แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 5 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่ือง พลงั งานความรอ้ น รหสั วิชา ว21102 รายวิชา วิทยาศาสตร์พืน้ ฐาน ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2/2562 เวลา 5 ช่ัวโมง ครผู ู้สอน นางสุมาลี สายธนู 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงานปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ิตประจาวัน ธรรมชาติของคลืน่ ปรากฏการณท์ ี่เกีย่ วข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมท้ังนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตัวชีว้ ัด ว 2.3 ม.1/6 สร้างแบบจาลองที่อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการนาความร้อน การพาความ ร้อน การแผ่รงั สีความร้อน ผลการเรียนรู้ อธิบายการถ่ายโอนความรอ้ นทั้ง 3 แบบ คอื การนาความรอ้ น การพาความรอ้ น และการแผ่รังสีความ ร้อน การนาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนทีอ่ าศัยตัวกลาง โดยที่ตัวกลางไม่เคลื่อนที่ การพาความร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยที่ตัวกลางเคลื่อนที่ไปด้วย ส่วนการแผ่รังสีความร้อนเป็นการ ถ่ายโอนความรอ้ นที่ไม่ต้องอาศยั ตัวกลาง 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (จากตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้) 1. อธิบายการนาความรอ้ นได้ (K) 2. สร้างแบบจาลองการนาความรอ้ นได้ (P) 3. รับผิดชอบต่อหนา้ ที่และงานทีไ่ ด้รับมอบหมาย (A) 3. สาระสาคญั สารที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน จะมีการถ่ายโอนความร้อนระหว่างกัน การถ่ายโอนความร้อนมี 3 แบบ คือ การนาความร้อน การพาความร้อน และการแผ่รังสีความร้อน ซึ่งการนาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความ ร้อนที่อาศัยตวั กลาง โดยตัวกลางไม่เคลื่อนที่ การพาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดย ตวั กลางมีการเคลื่อนที่ ส่วนการแผร่ งั สคี วามรอ้ นเปน็ การถ่ายโอนความร้อนทีไ่ ม่อาศัยตวั กลาง
4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ และเลือกรับหรือไม่ รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดย คานงึ ถึงผลกระทบที่มตี ่อตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพือ่ นาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรอื สารสนเทศ เพือ่ การตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ ดาเนินชีวิตประจาวัน การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่าง บคุ คล การจดั การปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม 5. สาระการเรียนรู้ 5.1 ความรู้ (Knowledge : K) การถ่ายโอนความร้อน : การนาความรอ้ น การพาความรอ้ น การแผ่รงั สีความร้อน - การนาความรอ้ น (Conduction) หากเราเทน้าร้อนใส่แก้วที่ทาจากวัสดุที่เป็นโลหะ แล้วนาไปวางไว้ในแก้วอีกใบที่ใหญ่กว่าซึ่งมีน้าเย็นอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ น้าในแก้วทั้งสองจะมีอุณหภูมิเท่ากัน หรือขณะที่เราต้มน้าในกา หากมือของเราบังเอิญ ไปสัมผัสกับกาต้มน้า จะทาให้เรารู้สึกถึงความร้อนจากกา ซึ่งความร้อนน้ันก็อาจทาให้ผิวหนังของเราไหม้พอง ได้อกี ด้วย สิ่งทีเ่ กิดขึน้ เหล่านีเ้ ป็นการถ่ายโอนความร้อนในรปู แบบของการนาความร้อน การนาความร้อนเกิดขึ้นโดยมีวัตถุที่เป็นของแข็งเป็นตัวกลาง จากการส่ันของอนุภาคที่เรียงตัวกันอยู่ อย่างหนาแน่นในวัตถุที่เป็นของแข็งนั้น และส่งพลังงานอย่างต่อเน่ืองกันไป โดยไม่มีการเคลื่อนที่ของโมเลกุล หรือสสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง มีเพียงพลังงานเท่านั้นที่ถูกถ่ายโอนไป เช่น จากน้าร้อนไปสู่น้าเย็นหรือจาก กาต้มน้าสู่มอื ของเรา วตั ถุที่นาความร้อนได้ดี เราเรียกว่า \"ตวั นาความร้อน (Conductor)\" ได้แก่ โลหะ เช่น เงิน ทองแดง เหล็ก ส่วนวัตถุที่นาความร้อนได้ไม่ดีเราเรียกว่า \"ฉนวนความร้อน (Insulators)\" ได้แก่ อโลหะและก๊าซ เช่น ไม้ พลาสติก อากาศ ซึ่งความรู้ในเร่อื งนี้เราสามารถนามาประยุกต์ใช้กับสร้างบ้านเพื่อระบายความร้อนได้อีกด้วย โดยบ้านที่สร้างจากฉนวนใยหินหรอื ไฟเบอร์กลาส จะมีความเยน็ ภายในเพราะวัสดดุ ังกล่าวเป็นฉนวนความร้อน จึงมีการนาความร้อนจากนอกบ้านเข้าสู่ภายในบ้านได้น้อยกว่าวัสดุอื่น ๆ อย่างไรก็ตามฉนวนความร้อนไม่ได้ หยุดการถ่ายโอนความร้อนอย่างส้ินเชิง เพียงแต่ทาใหก้ ารถ่ายโอนความร้อนเปน็ ไปได้ช้าลงเท่านั้น
- การพาความรอ้ น (Convection) ตัวอย่างของการพาความร้อนที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ การถ่ายโอนความร้อนผ่านน้าซึ่งต้มอยู่ในหม้อ ขณะที่น้าเดือดเราจะเห็นได้ว่า มีการเคลื่อนที่ของน้าในหม้อเกิดขึ้น นั่นคือการถ่ายโอนความร้อนโดยการพา ความรอ้ นซึ่งมีน้าเป็นตวั กลาง เมื่อเราให้ความร้อนแก่น้า น้าที่อยู่ก้นหม้อจะได้รับความร้อน มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น และเกิดการขยายตัว เน่ืองจากอนุภาคของน้าที่ได้รับความร้อนมีการเคลื่อนที่ ช่องว่างระหว่างโมเลกุลของน้าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ อนุภาคมีขนาดเท่าเดิม ทาให้น้าบริเวณก้นหม้อมีความหนาแน่นน้อยลง ดังนั้น มันจึงลอยตัวสู่ผิวน้าด้านบน ส่วนผิวน้าด้านบนที่มีอุณหภูมิต่ากว่าแต่ความหนาแน่นมากกว่าก็จะเคลื่อนลงมาอยู่ที่ก้นหม้อแทน เหตุการณ์นี้ จะเกิดขึ้นซ้า ๆ กันไปเร่ือย ๆ จนกว่าเราจะหยุดให้ความร้อนแก่น้า และการพาความร้อนในลักษณะนี้ก็เกิด ขนึ้ กบั ก๊าซได้เชน่ กนั เชน่ การย่างเน้ือสตั ว์ที่วางอยู่บนตะแกรงเหนอื กองไฟ เนื่องจากของเหลวและก๊าซถือว่าเป็นของไหล อนุภาคในของไหลสามารถเคลื่อนที่จากจุดหน่ึงไปอีกจุด หน่งึ ได้ ดังนน้ั เม่ืออนุภาคของของเหลวหรอื ก๊าซได้รบั พลังงานความร้อน มันจึงเคลื่อนทีไ่ ปสู่ที่ทีม่ พี ลังงานความ ร้อนน้อยกว่า เป็นการถ่ายโอนความร้อนในลักษณะของการพาความร้อนด้วยตัวกลางอย่างของเหลวและก๊าซ น่ันเอง ทั้งนี้เราสามารถนาความรู้เกี่ยวกับการพาความร้อนมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างการสร้าง ช่องระบายอากาศภายในบ้าน เปน็ ต้น - การแผ่รังสีความร้อน (Radiation) วัตถุทุกชนิดมีการแผ่และดูดซับรังสีความร้อนหรือที่เรียกว่า \"รังสีอินฟราเรด (Infrared Radiation, IR)\" โดยรังสีอินฟราเรดเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งซึ่งสามารถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง จึงแตกต่าง จากการนาความรอ้ นและการพาความรอ้ นที่ต้องอาศัยอนุภาคของตวั กลางในการถ่ายโอนความรอ้ น การแผ่รังสีความร้อนจะมีลักษณะการแผ่ออกไปในทุกทิศทุกทางรอบจุดกาเนิดหรือวัตถุ โดยวัตถุที่มี ความร้อนมากกว่าจะแผ่รังสีได้มากกว่า เช่น ดวงอาทิตย์แผ่รังสีความร้อนได้มากกว่ากาแฟร้อนในแก้ว ส่วน ความสามารถในการดดู ซับความรอ้ นก็จะแตกต่างกันออกไปขึน้ กับลักษณะและสมบัติของวัตถนุ ั้น ๆ เช่น วตั ถุสี เข้ม ด้าน จะสามารถแผแ่ ละดูดซับความรอ้ นได้ดีกว่าวัตถทุ ี่มีสอี ่อนและมันวาว หรอื หากวัตถุสองชิ้นทาจากวัสดุ ชนิดเดียวกัน ปริมาณเท่ากัน วัตถุที่มีลักษณะแบนและบาง จะสามารถแผ่รังสีความร้อนได้เร็วกว่าวัตถุที่อ้วน หนา 5.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (Process : P) ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนมีการรู้เร่ืองเคร่ืองมือวัดอุณหภูมิเทอร์มอมิเตอร์นั้น ผเู้ รียนต้องทักษะที่สาคัญ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. การกาหนดปัญหา ปัญหาเกิดจากการสังเกต โดยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวกาย ประกอบกับความช่างคิดช่างสงสัย สัมผัสโดยตรงกับเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อค้นหาข้อมูล และ
บันทึกข้อมูลที่ได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งการกาหนดปัญหาต้องมีความชัดเจนและสัมพันธ์กับความรู้ ซึ่งต้องอาศัย ความคิดสรา้ งสรรค์ 2. การต้ังสมมมิตฐาน การคิดหาคาตอบล่วงหน้า ก่อนจะกระทาการทดลองโดยอาศัยการสังเกต ความรู้ ปละประสบการณ์เดิมเปน็ พื้นฐาน คาตอบที่คิดหาล่วงหน้านีย้ ังไม่เป็นหลักการ สมมติฐานหรือคาตอบ ทีค่ ิดไว้ล่วงหนา้ มกั กล่าวไว้เป็นข้อความทีบ่ อกความสัมพนั ธ์ระหว่างตวั แปรต้นกบั ตัวแปรตาม 3. การตรวจสอบสมมติฐาน การดาเนินการตรวจสอบสมมติฐาน โดยอาศัยการรวบรวมข้อมูลท้ัง จากการสารวจ การทดลอง หรอื วิธีการอ่นื ๆ ประกอบกัน 4. การวิเคราะห์ข้อมูล การนาข้อมูลที่ได้จากการสังเกต ศึกษาค้นคว้า ทดลอง หรือการรวบรวม ข้อมลู และขอ้ เท็จจริงมาวิเคราะหผ์ ล 5. การสรุปผลการทดลอง การสรุปผลการทดลอง เป็นขั้นตอนสุดท้ายของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเกิดจากการนาเอาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่ได้จากการทดลองมาวิเคราะห์ผลและหาควา มสัมพันธ์ระหว่าง ข้อมลู หรอื ข้อเทจ็ จริงเพื่อนามาอธิบาย และตรวจสอบดูว่าสมมตฐิ านทีต่ งั้ ข้ึนถูกต้องหรือไม่ 5.3 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์(Attitude : A) 1. ซือ่ สตั ย์สุจริต - ประพฤติตรงตามความเป็นจรงิ ตอ่ คนเองท้ังกาย และวาจา ใจ 2. มีวนิ ัย - ประพฤติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบงั คบั ของขอ้ ตกลงในห้องเรียน 3. ใฝเ่ รียนรู้ - ต้ังใจเพียงพยายามในการเรียน และเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ - แสวงหาความรรู้ ู้จากแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือกใช้ส่อื อย่างเหมาะสม สรุปเปน็ องค์ความรู้ และสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ 4. มุ่งม่นั ในการทางาน - ตั้งใจและรับผิดชอบในหน้าที่การงาน - ทางานด้วยเพียงพยายามและอดทนเพื่อให้สาเร็จตามเป้าหมาย 6. จดุ เน้นสกู่ ารพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น(เลือกเฉพาะจดุ เน้นขอ้ ที่มใี นแผนการจัดการเรียนรู้ สามารถเพิ่มเติม จุดเน้นตามนโยบายอื่นๆได้) 6.1 ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คอื การเรียนรู้ 3R X 8C Reading (อ่านออก) (W) Riting (เขียนได้) (A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ ) ทักษะด้านการคิดอย่างมวี ิจารณญาณและทักษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation) ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding) ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทางานเปน็ ทีมและภาวะผนู้ า (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะด้านการส่อื สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสือ่ (Communications, Information, and Media Literacy) ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT Literacy)
ทกั ษะอาชีพ และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning) ทักษะการเปลี่ยนแปลง (Change) 6.2 ทกั ษะด้านชีวติ และอาชีพ ของคนในศตวรรษท่ี 21 ความยืดหยุ่นและการปรบั ตัว การรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์และเป็นตัวของตวั เอง ทกั ษะสังคมและสังคมข้ามวฒั นธรรม การเปน็ ผู้สรา้ งหรอื ผู้ผลิต (Productivity) และความรับผดิ ชอบเชอ่ื ถือได้ (Accountability) ภาวะผู้นาและความรับผดิ ชอบ (Responsibility) 6.3 คุณลกั ษณะของคนในศตวรรษท่ี 21 คุณลกั ษณะด้านการทางาน ได้แก่ การปรบั ตัว ความเป็นผู้นา คุณลกั ษณะด้านการเรียนรู้ ได้แก่ การชีน้ าตนเอง การตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเอง คุณลักษณะด้านศลี ธรรม ได้แก่ ความเคารพผอู้ ื่น ความซือ่ สัตย์ ความสานึกพลเมอื ง 7. การบูรณาการ(เลือกเฉพาะข้อที่สามารถบูรณาการในแผนการจัดการเรียนรู้ สามารถเพิ่มเติมเรื่องอื่นๆ ได้) โครงการสถานศกึ ษาพอเพียง โครงการโรงเรียนคณุ ธรรม อาเซียนศกึ ษา คุณธรรม ค่านิยม 12 ประการ อนรุ ักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม อื่นๆ(ระบ)ุ ..................................................................................... 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน/ร่องรอยแสดงความรู)้ 1. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชวั่ โมงที่ 1 ขนั้ นา กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครถู ามคาถาม prior knowledge กระตุ้นความคิดของนักเรียนว่า วัตถุสามารถถ่ายโอนความร้อน ให้แก่กนั ได้อย่างไร (แนวตอบ วตั ถสุ ามารถถ่ายโอนความร้อนให้แก่กนั โดยการถ่ายโอนความรอ้ นผา่ นตวั กลาง ซึ่งตัวกลาง อาจเคลือ่ นที่หรอื ไม่เคลื่อนที่ อาจถ่ายโอนความร้อนโดยไม่อาศัยตวั กลางโดยการแผร่ ังสคี วามรอ้ น)
2. ครูสนทนา และถามคาถามนกั เรียนเกี่ยวกบั การถ่ายโอนความร้อน ดงั นี้ - เพราะเหตุใดเราจงึ รู้สกึ ร้อนขณะที่ถูกแสงแดดจากดวงอาทิตย์ (แนวตอบ ดวงอาทิตย์แผ่รังสีความร้อนมายงั โลก ทาให้คนบนโลกได้รบั พลงั งานความรอ้ น) - เพราะเหตุใดทพั พีตกั อาหาร ทาจากวสั ดุต่างชนิดกนั เชน่ พลาสติก ไม้ เป็นต้น ทาให้ขณะที่ ตักอาหาร รู้สกึ ว่าทพั พีร้อนไม่เท่ากนั (แนวตอบ ทัพพีตักอาหารบริเวณช้อนตักทาด้วยโลหะมีสมบตั ินาความรอ้ นได้ สว่ น ด้ามจบั ถูก ออกแบบมาให้ใชว้ สั ดุทีม่ สี มบตั ิเปน็ ฉนวนกนั ความร้อน เชน่ พลาสติก ไม้ เป็นต้น) - เพราะเหตุใดเวลาเปิดฝาหมอ้ น้าทีก่ าลงั เดือด เราจึงรู้สกึ ร้อน (แนวตอบ ไอน้าเดือดที่ระเหยจากหมอ้ เกิดการพาความรอ้ นทาให้เราได้รับพลังงานความร้อน) 3. นักเรียนช่วยกันอภปิ รายและแสดงความคิดเหน็ เพือ่ เชอ่ื มโยงไปสู่การเรยี นรู้ จากนั้นครูจงึ สรุป เหตกุ ารณท์ ้ัง 3 ตัวอย่างว่า เปน็ เหตกุ ารณท์ ี่เกิดขึน้ เนือ่ งจากสารมกี ารถ่ายโอนความรอ้ น ขน้ั สอน สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครูใหน้ กั เรียนศกึ ษาประเภทของการถ่ายโอนความร้อนจากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หนา้ 16-17 2. ครูใหน้ ักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเปน็ กลุ่มละ 3-4 คน และแบ่งหนา้ ที่เพื่อทากิจกรรม เรื่อง การสร้าง แบบจาลองการถ่ายโอนความรอ้ น ในหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หนา้ ที่ 18 3. ครใู หน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มทากิจกรรม และตอบคาถามท้ายกิจกรรมลงในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ชวั่ โมงท่ี 2 ขน้ั สอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงาน ดว้ ยการส่งตวั แทนกลุ่มละ 2-3 คน นาเสนอผลการทา กิจกรรม เรอ่ื ง การสร้างแบบจาลองการถ่ายโอนความร้อน 2. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายผลที่ได้จากการทากิจกรรม 3. ครูให้แตล่ ะกลุ่มเสนอคาตอบท้ายกิจกรรม และครเู ฉลยคาตอบ ดังนี้ - การถ่ายโอนความร้อนแต่ละประเภทมีลักษณะอย่างไร (แนวตอบ การนาความรอ้ น เป็นการถ่ายโอนความรอ้ นผา่ นตัวกลางทีไ่ ม่เคลื่อนที่ การพาความ ร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนผ่านตัวกลางทีเ่ คลือ่ นที่ การแผร่ ังสคี วามร้อน เป็นการถ่ายโอน ความรอ้ นโดยไม่อาศัยตัวกลาง) - การถ่ายโอนความร้อนแต่ละประเภทมีตัวกลางสถานะใดที่ถ่ายโอนความร้อนได้ดีทีส่ ดุ (แนวตอบ การนาความรอ้ น ตวั กลางที่เปน็ ของแข็งจะสามารถนาความรอ้ นได้ดีทีส่ ุด การพาความรอ้ น ตวั กลางทีเ่ ปน็ แก๊สจะสามารถพาความรอ้ นได้ดีทีส่ ุด)
- ประเมินแบบจาลองของกลุ่มอน่ื ว่าแสดงถึงเนือ้ หาที่ถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ คาตอบขึ้นอยู่กบั แบบจาลองของนกั เรียน และดลุ ยพินจิ ของนกั เรียนและครู) ชวั่ โมงท่ี 3 ขน้ั สอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มผลดั กนั เล่าเรื่องทีต่ นได้ศึกษามาให้สมาชิกในกลุ่มฟัง 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลการสืบค้นข้อมลู หน้าชั้นเรียน 3. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม เช่น - นกั เรียนจะรู้สกึ ร้อน เม่อื จบั แก้วน้าร้อน เพราะสาเหตใุ ด (แนวตอบ เนือ่ งจากน้าร้อนมีการถ่ายโอนพลังงานความรอ้ นจากน้าผา่ นตวั กลาง หรอื ภาชนะที่ บรรจุ (แก้วน้า) มายังมอื ของเรา) - การถ่ายโอนความร้อนผา่ นตัวกลาง มีหลักการอย่างไร (แนวตอบ อาศยั หลกั การส่ันของอะตอม หรอื โมเลกุลเม่อื ได้รบั ความรอ้ น ทาใหอ้ ะตอม หรือ โมเลกลุ ที่อยู่ขา้ งเคียงเกิดการส่ันดว้ ย ซึ่งการสั่นจะเกิดขนึ้ ต่อเนอ่ื งจนไปอะตอมหรือโมเลกลุ ที่ อยู่ติดกับตวั กลางน้ัน) - ความสามารถในการนาความร้อนของสารแตล่ ะชนิดเหมอื นกันหรือไม่ อย่างไร (แนวตอบ ต่างกัน ขึน้ อยู่กบั สารแตล่ ะชนิด เรียกว่า สภาพการนาความรอ้ น โดยของแข็งมกั น้า ความรอ้ นได้ดีกว่าของเหลว และของเหลวนาความรอ้ นได้ดกี ว่าแก๊ส) 4. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ ผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม ชว่ั โมงท่ี 4 ข้ันสอน สารวจค้นหา (Explore) 1. ครใู หน้ ักเรียนแบ่งกลุ่ม ออกเปน็ กลุ่มละ 3-4 คน และแบ่งหนา้ ทีเ่ พือ่ ทากิจกรรม เรื่อง การนาความ ร้อน ในหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 20 2. ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มทากิจกรรม แล้วบนั ทึกผลและตอบคาถามท้ายกิจกรรมลงในแบบฝกึ หัด วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครใู หน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงาน ดว้ ยการส่งตวั แทนกลุ่มละ 2-3 คน นาเสนอผลการทา กิจกรรม เร่อื ง การนาความร้อน 2. ครูและนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายผลที่ได้จากการทากิจกรรม 3. ครูให้แตล่ ะกลุ่มเสนอคาตอบท้ายกิจกรรม และครูเฉลยคาตอบ ดังนี้
- เมือ่ สังเกตดินน้ามันบนแท่งวสั ดุแท่งเดียวกนั ดินน้ามันบริเวณกลางแท่งหรอื ปลายแท่งทีร่ ว่ ง ก่อนกนั เพราะเหตใุ ด (แนวตอบ ดินน้ามันบริเวณกลางแท่ง เพราะเป็นบริเวณทีใ่ กล้กบั แหลง่ ความร้อนมากกว่า) - เมือ่ สังเกตดินน้ามนั บริเวณกลางแท่งวัสดุท้ัง 5 แท่ง ดินนา้ มันที่ติดกบั วัสดุใดที่ร่วงก่อน และ ดินนา้ มันทีต่ ิดกับวสั ดใุ ดที่ไม่รว่ ง (แนวตอบ ดินน้ามันทีต่ ิดกบั ทองแดงจะร่วงก่อนดินน้ามันที่ติดกบั วสั ดอุ ืน่ ส่วนดินน้ามนั ทีต่ ิดกบั ไม้และแก้วจะไม่ร่วง) ชวั่ โมงท่ี 5 ขั้นสรุป ขยายความรู้ (Expand) 1. ครูยกตัวอย่างวสั ดทุ ี่สามารถนาความรอ้ นได้ และฉนวนความรอ้ น โดยอธิบายให้นักเรียนเห็นภาพว่า กระทะทีใ่ ช้ประกอบอาหารทาให้อาหารสุก แตท่ าไมมือเราจึงไม่สกุ ไปด้วย เนื่องจากตวั กระทะทาจากโลหะ เช่น เหล็ก อะลมู ิเนยี ม เปน็ ต้น แต่ดา้ มจบั กระทะมักนิยมทามาจากวัสดุทีเ่ ป็นฉนวนกันความร้อน คอื วัสดทุ ี่ไม่นา ความรอ้ น เช่น พลาสติก ยาง ไม้ เป็นต้น 2. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หดั ในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจแบบฝกึ หดั ในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. ครปู ระเมินนกั เรียนจากการทางานกลุ่ม โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายกลุ่ม 3. ครปู ระเมินนักเรียนจากการสบื ค้นขอ้ มลู และการตอบคาถามในชั้นเรยี น โดยใช้แบบสังเกต พฤติกรรมการทางานรายบุคคล 10. สือ่ การสอน 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 11. แหล่งเรียนรูใ้ นหรือนอกสถานท่ี 11.1 หอ้ งเรียน 11.2 หอ้ งปฏิบตั ิการ 12. การวัดและประเมินผล (ใส่ตามความเหมาะสม) 12.1 วธิ ีการวัดและประเมินผล - วัดความเข้าใจของนักเรียนโดยการสังเกตความสนใจ ความต้ังใจเรียน การแสดงความ คิดเหน็ การตอบคาถาม และการมสี ่วนรว่ มในการทาแบบฝกึ เสริมประสบการณใ์ นชั้นเรียน
12.2 เครื่องมอื - การประเมินทกั ษะผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 - แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล 12.3 เกณฑก์ ารประเมิน - การประเมินทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (ผ่านเกณฑ์ต้องมีคะแนนตั้งแต่ระดับปานกลาง หรอื มี 5 คะแนนขนึ้ ไป) - แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายกลุ่ม (ผา่ นเกณฑต์ ้องมีคะแนนต้ังแต่ระดบั พอใช้ หรอื มี 8 คะแนนขึน้ ไป) - แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล (ผ่านเกณฑ์ต้องมีคะแนนต้ังแต่ระดับพอใช้ หรือ มี 8 คะแนนขนึ้ ไป) 13. กิจกรรมเสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................
14. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน 14. 1. ผลการจดั การเรียนการสอน 1. นกั เรียนจานวน .....................................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ................... คน คิดเปน็ ร้อยละ .................................................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์ ................................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ................................................. ได้แก่ 1. ............................................................................................................................ 2. ............................................................................................................................ นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ/นกั เรียนพิการได้แก่ 1. ............................................................................................................................ 2. ............................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 3. นักเรียนมีความรู้เกิดทักษะ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนเจตคติ ค่านิยม 12 ประการ คุณธรรมจริยธรรม ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 14.2 ปญั หา/อุปสรรค/แนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 14.3 เสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ลงชื่อ....................................................... ( นางสุมาลี สายธนู ) ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะชานาญการ
ความเห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ผู้ท่ไี ดร้ ับมอบหมาย ได้ทาการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง ......................................................แล้วมคี วามคิดเห็นดงั น้ี 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ ครบถ้วนและถูกต้อง ยงั ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 2. ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรียนรู้กับหลักสตู รสถานศกึ ษา สอดคล้อง ยงั ไม่สอดคล้อง ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. รปู แบบของการจัดการเรียนรู้ เน้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญ ยงั เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั ควรปรับปรุงพัฒนาต่อไป 4. สอ่ื การเรียนรู้ เหมาะสมกบั รปู แบบการจดั การเรียนรู้ ยังไม่เหมาะ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 5. การประเมินผลการเรียนรู้ ครอบคลุมจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ยังไม่ครอบคลุมประสงค์การเรียนรู้ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 6. ขอ้ เสนอแนะอื่น ๆ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ลงชื่อ ................................................................ (นายสเุ มธ หน่อแก้ว.) ตาแหน่ง ผอู้ านวยการโรงเรียนน้าปลีกศึกษา
แบบประเมินทักษะผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21 (21st Century Skills) (10 คะแนน) ผรู้ บั การประเมิน/กลุ่ม ........................................................................ ระดับชั้น/ห้อง.................. ผปู้ ระเมิน ตอนเอง เพื่อน ครู ประเมินครง้ั ที่ .......................วันที่ ......................เดือน ......................................... พ.ศ............... เรื่องที่เรยี นรู้................................................................................................................................ คาชี้แจง : ให้ผู้ประเมนิ สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียน แล้วทาเครอ่ื งหมาย ให้ตรงกับระดับคุณภาพ ระดับคณุ ภาพ ทักษะผเู้ รียน รายการประเมิน ดี ดี ปาน น้อย น้อย ปรับ หลักฐาน ด้าน มาก กลาง ที่สุด ปรงุ ที่เด่นชดั (5) (4) (3) (2) (1) (0) ทกั ษะผ้เู รยี นในศตวรรษท่ี 21(21st Century Skills) ทักษะในสาระ 1. Reading (อ่านออก) วิชาหลกั (Core 2. (W)Riting(เขียนได้) Subjects–3Rs) 3. (A)Rithemetics(คิดเลขเป็น) ทกั ษะการ 1.Critical Thinking and Problem เรยี นรแู้ ละ Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมี นวตั กรรม วิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ปญั หา) (Learning and 2.Creativity and Innovation (ทกั ษะด้าน Innovation Skills การสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม) – 8Cs) 3. Cross-cultural Understanding (ทักษะ ด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่าง กระบวนทศั น)์ 4. Collaboration,Teamwork and Leadership (ทกั ษะด้านความรว่ มมอื การทางานเปน็ ทีม และภาวะผนู้ า) 5. Communications, Information, and Media Literacy (ทักษะด้านการส่อื สาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ)
ระดบั คณุ ภาพ ทกั ษะผเู้ รียน รายการประเมิน ดี ดี ปาน น้อย น้อย ปรับ หลักฐาน ด้าน มาก กลาง ที่สดุ ปรุง ที่เด่นชดั (5) (4) (3) (2) (1) (0) 6. Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโน โลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร) 7. Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้) 8. Compassion (มีคณุ ธรรมมเี มตตา กรณุ ามรี ะเบียบวินัย) ทักษะการเรียนร้แู ละภาวะผู้นา (2Ls) ทักษะการ 1. Learning(ทักษะการเรียนร)ู้ เรียนรู้และ 2. Leadership(ภาวะผู้นา) ภาวะผนู้ า (2Ls) ข้อสงั เกต หลกั ฐาน ร่องรอย อื่น ๆ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน - พฤติกรรมที่ดีเด่นเปน็ ทีย่ อมรบั และเป็นแบบอย่างทีด่ ี ให้ 5 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชัดเจน ให้ 3 คะแนน - พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน - พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิบางครง้ั ให้ 1 คะแนน - พฤติกรรมทีไ่ ม่ปฏิบัติเลย ให้ 0คะแนน นาคะแนนท้ังหมดรวมกันได้คะแนนเต็ม 65 คะแนน แล้วหาร 6.5 จะได้คะแนนเต็ม 10 คะแนน เกณฑก์ ารแปลความหมายของช่วงคะแนน ช่วงคะแนน ความหมาย 9 -10 ดีมาก 7 - 8 ดี 5 – 6 ปานกลาง 3 – 4 น้อย 0 – 2 น้อยทีส่ ดุ ผลการประเมินทักษะผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดบั ดีมาก ดี ปานกลาง น้อย น้อยทีส่ ุด สรปุ ผลการทักษะผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 ผา่ น ไม่ผา่ น(ผ่าน ต้องมีคะแนนต้ังแต่ 5 คะแนนขนึ้ ไป) ลงชือ่ …………………………….………………….ผปู้ ระเมิน ( นางสุมาลี สายธนู ) ………../……………../…….….
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายกลมุ่ คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในช่องทีต่ รงกับระดบั คะแนน ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับฟงั คน การทางาน ความมีนา้ ใจ การมี รวม ของนักเรียน ตามทไี่ ดร้ บั สว่ นร่วมในการ 15 ลาดบั ที่ ความคดิ เห็น อน่ื มอบหมาย คะแนน ปรับปรงุ ผลงานกลมุ่ 3213213213 21 3 21 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงช่อื ................................................... ผูป้ ระเมนิ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ................/.............../............... ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14-15 ดีมาก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล คาชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งทต่ี รงกับระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เห็น 2 การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผอู้ น่ื 3 การทา่ งานตามหนา้ ท่ที ไี่ ดร้ บั มอบหมาย 4 ความมนี า่้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ ................/.............../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14-15 ดมี าก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: