49 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ทีไ่ ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท่.ี ......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทักษะใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย ในชอ่ งว่างทต่ี รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการส่อื ความหมายขอ้ มูล การพยากรณ์ การลงความเห็นจากขอ้ มูล การต้ังสมมติฐาน การกาหนดนิยามเชิงปฏิบตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงข้อสรุป การสรา้ งแบบจาลอง นักเรยี นเกดิ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบ้าง ทาเคร่อื งหมาย ในช่องว่างท่ีตรงกับทกั ษะทเ่ี กิด การสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การสือ่ สาร ความร่วมมอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ที.่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
50 บทท่ี 6 โรบอทเอก็ ซโ์ ป วชิ าวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ว15101 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 9 เขียนโปรแกรมแบบมเี งอ่ื นไข 1 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 เวลา 3 ชวั่ โมง ผสู้ อน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณในการแก้ปัญหาทีพ่ บในชีวิตจริงอยา่ งเป็นข้ันตอนและเปน็ ระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ รเู้ ทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม ตัวชี้วัด ว 4.2ป.5/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมทมี่ ีการใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะอย่างงา่ ย ตรวจหาข้อผิดพลาดและ แกไ้ ข จดุ ประสงคก์ ารเรียนรูส้ ูต่ วั ช้วี ัด 1. สามารถออกแบบและเขยี นโปรแกรมทมี่ ีการใช้เหตุผลเชิงตรรกะอยา่ งงา่ ย ตรวจหาข้อผดิ พลาด และแก้ไขได้ (P) 2. มคี วามรู้เกีย่ วกับการออกแบบและเขยี นโปรแกรมทีม่ กี ารใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะอยา่ งง่าย ตรวจหา ขอ้ ผิดพลาดและแก้ไข (K) 3. เป็นคนชา่ งสังเกต ช่างคดิ ช่างสงสัย และเป็นผู้ทมี่ ีความกระตือรอื รน้ ในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคัญ การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมกี ารใช้เหตุผลเชิงตรรกะอย่างง่าย ตรวจหาข้อผิดพลาดและแก้ไข สาระการเรยี นรู้ คาส่ัง if on edge, bounce ใช้ในกรณีท่ีต้องการใหต้ วั ละครสะท้อนกลบั เมื่อชนขอบ เราสามารถเลือกรปู แบบการหมนุ ของตวั ละครไดจ้ าก rotation style การขยายขนาดตวั ละครทาไดโ้ ดยคลิกปมุ่ Grow และยอ่ ขนาดตวั ละคร โดยคลกิ ท่ีปุม่ Shrink หรอื กาหนดขนาดโดยใชบ้ ล็อกคาสง่ั set size to บล็อกคาสั่ง if ใชใ้ นการตรวจสอบเงอื่ นไข หากตรวจสอบแลว้ เปน็ ไปตามเงอื่ นไข โปรแกรมจะทาตาม คาสัง่ ทีถ่ ูกครอบอยู่ บล็อกคาสัง่ touching color (สัมผัสส)ี อยู่ในกลุ่มบล็อก Sensing สามารถนามาเป็นเงื่อนไขในคาส่ัง if ได้ เมอ่ื ตัวละครสมั ผัสสที ีก่ าหนด กจ็ ะทาตามคาสงั่ ท่ถี ูกครอบอยู่ Costume คอื ชดุ ตวั ละคร สามารถสัง่ ใหต้ ัวละครเปล่ียนชุดถัดไปได้โดยใช้คาสัง่ next costume หรือ เปลี่ยนเป็นชุดตวั ละครท่ตี ้องการโดยใชค้ าสง่ั switch costume คาสงั่ ask and wait ใชส้ าหรับถาม และรอรับขอ้ มลู จากผู้ใช้ โดยคาตอบที่ผ้ใู ช้ตอบ จะถูกเก็บไวใ้ น บลอ็ กคาสงั่ answer
51 ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 1. การสร้างสรรค์ 2. การคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณ 3. การแกป้ ญั หา 4. ความร่วมมอื 5. การสอ่ื สาร 6. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร ชน้ิ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความรู้) ใบงานตัวละครเคลอื่ นท่ี การใช้งานโปรแกรม Scratch การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงที่ 1-2 ขั้นท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) ครูนาเข้าสู่บทเรียนดว้ ยการกาหนดสถานการณ์ เพื่อคานวณหาค่าเขา้ ชมพิพธิ ภณั ฑข์ องครอบครวั พพิ ธิ ภัณฑ์มีอตั ราคา่ บรกิ ารดังน้ี อายุ 1-2 ปี ไม่เสยี ค่าบรกิ าร อายุ 3-12 ปี เสยี คา่ บริการ 50 บาท อายุ 13-59 ปี เสียคา่ บริการ 100 บาท อายุ 60 ปขี ้นึ ไป เสยี คา่ บริการ 50 บาท ครบครวั หนงึ่ มีสมาชิก ดงั ตอ่ ไปน้ี คุณย่า อายุ 75 ปี คณุ พอ่ อายุ 45 ปี คณุ แม่ อายุ 43 ปี ลกู คนโต อายุ 8 ปี ลกู คนเล็ก อายุ 6 เดอื น ครอบครัวนตี้ ้องจา่ ยค่าเข้าชมพิพิธภณั ฑท์ ้ังหมดก่ีบาท (นักเรียนคานวณหาคาตอบโดยคานงึ ถงึ เงอ่ื นไขที่กาหนด) ข้ันท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ครูใหน้ กั เรียนอา่ นการต์ ูนโรบอทเอก็ ซ์โป ในหนงั สอื เรียนหน้า 126 ถึงหนา้ 137 2. ครถู ามคาถามเพือ่ สรุปความรจู้ ากการอา่ น ดงั น้ี - จากเร่อื งที่อา่ นมเี หตุการณ์ใดเกิดข้ึน - จากเรอ่ื งท่อี า่ น คาสัง่ if on edge, bounce ใช้เพื่ออะไร
52 บลอ็ กคาส่ัง touching color คืออะไร ใช้เพ่ืออะไร บล็อก Sensing คืออะไร ใช้เพือ่ อะไร และ บล็อกคาสงั่ if คืออะไร ใชเ้ พื่ออะไร ข้ันท่ี 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ (explanation) 1. ครูให้นกั เรียนเปดิ โปรแกรม Scratch และทดลองเขยี นโปรแกรมตามหนังสอื เรียน หนา้ 37 ภาพจากหนังสอื เรยี น สสวท. 2. ทดสอบโปรแกรมเทียบกบั ผลลพั ธ์ทค่ี รูแสดง ดังคลิปแสดงผลลพั ธ์การเขียนโปรแกรม https://www.youtube.com/watch?v=53wqFvSConc 3. ใหน้ ักเรยี นใชบ้ ล็อกคาสงั่ ทีไ่ ดเ้ รียนรมู้ าปรับปรงุ การเขยี นโปรแกรมของตนเอง 4. ครูเชอ่ื มโยงและสรปุ ความรู้เก่ยี วกบั บลอ็ กคาสั่งต่างๆ คาสง่ั if on edge, bounce ใชใ้ นกรณที ่ีต้องการใหต้ วั ละครสะท้อนกลบั เมอ่ื ชนขอบ เราสามารถเลือกรูปแบบการหมุนของตวั ละครได้จาก rotation style การขยายขนาดตัวละครทาไดโ้ ดยคลิกปุม่ Grow และย่อขนาดตัวละคร โดยคลิกทปี่ มุ่ Shrink หรือ กาหนดขนาดโดยใช้บล็อกคาสง่ั set size to บล็อกคาสงั่ if ใช้ในการตรวจสอบเงอ่ื นไข หากตรวจสอบแลว้ เป็นไปตามเงอื่ นไข โปรแกรมจะทาตาม คาสง่ั ทถี่ ูกครอบอยู่ บล็อกคาสั่ง touching color (สัมผัสสี) อยใู่ นกลุ่มบล็อก Sensing สามารถนามาเปน็ เงอ่ื นไขในคาส่ัง if ได้ เม่ือตวั ละครสมั ผสั สีทก่ี าหนด กจ็ ะทาตามคาสง่ั ทีถ่ ูกครอบอยู่ Costume คอื ชุดตัวละคร สามารถสง่ั ให้ตวั ละครเปล่ียนชุดถัดไปไดโ้ ดยใช้คาสั่ง next costume หรือ เปล่ียนเป็นชุดตวั ละครทต่ี อ้ งการโดยใชค้ าสง่ั switch costume คาส่ัง ask and wait ใชส้ าหรับถาม และรอรับขอ้ มูลจากผู้ใช้ โดยคาตอบที่ผู้ใช้ตอบ จะถูกเกบ็ ไว้ใน บล็อกคาสงั่ answer
53 ขน้ั ที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ใหน้ ักเรยี นวางแผนเขยี นโปรแกรมโดยการทาใบงานตัวละครเคล่ือนท่ี (ไม่ใช้ซอฟต์แวร์) 2. ครเู ปน็ ทปี่ รกึ ษาในการดาเนนิ กจิ กรรม ข้นั ท่ี 5 ประเมนิ (evaluation) ครปู ระเมินการเรยี นรู้ของนกั เรียน ดงั น้ี สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะทางานร่วมกัน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียนในช้ันเรยี น การทากิจกรรม ใบงานตวั ละครเคล่ือนท่ี การใช้โปรแกรม Scratch และประเมินทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 โดยใชแ้ บบประเมินตามสภาพจรงิ ช่วั โมงที่ 3 ขัน้ ท่ี 1 สร้างความสนใจ (engagement) ครูนาเขา้ สู่บทเรยี นด้วยการทบทวนความรูจ้ ากชัว่ โมงทีแ่ ลว้ เก่ียวกบั บลอ็ กในกล่มุ Sensing โดยให้ นักเรยี นบอกความหมายของแต่ละบล็อก ภาพจาก http://www.sf.ac.th/scratch/Unit1_2-block-scratch.pdf โดยครมู ัทนา ประภาเมอื ง ข้ันที่ 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ครูใหน้ กั เรียนอ่านการ์ตนู โรบอทเอ็กซ์โป จากหนงั สอื เรยี นหน้า 138 ถงึ หน้า 142 2. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปความรู้จากเร่อื งทอี่ ่าน หวั ขอ้ ดังน้ี - การใช้คาสัง่ if - การเพมิ่ ชดุ ตวั ละคร - การใช้คาสัง่ wait (รอ) 3. ครูแสดงการเขียนโปรแกรมโดยใชค้ าสงั่ ดงั กล่าวใหน้ ักเรยี นดเู ปน็ ตวั อย่าง 4. ครูเป็นทีป่ รกึ ษาแนะนาการดาเนินกิจกรรม
54 ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation) 1. ครูให้นกั เรยี นเปิดโปรแกรม Scratch 2. ทดลองเขียนโปรแกรมตามหนังสือเรียน หน้า 142 และเปรยี บเทียบผลลพั ธ์ https://www.youtube.com/watch?v=dqT7u1Dtv1E ภาพจากหนังสอื เรียน สสวท. 3. ครูเป็นทีป่ รึกษาแนะนาการดาเนนิ กิจกรรม ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นักเรยี นจับคู่ และเขียนปรับปรุงโปรแกรมต่อไปนี้ โดยกาหนดให้ - แมวกา้ วขา - ปลาขยบั ครีบ - ตัวละครเคลื่อนไหวเร็วข้นึ ภาพจากหนังสอื เรยี น สสวท.
55 2. ครูส่มุ นักเรยี นแสดงผลงานการปรบั ปรุงโปรแกรม และให้ข้อเสนอแนะ 3. ครเู ป็นทป่ี รกึ ษาในการดาเนินกิจกรรม ขน้ั ที่ 5 ประเมิน (evaluation) ครูประเมินการเรยี นรู้ของนักเรยี น ดังนี้ สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะทางานรว่ มกัน สังเกตการตอบคาถามของนกั เรียนในชัน้ เรยี น การทากจิ กรรม การใชโ้ ปรแกรม Scratch และประเมนิ ทกั ษะ แห่งศตวรรษท่ี 21 โดยใช้แบบประเมินตามสภาพจริง สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ โปรแกรม Scratch ใบงานตัวละครเคล่ือนที่ คลปิ แสดงผลลัพธก์ ารเขียนโปรแกรม https://www.youtube.com/watch?v=53wqFvSConc คลปิ แสดงผลลพั ธก์ ารเขยี นโปรแกรม https://www.youtube.com/watch?v=dqT7u1Dtv1E แบบประเมินการเรียนรู้ เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมนิ - การใชโ้ ปรแกรม Scratch - ใบงานตัวละครเคล่ือนท่ี ตัวชว้ี ัด ระดบั คะแนน - การใชโ้ ปรแกรม Scratch 3 21 - ใบงานตวั ละครเคล่อื นท่ี ทางานอย่างเปน็ ระบบ ชัดเจน ทางานอยา่ งเป็นระบบ ชดั เจน ทางานอยา่ งเปน็ ระบบ ถูกต้อง ครอบคลมุ และมีการ ถูกต้อง ครอบคลุม ชดั เจน ถูกตอ้ ง แต่ยังไม่ เช่ือมโยงใหเ้ ห็นเป็นภาพรวม สอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงค์ ครอบคลมุ สอดคล้องกับวตั ถุประสงค์
56 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท่.ี ......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทักษะใดบา้ ง ทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งว่างทต่ี รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการส่อื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเห็นจากขอ้ มูล การต้ังสมมติฐาน การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ การสรา้ งแบบจาลอง นักเรยี นเกดิ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย ในช่องว่างท่ีตรงกับทักษะทเ่ี กิด การสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การสือ่ สาร ความรว่ มมอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท.ี่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
57 บทท่ี 6 โรบอทเอก็ ซโ์ ป วชิ าวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ว15101 แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 10 เขียนโปรแกรมแบบมเี งือ่ นไข 2 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 5 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอยา่ งเปน็ ขั้นตอนและเปน็ ระบบใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รเู้ ท่าทนั และมีจริยธรรม ตวั ชี้วดั ว 4.2ป.5/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมทีม่ กี ารใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะอย่างงา่ ย ตรวจหาข้อผิดพลาดและ แก้ไข จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรูส้ ่ตู วั ชว้ี ัด 1. สามารถออกแบบและเขียนโปรแกรมทม่ี ีการใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะอยา่ งงา่ ย ตรวจหาข้อผิดพลาด และแก้ไขได้ (P) 2. มีความร้เู กยี่ วกบั การออกแบบและเขยี นโปรแกรมท่มี ีการใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะอยา่ งง่าย ตรวจหา ข้อผดิ พลาดและแก้ไข (K) 3. เปน็ คนช่างสงั เกต ช่างคิด ช่างสงสัย และเปน็ ผู้ทม่ี คี วามกระตอื รอื รน้ ในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคัญ การออกแบบและเขยี นโปรแกรมทมี่ กี ารใช้เหตุผลเชิงตรรกะอยา่ งง่าย ตรวจหาข้อผิดพลาดและแกไ้ ข สาระการเรยี นรู้ คาสั่ง if on edge, bounce ใช้ในกรณีท่ตี อ้ งการให้ตวั ละครสะท้อนกลับเม่ือชนขอบ เราสามารถเลอื กรปู แบบการหมนุ ของตัวละครได้จาก rotation style การขยายขนาดตัวละครทาได้โดยคลกิ ปมุ่ Grow และยอ่ ขนาดตวั ละคร โดยคลกิ ทปี่ ่มุ Shrink หรือ กาหนดขนาดโดยใช้บลอ็ กคาสง่ั set size to บลอ็ กคาสง่ั if ใช้ในการตรวจสอบเงอื่ นไข หากตรวจสอบแลว้ เป็นไปตามเงือ่ นไข โปรแกรมจะทาตาม คาสั่งท่ถี กู ครอบอยู่ บลอ็ กคาสั่ง touching color (สัมผัสส)ี อยู่ในกลุ่มบลอ็ ก Sensing สามารถนามาเป็นเงอื่ นไขในคาสง่ั if ได้ เมื่อตวั ละครสัมผสั สีทกี่ าหนด กจ็ ะทาตามคาสง่ั ท่ถี ูกครอบอยู่ Costume คอื ชุดตวั ละคร สามารถสง่ั ให้ตัวละครเปล่ียนชดุ ถัดไปไดโ้ ดยใช้คาสง่ั next costume หรือ เปลยี่ นเป็นชดุ ตวั ละครท่ีตอ้ งการโดยใชค้ าส่งั switch costume คาส่ัง ask and wait ใชส้ าหรบั ถาม และรอรับขอ้ มลู จากผู้ใช้ โดยคาตอบท่ีผู้ใช้ตอบ จะถูกเก็บไว้ใน บลอ็ กคาสงั่ answer
58 ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 1. การสร้างสรรค์ 2. การคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ 3. การแกป้ ัญหา 4. ความรว่ มมอื 5. การส่ือสาร 6. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร ชิ้นงานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความรู้) การใช้งานโปรแกรม Scratch การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี 1-2 ขน้ั ที่ 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) ครูนาเขา้ สู่บทเรยี นด้วยการแนะนาโปรแกรมเกม ท่ีนักเรยี นสามารถเขียนโปรแกรมตามเง่ือนไขของ เกม (โปรแกรมออนไลน์ Moana : Way finding with code โดย code.org) http://oho.ipst.ac.th/im/5612 โดยครูสาธติ การเขยี นโปรแกรมให้นกั เรียนดู จากนั้นให้นักเรียนชว่ ยกนั เสนอการเขยี นโปรแกรม จากนนั้ ครูถามคาถามนา ดังน้ี - นักเรยี นสามารถเขียนโปรแกรมให้ตวั ละครเคลอ่ื นที่ไดห้ รือไม่ - นกั เรยี นอยากเขยี นโปรแกรม Moana : Way finding with code น้ีหรือไม่ อยา่ งไร ขั้นท่ี 2 สารวจและคน้ หา (exploration) 1. ครใู หน้ ักเรียนเปดิ โปรแกรม Moana : Way finding with code จาก http://oho.ipst.ac.th/im/5612
59 2. ครูกาหนดใหน้ ักเรียนเขยี นโปรแกรมใน Wayfinding with code 1 และ Wayfinding with code 2 ไปพร้อมๆกบั ครู 3. ครใู ห้นักเรยี นลองเขียนโปรแกรมใน Wayfinding with code อื่นๆ โดยครูเป็นที่ปรกึ ษาในการ ดาเนินกจิ กรรม ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation) 1. ครูให้นักเรยี นอา่ นการต์ นู ในหนังสอื เรยี น หนา้ 144 ถึง หน้า 148 2. ครถู ามคาถามเพื่อสรปุ ความรู้จากการอ่าน ดงั น้ี - จากเร่ืองท่ีอา่ นมเี หตกุ ารณใ์ ดเกิดขึ้น - จากเรอื่ งทอี่ ่าน คาสั่ง ask and wait ใช้เพื่ออะไร และทบทวนการทางานของบล็อกต่างๆ 3. ครเู ช่อื มโยงและสรปุ ความรูเ้ กยี่ วกบั บล็อกคาส่ังต่างๆ คาสงั่ if on edge, bounce ใชใ้ นกรณที ต่ี อ้ งการใหต้ วั ละครสะทอ้ นกลับเมื่อชนขอบ เราสามารถเลอื กรูปแบบการหมนุ ของตวั ละครได้จาก rotation style การขยายขนาดตัวละครทาได้โดยคลิกปุ่ม Grow และย่อขนาดตัวละคร โดยคลกิ ท่ปี ุม่ Shrink หรือ กาหนดขนาดโดยใช้บลอ็ กคาสัง่ set size to บลอ็ กคาสัง่ if ใช้ในการตรวจสอบเงอื่ นไข หากตรวจสอบแล้วเปน็ ไปตามเงอื่ นไข โปรแกรมจะทาตาม คาสง่ั ทถ่ี ูกครอบอยู่ บล็อกคาส่ัง touching color (สัมผัสส)ี อยใู่ นกลุ่มบล็อก Sensing สามารถนามาเป็นเง่ือนไขในคาสัง่ if ได้ เมื่อตัวละครสมั ผสั สที ีก่ าหนด กจ็ ะทาตามคาสง่ั ทถ่ี กู ครอบอยู่ Costume คอื ชดุ ตัวละคร สามารถสง่ั ใหต้ วั ละครเปลย่ี นชดุ ถัดไปได้โดยใช้คาส่งั next costume หรอื เปลี่ยนเป็นชดุ ตัวละครที่ตอ้ งการโดยใช้คาสั่ง switch costume คาสั่ง ask and wait ใช้สาหรบั ถาม และรอรบั ข้อมูลจากผู้ใช้ โดยคาตอบที่ผใู้ ชต้ อบ จะถกู เกบ็ ไวใ้ น บลอ็ กคาสง่ั answer ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นักเรียนเขียนโปรแกรมจากหนังสือเรยี น หนา้ 147 และเปรียบเทยี บกบั ผลลพั ธ์ทค่ี รแู สดง https://www.youtube.com/watch?v=meYXyVqC9uk
60 ภาพจากหนงั สือเรียน สสวท. 2. ครใู หน้ กั เรยี นทดลองปรบั ปรุงโปรแกรมดังกลา่ ว และนาแสดงผลงาน 3. ครูเปน็ ที่ปรึกษาในการดาเนินกิจกรรม ข้นั ที่ 5 ประเมนิ (evaluation) ครูประเมินการเรียนรู้ของนกั เรยี น ดงั นี้ สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นขณะทางานรว่ มกนั สังเกตการตอบคาถามของนักเรียนในชน้ั เรยี น การทากจิ กรรม การใชโ้ ปรแกรม Scratch การเขียนโปรแกรม ผ่าน Moana : Way finding with code และประเมนิ ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 โดยใช้แบบประเมนิ ตาม สภาพจรงิ สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้ โปรแกรม Scratch Moana : Way finding with code โดย code.org http://oho.ipst.ac.th/im/5612 คลปิ แสดงผลลัพธก์ ารเขียนโปรแกรม https://www.youtube.com/watch?v=meYXyVqC9uk
61 แบบประเมินการเรยี นรู้ เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมนิ - การใช้โปรแกรม Scratch - การเขียนโปรแกรม Moana : Way finding with code ตวั ชี้วดั ระดับคะแนน - การใชโ้ ปรแกรม Scratch 3 21 - การเขียนโปรแกรม Moana : ทางานอย่างเป็นระบบ ชดั เจน ทางานอย่างเป็นระบบ ชัดเจน ทางานอย่างเปน็ ระบบ Way finding with code ถูกตอ้ ง ครอบคลุมและมกี าร ถูกต้อง ครอบคลมุ ชัดเจน ถกู ตอ้ ง แตย่ ังไม่ เช่ือมโยงให้เหน็ เปน็ ภาพรวม สอดคลอ้ งกับวตั ถปุ ระสงค์ ครอบคลุม สอดคล้องกบั วตั ถุประสงค์
62 ข้อเสนอแนะของหัวหน้าสถานศกึ ษาหรือผู้ท่ีไดร้ ับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื .................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท่ี.......เดือน........................พ.ศ. .......... บนั ทึกหลังสอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นักเรียนเกิดทกั ษะใดบ้าง ทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งว่างท่ตี รงกบั สิ่งที่ทาได้ การสงั เกต การวดั การใชจ้ านวน การจาแนกประเภท การหาความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง สเปซกับสเปซ สเปซกบั เวลา การจดั กระทาและการสอ่ื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเห็นจากข้อมูล การตัง้ สมมติฐาน การกาหนดนิยามเชิงปฏบิ ัติการ การกาหนดและควบคมุ ตัวแปร การทดลอง การตีความหมายและลงข้อสรุป การสร้างแบบจาลอง นกั เรยี นเกดิ ทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 ใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย ในชอ่ งวา่ งที่ตรงกับทกั ษะที่เกิด การสรา้ งสรรค์ การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปญั หา การสือ่ สาร ความร่วมมือ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท.ี่ ......เดอื น........................พ.ศ. ..........
63 บทท่ี 7 แฟนตะกร้อ วชิ าวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ว15101 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และมีมารยาท 2 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 5 ชว่ั โมง ผู้สอน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ญั หาทพ่ี บในชวี ิตจริงอยา่ งเป็นข้ันตอนและเปน็ ระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ญั หาได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ รู้เทา่ ทนั และมจี ริยธรรม ตวั ช้ีวดั ว 4.2ป.5/5 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั มมี ารยาท เข้าใจสิทธิและหน้าทขี่ องตน เคารพในสิทธิ ของผู้อื่น แจ้งผเู้ กีย่ วขอ้ งเม่ือพบขอ้ มลู หรือบุคคลทีไ่ มเ่ หมาะสม จุดประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ู่ตัวชี้วัด 1. สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัยและมมี ารยาท (P) 2. มีความรู้เกี่ยวกบั การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และมีมารยาท (K) 3. เป็นคนชา่ งสงั เกต ช่างคดิ ชา่ งสงสัย และเป็นผู้ท่มี ีความกระตอื รอื รน้ ในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคญั การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั และมีมารยาท สาระการเรยี นรู้ สามารถใชค้ าส่งั End task/End process หรอื Force quit ในการปิดโปรแกรมท่ีไม่ตอบสนองการ ทางาน การติดตอ่ กบั ผู้ทีไ่ มร่ จู้ กั กนั มาก่อน ควรแนะนาตวั และใช้ภาษาทส่ี ุภาพในการตดิ ต่อสอ่ื สาร สแปม คือ อเี มล หรือข้อความทีส่ ง่ มาโดยผูร้ บั ไมไ่ ดร้ อ้ งขอ ซ่งึ อาจส่งมาเพอ่ื โฆษณา หรือต้องการ หลอกลวง การป้องกันสแปม ทาได้โดยไม่แชรอ์ เี มลไว้ในทสี่ าธารณะ และเมื่อไดร้ ับอีเมล หรือขอ้ ความสแปม ควรรายงานในระบบเพอ่ื จะไมไ่ ด้ขอ้ มูลจากผู้ส่งน้นั อีก ฟชิ ชิ่ง เปน็ การหลอกลวงโดยให้ผใู้ ช้คลกิ ลิงกไ์ ปยังเวบ็ ไซต์ท่สี รา้ งขึน้ มาเลยี นแบบเว็บไซต์จริง เพ่อื ให้ ผใู้ ช้กรอกขอ้ มลู และนาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ การหลอกลวงใหเ้ ลน่ เกม เชน่ เชิญชวนให้เล่นเกมโดยใหเ้ หรียญฟรี และกระต้นุ ใหซ้ อื้ ไอเทมเพิ่มเตมิ ผูใ้ ช้อินเทอรเ์ น็ตควรระมดั ระวัง ใช้งานอย่างรู้เทา่ ทนั และไมส่ ร้างความเสยี หาย/ความเดือดรอ้ นแก่ ผ้อู ่นื ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 1. การสรา้ งสรรค์ 2. การคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณ 3. การแกป้ ญั หา
64 4. ความรว่ มมอื 5. การสื่อสาร 6. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร ชิ้นงานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความรู้) ใบงานขอ้ ความชวนคุย ใบงานใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1-2 ขั้นท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) ครนู าเข้าสู่บทเรยี นด้วยการถามคาถาม หากนกั เรยี นใช้งานคอมพวิ เตอร์แลว้ เครอ่ื งไม่ตอบสนอง นกั เรียนจะแกไ้ ขปญั หาอย่างไร (นักเรยี นตอบตามประสบการณ์) ขั้นท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ครูให้นักเรียนอา่ นการต์ ูนแฟนตะกร้อ จากหนังสอื เรียนหนา้ 154 ถึง หน้า 160 2. ครถู ามคาถามเพ่ือทบทวนความรจู้ ากเรอื่ งทอี่ ่าน ดงั นี้ - จากเรือ่ งท่อี า่ นมีเหตกุ ารณใ์ ดเกิดขนึ้ - จากเรื่องท่ีอา่ นคอมพวิ เตอร์ไม่ตอบสนอง มกี ารแก้ปญั หาอยา่ งไร - จากเรอื่ งที่อ่านมกี ารส่งขอ้ ความถงึ บคุ คลทไ่ี ม่ร้จู ัก มเี หมาะสมหรอื ไม่ อย่างไร 3. ครเู ปน็ ทปี่ รึกษาแนะนาการดาเนินกจิ กรรม ขั้นท่ี 3 อธิบายและลงขอ้ สรุป (explanation) 1. ครูให้นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 4-5 คน ใหแ้ ต่ละกลุ่มช่วยกันเขยี นข้อความ สาหรับส่งให้ นกั กีฬา ตะกร้อขวัญใจ ที่ไม่เคยรู้จกั กันมาก่อนให้เหมาะสม 2. นกั เรียนตัวแทนกลมุ่ นาเสนอขอ้ ความของกลมุ่ ตนเอง และสรุปความร้รู ว่ มกัน เก่ยี วกบั การตดิ ตอ่ กบั ผูท้ ีไ่ ม่รูจ้ กั กันมากอ่ น ควรแนะนาตวั และใช้ภาษาที่สภุ าพในการตดิ ตอ่ ส่อื สาร 3. ครูเสริมความรู้ในกรณที ่เี คร่ืองคอมพิวเตอร์ไมต่ อบสนอง สามารถแกป้ ัญหาได้โดย ใช้คาสง่ั End task/End process หรอื Force quit ในการปิดโปรแกรมท่ไี ม่ตอบสนอง ขั้นท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นกั เรยี นทาใบงานขอ้ ความชวนคยุ เพอื่ ขยายความร้เู กี่ยวกับการตดิ ต่อกบั ผู้ท่ไี ม่รู้จกั กนั มากอ่ น 2. ครูเป็นที่ปรึกษาในการดาเนินกจิ กรรม
65 ขน้ั ท่ี 5 ประเมนิ (evaluation) ครูประเมินการเรยี นรู้ของนกั เรยี น ดงั นี้ สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นขณะทางานร่วมกนั สังเกตการตอบคาถามของนักเรียนในชั้นเรียน ใบงานข้อความชวนคุย และประเมนิ ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 โดยใชแ้ บบประเมินตามสภาพจริง ชว่ั โมงที่ 3-5 ขั้นท่ี 1 สร้างความสนใจ (engagement) ครูนาเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยการถามคาถามนาดงั น้ี - นักเรียนเคยใชง้ านอเี มล หรือสอื่ สงั คม แลว้ พบข้อความโฆษณาหรือไม่อย่างไร - คาวา่ “สแปม” คอื อะไร (นกั เรยี นตอบตามประสบการณ์) ขน้ั ท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ครูใหน้ กั เรียนดคู ลปิ วีดีโอ การใช้อนิ เทอรเ์ น็ตอย่างปลอดภัย https://www.youtube.com/watch?v=UbdZ8iw5_Ts 2. ครถู ามคาถามเพ่อื ทบทวนความรู้จากคลิปวีดโี อ ดงั นี้ - จากคลปิ วีดีโอการใช้อนิ เทอร์เน็ตอยา่ งปลอดภัยมีอะไรบ้าง จงยกตวั อย่าง 3. ครูเปน็ ทีป่ รึกษาแนะนาการดาเนนิ กิจกรรม ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรปุ (explanation) 1. ครูให้นกั เรยี นอ่านการต์ ูนแฟนตะกรอ้ จากหนังสอื เรยี น หน้า 161 ถึง หนา้ 167 2. ครูถามคาถามเพื่อทบทวนความรู้จากเร่ืองทีอ่ ่าน ดงั นี้ - จากเรื่องทอ่ี า่ นมีเหตุการณใ์ ดเกดิ ขึ้น - จากเรื่องทีอ่ า่ นให้นักเรียนยกตัวอยา่ งการหลอกลวงจากอีเมลหรือข้อความสแปม - จากเรือ่ งท่อี า่ นใหน้ กั เรียนยกตัวอย่างการหลอกลวงให้เล่นเกม 3. ครูเชอื่ มโยงความรู้ดงั นี้ สแปม คือ อีเมล หรือขอ้ ความท่สี ง่ มาโดยผู้รบั ไม่ได้รอ้ งขอ ซ่ึงอาจสง่ มาเพอื่ โฆษณา หรอื ต้องการ หลอกลวง การปอ้ งกันสแปม ทาได้โดยไม่แชร์อเี มลไวใ้ นทส่ี าธารณะ และเม่ือไดร้ ับอเี มล หรือขอ้ ความสแปม ควรรายงานในระบบเพ่อื จะไมไ่ ด้ข้อมลู จากผู้สง่ นั้นอกี ฟชิ ช่ิง เปน็ การหลอกลวงโดยให้ผู้ใชค้ ลิกลิงก์ไปยังเว็บไซตท์ ี่สร้างข้นึ มาเลยี นแบบเวบ็ ไซตจ์ ริง เพ่ือให้ ผใู้ ช้กรอกข้อมูล และนาขอ้ มลู ไปใช้ประโยชน์ การหลอกลวงให้เลน่ เกม เชน่ เชญิ ชวนใหเ้ ลน่ เกมโดยใหเ้ หรียญฟรี และกระตนุ้ ใหซ้ อ้ื ไอเทมเพิ่มเตมิ ผู้ใชอ้ ินเทอร์เน็ตควรระมัดระวัง ใชง้ านอยา่ งรเู้ ทา่ ทัน และไมส่ ร้างความเสยี หาย/ความเดอื ดรอ้ นแก่ ผอู้ น่ื ขัน้ ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นกั เรยี นทาใบงานใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เพอ่ื ขยายความรู้เก่ียวกับการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย
66 2. ครูเปน็ ทป่ี รกึ ษาในการดาเนินกจิ กรรม ขนั้ ท่ี 5 ประเมนิ (evaluation) ครูประเมินการเรยี นรู้ของนักเรียน ดังน้ี สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะทางานรว่ มกัน สังเกตการตอบคาถามของนักเรียนในชั้นเรยี น การทากจิ กรรม ใบงานใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และประเมินทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 โดยใช้แบบประเมนิ ตามสภาพจรงิ สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้ คลิปวีดีโอ การใช้อนิ เทอรเ์ นต็ อยา่ งปลอดภัย https://www.youtube.com/watch?v=UbdZ8iw5_Ts ใบงานข้อความชวนคยุ ใบงานใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั แบบประเมนิ การเรยี นรู้ เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมนิ - ใบงานข้อความชวนคุย - ใบงานใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั ตวั ชีว้ ัด ระดับคะแนน - ใบงานขอ้ ความชวนคยุ 3 21 - ใบงานใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศอย่างปลอดภัย ทางานอย่างเปน็ ระบบ ชัดเจน ทางานอยา่ งเป็นระบบ ชดั เจน ทางานอย่างเป็นระบบ ถกู ต้อง ครอบคลุมและมีการ ถูกตอ้ ง ครอบคลุม ชดั เจน ถูกตอ้ ง แตย่ งั ไม่ เชอื่ มโยงให้เหน็ เปน็ ภาพรวม สอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงค์ ครอบคลุม สอดคลอ้ งกับวตั ถปุ ระสงค์
67 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท่.ี ......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทักษะใดบา้ ง ทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งว่างทต่ี รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการส่อื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเห็นจากขอ้ มูล การต้ังสมมติฐาน การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ การสรา้ งแบบจาลอง นักเรยี นเกดิ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย ในช่องว่างท่ีตรงกับทักษะทเ่ี กิด การสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การสือ่ สาร ความรว่ มมอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท.ี่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
68 บทท่ี 8 กีฬาฮาเฮ วิชาวทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ว15101 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 12 ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 5 ชว่ั โมง ผ้สู อน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ญั หาทพี่ บในชีวิตจรงิ อยา่ งเปน็ ข้ันตอนและเป็น ระบบใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแกป้ ัญหาได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รู้เท่าทนั และมีจริยธรรม ตวั ชี้วดั ว 4.2ป.5/1 ใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะในการแกป้ ญั หา การอธิบายการทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหา อย่างง่าย จุดประสงค์การเรยี นรู้สู่ตวั ช้วี ดั 1. สามารถใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ จาก ปัญหาอย่างงา่ ยได้ (P) 2. มีความร้เู ก่ียวกบั การใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหา การอธบิ ายการทางาน การคาดการณ์ ผลลัพธ์ จากปญั หาอยา่ งง่าย (K) 3. เปน็ คนชา่ งสงั เกต ชา่ งคดิ ช่างสงสัย และเปน็ ผู้ท่ีมีความกระตือรอื ร้นในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคญั การใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปัญหา การอธบิ ายการทางาน การคาดการณ์ผลลพั ธ์ จากปญั หา อย่างง่าย สาระการเรยี นรู้ การใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการหาขอ้ สรปุ ของปัญหาอยา่ งสมเหตุสมผล การแก้ปัญหาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะทาได้โดยการเขียนแนวทางท่เี ปน็ ไปไดท้ ้งั หมด แลว้ พจิ ารณา ข้อมูลหรอื เงื่อนไขทีม่ อี ยู่ จากนั้นตัดแนวทางที่ไม่สอดคลอ้ งออก เพ่อื นาไปสแู่ นวทางที่เปน็ ขอ้ สรุป ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 1. การสรา้ งสรรค์ 2. การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ 3. การแก้ปัญหา 4. ความรว่ มมือ 5. การส่ือสาร 6. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร
69 ชิน้ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน รอ่ งรอยแสดงความรู้) ใบงานเตมิ ตัวเลข ใบงานกล่องอยตู่ าแหน่งไหน ใบงานแอบเปลิ้ มะละกอ กลว้ ย การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ชัว่ โมงท่ี 1-2 ข้ันที่ 1 สร้างความสนใจ (engagement) ครนู าเขา้ สู่บทเรียนด้วยสถานการณ์ “ในระหวา่ งการแขง่ ขนั วงิ่ กระสอบ เมื่อใกลถ้ งึ เส้นชัย มะลกิ าลัง ว่ิงนากุหลาบอยู่ จากน้ันมะลกิ ถ็ กู ดาวเรอื งวิ่งนาเข้าเส้นชยั ” ให้นกั เรียนเรยี งลาดบั ว่าใครว่ิงได้ลาดบั ที่เท่าใด (นกั เรียนตอบตามความคิดเชงิ เหตุผล) ขน้ั ท่ี 2 สารวจและคน้ หา (exploration) 1. ครูใหน้ ักเรยี นอา่ นการ์ตนู กีฬาฮาเฮ จากหนังสือเรียนหนา้ 174 ถงึ หนา้ 179 2. ครูถามคาถามเพือ่ ทบทวนความรูจ้ ากเรอื่ งทอี่ า่ น ดงั นี้ - จากเรื่องที่อ่านมเี หตุการณ์ใดเกิดขน้ึ - จากเรื่องท่อี ่านมีวธิ ีการการเขยี นแนวทางทเ่ี ป็นไปไดท้ ้งั หมด และหาขอ้ สรุปอย่างไร 3. ครเู ป็นทีป่ รึกษาแนะนาการดาเนนิ กิจกรรม ข้ันที่ 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation) 1. ครใู ห้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน เพ่ือแกป้ ญั หา การสลับกระเปา๋ กันของคุณครูนก คุณครูพมิ และคุณครกู ๊ิก โดยแสดงแนวทางทง้ั หมดทเี่ ปน็ ไปได้ ตัดแนวทางที่ไมส่ อดคล้อง และหาข้อสรปุ ภาพจากหนงั สือเรียน สสวท. 2. นักเรียนตวั แทนกลุ่มนาเสนอ แนวทางทัง้ หมดทเ่ี ป็นไปได้ การตัดแนวทางที่ไม่สอดคล้อง และหา ขอ้ สรุป
70 3. ครูเสรมิ ความรู้วา่ การใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะเปน็ การหาขอ้ สรปุ ของปัญหาอย่างสมเหตสุ มผล การแกป้ ญั หาโดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะทาไดโ้ ดยการเขยี นแนวทางที่เป็นไปไดท้ งั้ หมด แล้วพิจารณา ขอ้ มลู หรอื เงือ่ นไขที่มีอยู่ จากน้นั ตัดแนวทางทไี่ มส่ อดคลอ้ งออก เพือ่ นาไปสู่แนวทางท่ีเปน็ ขอ้ สรปุ ขั้นท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นักเรียนทาใบงานเตมิ ตวั เลข เพื่อขยายความรเู้ กย่ี วกับการแกป้ ัญหาเชงิ ตรรกะ 2. ครูเป็นที่ปรกึ ษาในการดาเนนิ กิจกรรม ขั้นที่ 5 ประเมิน (evaluation) ครปู ระเมินการเรียนรู้ของนักเรียน ดงั น้ี สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะทางานร่วมกัน สังเกตการตอบคาถามของนักเรียนในชนั้ เรียน ใบงานเตมิ ตัวเลข และประเมนิ ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 โดยใช้ แบบประเมินตามสภาพจริง ชว่ั โมงท่ี 3-5 ขน้ั ที่ 1 สร้างความสนใจ (engagement) ครนู าเข้าสู่บทเรยี นด้วยการถามคาถามนาดงั นี้ - นักเรยี นเคยอาบนา้ ให้สตั วเ์ ลี้ยงหรอื ไม่ - นกั เรียนจะอาบน้าให้สัตวเ์ ล้ียงเม่อื ใด และมีวิธกี ารอาบนา้ อยา่ งไร (นกั เรยี นตอบตามประสบการณ)์ ขัน้ ที่ 2 สารวจและคน้ หา (exploration) 1. ครูให้นกั เรยี นดูคลิปวีดีโอการ์ตนู ลิปดากบั โพล่า ตอน อาบน้าซซี า่ https://www.youtube.com/watch?v=lzgmECKO19w 2. ครูถามคาถามเพ่ือทบทวนความรู้จากคลิปวดี ีโอ ดงั น้ี - จากคลปิ วดี ีโอมีเหตกุ ารณ์ใดเกดิ ข้ึน - จากคลิปวีดีโอมวี ธิ ีการแก้ปัญหาเชงิ ตรรกะอย่างไร 3. ครูเป็นทปี่ รกึ ษาแนะนาการดาเนนิ กิจกรรม ข้นั ที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ (explanation) 1. ครูให้นกั เรยี นอา่ นการต์ นู กีฬาฮาเฮ จากหนังสือเรยี น หน้า 186 ถงึ หน้า 192 2. ครูใหน้ ักเรียนทาใบงานกลอ่ งอย่ตู าแหนง่ ไหน เพอ่ื นทบทวนการเรยี นรูจ้ ากเรือ่ งทีอ่ า่ น 3. ครูเป็นทีป่ รกึ ษาในการดาเนินกิจกรรม ข้นั ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานแอบเป้ิล มะละกอ กล้วย เพอ่ื ขยายความร้เู กยี่ วกบั การใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ เพอ่ื แก้ปญั หาอย่างง่าย 2. ครูเป็นทีป่ รกึ ษาในการดาเนินกจิ กรรม
71 ขั้นที่ 5 ประเมนิ (evaluation) ครปู ระเมินการเรียนรู้ของนักเรียน ดงั นี้ สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะทางานร่วมกนั สังเกตการตอบคาถามของนกั เรยี นในชนั้ เรียน การทากิจกรรม ใบงานกลอ่ งอย่ตู าแหนง่ ไหน ใบงานแอบเปิ้ล มะละกอ กลว้ ย และประเมนิ ทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 โดยใช้แบบประเมนิ ตามสภาพจรงิ สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ คลปิ วีดีโอการต์ ูนลิปดากับโพลา่ ตอน อาบนา้ ซซี า่ https://www.youtube.com/watch?v=lzgmECKO19w ใบงานเตมิ ตัวเลข ใบงานกลอ่ งอยตู่ าแหน่งไหน ใบงานแอบเปลิ้ มะละกอ กลว้ ย แบบประเมินการเรียนรู้ เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบประเมนิ - ใบงานเติมตัวเลข - ใบงานกลอ่ งอยตู่ าแหน่งไหน - ใบงานแอบเป้ิล มะละกอ กล้วย ตัวช้ีวดั ระดับคะแนน - ใบงานเติมตัวเลข 3 21 - ใบงานกล่องอยตู่ าแหนง่ ไหน - ใบงานแอบเปล้ิ มะละกอ ทางานอย่างเปน็ ระบบ ชดั เจน ทางานอย่างเป็นระบบ ชดั เจน ทางานอย่างเป็นระบบ กลว้ ย ถกู ต้อง ครอบคลมุ และมีการ ถกู ตอ้ ง ครอบคลุม ชัดเจน ถูกต้อง แตย่ ังไม่ เช่อื มโยงใหเ้ หน็ เปน็ ภาพรวม สอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์ ครอบคลุม สอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์
72 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท่.ี ......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทักษะใดบา้ ง ทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งว่างทต่ี รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการส่อื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเห็นจากขอ้ มูล การต้ังสมมติฐาน การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ การสรา้ งแบบจาลอง นักเรยี นเกดิ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย ในช่องว่างท่ีตรงกับทักษะทเ่ี กิด การสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การสือ่ สาร ความรว่ มมอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท.ี่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
73 บทท่ี 9 ดาวหาง ณ กลางหาว วชิ าวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ว15101 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 13 ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 3 ช่ัวโมง ผู้สอน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่พี บในชวี ติ จรงิ อย่างเปน็ ขั้นตอนและเป็น ระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ รูเ้ ท่าทัน และมีจริยธรรม ตัวช้ีวดั ว 4.2ป.5/3 ใชอ้ นิ เทอร์เนต็ คน้ หาขอ้ มูล ติดต่อสอื่ สารและทางานร่วมกนั ประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มูล จดุ ประสงคก์ ารเรียนร้สู ตู่ วั ช้ีวัด 1. สามารถใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ ค้นหาขอ้ มลู ได้ (P) 2. มคี วามรู้เก่ียวกับการใช้อินเทอรเ์ นต็ เพ่อื การค้นหาขอ้ มลู (K) 3. เปน็ คนช่างสงั เกต ชา่ งคิด ชา่ งสงสยั และเปน็ ผู้ท่มี ีความกระตอื รอื ร้นในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคัญ การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ เพื่อการคน้ หาข้อมูล สาระการเรยี นรู้ การพมิ พ์คาคน้ เปน็ ภาษาไทยโดยท่ีคานน้ั เป็นคาทับศัพท์จากคาในภาษาอังกฤษ อาจได้ผลการคน้ หา ไมต่ รงตามความตอ้ งการ เนอื่ งจากสะกดคาไม่ตรงกนั จงึ อาจพมิ พค์ าคน้ เป็นภาษาอังกฤษ เพือ่ ให้ได้ผลการ คน้ หาตรงตามความตอ้ งการ และหากไม่แนใ่ จในการสะกดคา อาจเลอื กใช้คาท่ีโปรแกรมค้นหาแนะนามาให้ นอกจากจะใช้โปรแกรมคน้ หาในการหาข้อมูลจากแหลง่ ข้อมลู ต่างๆแล้ว ยังสามารถใช้หาคาตอบอน่ื ๆ ได้ เชน่ แปลคาศพั ท์เปน็ ภาษาต่างๆ หาขอ้ มูลพยากรณ์อากาศ แปลงค่าเงนิ แปลงค่าหน่วยวดั หรือการ คานวณทางคณิตศาสตร์ ขอ้ มูลทีป่ รากฏในบางเวบ็ ไซด์อาจกล่าวถงึ เฉพาะข้อดีหรือเฉพาะข้อเสยี ในเรือ่ งน้ันๆ ควรพิจารณา และหาขอ้ มลู ใหร้ อบด้าน เวบ็ ไซดท์ ใ่ี ชใ้ นการคน้ หาขอ้ มลู เฉพาะด้าน เชน่ www.wolframalpha.com เปน็ เวบ็ ไซต์ท่ใี หข้ อ้ มูล ทางวิชาการ ซ่งึ อาจจะให้คาตอบเฉพาะด้าน เช่น การคานวณตา่ งๆ ไดล้ ะเอยี ดกว่าเวบ็ ไซตค์ น้ หาทั่วไป ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 1. การสร้างสรรค์ 2. การคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ 3. การแกป้ ญั หา 4. ความร่วมมือ 5. การส่ือสาร
74 6. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน ร่องรอยแสดงความร้)ู ใบงานคาสาคญั การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชว่ั โมงท่ี 1-2 ขน้ั ท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) ครนู าเขา้ สู่บทเรยี นดว้ ยการถามคาถามนา ดงั นี้ - นักเรียนเคยหาข้อมูลทางอนิ เทอร์เนต็ หรือไม่ - นกั เรียนใชโ้ ปรแกรมใดในการคน้ หาข้อมูล (นกั เรียนตอบตามประสบการณ์) ขั้นที่ 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ครูให้นกั เรยี นอ่านการ์ตนู ดาวหาง ณ กลางหาว จากหนงั สอื เรยี นหนา้ 199 ถึง หนา้ 209 2. ครูถามคาถามเพอ่ื ทบทวนความรจู้ ากเรอื่ งทีอ่ า่ น ดังนี้ - จากเรื่องที่อา่ นมีเหตุการณใ์ ดเกิดข้นึ - จากเร่ืองทอ่ี ่านมีปัญหาเกย่ี วกบั คาคน้ อยา่ งไร 3. ครเู ปน็ ที่ปรึกษาแนะนาการดาเนินกิจกรรม ขน้ั ท่ี 3 อธิบายและลงขอ้ สรุป (explanation) 1. ครใู หน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน และเปิดโปรแกรมคน้ หา และคน้ หาขอ้ มลู เกย่ี วกับดาวหาง ฮลั เลย่ ์ และสรปุ ความรู้จากการค้นหา 2. นักเรยี นตวั แทนกลุ่มนาเสนอ ผลการค้นหาขอ้ มลู เก่ยี วกับดาวหางฮัลเลย่ ์ 3. ครเู สรมิ ความรูว้ า่ การพิมพค์ าค้นเป็นภาษาไทยโดยท่คี านั้นเป็นคาทับศพั ท์จากคาในภาษาองั กฤษ อาจได้ผลการค้นหาไมต่ รงตามความตอ้ งการ เนอื่ งจากสะกดคาไม่ตรงกัน จึงอาจพิมพค์ าคน้ เปน็ ภาษาองั กฤษ เพื่อให้ไดผ้ ลการค้นหาตรงตามความต้องการ และหากไม่แน่ใจในการสะกดคา อาจเลอื กใช้คาทโ่ี ปรแกรมค้นหา แนะนามาให้ ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ใหน้ กั เรียนทาใบงานคาสาคัญ เพื่อขยายความรู้เก่ียวกบั การค้นหาขอ้ มูลทางอนิ เทอรเ์ นต็ 2. ครูเป็นท่ีปรึกษาในการดาเนินกิจกรรม ขนั้ ที่ 5 ประเมนิ (evaluation) ครปู ระเมินการเรยี นรู้ของนกั เรียน ดังน้ี สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะทางานรว่ มกนั สังเกตการตอบคาถามของนักเรียนในช้ันเรยี น ใบงานคาสาคญั และประเมินทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 โดยใช้ แบบประเมินตามสภาพจริง
75 ชวั่ โมงท่ี 3 ขัน้ ท่ี 1 สร้างความสนใจ (engagement) ครนู าเข้าสู่บทเรยี นด้วยการถามคาถามนาดงั นี้ - นักเรียนคดิ วา่ หากตอ้ งการทราบสภาพอากาศของวนั พรงุ่ น้ี นักเรียนจะใชค้ าค้นวา่ อย่างไร - นักเรียนคิดวา่ หากต้องการ แปลงหน่วยวัดจากตันเป็นกิโลกรมั นักเรยี นจะใช้คาค้นว่าอย่างไร (นกั เรียนตอบตามความคิด/ประสบการณ์) ข้ันที่ 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษาใบความรูจ้ ากหนังสอื เรียน หน้า 211 เกีย่ วกับการใชโ้ ปรแกรมค้นหาคาตอบ ตา่ งๆ เชน่ การถามคา่ เงนิ การถามขอ้ มูลพยากรณอ์ ากาศ เป็นตน้ 2. ครถู ามคาถามเพือ่ ทบทวนความรู้ ดงั นี้ - จากใบความรู้ สามารถใช้โปรแกรมค้นหาคาตอบเก่ียวกับอะไรได้บา้ ง 3. ครูเชือ่ มโยงความรู้ วา่ นอกจากจะใชโ้ ปรแกรมคน้ หาในการหาข้อมูลจากแหลง่ ข้อมลู ต่างๆแล้ว ยัง สามารถใชห้ าคาตอบอน่ื ๆได้ เช่นแปลคาศพั ท์เป็นภาษาต่างๆ หาขอ้ มูลพยากรณ์อากาศ แปลงคา่ เงนิ แปลงคา่ หนว่ ยวดั หรอื การคานวณทางคณิตศาสตร์ ขนั้ ท่ี 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ (explanation) 1. ครใู หน้ ักเรยี นเปดิ โปรแกรมค้นหา และลองใช้คาคน้ ตามใบความรใู้ นหนังสือเรียน หนา้ 211 2. ครูให้นกั เรียนลองเปลี่ยนรปู แบบคาคน้ 3. ครูเปน็ ทปี่ รกึ ษาในการดาเนนิ กจิ กรรม ขนั้ ที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ใหน้ กั เรียนคน้ หาคาตอบต่อไปนี้ - ค่าเงนิ บาทเทยี บกับคา่ เงินในประเทศอาเซียน - อุณหภูมิท่ีเมืองหลวง ประเทศกมั พชู า ในวันพรงุ่ น้ี 2. ครูเป็นที่ปรึกษาในการดาเนินกิจกรรม ขน้ั ที่ 5 ประเมิน (evaluation) ครปู ระเมินการเรียนรู้ของนกั เรียน ดงั น้ี สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นขณะทางานร่วมกัน สังเกตการตอบคาถามของนกั เรยี นในชน้ั เรยี น การทากจิ กรรม การใชโ้ ปรแกรมค้นหาขอ้ มูล และประเมนิ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 โดยใช้แบบประเมนิ ตามสภาพจริง สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ โปรแกรมคน้ หาข้อมูล ใบงานคาสาคัญ
76 แบบประเมินการเรยี นรู้ เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมนิ - การใช้โปรแกรมคน้ หาข้อมลู - ใบงานคาสาคัญ ตวั ชว้ี ัด ระดับคะแนน - การใช้โปรแกรมคน้ หาขอ้ มูล 3 21 - ใบงานคาสาคญั ทางานอย่างเป็นระบบ ชดั เจน ทางานอย่างเปน็ ระบบ ชัดเจน ทางานอย่างเปน็ ระบบ ถกู ต้อง ครอบคลุมและมกี าร ถกู ต้อง ครอบคลมุ ชัดเจน ถูกตอ้ ง แตย่ ังไม่ เชือ่ มโยงให้เหน็ เป็นภาพรวม สอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์ ครอบคลมุ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
77 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท่.ี ......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทักษะใดบา้ ง ทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งว่างทต่ี รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พันธร์ ะหวา่ ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการส่อื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเห็นจากขอ้ มูล การต้ังสมมติฐาน การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ การสรา้ งแบบจาลอง นักเรยี นเกดิ ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย ในช่องว่างท่ีตรงกับทักษะทเ่ี กิด การสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การสือ่ สาร ความรว่ มมอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท.ี่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
78 บทท่ี 9 ดาวหาง ณ กลางหาว วิชาวทิ ยาศาสตร์เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ว15101 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 14 ประเมินความนา่ เชอื่ ถอื ของข้อมลู ช้ันประถมศึกษาปีที่ 5 เวลา 2 ชัว่ โมง ผู้สอน ............................................................................... มาตรฐาน มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชงิ คานวณในการแก้ปญั หาที่พบในชีวติ จรงิ อย่างเป็นขั้นตอนและเปน็ ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รู้เท่าทนั และมจี รยิ ธรรม ตัวช้ีวัด ว 4.2ป.5/3 ใช้อินเทอรเ์ นต็ คน้ หาข้อมลู ตดิ ต่อสอื่ สารและทางานรว่ มกัน ประเมินความนา่ เช่อื ถือของข้อมูล จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้สู ู่ตวั ชว้ี ดั 1. สามารถประเมนิ ความนา่ เชอ่ื ถือของขอ้ มูลได้ (P) 2. มีความรูเ้ กย่ี วกบั การประเมินความนา่ เช่อื ถือของขอ้ มลู (K) 3. เป็นคนช่างสงั เกต ช่างคดิ ชา่ งสงสยั และเปน็ ผู้ท่มี คี วามกระตือรือรน้ ในการเสาะแสวงหาความรู้ (A) สาระสาคัญ การประเมนิ ความน่าเชื่อถือของขอ้ มูล สาระการเรยี นรู้ ข้อมลู หรือข่าวท่สี ่งต่อกนั มา ถึงแม้วา่ แหลง่ ขอ้ มูลจะเป็นสานักขา่ วก็ควรตรวจสอบก่อนจะเชื่อ หรอื แชร์ขอ้ มูลนนั้ ใหผ้ ู้อ่ืน การตรวจสอบความน่าเชอ่ื ถอื ของข้อมูลอาจทาได้โดยการสบื คน้ ไปยังตน้ ตอของแหล่งขอ้ มูลว่ามกี าร อ้างองิ หรอื มที ี่มาจากแหลง่ ใด ข้อมูลทม่ี ีความนา่ เชื่อถือควรมาจากผูเ้ ชยี่ วชาญ หรอื หนว่ ยงานทเ่ี ก่ียวข้องกับเรือ่ งนั้นโดยตรง ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 1. การสร้างสรรค์ 2. การคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ 3. การแก้ปัญหา 4. ความร่วมมอื 5. การสือ่ สาร 6. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร ชนิ้ งานหรือภาระงาน (หลกั ฐาน รอ่ งรอยแสดงความร้)ู ใบงานหาคาตอบ
79 การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ชว่ั โมงท่ี 1-2 ขั้นท่ี 1 สรา้ งความสนใจ (engagement) ครูนาเขา้ สู่บทเรียนดว้ ยการถามคาถามนา ดงั น้ี - นกั เรยี นเคยแชรข์ ้อมูลหรอื ข่าวสารในเครือขา่ ยสังคมหรือไม่ - ขอ้ มลู หรอื ข่าวสารทน่ี กั เรียนแชรม์ ีความน่าเช่อื ถือหรอื ไม่ (นักเรียนตอบตามความคิด/ประสบการณ์) ขน้ั ท่ี 2 สารวจและค้นหา (exploration) 1. ครใู หน้ กั เรียนดูคลิปวีดีโอเทคนคิ การพิจารณาข่าวจรงิ ข่าวลอื ข่าวลวงบนโลกออนไลน์ https://www.youtube.com/watch?v=-ETyKCeB7h0 2. ครูถามคาถามเพ่ือทบทวนความรู้จากเร่อื งทีอ่ า่ น ดังน้ี - จากคลิปวีดโี อมีเทคนิคการพิจารณาข่าวจริง ข่าวลือ ขา่ วลวงบนโลกออนไลน์ อย่างไรบา้ ง 3. ครูเปน็ ที่ปรกึ ษาแนะนาการดาเนนิ กจิ กรรม ขั้นที่ 3 อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (explanation) 1. ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน และเปิดโปรแกรมคน้ หา และคน้ หาข้อมูลเกีย่ วกับ “การ สารวจดาวหางโดยยานอวกาศ” และสรุปความรู้จากการค้นหา พร้อมระบุแหล่งทีม่ าเพื่อประกอบความ น่าเชอ่ื ถอื 2. นกั เรียนตัวแทนกล่มุ นาเสนอ ผลการคน้ หาขอ้ มลู เกย่ี วกับ “การสารวจดาวหางโดยยานอวกาศ” 3. ครเู สริมความรู้ว่าการตรวจสอบความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมลู อาจทาไดโ้ ดยการสบื ค้นไปยงั ต้นตอของ แหลง่ ข้อมลู วา่ มีการอ้างอิง หรอื มที ม่ี าจากแหล่งใด ขอ้ มูลท่ีมีความน่าเช่ือถือควรมาจากผเู้ ชย่ี วชาญ หรอื หน่วยงานท่เี กีย่ วข้องกับเร่ืองน้ันโดยตรง ขน้ั ที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. ให้นกั เรยี นทาใบงานหาคาตอบ เพ่ือขยายความรเู้ กีย่ วกับการคน้ หาข้อมูลทางอนิ เทอร์เน็ต และ ประเมินความน่าเชือ่ ถือของขอ้ มูล 2. ครูเป็นทปี่ รึกษาในการดาเนินกิจกรรม ขั้นท่ี 5 ประเมนิ (evaluation) ครปู ระเมินการเรียนรู้ของนกั เรียน ดงั น้ี สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะทางานรว่ มกนั สังเกตการตอบคาถามของนักเรยี นในชนั้ เรยี น ใบงานหาคาตอบ และประเมินทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21 โดยใช้ แบบประเมินตามสภาพจริง
80 สอื่ /แหล่งการเรยี นรู้ โปรแกรมคน้ หาขอ้ มูล คลิปวีดีโอเทคนคิ การพจิ ารณาข่าวจริง ข่าวลือ ข่าวลวงบนโลกออนไลน์ https://www.youtube.com/watch?v=-ETyKCeB7h0 ใบงานหาคาตอบ แบบประเมินการเรียนรู้ เกณฑ์การให้คะแนนแบบประเมิน - การใช้โปรแกรมคน้ หาขอ้ มลู - ใบงานหาคาตอบ ตัวชว้ี ดั ระดบั คะแนน - การใช้โปรแกรมคน้ หาข้อมูล 3 21 - ใบงานหาคาตอบ ทางานอย่างเปน็ ระบบ ชัดเจน ทางานอย่างเป็นระบบ ชดั เจน ทางานอย่างเปน็ ระบบ ถกู ตอ้ ง ครอบคลมุ และมกี าร ถกู ต้อง ครอบคลมุ ชดั เจน ถกู ต้อง แตย่ งั ไม่ เชอ่ื มโยงให้เหน็ เปน็ ภาพรวม สอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์ ครอบคลมุ สอดคล้องกับวตั ถุประสงค์
81 ขอ้ เสนอแนะของหัวหน้าสถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. ลงชอื่ .................................................................. (.................................................................) ตาแหนง่ ................................................ วันท่.ี ......เดือน........................พ.ศ. .......... บันทึกหลงั สอน ผลการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. นกั เรยี นเกดิ ทักษะใดบา้ ง ทาเคร่ืองหมาย ในชอ่ งว่างทต่ี รงกับสง่ิ ทที่ าได้ การสงั เกต การวดั การใช้จานวน การจาแนกประเภท การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง สเปซกับสเปซ สเปซกับเวลา การจดั กระทาและการส่อื ความหมายข้อมูล การพยากรณ์ การลงความเห็นจากขอ้ มูล การต้ังสมมติฐาน การกาหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ การกาหนดและควบคุมตัวแปร การทดลอง การตคี วามหมายและลงขอ้ สรปุ การสรา้ งแบบจาลอง นักเรยี นเกดิ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ใดบา้ ง ทาเคร่อื งหมาย ในช่องว่างท่ีตรงกับทักษะทเ่ี กิด การสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา การสือ่ สาร ความรว่ มมอื การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ปัญหาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่ือ.................................................................. (.................................................................) ตาแหน่ง ................................................ วนั ท.ี่ ......เดือน........................พ.ศ. ..........
Search