Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนจัดการเรียนรู้ที่6 หน่วยที่ 4 พลังงานความร้อน

แผนจัดการเรียนรู้ที่6 หน่วยที่ 4 พลังงานความร้อน

Published by sumalee.pare, 2019-12-02 00:52:51

Description: แผนจัดการเรียนรู้ที่6 หน่วยที่ 4 พลังงานความร้อน

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 6 หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 4 เร่ือง พลงั งานความรอ้ น รหัสวิชา ว21102 รายวิชา วิทยาศาสตร์พืน้ ฐาน ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2/2562 เวลา 3 ช่ัวโมง ครูผสู้ อน นางสุมาลี สายธนู 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงานปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชวี ิตประจาวนั ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณท์ ี่เกีย่ วข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมท้ังนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตัวชีว้ ัด ว 2.3 ม.1/6 สร้างแบบจาลองที่อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการนาความร้อน การพาความ ร้อน การแผ่รงั สีความร้อน ผลการเรียนรู้ อธิบายการถ่ายโอนความรอ้ นท้ัง 3 แบบ คอื การนาความรอ้ น การพาความรอ้ น และการแผ่รังสีความ ร้อน การนาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนทีอ่ าศัยตัวกลาง โดยที่ตัวกลางไม่เคลื่อนที่ การพาความร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยที่ตัวกลางเคลื่อนที่ไปด้วย ส่วนการแผ่รังสีความร้อนเป็นการ ถ่ายโอนความรอ้ นที่ไม่ต้องอาศยั ตวั กลาง 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ (จากตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้) 1. อธิบายการพาความรอ้ นได้ (K) 2. สร้างแบบจาลองการพาความรอ้ นได้ (P) 3. รับผิดชอบต่อหนา้ ที่และงานที่ได้รับมอบหมาย (A) 3. สาระสาคญั สารที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน จะมีการถ่ายโอนความร้อนระหว่างกัน การถ่ายโอนความร้อนมี 3 แบบ คือ การนาความร้อน การพาความร้อน และการแผ่รังสีความร้อน ซึ่งการนาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความ ร้อนที่อาศัยตวั กลาง โดยตัวกลางไม่เคลื่อนที่ การพาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดย ตวั กลางมีการเคลื่อนที่ ส่วนการแผร่ งั สคี วามรอ้ นเปน็ การถ่ายโอนความร้อนทีไ่ ม่อาศัยตวั กลาง

4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ และเลือกรับหรือไม่ รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดย คานงึ ถึงผลกระทบที่มตี ่อตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรอื สารสนเทศ เพือ่ การตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ ดาเนินชีวิตประจาวัน การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่าง บคุ คล การจดั การปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม 5. สาระการเรียนรู้ 5.1 ความรู้ (Knowledge : K) การถ่ายโอนความร้อน : การนาความรอ้ น การพาความรอ้ น การแผ่รงั สีความร้อน - การนาความรอ้ น (Conduction) หากเราเทน้าร้อนใส่แก้วที่ทาจากวัสดุที่เป็นโลหะ แล้วนาไปวางไว้ในแก้วอีกใบที่ใหญ่กว่าซึ่งมีน้าเย็นอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ น้าในแก้วท้ังสองจะมีอุณหภูมิเท่ากัน หรือขณะที่เราต้มน้าในกา หากมือของเราบังเอิญ ไปสัมผัสกับกาต้มน้า จะทาให้เรารู้สึกถึงความร้อนจากกา ซึ่งความร้อนน้ันก็อาจทาให้ผิวหนังของเราไหม้พอง ได้อกี ด้วย สิ่งทีเ่ กิดขึน้ เหล่านีเ้ ปน็ การถ่ายโอนความร้อนในรูปแบบของการนาความร้อน การนาความร้อนเกิดขึ้นโดยมีวัตถุที่เป็นของแข็งเป็นตัวกลาง จากการสั่นของอนุภาคที่เรียงตัวกันอยู่ อย่างหนาแน่นในวัตถุที่เป็นของแข็งนั้น และส่งพลังงานอย่างต่อเน่ืองกันไป โดยไม่มีการเคลื่อนที่ของโมเลกุล หรือสสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง มีเพียงพลังงานเท่าน้ันที่ถูกถ่ายโอนไป เช่น จากน้าร้อนไปสู่น้าเย็นหรือจาก กาต้มน้าสู่มอื ของเรา วัตถุที่นาความร้อนได้ดี เราเรียกว่า \"ตัวนาความร้อน (Conductor)\" ได้แก่ โลหะ เช่น เงิน ทองแดง เหล็ก ส่วนวัตถุที่นาความร้อนได้ไม่ดีเราเรียกว่า \"ฉนวนความร้อน (Insulators)\" ได้แก่ อโลหะและก๊าซ เช่น ไม้ พลาสติก อากาศ ซึ่งความรู้ในเร่อื งนี้เราสามารถนามาประยุกต์ใช้กับสร้างบ้านเพื่อระบายความร้อนได้อีกด้วย โดยบ้านที่สร้างจากฉนวนใยหินหรอื ไฟเบอร์กลาส จะมีความเยน็ ภายในเพราะวัสดดุ ังกล่าวเป็นฉนวนความร้อน จึงมีการนาความร้อนจากนอกบ้านเข้าสู่ภายในบ้านได้น้อยกว่าวัสดุอื่น ๆ อย่างไรก็ตามฉนวนความร้อนไม่ได้ หยุดการถ่ายโอนความร้อนอย่างส้ินเชิง เพียงแต่ทาใหก้ ารถ่ายโอนความร้อนเป็นไปได้ช้าลงเท่าน้ัน

- การพาความรอ้ น (Convection) ตัวอย่างของการพาความร้อนที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ การถ่ายโอนความร้อนผ่านน้าซึ่งต้มอยู่ในหม้อ ขณะที่น้าเดือดเราจะเห็นได้ว่า มีการเคลื่อนที่ของน้าในหม้อเกิดขึ้น นั่นคือการถ่ายโอนความร้อนโดยการพา ความรอ้ นซึ่งมีน้าเปน็ ตัวกลาง เมื่อเราให้ความร้อนแก่น้า น้าที่อยู่ก้นหม้อจะได้รับความร้อน มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น และเกิดการขยายตัว เนื่องจากอนุภาคของน้าที่ได้รับความร้อนมีการเคลื่อนที่ ช่องว่างระหว่างโมเลกุลของน้าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ อนุภาคมีขนาดเท่าเดิม ทาให้น้าบริเวณก้นหม้อมีความหนาแน่นน้อยลง ดังน้ัน มันจึงลอยตัวสู่ผิวน้าด้านบน ส่วนผิวน้าด้านบนที่มีอุณหภูมิต่ากว่าแต่ความหนาแน่นมากกว่าก็จะเคลื่อนลงมาอยู่ที่ก้นหม้อแทน เหตุการณ์นี้ จะเกิดขึ้นซ้า ๆ กันไปเร่ือย ๆ จนกว่าเราจะหยุดให้ความร้อนแก่น้า และการพาความร้อนในลักษณะนี้ก็เกิด ขึน้ กบั ก๊าซได้เชน่ กนั เชน่ การย่างเน้ือสตั ว์ที่วางอยู่บนตะแกรงเหนือกองไฟ เนื่องจากของเหลวและก๊าซถือว่าเป็นของไหล อนุภาคในของไหลสามารถเคลื่อนที่จากจุดหน่ึงไปอีกจุด หน่งึ ได้ ดังนนั้ เม่ืออนุภาคของของเหลวหรอื ก๊าซได้รบั พลังงานความร้อน มนั จึงเคลือ่ นที่ไปสู่ที่ที่มพี ลังงานความ ร้อนน้อยกว่า เป็นการถ่ายโอนความร้อนในลักษณะของการพาความร้อนด้วยตัวกลางอย่างของเหลวและก๊าซ นั่นเอง ทั้งนี้เราสามารถนาความรู้เกี่ยวกับการพาความร้อนมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างการสร้าง ช่องระบายอากาศภายในบ้าน เปน็ ต้น - การแผ่รงั สีความร้อน (Radiation) วัตถุทุกชนิดมีการแผ่และดูดซับรังสีความร้อนหรือที่เรียกว่า \"รังสีอินฟราเรด (Infrared Radiation, IR)\" โดยรังสีอินฟราเรดเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งซึ่งสามารถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง จึงแตกต่าง จากการนาความรอ้ นและการพาความรอ้ นทีต่ ้องอาศยั อนุภาคของตัวกลางในการถ่ายโอนความรอ้ น การแผ่รังสีความร้อนจะมีลักษณะการแผ่ออกไปในทุกทิศทุกทางรอบจุดกาเนิดหรือวัตถุ โดย วัตถุที่มีความร้อนมากกว่าจะแผ่รังสีได้มากกว่า เช่น ดวงอาทิตย์แผ่รังสีความร้อนได้มากกว่ากาแฟร้อนในแก้ว ส่วนความสามารถในการดูดซับความร้อนก็จะแตกต่างกันออกไปขึ้นกับลักษณะและสมบัติของวัตถุนั้น ๆ เช่น วัตถุสีเข้ม ด้าน จะสามารถแผ่และดูดซับความร้อนได้ดีกว่าวัตถุที่มีสีอ่อนและมันวาว หรือหากวัตถุสองชิ้นทา จากวัสดชุ นิดเดียวกัน ปริมาณเท่ากัน วัตถุที่มีลักษณะแบนและบาง จะสามารถแผร่ งั สีความร้อนได้เร็วกว่าวตั ถุ ทีอ่ ว้ นหนา 5.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (Process : P) ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนมีการรู้เร่ืองเคร่ืองมือวัดอุณหภูมิเทอร์มอมิเตอร์นั้น ผเู้ รียนต้องทกั ษะทีส่ าคญั ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. การกาหนดปัญหา ปัญหาเกิดจากการสังเกต โดยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวกาย ประกอบกับความช่างคิดช่างสงสัย สัมผัสโดยตรงกับเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อค้นหาข้อมูล และ

บันทึกข้อมูลที่ได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งการกาหนดปัญหาต้องมีความชัดเจนและสัมพันธ์กับความรู้ ซึ่งต้องอาศัย ความคิดสรา้ งสรรค์ 2. การต้ังสมมมิตฐาน การคิดหาคาตอบล่วงหน้า ก่อนจะกระทาการทดลองโดยอาศัยการสังเกต ความรู้ ปละประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐาน คาตอบที่คิดหาล่วงหน้านยี้ ังไม่เป็นหลักการ สมมติฐานหรือคาตอบ ทีค่ ิดไว้ล่วงหนา้ มกั กล่าวไว้เป็นข้อความทีบ่ อกความสมั พนั ธ์ระหว่างตัวแปรต้นกบั ตัวแปรตาม 3. การตรวจสอบสมมติฐาน การดาเนินการตรวจสอบสมมติฐาน โดยอาศัยการรวบรวมข้อมูลท้ัง จากการสารวจ การทดลอง หรอื วิธีการอ่นื ๆ ประกอบกนั 4. การวิเคราะห์ข้อมูล การนาข้อมูลที่ได้จากการสังเกต ศึกษาค้นคว้า ทดลอง หรือการรวบรวม ข้อมลู และขอ้ เท็จจริงมาวิเคราะหผ์ ล 5. การสรุปผลการทดลอง การสรุปผลการทดลอง เป็นขั้นตอนสุดท้ายของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเกิดจากการนาเอาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่ได้จากการทดลองมาวิเคราะห์ผลและหาความสัมพันธ์ระหว่าง ข้อมลู หรอื ข้อเทจ็ จริงเพื่อนามาอธิบาย และตรวจสอบดูว่าสมมตฐิ านทีต่ งั้ ข้ึนถูกต้องหรือไม่ 5.3 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์(Attitude : A) 1. ซือ่ สตั ย์สุจริต - ประพฤติตรงตามความเปน็ จรงิ ตอ่ คนเองท้ังกาย และวาจา ใจ 2. มีวนิ ัย - ประพฤติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบงั คับของขอ้ ตกลงในห้องเรียน 3. ใฝเ่ รียนรู้ - ตั้งใจเพียงพยายามในการเรียน และเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ - แสวงหาความรรู้ ู้จากแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือกใช้ส่อื อย่างเหมาะสม สรุปเปน็ องค์ความรู้ และสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้ 4. มุ่งม่นั ในการทางาน - ต้ังใจและรับผิดชอบในหน้าที่การงาน - ทางานด้วยเพียงพยายามและอดทนเพื่อให้สาเรจ็ ตามเป้าหมาย 6. จดุ เน้นสกู่ ารพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น(เลือกเฉพาะจดุ เน้นขอ้ ทีม่ ใี นแผนการจดั การเรียนรู้ สามารถเพิม่ เติม จุดเน้นตามนโยบายอื่นๆได้) 6.1 ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คอื การเรียนรู้ 3R X 8C  Reading (อ่านออก)  (W) Riting (เขียนได้)  (A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ )  ทักษะด้านการคิดอย่างมวี ิจารณญาณและทักษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving)  ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)  ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding)  ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทางานเปน็ ทีมและภาวะผนู้ า (Collaboration, Teamwork and Leadership)  ทักษะด้านการส่อื สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communications, Information, and Media Literacy)  ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT Literacy)

 ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning)  ทักษะการเปลี่ยนแปลง (Change) 6.2 ทักษะด้านชีวติ และอาชีพ ของคนในศตวรรษท่ี 21  ความยดื หยุ่นและการปรบั ตัว  การรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์และเป็นตัวของตวั เอง  ทกั ษะสงั คมและสงั คมข้ามวัฒนธรรม  การเปน็ ผู้สรา้ งหรอื ผู้ผลิต (Productivity) และความรับผดิ ชอบเช่อื ถือได้ (Accountability)  ภาวะผู้นาและความรับผดิ ชอบ (Responsibility) 6.3 คุณลักษณะของคนในศตวรรษท่ี 21  คณุ ลกั ษณะด้านการทางาน ได้แก่ การปรับตัว ความเป็นผู้นา  คณุ ลักษณะด้านการเรียนรู้ ได้แก่ การชีน้ าตนเอง การตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเอง  คุณลกั ษณะด้านศลี ธรรม ได้แก่ ความเคารพผอู้ ื่น ความซื่อสตั ย์ ความสานึกพลเมอื ง 7. การบูรณาการ(เลือกเฉพาะข้อที่สามารถบูรณาการในแผนการจัดการเรียนรู้ สามารถเพิ่มเติมเรื่องอื่นๆ ได้)  โครงการสถานศกึ ษาพอเพียง  โครงการโรงเรียนคุณธรรม  อาเซียนศกึ ษา  คณุ ธรรม ค่านิยม 12 ประการ  อนรุ กั ษ์พลังงานและสิง่ แวดล้อม  อืน่ ๆ(ระบ)ุ ..................................................................................... 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน/ร่องรอยแสดงความร)ู้ 1. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชว่ั โมงที่ 1 ขั้นนา กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครสู นทนากับนักเรียนเกี่ยวกบั การพาความร้อนของสาร ดังน้ี - นักเรียนมวี ิธีระบายอากาศรอ้ นในห้องอย่างไร (แนวตอบ เปิดหนา้ ต่างเพือ่ ระบายความรอ้ น หรอื พาความร้อนออกจากห้อง หรอื เปิด เครื่องปรบั อากาศเพือ่ ให้อากาศเย็นมาแทนที่อากาศรอ้ น)

- ของเหลวและแก๊สสามารถถ่ายโอนความร้อนด้วยวิธีใด (แนวตอบ การพาความรอ้ น) 2. นกั เรียนช่วยกันอภปิ รายและแสดงความคิดเหน็ เพื่อเช่อื มโยงไปสู่การเรยี นรู้ เรอ่ื ง การพาความร้อน ข้นั สอน สารวจคน้ หา (Explore) 1. แบ่งนักเรียนเปน็ กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน ให้แต่ละกลุ่มวางแผนและแบ่งหน้าที่ค้นคว้าความรู้ เร่อื ง การพาความรอ้ น จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หนา้ 21 และแหล่งการเรยี นรู้ทางอนิ เทอร์เน็ต หรอื เอกสารต่าง ๆ ที่เกีย่ วข้อง 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มระดมความคิด แล้วสรปุ ข้อมลู เป็นความรู้ของกลุ่ม ชว่ั โมงท่ี 2 ขนั้ สอน อธิบายความรู้ (Explain) 1. นกั เรียนแต่ละกลุ่มผลัดกนั เล่าเรือ่ งทีต่ นได้ศึกษามาให้สมาชิกในกลุ่มฟัง 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลการสืบค้นข้อมลู หน้าช้ันเรียน 3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ รายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม เช่น - การพาความรอ้ น เปน็ การถ่ายโอนความร้อนแบบใด (แนวตอบ เปน็ การถ่ายโอนความรอ้ นโดยอาศยั ตวั กลาง) - การพาความรอ้ นในตวั กลางที่ต่างชนิดกัน มีผลอย่างไร (แนวตอบ มผี ลทาให้รสู้ ึกร้อนเรว็ และช้าต่างกนั ซึง่ ตวั กลางที่เปน็ แก๊สจะพาความร้อนได้ดีกว่า ตวั กลางที่มสี ถานะเป็นของเหลว) - จงยกตัวอย่างการพาความรอ้ นในธรรมชาติ (แนวตอบ การเกิดกระแสลม การเกิดลมบก-ลมทะเล เป็นต้น) - การเกิดกระแสลมแบบต่าง ๆ เกีย่ วข้องกบั การพาความรอ้ นหรอื ไม่ อย่างไร (แนวตอบ เกี่ยวข้อง เนื่องจากบริเวณทีม่ อี ากาศรอ้ น อากาศจะขยายตัวและมีความ หนาแน่นน้อยกว่าบริเวณข้างเคียง อากาศจึงลอยตวั สงู ขนึ้ ขณะเดียวกนั บริเวณที่มี อากาศเย็น อากาศจะมีความหนาแน่นมากกว่า จงึ เคลื่อนที่เข้ามาแทนทีบ่ ริเวณที่มี อากาศร้อน) 4. ครูและนักเรียนร่วมกนั สรุปผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม

ชว่ั โมงท่ี 3 ขัน้ สอน สารวจค้นหา (Explore) 1. ครใู ห้นกั เรียนแบ่งกลุ่ม ออกเปน็ กลุ่มละ 3-4 คน ทากิจกรรม เรอ่ื ง การพาความร้อน ในหนังสือ เรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 21 2. ครใู ห้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มทากิจกรรม แล้วบันทึกผลและตอบคาถามท้ายกิจกรรมลงในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงาน ดว้ ยการส่งตัวแทนกลุ่มละ 2-3 คน นาเสนอผลการทา กิจกรรม เรอ่ื ง การพาความรอ้ น 2. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายผลที่ได้จากการทากิจกรรม 3. ครใู ห้แตล่ ะกลุ่มเสนอคาตอบท้ายกิจกรรม และครูเฉลยคาตอบ ดังนี้ - สีผสมอาหารสีใดทีเ่ ปรียบเสมอื นเป็นน้าร้อน และสีผสมอาหารใดทีเ่ ปรียบเสมือนเป็นน้าเยน็ (แนวตอบ สีแดงเปรียบเสมือนน้าร้อน สว่ นสีน้าเงินเปรียบเสมือนนา้ เยน็ ) - เมือ่ นาแก้วใส่น้าร้อนไปวางไว้ใต้ถาดบริเวณตรงกลางของถาด สผี สมอาหารสีแดงและสีน้า เงินมีการเคลื่อนที่อย่างไร (แนวตอบ สีแดงจะเคลือ่ นทีจ่ ากก้นถาดลอยขึ้นไปบนผิวนา้ สว่ นสีน้าเงินจะเคลื่อนทีเ่ ข้ามาตรง กลางถาด) ข้นั สรุป ขยายความรู้ (Expand) 1. ครใู หน้ ักเรียนทาแบบฝกึ หดั ในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจแบบฝกึ หดั ในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. ครูประเมินนกั เรียนจากการทางานกลุ่ม โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายกลุ่ม 3. ครูประเมินนักเรียนจากการสบื ค้นขอ้ มูล และการตอบคาถามในชั้นเรยี น โดยใช้แบบสงั เกต พฤติกรรมการทางานรายบุคคล 10. สือ่ การสอน 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. อุปกรณ์การทดลอง

11. แหล่งเรียนรู้ในหรือนอกสถานท่ี 11.1 หอ้ งเรียน 11.2 หอ้ งปฏิบัติการ 12. การวัดและประเมินผล (ใส่ตามความเหมาะสม) 12.1 วธิ ีการวัดและประเมินผล - วัดความเข้าใจของนักเรียนโดยการสังเกตความสนใจ ความตั้งใจเรียน การแสดงความ คิดเหน็ การตอบคาถาม และการมสี ่วนรว่ มในการทาแบบฝกึ เสริมประสบการณใ์ นชั้นเรียน 12.2 เครื่องมอื - การประเมินทกั ษะผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 - แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายกลุ่ม - แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล 12.3 เกณฑก์ ารประเมิน - การประเมินทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (ผ่านเกณฑ์ต้องมีคะแนนต้ังแต่ระดับปานกลาง หรอื มี 5 คะแนนขนึ้ ไป) - แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายกลุ่ม (ผา่ นเกณฑต์ ้องมีคะแนนต้ังแต่ระดับพอใช้ หรอื มี 8 คะแนนขนึ้ ไป) - แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล (ผ่านเกณฑ์ต้องมีคะแนนตั้งแต่ระดับพอใช้ หรือ มี 8 คะแนนขนึ้ ไป) 13. กิจกรรมเสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................

14. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน 14. 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1. นักเรียนจานวน .....................................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ................... คน คิดเป็นร้อยละ .................................................. ไม่ผ่านจุดประสงค์ ................................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ................................................. ได้แก่ 1. ............................................................................................................................ 2. ............................................................................................................................ นกั เรียนที่มีความสามารถพิเศษ/นกั เรียนพิการได้แก่ 1. ............................................................................................................................ 2. ............................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนมีความรู้เกิดทกั ษะ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนเจตคติ ค่านิยม 12 ประการ คุณธรรมจริยธรรม ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 14.2 ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 14.3 เสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ลงชือ่ ....................................................... ( นางสมุ าลี สายธนู ) ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะชานาญการ

ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ได้ทาการตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง ......................................................แล้วมคี วามคิดเห็นดังน้ี 1. องค์ประกอบของแผนการจดั การเรยี นรู้  ครบถ้วนและถกู ต้อง  ยงั ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถกู ต้อง ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 2. ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรียนรู้กบั หลักสูตรสถานศกึ ษา  สอดคล้อง  ยงั ไม่สอดคล้อง ควรปรบั ปรงุ พฒั นาต่อไป 3. รปู แบบของการจัดการเรียนรู้  เน้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญ  ยงั เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 4. สอ่ื การเรียนรู้  เหมาะสมกับรูปแบบการจดั การเรียนรู้  ยงั ไม่เหมาะ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 5. การประเมินผลการเรียนรู้  ครอบคลุมจดุ ประสงค์การเรยี นรู้  ยังไม่ครอบคลุมประสงค์การเรียนรู้ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 6. ขอ้ เสนอแนะอื่น ๆ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ลงชือ่ ................................................................ (นายสเุ มธ หน่อแก้ว.) ตาแหน่ง ผอู้ านวยการโรงเรียนน้าปลีกศึกษา

แบบประเมินทักษะผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21 (21st Century Skills) (10 คะแนน) ผรู้ บั การประเมิน/กลุ่ม ........................................................................ ระดับช้ัน/ห้อง.................. ผปู้ ระเมิน  ตอนเอง  เพื่อน  ครู ประเมินครง้ั ที่ .......................วันที่ ......................เดือน ......................................... พ.ศ............... เรื่องที่เรยี นรู้................................................................................................................................ คาชี้แจง : ให้ผู้ประเมนิ สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียน แล้วทาเครอ่ื งหมาย ให้ตรงกับระดับคุณภาพ ระดับคุณภาพ ทักษะผเู้ รียน รายการประเมิน ดี ดี ปาน น้อย น้อย ปรับ หลักฐาน ด้าน มาก กลาง ที่สุด ปรงุ ที่เด่นชดั (5) (4) (3) (2) (1) (0) ทกั ษะผ้เู รยี นในศตวรรษท่ี 21(21st Century Skills) ทักษะในสาระ 1. Reading (อ่านออก) วิชาหลกั (Core 2. (W)Riting(เขียนได้) Subjects–3Rs) 3. (A)Rithemetics(คิดเลขเป็น) ทกั ษะการ 1.Critical Thinking and Problem เรยี นรแู้ ละ Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมี นวตั กรรม วิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ปญั หา) (Learning and 2.Creativity and Innovation (ทกั ษะด้าน Innovation Skills การสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม) – 8Cs) 3. Cross-cultural Understanding (ทักษะ ด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่าง กระบวนทศั น)์ 4. Collaboration,Teamwork and Leadership (ทกั ษะด้านความรว่ มมอื การทางานเปน็ ทีม และภาวะผนู้ า) 5. Communications, Information, and Media Literacy (ทักษะด้านการส่อื สาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ)

ระดบั คณุ ภาพ ทกั ษะผเู้ รียน รายการประเมิน ดี ดี ปาน น้อย น้อย ปรับ หลักฐาน ด้าน มาก กลาง ที่สดุ ปรุง ที่เด่นชดั (5) (4) (3) (2) (1) (0) 6. Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโน โลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร) 7. Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้) 8. Compassion (มีคณุ ธรรมมเี มตตา กรณุ ามรี ะเบียบวินัย) ทักษะการเรียนร้แู ละภาวะผู้นา (2Ls) ทักษะการ 1. Learning(ทักษะการเรียนร)ู้ เรียนรู้และ 2. Leadership(ภาวะผู้นา) ภาวะผนู้ า (2Ls) ข้อสงั เกต หลกั ฐาน ร่องรอย อื่น ๆ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................

เกณฑ์การใหค้ ะแนน - พฤติกรรมที่ดีเด่นเปน็ ทีย่ อมรบั และเป็นแบบอย่างทีด่ ี ให้ 5 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชัดเจน ให้ 3 คะแนน - พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน - พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิบางครง้ั ให้ 1 คะแนน - พฤติกรรมทีไ่ ม่ปฏิบัติเลย ให้ 0คะแนน นาคะแนนท้ังหมดรวมกันได้คะแนนเต็ม 65 คะแนน แล้วหาร 6.5 จะได้คะแนนเต็ม 10 คะแนน เกณฑก์ ารแปลความหมายของช่วงคะแนน ช่วงคะแนน ความหมาย 9 -10 ดีมาก 7 - 8 ดี 5 – 6 ปานกลาง 3 – 4 น้อย 0 – 2 น้อยทีส่ ดุ ผลการประเมินทักษะผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดบั  ดีมาก  ดี ปานกลาง  น้อย  น้อยทีส่ ุด สรปุ ผลการทักษะผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21  ผา่ น  ไม่ผา่ น(ผ่าน ต้องมีคะแนนต้ังแต่ 5 คะแนนขนึ้ ไป) ลงชือ่ …………………………….………………….ผปู้ ระเมิน ( นางสุมาลี สายธนู ) ………../……………../…….….

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายกลมุ่ คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในช่องทีต่ รงกับระดบั คะแนน ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับฟงั คน การทางาน ความมีนา้ ใจ การมี รวม ของนักเรียน ตามทไี่ ดร้ บั สว่ นร่วมในการ 15 ลาดบั ที่ ความคดิ เห็น อน่ื มอบหมาย คะแนน ปรับปรงุ ผลงานกลมุ่ 3213213213 21 3 21 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงช่อื ................................................... ผูป้ ระเมนิ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ................/.............../............... ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14-15 ดีมาก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล คาชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งทต่ี รงกับระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เห็น   2 การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผอู้ น่ื   3 การทา่ งานตามหนา้ ท่ที ไี่ ดร้ บั มอบหมาย   4 ความมนี า่้ ใจ   5 การตรงต่อเวลา   รวม ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ ................/.............../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14-15 ดมี าก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook