ ๆ ทีเ่ ลีย้ งในรุนเดยี วกัน แตมบี างตวั ท่ยี งั คงกินอาหารตามปกตแิ ตขนาดคงเดิม รองรอยโรคท่เี ห็นดวยตาเปลา : หลงั ผาซากไมค อยพบอาการทีเ่ ดนชดั อาจเหน็ เพยี งวา ซากคอ นขา งซูบซีดกวา ทวั่ ไปๆ มี นํา้ ขงั ในชองทอ ง ลาํ ไสแ ละตบั เลก็ กวาปกติ หรอื ฝอไปโดยตับมกั เปนสีเทา กอนไขมนั ทีส่ ะสมในชอ งทอง สลายตวั หายไป หากพบวามกี ารตดิ เชอ้ื ชนดิ ตา งๆ อาจสบื เนื่องมาจากผลของการเกิดภมู ิคุม กนั บก พรอ งรว ม ดว ย การปองกันและรกั ษา : ยงั ไมป ระสบผลสาํ เรจ็ นักแตเ ทา ทพี่ อชว ยลกู จระเขไดโดยการปอ นอาหารสําเร็จรูป ผาน ทอลงไปยงั กระเพาะอาหารสว นผสมของ อาหารสาํ เรจ็ รปู ไดแ ก ปลาบดละเอียดทง้ั ตวั 250 กรมั ผสมนํา้ สะอาด 250 มิลลิลติ รและเตมิ ดวยวิตามนิ รวมชนิดเขม ขน 1 กโิ ลกรมั อาทติ ยละ 2 วนั พรอ มท้ัง ฉดี วิตามนิ อี และซลี ีเนย่ี มใหเ ดือนละครงั้ ควรพยายามหาสาเหตุที่แทจ ริงหรือปญหาท่ีทําใหเ กิดความแคระเกรน็ ซึ่งในแต
ละฟารมยอ มมตี นเหตุทแี่ ตกตา งกันไป เม่อื พบสาเหตุเหลา นัน้ แลว จะสามารถปอ งกันการเกดิ โรคนี้ไดด กี วา เดมิ ความพิการแตก ําเนิด ลักษณะความพกิ ารทเ่ี หน็ มาตงั้ แตเ กิดเหลานไ้ี ดแ ก หางดว น หลงั คด ปากแหวง เพดานโหว ไขแ ดงไมเขาทอง ผนงั หนาทอ งไมปด ไมม ลี กู ตา ฯลฯ ลวนมสี าเหตุที่พอสรุปไดค อื 1.พนั ธุกรรม หมายถึงวาเกดิ การผสมพนั ธใุ นสายเลือดชิดกัน เชน พอ ผสมลกู ลูกผสมแม ฯลฯมไิ ดม ีการจดั การสายพนั ธุท ี่แนชัดเนอื่ งจาก เล้ียงแบบปลอ ยบอ รวมกันจํานวนมาก ทาํ ใหไ มส ามารถ ควบคุมการผสมพนั ธุได ปญ หาทางพันธกุ รรมจงึ เกดิ ตามมาตลอดจนใชพอแมพนั ธุทม่ี ีความผดิ ปกติทาง พนั ธกุ รรมอยมู าแตด ง้ั เดิม 2.การจัดการฟกไขทีเ่ หมาะสม ไมถ กู วธิ ีเชนความชนื้ ไมเ พียงพอหรือความรอนสูงเกนิ ไป ซ่งึ มีผลทาํ ใหไขแดงไมเขา ทอ งเกดิ ความ พิการตางๆ นานาไดเ สมอ 3.สารพิษบางชนดิ ทต่ี กคางมากบั อาหารทใ่ี ชเลี้ยง พอ แมพ นั ธุจ ระเขไ ดร ับและถา ยทอด มาถึงลกู ทําใหเ กิดความผดิ ปกตใิ นการ พัฒนาการของตวั ออ น เชน พษิ ของโลหะหนกั ตางๆ ไดแกป รอท สงั กะสี และตะกวั่ ซึง่ บางครั้งกป็ นเปอ นมากับนา้ํ ท่ีใชเ ลยี้ งจระเขด ว ยเชน กนั การบาดเจบ็ กระทบกระเทือน ปญ หาทีผ่ เู ล้ียงพบบอ ยคอื จระเขก ดั กันจนถึงตายซงึ่ มสี าเหตุ ใหญๆ อย4ู ประการ 1.เล้ยี งอยใู นทค่ี บั แคบประชากรหนาแนน มากเกนิ ไป 2.พฤตกิ รรมการปกปองดนิ แดนอาณาเขต 3.การแกง แยง ผสมพนั ธุ 4.กลมุ อายแุ ละขนาดทแ่ี ตกตา งกัน จระเขเปน สัตวท่มี คี วามตอ งการดนิ แดนหรืออาณาเขตเปน ของตัวเอง โดยจะมกี ารปกปอ งหวง แหนซึ่งจะเปน มากนอยขึน้ กบั พันธุจระเข เมอ่ื เปรียบเทยี บจระเขพ ันธนุ ้าํ จดื และพนั ธุนา้ํ เคม็ ตามธรรมชาติ แลว พบวาจระเขพ ันธนุ ํ้าจดื มคี วามหวงและปกปองดินแดนนอยกวา พนั ธุนํ้าเคม็ แตกย็ งั มอี ยูมากพอสม ควร ไมถงึ กับหมดไปเสียทีเดยี ว ฉะน้นั ปญ หาการกดั กันแกงแยง กันจงึ มกั เกดิ ข้นึ และรนุ แรงถงึ ตายเสมอ หนทาง แกไขคงตอ งกลบั ไปพิจารณาถึงอตั ราสว นจระเข ตอพื้นที่ ลักษณะบอ การตกแตง แบง สันปนสว นในพ้ืนท่ี บอเล้ยี งฯลฯ เม่อื ถงึ ฤดผู สมพันธุต ั้งแตเ ดือนธันวาคมชวงปลายเดือนถงึ ราวๆพฤษภาคมชว งตนเดอื นปญหา จระเขก ดั กนั ตายก็ตามมา ซงึ่ พบมากในบอ เลย้ี งรวมเนอ่ื งจากจระเขตวั ผแู ยงกนั ผสมพนั ธุ ตวั ใดขนาดเล็กกวา หรอื ออ นแอกวา มักถกู ทาํ รา ยถึงตายอยเู สมอๆ วิธกี าร แกไขคอื จดั การระบบเล้ียงเพอื่ ผสมพันธุใหม อาจใช บอผสมพันธุโดยเฉพาะจบั คู 1 ตอ 1 หรอื ใชส ัดสวนอน่ื ๆ เชน 1 ตอ2,1ตอ 3 กไ็ ด รวมถึงการแบงแยกกนั อยู อยา งเปน ทเี่ ปน ทาง ขอสําคญั อยาใหจ ระเขต ัวผูอยูดว ยกนั สวนจระเขวยั เลก็ หรอื จระเขว ยั รนุ นน้ั ปญหากัดกันบาดเจ็บหรอื ถึงตาย มักเนอื่ งมาจากสาเหตุ การเล้ียงเปนจาํ นวนมากและปะปนกนั ทง้ั ชว งอายุ ละขนาดทําใหเ กิดความแตกตางกนั สงู ตัวใหญต วั ท่ี
แขง็ แรงยอ มทาํ รายตัวเล็กท่อี อ นแอกวา เสมอ ฉะนน้ั จงึ ควรคัดขนาดจระเขท่ีนาํ มาเลย้ี งใหไ ดใ กลเคยี งกนั เปน รุน ๆ ไปจะลดความเสียหายลง โรคที่เกดิ จากการติดเชื้อ จระเขก เ็ หมอื นสตั วชนิดอนื่ ที่สามารถเจ็บปวยไดดว ยสาเหตุของการตดิ เช้อื จุลชีพชนดิ ตา งๆ ตง้ั แตไวรสั แบคทเี รยี เช้อื รา พยาธิภายนอกและ พยาธภิ ายใน ฉะน้นั การดแู ลรักษานอกเหนอื ไปจากการ จดั การที่ถกู ตอ งแลว ยงั จําตองพึงพาอาศยั ยาและสารเคมชี นิดตางๆ ในการรักษาอกี ดว ย ซึง่ ขนาดยาที่ใชใน จระเขโ ดยเฉลี่ยแลวเปน 3 เทาของขนาดยาท่ใี ชในสัตวเลือดอุน และการใหย าไมจําเปน ตองใหท กุ วนั โดยเฉพาะอยางยงิ่ ยาฉีดทง้ั นี้เพราะการขับและสลายตวั ของ ยาในรางกายจระเขเ ปน ไปอยา งชาๆ จงึ อาจใหย า ทกุ 2 ถึง 3 วัน 1.การตดิ เชือ้ ไวรสั ไวรัสท่พี บวา สามารถทําใหเ กิดโรคในจระเขและสนั นษิ ฐานวา มีอบุ ตั ิการใน ประเทศไทย แมอ าจจะยงั ไมอ าจยนื ยนั ไดแ น ชัดกันก็คอื \"ไวรัสทที่ ําใหเกดิ ตับอักเสบและลาํ ไสอ กั เสบ\" สาเหตุ : เชอ้ื ไวรัสตบั อักเสบและไวรัสลาํ ไสอ กั เสบ อาการ : ไมเ ดน ชัดมกั พบวา เกิดในลูกจระเขท ฟ่ี ก ออกมาไมน านนกั ตายหรือปว ยใกลตายโดยไม ทราบสาเหตุ รอ งรอยโรคทีเ่ ห็นดวยตาเปลา : ตบั ขยายใหญ บวม สีซดี ลง มีจดุ สีชมพูบนผิวตับ ลาํ ไสบวมมีเลอื ดค่ังของเหลวในลําไส สะสมเปนจาํ นวนมากพรอมกบั มเี ลือดปนอจุ จาระ สซี ีดและเหลว โดยมากเปนผนงั ลาํ ไสท ลี่ อกหลดุ ปะปน ออกมา การปอ งกนั และรักษา : การเกดิ โรคนี้พบบอ ยครง้ั ในขณะมอี ากาศเยน็ ท้งั น้ยี อ มเปนเหตโุ นม นาํ ใหภ ูมติ า นทานของ รา งกายลูกจระเขลดลง เช้ือไวรสั จึงระบาดได งา ย หลังจากนัน้ หากมีการตดิ เชอื้ แบคทเี รียแทรกซอนกจ็ ะทํา ใหอ าการทรดุ ลงเรว็ และตายในทส่ี ุด การปอ งกนั จงึ ควรคํานงึ ถงึ การรกั ษา อุณหภมู ใิ หเหมาะสมเพอ่ื จระเขจ ะ ไดมภี ูมคิ ุมกนั ตลอดเวลาและหมั่นรกั ษาความสะอาด ทาํ การฆา เชอ้ื โรคอยา งสมาํ่ เสมอดว ยคลอรนี 2 ถงึ 4 สว นในนาํ้ 1 ลาน สว น( 10 พพี ีเอ็ม) และผสม ยาปฏชิ ีวนะลงในอาหารเพอ่ื ปองกนั การติดเชือ้ แบคทเี รียแทรก ซอ น 2.การติดเชื้อแบคทีเรยี คอนขา งจะเปนปญหาใหญสาํ หรบั โรคตดิ เชอ้ื จระเข ทําใหก าร เจรญิ เติบโตชาลงจนถงึ บางกรณีเกดิ การตายอยา ง รวดเรว็
1.การตดิ เชื้อแบคทเี รียในกระแสโลหิตแบบฉบั พลัน สาเหตุ : การติดเชอ้ื แอโรโมนาส ไฮโดรฟล ลา เชื้อซาลโมเนลลา เดอรบ ีใ้ นลกู จระเขม ักเกดิ โดยติด เชื้อผานสายสะดอื อาการ : 1.มีจดุ เลือดออกบนผิวหนงั โดยเฉพาะอยางย่งิ หนาทอง 2.โคมา ไมรสู ึกตวั 3.ตายภายใน 1 ถงึ 2 วนั รอ งรอยโรคทม่ี องเห็นดว ยตาเปลา : ไมมแี บบฉบบั เฉพาะเพยี งพบแตวา มเี ลอื ดคง่ั ในอวัยวะตางๆ ชอ งทองเยอ่ื หุมปอดและเยอื่ หมุ หวั ใจอกั เสบ ตับอาจบวมปอดแฟบและมขี อง เหลวอยใู นชองอก ควรทาํ การเพาะเชอ้ื เพ่อื หาสาเหตทุ ี่แทจริง ตอไป อันจะเห็นประโยชนใ นการปอ งกนั และรักษาจระเขต ัวอืน่ การปองกันและการรักษา : 1.แยกตวั ปว ยออกมารกั ษา 2.ทําความสะอาดและฆา เชือ้ ในบอเดมิ 3.ใหย าปฏชิ วี นะ ตามผลการเพาะเช้อื เพอ่ื เปน การปองกนั การดื้อยา และยังทําใหก ารรักษา ตรงตามเปาหมายอกี ดว ย 2.ปอดบวม สาเหตุ : เชอื้ แบคทีเรียดังตอไปน้ี แอโรดมนาส ซโู ดโมนาส อี.โคไล และ โปรเตยี ส อาการ : 1.อา ปากหายใจ 2.ซมึ เบื่อจนไมกินอาหาร 3.นอนผง่ึ แดดตลอดเวลา 4.ตายโดยไมแสดงอาการเดน ชดั การปอ งกันและรักษา : ใชห ลักการเชน เดียวกับการรักษาการติดเชือ้ ในกระแสโลหิตแบบฉบั พลนั ในกรณขี องลูก จระเขอาจเพมิ่ อุณหภูมแิ วดลอ มภายนอกใหส ูง ขึ้นอกี 2 ถงึ 3 องศาเซลเซยี ส เพือ่ เปน การกระตนุ ใหภ ูมิคมุ กัน ในรางกายเพ่มิ ขึ้นยาท่คี วรใชว ธิ ีฉีดจะใหผลไดรวดเรว็ และสะดวกกวา วธิ อี ่นื แตต อ งทําอยางนุมนวล เพ่ือ ไมใหสตั วเ กิดความเครยี ดมากย่งิ ข้นึ ไปกวาเดิม
3. ตาอกั เสบ สาเหตุ : เช้ือซูโดโมนาส แอรูจิโรซา หรอื สเตรปโตคอคคสั โดยมีสาเหตุโนม นาํ จากการขาดวติ ามิน เอ และความสกปรกของสถานทีเ่ ลีย้ งและ ความแออัด อาการ : มักพบวา เกิดการแพรกระจายในลกู จระเขท ่เี กดิ ใหมแ ละอายุไมเ กนิ หนึง่ ปเปน สวนใหญ โดยมีน้าํ ตาและนาํ้ เหลืองไหลออกมาจากตาตลอด เวลากอ น จากนนั้ ของเหลวนจ้ี ะจบั กบั เปลือกตาทาํ ให จระเขไมส ามารถลมื ตา จําตองหลับตาท้ังสองขา งตลอดเวลา จนในทีส่ ุดมีแคลเซยี่ มเขาไปสะสมอยทู าํ ใหเ กดิ การอกั เสบของหนงั ตาทส่ี าม กระจกตา แลวกระจายไปทว่ั ลกู ตาทาํ ใหเ รามองเหน็ วาจระเขมีตาบวมปูดโปน ออกมาท้งั สองขา ง บอ ยครง้ั ท่พี บวา หนงั เปลอื กตามี รอยแตกระแหงมกี ารติดเช้อื จงึ เกดิ ผิวหนงั อักเสบตามมา อีกดว ย ซง่ึ บางคราวจะลามไปทว่ั หวั ลูกจระเขท ป่ี ว ยไมก ินอาหารและไมลงน้าํ ทาํ ใหแสดงอาการขาดนาํ้ ขาด อาหาร ผอมและอาจมีการตดิ เช้อื แทรกซอ นในระบบอนื่ จนทําใหตายในทส่ี ุด การปองกนั และรกั ษา : 1.หมน่ั เปลยี่ นน้ําใหส ะอาดอยูเสมอ 2.อาหารตองไมข าดวิตามินเอ 3.แยกตวั ปว ยออกมารกั ษา 4.ลางตาดว ยน้าํ ยาบอรคิ 5.ปา ยตาดว ยยาคลอแรมเฟนคิ อล ชนดิ เขา นา้ํ มัน 6.ฉดี คลอแรมเฟนิคอล 25% ขนาด 10 มลิ ลิกรัมเขา ใตผิวหนังเปลือกตา 7.ฉดี วติ ามนิ เอเขา กลา มเน้ือ 3.การติดเช้ือรา โดยทว่ั ไปเชอ้ื ราจะทําใหเกดิ โรคสาํ คญั ๆ แกจ ระเขอ ยู 2 โรค คือโรคปอดบวม เน่ืองจากเชือ้ ราและโรคผวิ หนงั อักเสบเนื่อง จากเช้อื รา แตใ นบานเรามรี ายงานเฉพาะการติดเชอื้ ราบนผวิ หนงั ซึง่ มีสาเหตุจากเชือ้ \"ฟวซาเรยี่ ม\" จระเขแ สดงรอยรอยโรคคือเกดิ จดุ ขาวบนผิวหนงั โดยทั่วไป หากทง้ิ ไวจ ะ ขยายใหญเปลยี่ นสภาพเปน แผลหลุมปกคลุมดวยเน้ือเยอ่ื ท่ีตายแลวสนี ํา้ ตาล บางครั้งอาจพบฝาขาวบนล้ิน หรอื เพดานชองปากซง่ึ มีสาเหตจุ ากเชอ้ื ราตวั อืน่ เชน แอสเปอรจ ิลลสั การรักษาอาจใหย ากนิ จาํ พวก นสิ ตาตนิ หรือคโี ตโคนาโซล รวมกบั การทายาฆา เช้อื ราบน ผวิ หนังเชน มโิ คนาโซล และอาบนํ้าท่มี ีดา งทับทมิ ในอตั ราสว น 10 สวนในนา้ํ 1 ลา นสว น(10 พพี ีเอม็ ) 4.การติดเชอื้ พยาธิ เราแยกพยาธภิ ายนอกและพยาธิภายในซ่งึ ลวนมคี วามรนุ แรงมากนอย แตกตา งตามชนิดของพยาธิ บา งก็ทาํ อันตรายถึง ตายแตบา งก็เพยี งทําใหจ ระเขอ อนแอลง จนเกดิ การติดเชอ้ื แทรกซอ นงายข้นึ กวาปกติ 4.1พยาธภิ ายนอก สาํ หรับจระเขแลว พยาธภิ ายนอกทส่ี ําคญั จะมเี พยี งตวั เดยี วเทานน้ั คอื \" ปลิงควาย\" ปลิงควายอาศยั อยใู นชองปากของ จระเขโ ดยดดู เลือดจากเหงอื ก ล้นิ ซอกฟน เพดาน แตดู
เหมอื นวาจะไมท าํ ใหเกดิ อันตรายตอ จระเขต ัวใหญๆ มากมายนักตามธรรมชาตแิ ลวนกเอ้ยี งหรือนกกนิ แมลง บางชนดิ มักเปน ผชู วยกาํ จัดปลิงเหลานใี้ หข ณะทจ่ี ระเขน อนอา ปากผึ่งแดด เปน การชว ยเหลอื เอ้อื เฟอซึง่ กัน และกนั การกาํ จัดปลิงควายที่มใี นจระเขเลีย้ ง สามารถทํา ไดโ ดยใชป ูนขาวละลายในบอจระเข ซึง่ นับเปนวธิ ี ทงี่ า ยถูกและสมั ฤทธ์ผิ ลดีที่สุด 4.2พยาธภิ ายใน พยาธภิ ายในทพ่ี บในจระเขต ามฟารมของประเทศไทย เทา ที่เคยรายงานมา มีเพียงพยาธิในปอดมชี ื่อวา\"เพ็นตาสโตมิ ดา\" เทา นน้ั โดยพบอยูในปอดจระเข ทําใหจ ระเขออนแอลงเพราะ พยาธิดดู เลอื ดจากเสนเลอื ดฝอยของปอด มพี ยาธิบางสวนไชชอนไปมาทําใหเลือดออกมาข้นึ และ เกิดการติด เช้อื แบคทีเรยี ผลทส่ี ดุ จระเขจ ึงตาย อาการ : แสดงออกไมเดน ชัด อาจสังเกตเหน็ แตเ พยี งจระเขท มี่ พี ยาธผิ อมลงทกุ วนั แลวตายไปดอง เมือ่ ผา ซากจึงพบตวั พยาธิดงั กลา วมีลาํ ตัวสี ขาวเปนปลองๆ อยูในปอด การปอ งกนั และรกั ษา : อาจทําไดโดยใชย ากาํ จดั พยาธิชนิดฉีด คือไอโวเมค็ ตนิ ฉดี เขา ใตผ ิวหนงั หรือกลา มเน้ือ ดว ยขนาด 200 ไมโครกรัมตอ น้าํ หนกั ตัวสตั ว 1 กิโลกรมั เพียงครงั้ เดยี ว นอกจากน้ยี ังอาจพบโปรโตซวั หรอื สงิ่ มชี วิ ติ เซลลเดยี วที่ทําใหเกดิ โรคระบาดทางเดนิ อาหารเชน บิด สตั วท ต่ี ดิ เชอื้ จะแสดงอาการถาย เหลวมีมกู เรอ้ื รังและตาย รองรอยโรคท่เี หน็ ดวยตาเปลา : คือ จดุ เลอื ดออกบนผิวลําไสการลอกหลดุ ของเยอื่ บผุ นังลาํ ไส บางคร้ังบดิ ลมุ ลามไปทตี่ บั ทําใหเ ห็นวามจี ุดเนอื้ ตายบนตับสขี าวๆ การปอ งกันและการรักษา : อาจทําโดยหม่ันตรวจหาเช้อื จากอจุ จาระจระเขอยา งนอ ยเดอื นละครั้ง ยาท่ใี หผลในการ รกั ษาคอื ซัลฟาคลอโรไพราซีน 30% ผสมคลุก เคลาในอาหารดวยขนาดยา 1.5 กรมั ตอ อาหาร 1 กโิ ลกรัมกิน ติดตอ กัน 3 วนั หรือทําเปน สารละลาย 3% ปอ นผา นทอ กระเพาะลูกจระเขด ว ยขนาด 5 มิลลิลิตรตอ นาํ้ หนกั ตวั 1 กิโลกรัม วันละคร้ังติดตอกนั 3 วัน วิธีการใหย าจระเข การใหยาจระเขส ามารถกระทาํ ไดห ลายวธิ ีดังตอ ไปน้ี การกนิ * ลกู จระเข 1.ผสมอาหาร ขอ ดี : งา ยไมบ อบชํา้ ขอเสีย : ลูกจระเขม จี มกู สัมผสั กลิน่ ไวมากหากยาทใ่ี หก ลน่ิ แรง รสขม จะทาํ ใหสัตวไ มก ิน
อาหาร อีกทง้ั การใหย ารวมกันมากๆ ทําใหไมทราบวา ตัวใดกินมากนอ ยครบถว นเพยี งใด 2.ปอ นผา นทอ โดยใชทอ สอดกระเพาะขนาดเทา สายน้าํ เกลือ(เสน ผาศนู ยกลางประมาณ 3-4 มลิ ลเิ มตร)สอดเขา ปากลงไปตามหลอดอาหารจน ถึงกระเพาะซึ่งอยตู รงตําแหนงเกอื บกึ่งกลางลาํ ตวั ควรทํา ในแนวด่งิ จะสะดวกกวา แนวนอนซึง่ อาจจะเกิดการสาํ ลกั เอายาเขาปอด ขอ ดี : สตั วไดย าครบถวน ขอ เสยี : ลูกจระเขเกดิ ความเครยี ดและอาจชอ คตาย ตลอดจนบางครง้ั ปอ นยาผดิ ลงหลอดลมทาํ ใหส าํ ลกั เปนปอดบวม *จระเขใ หญ เราใชว ิธผี สมยาไปในอาหารตา งๆ ซงึ่ ยาแตล ะชนดิ มีคณุ สมบตั แิ ตกตางกนั ไปเชน ยาผง ยานา้ํ ยา เมด็ ซ่งึ มผี ลตอการดดู ซมึ ของยาและปริมาณ ยาท่ีจระเขไ ดร บั จากพฤติกรรมการกินอาหารของจระเขพ บวา จระเขทาํ การฉกี เหย่ือใหขาดจากกนั แลว กลนื ลงไปท้งั ชน้ิ หากมีการซอนใสย าเมด็ เอาไวใ นเหย่ือนั้น กจ็ ะ หลุดออกหมด จงึ สมควรเปลย่ี นรูปแบบของเหยอ่ื ซงึ่ ใหผ ลดีกวา หรือในกรณยี าผงที่เคลากบั อาหารควรให บรเิ วณพน้ื แหง ที่หา งนํ้ามากพอควร เพราะจระเข อาจลากหรอื สะบดั อาหารในนํา้ ทาํ ใหย าฟงุ กระจายละลาย ลงไปในบอ เปนเหตุใหเ กดิ นํา้ เสยี ตามมาและจระเขเ องกไ็ มไดย าเตม็ ท่ี ตวั อยางยากนิ ไดแ ก 1.กลูโคส ขนาด 3 กรัมตอ นาํ้ หนักตัว 1 กโิ ลกรัมใชในกรณชี อ คที่เกิดกับลูกจระเขขณะขนยา ย มักใชปอนดว ยสายยาง โดยตรงลงสกู ระเพาะ อาหาร 2.ออกซีเต็ตตรา ไซคลิน ขนาด 25 มลิ ลกิ รัมตอ น้ําหนกั ตัว 1 กโิ ลกรมั ใชผสมอาหารปอ งกันการ ตดิ เชื้อแบคทเี รยี การฉดี สว นใหญก ารฉดี ยาจระเขม กั กระทาํ เพยี งวิธีเดียว คอื ฉีดเขากลามเนอ้ื โดยใชต าํ แหนง โคน หางทั้ง 2 ขาง เพราะมกี ลามเน้ือขนาดใหญ สําหรับโบกหางหรอื ที่ชาวบา นเรียกวา \"บอ งตัน\" ในจระเขเลก็ ๆ เราใชเขม็ เบอร 23,24 ขนาดยาว 1 นวิ้ และจระเขใหญใชเ ขม็ เบอร 18,19 ขนาด 1.5 นวิ้ ขึ้นไป ฉดี ตรง ตาํ แหนง ระหวา งรอยตอ ของเกลด็ หาง หากแทงเขม็ ลงบนเกล็ดจะไมส ามารถฉีดได เพราะมีความแขง็ มาก ขอดี : - สะดวก ไดยาครบตามจํานวน - ยากระจายตัวรวดเรว็ เพราะมีการขยบั ตัวของกลา มเนือ้ โคนหางตลอดเวลา ขอเสยี : - ในลกู จระเข เกดิ ความเครียดขณะจบั - จระเขใ หญต อ งระวงั จากการฟาดหาง - ยาทีร่ ะคายเคอื งมากๆ อาจทําใหเ กิดการอักเสบของกลา มเน้อื โคนหาง จระเขจงึ ไม สามารถใชหางโบกพัดขณะวา ยนํา้ ถา เปนจระเขท ตี่ วั ใหญม ากๆ หรอื อยรู ะยะไกลกจ็ าํ เปนจะตองใชล กู ดอกบรรจยุ งิ จากระยะไกล หรอื ใชกระบอกฉีดยาแบบดา มยาวชวยเพอ่ื ความ ปลอดภัยของผูฉดี เอง ตัวอยางยาทฉ่ี ีดไดแ ก 1.แอมพซิ ิลลิน ขนาด 3 ถงึ 6 มิลลกิ รมั ตอน้ําหนกั ตวั 1 กโิ ลกรมั ฉีดเขา กลา มเนื้อรกั ษาโรคตดิ
เชอ้ื แบคทีเรีย 2.เตตตราไซคลนิ ขนาด 25 ถงึ 50 มลิ ลิกรัม ตอนํ้าหนกั ตวั 1 กโิ ลกรัม 3.คลอแรมเฟนคิ อล ขนาด 40 มิลลกิ รัมตอน้ําหนกั ตัว 1 กิโลกรัม ฉีดเขากลา มเน้ือใตผ ิวหนัง การทา อาบและแชยา มกั ใชกับกรณบี าดแผลที่เกดิ จากการตอสู เชื้อราบนผิวหนงั หรือพยาธภิ ายนอก เชน ท่ีพบ บอยๆ คอื ปลิงยาทีเ่ หมาะสมกบั บาดแผลคอื เจยเชย่ี น ไวโอเลต เนื่องจากคุณสมบัติไมละลายนา้ํ และเกาะ ผิวหนงั ไดด ี จงึ เหมาะกบั บาดแลภายนอกทงั้ ยัง้ มฤี ทธใิ์ นการฆา เช้อื ราไดอีกดว ย สําหรบั ยาปา ยตาทนี่ ิยมใช และ ใหผ ลดีควรอยใู นสวนผสมของน้ํามนั จึงจะตดิ นานเชน คลอแรมฟน คิ อล การแชย าสว นใหญม กั ใชก บั โรคผวิ หนงั ตดิ เชอ้ื พยาธภิ ายนอกและบาดแผลเชน ดา งทับทิม ขนาด 1 ตอ 100,000 ในน้ําใชจ ุม ฆาเช้ือรา คลอรีนขนาด 2 สวน ในนา้ํ หนึง่ ลานสว น ใชฆาเชอ้ื โรคกรณเี กดิ การแพรข องเช้อื ไวรัสเบนซลั โคเนย่ี ม คลอ ไรด ขนาด 1 ตอ 1,000 ในนา้ํ ใชจุมฆาเชอื้ แบคทีเรียจนุ สี ขนาด 2 มลิ ลิกรมั ผสมน้าํ 1 ลติ ร ใชรกั ษาพยาธบิ น ผิวหนงั และเชอื้ ราไดด ี ฯลฯ ตลาดจระเข เมอ่ื เลีย้ งจระเขแ ลว ก็มุง หวงั ทีจ่ ะตอ งคา ขายอยูดี ฉะนนั้ จงึ ตอ งรเู รือ่ งตลาดไวพ อสมควร ผลผลติ จากจระเขท่ีสามารถสงสูต ลาด ไดแก 1. จระเขมชี วี ติ 1.1 ลกู พนั ธุ ขายไปเพื่อใหผอู น่ื เล้ยี ง มักขายทีข่ นาดความยาว 30 เซนตเิ มตร 1.2 จระเขร นุ ความยาวประมาณ 70 ถงึ 80 เซนตเิ มตร บางครัง้ ก็ 1 ถงึ 1.20 เมตร มกั ซื้อไป เลย้ี งตอ 1.3 พอ แมพนั ธุ พรอ มท่จี ะนําไปผสมพนั ธุ 1.4 สง โรงเชือด ทั้งยงั มชี วี ติ เนอ่ื งจากขดี ความสามารถไมพ อทจี่ ะทําเอง 2. จระเขเ ชอื ด 2.1 ขายทัง้ ตัว ไมมกี ารชาํ แหละแตประการใด 2.2 ขายเนอ้ื แบงเปน - ขายซาก เอาเครอ่ื งในและหนงั ออกเทา นั้น - ขายเนอ้ื สดแชแข็งชําแหละเปน สว นๆ - ขายเน้ืออบแหง 2.3 หนัง มกั ขายเปน หนังดบิ แชเกลือ สงยงั โรงฟอก หรือถาเปนฟารม จดทะเบยี นไซเตสแลว สามารถสง ออกตา งประเทศได 2.4 เลือด มบี างแหง รับซ้ือพรอ มท้งั ตวั ซาก เพอื่ นาํ ไปใชเ ปนสมุนไพร 2.5 เครอื่ งใน ขายพรอมตวั ซาก หรอื อาจใชนาํ กลบั ไปเปน สว นผสมอาหารเพือ่ ใชเลย้ี งจระเข
แหลงรบั ซอ้ื จระเขไดแ ก 1.พอคา และนายหนา คา จระเข จะตระเวนรับซอื้ จระเขตามฟารม เลก็ และฟารมขนาดกลางเพื่อ นําไปสง ตอยังโรงงานหรอื ฟารม ตลอดจน โรงเชอื ดใหญๆ ตอ ไป รวมถงึ การขยายพนั ธแุ ละพอแมพ ันธุแกผ ู เริม่ เลย้ี งดวย ดงั น้ัน จึงมกั ซอื้ ขายจระเขมชี วี ติ 2.เจา ของระบบลกู เลา ไดแ กฟารม ผขู ายลกู จระเขแกเ กษตรกรทีร่ ับเลย้ี งในลกั ษณะสมาชิกหรือ ลูกเลา จากน้ันเมอ่ื ครบตามกาํ หนดหรอื ไดข นาด จึงขายกลับสแู หลง ที่มาตามแตจะตกลงกัน 3.ฟารมจระเขขนาดใหญครบวงจร ตอ งการจระเขไ ปเพือ่ เสริมปรมิ าณการผลิตของตน 4.สง ออก ปจ จุบนั การสง ออกมักเปนรปู หนงั ดบิ หมักเกลอื ซ่งึ อนาคตจะเปน การสง ออกในรูป หนังฟอกและผลติ ภัณฑส าํ เรจ็ รูป แตท ง้ั นจ้ี ําเปน ตอ งพัฒนาเทคโนโลยกี ารฟอกใหไ ดม าตรฐานโลกกอน โดยท่ีขณะเดยี วกนั จะตอ งเพม่ิ ปรมิ าณการผลติ หนงั ที่อยใู นเกรดที่ดี มีคุณภาพสงู ตลอดจนปรมิ าณเพียงพอ สนองตอตลาดตา งประเทศได ท้ังนีเ้ พราะการทําสัญญาคาขายหนังจระเขร ะหวา งประเทศตองมีปรมิ าณมาก พอท่จี ะสง ใหล กู คา ไดในระยะเวลาหลายปจ ดั เปน สญั ญาผกู พันระนะยาว นอกจากนผ้ี ูทจ่ี ะสงผลผลิตจาก จระเขออกไปตางประเทศได จาํ เปน ตองไดร ับการอนุญาตจากสวนราชการและองคก รไซเตสโดยผลผลิต จระเขเ หลานนั้ ตอ งมาจากแหลง ทไ่ี ซเตสจดทะเบยี นรับรองใหก อ น ปจ จุบันฟารม จระเขท่ีไดร บั การรบั รอง จากองคก รไซเตส ซึง่ อยูภายใตการดแู ลของสมาคม สง เสริมการอนรุ ักษแ ละเพาะเลย้ี งจระเขแ หงประเทศ ไทย คอื 1.ฟารมจระเขศ รีราชา 2.ฟารมจระเขห นองใหญ 3.ฟารม จระเขส ามพราน 4.ฟารม จระเขพ ัทยา 5.ฟารมจระเขว ดั สงิ ห อนาคตของธุรกจิ การเพาะเลยี้ งจระเขตลอดจนธรุ กจิ อุตสาหกรรมเกีย่ วเน่อื ง จะยังคงกาวตอไป อยา งไมห ยดุ ยงั้ ตลอดจนสามารนาํ เงินตราเขา ประเทศอยา งมากมาย การครอบครองและจดทะเบียนฟารม จระเข ตามพระราชบญั ญัตสิ งวนและคุม ครองสตั วปา พ.ศ.2535 นัน้ ผทู จ่ี ะครอบครองสัตวปาคมุ ครอง และทําฟารมเพาะเล้ียงสัตวป าตอ งไดรับอนุญาต จากเจาหนาทีผ่ ูควบคมุ ดแู ล สาํ หรบั จระเขซ ่งึ เปน สตั วปา คมุ ครองชนดิ หน่ึงอยภู ายใตก ารควบคุมดแู ลของ \"กรมประมง\" ดังนั้น เกษตรกรท่ีตองการครอบ ครองทํา ฟารมและคาขายจระเขจ าํ เปน ตอ งขออนญุ าตจากกรมประมงกอ น โดยติดตอขอรายละเอยี ดไดที่ประมง อําเภอ ประมงจังหวดั หรอื กองอนุรักษทรพั ยากร ประมง กรมประมง เพอ่ื การปฏิบตั ทิ ี่ถกู ตองตามกฎหมาย และระเบยี บปฏิบัตติ า งๆ ตอไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: