วชิ าผลิตภณั ฑน์ ม หนว่ ยที่ 1 ความสาคัญและประโยชน์ของผลติ ภณั ฑน์ ม พรทพิ า สงิ หะบาล วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบรุ ี
1 หนว่ ยท่ี 1 ความสาคญั และประโยชนข์ องผลติ ภณั ฑน์ ม หวั ข้อเรือ่ ง 1. ความหมายของนานมและผลติ ภัณฑ์นม 2. ความสาคัญและประโยชน์ของนานมและผลิตภณั ฑน์ ม 3. คุณค่าทางอาหารของนานม สาระสาคญั น้ำนมเปน็ ของเหลวท่ีหลัง่ ออกมำจำกเตำ้ นมของสัตว์ทเี่ ลี้ยงลูกด้วยนม นำ้ นมเป็นอำหำรชนิดแรกท่ี ลกู อ่อนแรกคลอดของสตั วท์ เ่ี ลีย้ งลกู ดว้ ยนมตอ้ งไดร้ ับและเป็นอาหารธรรมชาติท่ีมีความสมบรู ณ์และมคี ณุ คา่ ทางโภชนาการสงู อดุ มดว้ ยแรธ่ าตุอาหารครบทุกหมู่ คือ โปรตีน วิตามนิ เกลือแร่ คาร์โบไฮเดรต และไขมนั โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งนาตาลนมหรอื แลก็ โทส (lactose) และโปรตีนทเี่ รยี กวา่ เคซีน (casein) ซงึ่ จะพบได้ใน นานมเทา่ นัน นำ้ นมจึงมคี วามจาเป็นและสาคญั อย่างย่ิงต่อการเจรญิ เตบิ โตของทุกเพศทุกวัย จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม 1. อธบิ ายเก่ยี วกบั ความสาคัญของนานมและผลติ ภณั ฑ์นมได้ 2. บอกประโยชน์ของนานมและผลิตภัณฑน์ มได้ 3. อธิบายคุณค่าทางอาหารของนมได้ 4. มีความตังใจในการเรียน มีความรบั ผดิ ชอบ ตรงต่อเวลา มีระเบียบวินัยและแสดงกริ ยิ า วาจาสภุ าพ เนือหาสาระ นานมเป็นอาหารชนิดเดยี วสาหรบั สตั วเ์ ลยี งลูกด้วยนมแรกเกิด นานมให้พลังงานและมสี ารอาหารท่ี จาเปน็ ต่อการเจรญิ เติบโต นอกจากนีนานมยังมีสารสรา้ งภูมิค้มุ กันเชือโรค ปัจจบุ นั นานมที่มนษุ ยน์ ยิ มบรโิ ภค กันทัว่ โลกคอื นานมโค และไดม้ ีการนานานมโคมาแปรรปู เป็นผลิตภัณฑน์ มชนิดต่างๆ กันอยา่ งแพรห่ ลาย 1. ความหมายของนานมและผลติ ภณั ฑน์ ม นานม (Milk) หมายถงึ ของเหลวทป่ี ระกอบด้วยสารอาหารท่ีออกมาจากเตา้ นมของสัตว์เลียงลูกด้วย นมและเปน็ อาหารชนิดแรกที่ลกู อ่อนแรกคลอดของสัตวท์ เ่ี ลียงลกู ดว้ ยนมจะต้องได้รบั นานมเปน็ อาหารทมี่ ี ความอุดมสมบรู ณ์ครบถ้วนเพ่ือให้ลูกอ่อนเจริญเตบิ โต นานมมีส่วนประกอบหลกั ที่สาคญั ได้แก่ นา ไขมัน โปรตนี นาตาล วิตามิน แร่ธาตุตา่ งๆ และสารประกอบอนื่ ๆซง่ึ มีความจาเปน็ ตอ่ การเจรญิ เติบโตของร่างกาย (นธิ ยิ า, 2557) ตามพระราชบญั ญัติโคนนมและผลติ ภัณฑน์ ม พ.ศ. 2551 ได้ใหค้ าจากดั ความของนานมโคและ ผลิตภณั ฑน์ มไวด้ ังนี
2 นานมโค หมายถงึ นานมทร่ี ดี จากแมโ่ คหลังจากคลอดลูกแล้วสามวัน เพ่อื ใหป้ ราศจากนานมเหลือง โดยมิไดแ้ ยกหรือเติมวัตถอุ ่ืนใดและยงั ไม่ผา่ นกรรมวิธีการผลติ ในขนั ตอนใดๆ ผลิตภณั ฑน์ ม หมายถึง ผลิตภัณฑท์ ่ีไดจ้ ากนานมโค นมผงและนมคนื รปู มาผ่านขบวนการผลติ โดย การแยกออกหรือเติมเข้าไปซึ่งวตั ถุอ่นื ใด หรือแยกมนั เนยบางส่วนหรือเกือบทังหมดออกจากนม ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบบั ที่ 350 พ.ศ. 2556 และฉบบั ที่ 352 พ.ศ. 2556 ไดใ้ หค้ า จากัดความของนานมโค และผลิตภณั ฑ์ของนม ไว้ดงั นี นานมโค หมายถึง ผลิตภัณฑ์ท่ีได้จำกกำรนำ้ นำ้ นมโคดิบมำผ่ำนกรรมวธิ กี ำรฆ่ำเชอื้ ทีไ่ มเ่ ขำ้ ลกั ษณะเปน็ นำ้ นมโคสด และมิได้แยกหรือเตมิ เขำ้ ไปซึ่งวตั ถุอน่ื ใด เวน้ แต่กำรแยกหรือเติมมนั เนยหรอื ปรับปรมิ ำณเน้ือนมดว้ ยนมผงไมเ่ กินร้อยละ ๑ ของนำ้ หนัก ผลติ ภัณฑข์ องนม หมายถึง ผลติ ภณั ฑ์ท่ไี ด้จากนานมโค นอกเหนือจากนมโค นมปรุงแต่ง นมเปรยี ว นมดดั แปลงสาหรับทารกและนมดัดแปลงสูตรต่อเนอ่ื งสาหรับทารกและเดก็ เล็ก ไอศกรีม ครมี เนยใส หรือ กี เนยแข็ง เนย นามันเนยและผลิตภณั ฑอ์ ืน่ ซ่งึ ได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสขุ กาหนดไวแ้ ลว้ โดยเฉพาะ 2. ความสาคญั และประโยชนข์ องนานมและผลติ ภณั ฑน์ ม รา่ งกายจาเป็นต้องไดร้ ับสารอาหารในนานมมาสรา้ งเสริมรา่ งกายใหแ้ ข็ง แรงอยตู่ ลอดเวลา นานมยัง มคี ุณสมบตั ิพิเศษที่แตกต่างไปจากอาหารชนดิ อืน่ ๆ เชน่ มีความสามารถในการย่อยได้เกือบสมบรู ณ์และ ร่างกายสามารถย่อยและดูดซึมได้ มโี ปรตนี ท่สี มบูรณ์ ประกอบไปดว้ ยกรดอะมิโนทจี่ าเป็นอยูม่ ากท่สี ดุ มี ปรมิ าณแคลเซียมและฟอสฟอรสั ในอตั ราส่วนทีส่ มดุลกันและมีปรมิ าณสงู มีส่วนประกอบของสารอาหารที่ จาเปน็ หลายชนิดอยู่ในปรมิ าณสงู ดังนนั นานมจงึ มคี วามสาคัญกบั ทกุ เพศทุกวยั 2.1 ความสาคญั ของนานมสาหรบั คนวยั ตา่ งๆ 2.1.1 นานมสาหรบั เด็กอ่อน นานมมารดาเป็นอาหารท่ีดีทส่ี ุดของทารกในระยะ 5 – 6 เดอื นแรก เนอ่ื งจากคุณสมบัตทิ าง กายภาพและทางเคมีของนานมมารดา ทาให้นมมารดาเป็นอาหารของทารกได้ดกี วา่ นานมจากแหล่งอ่นื ๆ นานมมารดาออกจากเตา้ นมในอุณหภูมิทเ่ี หมาะสมและปราศจากจลุ นิ ทรยี ์ แต่เน่ืองจากในสงั คมปัจจุบันนี มารดาสว่ นมากไดอ้ อกไปทางานนอกบ้านหรือมนี านมไมเ่ พียงพอสาหรับเลยี งทารก จงึ ได้มกี ารใชน้ านมจาก แหลง่ อนื่ ๆ มาทดแทน โดยเฉพาะนานมววั ซ่งึ นิยมใช้กันอย่างแพรห่ ลาย และเน่อื งจากในนานมมารดาหรือ นานมแมม่ ีสว่ นประกอบของนาตาลแลคโตสสูงแตม่ โี ปรตนี ต่ากวา่ นานมวัว เม่ือใช้นานมววั เป็นอาหารสาหรบั เดก็ ทารกจงึ ตอ้ งมกี ารดัดแปลงสว่ นประกอบต่างๆ ในนมววั ให้ใกลเ้ คียงกบั นมแม่มากทีส่ ดุ ซง่ึ เดก็ ทารก ในช่วง 6 เดอื นแรกไม่สามารถยอ่ ยและดูดซึมนมววั ไดด้ ี การให้นมท่ไี ม่มีการดัดแปลงจงึ อาจทาใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อเดก็ ได้
3 ภาพที่ 1.1 ตวั อย่างนมผงดัดแปลงสูตรตอ่ เนื่องสาหรบั ทารกและเด็กเล็กอายตุ ังแต่ 6 เดือนจนถึง 3 ปี ทมี่ า : ปยิ ฉัตร (2559) 2.1.2 นานมสาหรับเด็ก อาหารสาหรบั เด็กก่อนเรียนจะมกี ารเปล่ยี นแปลงจากอาหารอ่อนท่ีมรี สจดื มาเป็นอาหารที่มีรส จัดและค่อยๆ เปล่ียนแปลงไปเรอื่ ย จนกระท่ังสามารถรับประทานอาหารสาหรบั ผู้ใหญไ่ ด้ เด็กในระยะนีการ เติบโตจะช้าลงกวา่ เด็กอ่อน ความต้องการอาหารทใี่ ห้พลงั งานลดนอ้ ยลงแตย่ ังต้องการอาหารเสริมอยู่ ควรให้ อาหารท่เี ป็นโปรตีน แคลเซยี ม ฟอสฟอรัส และคงใหว้ ิตามินดี ต่อไป เนื่องจากเดก็ วยั ก่อนเรยี นมีการ เจรญิ เตบิ โตของกระดูกและฟัน แร่ธาตอุ ่ืนๆ วิตามนิ และโปรตนี กม็ ีความจาเป็นสาหรบั การสร้างกล้ามเนอื และเพ่ือให้การหมุนเวยี นของโลหิตดีขนึ นานมจงึ เป็นอาหารทีส่ าคญั สาหรบั เดก็ กอ่ นวัยเรียน ถา้ เด็กไดด้ ื่มนม วนั ละ 3 แกว้ กบั เนือ ไข่ ผลไม้ ผักและธัญพืช ก็เปน็ การเพียงพอสาหรับเด็กในระยะนี แสงแดดและนานมที่ มวี ิตามินดีจะช่วยให้กระดูกและฟนั เจรญิ เติบโต เด็กอายุ 6 ขวบ ความอยากรับประทานอาหารและการ เจริญเตบิ โตเพ่มิ ขนึ เด็กในระยะนีควรด่ืมนมวนั ละ 1 ลิตร ควบคู่ไปกบั อาหารทไี่ ด้กลา่ วมาขา้ งตน้ ก็เปน็ การ เพยี งพอ ภาพท่ี 1.2 ตัวอยา่ งผลติ ภณั ฑ์นมคืนรูปปรุงแต่ง ยูเอชที ท่ีมกี ารเพิ่มแรธ่ าตุและวิตามนิ ต่างๆ สาหรบั เดก็ โต ทมี่ า : ปิยฉัตร (2559) 2.1.3 นานมสาหรบั เด็กวัยรุ่น เดก็ อายุ 13 – 21 ปี มกี ารเจรญิ เตบิ โตรวดเร็วมาก ความต้องการอาหารกเ็ ปลยี่ นไปด้วย โดยเฉพาะความต้องการแคลลอรเ่ี พ่มิ มากขนึ ทังนเี พื่อการเจรญิ เตบิ โตและเพ่ือการเคลอ่ื นไหวของร่างกายที่ เพิม่ ขึน ความตอ้ งการนมสาหรบั เดก็ ชายวัยร่นุ ควรดมื่ นอย่างน้อยวนั ละ 1.5 ลติ ร เพื่อให้รา่ งกายได้รบั แคลเซียมและฟอสฟอรสั ซ่ึงช่วยในการสร้างกระดกู และเนือเยื่ออ่อน วิตามินเอ และไรโบฟลาวนิ สาหรบั การ
4 เจรญิ เตบิ โตของร่างกายและผิวพรรณ สาหรับเด็กวยั รุ่นหญิง มักจะรบั ประทานอาหารน้อยลงในระยะทม่ี ีการ เปลยี่ นแปลงของร่างกายกบั ความผนั แปรทางอารมณ์และความเช่ือม่ันในตนเอง ดังนนั ควรใหร้ ่างกายไดร้ บั ไท อามินเพียงพอ เพอื่ ไม่ให้เกดิ การเบื่ออาหารอันเนื่องมาจากขาดไทอามนิ ได้ ภาพที่ 1.3 ตัวอยา่ งผลิตภัณฑ์นมชนิดต่างๆ สาหรบั เด็กวัยร่นุ ที่มา : ปยิ ฉัตร (2559) 2.1.4 นานมสาหรับผู้ทต่ี ังครรภ์ ความตอ้ งการแรธ่ าตุระยะแรกของการตงั ครรภ์ มคี วามตอ้ งการแคลเซียมและฟอสฟอรัส เพิ่ม มากขึน โดยเฉพาะระยะ 3 เดือนสุดทา้ ย การดมื่ นมในระยะแรกตังครรภว์ นั ละ 1 ลิตร และระยะปลายของ การตงั ครรภจ์ นถึงการให้นานมวันละ 1.5 ลติ ร ก็เปน็ การเพียงพอต่อความต้องการของมารดาและทารก ความต้องการโปรตีน ร่างกายต้องการโปรตีนเพ่ิมมากขึนในระยะครงึ่ หลงั ของการตังครรภแ์ ละ จะเพ่ิมขนึ จนกระทง่ั ถงึ ระยะให้นมสงู สุด โปรตีนมีความจาเป็นสาหรับการเจริญเตบิ โตของทารกในครรภ์และ เนือเยื่อบุของแม่ เพื่อรักษาความสมดุลของของเหลว ต้านทานโรคและเพอ่ื เป็นส่วนประกอบนานมในระยะ ให้นานม ความตอ้ งการวติ ามิน รา่ งกายมีความต้องการวติ ามินต่างๆ เพ่มิ มากขนึ วติ ามนิ ดีจาเป็นสาหรบั ใชใ้ นการสรา้ งแคลเซยี มและฟอสฟอรสั ของรา่ งกาย ระหว่างการใหน้ มวิตามินเอจานวนมากถูกขับออกมาทาง นานมของแม่ ไรโบฟลาวนิ และไทอามนิ ก็สูญเสียไปทางนเี ป็นจานวนมาก ดังนนั มารดาจึงจาเปน็ ทีจ่ ะต้อง ไดร้ ับสารอาหารมาทดแทน ภาพที่ 1.4 ตัวอย่างผลิตภณั ฑ์นมสาหรับหญิงตังครรภ์ ที่มา : ปยิ ฉตั ร (2559)
5 2.1.5 นานมสาหรับผูส้ งู อายุ ผสู้ งู อายมุ ีการเคลอื่ นไหวที่ต้องใชแ้ รงน้อย ดงั นนั ความต้องการแคลลอรีจ่ ึงน้อยลงประกอบกับ ผสู้ งู อายไุ ม่สามารถเคยี วอาหารไดด้ ีเหมือนผทู้ ี่มีอายุน้อย ซง่ึ นานมเป็นแหล่งโปรตีนที่สาคัญและมแี คลลอรต่ี า่ นอกจากนยี ังเปน็ แหล่งของแคลเซยี ม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม วติ ามินตา่ งๆ ดงั นนั นานมจงึ เป็นอาหารที่มี ความสาคัญสาหรบั ผสู้ ูงอายุ (นรนิ ทร์, 2531) ภาพท่ี 1.5 ตวั อย่างผลิตภณั ฑ์นมสาหรับผู้ใหญ่และผู้สงู อายุ ทมี่ า : ปิยฉตั ร (2559) 2.2 ประโยชน์ของนานมและผลติ ภณั ฑ์นม 2.2.1 ทาใหร้ ่างกายเจริญเติบโต โดยเฉพาะวยั กาลงั เจรญิ เติบโตตังแต่ 6 เดอื นจนถึงอายุ ประมาณ 20 ปี เพราะช่วงนรี ่างกายต้องการสารอาหารเพื่อไปพฒั นาร่างกายให้มกี ารเจริญเตบิ โตซง่ึ ในนานม จะมีสารอาหารทจ่ี าเปน็ ต่อรา่ งกายที่ครบถ้วนสมบูรณแ์ ละร่างกายสามารถดูดซึมไดง้ ่ายกว่าอาหารชนดิ อน่ื ๆ 2.2.2 ทาใหร้ า่ งกายแขง็ แรง เน่ืองจากนานมทดี่ ่ืมนันมสี ารอาหารท่ีครบถว้ น ทงั โปรตนี , คาร์โบไฮเดรต, ไขมัน, แร่ธาต,ุ วิตามิน รา่ งกายสามารถที่จะดดู ซึมนาไปใช้ประโยชน์ได้เตม็ ทีซ่ ึง่ สารอาหารทีร่ ่างกายได้รับจะนาไปสร้างเซลล์ทสี่ กึ หรอ หรอื ทดแทนไดเ้ ปน็ อยา่ งดีจึงทาใหร้ า่ งการและสุขภาพ มคี วามแขง็ แรงต้านทางโรคได้อยา่ งดี 2.2.3 ใชบ้ ารงุ ผวิ หนงั ของร่างกาย ผลิตภัณฑ์นมบางชนิดสามารถนามาบารุงผิวหนงั ให้เกดิ ความนุ่มนวลได้เป็นอย่างดี เช่น โยเกิร์ต นามาพอกหนา้ สามารถทาให้หน้ามีนามีนวลดูสวยงาม หรือ ใชน้ านมมาอาบบารุงผิว ซึ่งในอดตี พระนางคลโี อพัตรานานานมมาอาบบารงุ ผิวทาใหผ้ วิ ของพระนาง สวยงาม แมแ้ ต่ในปัจจุบันในวงการเสริมสวยยงั มกี ารใชน้ านมมาอาบบารงุ ผวิ ของผูท้ เ่ี ข้าประกวดนางงาม หรือผู้ทรี่ ักสวยรักงาม จนเป็นท่มี าของคาว่า “อาบนาแร่ แช่นานม” 2.2.4 สามารถชว่ ยลดอาการท้องรว่ งจากการติดเชือพวก E.coli ผ้ทู มี่ อี าการ
6 ทอ้ งรว่ งที่ไมร่ ุนแรงสามารถด่ืมนมเปรยี วยาคูลท์จะช่วยลดอาการทอ้ งร่วงได้ เพราะในนานมเปรยี วยาคูลทม์ ี เชือ แลคโตบาซลิ ลัล คาเซอิ ชิโรตา้ ซึง่ เปน็ เชือแบคทเี รียท่ชี ว่ ยทาลายเชอื E.coli บรเิ วณลาไส้ของคน ดังนนั จึงจะช่วยบรรเทาอาการทอ้ งรว่ งของผปู้ ว่ ยได้ 2.2.5 ช่วยบารงุ กระดกู และฟนั เนือ่ งจากกระดกู และฟันมีแร่ธาตุแคลเซียมและ ฟอสฟอรัสเปน็ องคป์ ระกอบหลัก ซึ่งในนานมจะมีแรธ่ าตุท่ีคอ่ นข้างสมดุลโดยเฉพาะแร่ธาตุแคลเซยี มและ ฟอสฟอรัส จะมีอตั ราส่วนท่ีสมดุลทาให้ร่างกายของคนสามารถดดู ซึมแรธ่ าตทุ งั สอง ได้เต็มทโี่ ดยเฉพาะใน วยั กาลงั เจริญเติบโตควรจะด่ืมนานมเพื่อไปบารุงกระดูกและฟนั 2.2.6 ช่วยปอ้ งกันโรคกระดกู พรนุ โรคกระดูกพรนุ มักจะเกิดกับคนในวัยสงู อายุ โดยเฉพาะผหู้ ญิงมักจะประสบปญั หากับโรคกระดูกพรุนได้ง่ายกว่าผู้ชาย เพราะผูห้ ญิงมีการตงั ครรภ์ในช่วงท่ี กาลงั ตงั ครรภ์นนั ทารกท่ีอยูภ่ ายในครรภจ์ ะมีการดงึ ดดู เอาแคลเซียมและฟอสฟอรัสจากมารดาจึงทาให้ โครงสรา้ งของกระดกู ในผู้หญิงเกดิ การขาดแคลเซยี มและฟอสฟอรสั จนเปน็ สาเหตใุ ห้เกดิ โรคกระดูกพรนุ ส่วนผชู้ ายกม็ โี อกาสเกดิ โรคกระดูกพรนุ ไดเ้ หมอื นกัน โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วยั ชรากจ็ ะเกดิ โรคดงั กลา่ ว ดงั นนั ถา้ หากมีการด่มื นมเปน็ ประจาโดยเฉพาะนมประเภทแคลเซยี มสูงจะชว่ ยทาให้รา่ งกายดูดซมึ เอาแคลเซียมไป ทดแทนแคลเซียมภายในกระดูกทข่ี าดหายไปได้จะชว่ ยปอ้ งกนั โรคกระดกู พรนุ ได้เปน็ อยา่ งดี 2.2.7 ทาให้ร่างกายสูงใหญ่ ถา้ เดก็ ในวยั เจรญิ เตบิ โตดื่มนานมเป็นประจาจะทาให้ โครงสรา้ งของร่างกายจะสูงใหญ่ เพราะรา่ งกายได้รบั สารอาหารที่สมดุลและดูดซึมไดเ้ ต็มที่และถา้ หากมีการ ออกกาลังกายเสริมก็จะชว่ ยทาให้ร่างกายมีการพฒั นาเตม็ ท่ี 2.2.8 ใช้ประกอบอาหาร มีการนาเอาผลิตภณั ฑน์ มบางประเภทมาใชป้ ระกอบอาหาร เชน่ ใช้ครีมมาทานาสลดั ชนิดตา่ ง ๆ นาเนยสดมาใชท้ ดแทนนามันพชื ในการทอดเพราะจะทาให้เกิดกล่นิ ท่ี หอมน่ารบั ประทาน หรอื การนาเอาเนยแข็งมาทาพิซซา่ เป็นตน้ 2.2.9 ช่วยบารุงสายตา เนื่องจากในนานมประมาณ 1 ลติ รจะมวี ิตามินเอประมาณ 0.2- 2 มก. ซงึ่ ถ้าหากในแตล่ ะวนั ดื่มนานมประมาณ 1 ลิตร ก็จะได้รบั ปรมิ าณของวติ ามินเอท่เี พียงพอต่อความ ตอ้ งการในชวี ติ ประจาวนั เพราะรา่ งกายจะต้องการวติ ามินเอในชีวิตประจาวนั ประมาณ 1 – 2 มก. ดงั นันผู้ ทีด่ ม่ื นานมประจาจะชว่ ยบารุงสายตาไดเ้ ป็นอย่างดี 2.2.10 นานมมคี วามสาคญั ทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะทาใหเ้ กษตรกรทเ่ี ลยี งโคนมมีรายไดด้ มี ี ความม่ันคงกบั ชีวิตเพราะสามารถจาหนา่ ยนานมท่ีตนเองผลิตไดใ้ นราคาทดี่ ี และเป็นการช่วยลดการนาเข้า เมื่อเกษตรกรมีกาลงั ใจและมีความก้าวหน้าในการผลติ นานมจาหนา่ ยก็จะทาการผลติ นานมเพ่มิ ขึน นอกจากนกี จ็ ะมกี ารขยายตัวของการตงั โรงงานแปรรปู นานมมากย่งิ ขึนก็จะทาใหเ้ ศรษฐกจิ ของประเทศดีขึน ด้วย . 2.2.11 การแปรรูปนานมจะช่วยให้สามารถเก็บรักษานานมไว้บริโภคไดเ้ ปน็ เวลานาน เพราะ ในการทาผลิตภัณฑน์ มต้องผา่ นกรรมวิธที าลายเชือจลุ นิ ทรีย์ท่ีติดมากบั นานม 2.2.12 การแปรรูปนานมทาให้เกิดผลิตภณั ฑ์นมชนิดใหม่ ๆ ขึนมากมาย เช่น นมพาสเจอร์ ไรส์ นมสเตอรไิ รส์ นมยูเอชที ครีม เนย โยเกริ ต์ นมเปรยี วและไอศกรีม เปน็ ตน้ ซ่ึงผลิตภณั ฑเ์ หล่านันจะมี ลักษณะ เนือสัมผัส สี กลน่ิ รส แตกตา่ งไปจากเดิมและเปน็ ทย่ี อมรบั ของผ้บู รโิ ภค 2.2.13 ชว่ ยกระจายอาหารไปยงั ท้องถิน่ ตา่ ง ๆ การขนสง่ อาหารสดจากแหล่งผลิตอาหารไป ยงั ทอ้ งถนิ่ อน่ื ๆ ทไี่ มส่ ามารถผลิตอาหารเองได้ อาจมปี ัญหาในดา้ นการขนส่ง หรืออาหารอาจเกดิ เน่า เสยี ไดร้ ะหวา่ งทาง แตก่ ารขนสง่ อาหารแปรรปู นนั จะชว่ ยกระจายอาหารจากแหลง่ ผลติ ไปยังท้องถ่นิ ต่าง ๆ ทข่ี าดแคลนได้ทว่ั ถึง นอกจากจะทาใหป้ ระชาชนในท้องถ่นิ นัน จะมอี าหารบริโภค โดยท่อี าหารไมเ่ นา่ เสยี
7 ระหว่างการขนส่งแล้ว ยงั ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และสะดวกในการขนสง่ กว่าการขนส่งในรปู ของอาหารสด ท่ียงั ไม่ไดแ้ ปรรูปเป็นผลติ ภัณฑ์ 2.2.14 เพมิ่ มลู ค่าผลผลติ ทางการเกษตรใหส้ ูงขนึ และกระจายรายได้ไปสู่เกษตรกรมากขึน อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร ทาให้เกิดการนาผลผลติ นานมมาใชเ้ ป็นวัตถุดิบใน การแปรรูปเป็น ผลิตภณั ฑน์ มชนดิ ต่าง ๆ ใหเ้ ป็นท่ยี อมรบั ของผูบ้ รโิ ภค เม่ือผลติ ภณั ฑ์นันสามารถจาหน่ายไดห้ มดและได้กาไร ย่อมสง่ ผลใหม้ ลู คา่ ของผลติ ผลทางการเกษตรนนั เพม่ิ ขนึ ด้วย เมื่อเกษตรกรขายผลผลติ ได้ราคาดี รายได้กจ็ ะ สูงขนึ เกดิ การกระจายรายไดไ้ ปสูเ่ กษตรกร โดยเฉพาะในกรณที ม่ี ีอตุ สาหกรรมการแปรรูปขนาดใหญ่ใน ประเทศไทยย่อมก่อใหเ้ กิดการกระจายรายไดไ้ ปสู่เกษตรกรผู้เลียงโคนม 2.2.15 ชว่ ยสง่ เสรมิ ใหม้ กี ารจา้ งงานในภาคอตุ สาหกรรมเพิม่ ขึน ทาให้ช่วยลดปญั หา การวา่ งงาน และทาให้ประชากรมรี ายได้อยา่ งพอเพียง 3. คณุ คา่ ทางอาหารของนานมและผลติ ภณั ฑน์ ม การวเิ คราะห์คุณคา่ ทางอาหารของนมโคและผลิตภัณฑ์พบว่านานมโคเปน็ ของเหลวที่มีนาเปน็ ตัวทา ละลาย ส่วนประกอบของนานมโคแบ่งออกได้เป็น 2 พวก คือ สว่ นประกอบท่ีมีปริมาณมาก ได้แก่ นา ไขมัน โปรตีน คารโ์ บไฮเดรต และแร่ธาตตุ า่ งๆ และสว่ นประกอบที่มีปรมิ าณน้อย เช่น เอนไซม์ วิตามินต่างๆ เปน็ ต้น โดยทีใ่ นนานมโค จะมนี าประมาณร้อยละ 82-90 สาหรับปริมาณไขมันจะมคี ่าเฉลีย่ ประมาณร้อยละ 3.9 แตม่ ีคา่ แปรปรวนมากขึนอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น พันธุ์ อาหาร ฤดูกาล เป็นต้น คารโ์ บไฮเดรตท่พี บในนานมจะ เป็นนาตาลแลคโตส นับเป็นส่วนทีเ่ ปน็ ของแข็งที่มมี ากทสี่ ุดและมปี รมิ าณค่อนขา้ งคงที่ โดยจะมีปรมิ าณนา ตาลแลคโตสรอ้ ยละ 4.4-5.2 จากตารางท่ี 1.2 จะเห็นไดว้ ่านมและผลติ ภณั ฑน์ มแตล่ ะชนิด มีคณุ ค่าทางโภชนาการที่แตกตา่ งกัน ขึนอยกู่ ับกระบวนการผลิตเป็นผลติ ภัณฑ์นมชนิดชนดิ ต่างๆ ดงั นันผบู้ รโิ ภคจึงสามารถเลอื กบรโิ ภคนมและ ผลิตภัณฑน์ มใหต้ รงกับชนิดและความต้องการของตนเองได้ นานมเป็นอาหารท่ีมีประโยชน์ตอ่ รา่ งกาย เพราะมีสารอาหารทร่ี ่างกายต้องการอยา่ งครบถว้ น คอื ไขมันนม นาตาลนม โปรตีนนม แร่ธาตุและวิตามิน ซึ่งแต่ละชนิดมีคณุ ค่าทางอาหารดังต่อไปนี 3.1 คุณคา่ ทางดา้ นโปรตนี นานมเปน็ แหล่งโปรตีนทีส่ าคัญ ในนานมสดหนงึ่ ถ้วยตวงมโี ปรตนี ถึง 8 กรัม นมจึงอยู่ใน อาหารหลักหมู่ท่ี 1 ของไทย คอื อยูห่ ม่เู ดียวกับเนือสตั ว์ , ไข่ และถัว่ เมล็ดแหง้ โปรตนี ท่ีมีมากทส่ี ดุ ในนานม คือ โปรตนี เคซนี ซงึ่ เป็นโปรตนี ในนานมทมี่ ีคุณภาพสงู กลา่ วคือ เป็นโปรตีนท่สี มบรู ณ์มกี รด อะมิโนชนดิ ท่ีจาเปน็ ตอ่ รา่ งกาย ในปริมาณที่พอเหมาะ และยงั มีกรดอะมิโนบางตัวมากเป็นพเิ ศษ ได้แก่ ไลซีน (lysine) และลูซนี (leucine) เปน็ ต้น หน้าทีแ่ ละประโยชนข์ องโปรตีนคือ จาเป็นสาหรบั การเจริญเติบโตและ การซ่อมแซมส่วนทสี่ ึกหรอของรา่ งกาย ควบคุมการทางานของร่างกาย เอมไซม์ ฮอรโ์ มน และภมู คิ มุ้ กนั โรค ให้เปน็ ปกติ สาหรบั เด็ก การดื่มนมวนั ละ 500 ซีซี (ประมาณ 2 แกว้ ) จะได้รับกรดอะมิโนทีจ่ าเป็นแก่ร่างกาย ในปริมาณที่เพยี งพอ โปรตีนจากอาหารอน่ื มักจะมีกรดอะมิโนที่จาเปน็ อยู่ไม่ครบถ้วน แต่ในนานมมีอยา่ งครบถ้วน ถา้ รา่ งกายขาดกรดอะมิโนตวั ใดตวั หน่ึงไปจะทาใหก้ ารทางานของร่างกายผดิ ปกตไิ ด้จึงถือว่าโปรตนี นมเปน็ โปรตนี ทสี่ มบูรณ์ กรดอะมิโนท่จี าเปน็ และพบไดใ้ นนานมคือ ทรโี อนีน (threonine) ทริปโตแฟน
8 (tryptophan) พีนลิ อะลานีน (phenylalanine) ลิวซนี (leucine) เวลีน (valine) ไอโซลิวซีน (isoleucine) ไลซีน (lysine) เมไธโอนนี (methionine) อารจ์ ินนี (arginine) และ ฮสิ ติดนี
ตารางที่ 1.2 แสดงคณุ คา่ ทางอาหารของนมและผลติ ภัณฑน์ มชนดิ ตา่ งๆ Proximate Composition Food Food and Description Energy ID Water Protein Fat Carbohydrate Diet fibre Thai English Kcal grams 09020* นมสด, พาสเจอร์ไรส,์ Milk, whole, 79 83.6 3 3.2 9.5 - รสหวาน pasteurised, sweetened - - 09021* นมสดพรอ่ งมันเนยพาส Milk, low fat, 44 90.1 3.4 1.6 4.1 - เจอรไ์ รส์ pasteurised - 09022* นมสด, ยเู อชที Milk, whole, UHT 65 88 2.3 3.9 4.1 - 09023* นมสด, ยเู อชท,ี รสหวาน Milk, whole, UHT, 69 86.7 3.3 3.8 5.5 - sweetened 09024* นมสด, พร่องมันเนย, ยู Milk, low fat, UHT 42 90.7 3.7 1.6 3.2 เอชที นมสดพรอ่ งมันเนย, ยู Milk, low fat, UHT, 09025* เอชท,ี สตู รนมสดผสม milk mixed with low 46 89.5 3.8 1.6 4.2 พร่องมันเนย อตั ราสว่ น fat milk powder ratio 46 : 6 46 : 6 09026* นมสดพรอ่ งมันเนย, ยู Milk, low fat, UHT, 41 90.1 4.2 0.9 4 เอชท,ี สตู รนมสดผสม milk mixed with low พรอ่ งมันเนย อตั ราสว่ น fat milk ratio 22 : 78 22 : 78 ที่มา : กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข , 2544
9 Nurtient Composition per 100 g Edible Portion Vitamins Minerals (Crude fibre) Ash Calcium Phosphorus Iron Retinol Beta Carotene Total Vit.A (RE) Vit.E Thiamin Riboflavin Niacin Vit.C milligrams micrograms milligrams 0.7 102 82 0.1 60 13 62 0.16 0.05 0.25 0.4 tr. 0.8 132 92 0.2 36 4 37 0.06 0.05 0.33 0.4 tr. 0.7 122 90 0.1 36 13 38 0.16 0.04 0.21 0.3 tr. 0.7 101 88 0.1 36 13 38 0.14 0.03 0.2 0.4 tr. 0.8 146 99 0.2 15 0 15 0.06 0.05 0.27 0.2 tr. 0.9 112 99 0.3 15 4 16 0.06 0.04 0.3 0.2 tr. 0.8 - - - 7 0 7 0.02 0.04 0.25 0.2 tr.
10 (histidine) ชนิดทมี่ ีธาตกุ ามะถันเป็นองคป์ ระกอบคือ เมไธโอนนี ซ่งึ กามะถันเป็นธาตุท่ีร่างกาย ตอ้ งการ 3.2 คณุ คา่ ทางดา้ นไขมนั ไขมนั ในนมหรือท่เี รยี กว่ามนั เนยเป็นแหลง่ พลังงาน และมีกรดไขมันทจี่ าเปน็ ต่อร่างกาย ไขมนั ในนมเป็นหยดเล็กๆ และยอ่ ยง่าย ในปัจจบุ ันการซือขายนานม และผลติ ภัณฑ์นมใช้ปรมิ าณ ไขมันเป็นมาตรฐาน นมที่มีไขมนั สงู ขายไดใ้ นราคาดีกว่านมทม่ี ไี ขมนั ต่า ตามประกาศของกระทรวง สาธารณสุข นานมสดตอ้ งมีมันเนยไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 3.25 หน้าท่ีและประโยชน์ของไขมันคือ ให้ พลงั งานและกรดไขมนั ทีจ่ าเป็นแก่ร่างกาย ชว่ ยปอ้ งกนั การกระทบกระเทือนของอวัยวะ ไขมนั มคี วาม จาเปน็ สาหรบั สขุ ภาพของผวิ หนังในทารกและเด็กที่กาลังเจริญเติบโต นอกจากนีไขมนั ยังชว่ ยในการ ละลายและดูดซึมของวิตามินบางชนิด ได้แก่ เอ ดี อี และเค คณุ ค่าทางโภชนาการของไขมันนมพบวา่ 50% ของพลงั งานทงั หมดที่ไดจ้ ากนานมววั มาจาก ไขมันนม ในไขมนั นมยังมีสารต้านมะเรง็ (anticarcinogen) ตามธรรมชาติปนอยู่มากที่สุด คือ conjugated linoleic acid นอกจากนีในไขมนั นมยังมีกรดบวิ ทีรกิ สฟงิ โกไมอิลิน และอีเทอร์ลพิ ิด ซึ่งสารเหลา่ นเี กยี่ วขอ้ งกับการต่อตา้ นมะเร็ง (cancer-fighting attribute) ส่วนประกอบอื่นๆ ใน นานม เช่น โปรตีนนม และแคลเซียม อาจมีบทบาทในการปอ้ งกนั มะเรง็ ได้ด้วย 3.3 คุณคา่ ทางดา้ นคารโ์ บไฮเดรต คารโ์ บไฮเดรตในนมเปน็ นาตาลสองชัน ชือ่ แลคโตส (lactose) สาหรับทารกนาตาลชนิดนีมี คณุ คา่ สูงกวา่ นาตาลชนดิ อ่ืน เพราะช่วยดูดซึมฟอสฟอรัส และแคลเซยี มดว้ ย หน้าท่ีและประโยชน์ของ คารโ์ บไฮเดรตคือ ใหพ้ ลังงานแก่รา่ งกาย ชว่ ยใหร้ า่ งกายนาไขมนั ไปใช้ประโยชน์ได้เตม็ ที่ ชว่ ย ประหยดั การใช้โปรตนี ในรา่ งกาย ชว่ ยในการทางานของลาไส้ และชว่ ยในการดูดซึมของแคลเซียมและ ฟอสฟอรสั ทาให้ทารกเจรญิ เติบโตไดด้ ี นาตาลนมหรือนาตาลแลคโตสเป็นสารอาหารท่ีร่างกายดดู ซมึ ไม่ได้ จาเป็นต้องย่อยใหม้ ี โมเลกลุ เล็กลงโดยเอนไซมแ์ ลคเตสท่ีลาไส้เล็กกลายเปน็ นาตาลกลโู คสและนาตาลกาแลคโตสเสียก่อน รา่ งกายจงึ ดดู ซึมได้กลโู คสจึงเปน็ แหล่งพลงั งานใหก้ ับรา่ งกาย ส่วนนาตาลกาแลคโตสนนั จะไปบารุง ประสาทและสมอง นอกจากนนี าตาลแลคโตสยังเป็นตัวชว่ ยควบคุมปรมิ าณของจลุ นิ ทรียใ์ นลาไสข้ อง คนทด่ี ม่ื นมเปน็ ประจา ทาให้ระบบขบั ถา่ ยทางานไดด้ ี 3.4 คุณคา่ ทางดา้ นแรธ่ าตุ ในนานมมแี ร่ธาตุแคลเซยี มและฟอสฟอรัสเปน็ จานวนมาก เกลอื แรท่ ังสองจาเป็นสาหรับลูก ออ่ นในการสรา้ งกระดูก และฟันในระยะท่ีมีอตั ราการเจริญเตบิ โตสงู ในนมหนึ่งถ้วยตวงมีแคลเซยี ม ประมาณ 300 มิลลกิ รัม แม้ว่านานมจะมีเหลก็ น้อยมาก แต่ก็เพียงพอสาหรับลูกอ่อนแรกเกิด เพราะ ตังแต่ก่อนเกดิ ลูกอ่อนได้สะสมเหล็กไว้เพยี งพอกับความต้องการแลว้ ลกู อ่อนจะต้องการเหล็กมากขนึ กต็ อ่ เมื่อถึงระยะท่ีกนิ อาหารเสริมได้แล้ว ดว้ ยเหตุนีเมอื่ ทารกอายุได้ประมาณ 3-4 เดือน จึงต้องเริ่ม กินอาหารเสรมิ ท่ีมีเหล็ก เชน่ นาตม้ ผัก ไข่แดง หรือตบั บด เพ่ือให้ได้เหลก็ เพยี งพอ ปัจจุบันมนี มเสรมิ ธาตเุ หล็กสาหรรบั ทารกจาหน่ายแล้ว แคลเซยี มและฟอสฟอรสั มีประโยชน์ในการสร้างกระดูกและฟัน
11 ชว่ ยในการแขง็ ตวั ของเลือดเวลาเกดิ บาดแผล และยังมคี วามสาคญั ต่อการทางานของระบบประสาท และกล้ามเนือ ในเด็กหากขาดเกลอื แร่ทสี่ าคญั 2 ตัวนีจะทาใหเ้ ด็กเจริญเตบิ โตได้ไมเ่ ตม็ ท่ี 3.5 คุณคา่ ทางดา้ นวติ ามนิ ในนานมวิตามิน เอ สงู ปรมิ าณวิตามินเอขนึ อยู่กบั อาหารของวัว ถา้ ววั กินอาหารท่ีมแี คโรทนี (carotene) สูง นานมก็จะมวี ติ ามินเอสูงด้วย ในฤดหู นาวปริมาณวิตามินเอในนานมจะเหลอื เพียง คร่งึ หน่ึงของในฤดูร้อน ในประเทศหนาวจงึ ต้องดัดแปลงอาหารของววั เพ่ือชว่ ยมีให้ปริมาณวิตามนิ เอ ในนานมเพ่ิมมากขนึ นอกจากนีในนมยงั มีวิตามินบหี น่ึง บีสองและ ไนอะซิน อยใู่ นปริมาณมากระดบั หนึ่ง แต่วติ ามินบีสองจะถูกทาลายได้ง่ายด้วยแสงแดด ดงั นันจงึ ต้องบรรจนุ มในภาชนะท่ีทบึ แสง เช่น กล่องกระดาษ หรือ ขวดสีชา เพ่ือสงวนวิตามนิ บีสอง นมมวี ิตามนิ ซีน้อยมาก นมทผ่ี ่านความร้อนแล้ว ยิ่งมีวติ ามินซีเหลอื น้อยลง นอกจากนันวติ ามนิ ซยี งั สลายตัวเม่ือถูกแสงและอากาศ ประชาชนใน ประเทศทหี่ นาวมกั เปน็ โรคกระดกู ออ่ นเพราะขาดวติ ามนิ ซี นมทข่ี ายในประเทศเหล่านนั จึงมกั เติม วิตามินซีลงไปด้วย หน้าทีแ่ ละประโยชนข์ องวิตามนิ คอื วติ ามนิ เอ ช่วยบารุงสายตา ป้องกนั ความ ผดิ ปกตใิ นการทางานของประสาทตา และช่วยบารุงผวิ หนังในผดุ ผ่องสวยงาม วติ ามนิ บี โดยเฉพาะ วิตามินบีสอง ช่วยปอ้ งกันโรคปากนกกระจอก ผิวหนงั แตก และลนิ บวม (คุณค่าทางโภชนาการและ ประโยชนข์ องนมวัว, แหลง่ ท่ีมา: http://talk.mthai.com/topic/368756) แบบฝกึ หดั หนว่ ยท่ี 1 เรอื่ ง ความสาคญั และประโยชนข์ องผลติ ภัณฑน์ ม จงอธบิ ายและตอบคาถามตอ่ ไปนีใหถ้ ูกตอ้ ง 1. จงอธบิ ายความหมายของนานม นานมโคและผลิตภัณฑ์นม มาให้เข้าใจ 2. นานมมคี วามสาคัญกับคนวัยต่างๆ อย่างไร 3. นานมและผลิตภณั ฑน์ มมปี ระโยชน์อยา่ งไร
12 4. คุณคา่ ทางอาหารของนานมในดา้ นโปรตนี ไขมัน นาตาลนม แร่ธาตุและ วิตามนิ มปี ระโยชน์ต่อ ร่างกายอย่างไร 5. กรดอะมโิ นจาเป็นชนิดใดบ้างท่ีพบไดใ้ นนานม 6. ผลิตภณั ฑ์นมสามารถนามาประกอบอาหารชนดิ ใดได้บ้าง ใหย้ กตวั อยา่ งมา 5 ผลติ ภัณฑ์ เฉลยแบบฝกึ หดั หนว่ ยที่ 1 เรอื่ ง ความสาคญั และประโยชนข์ องผลติ ภณั ฑน์ ม ขอ้ 1 นานม หมายถึงของเหลวท่ปี ระกอบด้วยสารอาหารที่ออกมาจากเตา้ นมของสตั วเ์ ลียงลกู ดว้ ย นมและเป็นอาหารชนิดแรกท่ีลกู ออ่ นแรกคลอดของสตั ว์ที่เลียงลูกด้วยนมจะต้องได้รบั และมี ส่วนประกอบหลกั ทสี่ าคัญได้แก่ นา ไขมนั โปรตีน นาตาล วิตามิน แรธ่ าตตุ ่างๆ และสารประกอบ อ่ืนๆซง่ึ มคี วามจาเป็นต่อการเจรญิ เตบิ โตของร่างกาย ตามพระราชบัญญตั โิ คนนมและผลิตภัณฑ์นม พ.ศ. 2551 ไดใ้ ห้คาจากัดความของนานมโค และผลติ ภณั ฑน์ มคอื
13 นานมโค หมายถงึ นานมที่รีดจากแม่โคหลงั จากคลอดลกู แลว้ สามวนั เพ่ือให้ปราศจากนานม เหลอื ง โดยมไิ ดแ้ ยกหรือเติมวัตถอุ น่ื ใดและยงั ไม่ผ่านกรรมวิธกี ารผลติ ในขันตอนใดๆ ผลติ ภัณฑ์นม หมายถงึ ผลิตภัณฑท์ ี่ได้จากนานมโค นมผงและนมคนื รปู มาผา่ นขบวนการผลติ โดยการแยกออกหรอื เติมเขา้ ไปซง่ึ วัตถอุ ่นื ใด หรือแยกมันเนยบางส่วนหรือเกือบทงั หมดออกจากนม ตามประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ฉบับที่ 350 พ.ศ. 2556 และฉบบั ที่ 352 พ.ศ. 2556 ได้ ใหค้ าจากัดความของนานมโค และผลติ ภัณฑ์ของนม คอื นานมโค หมายถงึ ผลติ ภัณฑ์ท่ีได้จำกกำรน้ำนำ้ นมโคดบิ มำผำ่ นกรรมวธิ กี ำรฆ่ำเชื้อ ที่ไม่เข้ำลกั ษณะเป็นน้ำนมโคสด และมไิ ด้แยกหรือเตมิ เขำ้ ไปซึ่งวตั ถุอื่นใด เว้นแต่กำรแยกหรือเติมมนั เนยหรอื ปรบั ปรมิ ำณเน้ือนมด้วยนมผงไม่เกนิ ร้อยละ ๑ ของน้ำหนกั ผลิตภัณฑ์ของนม หมายถึง ผลิตภัณฑท์ ี่ได้จากนานมโค นอกเหนือจากนมโค นมปรุงแตง่ นมเปรยี ว นมดดั แปลงสาหรบั ทารกและนมดัดแปลงสตู รต่อเน่อื งสาหรับทารกและเด็กเล็กไอศกรีม ครีม เนยใสหรอื กี เนยแขง็ เนย นามนั เนยและผลติ ภัณฑ์อนื่ ซงึ่ ได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุข กาหนดไว้แลว้ โดยเฉพาะ ขอ้ 2 1.นานมสาหรบั เด็กอ่อน นานมมารดาเปน็ อาหารท่ีดีทส่ี ดุ ของทารกในระยะ 5 – 6 เดือนแรก เนื่องจากคณุ สมบัติทางกายภาพและทางเคมีของนานมมารดา ทาให้นมมารดาเป็นอาหารของทารกได้ ดีกวา่ นานมจากแหล่งอืน่ ๆ 2. เดก็ วยั ก่อนเรยี นมีการเจริญเตบิ โตของกระดูกและฟัน แร่ธาตอุ ่ืนๆ วิตามินและโปรตีนกม็ ี ความจาเปน็ สาหรบั การสร้างกลา้ มเนอื และเพือ่ ใหก้ ารหมุนเวียนของโลหติ ดขี ึน นานมจึงเปน็ อาหารที่ สาคญั สาหรับเด็กกอ่ นวัยเรียน เด็กควรด่ืมนมวันละ 3 แกว้ แสงแดดและนานมทมี่ วี ติ ามินดจี ะชว่ ยให้ กระดูกและฟันเจริญเตบิ โต เด็กอายุ 6 ขวบ ความอยากรบั ประทานอาหารและการเจริญเติบโต เพิม่ ขนึ เด็กในระยะนีควรดื่มนมวันละ 1 ลติ ร 3. นานมสาหรับเด็กวัยรุน่ เดก็ อายุ 13 – 21 ปี มีการเจริญเติบโตรวดเร็วมาก มคี วาม ตอ้ งการแคลลอรเ่ี พม่ิ มากขึนเพ่อื การเจริญเติบโตและเพ่ือการเคลือ่ นไหวของรา่ งกายทเี่ พิ่มขึน เด็กชายวยั รุ่น ควรด่ืมนอยา่ งนอ้ ยวนั ละ 1.5 ลิตร สาหรับเดก็ หญงิ วยั รนุ่ ในระยะทมี่ ีการเปล่ยี นแปลง ของร่างกายกับความผันแปรทางอารมณแ์ ละความเช่ือม่นั ในตนเอง จงึ รับประทานอาหารนอ้ ยลง ดงั นันควรใหร้ ่างกายไดร้ บั ไทอามนิ เพียงพอ เพือ่ ไม่ใหเ้ กดิ การเบอื่ อาหาร 4. นานมสาหรบั ผูท้ ต่ี ังครรภแ์ ละใหน้ านม ความต้องการแรธ่ าตรุ ะยะแรกของการตงั ครรภ์ มีความต้องการแคลเซียมและฟอสฟอรัส เพิ่มมากขนึ โดยเฉพาะระยะ 3 เดอื นสดุ ทา้ ย การดม่ื นมใน ระยะแรกตงั ครรภว์ ันละ 1 ลติ ร และระยะปลายของการตังครรภจ์ นถงึ การให้นานมวนั ละ 1.5 ลติ ร ก็ เป็นการเพยี งพอต่อความต้องการของมารดาและทารก 5. ผู้สูงอายุมีการเคล่ือนไหวทีต่ ้องใช้แรงน้อย ความต้องการแคลลอร่ีนอ้ ยลงและไม่สามารถ เคียวอาหารได้ดี นานมจงึ เปน็ อาหารทเี่ หมาะสมสาหรับผ้สู ูงอายุ ซง่ึ นานมเป็นอาหารท่ีมีแคลอรต่ี ่า มี โปรตนี แร่ธาตแุ ละวิตามนิ ที่สาคัญอยู่ครบถว้ น
14 ขอ้ 3 1. ทาใหร้ ่างกายเจริญเติบโต 2. ทาให้ร่างกายแข็งแรง ตา้ นทางโรคได้อย่างดี 3. ใช้บารุงผวิ หนังของร่างกาย เชน่ โยเกิรต์ 4. สามารถช่วยลดอาการท้องรว่ งจากการตดิ เชอื พวก E.coli 5. ชว่ ยบารุงกระดูกและ 6. ชว่ ยป้องกนั โรคกระดูกพรนุ 7. ทาให้โครงสร้างของรา่ งกายจะสงู ใหญ่ 8. ใช้ประกอบอาหาร 9. ชว่ ยบารุงสายตา 10. นานมมีความสาคัญทางดา้ นเศรษฐกิจ ซ่ึงจะทาให้เกษตรกรทีเ่ ลยี งโคนมมีรายไดด้ ีและ ชว่ ยลดการนาเขา้ นานม ทาใหเ้ ศรษฐกจิ ของประเทศดขี นึ ด้วย . 11. การแปรรูปนานมจะช่วยให้สามารถเกบ็ รกั ษานานมไวบ้ ริโภคไดเ้ ป็นเวลานาน 12. การแปรรปู นานมทาให้เกดิ ผลิตภัณฑน์ มชนิดใหม่ ๆ 13. ช่วยกระจายอาหารไปยังท้องถนิ่ ต่าง ๆ 14. เพมิ่ มลู ค่าผลผลติ ทางการเกษตรให้สูงขนึ 15. ช่วยส่งเสริมให้มีการจา้ งงานในภาคอุตสาหกรรมเพิม่ ขึน ทาให้ชว่ ยลดปญั หาการ วา่ งงาน ขอ้ 4 คณุ คา่ ทางด้านโปรตีน นานมเปน็ แหลง่ โปรตีนท่สี าคัญ โปรตนี ทม่ี มี ากท่สี ดุ ในนานม คือ โปรตีนเคซนี ซ่ึง เปน็ โปรตนี ทส่ี มบูรณ์ซง่ึ มีกรดอะมโิ นทจ่ี าเปน็ ต่อรา่ งกายอย่างครบถ้วน ประโยชนข์ องโปรตีนคือ จาเปน็ สาหรบั การเจริญเติบโตและการซอ่ มแซมส่วนทสี่ กึ หรอของร่างกาย ควบคมุ การทางานของ รา่ งกาย เอมไซม์ ฮอร์โมน และภูมิคมุ้ กนั โรคให้เปน็ ปกติ คุณค่าทางดา้ นไขมัน ไขมันในนมหรอื ท่ีเรียกวา่ มนั เนยเป็นแหลง่ พลังงาน และมีกรดไขมันที่จาเปน็ ต่อรา่ งกาย ช่วยปอ้ งกนั การกระทบกระเทือนของอวยั วะ ไขมนั มีความจาเป็นสาหรับสขุ ภาพของผวิ หนงั ในทารก และเดก็ ที่กาลงั เจรญิ เติบโต นอกจากนไี ขมันยงั ช่วยในการละลายและดดู ซมึ ของวิตามินบางชนดิ ได้แก่ เอ ดี อี และเค คณุ ค่าทางด้านคาร์โบไฮเดรต คาร์โบไฮเดรตในนมเปน็ นาตาล แลคโตส (lactose) สาหรบั ทารกนาตาลชนดิ นีมี คุณคา่ สงู กว่านาตาลชนดิ อนื่ เพราะชว่ ยดดู ซมึ ฟอสฟอรัส และแคลเซยี ม หน้าทีแ่ ละประโยชนข์ อง คาร์โบไฮเดรตคือ ให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายนาไขมันไปใช้ประโยชนไ์ ด้เตม็ ท่ี ช่วย
15 ประหยดั การใชโ้ ปรตนี ในร่างกาย ชว่ ยในการทางานของลาไส้ และชว่ ยในการดดู ซึมของแคลเซียมและ ฟอสฟอรัส ทาให้ทารกเจรญิ เติบโตไดด้ ี คณุ คา่ ทางด้านแร่ธาตุ ในนานมมแี ร่ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสเป็นจานวนมาก ซง่ึ มปี ระโยชนใ์ นการสร้างกระดกู และฟัน ช่วยในการแขง็ ตัวของเลอื ดเวลาเกิดบาดแผล และยงั มีความสาคัญตอ่ การทางานของระบบ ประสาท และกล้ามเนือ ในเด็กหากขาดเกลือแรท่ ่ีสาคญั 2 ตวั นจี ะทาใหเ้ ด็กเจรญิ เติบโตได้ไมเ่ ต็มท่ี คณุ คา่ ทางด้านวติ ามนิ ในนานมวติ ามนิ เอ สูง วติ ามิน เอ ช่วยบารงุ สายตา ปอ้ งกันความผิดปกติในการทางานของ ประสาทตา และช่วยบารงุ ผิวหนังในผุดผอ่ งสวยงาม วติ ามินบี โดยเฉพาะวติ ามินบีสอง ชว่ ยป้องกัน โรคปากนกกระจอก ผิวหนังแตก และลนิ บวม ขอ้ 5 กรดอะมโิ นทีจ่ าเป็นและพบไดใ้ นนานมคือ ทรีโอนีน (threonine) ทริปโตแฟน (tryptophan) พีนิลอะลานีน (phenylalanine) ลวิ ซีน (leucine) เวลีน (valine) ไอโซลวิ ซีน (isoleucine) ไลซีน (lysine) เมไธโอนีน (methionine) อาร์จินีน (arginine) และ ฮิสตดิ ีน (histidine) ชนิดทีม่ ธี าตุกามะถันเปน็ องค์ประกอบคือ เมไธโอนีน ซง่ึ กามะถนั เปน็ ธาตุที่ร่างกาย ต้องการ ขอ้ 6 โยเกริ ์ต นมพาสเจอร์ไรส์ เนย ครีม ไอศกรีม
16 แบบทดสอบกอ่ นเรียน – หลงั เรยี น หน่วยที่ 1 เรอื่ ง ความสาคญั และประโยชนข์ องผลติ ภณั ฑน์ ม คาสง่ั ให้นกั เรยี นทาเครือ่ งหมาย ขอ้ ทคี่ ดิ วา่ ถกู เพยี งข้อเดยี ว 1. ข้อใดคือความหมายของนานมโค ก. ของเหลวทป่ี ระกอบดว้ ยสารอาหารทีอ่ อกมาจากเต้านมของสตั ว์เลยี งลกู ด้วยนมและเป็น อาหารชนดิ แรกทล่ี ูกอ่อนแรกคลอดของสัตวท์ เี่ ลยี งลกู ดว้ ยนมจะต้องได้รับ ข. นานมที่ไดจากแมโคก่อนและหลงั คลอดลูกแลวไมนอยกวา 5 วัน ตองไมมีนานมเหลืองปน ไมผานการแยกองคประกอบอยางใดอยางหนึ่งของนานมออก ค. นานมทร่ี ดี จากแมโ่ คหลังจากคลอดลกู แลว้ 3 วัน เพ่ือใหป้ ราศจากนานมเหลือง โดยมิไดแ้ ยก หรอื เตมิ วัตถุอน่ื ใดและยังไม่ผ่านกรรมวิธีการผลิตในขนั ตอนใดๆ ง. ของเหลวสีขาวที่ไดจากแมโค ก่อนและหลงั คลอดลกู ไมผานการแยกองคประกอบอย่าง ใดอยางหนง่ึ ของนานมออก หรอื เติมสารอ่ืนใด และไมผานกรรมวธิ ีใดๆ ยกเวนการทาใหเย็น 2. ผลิตภณั ฑน์ ม หมายความวา่ อย่างไร ก. ผลิตภัณฑ์ที่ไดจ้ ากนานมโค นมผงและนมคืนรปู มาผา่ นขบวนการผลติ โดยการแยกออกหรอื เติมเข้าไปซ่ึงวตั ถุอ่ืนใด หรือแยกมนั เนยบางสว่ นหรอื เกือบทังหมดออกจากนม ข. ผลติ ภณั ฑ์ทีไ่ ด้จากการผลิต ซอื ขาย แลกเปลี่ยนและใหซ้ ่ึงนานมโค เนือโคนมและผลิตภณั ฑ์ ข. จากนานมและเนือโคนม ค. ผลติ ภณั ฑท์ ่ีเปน็ ของเหลวสีขาวทไี่ ด้จากแม่โค ที่ไมผ่ า่ นการแยกองคป์ ระกอบอย่างใดอยา่ ง หนงึ่ ออกจากนานม ง. ผลติ ภณั ฑ์ท่ีเป็นของเหลวทีป่ ระกอบดว้ ยสารอาหารที่ออกมาจากเต้านมของสตั วเ์ ลยี งลูกด้วย นมทไี่ มผานกรรมวธิ ใี ดๆ ยกเวนการทาใหเยน็ 3. นานมมีความสาคัญต่อคนวัยต่างๆ ยกเว้นข้อใด ก. ในชว่ งวัยรนุ่ มีการเจรญิ เติบโตทีร่ วดเรว็ และมกี ารเคล่ือนไหวที่ใชพ้ ลังงานมาก จึงต้องด่ืมนม เป็นประจาเพ่ือนาไปใชใ้ นการเจรญิ เติบโตและทากิจกรรมต่างๆ ข. ในวยั สาหรับเด็กอ่อน นานมมารดาเป็นอาหารที่ดีทสี่ ดุ ของทารกในระยะ 5 – 6 เดือนแรก ค. ผทู้ ตี่ ังครรภแ์ ละใหน้ านม มคี วามตอ้ งการแมกนีเซียมและโพแทสเซียมเพิม่ มากขนึ โดยเฉพาะระยะ 3 เดอื นสุดท้าย ควรดมื่ นานมวนั ละ 1.5 ลิตร ง. ผสู้ งู อายมุ ีการเคลือ่ นไหวท่ีต้องใช้แรงน้อย ความตอ้ งการแคลลอรจ่ี ึงนอ้ ยลง นานมจึงเป็น แหล่งโปรตนี ทสี่ าคัญและมีแคลลอรีต่ ่าและมีแคลเซียมสูง
17 4. ขอ้ ใด ไม่ใช่ ประโยชนข์ องนานมและผลติ ภัณฑ์นม ก. ชว่ ยใหเ้ กษตรกรมรี ายได้เพ่ิมขึน ข. การแปรรูปนานมเป็นการสร้างมูลค่าเพิม่ ให้กบั ผลผลิตทางการเกษตร ค. นานมช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน ง. นานมเป็นอาหารที่ช่วยลดนาหนกั ได้ 5. ในนานมมีวติ ามินชนดิ ใดท่ชี ว่ ยบารงุ สายตา ก. วิตามิน A ข. วติ ามิน B ค. วติ ามนิ C ง. วิตามนิ D 6. นานมใหค้ ุณค่าทางอาหารในดา้ นใดมากทสี่ ุด ก. พลงั งาน ข. ไขมัน ค. วิตามนิ ง. โปรตีน 7. นานมมีแร่ธาตุชนิดใดอยมู่ ากทสี่ ดุ ก. โพแทสเซยี ม แคลเซยี ม ข. แมกนเี ซียม โพแทสเซียม ค. ฟอสฟอรสั แมกนีเซียม ง. แคลเซยี ม ฟอสฟอรัส 8. โปรตีนในนมถือได้ว่าเปน็ โปรตีนทส่ี มบรู ณเ์ น่ืองจากอะไร ก. โปรตนี ในนมมีกรดอะมโี นทจ่ี าเปน็ อยคู่ รบถว้ น ข. โปรตีนในนมทาใหร้ ่างกายสมบรู ณ์ ค. ในนมมปี รมิ าณโปรตีนมากกว่าผลิตภณั ฑ์ชนิดอื่นๆ ง. ในนมมโี ปรตนี มากกว่า 100 ชนิด 9.
18 ข้อใดกลา่ วถูกต้อง ก. ในนานมมวี ิตามินซีสูง แตถ่ ูกทาลายได้ง่ายดว้ ยความร้อน ข. นานมมีแรธ่ าตโุ พแทสเซียมและฟอสฟอรัสเป็นจานวนมาก ซง่ึ จาเป็นสาหรับการสรา้ งกระดกู และฟัน ค. นาตาลในนมคือ นาตาลกาแลคโตส ซึ่งรา่ งกายสามารถดูดซึมนาไปใช้เปน็ พลังงานได้ ง. ในนานมมีไขมนั ทเี่ รียกว่ามันเนยซง่ึ เป็นแหลง่ ให้พลังงานและมกี รดไขมนั ท่จี าเปน็ ต่อร่างกาย 10. ข้อใดไม่ใชผ่ ลิตภัณฑ์นม ก. ครมี ข. นานมถ่ัวเหลือง ค. ขนมปังเนยสด ง. ไอศกรมี เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลงั เรยี น หนว่ ยที่ 1 เร่อื งความสาคญั และประโยชน์ของผลติ ภณั ฑน์ ม
19 1. ค 2. ก 3. ค 4. ง 5. ก 6. ง 7. ง 8. ก 9. ง 10. ข หมายเหตุ นกั เรยี นต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 6 คะแนน (ร้อยละ 60) จงึ ถือว่าผ่านเกณฑ์ ใบงานที่ 1 หนว่ ยท่ี 1 สอนครงั ที่ 1 วชิ า ผลติ ภณั ฑน์ ม ( 2501 – 2510) ชว่ั โมงรวม 4 ชว่ั โมง ชอ่ื หนว่ ย ความสาคญั และประโยชนข์ องผลติ ภัณฑน์ ม ช่ืองาน เรื่อง ความสาคัญและประโยชนข์ องผลติ ภัณฑน์ ม จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. เพอื่ ให้มคี วามรู้ความเขา้ ใจถึงความสาคญั และประโยชน์ของผลติ ภัณฑ์นม
20 2. เพื่อให้มีความสนใจใฝร่ ู้ มคี วามรับผิดชอบและตรงต่อเวลา จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม 1. อธบิ ายถงึ ความสาคญั และประโยชน์ของผลติ ภณั ฑ์นมได้อย่างถูกต้อง 2. มคี วามสนใจใฝร่ ู้ มคี วามรบั ผดิ ชอบ และตรงต่อเวลาในการสง่ งาน วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. สมุด ปากกา ไมบ้ รรทดั และนายาลบคาผิด 2. ใบงานท่ี 1 3. แบบฟอร์มกจิ กรรมท่ี 1 ลาดับขนั ตอนการปฏบิ ตั ิ 1. ให้นกั เรยี นแบ่งกลุ่มตามความสมัครใจ กลุ่มละ4 – 5 คน 2. ใหแ้ ต่ละกลุม่ เขียนอธิบายถงึ ความสาคัญและประโยชน์ของนานมและผลติ ภณั ฑน์ ม มา เป็นข้อๆ โดยให้เปรียบเทยี บกบั ประสบการณจ์ ริงท่ีนักเรียนเคยได้ปฏบิ ตั ิหรือพบเห็นมา 3. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนนาเสนอหนา้ ชนั เรียน ข้อเสนอแนะ 1. ควรเปรยี บเทยี บกับประสบการณจ์ ริงที่นกั เรยี นได้รบั หรือพบเหน็ จากการบริโภคนานม และผลติ ภณั ฑ์นม 2. เอกสารทใี่ ช้ค้นควา้ วารสารเกยี่ วกับนานมและผลิตภัณฑ์นม การประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมขณะปฏบิ ตั งิ าน 2. ตรวจกจิ กรรมที่ปฏิบัตจิ ากใบงานท่ี 1 3. ประเมินการนาเสนอผลงานรายกลมุ่ 4. ประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เกณฑป์ ระเมนิ ผลงานกจิ กรรมท่ี 1 5 คะแนน 5 คะแนน 1. การนาเสนอผลงาน 5 คะแนน 2. ลักษณะการเขียนเปน็ ระเบียบ อ่านง่าย สะอาด 5 คะแนน 3. เนอื หาถูกต้อง ครอบคลุม ชัดเจนและครบถว้ น 20 คะแนน 4. รับผิดชอบส่งงานตรงตามเวลาท่ีกาหนด รวม
21 กจิ กรรมท่ี 1 เรอ่ื ง ความสาคญั และประโยชนข์ องผลติ ภณั ฑน์ ม กลมุ่ ที่ ……………………………………… 1.ช่ือ – สกลุ ....................................................................................เลขที่..................ชนั ....................... 1.ช่อื – สกุล....................................................................................เลขท่ี..................ชนั ....................... 1.ช่ือ – สกลุ ....................................................................................เลขท.ี่ .................ชัน....................... 1.ช่อื – สกลุ ....................................................................................เลขท.่ี .................ชนั ....................... 1.ชอื่ – สกุล....................................................................................เลขที่..................ชนั ....................... ระดบั คะแนน................. ( .......... ) ผ่าน (.......... ) ไม่ผ่าน ความสาคัญของผลติ ภัณฑน์ ม ประโยชนข์ องผลิตภณั ฑ์นม
22 เอกสารอ้างองิ ................................................................................................... ............................................................. ................................................................................................ ................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................... ............................. ....................................................................................................................... ....................................... แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน (รายกลมุ่ ) กลุ่มที่ .............................. หน่วยท่.ี ....................................................ชื่อหน่วย............................................................................. ช่อื เร่ือง/ช่ืองาน.................................................................................................................................... ท่ี รายการประเมนิ คะแนน 1 2 3 4 5 หมายเหตุ 1 การนาเสนอผลงาน 2 ลักษณะการเขียนเปน็ ระเบียบ อ่านงา่ ย สะอาด 3 เนือหาถูกตอ้ ง ครอบคลุม ชัดเจน ครบถ้วน 4 ความรบั ผิดชอบสง่ งานตรงเวลาทก่ี าหนด รวม ลงชอ่ื ........................................................ผ้ปู ระเมิน วันท.่ี ...........เดอื น.................. พ.ศ................. เกณฑ์การประเมนิ 1. รปู แบบการนาเสนอ 5 หมายถงึ การนาเสนอเหมาะสมน่าสนใจมาก 4 หมายถึง การนาเสนอเหมาะสมน่าสนใจ บกพรอ่ งบางจดุ
23 3 หมายถงึ การนาเสนอน่าสนใจ บกพร่องเกิน 2 จุด 2 หมายถึง การนาเสนอนา่ สนใจ บกพร่องเกิน 3 จุด 1 หมายถงึ การนาเสนอไมน่ ่าสนใจ มีความบกพร่องควรปรบั ปรงุ 2. ลักษณะการเขยี นเปน็ ระเบยี บ อ่านงา่ ย สะอาด 5 หมายถึง เขยี นเปน็ ระเบียบมาก อ่านงา่ ยมาก สะอาดมาก 4 หมายถงึ เขียนเปน็ ระเบียบมาก อา่ นงา่ ยมาก สะอาดน้อยลง 3 หมายถึง เขยี นเป็นระเบียบน้อย อ่านยาก สะอาดน้อย 2 หมายถงึ เขียนเป็นระเบยี บน้อย อ่านยากมาก สกปรกมาก 1 หมายถึง เขยี นไมเ่ ปน็ ระเบยี บ อา่ นไมอ่ อก สกปรกมาก 3. เนือหาถูกต้อง ครอบคลมุ ชัดเจน ครบถ้วน 5 หมายถงึ เนือหาถูกต้อง ครอบคลุม ชดั เจน และครบถว้ นดมี าก 4 หมายถงึ เนอื หาถูกตอ้ ง ครอบคลุม ชัดเจน และครบถว้ นดี 3 หมายถงึ เนือหาถูกต้อง ครอบคลุม ชดั เจน และครบถ้วนดีพอใช้ 2 หมายถึง เนือหาถูกตอ้ ง ครอบคลุม ชัดเจน แต่ไม่ครบถว้ น 1 หมายถงึ เนอื หาไม่ถูกตอ้ ง ไม่ครอบคลุม ไม่ชดั เจน ไม่ครบถ้วน ควรปรบั ปรุง 4. ความรับผิดชอบสง่ งานตรงเวลาที่กาหนด 5 หมายถึง สง่ งานตรงตามเวลาที่กาหนด 4 หมายถึง ส่งงานไมต่ รงตามที่กาหนดช้ากวา่ กาหนด ½ วัน 3 หมายถึง สง่ งานไมต่ รงตามที่กาหนดชา้ กว่ากาหนด 1 วนั 2 หมายถงึ ส่งงานไมต่ รงตามที่กาหนดชา้ กว่ากาหนด 2 วนั 1 หมายถงึ สง่ งานไมต่ รงตามท่ีกาหนดช้ากว่ากาหนด 3 วนั ขึนไป
24 แบบประเมนิ พฤติกรรม คณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คาแนะนา ใหผ้ ปู้ ระเมนิ ใสค่ ะแนนที่ตรงกบั ความเปน็ จรงิ มากทส่ี ดุ ลงในช่องวา่ ง พฤตกิ รรม คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ วชิ า ผลติ ภณั ฑน์ ม รหสั 2501 – 2510 หนว่ ยท.ี่ ............ ระดบั ชนั ปวช. ............. การตรงต่อเวลา การแต่งกาย ความสนใจใฝ่รู้ การทางานร่วมกัน มนุษย์สัมพันธ์ มีสัมมาคารวะ มีความอดทนมีสติ ใช้ทรัพยากร อย่างประหยัด ลาดบั ช่อื – สกลุ 55555555 1 ….......................................... …..... …..... …..... …..... …..... …..... …..... …..... 2 ............................................. ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ 3 ............................................. ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ 4 ............................................. ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ 5 ............................................. ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ 6 ............................................. ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ 7 ............................................. ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ 8 ............................................. ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ 9 ................................... ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ 10 ….......................................... ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ 11 ............................................. ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ 12 ............................................. ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ 13 ............................................. ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ 14 ............................................. ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........ ........
25 หมายเหตุ เกณฑ์ทผ่ี า่ นการประเมินพฤติกรรม คือ คะแนนในแต่ละข้อที่ประเมินไม่ต่ากว่า 3 คะแนน ผปู้ ระเมนิ ...................................................... วนั ท.่ี .................เดอื น..............................พ.ศ............... เกณฑ์การประเมนิ 1. การตรงตอ่ เวลา การเขา้ ชันเรียนภายในเวลากาหนด 5 หมายถึง การเข้าชันเรียนช้ากวา่ กาหนด 5 นาที 4 หมายถึง 3 หมายถึง การเข้าชันเรยี นช้ากว่ากาหนด 7 นาที 2 หมายถึง การเข้าชันเรียนช้ากว่ากาหนด 9 นาที 1 หมายถึง การเขา้ ชันเรยี นช้ากว่ากาหนด 10 นาที 2. การแตง่ กาย 5 หมายถงึ การแตง่ กายที่ถกู ต้องตามระเบยี บครบ คอื ผู้ชาย : รองเทา้ หุ้มส้นสดี า ถงุ เทา้ สดี า กางเกงนักศึกษา เสอื เชิตสีขาว หรือสเี ขียว หรือสีที่ วิทยาลยั เกษตรฯ กาหนด เข็มขัดและหัวเข็มขดั เป็นเคร่ืองหมายของวทิ ยาลัยเกษตรฯ ผหู้ ญิง : รองเทา้ หมุ้ ส้นสดี า ถุงเทา้ สีขาว กระโปรงสีดาหรือกรมทา่ เสือเชิตสีขาวแขนสัน หรือสเี ขยี ว หรอื สที ว่ี ิทยาลยั เกษตร ฯ กาหนด เขม็ ขดั และกระดุมเปน็ เครือ่ งหมายของวิทยาลัยเกษตร ฯ 4 หมายถงึ การแต่งกายทไี่ ม่ถกู ต้องครบตามระเบียบ 1 อย่าง 3 หมายถึง การแต่งกายที่ไม่ถกู ต้องครบตามระเบียบ 2 อยา่ ง 2 หมายถงึ การแตง่ กายทีไ่ ม่ถูกต้องครบตามระเบียบ 3 อย่าง 1 หมายถงึ การแตง่ กายที่ไม่ถูกต้องครบตามระเบยี บ 4 อย่าง 3. ความสนใจใฝร่ ู้ 5 หมายถึง การแสดงความคดิ เห็นทนี่ าพามาสแู่ นวคิดท่มี ีการพฒั นาและสรา้ งสรรค์ใหเ้ กดิ ความรูใ้ หม่ ๆ ในสงิ่ ท่ไี ด้กระทามากกว่า 5 ครงั 4 หมายถึง การแสดงความคดิ เหน็ ท่นี าพามาสแู่ นวคิดที่มีการพฒั นาและสร้างสรรค์ใหเ้ กิด ความรู้ใหม่ ๆ ในสง่ิ ทไ่ี ด้กระทามากกว่า 4 ครงั 3 หมายถึง การแสดงความคดิ เห็นทนี่ าพามาสแู่ นวคิดที่มีการพัฒนาและสรา้ งสรรคใ์ หเ้ กดิ ความรู้ใหม่ ๆ ในสง่ิ ทไ่ี ด้กระทามากกวา่ 3 ครัง 2 หมายถึง การแสดงความคิดเหน็ ทน่ี าพามาสู่แนวคดิ ที่มีการพฒั นาและสร้างสรรค์ให้เกดิ ความรู้ใหม่ ๆ ในสิ่งทไี่ ด้กระทามากกว่า 2 ครัง 1 หมายถงึ การแสดงความคดิ เห็นที่นาพามาส่แู นวคดิ ทมี่ ีการพฒั นาและสร้างสรรคใ์ หเ้ กดิ ความรู้ใหม่ ๆ ในสง่ิ ท่ไี ด้กระทามากกวา่ 1 ครงั 4. การทางานรว่ มกัน 5 หมายถงึ การมีสว่ นร่วมในการทางานรว่ มกับผูอ้ ่นื ๆ ตามลักษณะงานทมี่ อบหมาย ไมข่ าด
26 ความร่วมมอื ในการทางานร่วมกับผ้อู นื่ 4 หมายถึง การมสี ่วนรว่ มในการทางานรว่ มกบั ผ้อู นื่ ๆ ตามลักษณะงานท่ีมอบหมาย การขาด ความร่วมมือในการทางานร่วมกบั ผู้อืน่ จานวน 1 ครัง 3 หมายถึง การมีส่วนรว่ มในการทางานรว่ มกับผอู้ น่ื ๆ ตามลกั ษณะงานท่ีมอบหมาย การขาด ความร่วมมอื ในการทางานรว่ มกบั ผู้อืน่ จานวน 2 ครัง 2 หมายถึง การมสี ว่ นรว่ มในการทางานร่วมกับผอู้ ่ืน ๆ ตามลักษณะงานท่ีมอบหมาย การขา ความรว่ มมือในการทางานรว่ มกับผูอ้ น่ื จานวน 3 ครงั 1 หมายถึง การมีส่วนร่วมในการทางานร่วมกับผอู้ ืน่ ๆ ตามลกั ษณะงานทมี่ อบหมาย การ ขาดความรว่ มมือในการทางานร่วมกบั ผู้อ่ืน มากกว่า 4 ครงั 5. การใชท้ รพั ยากรอย่างประหยดั 5 หมายถงึ การควบคมุ ตวั เองและผู้อน่ื ทางานตามเวลาอย่างเหมาะสม และใชว้ สั ดอุ ุปกรณ์อยา่ ง คุ้มค่าประหยดั อยา่ งสม่าเสมอทุกครัง 4 หมายถึง การควบคมุ ตวั เองและผู้อืน่ ทางานตามเวลาอย่างเหมาะสม และใช้วัสดอุ ุปกรณ์อยา่ ง คมุ้ ค่าประหยดั อย่างบ่อยครงั แต่ไม่ครบทกุ ครงั หรือขาดเพียง 1 ครงั 3 หมายถงึ การควบคมุ ตวั เองและผอู้ ื่นทางานตามเวลาอยา่ งเหมาะสม และใชว้ ัสดุอปุ กรณ์อยา่ ง ค้มุ คา่ ประหยัดบางครงั ไม่ครบทุกครงั หรือขาดเพยี ง 2 ครัง 2 หมายถงึ การควบคุมตวั เองและผู้อนื่ ทางานตามเวลาอย่างเหมาะสม และใชว้ สั ดอุ ปุ กรณอ์ ยา่ ง ค่อนข้างสนิ เปลอื งไมค่ รบทกุ ครังหรอื ขาดเพียง 3 ครัง 1 หมายถงึ การควบคุมตวั เองและผู้อ่นื ทางานตามเวลาอยา่ งเหมาะสม และใช้วสั ดุอปุ กรณ์ อย่างสนิ เปลืองและไมเ่ กิดประโยชน์ 6. มนษุ ยส์ มั พันธ์ 5 หมายถึง ยมิ แย้มทักทายทุกครงั แสดงการมนี าใจเปน็ มติ รไมตรที ุกครงั 4 หมายถงึ ยิมแยม้ ทักทายบางครัง แสดงการมนี าใจเปน็ มติ รไมตรีบางครงั 3 หมายถึง ยิมแยม้ ทักทายน้อยลงแสดงการมนี าใจเป็นมติ รไมตรนี ้อยลง 2 หมายถงึ ยิมแย้มทักทายน้อยลงมาก แสดงการมีนาใจเป็นมิตรไมตรีนอ้ ยมาก 1 หมายถึง ไมย่ ิมแย้มไม่ทกั ทาย ไม่แสดงการมีนาใจเป็นมติ รไมตรเี ลย 7. การมสี มั มาคารวะและการใหเ้ กยี รตผิ อู้ าวโุ ส 5 หมายถึง แสดงกริ ิยาท่าทางวาจาสุภาพให้ความเกรงใจ เชอ่ื ฟัง มนี าใจ ช่วยเหลืองานตาม โอกาสสม่าเสมอ 4 หมายถงึ แสดงกริ ยิ าทา่ ทางวาจาสภุ าพใหค้ วามเกรงใจ เช่ือฟัง มนี าใจ ชว่ ยเหลืองานตาม โอกาสบอ่ ยครัง 3 หมายถงึ แสดงกริ ิยาท่าทางวาจาสุภาพใหค้ วามเกรงใจ เช่อื ฟัง มนี าใจ ช่วยเหลอื งานตาม โอกาสบางครัง
27 2 หมายถึง แสดงกริ ิยาท่าทางวาจาสภุ าพให้ความเกรงใจ เชอื่ ฟัง มนี าใจ ช่วยเหลอื งานตาม โอกาสน้อยครงั 1 หมายถึง ไดร้ ับการตักเตือนเรื่องแสดงกริยาท่าทางวาจาสภุ าพให้ความเกรงใจ เชื่อฟงั มนี าใจ ชว่ ยเหลืองาน 8. อดทน มสี ติ สามารถควบคุมอารมณแ์ ละมกี รยิ า มารยาททเี่ หมาะสม 5 หมายถงึ อดทนอดกลันควบคมุ อารมณ์ได้ดีบอ่ ยครงั มีกรยิ ามารยาททเ่ี หมาะสมบอ่ ยครงั 4 หมายถึง อดทนอดกลนั ควบคมุ อารมณ์ไดบ้ างครัง มีกรยิ ามารยาททเ่ี หมาะไดบ้ างครัง 3 หมายถึง อดทนอดกลนั ควบคุมอารมณ์ไดบ้ างครังมีกรยิ ามารยาทท่ีเหมาะบา้ ง 2 หมายถงึ เอาแต่ใจตัวเองเป็นบางครงั ควบคมุ อารมณต์ ัวเองไม่ได้ดีนกั แสดงกริยามารยาทไม่ดี บ่อยครัง 1 หมายถึง เอาแต่ใจตัวเองแสดงกริยามารยาทไมเ่ หมาะสมจนเป็นปกตินสิ ยั บรรณานุกรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 2553. พระราชบัญญัติโคนมและผลติ ภณั ฑ์นมแห่งชาติ. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งท่ีมา : www.moac.go.th. (2 เมษายน 2559) คุณคา่ ทางโภชนาการของ “นม”. 2554. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งทม่ี า: www.dld.go.th/breeding/dairy/index. (2 เมษายน 2559) “คณุ ค่าทางโภชนาการและประโยชน์ของนมวัว”. 2556. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งท่ีมา: http://talk.mthai.com/topic/368756. (2 เมษายน 2559) จนั ทร์เพญ็ และคณะ. (ม.ป.ป.). ผลติ ภัณฑ์นม. [ระบบออนไลน์]. แหล่งท่ีมา:
28 www.foodnetworksolution.com/wiki/word/0270/dairy-product-ผลติ ภณั ฑ์นม. (2 เมษายน 2559) นรินทร์ ทองศริ ิ. 2531. เทคโนโลยอี าหารนม. พมิ พ์ ครงั ที่ 2. เชียงใหม่ : ภาควิชาวทิ ยาศาสตร์ การอาหาร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. นิธิยา รตั นาปนนท.์ 2557. เคมนี มและผลิตภณั ฑ์นม. สานกั พมิ พโ์ อเดียนสโตร,์ กรุงเทพฯ. 206 น. วิกพิ เี ดีย สารานุกรมเสร.ี นานม. [ระบบออนไลน]์ . แหลง่ ท่ีมา: https://th.wikipedia.org/wiki/นม. (2 เมษายน 2559) สานักงานคณะกรรมการอาหารและยา. 2556. ประกาศกระทรวงสาธารณสุข. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ทม่ี า: www.fda.moph.go.th. (2 เมษายน 2559)
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: