Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานเรื่องตานก๋วยสลากจังหวัดลำพูน

โครงงานเรื่องตานก๋วยสลากจังหวัดลำพูน

Published by pee_sak, 2022-03-11 01:54:05

Description: รายวิชาประวัติศาสตร์ม.5 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา2564

Search

Read the Text Version

รายงานโครงงานวชิ าประวตั ิศาสตร์ เรื่อง ประเพณตี านก๋วยสลากของจงั หวดั ลาพูน รายงานนีเ้ ป็ นส่วนหนึ่งของการศึกษาวชิ าประวตั ิศาสตร์ รหสั ส 32104 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี5 ภาคเรียนท่ี 2 ปี การศึกษา2564 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 26 จงั หวดั ลาพูน

รายงานโครงงานวชิ าประวตั ิศาสตร์ เรื่อง ประเพณีตานก๋วยสลากของจังหวดั ลาพูน โดย เลขที่ 9 ช้ัน ม.5/3 1.นางสาวธนาภรณ์ สุขปิ ง เลขท่ี 12 ช้ัน ม.5/3 2.นางสาวภทั รภรณ์ ขดั ธินนท์ เลขท่ี 15 ช้ัน ม.5/3 3.นายเจษฎา จนั ทิมา เลขที่ 22 ช้ัน ม.5/3 4.นางสาวปัญญาพร จันตา เลขที่ 27 ช้ัน ม.5/3 5.นางสาวดรุณี เหลยี่ มบริสุทธ์ิ คุณครูท่ีปรึกษาโครงงาน 1.คุณครูพรี วุฒิ วงค์ตันกาศ 2.คุณครูองั คณา ปันทวงั เสนอ ครูพรี วุฒิ วงค์ตันกาศ รายงานนเี้ ป็ นส่วนหนึ่งของการศึกษาวชิ าประวตั ิศาสตร์รหัส ส 32104 ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา2564 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 26 จงั หวดั ลาพูน สานกั บริหารงานการศึกษาพเิ ศษ สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ

บทคดั ย่อ โครงงานฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าประวตั ิศาสตร์ โดยมีจุดประสงคเ์ พ่อื การศึกษา ประวตั ิความเป็นมาของประเพณีตานก๋วยสลากหรือสลากภตั ของจงั หวดั ลาพนู และเพอื่ ศึกษาข้นั ตอนวธิ ี ทาก๋วยสลาก หรือ ชะลอม ความรู้ความเขา้ ใจในเก่ียวกบั ประวตั ิความเป็นมาของประเพณีตานสลากและ ศึกษาวิธีทาคณะผจู้ ดั ทาไดเ้ ลือกหวั ขอ้ เรื่องประวตั ิความเป็นมาของประเพณีตานก๋วยสลากการทารายงาน เนื่องมาจากเป็นเรื่องที่มีความสาคญั และทุกคนตอ้ งมีความตระหนกั ในการเตรียมความพร้อมดา้ น การศึกษาหาความรู้ดา้ นประวตั ิความเป็นมาของประเพณีตานก๋วยสลาก ศึกษาพิธีตานก๋วยสลาก ความสาคญั ตา่ งๆของประเพณีตานก๋วยสลาก จากการคน้ หาขอ้ มูลคณะผจู้ ดั ทาไดม้ ีความรู้ความเขา้ ใจ ประวตั ิและความเป็นมาของประเพณีตานก๋วยสลากเป็นอยา่ งมาก คณะผจู้ ดั ทาไดด้ าเนินการศึกษาโดยสืบหาขอ้ มูลจากหอ้ งสมดุ และเวบ็ ไซตอ์ ินเตอร์เน็ตที่มี ความน่าเช่ือถือ ซ่ึงมีเร่ืองราวท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ประวตั ิและความเป็นมาของประเพณีตานก๋วยสลาก จากการศึกษาในเร่ืองประวตั ิและความเป็นมาประเพณีตานก๋วยสลากทาใหไ้ ดเ้ ขา้ ใจเกี่ยวกบั ประวตั ิความเป็นมาของประเพณีตานก๋วยสลากและวิธีการทาก๋วยสลาก ไดป้ ระสบการณ์จากการทางาน เป็นหมคู่ ณะ และหวงั เป็นอย่างยงิ่ วา่ โครงงานฉบบั น้ีจะมีประโยชน์แก่ผพู้ บเห็นเป็นอยา่ งมาก

กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานเร่ืองน้ีสาเร็จลุลว่ งไดด้ ว้ ยความกรุณาจากคณุ ครูพีรวฒุ ิ วงคต์ นั กาศ คณุ ครูที่ปรึกษา โครงงานท่ีไดใหค้ าเสนอแนะ แนวคดิ ตลอดจนแกไ้ ขขอ้ บกพร่องต่างๆ มาโดยตลอด จนโครงงานเรื่องน้ี เสร็จสมบรู ณ์ ผศู้ ึกษาจึงขอกราบพระคุณเป็นอยา่ งสูง ขอกราบขอบพระคุณคุณครูประจาช้นั คณุ ครูที่ปรึกษา ท่ีไดใ้ หค้ าปรึกษาในเร่ืองต่างๆ รวมท้งั เป็นกาลงั ใจท่ีดีเสมอมา ขอบคณุ คณุ ครูผคู้ วบคมุ หอ้ งคอมพิวเตอร์ที่ไดส้ ละเวลาใหท้ างานโครงงาน เสียสละหอ้ ง คอมพิวเตอร์และขอบคณุ หอ้ งสมดุ ที่เปิ ดใหบ้ ริการในการหาขอ้ มูลต่าง ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยใหค้ าแนะนาดีๆ เก่ียวกบั การเลือกคา และเกี่ยวกบั โครงงานเรื่องน้ี ใหค้ วามร่วมมือในการทางาน มีความสามคั คใี นการทางานตลอดระยะเวลาท่ีปฏิบตั ิงาน การทาโครงงาน เร่ืองประเพณีทานก๋วยสลาก จนทาใหโ้ ครงงานสาเร็จลลุ ว่ งไปดว้ ยดี คณะผู้จัดทา น.ส.ธนาภรณ์ สุขปิ ง น.ส.ภทั รภรณ์ ขดั ธินนท์ นายเจษฎา จนั ทิมา น.ส.ปัญญาพร จนั ตา น.ส.ดรุณี เหล่ียมบริสุทธ์ิ

คานา รายงานเลม่ น้ีจดั ทาข้ึนเพื่อเป็นส่วนหน่ึงของวิชาประวตั ิศาสตร์ ส 32103 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 5 เพ่อื ใหไ้ ดศ้ ึกษาหาความรู้ในเรื่อง “ประเพณีการตานก๋วยสลาก” และไดศ้ ึกษาอยา่ ง เขา้ ใจเพื่อเป็นประโยชนก์ บั การเรียนผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงานเล่มน้ีจะเป็นประโยชนก์ บั ผูอ้ ่าน หรือนกั เรียน นกั ศึกษา ที่กาลงั หาขอ้ มูลเร่ืองน้ีอยู่ หากมีขอ้ แนะนาหรือขอ้ ผิดพลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอนอ้ มรับไว้ และขออภยั มา ณ ที่น้ีดว้ ย คณะผู้จดั ทา น.ส.ธนาภรณ์ สุขปิ ง น.ส.ภทั รภรณ์ ขดั ธินนท์ นายเจษฎา จนั ทิมา น.ส.ปัญญาพร จนั ตา น.ส.ดรุณี เหลี่ยมบริสุทธ์ิ

สารบัญ หน้า เร่ือง ก ข บทคดั ย่อ ค กติ ตกิ รรมประกาศ ง คานา 1 สารบัญ 1 บทที่ 1 บทนา 4 5 ท่มี าและความสาคญั 6 วัตถปุ ระสงค์ของโครงงาน 7 บทที่ 2 เอกสารท่เี กย่ี วข้อง 7 เร่ืองท่ี 1 การทาบญุ ในพระพทุ ธศาสนา 10 เรื่องท่ี 2 การทาทาน 4 ประการ 10 เรื่องที่ 3 การทาสังฆทาน 12 บทท่ี 3 วธิ ีดาเนินการโครงงาน 14 1. ข้นั ตอนทางประวตั ศิ าสตร์ท้งั 5 ข้นั ตอน 14 2. ตารางปฏิบตั งิ านระหว่าง 17 บทท่ี 4 ผลการดาเนนิ งานโครงงาน 18 1.ประเพณีทานสลาก 20 1.1 การเตรียมงานควรวางแผนดาเนนิ งาน 1.2 ค่านิยมในการกนิ สลาก 20 2.ข้นั ตอนพธิ ีตานก๋วยสลาก 21 2.1 วันดา 22 2.2วันตาน 24 2.3การเขยี นเส้นสลาก 25 2.4 การสูนเส้นสลาก 2.5 การถวายสลากภตั ร

3.วิธีการทาก๋วยสลาก 26 บทที่ 5 สรุป อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ 28 สรุปผล 28 ข้อเสนอแนะ 28 29 บรรณานุกรม 30 ภาคผนวก 31 1. เค้าโครง โครงงาน

บทที่ 1 บทนา 1. ทมี่ าและความสาคัญ ความเชื่อเก่ียวกบั ประเพณีในพระพทุ ธศาสนาท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การทาบุญและถวายทาน ประเพณีการใหท้ านในแต่ละพ้นื ท่ีจะแตกต่างกนั ออกไป แต่ละพ้ืนที่จะมีประเพณีการใหท้ านท่ีเป็น เอกลกั ษณ์ ทาใหท้ กุ คนมารวมตวั กนั มีความสามคั คชี ่วยเหลือกนั เป็นประเพณีท่ีไม่เจาะจงผคู้ น สามารถ ร่วมงานไดห้ ลากหลายกลุม่ บคุ คล ตามหลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา ทาน ศีล ภาวนา นน่ั กค็ อื การให้ ทาน ทาน คอื เครื่องแสดงน้าใจของมนุษยผ์ มู้ ีจิตใจสูง มีเมตตาจิตตอ่ เพื่อนมนุษยแ์ ละสตั วด์ ว้ ยการ ให้ การเสียสละแบ่งปัน มากนอ้ ยตามกาลงั ของวตั ถุเคร่ืองสงเคราะหท์ ี่มีอยู่ จะเป็นวตั ถทุ าน ธรรมทาน หรือวิทยาทาน เพ่ือสงเคราะหผ์ อู้ ื่นโดยไมห่ วงั ส่ิงตอบแทนใดๆ นอกจากกุศล คือ ความดีที่ไดจ้ ากทานน้นั เป็นส่ิงตอบแทนที่เจา้ ของทานไดร้ ับอยโู่ ดยดีเทา่ น้นั อภยั ทานควรให้แก่กนั เมื่ออีกฝ่ายหน่ึงผดิ พลาดหรือ ล่วงเกิน คนท่ีมีทานยอ่ มเป็นผสู้ ง่างาม และเด่นในปวงชน เป็นที่รักและเคารพในหมู่ชน จะตกอยู่ ทิศทางใดไมอ่ ดอยากขาดแคลน จะมีส่ิงหรือผูอ้ ุปถมั ภจ์ นได้ ไมอ่ บั จนทนทุกข์ ผมู้ ีทานประดบั ตนย่อมไม่ เป็นคนลา้ สมยั บคุ คลทุกช้นั ไม่รังเกียจ ผทู้ ่ีมีทานยอ่ มเป็นผอู้ บอนุ่ หนุนโลกใหช้ ุ่มเยน็ การเสียสละจึงเป็นเครื่องค้าจุนโลก การ สงเคราะห์กนั ทาให้โลกมีความหมายตลอดไป ไมเ่ ป็นโลกที่ไร้ชาติขาดกระเจิง เหลือแตซ่ าก แผน่ ดินไม่ แหง้ แลง้ แข่งกบั ทุกขต์ ลอดไป คาวา่ \"บญุ ” หมายถึงการชาระหรือลา้ งจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิ ผอ่ งใส ไม่วา่ จะเป็นการทาบญุ ใน งานมงคล หรืออวมงคล ถา้ จะทาใหถ้ กู ตอ้ งและไดผ้ ลดี ควรเป็นเร่ืองของการทาจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิสะอาด ไม่ใช่ทาดว้ ยความโลภ ความโกรธ หรือ ความหลง

การ \"ทาบญุ ” ในทางพุทธศาสนาไมไ่ ดม้ ีเพยี งการใหเ้ งินใหท้ อง หรือใหท้ าน ทาบญุ กบั พระ และวดั เท่าน้นั \"บุญ” หมายถึง การกระทาความดี มาจากภาษาบาลีวา่ \"ปญุ ญะ” แปลวา่ เคร่ืองชาระจิตใจ ใหส้ ะอาดบริสุทธ์ิ ดงั น้นั บุญจึงเป็นเสมือนเครื่องกาจดั สิ่งเศร้าหมองที่เราเรียกกนั วา่ \"กิเลส” ใหอ้ อกไป จากใจ บญุ จะช่วยใหเ้ ราลด ละ เลิกความโลภ ความเห็นแก่ตวั ความมีจิตใจคบั แคบ อนั เป็นสาเหตุให้เกิด ความทกุ ข์ และช่วยใหใ้ จเป็นอิสระ พร้อมจะกา้ วไปสู่การทาคณุ งามความดีในข้นั ตอ่ ๆไป เป็นการ ยกระดบั จิตใจใหส้ ูงข้นึ ทาใหเ้ กิดความอิ่มเอิบใจ มีความสุข และเป็นความสุขที่สงบและยงั่ ยนื ใน ขณะเดียวกนั กท็ าใหผ้ ปู้ ฏิบตั ิ เป็นบุคคลที่มีคุณธรรม น่าเคารพยกยอ่ ง เพราะถือวา่ เป็น \"คนดี” นนั่ เอง นน่ั แสดงวา่ ที่เราทาบุญกนั มากมายกเ็ พราะหวงั ประโยชนส์ ่วนตวั เป็นสาคญั ดงั น้นั ยงิ่ ทาบุญดว้ ยท่าทีแบบน้ี ก็ ยงิ่ เห็นแก่ตวั มากข้ึน ผลคือจิตใจยงิ่ คบั แคบ ความเมตตากรุณามีแต่จะนอ้ ยลง ไม่ตอ้ งสงสัยเลยวา่ การ ทาบญุ แบบน้ีกลบั จะทาใหไ้ ดบ้ ญุ นอ้ ยลงในทางพระพุทธศาสนาไดว้ างหลกั เกณฑก์ ารทาบญุ ไว้ 3 ประการ คอื ทาน ศีล ภาวนา เรียก บญุ กิริยาวตั ถุทาน แปลวา่ การให้ คอื ต้งั ใจให้ สละให้ หรือ บริจาค ในทางพระพุทธศาสนา กาหนดวิธีการทาบุญท่ีเป็นทานไวห้ ลายอยา่ ง โดยมีวตั ถปุ ระสงคข์ องการใหท้ าน ดงั น้ี เพอ่ื อนุเคราะห์ คือ ช่วยเหลือผมู้ ีความตอ้ งการ เช่นประสบภยั หรือขาดแคลน หรือไดร้ ับความทุกข์ ยาก ดว้ ยความกรุณา คอื คิดจะช่วยใหพ้ น้ ทกุ ข์ เพอื่ สงเคราะห์ คอื เก้ือกลู กนั ในระหวา่ งญาติเพื่อนบา้ น มิตรสหาย เป็นการแสดงไมตรีจิตตอ่ กนั ดว้ ยความเมตตา คอื คิดจะใหเ้ ป็นสุข เป็นการแสดงออกซ่ึงความ เอ้ือเฟ้ื อ เผือ่ แผ่ ไมเ่ ห็นแก่ตวั เพอ่ื บูชาคุณ เช่น บูชาคุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ผมู้ ีอุปการะอื่นๆ รวมท้งั พระภิกษสุ ามเณร ผปู้ ระพฤติดี ประพฤติชอบ เป็นการบชู าทา่ นผคู้ วรบูชา สาหรับการทาบุญท่ีจะใหไ้ ดผ้ ลบญุ มากหรือนอ้ ยน้นั มีหลกั เกณฑอ์ ยู่ 3 ประการ คือ ซ่ึงเป็น องคป์ ระกอบท่ีสมบูรณ์ครบถว้ นของการทาบุญ คือ “ ผใู้ ห้ เงินทองวตั ถสุ ่ิงของ ผรู้ ับ “ ซ่ึงแต่ละส่วน ควร ตอ้ งเป็นเร่ืองดี คอื ดีแต่ละส่วน และดีครบท้งั สามส่วน จึงจะดีแท้ คอื ผรู้ ับ : ตอ้ งเป็นผมู้ ีศีล มีคุณธรรม ความดี ไมจ่ าเป็นเป็นพระสงฆห์ รือนกั บวช เป็นคนทวั่ ไปก็ได้ ถา้ ผรู้ ับดี ผทู้ าไดบ้ ุญมาก หากผรู้ ับไมด่ ี ทา ใหเ้ ราไดบ้ ุญนอ้ ย เพราะเขาอาจอาศยั ผลบุญของเราไปทาชวั่ ได้ เช่น ให้เงินช่วยเหลือเพื่อนๆกลบั เอาไป ซ้ือยาบา้ หรือปล่อยกู้ สร้างความเดือดร้อนแก่ผอู้ ่ืน เป็นตน้ วตั ถสุ ่ิงของที่ให้ : ตอ้ งบริสุทธ์ิหรือไดม้ าโดย สุจริต เป็นของท่ีเหมาะและมีประโยชน์ต่อผรู้ ับ เช่น ของท่ีใหด้ ีผทู้ ากไ็ ดบ้ ุญมาก หากไดม้ าโดยทจุ ริต แม้ จะเอาไปทาบุญกไ็ ดบ้ ุญนอ้ ย ผใู้ ห้ ตอ้ งมีศีลมีธรรมและมีเจตนาที่เป็นบญุ กศุ ลในการทา จึงจะไดบ้ ญุ มาก

นอกจากน้ีเจตนาหรือจิตใจในขณะทาบุญกเ็ ป็นองคป์ ระกอบสาคญั กลา่ วคอื ก่อนให้ ขณะให้ และหลงั ให้ หากผใู้ หม้ ีความต้งั ใจดี ต้งั ใจทา เม่ือทาแลว้ ก็เบิกบานใจ คิดถึงบญุ กศุ ลท่ีไดท้ าเม่ือใดจิตใจกผ็ อ่ งใสเมื่อ น้นั เช่นน้ีกจ็ ะทาใหผ้ ทู้ าไดบ้ ุญมาก ถา้ ไมร่ ู้สึกเช่นน้นั บุญก็ลดนอ้ ยถอยลงตามเจตนา โดยกระบวนการให้ มีต้งั แตเ่ รื่องแรงกาย อนั เป็นวิถีด้งั เดิมของสังคมไทย เพราะรวมพลงั ได้ งา่ ยและทาไดเ้ ลย อยา่ งเช่นการก่อทราย หรือถา้ เป็นในอดีตกอ็ ยา่ งการลงแขก เกี่ยวขา้ ว ซ่ึงคนไม่ไดม้ อง ในเชิงเศรษฐกิจ แต่มองในเชิงวฒั นธรรม มาช่วยเหลือกนั ทา หรือแมแ้ ตใ่ นเรื่องการบริจาคเงิน ซ่ึงมีมาก ข้ึนในช่วงหลงั ๆ นนั่ ก็เพราะมนั ทาไดง้ ่ายกวา่ และเร็วกวา่ การทาบญุ อีกอยา่ งก็คือการถวายสงั ฆทาน “สังฆทาน” คอื การถวายส่ิงของแก่หมพู่ ระภิกษสุ งฆ์ เป็นการถวายกลาง ๆ ไม่จาเพาะเจาะจงภิกษรุ ูปหน่ึง รูปใด เม่ือถวายใหแ้ ลว้ ก็ถือวา่ พระภิกษสุ งฆท์ กุ รูปมีสิทธ์ิใชส้ อยส่ิงของเหล่าน้นั ตามสะดวก อาจจะมีเพยี ง ตวั แทนสงฆเ์ พียงรูปเดียวมารับประเคน ก็ถือวา่ เป็นสังฆทานเหมือนกนั เช่นเดียวกบั ประเพณีสลากภตั ท่ี ไม่เจาะจงผคู้ น ผคู้ นในลาพนู กม็ กั ที่จะเขา้ วดั ถวายสังฆทานกนั อยเู่ ป็นประจา ในจงั หวดั ลาพนู นอกเหนือจากการเขา้ วดั ทาบุญ ถวายสงั ฆทานกนั แบบปกติแลว้ ก็ยงั มี ประเพณีการทาบุญท่ีเป็นเอกลกั ษณ์ กค็ อื การตานก๋วยสลาก หรือภาษาไทยเรียกวา่ สลากภตั ประเพณี เนื่องในพระพทุ ธศาสนาท่ีกระทาสืบต่อกนั มาต้งั แต่คร้ังพุทธกาล ในภาคเหนือจะเรียกประเพณีตา่ งกนั ไป ในแตล่ ะทอ้ งถ่ิน มีท้งั ตานสลาก กิ๋นขา้ วสลาก กิ๋นก๋วยสลาก กิ๋นสลาก แตก่ ็ลว้ นหมายถงึ ประเพณีเดียวกนั แมจ้ ะมีรายละเอียดปลีกยอ่ ยแตกต่างกนั ไปบา้ งกต็ าม ประเพณีตานก๋วยสลากมกั ทากนั ต้งั แต่เดือน 12 เหนือ ถึงเดือนยเี่ หนือ หรือต้งั แต่เดือน กนั ยายนถึงเดือนตลุ าคมของทกุ ปี ซ่ึงเป็นช่วงท่ีชาวบา้ นหยดุ พกั จากทานา พระสงฆก์ จ็ าพรรษาอยใู่ นวดั เพราะอยใู่ นช่วงเขา้ พรรษา ผลไมม้ ากและกาลงั สุก เช่นสม้ โอ ส้มเกล้ียง กลว้ ย ออ้ ย และยงั เป็นช่วงที่ ขา้ วเปลือกหรือขา้ วสารของใกลห้ มดยงุ้ ฉาง จึงเป็นโอกาสอนั เหมาะสมโดยมีความเช่ือวา่ การตานก๋วย สลากนอกจากจะเป็นการทาบญุ แก่ญาติผลู้ ว่ งลบั แลว้ ยงั เป็นการทาทานสงเคราะหแ์ ก่คนยากไร้ ซ่ึงถือวา่ มี กุศลแรง สาหรับจงั หวดั ลาพูน โดยเฉพาะที่วดั พระธาตหุ ริภญุ ชยั ทาเป็นประเพณีทกุ ปี คอื การทาน สลากภตั ในวนั เพญ็ เดือนสิบ ส่วนวดั อื่นๆจะทานกไ็ ดไ้ ม่ทานกได้ แลว้ แตก่ ารตกลงของชาวบา้ น ถา้ วดั ใด จะทานสลากตอ้ งทานหลงั จากวดั พระธาตุหริภุญชยั ทานแลว้ ถือเป็นประเพณีปฏิบตั ิจนถึงทุกวนั น้ี

ประเพณีตานก๋วยสลากจึงเป็นประเพณีเนื่องในพทุ ธศาสนาท่ีช่วยสร้างปฏิสมั พนั ธท์ ี่ดี ระหวา่ งวดั กบั ชุมชน สร้างความสามคั คีในหมูญ่ าติสนิทมิตรสหาย นอกจากจะเป็นการทาบญุ ใหค้ นตาย ยงั ทาทานใหค้ นเป็นอีกดว้ ย จากความสาคญั และความน่าสนใจของพธิ ีตานก๋วยสลากดงั กลา่ วจึงไดท้ าโครงงานประเพณี ตานก๋วยสลากหรือสลากภตั ของจงั หวดั ลาพนู โดยตอ้ งการศึกษา ประวตั ิความเป็นมาของประเพณี ตานก๋วยสลากหรือสลากภตั ของจงั หวดั ลาพูน และวธิ ีการข้นั ตอนการทาพิธีตานก๋วยสลาก 2. วตั ถุประสงค์ของโครงงาน 1) เพือ่ ศึกษาประวตั ิความเป็นมาของประเพณีตานก๋วยสลากหรือสลากภตั ของจงั หวดั ลาพูน 2) ศึกษาวิธีการข้นั ตอนการทาพธิ ีตานก๋วยสลาก

บทท่ี2 เอกสารท่ีเกยี่ วข้อง จากการศึกษาโครงงานประวตั ิศาสตร์ เรื่อง ประเพณีตานก๋วยสลากของจงั หวดั ลาพูน พบวา่ ตอ้ งมี เอกสารที่เกี่ยวขอ้ งดงั น้ี 1. การทาบุญในพระพุทธศาสนา 2. การทาทาน 3. การสังฆทาน โดยมีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี 1.การทาบุญในพระพุทธศาสนา คาวา่ บญุ ปัจจุบนั เรามกั ใชค้ วบค่กู บั คาวา่ ทาน เช่น ทาบุญทาทาน คาวา่ ทาบญุ ในที่น้ีคน ทวั่ ไปมกั หมายถึงการทาทานน้นั เอง คือ การใหส้ ่ิงของแก่ผอู้ ื่น โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน ดว้ ยความ เตม็ ใจแตค่ าวา่ บุญในทางพระพทุ ธศาสนามีความหมายมากกกวา่ การให้ บุญ หมายถึง ความดีฉะน้นั การ ทาความดีก็คอื การทาบุญการชาระจิตใจใหบ้ ริสุทธ์ิกเ็ ป็นการทาบุยอยา่ งหน่ึง ในทางพระพุทธศาสนาการ ทาบญุ น้นั สามารถทาได้ 10 ทางเรียกวา่ บญุ กิริยาวตั ถุ 10 บุญกิริยาวตั ถุ 10 หมายถึง การกระทาความดี 10 ประการ เพื่อกาจดั กิเลส คือ บริจาคทาน รักษาศีล เจริญภาวนา (ทาสมาธิ) ถ่อมตนต่อผใู้ หญ่ช่วยทากิจท่ีควร แบง่ ความดีใหผ้ อู้ ื่น อนุโมทนาส่วน บญุ ใหผ้ อู้ ื่น ฟังธรรม แสดงธรรม ทาความคดิ เห็นใหถ้ ูกตอ้ ง บญุ กิริยาวตั ถุ 10 ไดแ้ ก่ ทานมยั คือ บญุ สาเร็จดว้ ยการบริจาคทานทานมยั แห่งบุญกิริยาวตั ถุ 10 คือ บญุ ที่เกิดจากการ ใหท้ าน คอื บุญที่มาจาการสละซ่ึงทรัพยส์ ิ่งของความรู้ อวยั วะหรือชีวิตของตนให้แก่ผอู้ ื่น เพื่อใหผ้ นู้ ้นั พน้ จากทุกข์ เม่ือเขาลดหรือพน้ จากทกุ ขแ์ ลว้ ยอ่ มยงั ใหก้ ศุ ลท่ีไดช้ ่วยเหลือผอู้ ่ืนมาถึงตนดว้ ยเช่นกนั ประกอบ กบั จิตขณะใหท้ านน้นั ประกอบข้นึ ดว้ ยการละซ่ึงความเห็นแก่ตวั ความตระหนี่ถี่เหนียว ยอ่ มยงั ผลแห่งจิต ท่ีละแลว้ ซ่ึงกิเลสน้นั กลายเป็นส่วนบุญมายงั ตนเช่นกนั ปัตติทานมยั (บุญอนั เกิดจากการอุทิศ และร่วมอทุ ิศ)ปัตติทานมยั แห่งบุญกิริยาวตั ถุ 10 คือ บุญที่เกิดจากการต้งั จิตอทุ ิศส่วนกรรมท่ีตนไดท้ าบุญมาให้แก่ผอู้ ่ืน ผทู้ ี่มีบุพการี สรรพสิ่งท้งั ปวง น้นั ๆ จิตท่ีเตม็ เปี่ ยมดว้ ยการต้งั มน่ั ในการอุทิศน้ียอ่ มมาจากจิตอนั บริสุทธ์ิและเป็นจิตท่ีเกิดจากกุศล

ปัตตานุโมทนามยั (บญุ อนั เกิดจากการอนุโมทนาปัตตานุโมทนามยั แห่งบุญกิริยาวตั ถุ 10 คือ บุญที่เกิดจากการต้งั จิตอนุโมทนาต่อความดีท่ีผูอ้ ่ืนไดก้ ระทา จิตที่มีจิตอนุโมทนาน้ี ยอ่ มเกิดจากจิตท่ี บริสุทธ์ิ และเห็นชอบกบั ความดีของผูอ้ ื่น จึงยงั จิตใหเ้ กิดแต่ความสงบ และความยนิ ดีในกศุ ลน้นั ๆ กุศล น้นั จึงเกิดแก่ตนดว้ ยเช่นกนั ญกุศลที่เกิดแต่จิตแห่งการอุทิศน้ีจึงยงั ผลมาสู่ตนดว้ ยเช่นกนั สีลมยั (บุญอนั เกิดจากการรักษาศีล) สีลมยั แห่งบุญกิริยาวตั ถุ 10 คอื บุญที่เกิดจากการ รักษาศีล การต้งั มนั่ อยใู่ นศีล หรือ ประพฤติดี รู้จกั ประพฤติตน และ ควบคมุ ตนให้อยใู่ นความปกติใน ธรรม เพ่ือละซ่ึงโทสะ (ความโกรธ)นนั่ เองและโลภะ (ความโลภ) ปราศจากการกระทาดว้ ยกาย และวาจา อนั ผิดตอ่ คนั รองคลองธรรม อปจายนมยั (บุญอนั เกิดจากการอ่อนนอ้ มถอ่ มตน) อปจายนมยั แห่งบญุ กิริยาวตั ถุ 10 คอื บุญ ท่ีเกิดจากการรู้จกั อ่อนนอ้ มถ่อมตน มีสัมมาคารวะ และความเคารพ ท้งั ตอ่ ผใู้ หญ่ หวั หนา้ ครูบาอาจารย์ บิดา-มารดา และผทู้ รงศีลท้งั ปวง ซ่ึงเป็นการลดซ่ึงฐิติ และความเห็นผิดของตนใหน้ อ้ ยลง เวยยาวจั จมยั (บุญอนั เกิดจากการขวนขวายในกิจโดยชอบ)เวยยาวจั จมยั แห่งบญุ กิริยาวตั ถุ 10 คอื บุญท่ีเกิดจากความเพียรในการ แสวงหาประโยชน์แก่ตน และผอู้ ่ืนโดยชอบ ดว้ ยการดาเนินชีวติ หรือประกอบอาชีพโดยสุจริตและตามคนั รองคลองธรรม ภาวนามยั (บุญอนั เกิดจากการเจริญภาวนา) ภาวนามยั แห่งบุญกิริยาวตั ถุ 10 คอื บญุ ที่เกิดจากการภาวนาจิตหรือขดั เกลาจิตใหม้ ีสมาธิ ใหม้ ีความสงบ และละซ่ึงกิเลสแห่งโมหะ (ความหลง) ท้งั หลาย พร้อมส่งเสริมใหจ้ ิตของตนใหต้ ้งั มน่ั อยใู่ นคลองธรรม ท้งั ในปัจจุบนั และอนาคต ธมั มสั สวนมยั (บุญอนั เกิดจากการฟังธรรม) ธมั มสั สวนมยั แห่งบุญกิริยาวตั ถุ 10 คอื บุญท่ีเกิดจากการรับฟังธรรม อนั ก่อใหเ้ กิดปัญญา และทางรู้ แจง้ แก่ตน ยงั ตนให้ต้งั อยใู่ นศีลธรรมอนั งาม สามารถละหรือลดซ่ึงกิเลสท้งั ปวง ธมั มเทสนามยั (บุญอนั เกิดจากการแสดงธรรม) ธมั มเทสนามยั แห่งบุญกิริยาวตั ถุ 10 คอื บุญท่ีเกิดจากการแสดงหรือการสอนธรรมให้แก่ผอู้ ่ืน สามารถ เจริญธรรมน้ีท้งั ท่ีเป็นสงฆห์ รือฆราวาส สงฆแ์ สดงธรรมแก่ปถุ ุชนผรู้ ักษาศีล 5 และศีล 8 ฆราวาสแสดง หรือสอนธรรมแก่ผเู้ ยาว์ ท้งั นกั เรียนหรือลกู หลานของตน ธรรมที่แสดงน้นั ยอ่ มส่งผลใหผ้ ฟู้ ังรู้แจง้ หรือ เขา้ ใจในธรรม และพร้อมที่จะลซุ ่ึงความทกุ ขไ์ ด้ ผทู้ ี่แสดงธรรมน้นั ยอ่ มไดร้ ับผลบุญที่ยงั ใหผ้ อู้ ื่นพน้ จาก ทุกข์

ทิฏฐุชุกรรม (บญุ อนั เกิดจากการทาความเห็นใหต้ รง) ทิฏฐุชุกรรม แห่งบุญกิริยาวตั ถุ 10 คอื บญุ ที่เกิดจากการรู้จกั คดิ วิเคราะห์ดว้ ยจิตอนั เป็น กศุ ล จิตเห็นพอ้ ง ในธรรม ภายใตพ้ ้ืนฐานของเหตุ และผลท่ีเป็นจริง 2. การทาทานมี 4 ประการ คือ 2.1 ทาสทาน ใหข้ องที่ดอ้ ยกวา่ ตนเองใช้ ไดบ้ ญุ นอ้ ย 2.1.1 สหายทาน ใหข้ องท่ีเสมอกบั ที่ตนเองใช้ ไดบ้ ุญมากข้นึ 2.1.2 สามีทาน ใหข้ องที่ดีกวา่ ท่ีตนเองใช้ ไดบ้ ญุ มากที่สุด 2.2 อภยั ทาน คือ การใหช้ ีวิตสัตวเ์ ป็นทาน รวมท้งั การปลอ่ ยวางความโกรธใหห้ มด ไปจากใจเลิกพยาบาทใหอ้ ภยั กนั 2.3วิทยาทาน คือ การใหค้ วามรู้เป็นทาน และใหค้ าแนะนาส่งั สอนท่ีดี มีประโยชนใ์ นการ ดาเนินชีวิต 2.4 ธรรมทาน คือ การใหค้ วามรู้เรื่องธรรมเป็นทาน เช่น การแนะนาสงั่ สอนใหเ้ ขา้ ใจ เร่ือง บุญ บาป ใหล้ ะชว่ั ทาดี ทาใจใหผ้ อ่ งใส ดว้ ยการทาสมาธิ (ภาวนา ซ่ึงจะเป็นทางมาแห่ง ความสะอาดบริสุทธ์ิ กาย วาจา ใจ จนกระท้งั สิ้นอาสวกิเลสได้ 3. การทาสังฆทาน “สงั ฆทาน” คือ การถวายสิ่งของแก่หมู่พระภิกษสุ งฆ์ เป็นการถวายกลาง ๆ ไม่จาเพาะเจาะจง ภิกษุรูปหน่ึงรูปใด เมื่อถวายใหแ้ ลว้ ก็ถือวา่ พระภิกษสุ งฆท์ ุกรูปมีสิทธ์ิใชส้ อยสิ่งของเหลา่ น้นั ตามสะดวก อาจจะมีเพยี งตวั แทนสงฆเ์ พียงรูปเดียวมารับประเคน ก็ถือวา่ เป็นสังฆทานเหมือนกนั การถวายทานแก่พระสงฆอ์ ยา่ งหน่ึง ที่พระพุทธเจา้ ตรัสไวว้ า่ มีอานิสงส์มาก ดงั ที่ พระพทุ ธเจา้ ตรัสไวใ้ น ทกั ขิณาวภิ งั คสูตร วา่ การถวายสังฆทานแก่คณะพระสงฆ์ มีอานิสงส์มากกวา่ การ ถวายทานเฉพาะเจาะจงแก่พระพทุ ธเจา้ แมย้ งั ทรงพระชนมอ์ ยู่ การถวายสงั ฆทานน้นั เขา้ ใจกนั โดยทว่ั ไปวา่ คือการนาถงั ใส่จตปุ ัจจยั สีเหลืองไปถวายแก่ พระสงฆร์ ูปใดรูปหน่ึงหรือหลายรูปเทา่ น้นั แต่ความจริงแลว้ สังฆทานอาจหมายถึงการถวายปัจจยั วตั ถใุ ด ๆ ก็ได้ ที่เป็นประโยชน์แก่คณะสงฆโ์ ดยส่วนรวม เช่น การถวายกฏุ ิวิหาร หนงั สือ ปากกา จาน หรือ แมก้ ระทง่ั ไมก้ วาด แมจ้ ะกล่าวคาถวายหรือไม่กลา่ ว หรือกล่าวคาถวายเป็นอยา่ งอ่ืน แต่อาการแห่งการ ถวายเป็นการอุทิศให้แก่สงฆ์ เพือ่ ประโยชน์แก่สงฆ์ ก็จดั เป็นสังฆทานได้ สิ่งของท่ีจะถวายสังฆทาน มกั เป็นสิ่งของที่จาเป็นสาหรับภิกษุสามเณร ถา้ ตอ้ งการอทุ ิศส่วน บุญ ส่วนกุศลใหแ้ ก่ผใู้ ด ผถู้ วายทานก็มกั จะบอก หรือเขียนชื่อ-นามสกุล ใหแ้ ก่พระภิกษุ เพอ่ื ทา่ นจะไดท้ า พธิ ีอทุ ิศส่วนกุศลไปยงั ผทู้ ี่บอกชื่อน้นั ๆ

3.1 ส่ิงของถวายสงั ฆทานที่มีความเหมาะสม ส่ิงของที่นามาถวายสังฆทาน ข้ึนอยกู่ บั ความตอ้ งการขอถวายวา่ จะซ้ือแบบสาเร็จรูป หรือส่ิงของนามาจดั ชุดสาหรับถวายเอง แตข่ องท่ีจะมาไปถวายควรมีความเหมาะสม และเป็นประโยชน์ตอ่ พระสงฆ์ ตวั อยา่ งสิ่งของท่ีมีความเหมาะสมในการถวาย ดงั น้ี 3.1.1. หนงั สือและอุปกรณ์การเรียน เนื่องจากในปัจจุบนั พระสงฆส์ ่วนใหญม่ ี โอกาสในการศึกษา จึงมีความจาเป็นตอ้ งใชอ้ ปุ กรณ์การเรียน โดยเฉพาะ หนงั สือธรรมะ หนงั สือบาลี สมดุ กระดาษ ปากกา และดินสอ เพราะตอ้ งใช้ ในการศึกษาพระธรรม 3.1.2 ผา้ ไตรจีวร แมจ้ ะเป็นสิ่งที่พบเห็นในชุดสงั ฆทาน แต่ส่วนใหญม่ กั เป็น ของที่ไม่ไดข้ นาดและไม่มีคุณภาพ ดงั น้นั ผถู้ วายสังฆทาน ควรเลือกอยา่ ง เหมาะสม เช่น ผา้ ไตรจีวรที่ทาจากผา้ มสั ลิน *เพราะเน้ือผา้ เหมาะสมกบั สภาพ อากาศร้อนช้ืน 3.3.3 ยารักษาโรค ควรถวายยาดี มีคณุ ภาพ และเป็นยาสามญั ทวั่ ๆ ไป ที่ใชก้ นั ในชีวิตประจาวนั 3.3.4. ของใชส้ ่วนตวั เช่น มีดโกน *ควรเลือกยห่ี ้อที่มีคณุ ภาพ เพราะพระสงฆ์ ใชใ้ นการปลงผมไดอ้ ยา่ งสะดวกและปลอดภยั สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน รองเทา้ และผา้ ขนหนู เป็นตน้ 3.3.5. เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าและอปุ กรณ์ใหแ้ สงสวา่ ง ในยคุ โลกหมุนตามเทคโนโลยี วดั ตา่ ง ๆจาเป็นตอ้ งใชเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ในการศึกษาและเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนา ซ่ึงยงั มีหลายวดั ที่ยงั ขาดแคลนอุปกรณ์เหลา่ น้ีอีกเป็นจานวน มาก อุปกรณ์ใหแ้ สงสวา่ ง เช่น ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย และหลอดไฟ 3.3.6.ผลิตภณั ฑแ์ ละชุดอปุ กรณ์ทาความสะอาด เช่น น้ายาลา้ งหอ้ งน้า น้ายา ลา้ งจาน ไมก้ วาด และไมถ้ พู ้นื 3.3.7 อาหารแหง้ และเคร่ืองด่ืม พระสงฆบ์ างวดั ที่ไมไ่ ดม้ ีการออกบิณฑบาตร อาจจะจาเป็นของกินอาหารสาเร็จรูป เช่น โจ๊ก บะหม่ีก่ึงสาเร็จรูป ปลา กระป๋ อง ขา้ วสาร ชา กาแฟ น้าด่ืม หรือน้าผลไม้ 3.2 วิธีถวายสงั ฆทานอยา่ งถูกวธิ ี พธิ ีการถวายสังฆทานน้นั ไมไ่ ดม้ ีข้นั ตอนยงุ่ ยาก ทุกคนสามารถปฎิบตั ิตามข้นั ตอนได้ ดงั น้ี 3.2.1 เตรียมสิ่งของท่ีจะถวายสังฆทาน

ซ่ึงส่ิงของที่จะนามาจดั ชุดสังฆทานเพ่ือเตรียมถวายสงั ฆทานน้นั ควรบรรจุ ดว้ ยส่ิงของที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภยั ไม่เป็นส่ิงของท่ีหมดอายุ และท่ี สาคญั ตอ้ งเป็นสิ่งของท่ีมีความจาเป็นหรือเป็นประโยชน์ต่อพระสงฆม์ ากท่ีสุด พระสงฆส์ ามารถนาไปใชไ้ ดจ้ ริง ซ่ึงสิ่งของที่จาเป็นต่อพระสงฆแ์ ละควร นามาจดั ชุดสังฆทาน 3.2.2 เลือกวดั ที่ตอ้ งการถวายสงั ฆทาน โดยการเลือกวดั ข้ึนอยกู่ บั ความสะดวกของผทู้ ่ีตอ้ งการทาบุญถวายสังฆทาน สามารถทาไกลหรือใกลบ้ า้ นกไ็ ด้ จากน้นั แจง้ ความประสงคว์ า่ ตอ้ งการถวาย สังฆทาน 3.2.3 จุดธูปเทียนบชู าพระรัตนตรัย เมื่อกราบพระเสร็จแลว้ จะเขา้ สู่ข้นั ตอนการอาราธนาศีลและรับศีล โดย หลงั จากรับศีลจบใหท้ อ่ งนะโม 3 จบ แลว้ ท่องคากลา่ วถวายสังฆทาน 3.2.4 ประเคนถวายสงั ฆทานใหพ้ ระสงฆ์ การประเคนถวายสงั ฆทานใหแ้ ก่พระสงฆน์ ้นั หากเป็นผชู้ ายสามารถประเคน สงั ฆทานใหพ้ ระไดโ้ ดยตรง แตห่ ากเป็นผหู้ ญิง ใหว้ างชุดสังฆทานลงบนผา้ รับ ประเคน ไมค่ วรถวายสงั ฆทานใหก้ บั พระสงฆโ์ ดยตรง 3.2.5 กรวดน้า หลงั ประเคนถวายสงั ฆทานแลว้ ใหผ้ ถู้ วายสังฆทานกรวดน้าเพ่อื ส่งผลบุญ กุศลจากการถวายสงั ฆทานใหแ้ ก่ญาติพี่นอ้ ง เจา้ กรรมนายเวร ซ่ึงการถวาย สงั ฆทานสามารถถวายใหแ้ ก่พระสงฆก์ ่ีรูปก็ได้ หรือสามารถนิมนตพ์ ระไปรับ สังฆทานที่บา้ นก็ไดต้ ามความสะดวก โดยถา้ ตอ้ งการถวายสงั ฆทานท่ีบา้ นควร ต้งั โต๊ะหมบู่ ูชาและจดั อาสนะพระสงฆไ์ วด้ ว้ ย สามารถทาไดต้ ลอดท้งั ปี ยง่ิ ถวาย มากก็ยง่ิ ไดบ้ ุญไดอ้ านิสงส์มากและทาใหจ้ ิตใจเราสงบมากข้นึ

บทที่ 3 วธิ ีดาเนินการโครงงาน การจดั ทาโครงงานประวตั ิศาสตร์ เร่ืองตานก๋วยสลาก ผจู้ ดั ทามีวิธีการดาเนินงานตาม ข้นั ตอนทางประวตั ิศาสตร์ท้งั 5 ข้นั ตอนดงั น้ี ข้นั ตอนที่ 1 กาหนดหวั ข้อที่จะศึกษา - ไดร้ วมกลมุ่ ประชุมกนั จานวนหา้ คนเพอื่ ถามหรือหาขอ้ คิดเห็นของสมาชิกในกล่มุ แลว้ ได้ ประเดน็ ที่ จะศึกษาคอื ตานก๋วยสลาก - เขียนเคา้ โครงโครงงานเพอ่ื เสนอใหค้ รูท่ีปรึกษา - ครูท่ีปรึกษาทาการตรวจแลว้ ใหน้ าไปแกไ้ ขโครงงานและอนุมตั ิใหด้ าเนินการ ข้ันตอนที่ 2 สืบค้นและรวบรวมข้อมูล -หาขอ้ มูลจากหนงั สือในหอ้ งสมดุ ที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถใหข้ อ้ มูลกบั เราเกี่ยวกบั เรื่องตานก๋วยสลากหนงั สือที่คน้ พบมีจานวน3เล่ม ดงั น้ี 1.หนงั สือภมู ิปัญญาในวิถีชีวิตชาวลา้ นนา 2.หนงั สือประเพณีสิบสองเดือนลา้ นนา 3.หนงั สือเมืองลา้ นนาจงั หวดั ลาพนู -ขอ้ มลู ที่สืบคน้ จากอินเตอร์เน็ตมีท้งั หมด 4 เวบ็ ไซต์ ดงั น้ี 1.https://www.baanjomyut.com/10000sword/tan_sin_pawana/index.html?fb clid=IwAR2lm0QRvHlp11_8C7ZqJiS2g2FGHYebXWd7D5a_JtzPYu9sCP VbY2-_GbM 2.https://www.silpa- mag.com/culture/article_38356?fbclid=IwAR3XXT21UGCFhABEkDaZ1pfl NRbF8rJ5xMQxxLaftLhkPgJ41ynwgitCOx4 3.https://www.m-culture.go.th/tak/ewt_news.php?nid=797&filename=index 4.https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/832379/ ข้ันตอนท่ี 3 ประเมินคุณค่าของหลกั ฐาน - นาขอ้ มลู จากหลายๆแห่งท่ีมีเน้ือหาตรงกนั และมีความน่าเชื่อถือมาประเมินคุณคา่ - ทาการประเมินคุณค่าเร่ืองตานก๋วยสลาก

ข้นั ตอนท่ี 4 นาข้อมูลมาวิเคราะห์ สังเคราะห์และจดั หมวดหมู่ - ศึกษาวเิ คราะหห์ ลกั ฐานขอ้ มลู อีกคร้ัง - นาขอ้ มลู ที่ไดส้ ืบคน้ จากอินเทอร์เน็ต ห้องสมุดโรงเรียน มาวเิ คราะห์ สังเคราะห์ - นาขอ้ มลู ท้งั หมดมาเรียบเรียงและจดั หมวดหมไู่ ดแ้ ก่ 1.ประเพณีทานสลาก 1.1 การเตรียมงานควรวางแผนดาเนินงาน 1.2 คา่ นิยมในการกินสลาก 2. ข้นั ตอนพิธีตานก๋วยสลาก 2.1 วนั ดา 2.2 วนั ตาน 2.3 เขียนเสน้ สลาก 2.4 การสูนเส้นสลาก 2.5 การถวายสลากภตั ร 3.วิธีการทาก๋วยสลาก ข้นั ตอนท่ี 5 เรียบเรียงและนาเสนอ - จดั ทาโครงงานในรูปแบบของWork - เตรียมนาเสนอเป็นแบบE-Book

ตารางปฏิบัติงานระหว่าง วันท7ี่ มกราคม 2565 ถงึ 28 กุมพาพนั ธ์ 2565 ลาดบั ข้นั ตอนการดาเนินงาน ว/ด/ป ผ้รู ับผิดชอบ หมาย เหตุ 1. กาหนดหวั ข้อ นางสาว ธนาภรณ์ สุขปิ ง -ประวตั ิและความเป็นมา 4 มกราคม 2565 นางสาว ภทั รภรณ์ ขดั ธินนท์ ของประเพณีตานก๋วยสลาก นาย เจษฎา จนั ทิมา -วธิ ีการทาก๋วยสลาก 10 มกราคม 2565 นางสาว ปัญญาพร จนั ตา -วธิ ีการทาเสน้ สลาก 14 มกราคม 2565 นางสาว ดรุณี เหลี่ยมบริสุทธ์ิ 2. รวบรวมข้อมูล 15 มกราคม 2565 นางสาว ธนาภรณ์ สุขปิ ง 22 มกราคม 2565 นางสาว ภทั รภรณ์ ขดั ธินนท์ -ศึกษาขอ้ มูลจากหอ้ งสมุด นาย เจษฎา จนั ทิมา นางสาว ปัญญาพร จนั ตา -ศึกษาจากอินเตอร์เน็ต นางสาว ดรุณี เหล่ียมบริสุทธ์ิ 3. ประเมินคณุ ค่าของหลงั ฐาน นางสาว ธนาภรณ์ สุขปิ ง -นาขอ้ มลู มาวพิ ากยข์ อ้ มูล 24 มกราคม 2565 นางสาว ภทั รภรณ์ ขดั ธินนท์ มาทาการประเมินคุณคา่ ของ นาย เจษฎา จนั ทิมา หลกั ฐาน นางสาว ปัญญาพร จนั ตา นางสาว ดรุณี เหล่ียมบริสุทธ์ิ

4. วิเคราะห์สังเคราะห์และจัด นางสาว ธนาภรณ์ สุขปิ ง หมวดหมู่ข้อมูล นางสาว ภทั รภรณ์ ขดั ธินนท์ -สมาชิกรวบรวมและเรียบ 26 มกราคม 2565 นาย เจษฎา จนั ทิมา เรียงและจดั หมวดหมู่ขอ้ มูล นางสาว ปัญญาพร จนั ตา ที่ได้ ไดแ้ ก่ นางสาว ดรุณี เหลี่ยมบริสุทธ์ิ -ประวตั ิและความเป็นมา ของประเพณีตานก๋วยสลาก -วิธีการทาก๋วยสลาก -วิธีการทาเสน้ สลาก 5. เรียบเรียงหรือนาเสนอ 10 -24 กมุ ภาพนั ธ์ นางสาว ธนาภรณ์ สุขปิ ง 2565 นางสาว ภทั รภรณ์ ขดั ธินนท์ -เรียบเรียงในWork 26 กมุ ภาพนั ธ์2565 นาย เจษฎา จนั ทิมา นางสาวปัญญาพร จนั ตา -นาเสนอในE-Book นางสาว ดรุณี เหลี่ยมบริสุทธ์ิ

บทท่ี 4 ผลการดาเนนิ งานโครงงาน จากการศึกษาและสืบคน้ ขอ้ มูลเก่ียวกบั ประเพณีทานสลาก มีผลการดาเนินงานดงั น้ี 1.ประเพณที านสลาก ประเพณีตานก๋วยสลาก หรือเรียกอีกอยา่ งหน่ึงวา่ “ประเพณีทาบุญสลากภตั ” ในตานาน พุทธศาสนากล่าววา่ พิธีน้ีเร่ิมมีมาต้งั แตค่ ร้ังพุทธกาลตามความเชื่อด้งั เดิม เมื่อคร้ังสมเด็จพระ สมั มาสัมพทุ ธเจา้ ทรงพระชนมอ์ ยขู่ ณะน้นั พระองคท์ รงแสดงพระธรรมเทศนาอยใู่ นวิหารของวดั เช ตวนั มหาวิหาร ไดม้ ีนางกมุ าริกาผหู้ น่ึงไดอ้ มุ้ ลูกชายวิ่งหนีนางยกั ษิณีผซู้ ่ึงมีเวรกรรมต่อกนั มาหลาย ชาติ นางเห็นจวนตวั จึงว่ิงเขา้ ไปกราบแทบพระบาทของพระพุทธองคแ์ ลว้ ไดข้ อความช่วยเหลือ ซ่ึง พระพทุ ธองคท์ รงช้ีใหน้ างท้งั สองไดเ้ ห็นในความผดิ ชอบชวั่ ดี พร้อมท้งั นางยกั ษิณีเองก็ไดร้ ับเอาศีล 5 จากพระพุทธองค์ จากน้นั นางยกั ษิณีจึงไดร้ ่าไหก้ ราบทูลพระพุทธองคว์ า่ นางรับศีล 5 ไปแลว้ กไ็ ม่ ทราบวา่ จะไปทามาหากินอะไร นางกมุ าริกาเห็นดงั น้นั จึงรับอาสาพานางไปอยดู่ ว้ ย นางยกั ษิณี เมื่อไดร้ ับการอุปการะจากนางกมุ าริกาหลายประการก็มีความคดิ ท่ีอยากจะ ตอบแทนบญุ คณุ โดยไดช้ ่วยเป็นผพู้ ยากรณ์เกี่ยวกบั เรื่องอุตนุ ิยมวทิ ยา ใหท้ านาในท่ีดอนในปี ที่มีฝน มาก และทานาในที่ลุม่ ในปี ท่ีฝนแลง้ นางกุมาริกาไดป้ ฏิบตั ิตามคาแนะนาของนางยกั ษณิ ี ทาใหม้ ี ฐานะร่ารวยกวา่ คนอื่นในระแวกน้นั คนท้งั หลายจึงพากนั มาสอบถามนางกมุ าริกาจึงบอกวา่ นาง ยกั ษณิ ีช่วยเหลือ คนเหล่าน้นั จึงพากนั ไปขอนางยกั ษณิ ีบา้ ง นางยกั ษณิ ีก็ช่วยเหลือใหค้ นเหลา่ น้นั มี ฐานะความเป็นอยดู่ ีข้นึ ตา่ งพากนั สานึกบญุ คณุ ที่ไดร้ ับจากนางยกั ษณิ ี จึงพากนั นาอาหารเคร่ืองใช้ ตา่ งๆไปถวายให้ แตเ่ นื่องจากอาหารและเคร่ืองใชไ้ มส้ อยท่ีนามาถวายใหม้ ีมากเกินความจาเป็น นาง ยกั ษิณีจึงนาเอามาทาเป็นสลากภตั โดยใหพ้ ระสงฆท์ าการจบั สลากตามเบอร์ดว้ ยหลกั ของอุปโลก นกรรม คือของท่ีถวายน้นั จะมีราคามากนอ้ ยต่างกนั ใครจะไดอ้ ยา่ งไหนก็สุดแทแ้ ต่โชคของ พระสงฆแ์ ต่ละรูป จนกระทง่ั พธิ ีดงั กลา่ วไดก้ ลายมาเป็นประเพณีตานก๋วยสลากสืบกนั มาจนถึง ปัจจุบนั

การทาบุญประเพณีตานก๋วยสลากน้นั แต่ละวดั จะสลบั สบั เปลี่ยนกนั เป็นเจา้ ภาพ ซ่ึงอยู่ ในช่วงเดือนกนั ยายนถึงเดือนพฤศจิกายน เพราะเป็นช่วงท่ีพระสงฆอ์ ยจู่ าพรรษาและชาวบา้ นส่วน ใหญ่กว็ า่ งเวน้ จากการทางาน จึงเป็นช่วงเวลาท่ีเหมาะที่สุด ในการเตรียมงานตานก๋วยสลากจะมีอยู่ 2 วนั คอื “วนั แต่งดา” หรือ “วนั หา้ งดา” และวนั ถวายเคร่ืองไทยทาน หรือ “วนั ตาน” วนั แตง่ ดา คอื วนั ที่มีการเตรียมอาหารคาวหวานผลไม้ รวมท้งั ขา้ วของเครื่องใชท้ ี่จะนาใส่ลงในก๋วยสลาก บาง ครอบครัวตอ้ งทาขนมและกบั ขา้ วเองเพ่อื แบ่งใส่ก๋วยสลาก หากหมู่บา้ นไหนท่ีจดั งานกินสลากไป แลว้ ก่อนหมบู่ า้ นอื่นกจ็ ะมาร่วมทาบญุ อาจจะอยใู่ นรูปของปัจจยั หรือ การนาของมาสมทบ คนเมือง ลา้ นนาเรียกวา่ “ฮอมสลาก” ภายในก๋วยสลากจะมีเคร่ืองอาหารคาวหวาน ผลไมร้ วมไปถึงเคร่ืองใช้ ไมส้ อยสาหรับพระภิกษุ สามเณร เช่นสมุด ดินสอ แป้ง สบู่ ยาสีฟัน เป็นตน้ บรรยากาศงานตานก๋วยสลาก การจดั งานก๋วยสลากในแตล่ ะจงั หวดั แต่ละทอ้ งถ่ิน มีธรรมเนียมท่ียดึ ถือกนั มาแต่ โบราณวา่ ใหว้ ดั ท่ีถือวา่ เป็นวดั แรกสุดจดั ข้ึนก่อนวดั อ่ืนๆจึงจดั ต่อเน่ืองไป เช่นจงั หวดั แพร่ใหว้ ดั ศรี ชุม จดั เป็นวดั แรก (ปัจจุบนั วดั พระธาตุช่อแฮจดั เป็นวดั แรก) จงั หวดั เชียงใหมใ่ หว้ ดั เชียงมนั่ จดั เป็น

วดั แรก จงั หวดั ลาปางใหว้ ดั ปงยางคกจดั เป็นวดั แรก ส่วนจงั หวดั ลาพนู ให้ วดั พระธาตุหริภุญไชย จดั เป็นวดั แรกและประเพณีตานก๋วยสลาก บางวดั กจ็ ะจดั ทุกปี 3-4 ปี หรือ10ปี จดั คร้ังหน่ึง ท้งั น้ี แลว้ แต่ขอ้ ตกลงของศรัทธาวดั หรือตามสภาพเศรษฐกิจวา่ อุดมสมบูรณ์เพียงใด รูปภาพโบราณของการต๋านก๋วยสลากวดั หลวง

1.1การเตรียมงานควรวางแผนดาเนินงานดังนี้ 1.1.1 หาวนั ฤกษง์ ามยามดี เช่นนอกจากไม่เป็นวนั เสียตามหลกั โหราศาสตร์ เช่น วนั มว้ ยอาศรม วนั อบุ าทว์ วนั โลกาวนิ าศ ฯลฯ แลว้ ควร เป็นวนั หยดุ ราชการและไม่ควรเป็นวนั ท่ีมีงานซ้ากนั หรือซอ้ นกนั กบั หมู่บา้ น ใกลเ้ คยี งอื่น 1.1.2การนิมนตพ์ ระสงฆ์ ควรนิมนตห์ มดทกุ รูปท้งั วดั เพราะงาน ตานสลากเป็นเพยี งงานเดียวท่ีพระวินยั บญั ญตั ิใหส้ ามเณรนอ้ ยมีสิทธิเท่ากบั เจา้ อาวาส น้นั คือการเส่ียงดวงจบั สลากโจ๊กหรือสลากท่ีโชคดี แมว้ า่ การรับผา้ กฐิน พระพุทธเจา้ จะทรงอนุญาตใหพ้ ระสงฆท์ กุ รูปมีสิทธ์ิครองจีวรที่เป็นผา้ กฐินน้นั ได้ แต่พระผอู้ ุปโลกซ่ึงเจา้ อาวาสเป็นผตู้ ้งั ก็จะยกใหอ้ ธิบดีสงฆห์ รือเจา้ อาวาสวดั น้นั สมยั ปัจจุบนั ประเพณีตานขา้ วสลากน้ีท่ีถือปฏิบตั ิอยา่ งถกู ตอ้ งจริง ๆ จะไม่คอ่ ยมีให้ เห็น 1.1.3 การเตรียมงาน ในส่วนของวดั เจา้ อาวาสตอ้ งเตรียมงานคือ แจกงานใหพ้ ระภิกษุสามเณรหรือคณะกรรมการวดั รับผดิ ชอบงานดา้ นตา่ ง ๆ เช่น การซ่อมแซมถนนหานทางเขา้ วดั หรือในวดั อาคารโรงครัว เคร่ืองครัว ประดบั ตกแต่งตน้ ไม้ ประดบั ธงชาติธงเสมาธรรมจกั รรอบกาแพงวดั ปักตุงตามเส้นทางเขา้ วดั ฯลฯ รวมถึง การข้นึ ตา้ วต้งั ส่ี การจดั ทาอาหารถวายพระภิกษุสามเณร การจดั ไทยทานหรือกณั ฑร์ ับหวั วดั ต่าง ๆ ทุกฝ่ายตอ้ งพร้อมก่อนจะถึงวนั จดั งาน เจ้าอาวาสต้องเตรียมงานคือ แจกงานให้พระภิกษุสามเณรหรือคณะกรรมการวดั รับผิดชอบงาน ด้านต่าง ๆ

1.2 ค่านิยมในการกนิ สลาก การทาบญุ ทานสลากภตั ร นบั เป็นประเพณีที่สาคญั ของลา้ นนาไทย ประการหน่ึงเน่ืองมาจากค่านิยมท่ีสืบทอดกนั ทามาแต่โบราณจนกลายเป็น ประเพณีสืบมาชา้ นานคือ 1.2.1 ประชาชนวา่ งจากภารกิจการทานา 1.2.2 ผลไม้ เช่น ส้มโอ, สม้ เขียวหวาน, ส้มเกล้ียง กาลงั สุก 1.2.3 ประชาชนหยดุ พกั ไม่เดินทางไกลเพราะฤดูฝน 1.2.4 พระสงฆจ์ าพรรษาอยู่อยา่ งพรักพร้อม 1.2.5 ไดโ้ อกาสสงเคราะห์คนยากจนเป็นสงั คหทาน 1.2.6 ถือวา่ มีอนิสงส์แรง คนทาบญุ สลากมกั มีโชคลอยมา 1.2.7 มีโอกาสหาเงินและวสั ดุบารุงวดั ดว้ ยเหตุ 7 ประการน้ี ประชาชนชาวไทยในลา้ นนาจึงนิยมทาบุญ สลากภตั รกนั เกือบ ทกุ วนั มีแต่วา่ หากวดั ใดมีงานต้งั ธรรมหลวง ( ฟังมหาชาติ ) วดั น้นั จะเวน้ จากการทาบบุ สลากภตั ร ประเพณีถวายสลากภตั รหรือประเพณีถวาย ขา้ วสลาก หรือ กิ๋นก๋วยสลากน้นั ทากนั มาต้งั แต่เดือน12 เหนือเพญ็ เรื่อยมาจนถึง ตน้ เดือนยเ่ี หนือคอื ช่วงเดือน 11 – 12 ชาวบา้ นจะนาพืชผลมาถวายเป็นก๋วยสลาก นิมนตพ์ ระสงฆจ์ ากวดั ใกลเ้ คียงมาไทยทานสลาก ซ่ึงศรัทธาประชาชนร่วมกนั ถวายสลากภตั รของทางเมืองเหนือ ประกอบดว้ ย 1. สลากนอ้ ย คือ สลากกระชุกเลก็ 2.สลากก๋วยใหญ่ คือ สลากโชค สลากก๋วยเลก็ ใชถ้ วายอทุ ิศแด่ผตู้ าย หรือทาบญุ เพอื่ เป็นกศุ ลในภาย หนา้ ส่วนสลากก๋วยใหญ่ใชถ้ วายเป็นมหากศุ ลสาหรับบคุ คลผมู้ ีกาลงั ศรัทธาและ ร่ารวยเงินทอง ทาถวายเพื่อเป็นพลวปัจจยั ใหม้ ีบญุ กุศลมากข้ึน พิธีถวายสลากภตั ร ที่นิยมมี 3 ประเภท คือ 1. สลากภตั รเอาเส้น ซ่ึงประชาชนจบั สลาก แลว้ นาไทยทานถวาย 2. สลากท่ีพระสงฆจ์ บั สลากเอง

3.สลากยอ้ ม ซ่ึงนิยมทากนั ในกล่มุ ไทยยอง ซ่ึงหญิงสาวภายในหมู่บา้ น จดั ถวายเป็นประเพณี 2. ข้นั ตอนพธิ ีตานก๋วยสลาก 2.1 วนั ดา วนั ดา หมายถึงวนั เตรียมงานก่อนจะถึงวนั ถวายทาน 1 วนั ในวนั ดา สลากจะมีญาติพี่นอ้ งตา่ งหมู่บา้ นมาร่วมทาบุญ เรียกตามภาษาพ้นื บา้ นวา่ “ก๋ินหอม ต๋อมมว่ น” คือมาเพ่ือกินให้เตม็ ท่ีเสร็จแลว้ ร่วมทาบุญดว้ ยตามกาลงั ศรัทธา ซ่ึงก่อน หนา้ น้ีมีการมาร่วมทาบุญแบบ “มาใชห้ น้ี” กนั น้นั คือผใู้ ห้ตอ้ งดูก่อนวา่ งานเราคร้ัง ก่อนเขาร่วมทาบุญมาเท่าไร ถา้ เขาใหม้ า 20 บาท เราก็ให้ไป 20 หรือ 25 บาท ถา้ เขามา 100 บาท เราก็ไป 120 บาท เป็นตน้ ส่วนการเตรียมอาหาร ขนม ขา้ วตม้ มดั ตา่ งๆ หรือเหลา้ ยาปลาปิ้ งใหย้ ดึ ถือตามประเพณีโบราณไม่ควรลม้ ววั ควายคร้ังละ มากตวั คนที่ไปร่วมงานกไ็ ม่ควรไปรบกวนเจา้ ภาพเกินไป ท้งั น้ีเพื่อช่วยกนั จรรโลง ประเพณีตานก๋วยสลากใหเ้ ป็นมรดกทางวฒั นธรรมสืบไปจนถึงลูกหลาน ผู้เฒ่าผ้แู ก่ห่อขนม ในวนั ดา

2.2วันตาน วนั ตานก๋วย จะเป็นวนั ที่ถวายเคร่ืองไทยทาน ทางวดั จะประกาศแต่ เชา้ ตรู่ เพ่อื บอกใหช้ าวบา้ นที่นาก๋วยสลากมาวางใหถ้ ูกตอ้ งตามหมายเลขหมวดหมขู่ องตน ท้งั น้ีเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและงา่ ยต่อการตามหาเมื่อเวลาจบั สลากได้ ในวนั งานชาวบา้ นจะแตง่ กายอยา่ งสวยสดงดงามเป็นพเิ ศษ เพราะถือวา่ ในปี หน่ึงจะมีงาน บุญตานก๋วยสลากแคค่ ร้ังเดียว แต่บางหมู่บา้ นกจ็ ะจดั 2 ถึง 3 ปี ต่อคร้ัง บางหม่บู า้ นก็ ไมม่ ีเลย ในมือของแต่ละคนต่างอมุ้ ก๋วยสลาก ม่งุ หนา้ ไปวดั กนั อยา่ งไมข่ าดสาย คน หน่ึงอาจจะมีก๋วยสลากมากกวา่ 1 อนั กไ็ ด้ ชาวบ้านจะนาก๋วยสลากมาวางไว้ในวดั

2.3 เขยี นเส้นสลาก จะตอ้ งไปเอาใบลานหรือกระดาษมาตดั เป็นแผน่ ยาวๆ จารึกช่ือ เจา้ ของไวแ้ ละบอกดว้ ยวา่ อุทิศส่วนกุศลน้นั ใหใ้ ครบา้ งคาจารึกในเส้นสลากน้นั เช่น “ สลากขา้ วของน้ี หมายมีผขู้ า้ นายแกว้ นางดีขอทานไวก้ บั ตวั ภายหนา้ ” คือ หมายถึง วา่ ถวายทานไวอ้ ทุ ิศส่วนกศุ ลไวส้ าหรับตงั เองเม่ือล่วงลบั ไปแลว้ จะไดไ้ ปรับเอาของ ไทยทานน้นั ในปรโลก ซ่ึงเป็นความเช่ือของพระพุทธศาสนิกชนทว่ั ไปวา่ เมื่อทาบญุ ถวายทานไวใ้ นพระศาสนาแลว้ เม่ือล่วงลบั ขนั ธ์ไปแลว้ ก็จะไปเสวยอานิสงส์ผลบญุ น้นั ในโลกหนา้ และจะมีการอทุ ิศส่วนกศุ ลน้นั ใหญ้ าติพ่ีนอ้ ง ผลู้ ว่ งลบั ไปแลว้ เช่น “ ผขู้ า้ หนานเสนา นางบบุ า้ นใตว้ ดั ขอทานไวถ้ ึงนาง เส้นสลากหรือก้านตาน

สาหรับสลากนอ้ ยหรือสลากซอง มกั จะเขียนดงั น้ี “ขา้ วสลากซองน้ี เจา้ เกา้ เหงา้ ปะฐะ มะมูลศรัทธาหมายมี นายพฤหสั บดี นางดี ไชยมงคล เป็นเกา้ พร้อม กบั ดว้ ยลูกเตา้ จุคน กห็ าไดย้ งั ขา้ วสลากก๋วยหน่ึง เพื่อวา่ จกั อทุ ิศไปหาพอ่ ผหู้ น่ึงชื่อวา่ พอ่ .......................................และแมผ่ หู้ น่ึงช่ือวา่ แม่..............................................ขอ ห้ือไดก้ ๋ินไดบ้ ริโภค วา่ ฉนั น้ีแตด้ ีหลีฯ” คือ หมายความวา่ ถวายทานไวอ้ ทุ ิศส่วน กศุ ลใหแ้ ก่ญาติผลู้ ว่ งลบั ไปแลว้ เสน้ สลากบางเส้นจะเขยี นสาหรับอทุ ิศส่วนกศุ ล สาหรับตนเอง ซ่ึงมกั จะเขยี นดงั น้ี “ขา้ วสลากซองน้ี เจา้ เกา้ เหงา้ ปะฐะมะมลู ศรัทธา หมายมี นาย............................นาง................................ เป็นเกา้ พร้อมกบั ดว้ ยลูกเตา้ จุ คน ก็หาไดย้ งั ขา้ วสลากก๋วยหน่ึง เพ่อื ตานไวเ้ ป็นปัจจยั ไปปายหนา้ ขอห้ือไดก้ ๋ินไดบ้ ริโภค วา่ ฉนั น้ีแตดีหลีฯ” หมายความวา่ เม่ือล่วงลบั ไปแลว้ จะไดไ้ ปรับเอาของ ไทยทานน้นั ในปรโลก ซ่ึงเป็นความเช่ือของพุทธศาสนิกชนทวั่ ไปวา่ เมื่อทาบญุ ถวายทานไวใ้ นพระพทุ ธศาสนาแลว้ เมื่อล่วงลบั ดบั ขนั ไปแลว้ ก็จะไดไ้ ปเสวย อานิสงส์ผลบญุ น้นั ในโลกหนา้ สาหรับสลากใหญห่ รือสลากโชค มกั จะมีการเขยี นดงั น้ี “สุทินนงั วะ ตะเม ทานงั ขา้ วสลากกณั ฑน์ ้ี เจา้ เกา้ เหงา้ ปะฐะมะมูลศรัทธาหมายมี นายเสนา นาง บวั บาน ไชยวงศ์ เป็นเกา้ พร้อมกบั ดว้ ยลกู เตา้ และญาติพีน่ อ้ งทกุ คนกพ็ ากนั หาไดย้ งั ขา้ วสลากกณั ฑห์ น่ึงก็เพ่ือวา่ จกั ตานไปหานาย................................นาง ...................................และอทุ ิศไวเ้ ป็นปัจจยั ไปปายหนา้ ขอห้ือๆไดก้ ๋ินไดบ้ ริโภค วา่ ฉนั น้ีแตด้ ีหลีฯ” ดงั น้ีเป็นขอ้ สังเกตก็คือสลากหนอ้ ย หรือสลากก๋วยเลก็ มกั จะเรียกวา่ “ก๋วย” ส่วนสลากใหญ่หรือสลากโชคน้นั มกั จะเรียกวา่ “กน๋ั ” กค็ ือ “กณั ฑ”์ นนั่ เอง ตัวอย่างการเขียนเส้นสลาก

2.4 การสูนเส้นสลาก เมื่อเห็นวา่ ทกุ คนนาเอาเสน้ สลากมาวางรวมกนั หมดแลว้ ทาง คณะกรรมการผเู้ ฒ่าผแู้ ก่จึงทาการสูนเสน้ สลาก คือทาใหร้ ายช่ือสลากท้งั หลายใหป้ น กนั โดยทกุ คนนงั่ หรือยนื รอบๆกองเสน้ สลาก ตา่ งคนต่างหอบเอาเสน้ ข้ึนโปรยไป รอบกอง เมื่อเห็นวา่ คละเคลา้ ปะปนกนั แลว้ จึงช่วยกนั เอาตอกผกู เสน้ สลากทาเป็น มดั ๆละ 10 เส้น ถึงตอนน้ีก็จะรู้วา่ จานวนของเสน้ สลากแลว้ วา่ ไดจ้ านวนเทา่ ใดแลว้ จึงคานวณหารจานวนพระภิกษุสามเณรที่นิมนต์ สมยั ต่อมาวดั ท่ีกินสลากตอ้ งการเงิน เขา้ บารุงวดั จึงจดั เอาเขา้ เป็นของพระเจา้ คร่ึงหน่ึง เหลือคร่ึงหน่ึงเอามาหารกบั จานวน พระภิกษุสามเณร ถา้ ไดเ้ ส้นนอ้ ยก็จะแบ่งเป็น 3 ส่วนเอาเป็นของพระเจา้ ส่วนหน่ึง เหลือ 2 ส่วนนามาแบง่ ใหพ้ ระภิกษสุ ามเณร ถา้ พระภิกษไุ ด้ 10 เส้น สามเณรกจ็ ะได้ 5 เส้น เมื่อจดั เร่ืองเสน้ สลากแลว้ จะนิมนตพ์ ระภิกษุสามเณรข้นึ ไปบนวิหาร ทาพิธี ไหวพ้ ระรับศีลแลว้ จึงมีการเทศน์จากพระภิกษสุ ามเณร ผู้เฒ่าผ้แู ก่จะทาการสูนเส้นสลาก คือการทาบัญชีรายช่ือสลากทั้งหลายให้ปนกัน

2.5 การถวายสลากภตั ร ผจู้ ะถวายสลากภตั จะนาก๋วยสลาก พร้อมกา้ นตานสลาก ดอกไม้ ธูป เทียน ไปวางไว้ ณ สถานที่ในบริเวณวดั จดั ไว้ เพ่ือทาพธิ ีทางศาสนา และถวายก๋วย สลากแด่พระสงฆต์ ามหมายเลขท่ีพระสงฆจ์ บั ได้ การตานสลากภตั จะเขียนคาอทุ ิศ ถวาย ท่ีเรียกวา่ เสน้ สลาก เพื่อใหพ้ ระสงฆก์ รวดน้าในสมยั ก่อนน้นั จะนาเอาใบลาน มาทาเป็นเสน้ สลาก แต่ปัจจุบนั จะเขียนลงบนแผ่นกระดาษ เม่ือนาเอาก๋วยสลากไป รวมกนั ไวท้ ่ีวดั แลว้ เสน้ สลากจะถกู นามาแบ่งสนั ปันส่วนกนั ไปในหมู่ของพระสงฆ์ ที่ไดน้ ิมนตม์ าจากวดั ต่างๆ รูปละ 5เส้น 10 เส้น บา้ งแลว้ แตก่ รณี ส่วนหน่ึงแบง่ ให้วดั ท่ีเป็นเจา้ ภาพก่อน จนถึงเวลาเพลพระสงฆก์ จ็ ะนาเส้นสลากไปอ่าน โดยเริ่มจากเจา้ อาวาสก่อน จะมีการเรียกช่ือหาเจา้ ของสลากน้นั ๆ วา่ นง่ั อยทู่ ่ีใด เมื่อพบแลว้ จะมีการ ใหศ้ ีลใหพ้ รหยาดน้าอทุ ิศ ส่วนบุญกุศลใหก้ บั ผลู้ ่วงลบั เป็นอนั เสร็จพธิ ีก๋วยสลากจะ ถูกแกะเอาขา้ วปลาอาหาร ออกมากิน จะกลายเป็นอาหารม้ือเท่ียงสาหรับชาวบา้ น ท่ีมารอรับ สาหรับของใชแ้ ละอาหารแหง้ ต่างๆ ชาวบา้ นจะเอาไวใ้ ชป้ ระโยชน์ การถวายสลากภัตร

4.วธิ ีการทาก๋วยสลาก ก๋วยสลากสาหรับใส่ของท่ีจะถวายพระสงฆ์ มีลกั ษณะคลา้ ยชะลอมใส่ผลไม้ มีลาดบั ข้นั ตอนในการทา ดงั น้ี อุปกรณ์ในการทา -ไมไ้ ผ่ 1.นาไมไ้ ผม่ าสานเป็นชะลอม คลา้ ย ๆ ชะลอมใส่ผลไม้ 2.นาใบตองมารองในก๋วย สลาก 3.เครื่องไทยทานใส่ในก๋วยสลาก มีดงั น้ี โดยทว่ั ไปไดแ้ ก่ น้า ขา้ วสุก ขา้ วสาร อาหารสุก อาหารแห้ง แคบหมู แหนม ไส้อว่ั หมูหน่ึง ปลาน่ึง นอกจากน้ีจะมีพริก เกลือ หอมแดง กระเทียม เมี่ยง บหุ ร่ี หมาก พลู ปนู ยาสูบ เทียนไข สบู่ สมุด ดินสอ ยาสีฟัน ขนมตม้ ขนมเทียน ขนมช้นั หรือขนมชนิดอื่น ๆ ตามแต่สะดวก และยงั มีดอกไม้

เคร่ื องไทยทานใส่ ในก๋ วยสลาก

บทที่ 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ 1. สรุปผล จากการทาโครงงานเร่ืองน้ีโดยคณะผศู้ ึกษาพบวา่ ประเพณีตานก๋วยสลาก เป็นอีกประเพณี หน่ึงที่มีความสาคญั การตานก๋วยสลาก หรือภาษาไทยเรียกวา่ สลากภตั ประเพณีเนื่องในพระพทุ ธศาสนา ท่ีกระทาสืบต่อกนั มาต้งั แต่คร้ังพทุ ธกาล ในภาคเหนือจะเรียกประเพณีตา่ งกนั ไปในแต่ละทอ้ งถ่ิน มีท้งั ตานสลาก กิ๋นขา้ วสลาก กิ๋นก๋วยสลาก กิ๋นสลาก แตก่ ็ลว้ นหมายถึงประเพณีเดียวกนั แมจ้ ะมีรายละเอียด ปลีกยอ่ ยแตกต่างกนั ไปบา้ งกต็ าม เป็นประเพณีการทาบุญใหต้ ายหรือผลู้ ว่ งลบั ไปแลว้ มีข้นั ตอนพิธีการ ในประเพณีตานก๋วยสลากและอุปกรณ์ในการทาก๋วยสลาก มีข้นั ตอนในการถวายดงั น้ี ผจู้ ะถวายสลากภตั จะนาก๋วยสลาก พร้อมกา้ นตานสลาก ดอกไม้ ธูปเทียน ไปวางไว้ ณ สถานที่ในบริเวณวดั จดั ไว้ เพื่อทาพธิ ี ทางศาสนา และถวายก๋วยสลากแด่พระสงฆต์ ามหมายเลขท่ีพระสงฆจ์ บั ได้ การตานสลากภตั จะเขยี นคา อุทิศถวาย ท่ีเรียกวา่ เสน้ สลาก เพ่ือใหพ้ ระสงฆก์ รวดน้า เม่ือนาเอาก๋วยสลากไปรวมกนั ไวท้ ี่วดั แลว้ เสน้ สลากจะถูกนามาแบ่งสันปันส่วนกนั ไปในหมู่ของพระสงฆท์ ่ีไดน้ ิมนตม์ าจากวดั ตา่ งๆ รูปละ 5เสน้ 10 เสน้ บา้ งแลว้ แต่กรณี ส่วนหน่ึงแบง่ ใหว้ ดั ท่ีเป็นเจา้ ภาพก่อน จนถึงเวลาเพลพระสงฆก์ ็จะนาเส้นสลากไป อา่ น โดยเริ่มจากเจา้ อาวาสก่อน จะมีการเรียกชื่อหาเจา้ ของสลากน้นั ๆ วา่ นงั่ อยทู่ ี่ใด เมื่อพบแลว้ จะมีการ ใหศ้ ีลใหพ้ รหยาดน้าอุทิศ ส่วนบุญกศุ ลใหก้ บั ผลู้ ่วงลบั เป็นอนั เสร็จพิธีก๋วยสลากจะถูกแกะเอาขา้ วปลา อาหาร ออกมากิน จะกลายเป็นอาหารม้ือเที่ยง สาหรับชาวบา้ นที่มารอรับ สาหรับของใชแ้ ละอาหารแหง้ ต่างๆ ชาวบา้ นจะเอาไวใ้ ชป้ ระโยชน์ 2. ข้อแสนอแนะ จากการทาโครงงานเร่ืองประเพณีตานก๋วยสลากส่ิงที่น่าศึกษาเพ่มิ เติมคือ 1.ประเพณีสลากยอ้ มของจงั หวดั ลาพูน 2.งานต้งั ธรรมหลวง ( ฟังมหาชาติ )

บรรณานุกรม สิริกร ไชยมา. ภมู ิปัญญาในวิถีชีวติ ชาวลา้ นนา. พมิ พค์ ร้ัง ที่ 2 แพร่ : หจก.แพร่ไทยอุตสาหการ พิมพ.์ 2545. ศาสตราจารยเ์ กียรติคุณ พะยอมยงค.์ ประเพณีสิบองเดือนลา้ นนาไทย. พิมพค์ ร้ัง ท่ี 5. เชียงใหม่ : หสน. ส.ทรัพยก์ ารพมิ พ์ พชั รี วิรูหญาน. ลาพูนสู่มรดกโลก. พมิ พค์ ร้ัง ที่ 2 ลาพนู : หจก.ดารารัตน์การพิมพ.์ 2554 เว็บไซด์ 1.https://www.baanjomyut.com/10000sword/tan_sin_pawana/index.html?fb clid=IwAR2lm0QRvHlp11_8C7ZqJiS2g2FGHYebXWd7D5a_JtzPYu9sCP VbY2-_GbM วนั ท่ีคน้ 23 มกราคม 2565 2.https://www.silpa-mag.com/culture/article_38356?fbclid=IwAR0DEvbh4PwrknTmtfkt-r- _xMXGFi4X2Qng9S0sd-Z8HVfbQmWoeZjIXbI วนั ที่คน้ 23 มกราคม 2565 3.https://www.m-culture.go.th/tak/ewt_news.php?nid=797&filename=index วนั ที่คน้ 3 มีนาคม 2565 4.https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/832379/ วนั ที่คน้ 10 มีนาคม 2565

ภาคผนวก

เคา้ โครงโครงงาน

เคา้ โครงโครงงาน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook