แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 7 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 เร่ือง พลงั งานความร้อน รหัสวิชา ว21102 รายวิชา วิทยาศาสตร์พืน้ ฐาน ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรียนท่ี 2/2562 เวลา 2 ชั่วโมง ครผู สู้ อน นางสุมาลี สายธนู 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงานปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลงั งาน พลังงานในชวี ิตประจาวนั ธรรมชาติของคลืน่ ปรากฏการณท์ ีเ่ กีย่ วข้องกบั เสียง แสง และคลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วดั ว 2.3 ม.1/6 สร้างแบบจาลองที่อธิบายการถ่ายโอนความร้อนโดยการนาความร้อน การพาความ ร้อน การแผ่รังสีความร้อน ผลการเรียนรู้ อธิบายการถ่ายโอนความรอ้ นทั้ง 3 แบบ คอื การนาความรอ้ น การพาความรอ้ น และการแผ่รงั สีความ ร้อน การนาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยที่ตัวกลางไม่เคลื่อนที่ การพาความร้อน เป็นการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยที่ตัวกลางเคลื่อนที่ไปด้วย ส่วนการแผ่รังสีความร้อนเป็นการ ถ่ายโอนความรอ้ นที่ไม่ต้องอาศยั ตัวกลาง 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ (จากตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้) 1. อธิบายการแผ่รังสีความร้อนได้ (K) 2. สร้างแบบจาลองการแผ่รังสีความร้อนได้ (P) 3. รบั ผิดชอบต่อหนา้ ที่และงานที่ได้รบั มอบหมาย (A) 3. สาระสาคญั สารที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน จะมีการถ่ายโอนความร้อนระหว่างกัน การถ่ายโอนความร้อนมี 3 แบบ คือ การนาความร้อน การพาความร้อน และการแผ่รังสีความร้อน ซึ่งการนาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความ ร้อนที่อาศัยตวั กลาง โดยตัวกลางไม่เคลื่อนที่ การพาความร้อนเป็นการถ่ายโอนความร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดย ตัวกลางมีการเคลื่อนที่ ส่วนการแผร่ งั สคี วามรอ้ นเปน็ การถ่ายโอนความร้อนที่ไม่อาศัยตวั กลาง
4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ และเลือกรับหรือไม่ รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดย คานงึ ถึงผลกระทบทีม่ ตี ่อตนเองและสังคม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรอื สารสนเทศ เพือ่ การตดั สินใจได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ ดาเนินชีวิตประจาวัน การทางาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่าง บุคคล การจดั การปัญหาและความขดั แย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม 5. สาระการเรียนรู้ 5.1 ความรู้ (Knowledge : K) การถ่ายโอนความร้อน : การนาความรอ้ น การพาความรอ้ น การแผ่รงั สีความร้อน - การนาความรอ้ น (Conduction) หากเราเทน้าร้อนใส่แก้วที่ทาจากวัสดุที่เป็นโลหะ แล้วนาไปวางไว้ในแก้วอีกใบที่ใหญ่กว่าซึ่งมีน้าเย็นอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ น้าในแก้วท้ังสองจะมีอุณหภูมิเท่ากัน หรือขณะที่เราต้มน้าในกา หากมือของเราบังเอิญ ไปสัมผัสกับกาต้มน้า จะทาให้เรารู้สึกถึงความร้อนจากกา ซึ่งความร้อนนั้นก็อาจทาให้ผิวหนังของเราไหม้พอง ได้อกี ด้วย สิง่ ทีเ่ กิดขึน้ เหล่านีเ้ ป็นการถ่ายโอนความร้อนในรูปแบบของการนาความร้อน การนาความร้อนเกิดขึ้นโดยมีวัตถุที่เป็นของแข็งเป็นตัวกลาง จากการส่ันของอนุภาคที่เรียงตัวกันอยู่ อย่างหนาแน่นในวัตถุที่เป็นของแข็งน้ัน และส่งพลังงานอย่างต่อเน่ืองกันไป โดยไม่มีการเคลื่อนที่ของโมเลกุล หรือสสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง มีเพียงพลังงานเท่าน้ันที่ถูกถ่ายโอนไป เช่น จากน้าร้อนไปสู่น้าเย็นหรือจาก กาต้มน้าสู่มอื ของเรา วตั ถุที่นาความร้อนได้ดี เราเรียกว่า \"ตัวนาความร้อน (Conductor)\" ได้แก่ โลหะ เช่น เงิน ทองแดง เหล็ก ส่วนวัตถุที่นาความร้อนได้ไม่ดีเราเรียกว่า \"ฉนวนความร้อน (Insulators)\" ได้แก่ อโลหะและก๊าซ เช่น ไม้ พลาสติก อากาศ ซึ่งความรู้ในเรอ่ื งนี้เราสามารถนามาประยุกต์ใช้กับสร้างบ้านเพื่อระบายความร้อนได้อีกด้วย โดยบ้านที่สร้างจากฉนวนใยหินหรอื ไฟเบอร์กลาส จะมีความเยน็ ภายในเพราะวัสดดุ ังกล่าวเปน็ ฉนวนความร้อน จึงมีการนาความร้อนจากนอกบ้านเข้าสู่ภายในบ้านได้น้อยกว่าวัสดุอื่น ๆ อย่างไรก็ตามฉนวนความร้อนไม่ได้ หยดุ การถ่ายโอนความร้อนอย่างส้ินเชิง เพียงแต่ทาใหก้ ารถ่ายโอนความร้อนเป็นไปได้ช้าลงเท่าน้ัน
- การพาความรอ้ น (Convection) ตัวอย่างของการพาความร้อนที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ การถ่ายโอนความร้อนผ่านน้าซึ่งต้มอยู่ในหม้อ ขณะที่น้าเดือดเราจะเห็นได้ว่า มีการเคลื่อนที่ของน้าในหม้อเกิดขึ้น นั่นคือการถ่ายโอนความร้อนโดยการพา ความรอ้ นซึ่งมีน้าเป็นตวั กลาง เมื่อเราให้ความร้อนแก่น้า น้าที่อยู่ก้นหม้อจะได้รับความร้อน มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น และเกิดการขยายตัว เนื่องจากอนุภาคของน้าที่ได้รับความร้อนมีการเคลื่อนที่ ช่องว่างระหว่างโมเลกุลของน้าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ อนุภาคมีขนาดเท่าเดิม ทาให้น้าบริเวณก้นหม้อมีความหนาแน่นน้อยลง ดังน้ัน มันจึงลอยตัวสู่ผิวน้าด้านบน ส่วนผิวน้าด้านบนที่มีอุณหภูมิต่ากว่าแต่ความหนาแน่นมากกว่าก็จะเคลื่อนลงมาอยู่ที่ก้นหม้อแทน เหตุการณ์นี้ จะเกิดขึ้นซ้า ๆ กันไปเร่ือย ๆ จนกว่าเราจะหยุดให้ความร้อนแก่น้า และการพาความร้อนในลักษณะนี้ก็เกิด ขึน้ กบั ก๊าซได้เชน่ กนั เชน่ การย่างเน้ือสัตว์ทีว่ างอยู่บนตะแกรงเหนือกองไฟ เนื่องจากของเหลวและก๊าซถือว่าเป็นของไหล อนุภาคในของไหลสามารถเคลื่อนที่จากจุดหน่ึงไปอีกจุด หน่งึ ได้ ดังนนั้ เม่ืออนุภาคของของเหลวหรอื ก๊าซได้รบั พลังงานความร้อน มันจึงเคลื่อนทีไ่ ปสู่ที่ที่มพี ลังงานความ ร้อนน้อยกว่า เป็นการถ่ายโอนความร้อนในลักษณะของการพาความร้อนด้วยตัวกลางอย่างของเหลวและก๊าซ น่ันเอง ทั้งนี้เราสามารถนาความรู้เกี่ยวกับการพาความร้อนมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างการสร้าง ช่องระบายอากาศภายในบ้าน เป็นต้น - การแผ่รงั สีความร้อน (Radiation) วัตถุทุกชนิดมีการแผ่และดูดซับรังสีความร้อนหรือที่เรียกว่า \"รังสีอินฟราเรด (Infrared Radiation, IR)\" โดยรังสีอินฟราเรดเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งซึ่งสามารถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง จึงแตกต่าง จากการนาความรอ้ นและการพาความรอ้ นทีต่ ้องอาศัยอนุภาคของตวั กลางในการถ่ายโอนความรอ้ น การแผ่รังสีความร้อนจะมีลักษณะการแผ่ออกไปในทุกทิศทุกทางรอบจุดกาเนิดหรือวัตถุ โดย วตั ถุที่มีความร้อนมากกว่าจะแผ่รังสีได้มากกว่า เช่น ดวงอาทิตย์แผ่รังสีความร้อนได้มากกว่ากาแฟร้อนในแก้ว ส่วนความสามารถในการดูดซับความร้อนก็จะแตกต่างกันออกไปขึ้นกับลักษณะและสมบัติของวัตถุนั้น ๆ เช่น วัตถุสีเข้ม ด้าน จะสามารถแผ่และดูดซับความร้อนได้ดีกว่าวัตถุที่มีสีอ่อนและมันวาว หรือหากวัตถุสองชิ้นทา จากวัสดชุ นิดเดียวกัน ปริมาณเท่ากัน วัตถุที่มีลักษณะแบนและบาง จะสามารถแผร่ งั สีความร้อนได้เร็วกว่าวตั ถุ ทีอ่ ว้ นหนา 5.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ (Process : P) ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนมีการรู้เร่ืองเคร่ืองมือวัดอุณหภูมิเทอร์มอมิเตอร์น้ัน ผเู้ รียนต้องทกั ษะที่สาคัญ ดงั ตอ่ ไปนี้ 1. การกาหนดปัญหา ปัญหาเกิดจากการสังเกต โดยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น และผิวกาย ประกอบกับความช่างคิดช่างสงสัย สัมผัสโดยตรงกับเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อค้นหาข้อมูล และ
บันทึกข้อมูลที่ได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งการกาหนดปัญหาต้องมีความชัดเจนและสัมพันธ์กับความรู้ ซึ่งต้องอาศัย ความคิดสรา้ งสรรค์ 2. การต้ังสมมมิตฐาน การคิดหาคาตอบล่วงหน้า ก่อนจะกระทาการทดลองโดยอาศัยการสังเกต ความรู้ ปละประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐาน คาตอบที่คิดหาล่วงหน้านยี้ ังไม่เป็นหลักการ สมมติฐานหรือคาตอบ ทีค่ ิดไว้ล่วงหนา้ มกั กล่าวไว้เป็นข้อความทีบ่ อกความสมั พนั ธ์ระหว่างตัวแปรต้นกบั ตัวแปรตาม 3. การตรวจสอบสมมติฐาน การดาเนินการตรวจสอบสมมติฐาน โดยอาศัยการรวบรวมข้อมูลท้ัง จากการสารวจ การทดลอง หรอื วิธีการอ่นื ๆ ประกอบกนั 4. การวิเคราะห์ข้อมูล การนาข้อมูลที่ได้จากการสังเกต ศึกษาค้นคว้า ทดลอง หรือการรวบรวม ข้อมลู และขอ้ เท็จจริงมาวิเคราะหผ์ ล 5. การสรุปผลการทดลอง การสรุปผลการทดลอง เป็นขั้นตอนสุดท้ายของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเกิดจากการนาเอาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่ได้จากการทดลองมาวิเคราะห์ผลและหาความสัมพันธ์ระหว่าง ข้อมลู หรอื ข้อเทจ็ จริงเพื่อนามาอธิบาย และตรวจสอบดูว่าสมมตฐิ านทีต่ งั้ ข้ึนถูกต้องหรือไม่ 5.3 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์(Attitude : A) 1. ซือ่ สตั ย์สุจริต - ประพฤติตรงตามความเปน็ จรงิ ตอ่ คนเองท้ังกาย และวาจา ใจ 2. มีวนิ ัย - ประพฤติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบข้อบงั คับของขอ้ ตกลงในห้องเรียน 3. ใฝเ่ รียนรู้ - ตั้งใจเพียงพยายามในการเรียน และเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ - แสวงหาความรรู้ ู้จากแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียน ด้วยการเลือกใช้ส่อื อย่างเหมาะสม สรุปเปน็ องค์ความรู้ และสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวนั ได้ 4. มุ่งม่นั ในการทางาน - ต้ังใจและรับผิดชอบในหน้าที่การงาน - ทางานด้วยเพียงพยายามและอดทนเพื่อให้สาเรจ็ ตามเป้าหมาย 6. จดุ เน้นสกู่ ารพัฒนาคุณภาพผ้เู รยี น(เลือกเฉพาะจดุ เน้นขอ้ ทีม่ ใี นแผนการจดั การเรียนรู้ สามารถเพิม่ เติม จุดเน้นตามนโยบายอื่นๆได้) 6.1 ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คอื การเรียนรู้ 3R X 8C Reading (อ่านออก) (W) Riting (เขียนได้) (A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ ) ทักษะด้านการคิดอย่างมวี ิจารณญาณและทักษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation) ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding) ทกั ษะด้านความร่วมมือ การทางานเปน็ ทีมและภาวะผนู้ า (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะด้านการส่อื สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communications, Information, and Media Literacy) ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT Literacy)
ทกั ษะอาชีพ และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning) ทกั ษะการเปลีย่ นแปลง (Change) 6.2 ทกั ษะด้านชีวติ และอาชีพ ของคนในศตวรรษท่ี 21 ความยืดหยุ่นและการปรับตวั การรเิ ริม่ สรา้ งสรรค์และเป็นตัวของตวั เอง ทักษะสงั คมและสังคมข้ามวัฒนธรรม การเป็นผู้สรา้ งหรอื ผู้ผลิต (Productivity) และความรบั ผดิ ชอบเชอ่ื ถือได้ (Accountability) ภาวะผู้นาและความรับผดิ ชอบ (Responsibility) 6.3 คณุ ลกั ษณะของคนในศตวรรษท่ี 21 คุณลกั ษณะด้านการทางาน ได้แก่ การปรบั ตัว ความเปน็ ผู้นา คุณลกั ษณะด้านการเรียนรู้ ได้แก่ การชีน้ าตนเอง การตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเอง คณุ ลักษณะด้านศลี ธรรม ได้แก่ ความเคารพผอู้ ื่น ความซือ่ สตั ย์ ความสานึกพลเมอื ง 7. การบูรณาการ(เลือกเฉพาะข้อที่สามารถบูรณาการในแผนการจัดการเรียนรู้ สามารถเพิ่มเติมเรื่องอื่นๆ ได้) โครงการสถานศกึ ษาพอเพียง โครงการโรงเรียนคณุ ธรรม อาเซียนศกึ ษา คุณธรรม ค่านิยม 12 ประการ อนรุ กั ษ์พลงั งานและสิ่งแวดล้อม อื่นๆ(ระบุ)..................................................................................... 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน/รอ่ งรอยแสดงความรู)้ 1. ผังมโนทศั น์ เรื่อง การถ่ายโอนความร้อน 2. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชั่วโมงที่ 1 ขน้ั นา กระตนุ้ ความสนใจ (Engage) 1. ครสู นทนากับนักเรียนเกี่ยวกับการแผ่รงั สีความร้อน เช่น - นักเรียนคิดว่าดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากโลกของเรามาก แล้วทาไมนักเรียนยงั รู้สกึ ร้อน (แนวตอบ ดวงอาทิตย์แผ่รังสีความร้อนมายังโลก)
- เมื่อนักเรียนนาอาหารไปอุ่นดว้ ยเตาไมโครเวฟ อาหารจะสกุ ด้วยความรอ้ นโดยวิธีใด (แนวตอบ ใช้หลักการแผร่ งั สีความร้อน โดยปล่อยคลื่นไมโครเวฟผา่ นเข้าไปในอาหาร ทาให้ โมเลกลุ ของนา้ ในอาหารสนั่ สง่ ผลให้อณุ หภมู อิ าหารสูงขนึ้ อย่างรวดเรว็ ) 2. นักเรียนช่วยกนั อภปิ รายและแสดงความคิดเห็น เพือ่ เช่อื มโยงไปสู่การเรยี นรู้ เร่อื ง การแผ่รังสคี วาม ร้อน ขน้ั สอน สารวจค้นหา (Explore) 1. แบ่งนักเรียนเปน็ กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน ให้แต่ละกลุ่มวางแผนและแบ่งหน้าทีค่ ้นคว้าความรู้ เร่อื ง การแผ่รงั สคี วามรอ้ น จากหนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 หน้า 23 และแหล่งการเรียนรทู้ าง อินเทอร์เนต็ หรือเอกสารต่าง ๆ ที่เกีย่ วข้อง 2. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มระดมความคิด แล้วสรปุ ข้อมูลเป็นความรู้ของกลุ่ม อธิบายความรู้ (Explain) 1. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มผลดั กันเล่าเรือ่ งทีต่ นได้ศึกษามาให้สมาชิกในกลุ่มฟัง 2. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลการสืบค้นข้อมูลหน้าชั้นเรียน 3. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายผลจากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใช้แนวคาถาม ดังน้ี - การแผ่รังสคี วามรอ้ น เปน็ การถ่ายโอนความรอ้ นแบบใด (แนวตอบ เปน็ การถ่ายโอนความรอ้ นแบบไม่อาศัยตัวกลาง) - จงยกตวั อย่างการแผร่ งั สีความรอ้ นในธรรมชาติ (แนวตอบ ดวงอาทิตย์แผ่รังสีความร้อนมายังโลก) 4. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม ชว่ั โมงท่ี 2 ขนั้ สอน สารวจคน้ หา (Explore) 1. ครูใหน้ ักเรียนแบ่งกลุ่มทากิจกรรม เร่อื ง การแผร่ งั สีความรอ้ น โดยครนู าผา้ สีดา สขี าว และวัตถทุ ีม่ ี พืน้ ผิวเรียบมันและขรุขระไม่มัน ไปวางกลางแดดหรอื ใช้ความรอ้ นจากหลอดไฟ แล้วใหน้ กั เรียนนามอื ท้ังสอง ข้างไปวางบนผา้ สีดา สีขาว และวัตถุทั้งสองชนิด 2. ครูใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบความเหมอื นหรอื แตกต่างกันหรือไม่ เพราะเหตุใด อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครสู ุ่มตัวแทนกลุ่มนกั เรียนออกมานาเสนอผลทีไ่ ด้จากการทากิจกรรม 2. ครเู พิม่ เตมิ และแก้ไขข้อมูลการนาเสนอของตัวแทนกลุ่มใหถ้ กู ต้อง
ขัน้ สรุป ขยายความรู้ (expand) 1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ เกี่ยวกับการถ่ายโอนความร้อน โดยสรุปเขียนเป็นแผนผังมโนทัศน์ เรื่อง การถ่ายโอนความรอ้ น 2. ครใู หน้ ักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น 3. ครใู หน้ กั เรียนทาแบบฝกึ หัดในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจแบบทดสอบหลังเรียน 2. ครตู รวจแบบฝกึ หัดในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 3. ครปู ระเมินผงั มโนทศั น์ เร่อื ง การถ่ายโอนความรอ้ น โดยใช้แบบประเมินชิ้นงาน/ภาระงานรวบยอด 4. ครปู ระเมินนักเรียนจากการสบื ค้นขอ้ มลู และการตอบคาถามในห้องเรียน โดยใช้แบบสงั เกต พฤติกรรมการทางานรายบุคคล 5. ครปู ระเมินนักเรียนจากการทางานกลุ่ม โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายกลุ่ม 10. สือ่ การสอน 1. หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 2. แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 11. แหล่งเรียนร้ใู นหรือนอกสถานท่ี 11.1 หอ้ งเรียน 11.2 หอ้ งปฏิบัติการ 12. การวัดและประเมินผล (ใสต่ ามความเหมาะสม) 12.1 วธิ ีการวัดและประเมินผล - วัดความเข้าใจของนักเรียนโดยการสังเกตความสนใจ ความต้ังใจเรียน การแสดงความ คิดเห็น การตอบคาถาม และการมสี ่วนรว่ มในการทาแบบฝกึ เสริมประสบการณใ์ นช้ันเรียน 12.2 เครื่องมอื - แบบทดสอบหลังเรยี น - การประเมินทกั ษะผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 - แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายกลุ่ม - แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล 12.3 เกณฑก์ ารประเมิน - แบบทดสอบหลังเรยี น (ผ่านเกณฑต์ ้องมคี ะแนนตั้งแต่ระดบั ปานกลาง หรอื มี 5 คะแนนขึ้น ไป)
- การประเมินทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (ผ่านเกณฑ์ต้องมีคะแนนตั้งแต่ระดับปานกลาง หรอื มี 5 คะแนนขนึ้ ไป) - แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายกลุ่ม (ผา่ นเกณฑต์ ้องมีคะแนนตั้งแต่ระดับพอใช้ หรอื มี 8 คะแนนขึน้ ไป) - แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล (ผ่านเกณฑ์ต้องมีคะแนนต้ังแต่ระดับพอใช้ หรือ มี 8 คะแนนขนึ้ ไป) 13. กิจกรรมเสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................
14. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน 14. 1. ผลการจัดการเรียนการสอน 1. นักเรียนจานวน .....................................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ................... คน คิดเปน็ ร้อยละ .................................................. ไม่ผ่านจุดประสงค์ ................................คน คิดเป็นรอ้ ยละ ................................................. ได้แก่ 1. ............................................................................................................................ 2. ............................................................................................................................ นกั เรียนที่มีความสามารถพิเศษ/นกั เรียนพิการได้แก่ 1. ............................................................................................................................ 2. ............................................................................................................................ 2. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 3. นกั เรียนมีความรู้เกิดทกั ษะ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 4. นกั เรียนเจตคติ ค่านิยม 12 ประการ คณุ ธรรมจริยธรรม ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 14.2 ปัญหา/อุปสรรค/แนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ 14.3 เสนอแนะ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ลงชือ่ ....................................................... ( นางสุมาลี สายธนู ) ตาแหนง่ ครู วิทยฐานะชานาญการ
ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ได้ทาการตรวจแผนการจดั การเรียนรขู้ อง ......................................................แล้วมคี วามคิดเห็นดงั น้ี 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรยี นรู้ ครบถ้วนและถกู ต้อง ยงั ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 2. ความสอดคล้องของแผนการจดั การเรียนรู้กับหลักสูตรสถานศกึ ษา สอดคล้อง ยงั ไม่สอดคล้อง ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. รปู แบบของการจัดการเรียนรู้ เน้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญ ยงั เน้นผู้เรยี นเปน็ สาคญั ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 4. สอ่ื การเรียนรู้ เหมาะสมกับรูปแบบการจดั การเรียนรู้ ยงั ไม่เหมาะ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 5. การประเมินผลการเรียนรู้ ครอบคลุมจุดประสงค์การเรยี นรู้ ยังไม่ครอบคลุมประสงค์การเรียนรู้ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 6. ขอ้ เสนอแนะอื่น ๆ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ลงชอื่ ................................................................ (นายสเุ มธ หน่อแก้ว.) ตาแหน่ง ผอู้ านวยการโรงเรียนน้าปลีกศึกษา
แบบทดสอบหลังเรยี น เร่ือง พลังงานความรอ้ น คาชี้แจง ให้นกั เรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สดุ เพียง 1 ขอ้ แล้วทาเครือ่ งหมาย X ลงในใบคาตอบ 1. เคร่อื งมือในข้อใดที่ใชว้ ัดอุณหภูมิ 6. ข้อใดเป็นการคายความร้อน ก. บารอมิเตอร์ ก. นา้ กลายเป็นไอน้า ข. ไฮโกรมเิ ตอร์ ข. น้ากลายเป็นน้าร้อน ค. เทอร์มอสตัต ค. น้าแขง็ ละลายเป็นน้า ง. เทอร์มอมิเตอร์ ง. น้ากลายเป็นน้าแข็ง 2. อณุ หภูมขิ องวตั ถจุ ะเพิม่ ขึน้ ได้จากสาเหตุใด 7. ข้อใดเปน็ ประโยชน์จากการสมบัติการดูดความ ก. ลดความดัน ร้อน ข. เพิม่ ความดัน ทีต่ า่ งกนั ของวัตถุ ค. การดดู ความร้อน ก. การสร้างเครื่องเรอื น ง. การคายความรอ้ น ข. การสร้างรางรถไฟ 3. เหตกุ ารณ์ในข้อใดที่อุณหภูมิลดลง ค. การเลือกสีทาบ้าน ก. นา้ แข็งละลายกลายเป็นน้า ง. การสร้างถนน ข. ไอน้าระเหยไปในอากาศ 8. วัตถใุ นข้อใดเมือ่ ได้รับความรอ้ นเท่ากันจะมีการ ค. น้าจับตัวกลายเป็นน้าแข็ง ขยายตวั ง. ลูกเหม็นระเหดิ กลายเป็นไอ มากที่สุด 4. การถ่ายโอนความรอ้ นแบบใดต้องอาศยั ตัวกลาง ก. เหล็ก ก. การดูดความรอ้ น ข. ตะกวั่ ข. การพาความรอ้ น ค. ฮีเลียม ค. การนาความรอ้ น ง. ออกซิเจน ง. การคายความรอ้ น 9. วัตถุขยายตวั ได้เพราะอะไร 5. การถ่ายโอนความรอ้ นโดยการสน่ั ของโมเลกุลเปน็ ก. วัตถมุ ีมวลขนาดเพิ่มมากขึ้น การถ่ายโอนแบบใด ข. อณุ หภูมิของวัตถุมีการลดลง ก. การแผค่ วามรอ้ น ค. น้าหนักของวัตถุมีการเพิม่ ข้ึน ข. การพาความรอ้ น ง. แรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนุภาคลดลง ค. การนาความรอ้ น 10. ขอ้ ใดเป็นการใช้ประโยชน์ของการขยายตัวของ ง. การดูดความรอ้ น วัตถุเมื่อได้รับความรอ้ น ก. การสร้างเครื่องเรอื น ข. การสร้างรางรถไฟ ค. การเลือกสีทาบ้าน ง. การเลือกเสือ้ ผ้า เฉลย แบบทดสอบหลังเรียน เรือ่ ง พลังงานความร้อน 1. ง 2. ค 3. ค 4. ข 5. ค 6. ง 7. ค 8. ง 9. ง 10. ข
แบบประเมินทักษะผู้เรยี นในศตวรรษท่ี 21 (21st Century Skills) (10 คะแนน) ผรู้ บั การประเมิน/กลุ่ม ........................................................................ ระดับชั้น/ห้อง.................. ผปู้ ระเมิน ตอนเอง เพื่อน ครู ประเมินครง้ั ที่ .......................วันที่ ......................เดือน ......................................... พ.ศ............... เรื่องที่เรยี นรู้................................................................................................................................ คาชี้แจง : ให้ผู้ประเมนิ สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียน แล้วทาเครอ่ื งหมาย ให้ตรงกับระดับคุณภาพ ระดับคณุ ภาพ ทักษะผเู้ รียน รายการประเมิน ดี ดี ปาน น้อย น้อย ปรับ หลักฐาน ด้าน มาก กลาง ที่สุด ปรงุ ที่เด่นชดั (5) (4) (3) (2) (1) (0) ทกั ษะผ้เู รยี นในศตวรรษท่ี 21(21st Century Skills) ทักษะในสาระ 1. Reading (อ่านออก) วิชาหลกั (Core 2. (W)Riting(เขียนได้) Subjects–3Rs) 3. (A)Rithemetics(คิดเลขเป็น) ทกั ษะการ 1.Critical Thinking and Problem เรยี นรแู้ ละ Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมี นวตั กรรม วิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ปญั หา) (Learning and 2.Creativity and Innovation (ทกั ษะด้าน Innovation Skills การสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม) – 8Cs) 3. Cross-cultural Understanding (ทักษะ ด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่าง กระบวนทศั น)์ 4. Collaboration,Teamwork and Leadership (ทกั ษะด้านความรว่ มมอื การทางานเปน็ ทีม และภาวะผนู้ า) 5. Communications, Information, and Media Literacy (ทักษะด้านการส่อื สาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ)
ระดบั คณุ ภาพ ทกั ษะผเู้ รียน รายการประเมิน ดี ดี ปาน น้อย น้อย ปรับ หลักฐาน ด้าน มาก กลาง ที่สดุ ปรุง ที่เด่นชดั (5) (4) (3) (2) (1) (0) 6. Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโน โลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร) 7. Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้) 8. Compassion (มีคณุ ธรรมมเี มตตา กรณุ ามรี ะเบียบวินัย) ทักษะการเรียนร้แู ละภาวะผู้นา (2Ls) ทักษะการ 1. Learning(ทักษะการเรียนร)ู้ เรียนรู้และ 2. Leadership(ภาวะผู้นา) ภาวะผนู้ า (2Ls) ข้อสงั เกต หลกั ฐาน ร่องรอย อื่น ๆ .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน - พฤติกรรมที่ดีเด่นเปน็ ทีย่ อมรบั และเป็นแบบอย่างทีด่ ี ให้ 5 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบัติชัดเจนและสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน - พฤติกรรมที่ปฏิบตั ิชัดเจน ให้ 3 คะแนน - พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน - พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิบางครง้ั ให้ 1 คะแนน - พฤติกรรมทีไ่ ม่ปฏิบัติเลย ให้ 0คะแนน นาคะแนนท้ังหมดรวมกันได้คะแนนเต็ม 65 คะแนน แล้วหาร 6.5 จะได้คะแนนเต็ม 10 คะแนน เกณฑก์ ารแปลความหมายของช่วงคะแนน ช่วงคะแนน ความหมาย 9 -10 ดีมาก 7 - 8 ดี 5 – 6 ปานกลาง 3 – 4 น้อย 0 – 2 น้อยทีส่ ดุ ผลการประเมินทักษะผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 อยู่ในระดบั ดีมาก ดี ปานกลาง น้อย น้อยทีส่ ุด สรปุ ผลการทักษะผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 ผา่ น ไม่ผา่ น(ผ่าน ต้องมีคะแนนต้ังแต่ 5 คะแนนขนึ้ ไป) ลงชือ่ …………………………….………………….ผปู้ ระเมิน ( นางสุมาลี สายธนู ) ………../……………../…….….
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายกลมุ่ คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในช่องทีต่ รงกับระดบั คะแนน ช่ือ–สกลุ การแสดง การยอมรับฟงั คน การทางาน ความมีนา้ ใจ การมี รวม ของนักเรียน ตามทไี่ ดร้ บั สว่ นร่วมในการ 15 ลาดบั ที่ ความคดิ เห็น อน่ื มอบหมาย คะแนน ปรับปรงุ ผลงานกลมุ่ 3213213213 21 3 21 เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงช่อื ................................................... ผูป้ ระเมนิ ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ................/.............../............... ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครงั้ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14-15 ดีมาก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมรายบุคคล คาชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งทต่ี รงกับระดับคะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 32 1 การแสดงความคดิ เห็น 2 การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผอู้ น่ื 3 การทา่ งานตามหนา้ ท่ที ไี่ ดร้ บั มอบหมาย 4 ความมนี า่้ ใจ 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมนิ ................/.............../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครั้ง ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14-15 ดมี าก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: