34 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ ขอ้ เปรยี บเทียบของระบบ เครอื ขา่ ยแต่ละแบบ ระบบเครอื ข่าย (Network) แตล่ ะแบบไมว่ า่ จะเปน็ ระบบเครือข่ายระดับประเทศ (Wide Area Network หรือ WAN) หรือระบบเครือข่ายระดับท้องถิ่น (Local Area Networkหรือ LAN) หรือระบบเครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network หรือ Man) มีความแตกตา่ งกันอยูห่ ลายประกาศ ซึ่งพอทจ่ี ะสามารถสรปุ ได้ ดงั น้ี 1. ระบบเครือข่ายระดับท้องถ่ิน (LAN) มีระยะทางระหว่างจุดท่ีต่อกันจากัด ขนาดสูงสุดปกติไม่เกิน 10 กิโลเมตร และต่าสดุ ไมน่ ้อยกว่า 1 เมตร 2. โดยปกติท่ัวไปแล้วระบบเครือข่ายระดับเมือง (MAN) จะทางานด้วยความเร็วน้อยกว่า 1 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) แต่การทางานโดยปกติของระบบเครือข่ายระดับท้องถ่ินจะมีความเร็วระหว่าง 1-10 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) แต่ถ้าใช้เทคโนโลยแี บบเส้นใยนาแสง (Fiber Optic) ในการเช่ือมต่อจุดแต่ละจุดแล้ว จะทาให้ส่งข้อมูลด้วย ความเร็วหลายรอ้ ยเมกะบิตตอ่ วินาที (Mbps) 3. เนื่องจากระบบเครือข่ายระดับท้องถิ่น (LAN) มีระยะทางการใช้งานไม่กว้างนักทาให้มีอัตราของความ ผิดพลาดหรือขอ้ ผดิ พลาดต่างๆ น้อยกว่าระบบเครอื ข่ายระดับเมือง (MAN) 4. ระบบเครือข่ายระดับท้องถ่ิน (LAN) จะอยู่ภายใต้การควบคุมของคน หรือองค์กรเดียวแต่ระบบเครือข่าย ระดบั ประเทศ (WAN) จะมีขอบข่ายการใช้งานอยู่ท่ัวโลก ดังน้ัน การใช้งานจะขึ้นอยู่กับองศ์กรการส่ือสารของแต่ละ ประเทศด้วย โดยสรุปแล้ว ระบบเครือข่ายระดับท้องถ่ิน (LAN) เป็นรูปแบบการทางานของระบบเครือข่ายแบบหน่ึงที่ช่วยให้ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ จอภาพ เครื่องพิมพ์ และอุปกรณ์ต่างๆ สามารถติดต่อและใช้งานร่วมกันได้ ซึ่งจะต่างกับระบบ เครือข่ายแบบอ่ืนๆ ตรงท่ีจากัดการติดต่อสื่อสารของอุปกรณ์อยู่ในบริเวณแคบๆ เท่าน้ัน โดยทั่วไปจะมีระยะการใช้ งานไม่เกิน 2 กิโลเมตร เช่นใช้ภายในมหาวิทยาลัย อาคารสานักงาน คลังสินค้า หรือโรงงาน เป็นต้น การส่งข้อมูล สามารถทาได้ด้วยความเร็วสูงถึง 1-10 เมกะบิตต่อวนิ าที (Mbps) และมีขอ้ ผดิ พลาดนอ้ ย
35 ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ ประโยชนข์ องระบบเครือขา่ ย ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์หน่ึงเครือข่ายจะมีการทางานรวมกันเป็นกลุ่ม ที่เรียกว่า กลุ่มงาน (workgroup) ก็จะไดเ้ ครือขา่ ยขนาดใหญ่ขนึ้ การประยกุ ต์ใชง้ านเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นไปอย่างกว้างขวาง และสามารถใช้ประโยชน์ได้มากมาย ทั้งน้ีเพราะระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทาให้เกิดการเช่ือมโยงอุปกรณ์ ตา่ งๆ เขา้ ดว้ ยกัน และสื่อสารข้อมลู ระหวา่ งกนั ได้ ประโยชนข์ องระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ มดี ังน้ี ➢ การใช้อุปกรณ์ร่วมกัน เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทาให้ผู้ใช้ สามารถใช้อุปกรณ์ รอบข้างที่ต่อพ่วงกับระบบ คอมพิวเตอร์ ร่วมกนั ไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ ➢ การใช้โปรแกรมและข้อมูลร่วมกันได้ การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่าย ท้ังประเภทเครือข่าย LAN , MAN และ WAN ทาให้คอมพิวเตอร์ สามารถสื่อสารแลกเปลย่ี นขอ้ มูลระยะไกลได้ ➢ สามารถประยุกต์ใช้ในงานด้านธุรกิจได้ องค์กรธุรกิจที่มีการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ กับระบบ เครอื ข่ายอินเทอร์เน็ต เพ่ือประโยชนท์ างธุรกิจ ➢ ความประหยัด ตัวอย่างเช่นในสานักงานแห่งหนึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์ จานวน 30 เครื่อง หรือมากกว่านี้ ถ้าไม่มีการนาระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มาใช้ จะเห็นว่าต้องใช้เครื่องพิมพ์ อย่างน้อย 5 - 10 เคร่ือง มาใช้งาน แต่ถ้ามีระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แล้วสามารถใช้ เครือ่ งพมิ พ์ประมาณ 2-3 เครอ่ื งก็เพียงพอตอ่ การใชง้ านแลว้
36 ระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ องค์ประกอบของระบบเครอื ข่าย ❖ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย คอมพิวเตอร์ แม่ข่าย หมายถึงคอมพิวเตอร์ ที่ทาหน้าที่เป็นผู้ให้บริการทรัพยากร (Resources) ต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ หน่วยประมวลผล หน่วยความจา หน่วยความจาสารอง ฐานข้อมูล และ โปรแกรมตา่ ง ๆ เป็นต้น ในระบบเครอื ขา่ ยท้องถนิ่ (LAN) มักเรยี กว่าคอมพิวเตอร์แมข่ า่ ย ในระบบเครือข่าย ระยะไกล ที่ใช้เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ หรือ มินิคอมพิวเตอร์เป็นศูนย์กลางของเครือข่าย เรานิยมเรียกว่า Host Computer และเรียกเคร่ืองท่รี อรบั บรกิ ารวา่ ลูกข่ายหรือสถานงี าน ❖ ช่องทางการส่ือสาร ช่อง ทางการส่ือสาร หมายถึง สื่อกลางหรือเส้นทางท่ีใช้เป็นทางผ่าน ในการรับส่ง ข้อมูล ระหว่างผู้รับ (Receiver) และผู้ส่งข้อมูล (Transmitter) ปัจจุบันมีช่องทางการสื่อสาร สาหรับการ เช่ือมต่อเครือข่าย คอมพิวเตอร์มีหลายประเภทคือ สายโทรศัพท์แบบสายคู่ตีเกลียวไม่มีฉนวนหุ้ม (UTP) สายคู่ตีเกลียว แบบมีฉนวนหุ้ม (STP) สายโคแอคเชียล สายใยแก้วนาแสง คล่ืนไมโครเวป และดาวเทียม เปน็ ตน้ ❖ สถานีงาน สถานี งาน (Workstation or Terminal) หมายถึง อุปกรณ์หรือเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ ที่ เช่ือมต่อ กับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทาหน้าที่เป็นสถานีปลายทางหรือสถานีงาน ท่ีได้รับการบริการจาก เครื่อง คอมพิวเตอร์แม่ข่าย เรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ลูกข่าย (Workstation) ในระบบเครือข่ายระยะใกล้ มกั มีหนว่ ยประมวลผล ❖ อุปกรณ์ในเครือข่าย การ์ดเช่ือมต่อเครือข่าย (Network Interface Card :NIC) หมายถึง แผงวงจร สาหรับ ใชใ้ นการเช่อื มต่อสายสญั ญาณของเครอื ขา่ ย ตดิ ตัง้ ไว้ในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องแม่ข่าย และ เครื่องทีเ่ ป็นลูกขา่ ย หน้าที่ของการด์ นค้ี อื แปลงสญั ญาณจากคอมพิวเตอร์สง่ ผา่ นไปตามสายสัญญาณ ❖ ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ทา หน้าท่ี จัดการระบบเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ เพ่ือให้คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่ออยู่กับเครือข่าย สามารถ ติดตอ่ สอ่ื สาร แลกเปลย่ี นขอ้ มูลกันไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และมีประสทิ ธภิ าพ
37 ระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ มาตรฐานการเชอ่ื มต่อระบบเครือข่าย แบบจาลอง OSI Model การเช่อื มตอ่ คอมพวิ เตอร์เป็นระบบเครือขา่ ยในยุคแรกจะมลี กั ษณะเฉพาะตวั ตามบริษัทผู้ผลติ อุปกรณ์ เครอื ข่ายนนั้ ๆ ทาให้เกดิ ปัญหาความเขา้ กันได้ของอุปกรณท์ ผ่ี ลติ จากต่างบริษทั กัน ดงั นน้ั หนว่ ยงาน มาตรฐานสากล (International Standard Organization) หรอื ISO จงึ ได้กาหนดโครงสรา้ งมาตรฐานในการรับ – ส่งข้อมูลในเครือข่ายคอมพิวเตอรใ์ หเ้ ปน็ แบบเดียวกนั เพ่ือให้ใช้งานร่วมกนั ได้ เรียกวา่ แบบจาลอง OSI Model (Open System Interconnection Model) เพื่อใช้เป็นแบบอ้างอิงในการผลิต ทาใหอ้ ปุ กรณเ์ ครอื ขา่ ยต่างบริษทั กนั สามารถใชง้ านร่วมกันไดโ้ ดยไมม่ ีปญั หา แบบจาลอง OSI Model จะแบง่ การเช่อื มต่อในเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ ออกเป็นชัน้ ยอ่ ย ๆ จานวน 7 ชนั้ ลักษณะการเช่ือมตอ่ คือ แต่ละช้ันหรือแต่ละเลเยอร์ (Layer) จะเสมอื นเชอ่ื มตอ่ ถึงกันและกนั แต่ในส่วนของการ เชื่อมต่อจริงทางกายภาพจะมเี พยี งช้ันลา่ งสดุ คือ Physical Layer เทา่ นั้นทีเ่ ชอ่ื มตอ่ ถึงกัน สว่ นช้ันอ่ืน ๆ จะไมไ่ ด้ เชื่อมต่อถงึ กนั จรงิ เพียงแตเ่ สมอื นวา่ เชื่อมต่อกันโดยผา่ นกลไกในระบบเครือขา่ ยเท่านน้ั ตามแนวทางของแบบจาลอง OSI Model จะกาหนดใหก้ ารติดตอ่ ระหว่างกันจะต้องติดต่อภายในชัน้ เดียวกันเท่าน้นั จะติดตอ่ ข้ามชั้นกนั ไม่ได้ เช่น ช้นั ที่ 3 ทางฝัง่ ผู้สง่ กจ็ ะตอ้ งเช่ือมต่อกบั ช้ันที่ 3 ของฝง่ั ผรู้ ับเท่านั้น สว่ นผู้ใช้งานจะต้องตดิ ตอ่ ผา่ นทางชั้นที่ 7 คอื Application layer ซง่ึ เป็นชั้นบนสุด ในทางปฏิบตั ิ 4 ช้ัน ดา้ นบน คอื Application layer, Presentation Layer, Session Layer และ Transport Layer จะจดั เปน็ การเชอื่ มต่อ ขอ้ มลู ในสว่ นซอฟตแ์ วร์ (Application Dependent Layer) ส่วน 3 ชนั้ ดา้ นลา่ งคอื Network Layer, Data Link และ Physical Layer จะเปน็ สว่ นควบคุมการรับ – ส่งขอ้ มลู โดยทาการตดิ ต่อกับฮาร์ดแวร์โดยตรง คือ เปน็ ส่วนของการเชือ่ มตอ่ ทางเครอื ขา่ ย (Network Dependent Layer) หน้าท่ีของแต่ละช้ัน จะเปน็ ดงั น้ี ❖ Application Layer ทาหนา้ ทีใ่ นการเช่ือมต่อข้อมลู ระหวา่ งผใู้ ชง้ านกับโปรแกรมใช้งาน โดยจะแบง่ คาส่งั ต่าง ๆ ท่ผี ูใ้ ช้กาหนด ผา่ นทางเมนู หรอื การคลกิ เมาส์ สง่ ใหโ้ ปรแกรมใชง้ าน ซ่งึ โปรแกรมใช้งานจะไปเรยี กฟงั กช์ นั่ ท่ีใหบ้ รกิ ารจาก ระบบปฏบิ ัติการอกี ตอ่ หนง่ึ ❖ Presentation Layer เปน็ ชน้ั ท่ที าหน้าทเ่ี ปน็ สว่ นตดิ ตอ่ ระหวา่ งช้ัน Application และ Session ใหเ้ ข้าใจกนั โดยจะ เป็นการสร้างขบวนการยอ่ ย ๆ ในการทางานระหว่างกัน และจัดรปู แบบการนาเสนอขอ้ มลู ในการ ส่อื สารใหเ้ ขา้ ใจกนั ได้ เช่น การแปลงรหัสข้อมูล การเข้ารหัส (Encrypt) และการถอดรหัส (Decrypt)
38 ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ มาตรฐานการเช่อื มต่อระบบเครือข่าย ❖ Session Layer เป็นชนั้ ท่ีทาหน้าท่ีสร้างส่วนติดต่อ (Session) ในการสอ่ื สารข้อมูล โดยกาหนดจงั หวะในการรับ – สง่ ข้อมลู ว่าจะทางานในแบบผลัดกนั สง่ (Half Duplex) หรือส่งรบั พรอ้ มกนั (Full Duplex) โดยจะ สรา้ งเป็นสว่ นของชดุ ขอ้ มูลโตต้ อบกนั ❖ Transport Layer ทาหน้าทแ่ี บ่งข้อมลู ท่มี ีขนาดใหญ่เกนิ มาตรฐานการรับ – สง่ ออกเป็นสว่ นย่อย ๆ ให้เหมาะสมกับ การทางานทางฮาร์ดแวรข์ องอุปกรณใ์ นระบบเครือข่ายตามมาตรฐานที่ใชง้ าน ❖ Network Layer ทาหน้าท่ีเชื่อมต่อและกาหนดเส้นทางในการรับ – ส่งข้อมูลผ่านระบบเครือข่าย โดยจะ นาข้อมูลในช้ันบนท่ีส่งมาในรูปของ Package หรือ Frame ซ่ึงมีเพียงแอดเดรสของผู้รับ – ผู้ส่ง ลาดับการรับ – ส่งขอ้ มูล และสว่ นของข้อมูล นอกจากน้ียังทาหน้าที่ในการสถาปนาการเช่ือมต่อใน ครัง้ แรก (Call Setup) และการยกเลกิ การตดิ ต่อ (Call Clearing) ❖ Data Link Layer ทาหน้าท่ีในการจัดเตรียมข้อมูลในการเชื่อมต่อให้กับอุปกรณ์ทางฮาร์ดแวร์ โดยหลังจากที่ ได้รับข้อมูลจากชั้น Network Layer ท่ีกาหนดเส้นทางในการติดต่อ และทากาตรวจสอบ ขอ้ ผิดพลาดในการรบั – ส่งข้อมลู เพ่อื ใหข้ ้อมูลทรี่ ับ – สง่ กันตรงกับมาตรฐานการรับ – ส่งข้อมูลใน ระดับฮาร์ดแวร์ เชน่ มาตรฐานอีเทอร์เน็ต (Ethernet) มาตรฐานโทเค็นริง (Token Ring) เป็นตน้ ❖ Physical Layer เป็นช้ันล่างสุดของแบบจาลอง OSI Model และเป็นช้ันที่มีการเชื่อมต่อจริงทางกายภาพ ในช้ันนี้จะเปน็ สว่ นที่ใช้กาหนดคณุ สมบตั ิทางกายภาพของอุปกรณ์ที่จะนามาเชื่อมต่อกัน เช่น จะใช้ ขั้วต่อสัญญาณแบบใด ใช้การรับ – ส่งข้อมูลแบบใด ความเร็วในการรับ – ส่งข้อมูลที่จะใช้เป็น เท่าใด ข้อมูลในช้ันน้ีจะอยู่ในรูปของสัญญาณทางไฟฟ้าแบบดิจิตอล คือมีระดับสัญญาณ 0 หรือ 1 หากมีปัญหาในการรับ – ส่งทางฮาร์ดแวร์ เช่น สายรับ – ส่งข้อมูลขาดหรืออุปกรณ์ในเครือข่าย ชารุดเสียหายก็จะทาการตรวจสอบและส่งข้อมูลความผิดพลาดไปให้ช้ันอ่ืน ๆ ท่ีอยู่เหนือขึ้นไป ไดร้ ับทราบ
แบบฝกึ หัดท้ายหนว่ ยท่ี 7 1. เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คืออะไร 2. องค์ประกอบของการสอื่ สารข้อมลู มอี ยู่ 5 อยา่ ง ไดแ้ ก่อะไรบ้าง 3. วธิ กี ารหรอื กฎระเบียบทใี่ ชใ้ นการสื่อสารขอ้ มลู เพื่อใหผ้ ้รู ับและผู้ส่งสามารถเขา้ ใจกนั หรือคุยกันรู้ เร่อื งอยใู่ นระบบเครอื ยข่ายใด 4. เครอื ขา่ ยทใ่ี ช้ในการเชอ่ื มโยงคอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณต์ ่าง ๆ ที่อยู่ในพ้ืนที่เดียวกันหรอื ใกล้เคยี ง กนั เรยี กว่าเครือข่ายใด 5. เครอื ข่ายวงกว้าง หรือแวน (Wide Area Network: WAN)คืออะไร
เฉลยแบบฝกึ หัดทา้ ยหนว่ ยท่ี7 1. ตอบ เปน็ การเชือ่ มตอ่ คอมพวิ เตอร์และอุปกรณต์ อ่ พ่วงเขา้ ดว้ ยกนั เพอ่ื ให้สามารถใช้ ข้อมูลทรพั ยากรรว่ มกนั ได้ 2. ตอบ1. ผ้สู ่ง 2.ผรู้ บั 3.สอ่ื กลาง 4.ข้อมูลขา่ วสาร 5.โปรโตคอล 3. ตอบ โปรโตคอล (Protocol) 4. เครือขา่ ยเฉพาะท่ี หรอื แลน ( Local Area Network: LAN ) 5. ตอบ การเชื่อมต่อเครือขา่ ยคอมพิวเตอรร์ ะยะไกล ซ่ึงมอี ยทู่ ัว่ โลกเข้าด้วยกัน
39 อินเทอรเ์ นต็ อนิ เทอรเ์ น็ตคอื อะไร ❖ ความสาคญั ของอินเทอร์เน็ต ในปจั จบุ นั อินเทอรเ์ นต็ น้ันมีความสาคัญต่อชวี ติ ประจาวันของคนเราหลายๆดา้ น ทั้งด้านการศกึ ษา ดา้ น ธรุ กจิ และพาณชิ ย์ ดา้ นการบันเทงิ ➢ ด้านการศกึ ษา การใช้อนิ เทอรเ์ น็ตเพ่อื การสนับสนนุ การศึกษา เป็นการใช้อินเทอรเ์ น็ตในการติดต่อส่ือสาร เพ่อื การสง่ การบา้ น นดั หมาย อธบิ ารายละเอียด รวมท้ังแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ของคณาจารยก์ ับนักเรยี น และนกั เรียนกบั นกั เรยี นดว้ ยกนั นอกจากนย้ี ังมีระบบการเรียนการสอนดว้ ยระบบออนไลน์ การเรียนออนไลน์ คอ่ นขา้ งเป็นทีน่ ยิ มมากในปจั จุบนั เพราะเป็นการเรยี นที่สะดวกสามารถเรยี นได้ในเวลาทีต่ อ้ งการ อกี ทงั้ สามารถลดค่าเล่าเรยี นลงไปไดอ้ ย่างมาก และทง้ั นี้อนิ เทอร์เน็ตนัน้ ยังสามารถใช้เป็นแหล่งคน้ คว้าหาข้อมลู เสมอื นเป็นห้องสมุดขนาดใหญพ่ ร้อมท้ังมขี ้อมลู ทีค่ รอบคลุมมที ั้งภาพ เสยี ง และภาพเคลื่อนไหว ➢ ด้านธรุ กิจและพาณชิ ย์ การใช้อนิ เทอรเ์ น็ตกบั งานธุรกิจณชิ ยน์ ้นั ช่วยใหส้ ามารถตัดสินใจซื้อขายสินค้าและ บรกิ ารได้อยา่ งรวดเร็วและสะดวก นบั ว่าเป็นตลาดทก่ี ว้างขวางและมีประสทิ ธิภาพในการตดิ ต่อซอ้ื สินค้าและ บริการ เพราะคนเราสมยั น้ีนิยมความสะดวกสบายและรวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะอย่ทู ่ีใดบนโลกก็ตามกส็ ามารถ เปิดเวบ็ ไซตเ์ พือ่ เลอื กสนิ ค้าหรือหาข้อมลู ผลิตภัณฑ์ หรอื แมก้ ระท่ังปรึกษากไ็ ด้ฉบั ไว ➢ ดา้ นการบนั เทิง อนิ เทอรเ์ น็ตถือว่าเป็นแหล่งความบนั เทิงในอกี รปู แบบหน่งึ เหมือนับการนั่งดโู ทรทัศน์ ภาพยนตร์ อา่ นหนังสือหรือบทความตา่ งๆ ซง่ึ สามารถจะดูหรือใช้งานทไ่ี หนเม่อื ไหร่กไ็ ด้ตามต้องการ อนิ เทอร์เนต็ ต่อดา้ นบนั เทิงนั้นถือว่าเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ สามารถค้นคว้าวารสารทง้ั หนงั สือพมิ พ์ ขา่ วสาร นิยาย วรรณกรรมและอืน่ ๆผา่ นระบบเครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต อกี ทง้ั สามารถฟงั วทิ ยอุ อนไลน์ ดูรายการ โทรทัศน์รวมท้งั ภาพยนตรท์ งั้ เกา่ และใหมม่ าดไู ดอ้ ีกด้วย
40 อนิ เทอร์เนต็ รายละเอยี ดของเวบ็ เบราเซอร์ Web Browser (เวบ็ เบราวเ์ ซอร์) คอื โปรแกรมทใ่ี ช้ในการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู และติดตอ่ สอ่ื สารใน รปู แบบ Webpage (เวบ็ เพจ) โดยโปรแกรมจะแปลงภาษาคอมพวิ เตอร์ HTML ให้เป็นภาษาทคี่ นท่วั ไป สามารถอา่ นและเข้าใจไดบ้ นหน้าเวบ็ การใช้งาน Web Browser ในการเขา้ ชมเวบ็ ไซตน์ ้ัน ผู้ใช้งานจะตอ้ งกรอก Domain Name (โดเมนเนม) ลง ไปเวลาต้องการเข้าไปยงั เว็บไซตต์ า่ งๆ โดย Domain Name จะนามาใช้แทน IP Address (ไอพี แอดเดรส) หรือที่อยขู่ องเว็บไซต์ที่เป็นตวั เลขซง่ึ จดจาไดย้ าก ตวั อย่าง Web Browser ทนี่ ยิ มใช้ ❖ Internet Explorer Internet Explorer หรือ IE เป็น Web Browser ที่มีความเก่าแก่ท่ีสุด เพราะเป็นโปรแกรมพ้ืนฐานท่ีมี มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 3.11 และยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบัน รุ่นล่าสุดของ Internet Explorer (ปี 2019) คือ Internet Explorer 11 รองรับการใช้งานสาหรับ Windows 7, Windows Server 2008, Windows 8, Windows Server 2012, Windows 8.1, Windows Server 2012 R2 และ Windows 10 ซ่ึงมี ประสิทธิภาพในการเข้าอินเทอร์เน็ตสูงข้ึน และการันตีว่าใช้ Ram และ CPU น้อยกว่า Firefox และ Chrome ทีเดยี ว
41 อินเทอร์เนต็ Mozilla Firefox ❖ Mozilla Firefox Firefox เป็น Web Browser ที่โดดเด่นด้วยไอคอน จิ้งจอกไฟ พัฒนาขึ้นโดยมูลนิธิ Mozilla และ อาสาสมัครอีกหลาย 100 คน สามารถทางานบนระบบปฏิบตั ิการได้หลายแบบ ต้ังแต่ Windows, McOS10, Linux ครั้งหนึ่งเคยเป็น Web Browser ที่ดีที่สุดเลยทีเดียว โดยมีแถบเครื่องมือใช้งานและแท็บหน้าต่าง อนิ เทอร์เนต็ ท่ีเรียบงา่ ย ไม่รกสายตา เวอร์ชั่นล่าสดุ ยงั รองรับผลการแสดงเวบ็ ไซต์ในรูปแบบ 3 มติ ิด้วย Google Chrome ❖ Google Chrome Chrome พฒั นาโดย Google เปิดตัวคร้ังแรกเม่ือปี 2008 สามารถทางานบนระบบปฏิบัติการ ท้ัง Windows, Linux, McOS, iOS และ Android และเคยได้รับความนิยมมากท่ีสุด แต่ปัจจุบัน จัดเป็นหนึ่งในโปรแกรมท่ีใช้ทรัพยากรพ้ืนท่ีบนคอมพิวเตอร์เปลืองที่สุด แต่ข้อดีคือเช่ือมโยงกับบัญชี ตา่ งๆ ของ Google ทาให้ใช้งานสะดวก
42 อินเทอรเ์ น็ต การสบื ค้นขอ้ มลู การสืบค้นขอ้ มลู ทางอนิ เทอร์เน็ต ในโลกไซเบอรส์ เปซมขี อ้ มูลมากมายมหาศาล การท่ีจะค้นหาข้อมลู จานวนมากมายอยา่ งนไี้ ม่อาจจะ คลิกเพือ่ ค้นหาข้อมูลพบได้งา่ ยๆ จาเป็นจะตอ้ งอาศยั การค้นหาข้อมูลด้วยเคร่ืองมือค้นหาที่เรยี กวา่ Search Engine เขา้ มาช่วยเพอ่ื ความสะดวกและรวดเรว็ เวบ็ ไซตท์ ่ีใหบ้ รกิ ารค้นหาข้อมูลมมี ากมายหลายทท่ี ้งั ของ คนไทยและ ถา้ เราเปิดไปทีละหน้าจออาจจะต้องเสยี เวลาในการค้นหา และอาจหาข้อมลู ทเ่ี ราตอ้ งการไม่ พบ การทีเ่ ราจะคน้ หาขอ้ มูลใหพ้ บอย่างรวดเรว็ จึงต้องพึง่ พา Search Engine Site ซง่ึ จะทาหน้าที่รวบรวม รายชื่อเว็บไซตต์ ่างๆ เอาไว้ โดยจัดแยกเป็นหมวดหมู่ ผู้ใชง้ านเพียงแตท่ ราบหวั ข้อทต่ี ้องการคน้ หาแล้วป้อน คาหรอื ข้อความของหัวข้อน้ันๆ ลงไปในช่องท่กี าหนด คลิกป่มุ คน้ หา เท่านน้ั รอสกั ครขู่ อ้ มลู อย่างย่อๆ และ รายชอื่ เวบ็ ไซตท์ ีเ่ กี่ยวขอ้ งจะปรากฏใหเ้ ราเข้าไปศกึ ษาเพิ่มเติมได้ทันที การค้นหาขอ้ มูลมี 2 วิธี คอื • การคน้ หาในรูปแบบ Index Directory • การค้นหาในรูปแบบ Search Engine การคน้ หาในรปู แบบ Index Directory วธิ กี ารคน้ หาข้อมูลแบบ Index น้ีขอ้ มูลจะมีความเปน็ ระเบียบเรียบร้อยมากกว่าการค้นหาข้อมูลด้วย วิธีของ Search Engine โดยมันจะถูกคัดแยกข้อมูลออกมาเป็นหมวดหมู่ และจัดแบ่งแยก Site ต่างๆ ออก เป็นประเภท สาหรับวิธีใช้งาน คุณสามารถที่จะ Click เลือกข้อมูลที่ต้องการจะดูได้เลยใน Web Browser การคน้ หาในรปู แบบ Search Engine วิธีการอีกอย่างท่ีนิยมใช้การค้นหาข้อมูลคือการใช้ Search Engine ซ่ึงผู้ใช้ส่วนใหญ่กว่า 70% จะใช้ วิธีการค้นหาแบบน้ี หลักการทางานของ Search Engine จะแตกต่างจากการใช้ Indexลักษณะของมัน จะเป็นฐานขอ้ มูลขนาดใหญม่ หาศาลท่กี ระจัดกระจายอยู่ท่ัวไป บน Internet ไม่มีการแสดงข้อมูลออกมา เป็นลาดับขั้นของความสาคัญ การใช้งานจะเหมือนการสืบค้นฐานข้อมูล อ่ืนๆคือ คุณจะต้องพิมพ์คา สาคัญ(Keyword) ซึ่งเป็นการอธิบายถึงข้อมูลท่ีคุณต้องการจะเข้าไป ค้นหานั้นๆเข้าไป จากน้ัน Search Engine กจ็ ะแสดงขอ้ มลู และ Site ตา่ งๆท่ีเก่ียวข้องออกมา
43 อินเทอร์เนต็ การดาวน์โหลดข้อมลู การดาวน์โหลดประเภทไฟลข์ ้อมลู ❖ ไฟล์ข้อมูลประกอบดว้ ย ไฟล์โปรแกรม ไฟลเ์ กม และไฟล์ประเภทอนื่ ๆ อกี มากมาย ตวั อยา่ ง การดาวน์โหลดโปรแกรม Loy Dict.2005 จากเว็บไซต์ ww.kapook.com สามารถดาเนนิ การ ดาวนโ์ หลดได้ตามข้ันตอนต่อไปน้ี ➢ พิมพ์ ww.kapook.com ลงในชอ่ ง Address เลอื กโปรแกรมทต่ี ้องการดาวน์โหลด ➢ เมอ่ื ค้นหาโปรแกรมท่ตี อ้ งการดาวน์โหลดได้เรยี บร้อยแลว้ ภายในรายละเอียดของโปรแกรมจะแสดง ตาแหนง่ ของการดาวนโ์ หลดเพ่อื ใหผ้ ู้ใชค้ ลกิ เลือก และโปรแกรมจะทาการดาวนโ์ หลดทันที ➢ เม่ือคลิกที่ Download จะแสดงหน้าต่าง File Download เพ่ือให้เลือก ถ้าเราต้องการแค่เปิด ข้อมูลขึ้นมาดูเท่าน้ัน ให้เลือก Open แต่ถ้าต้องการบันทึกเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราด้วย ใหเ้ ลอื กSave ➢ เม่ือคลิกเลือกที่ Save เพ่ือบันทึกข้อมูลท่ีดาวน์โหลดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ส่ิงท่ี ตอ้ งการกาหนดตอ่ ไปคือ ตาแหนง่ ทจ่ี ะนาขอ้ มูลนไ้ี ปเกบ็ ไว้ในช่อง Save in : ➢ เริ่มทาการดาวน์โหลดข้อมูลมาเก็บไว้ในตาแหน่งที่กาหนดให้ โดยจะแสดงลักษณะสถานะของการ ดาวน์โหลดต้ังแต่เร่ิมตน้ จนกระทง่ั ดาวนโ์ หลดข้อมูลเสร็จท่ีหน้าตา่ ง File Download เมื่อดาวน์โหลดขอ้ มลู เสร็จเรียบรอ้ ยแล้ว ให้คลิกเลือกตรวจสอบ Open : เพื่อเปดิ ดขู อ้ มลู หรอื โปรแกรมที่ไดด้ าวนโ์ หลดไว้ Open Folder : เพอื่ เปดิ Drive และโฟลเดอรท์ ี่จดั เก็บขอ้ มลู Close : ปดิ หน้าตา่ งการดาวน์โหลด เมอื่ ดาวนโ์ หลดขอ้ มลู เสร็จเรยี บรอ้ ยแล้ว ก็สามารถนาข้อมลู เหลา่ น้นั ไปใชง้ านได้ในลาดับตอ่ ไป
44 อนิ เทอรเ์ นต็ การดาวน์โหลดประเภทรูปภาพ การดาวน์โหลดประเภทรูปภาพสามารถทาได้หลายกรณี เช่น บันทึกเป็นไฟล์ชนิดรูปภาพ บันทึก เปน็ ภาพ Background บนั ทึกเป็นภาพ Desktop Item เปน็ ต้น วธิ กี ารบันทึกรปู ภาพสามารถทาตามขนั้ ตอน ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. เมอื่ เราคลกิ รูปภาพแลว้ ปรากฏสัญลกั ษณน์ ้ี< แสดงว่าเราสามารถบนั ทึกได้ 2. หรือว่าเม่ือเราคลกิ รปู ภาพ Mouse ด้านขาวมือ จะปรากฏเมนขู ึ้น ใหเ้ ลอื กที่ Save Picture As: 3. จะปรากฏหน้าต่าง Save Picture เพ่ือกาหนด Drive และไฟลเดอร์ที่ Save in เพื่อบอกตาแหน่งท่ี ตอ้ งการบนั ทึกรปู ภาพ 4. กาหนดช่อื ของรูปภาพ 5. Save as type: คือนามสกุลของรูปภาพ 6. เมื่อต้องการารูปภาพไปเป็นภาพ Background บนหน้าจอของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เลือกที่ Set as Background 7. เม่ือเลือก Set as Desktop Item… จะปรากฏข้อความเพ่ือถามความแน่ใจ เพ่ือทารูปภาพเป็น Ihe Active Desktop ทปี่ รากฏบนหน้าจอ Desktop 8. เมื่อเลือกที่ E-mail picture จะเป็นการส่งรูปภาพต่อไปให้เพ่ือนทางอีเมล เพ่ือทาให้การส่งรูปภาพได้ รวดเรว็ ขนึ้ โดยคลิกท่ี Make all my picture smaller 9. แต่ถ้าต้องการให้รูปภาพมีขนาดเท่ากับขนาดของภาพจริง ให้คลิกท่ี keep the originals sizes โดยจะ ปรากฏหน้าตา่ ง Send picture via E-mail 10. จะปรากฏหนา้ ต่างเพ่ือใหก้ าหนดทอ่ี ยขู่ องผ้รู บั เพอื่ ส่งอีเมลไดท้ นั ที DOWN LOAD UP LOAD
45 อนิ เทอร์เน็ต จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Mail) คือ การส่งขอ้ ความหรือข่าวสารจากบุคคลหน่ึงไปยงั บุคคล อื่นๆ ผา่ นทางคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายเหมือนกบั การส่งจดหมาย แต่อยูใ่ นรูปแบบของสัญญาณ ขอ้ มูลท่ีเป็นอิเล็กทรอนิกส์ โดยเปล่ียนการนาส่งจดหมายจากบุรุษไปรษณียม์ าเป็ นโปรแกรม และเปล่ียน จากการใช้เส้นทางจราจรคมนาคมทวั่ ไปมาเป็ นช่องสัญญาณรูปแบบต่างๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย คอมพวิ เตอร์ ซ่ึงจะตรงเขา้ มาสู่ Mail Box ท่ีถูกจดั สรรใน Server ของผรู้ ับปลายทางทนั ที ❖ แนวทางการใช้งานจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ มขี ้นั ตอนดังนี้ • ผเู้ ขียนตอ้ งพมิ พอ์ ีเมลแอดเดรสของผทู้ ี่เราจะส่งไปในช่องสาหรับผรู้ ับ • กรณีท่ีตอ้ งการจะส่งอีเมลไปหาหลายๆคนในเวลาเดียวกนั ให้พิมพอ์ ีเมลแอดเดรสของคน เหล่าน้นั ในช่อง Cc: (Carbon Copy) คน่ั ดว้ ยเครื่องหมายเซมิโคลอน (;) จนครบตามจานวนท่ีตอ้ งการ • พิมพข์ อ้ ความท่ีเป็นหวั เรื่องในช่อง Subject ไมค่ วรส่งอีเมลแบบไมม่ ีชื่อเรื่องไป • พิมพข์ อ้ ความท่ีตอ้ งการส่งเม่ือพิมพข์ อ้ ความเสร็จแลว้ สามารถส่งอีเมลไดท้ นั ที โดยคลิก ท่ีป่ ุม Send ท้งั น้ีจะตอ้ งมีการเช่ือมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตเรียบร้อยแลว้ • หากตอ้ งการส่งขอ้ ความอื่นๆ ท่ีมีขนาดยาวหรือมีภาพประกอบซ่ึงทาจากโปรแกรมวาด ภาพ กส็ ามารถส่งไปพร้อมกบั อีเมลไดโ้ ดยใชว้ ธิ ีการแนบไฟล์ คลิกเมาส์ท่ีป่ ุม Attach ไปกบั อีเมลแนวทางการใชภ้ าษาเพ่อื การเขียนจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ไดด้ งั น้ี ❖ แนวทางการใช้ภาษาเพ่ือการเขยี นจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ได้ดังนี้ • เริ่มตน้ ดว้ ยการทกั ทาย เช่น สวสั ดีครับ สวสั ดีค่ะ • หากเป็นการส่งอีเมลถึงผรู้ ับในคร้ังแรก ควรแนะนาวา่ ตนเองเป็นใคร บอกชื่อ ชื่อ สถาบนั หรือท่ีทางาน และความเก่ียวขอ้ งกบั ผรู้ ับสาร • เขียนเน้ือหาใหต้ รงประเด็น • สรุปจบ ไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณในความช่วยเหลือ
แบบฝกึ หัดทา้ ยหนว่ ยท่ี 8 อนิ เทอรเ์ นต็ จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ี 1. การสบื คน้ ข้อมูลคอื อะไร 2. การค้นหาข้อมูลมกี ี่แบบ ได้แก่อะไรบา้ ง 3. วธิ กี ารอีกอย่างที่นยิ มใชก้ ารคน้ หาขอ้ มลู คือวธิ ใี ด 4.จงบอกความสาคัญของอินเทอร์เน็ต 5. จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Mail) คืออะไร
เฉลยแบบฝึกหดั ทา้ ยหนว่ ยท่ี 8 อินเทอร์เนต็ 1.ตอบ การทจ่ี ะคน้ หาข้อมูลจานวนมากมายอยา่ งนี้ไมอ่ าจจะคลิกเพ่ือคน้ หาข้อมลู พบ ได้งา่ ยๆ จาเปน็ จะตอ้ งอาศัยการคน้ หาขอ้ มลู ดว้ ยเครอ่ื งมือค้นหาทเี่ รียกว่า Search Engine เข้ามาชว่ ยเพอ่ื ความสะดวกและรวดเร็ว เวบ็ ไซตท์ ี่ให้บริการคน้ หาขอ้ มูลมมี ากมายหลายท่ีทั้งของคนไทยและ ถ้าเราเปิดไปทลี ะหน้าจออาจจะต้องเสียเวลาใน การคน้ หา 2.ตอบ มี2แบบ 1.การคน้ หาในรูปแบบ Index Directory 2. การค้นหาในรูปแบบ Search Engine 3.ตอบ การคน้ หาในรูปแบบ Search Engine 4.ตอบ ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตนั้นมีความสาคัญต่อชีวิตประจาวันของคนเราหลายๆด้าน ท้ังด้าน การศกึ ษา ด้านธรุ กิจและพาณชิ ย์ ด้านการบนั เทิง 5.ตอบ คอื การสง่ ข้อความหรือขา่ วสารจากบคุ คลหนง่ึ ไปยังบุคคลอนื่ ๆ ผา่ นทางคอมพิวเตอร์และ ระบบเครือข่ายเหมือนกบั การสง่ จดหมาย แต่อยใู่ นรปู แบบของสัญญาณข้อมูลท่ีเป็นอิเล็กทรอนิกส์ โดยเปลี่ยนการนาส่งจดหมายจากบุรุษไปรษณีย์มาเป็นโปรแกรม และเปลี่ยนจากการใช้เส้นทาง จราจรคมนาคมท่ัวไปมาเป็นช่องสัญญาณรูปแบบต่างๆ ที่เช่ือมต่อระหว่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึง่ จะตรงเข้ามาสู่ Mail Box ท่ถี กู จัดสรรใน Server ของผรู้ บั ปลายทางทันที
46 การประยุกต์ใชร้ ะบบสารสนเทศ การประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบสารสนเทศ ❖ ความสาคญั ของอนิ เทอรเ์ น็ต ในปจั จุบันอินเทอรเ์ น็ตนน้ั มคี วามสาคญั ต่อชีวติ ประจาวนั ของคนเราหลายๆด้าน ทัง้ ดา้ นการศึกษา ด้านธรุ กิจและ พาณชิ ย์ ด้านการบันเทงิ ➢ ดา้ นการศึกษา การใช้อินเทอรเ์ นต็ เพอื่ การสนบั สนนุ การศึกษา เป็นการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตในการติดตอ่ ส่ือสาร เพอื่ การส่งการบา้ น นัดหมาย อธิบารายละเอียด รวมท้ังแลกเปลยี่ นความคิดเห็นของคณาจารย์กับนกั เรียน และนกั เรยี นกบั นักเรียนด้วยกัน นอกจากน้ียังมรี ะบบการเรียนการสอนด้วยระบบออนไลน์ การเรียนออนไลน์ ค่อนขา้ งเปน็ ทีน่ ิยมมากในปจั จบุ ัน เพราะเปน็ การเรียนท่สี ะดวกสามารถเรยี นไดใ้ นเวลาที่ตอ้ งการ อีกทงั้ สามารถลดคา่ เลา่ เรยี นลงไปไดอ้ ย่างมาก และท้ังน้ีอนิ เทอร์เนต็ นนั้ ยังสามารถใชเ้ ปน็ แหล่งค้นคว้าหาข้อมูล เสมอื นเปน็ ห้องสมุดขนาดใหญพ่ ร้อมทั้งมีข้อมูลท่ีครอบคลมุ มที ้ังภาพ เสียง และภาพเคลอ่ื นไหว ➢ ด้านธรุ กิจและพาณชิ ย์ การใช้อินเทอร์เน็ตกบั งานธรุ กจิ ณิชย์น้ันช่วยให้สามารถตดั สนิ ใจซ้ือขายสินคา้ และ บรกิ ารไดอ้ ย่างรวดเร็วและสะดวก นบั ว่าเปน็ ตลาดที่กว้างขวางและมปี ระสิทธภิ าพในการตดิ ตอ่ ซื้อสนิ ค้าและ บรกิ าร เพราะคนเราสมัยนน้ี ยิ มความสะดวกสบายและรวดเร็วทันใจ ไม่วา่ จะอยทู่ ใ่ี ดบนโลกก็ตามกส็ ามารถ เปดิ เว็บไซต์เพื่อเลือกสินคา้ หรอื หาข้อมูลผลิตภัณฑ์ หรือแมก้ ระทงั่ ปรกึ ษาก็ไดฉ้ ับไว ➢ ด้านการบนั เทิง อินเทอร์เน็ตถอื วา่ เป็นแหล่งความบนั เทิงในอีกรปู แบบหนง่ึ เหมือนับการนง่ั ดูโทรทศั น์ ภาพยนตร์ อา่ นหนังสอื หรือบทความต่างๆ ซง่ึ สามารถจะดูหรือใช้งานทีไ่ หนเมอ่ื ไหรก่ ็ได้ตามต้องการ อินเทอรเ์ นต็ ต่อด้านบนั เทิงนน้ั ถือวา่ เปน็ ที่พกั ผ่อนหย่อนใจ สามารถคน้ คว้าวารสารท้ังหนงั สอื พมิ พ์ ข่าวสาร นยิ าย วรรณกรรมและอน่ื ๆผ่านระบบเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็ อกี ทัง้ สามารถฟังวทิ ยอุ อนไลน์ ดรู ายการ โทรทัศนร์ วมท้ังภาพยนตร์ทั้งเก่าและใหม่มาดูไดอ้ ีกดว้ ย
47 การประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบสารสนเทศ ลักษณะการใชง้ านคอมพิวเตอร์ ❖ คอมพิวเตอรส์ ว่ นบคุ คล (PC) ไมโครคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีมีขนาดเล็ก บางคนเห็นว่าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีใช้ งานส่วนบุคคล หรือเรียกว่า พีซี (Personal Computer : PC) สามารถใช้เป็นเครื่องต่อเชื่อมในเครือข่าย หรือใช้เป็นเครื่องปลายทาง (terminal) ซ่ึงอาจจะทาหน้าท่ีเป็นเพียงอุปกรณ์รับและแสดงผลสาหรับป้อน ข้อมูลและดูผลลัพธ์ โดยดาเนินการการประมวลผลบนเคร่ืองอ่ืนในเครือข่าย อาจจะกล่าวได้ว่า ไมโครคอมพิวเตอร์ คือเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีมีหน่วยประมวลผลกลางเป็นไมโครโพรเซสเซอร์ ใช้งานง่าย ทางานในลักษณะส่วนบุคคลได้ สามารถแบ่งแยกไมโครคอมพิวเตอรต์ ามขนาดของเครอ่ื งไดด้ ังนี้ • คอมพิวเตอรแ์ บบตัง้ โตะ๊ (desktop computer) เปน็ ไมโครคอมพวิ เตอร์ท่ีมขี นาดเลก็ ถูกออกแบบมาให้ ตัง้ บนโต๊ะ มีการแยกชิ้นส่วนประกอบเป็น ซีพียู จอภาพ และแผงแปน้ อักขระ • แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ (laptop computer) เป็นไมโครอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่วางใช้งานบนตักได้ จอภาพท่ีใช้เป็นแบบแบนราบชนิดจอภาพผนึกเหลว (Liquid Crystal Display : LCD) น้าหนักของ เครื่องประมาณ 3-8 กโิ ลกรัม • โน้ตบคุ๊ คอมพวิ เตอร์ (notebook computer) เปน็ ไมโครคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดและความหนามากกว่า แล็ปทอ็ ป นา้ หนักประมาณ 1.5-3 กโิ ลกรัม จอภาพแสดงผลเปน็ แบบราบชนิดมีท้ังแบบแสดงผลสีเดียว หรือแบบหลายสี โนต้ บุ๊คที่มขี ายทวั่ ไปมีประสทิ ธภิ าพและความสามารถเหมือน กบั แล็ปท็อป • ปาล์มท็อปคอมพิวเตอร์ (palmtop computer) เป็นไมโครคอมพิวเตอร์สาหรับทางานเฉพาะอย่าง เช่นเป็นพจนานุกรม เป็นสมุดจนบันทึกประจาวัน บันทึกการนัดหมายและการเก็บข้อมูลเฉพาะ บางอยา่ งทีส่ ามารถพกพาติดตัวไปมาได้สะดวก ❖ คอมพิวเตอรเ์ ครอื ขา่ ย คอมพิวเตอรเ์ ครอื ข่ายก่อใหเ้ กิดความสามารถในการปฎิบัติการร่วมกัน ซ่ึงหมายถึงการให้อุปกรณ์ทุกชิ้นที่ต่อ อยู่บนเครือข่ายทางานร่วมกันได้ทั้งหมดในลักษณะที่ประสานรวมกัน โดยผู้ใช้เห็นเสมือนใช้งานในอุปกรณ์ เดียวกัน จึงเป็นวิธีการในการนาเอาอุปกรณ์ต่างชนิดจานวนมาก มารวมกันเป็นเสมือนระบบเดียวกัน ทั้ง ๆ ท่อี ปุ กรณ์เหลา่ น้ันอาจจะมาจากตา่ งย่ีห้อ ตา่ งบริษทั กไ็ ด้
48 การประยุกตใ์ ช้ระบบสารสนเทศ การทางานของคอมพิวเตอร์ เพ่อื เปน็ การทาความเข้าใจเก่ยี วกับคอมพวิ เตอร์ใหม้ ากขนึ้ รวมทงั้ เปน็ การปูพน้ื ฐานในการศึกษา และแก้ไขปัญหา เรามาทาความเข้าใจกนั ดกี ว่าว่า คอมพวิ เตอร์ทางานได้อย่างไร มีส่วนประกอบอะไรเป็นตวั ทางาน การสั่งงานคอมพิวเตอรท์ าไดอ้ ยา่ งไร รวมทัง้ ที่เกบ็ ขอ้ มูลและโปรแกรมไวท้ ่ีไหน การทางานของคอมพิวเตอร์แบ่งการทางานได้เป็น 4 ส่วน ซึ่งไดแ้ ก่ รับคาส่งั เกบ็ ข้อมลู ประมวลผล และ แสดงผลลัพธ์ออกมาใหเ้ หน็ • รบั ขอ้ มลู เขา้ (Input Device)เรียกอีกอยา่ งหนงึ่ ว่า อุปกรณ์อนิ พุท ใชส้ าหรบั ในการสัง่ งาน คอมพวิ เตอร์ เชน่ เมาส์ คยี ์บอรด์ โมเดม็ จอยสติก แสกนเนอร์ เปน็ ตน้ • ประมวลผล (Processing Device) อปุ กรณ์ทท่ี าหนา้ ทีป่ ระมวลผลข้อมลู คือ CPU (Central Processing Unit) ซ่ึงทาหน้าท่ีคล้าย ๆ กับ \"สมอง\" สาหรับ CPU ที่หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยนิ ช่อื มาแลว้ เช่น Intel, ADM, Cyrix เปน็ ต้น • เก็บข้อมลู (Storage Device) อุปกรณท์ ่ีทาหนา้ ที่เก็บข้อมูล และเป็นเคร่อื งชว่ ยในการ บนั ทกึ ขอ้ มูล เชน่ ฮาร์ดดิสก์ ฟลอปปดี ิสก์ เทปไดรฟ์ ซดี รี อมไดรฟ์ , zip disk, MO, PD, DVD เป็นตน้ • แสดงผลลัพธ์ (Output Device) เรียกอีกอย่างหน่ึงว่า อุปกรณ์เอาต์พุต ทาหน้าที่ แสดงผลลัพธ์ออกมา เช่น แสดงบนจอภาพ หรือพิมพ์สู่กระดาษ รวมท้ังเสียงท่ีขับ ออกมาจากลาโพง เป็นตน้ ❖ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
49 การประยุกตใ์ ชร้ ะบบสารสนเทศ การเลอื กซ้อื อุปกรณค์ อมพวิ เตอรเ์ พื่อนามาใชง้ าน สาหรับผู้เริ่มใช้คอมพิวเตอร์ ไม่ควรซื้ออุปกรณ์มาประกอบเคร่ืองคอมพิวเตอร์เอง ควรเลือกเครื่อง คอมพวิ เตอร์ทจ่ี ดั ขายเป็นชดุ สาเรจ็ รูปแลว้ และเลอื กซอื้ จากบริษัท, หา้ งรา้ นที่เชอ่ื ถือได้ ➢ ซีพียู เป็นอุปกรณ์ท่ีมีความสาคัญที่สุดและเป็นปัจจัยแรกในการพิจารณาเม่ือคิดที่จะซ้ือหรือประกอบ คอมพิวเตอร์ เน่ืองจากมีผลต่อการเลือกซื้ออุปกรณ์อ่ืน เช่น เมนบอร์ด เป็นต้น ในการเลือกซ้ือซีพียู สามารถพิจารณาไดจ้ ากหลายปัจจัย เช่น บรษิ ัทผู้ผลติ ความเร็วซพี ียู แคช ความเร็วบสั เปน็ ตน้ ➢ เมนบอร์ด (mainboard) หรืออาจเรียกว่า มาเธอร์บอร์ด หรือโมโบ(motherboard: mobo) เป็น แผงวงจรหลักของคอมพิวเตอร์ โดยท่ัวไปจะประกอบไปด้วยช่องติดต้ังซีพียู ไบออส ชิปเซ็ต ช่อง สาหรับติดตั้งหน่วยความจาสายสัญญาณและบัสต่างๆขั้วต่อสาหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมภายใน เช่น ฮารด์ ดสิ ก์ ซีดีไดรฟ์ และพอร์ตต่ออปุ กรณ์รอบข้าง เชน่ เมาส์ และ คยี ์บอร์ด ➢ แรม ในการเลือกซ้ือแรมเพ่ือนามาใช้งานกับพีซี มักจะเป็นแรมชนิดดีดีอาร์เอสดีแรม(Double Data Rate Synchronous Dynamic RAM : DDR SDRAM) ซ่ึงจะต้องพิจารณาประเภทของแรมให้ตรงกับ สล็อตหนว่ ยความจาบนเมนบอร์ด และสิ่งที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไปควรให้ความสาคัญในลาดับต่อมาคือ ขนาดความจุ และความเร็ว ซง่ึ เป็นปจั จยั สาคัญท่ตี อ้ งนามาพิจารณาดว้ ย ➢ ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้ใน PC โดยท่ัวไปคือ ฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิว้ สาหรบั ฮาร์ดดิสกข์ นาด 2.5 และ 1.8 นว้ิ นนั้ นิยมใชใ้ น Notebook ➢ การ์ดแสดงผล (Display card, Graphics card หรือ Video card) ทาหน้าท่ีแปลงข้อมูล Digital มาเป็นสัญญาณที่ส่งไปที่จอภาพ การ์ดแสดงผลอาจอยู่ในรูปแบบการ์ดหรืออาจติดต้ังมาบนเมนบอร์ด แลว้ ในการเลอื กซื้อการด์ ประมวลผลจะมปี ัจจัยทใ่ี ช้ในการเลือกซื้อ ➢ ออปติคัลดิสท์ไดร์ฟ (Optical Disk Drive) เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องควรมี เนื่องจาก CD/DVD มรี าคาถูกลงมากและนิยมใช้กันมากขึน้ ด้วย ➢ เคส (Case) โดยท่ัวไปมักมีลักษณะเป็นกลอ่ งสเี หลีย่ ม ทาหนา้ ทีเ่ ป็นโครงยดึ ให้อปุ กรณ์ภายในต่าง ๆ ท่ี ประกอบกนั เป็นเคร่อื งคอมพิวเตอร์ ทัง้ เมนบอร์ด ฮารด์ ดสิ ก์ แหล่งจา่ ยไฟ เปน็ ต้น ➢ จอภาพ (Monitor) ทีพ่ บมอี ยู่ 2 ประเภทคือจอแบบ CRT และจอแบบ LCD ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้จอ แบบ LCD เป็นหลักเพราะมีราคาถูก ถนอมสายตา ประหยัดพลังงาน และใช้พ้ืนที่ในการจัดวางน้อย ปัจจัยในการเลือกซื้อจอภาพ เช่น ความละเอียดของภาพ (Resolution), ขนาด (Size) ขนาดของ จอภาพจะวดั เป็นแนวทแยงมุม
50 การประยุกต์ใชร้ ะบบสารสนเทศ การตดิ ตงั้ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ การติดต้ังระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้คอมพิวเตอร์สามารถใช้ข้อมูล หรือทรัพยากรร่วมกันได้ตลอดจนประโยชน์ด้านอื่นๆ ซ่ึงระบบเครือข่ายส่วนใหญ่จะเป็นระบบ เครือข่ายอีเทอรเ์ นต็ แบบสตาร์ทางานในลกั ษณะเวิร์คกรุป๊ โดยใชโ้ พรโตรคอล TCP/IP เป็นหลัก การ ทางานบนโพรโตรคอล TCP/IP จะต้องกาหนด IP Address เป็นหมายเลขประจาให้กับเครื่อง คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ บนเครือข่าย โดยหมายเลขท่ีกาหนดจะต้องไม่ซ้ากัน รายละเอียด ดงั นี้ ❖ ไอพีแอดเดรส (IP Address) ไอพีแอดเดรสเป็นหมายเลขประจาเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เช่ือมต่อ อยู่ใน เครือข่าย เพื่อใช้ระบุท่ีอยู่หรือตาแหน่งของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โดยไม่ซ้ากัน ทาให้ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สามารถติดต่อส่ือสารหรือรับส่งข้อมูลได้ ไอพีแอดเดรสมีลักษณะเป็น ตวั เลข 4 กลุ่มแต่ละกลุ่มจะค่ันด้วยเคร่ืองหมายจุด (.) เช่น 192.160.1.22 ไอพีแอดเดรส เปรียบได้ กับเลขท่ีบ้าน ซึ่งบ้านแต่ละหลังจะต้องมีเลขท่ีบ้านไม่ซ้ากัน สาหรับมาตรฐานการกาหนด ไอพี แอดเดรสจะมีหน่วยงานกลางคือ InterNIC (Inter Network Information Center) ทาหน้าที่ จัดสรรไอพีแอดเดรสให้กับผู้ใช้ท่ัวโลก ไอพีแอดเดรสในปัจจุบันยังคงใช้เวอร์ช่ัน 4 แต่ในอนาคตจะ นาเวอรช์ ่ัน 6 มาใชเ้ รยี กวา่ Ipv6 ตามปกตสิ าหรับผ้ใู ชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ตามบ้านท่ัวไปจะได้ไอพีแอดเดรส ก็ต่อเมื่อใชโ้ มเดม็ เช่ือมต่อไปยังผ้ใู ห้บริการอินเทอรเ์ น็ตหรอื ISP ซง่ึ จะได้ไอพีแอดเดรสมาใช้ชั่วคราว 1 หมายเลข ทใ่ี ช้ไดจ้ ริงบนอนิ เทอร์เนต็ (Public IP Address)
51 การประยกุ ต์ใชร้ ะบบสารสนเทศ การติดต้งั เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ❖ การแบ่งซับเน็ต ในการใช้งานจริงบนระบบเครือข่าย บางคร้ังอาจต้องแบ่งเครือข่ายออกให้เป็ น เครือข่ายยอ่ ย เพ่อื เพิ่มความปลอดภยั ของขอ้ มูลที่ส่งผา่ นระบบเครือ ข่าย และป้องกนั ไม่ให้ขอ้ มูลถูกส่งไปยงั หน่วยงานอื่น หรือลดการกระจายขอ้ มูลใน เครือข่ายให้นอ้ ยลง (Broadcast) เช่น ถา้ ไดร้ ับไอ พีแอดเดรสคลาส C ชุด 192.168.1.0 มาจากผูใ้ หบ้ ริการอินเทอร์เน็ต และกาหนดใหก้ บั คอมพิวเตอร์ในองคก์ ร ประกอบดว้ ยแผนกบญั ชีที่มีคอมพิวเตอร์จานวน 20 เคร่ือง แผนกบุคคลมี คอมพวิ เตอร์ จานวน 10 เคร่ือง โดยเราจะแจกจ่ายไอพีแอดเดรสให้กบั แต่ละแผนกในลกั ษณะที่จะ แยกเครือข่ายออกจากกนั ซ่ึงแน่นอนวา่ ไอพแี อดเดรสคลาส C ที่ไดน้ ้นั ไม่เพียงพอท่ีจะ แจกให้กับ คอมพิวเตอร์ในองค์กร (คือใช้ได้ต้ังแต่หมายเลข 192.168.1.1 ถึง 192.168.1.254) แต่จุดประสงค์ คือตอ้ งการจะแยกเครือข่ายออกอย่างชดั เจน ดงั น้นั จึง ตอ้ งมีการแบ่งเครือข่ายโดยใชก้ ารแบ่งไอพี แอดเดรสในคลาสเดียวกนั ออก เรียกว่าการ แบ่งซบั เน็ต โดยมีวธิ ียมื ค่าบิตของ Host ID มาทาเป็น ซบั เน็ต ส่วนสิ่งท่ีตามมา ภายหลงั แบ่งซับเน็ตคือตวั เลขซบั เน็ตมาสกจ์ ะเปล่ียนไปเพราะขนาดของ เครือข่ายถูก แบ่งออกตวั อยา่ งการแบ่งซบั เน็ตของไอพีแอดเดรสหมายเลขเครือข่าย 192.168.1.0 ได้ ในตาราง
52 การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศ การเลือกประเภทของเครือข่าย ระบบเครอื ข่ายเป็นระบบสอื่ สารขอ้ มลู ที่ถกู ออกแบบใหม้ กี ารใช้ทรพั ยากรเครือขา่ ยรว่ มกนั ทงั้ นเ้ี ปน็ เพราะอปุ กรณ์ฮาร์ดแวรท์ ผ่ี ใู้ ช้หลายๆ คน สามารถใช้ร่วมกนั ในระบบเครอื ขา่ ยรวมทั้งซอฟต์แวร์ ที่มรี าคาแพง ซง่ึ สามารถใชห้ ลายๆ คนพร้อมกันได้ หรอื เม่อื มีความตอ้ งการทจ่ี ะโอนถ่ายแฟม้ ข้อมูลของผู้ใชร้ ะบบเครือขา่ ย โดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ สามารถจาแนกได้หลายวธิ ี ขึน้ อยู่กับเกณฑ์ทใ่ี ช้ ได้แก่ ขนาดกายภาพทางภมู ิศาสตร์ ของเครือขา่ ย ขนาดกายภาพทางภูมศิ าสตร์ของเครือขา่ ยเป็นเกณฑ์ แบง่ ออกไดเ้ ปน็ 3 ประเภทดังนี้ 1. เครือขา่ ยทอ้ งถ่นิ (LAN: Local Area Network) 2. เครอื ขา่ ยในเขตเมือง (MAN: Metropolitan Area Network) 1.1.3 เครอื ขา่ ยบริเวณกวา้ ง (WAN: Wide Area Network)
53 การประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบสารสนเทศ การเลือกประเภทของเครือข่าย ลกั ษณะหนา้ ทก่ี ารทางานของคอมพิวเตอร์ในเครือขา่ ยเป็นเกณฑ์ สามารถแบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ประเภทดังนี้ 1. เครือขา่ ยแบบเทา่ เทียม (Peer-to-Peer Network) Client 2. เครอื ข่ายแบบผใู้ ชบ้ ริการและผู้ใหบ้ รกิ าร (Client-Server Network)
54 การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศ การเลือกประเภทของเครอื ข่าย ระดับความปลอดภยั ของข้อมลู เป็นเกณฑ์ สามารถแบง่ ไดด้ ังน้ี คือ 1 เครือขา่ ยสาธารณะ (Internet) 2 เครือขา่ ยส่วนบุคคล (Intranet) 3 เครือขา่ ยร่วม (Extranet)
55 การประยกุ ต์ใชร้ ะบบสารสนเทศ ซอฟตแ์ วร์ Software (ซอฟตแ์ วร์) เป็นองคป์ ระกอบของคอมพิวเตอร์ที่เราไม่สามารถสัมผัสจับต้องได้ โดยตรง เป็นชุดคาสง่ั หรอื โปรแกรม (Program) ทเี่ ขยี นขึ้นเพอ่ื ใหค้ อมพวิ เตอรท์ างาน ซอฟต์แวรจ์ งึ เป็นเสมือนตัวเช่อื มระหว่างผู้ใชง้ านกับคอมพิวเตอรใ์ ห้สามารถเข้าใจกนั ได้ ซอฟต์แวรแ์ บ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ซอฟต์แวรร์ ะบบ 2. ซอฟต์แวรป์ ระยุกต์ ❖ ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software หรือ Operating Software : OS)หมายถึงโปรแกรม ที่ทาหน้าทปี่ ระสานการทางาน ตดิ ต่อการทางาน ระหวา่ งฮารด์ แวร์กับซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ เพอื่ ใหผ้ ู้ใชส้ ามารถใช้ Software ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ และทาหน้าที่ในการจัดการ ระบบ ดแู ลรกั ษาเครอื่ ง การแปลภาษาระดบั ต่าหรือระดบั สูงให้เป็นภาษาเคร่ืองเพ่อื ใหเ้ ครื่องอา่ นได้ เขา้ ใจ ซอฟตแ์ วร์ระบบ แบง่ ได้ 4 ชนดิ ดงั น้ี ➢ ระบบปฏิบตั ิการ (Operating System) หมายถึง ชุดโปรแกรมทอ่ี ยู่ระหว่างฮาร์ดแวรแ์ ละ ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์มีหนา้ ทค่ี วบคุมการปฏิบตั ิงานของ ฮาร์ดแวร์ ➢ ยทู ิลิต้ี (Utility Program) เป็นโปรแกรมที่ทาหนา้ ทีเ่ พิ่มประสิทธภิ าพของเครือ่ งคอมพิวเตอร์ ทาใหเ้ ครื่องทางานง่ายขึน้ เรว็ ขึ้น ➢ ดีไวซ์ไดเวอร์ (Device Driver หรอื Driver) เป็นโปรแกรมที่ทาหนา้ ที่ติดต่อกบั คอมพิวเตอร์ใน สว่ นการรบั เขา้ และการส่งออก ของแต่ละอุปกรณ์ ➢ ตัวแปลภาษา (Language Translator) คือโปรแกรมท่ีทาหน้าทแ่ี ปลภาษาระดบั ต่าหรอื ระดบั สูงเพอ่ื ใหเ้ ครอื่ งคอมพิวเตอร์เข้าใจว่าตอ้ งการใหท้ าอะไร
56 การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศ ซอฟตแ์ วร์ ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ต์ ❖ ซอฟต์แวรป์ ระยุกต์ ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ตเ์ ปน็ โปรแกรมท่ีใช้สาหรับทางานต่าง ตามที่ต้องการ เช่น การทางานเอกสาร งานกราฟิก งานนาเสนอ หรือเปน็ Software สาหรบั งานเฉพาะด้าน เชน่ โปรแกรมงานทะเบียน โปรแกรมการให้บริการ เว็บ โปรแกรมงานด้านธนาคาร ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ตแ์ บง่ เป็น 2 ประเภท ดงั นี้ ➢ ซอฟแวร์สาหรับงานเฉพาะด้าน คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้สาหรับทางานเฉพาะด้าน เช่น ซอฟต์แวร์สาหรับ งานทะเบยี นนกั เรยี น ➢ ซอฟแวร์สาหรับงานทั่วไป คือ ซอฟต์แวร์ท่ีใช้สาหรับงานท่ัวไป โดยซอฟต์แวร์ 1 ตัวสามารถทางานได้ หลายอยา่ ง เชน่ Microsoft Word
แบบฝกึ หัดท้ายหนว่ ยที่ 9 การประยุกตใ์ ชร้ ะบบสารสนเทศ 1.คอมพิวเตอรเ์ ครอื ขา่ ย คืออะไร 2. ขนาดกายภาพทางภมู ศิ าสตรข์ องเครือขา่ ยเปน็ เกณฑ์ แบ่งออกได้ก่ีประเภท 3. ลกั ษณะหนา้ ท่กี ารทางานของคอมพิวเตอรใ์ นเครอื ข่ายเปน็ เกณฑ์ สามารถแบ่งได้ กป่ี ระเภท 4. Software (ซอฟตแ์ วร)์ คอื อะไร 5. ซอฟต์แวร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท มีอะไรบ้าง
เฉลยแบบฝึกหดั ท้ายหนว่ ยท่ี 9 การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศ 1. ตอบ คอมพิวเตอร์เครือข่ายก่อให้เกิดความสามารถในการปฎิบัติการร่วมกัน ซึ่ง หมายถึงการให้อุปกรณ์ทุกชิ้นท่ีต่อ อยู่บนเครือข่ายทางานร่วมกันได้ทั้งหมดใน ลักษณะที่ประสานรวมกัน โดยผู้ใช้เห็นเสมือนใช้งานในอุปกรณ์ เดียวกัน จึงเป็น วิธีการในการนาเอาอุปกรณ์ต่างชนิดจานวนมาก มารวมกันเป็นเสมือนระบบ เดียวกัน ทง้ั ๆ ทีอ่ ุปกรณ์เหล่านั้นอาจจะมาจากตา่ งยีห่ อ้ ต่างบรษิ ทั ก็ได้ 2. ตอบ 3 ประเภท 3. ตอบ 2 ประเภท 4. ตอบ คือเป็นองค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ที่เราไม่สามารถสัมผัสจับต้องได้ โดยตรง เป็นชุดคาส่ังหรือโปรแกรม (Program) ท่ีเขียนข้ึนเพ่ือให้คอมพิวเตอร์ ทางาน ซอฟต์แวรจ์ งึ เปน็ เสมือนตวั เชอื่ มระหวา่ งผู้ใชง้ านกับคอมพิวเตอร์ให้สามารถ เข้าใจกันได้ 5. ตอบ 1. ซอฟต์แวรร์ ะบบ 2. ซอฟต์แวรป์ ระยุกต์
57 การประยุกตใ์ ชร้ ะบบสารสนเทศ เอกสารอ้างองิ • ธนชีพ พีระธรณิศร และไชยเจริญ ย่ังยืน. คอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น (20002001) หมวดวิชาชีพพื้นฐาน ปวช. กรมอาชีวศึกษา. กรงุ เทพฯ : ประสานมติ ร, 2542. • ธงชยั สทิ ธกิ รณ.์ ทฤษฎีระบบคอมพิวเตอร์. พมิ พค์ ร้ังท่ี 2. กรงุ เทพฯ : สยามสปอร์ต ซินดิเคท, 2542 • นิชรัตน์ ราชบรุ .ี (2545). คอมพิวเตอร์เบอื้ งตน้ และอินเทอรเ์ น็ต. กรุงทพฯ : ครุ สุ ภา. • นฤชิต แววศรีผอง และรุ่งทิวา ศิรินารารัตน์. คอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น (เล่ม1). กรุงเทพฯ : ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2542. • พนิดา พานิชกุล. (2548). เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology). กรุงเทพฯ : เคทีพี คอมพ์อแนด์คอนซัลท.์ • มูล และสุพรรษา ยวงทอง. (2552). ความรู้เบื้องต้นเก่ียวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ. กรงุ เทพฯ : โปรวิชน่ั . • ลาร.ี่ เทคโนโลยคี อมพิวเตอรแ์ ละสารสนเทศ. กรงุ เทพฯ : เพียร์สัน เอ็ดดเู คชัน่ อนิ โดไชน่า, 2543.วิโรจน์ ชัย • วิเศษศกั ดิ์ โคตรอาษา. เทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อการเรียนรู้. กรงุ เทพฯ : เธริ ด์ เวฟ เอด็ ดูเคช่ัน, 2542 • อนริ ทุ ธิ์ รชั ตะวราห์ และ วศนิ เพ่ิมทรัพย์. ผาคอมพิวเตอร์. กรุงเทพฯ : โปรวิชน่ั , 2543
Search