บทที่ 3 วิธีการดำเนินงานวิจยั การพัฒนารูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิด เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวทิ ยาลัยเปิด เป็นการวิจัยเชิงพัฒนา (Research and Development) โดยมีความมุ่งหมาย เพ่ือพัฒนารูปแบบ ยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถใน การแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด ศึกษาผลการใช้ รูปแบบ ยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามาร ถใน การแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด และเพ่ือศึกษาความคิดเห็น ของผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อ ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด ใน การวจิ ยั ในครงั้ นผ้ี ู้วจิ ยั ไดแ้ บง่ การดำเนินการวจิ ยั ออกเปน็ 2 ระยะ ดงั น้ี ระยะที่ 1 การพัฒนารูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และ การสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีใน มหาวทิ ยาลัยเปดิ ระยะท่ี 2 การศึกษาผลการพัฒนารูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบ มีปฏสิ ัมพันธ์และการสะท้อนคดิ เพื่อส่งเสรมิ ความสามารถในการแกป้ ัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับ ปริญญาตรใี นมหาวิทยาลัยเปดิ จากข้ันตอนที่กล่าวมาท้ังหมด ผู้วิจัยสามารถสรุปเป็นข้ันตอนการดำเนินการพัฒนารูปแบบ ยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถใน การแก้ปัญหาของนกั ศกึ ษาทางไกลระดบั ปรญิ ญาตรีในมหาวทิ ยาลยั เปิด ดังแผนภาพที่ 3.1 ระยะที่ 1 การพฒั นา การพัฒนารูปแบบยเู ลิร์นนิงดว้ ยวดี ทิ ัศนส์ ถานการณแ์ บบมีปฏสิ ัมพันธแ์ ละการ สะท้อนคดิ เพ่ือส่งเสรมิ ความสามารถในการแก้ปัญหาของนกั ศกึ ษาทางไกลระดบั ปรญิ ญาตรใี น มหาวิทยาลยั เปิด ระยะท่ี 2 การศึกษาผลการพฒั นา การศึกษาผลการพัฒนารูปแบบยเู ลริ น์ นงิ ด้วยวีดิทัศนส์ ถานการณแ์ บบ มีปฏสิ มั พนั ธแ์ ละการสะทอ้ นคิดเพือ่ ส่งเสรมิ ความสามารถในการแก้ปัญหาของนกั ศกึ ษาทางไกลระดบั ปริญญาตรีในมหาวทิ ยาลยั เปิด ภาพท่ี 3.1 ขนั้ ตอนการดำเนินการพฒั นารปู แบบยูเลิร์นนงิ ดว้ ยวีดทิ ัศน์สถานการณ์ แบบมีปฏสิ ัมพนั ธแ์ ละการสะท้อนคิดเพื่อสง่ เสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของ นกั ศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด
86 การวิจยั ระยะที่ 1 การพฒั นารูปแบบยูเลิรน์ นงิ ด้วยวดี ิทัศนส์ ถานการณ์แบบมีปฏสิ ัมพนั ธ์และการสะท้อนคดิ เพอ่ื ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปญั หาของนักศึกษาทางไกลระดบั ปรญิ ญาตรีในมหาวิทยาลัย เปดิ ขั้นตอนการดำเนินการวิจยั ระยะที่ 1 ข้นั ตอนการดำเนินการ ผลผลติ 1. สอบถามความคิดเห็นเก่ียวกบั สภาพและความต้องการของนกั ศึกษาเกย่ี วกบั ผลการสอบถามความคิดเห็น รปู แบบยูเลริ ์นนงิ ด้วยวดี ิทัศน์สถานการณแ์ บบมปี ฏสิ ัมพนั ธ์และการสะท้อนคดิ ของนักศึกษาทางไกลระดับ เพือ่ ส่งเสรมิ ความสามารถในการแกป้ ัญหาของนกั ศกึ ษาทางไกลระดับปรญิ ญาตรี ปรญิ ญาตรใี นมหาวิทยาลยั เปิด ในมหาวทิ ยาลัยเปิด โดยผวู้ ิจยั ดำเนนิ การตามลำดบั ข้นั ตอน ดงั นี้ เกี่ยวกบั สภาพปจั จบุ ันและ ความตอ้ งการรปู แบบยูเลริ ์นนิง 1.1 ศกึ ษาแนวคิดทฤษฎแี ละงานวจิ ยั ที่เกยี่ วขอ้ งรูปแบบยูเลริ น์ นิงด้วยวดี ิทัศน์ ด้วยวดี ทิ ศั นส์ ถานการณ์แบบมี สถานการณ์แบบมปี ฏสิ ัมพนั ธ์และการสะทอ้ นคิดเพ่อื สง่ เสรมิ ความสามารถในการ ปฏสิ ัมพันธแ์ ละการสะทอ้ นคิด แกป้ ัญหาของนกั ศกึ ษาทางไกลระดับปรญิ ญาตรีในมหาวิทยาลยั เปดิ เพอื่ ส่งเสริมความสามารถใน 1.2 นำขอ้ มูลท่ีไดม้ าสรา้ งแบบสอบถามความคดิ เห็นของนักศึกษาทางไกล การแก้ปญั หา เก่ียวกบั สภาพปัจจบุ นั และความตอ้ งการรูปแบบยเู ลริ น์ นิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณแ์ บบมปี ฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดฯ ผลการสัมภาษณ์ความคิดเห็น ของผเู้ ชยี่ วชาญเกย่ี วกบั 1.3 นำรา่ งของแบบสอบถามไปให้อาจารยท์ ่ีปรึกษาตรวจสอบความเหมาะสม 1.4 นำแบบสอบถามเสนอต่อผ้เู ช่ยี วชาญ จำนวน 3 ท่าน เพอื่ ใหผ้ ู้เชยี่ วชาญ รูปแบบยูเลริ น์ นงิ ดว้ ยวดี ิทัศน์ ตรวจสอบความเทยี่ งตรงเชงิ เนือ้ หา สถานการณ์แบบมปี ฏสิ ัมพนั ธ์ 1.5 นำข้อเสนอแนะท่ีไดจ้ ากผู้เชี่ยวชาญมาแกไ้ ขกอ่ นนำไปใช้จริง และการสะทอ้ นคิดเพอ่ื สง่ เสริม 1.6 ผูว้ จิ ยั สง่ แบบสอบถามสำหรบั นกั ศึกษาทางไกลระดบั ปรญิ ญาตรีใน ความสามารถในการแกป้ ัญหา มหาวิทยาลยั เปิด ของนกั ศึกษาทางไกลระดับ 1.7 นำผลทไี่ ดจ้ ากการตอบแบบสอบถามนกั ศกึ ษาทางไกลระดับปรญิ ญาตรีใน ปรญิ ญาตรใี นมหาวิทยาลยั เปดิ มหาวทิ ยาลยั เปิด มาวเิ คราะหข์ อ้ มูลโดยใชส้ ถิติบรรยายโดยคำนวนหาค่าความถ่ี และร้อยละ 2. สัมภาษณค์ วามคดิ เหน็ ของผู้เช่ียวชาญเกยี่ วกับรูปแบบยูเลิรน์ นิงด้วยวีดทิ ศั น์ สถานการณแ์ บบมปี ฏสิ ัมพันธ์และการสะทอ้ นคิดฯ โดยผู้วจิ ยั ดำเนินการ ตามลำดับขน้ั ตอนดังนี้ 2.1 ศกึ ษาแนวคิดทฤษฎีและงานวิจยั ท่ีเกีย่ วขอ้ งรูปแบบยเู ลิรน์ นิงดว้ ยวดี ิทศั น์ สถานการณแ์ บบมปี ฏสิ มั พนั ธแ์ ละการสะท้อนคดิ เพอ่ื ส่งเสรมิ ความสามารถในการ แก้ปัญหาของนกั ศึกษาทางไกลระดบั ปรญิ ญาตรใี นมหาวิทยาลยั เปดิ 2.2 นำขอ้ มลู ที่ได้มาสรา้ งแบบสัมภาษณแ์ บบมโี ครงสรา้ งเพื่อสัมภาษณ์ความ คดิ เหน็ ของผู้เชี่ยวชาญเกย่ี วกับรปู แบบยูเลิรน์ นิงดว้ ยวดี ิทัศนส์ ถานการณ์แบบมี ปฏสิ ัมพันธแ์ ละการสะทอ้ นคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแกป้ ญั หาของ นักศกึ ษาทางไกลระดับปรญิ ญาตรีในมหาวทิ ยาลยั เปิด
87 ข้นั ตอนการดำเนินการ ผลผลติ 2.3 นำรา่ งของแบบสมั ภาษณ์ไปใหอ้ าจารยท์ ปี่ รกึ ษาตรวจสอบความ ร่างรูปแบบยูเลริ น์ นิงดว้ ยวีดิ เหมาะสม ทศั นส์ ถานการณ์แบบมี 2.4 นำแบบสัมภาษณเ์ สนอต่อผู้เชีย่ วชาญ จำนวน 3 ท่าน เพอ่ื ให้ ปฏิสัมพนั ธแ์ ละการสะทอ้ นคดิ ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเทยี่ งตรงเชงิ เนือ้ หา เพ่ือสง่ เสรมิ ความสามารถในการ แก้ปญั หาของนกั ศกึ ษาทางไกล 2.5 นำขอ้ เสนอแนะท่ีไดจ้ ากผูเ้ ชีย่ วชาญมาแกไ้ ขกอ่ นนำไปใชจ้ รงิ 2.6 ผู้วจิ ัยนัดสมั ภาษณ์ผู้เช่ียวชาญ ระดบั ปรญิ ญาตรี 2.7 นำความคิดเห็นที่ไดจ้ ากผเู้ ช่ียวชาญมาสรุปและวเิ คราะห์ผล ในมหาวทิ ยาลัยเปดิ 3. ร่างรปู แบบยเู ลิรน์ นิงด้วยวีดทิ ศั นส์ ถานการณแ์ บบมปี ฏสิ ัมพันธแ์ ละการ สะท้อนคิดฯ 3.1 นำข้อมูลท่ไี ด้จากการศึกษาและวเิ คราะหข์ ้อมลู พืน้ ฐานที่เกย่ี วขอ้ งกบั การพฒั นารปู แบบยเู ลิรน์ นงิ ฯ มาพจิ ารณาและกำหนดเปน็ องคป์ ระกอบและ ข้ันตอนของรูปแบบฯ 3.2 ประเมินความเหมาะสมของรปู แบบยูเลิรน์ นิงด้วยวีดิทัศนส์ ถานการณ์ แบบมปี ฏสิ มั พนั ธแ์ ละการสะทอ้ นคดิ ฯ 1) นำร่างรปู แบบยูเลริ ์นนิงดว้ ยวีดิทศั นส์ ถานการณ์จำแบบมี ปฏสิ มั พันธแ์ ละการสะท้อนคิดฯ ใหอ้ าจารยท์ ี่ปรกึ ษาวิทยานพิ นธ์ตรวจสอบ แล้วปรบั ปรงุ ตามคำแนะนำ 2) นำร่างรปู แบบท่ปี รบั ปรงุ แกไ้ ขแลว้ เสนอต่อผูเ้ ชีย่ วชาญ เพ่ือให้ ผูเ้ ชี่ยวชาญพจิ ารณาและให้ข้อเสนอแนะในการสื่อความหมาย ด้านความ ครอบคลมุ เนื้อหา ดา้ นความเหมาะสมในการนำไปใช้ รวมถงึ การให้ ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม 3) นำผลการประเมินความเหมาะสมของรา่ งรปู แบบยูเลริ น์ นิงด้วยวีดิ ทัศน์สถานการณแ์ บบมีปฏิสมั พันธ์และการสะทอ้ นคดิ ฯ มาวิเคราะห์ และการ แปลความหมายค่าคะแนนเฉลย่ี ความเหมาะสมของร่างรูปแบบฯ 3.3 ปรบั ปรงุ แก้ไขร่างรปู แบบฯ ตามที่ผเู้ ช่ยี วชาญไดท้ ำการตรวจสอบและ ให้คำแนะนำ
88 ข้ันตอนการดำเนินการ ผลผลติ 4. พฒั นารูปแบบยูเลริ น์ นิงดว้ ยวดี ทิ ศั นส์ ถานการณแ์ บบมปี ฏิสมั พนั ธ์และ รปู แบบ การสะท้อนคดิ เพือ่ ส่งเสรมิ ความสามารถในการแกป้ ญั หาของนกั ศึกษา ยเู ลริ ์นนิงดว้ ยวดี ทิ ศั น์ ทางไกลระดบั ปรญิ ญาตรใี นมหาวทิ ยาลยั เปิด โดยมขี นั้ ตอนการออกแบบ สถานการณ์แบบมปี ฏสิ มั พันธ์ และพฒั นา ดังน้ี และการสะทอ้ นคิด เพอื่ ส่งเสริมความสามารถใน 4.1 ผลติ วีดิทศั นส์ ถานการณแ์ บบมีปฏสิ ัมพันธ์ จำนวน 5 รายการ การแกป้ ญั หาของนกั ศกึ ษา 1) ขนั้ เตรียมการผลติ รายการ 2) ข้นั ผลติ รายการ 3) ข้ันสรา้ ง ทางไกลระดับปริญญาตรใี น ปฏสิ มั พันธด์ ว้ ย www.playposit.com 4) ข้ันประเมนิ ผลรายการ มหาวทิ ยาลยั เปิด 4.2 พัฒนารปู แบบยูเลิร์นนิง (Ujalearn U-learning for all-เสิร์ฟ (Ujalearn U-learning for all-เสิร์ฟความรู้สู่คนอยาก ความรู้สู่คนอยากเรยี น) 1) กำหนดวัตถปุ ระสงค์ของการเรยี นรู้ กำหนดกิจกรรมการ เรยี น) เรียนรู้วเิ คราะหผ์ ู้เรยี น และกำหนดภาพรวมของรูปแบบยูเลิร์นนิง 2) เขยี นสตอรีบอรด์ ภาพ ผังงาน โดยกำหนดส่ิงท่จี ะปรากฏบน หน้าจอ ลำดบั ขั้นตอนของกจิ กรรม แถบปุ่ม การปฏสิ มั พนั ธข์ องผู้เรยี น และการเชื่อมโยงระหวา่ งหนา้ จอในแต่ละหนา้ 3) ออกแบบการใช้เครื่องมือจดั การเรยี นรู้ในรปู แบบยเู ลริ น์ นิง ด้วยวดี ทิ ศั นส์ ถานการณ์แบบมปี ฏิสัมพนั ธ์และการสะท้อนคดิ เพื่อทำ กจิ กรรมและสร้างปฏสิ ัมพันธท์ างการเรยี นรว่ มกัน 4) ใหอ้ าจารย์ท่ีปรกึ ษาตรวจสอบตามทอี่ อกแบบ เครอ่ื งมือท่ีใช้ โปรแกรมท่เี กีย่ วข้อง แล้วปรบั ปรุงแก้ไข 5) สร้างรปู แบบยเู ลริ น์ นงิ (Ujalearn U-learning for all-เสิรฟ์ ความรู้สคู่ นอยากเรียน) 6) สร้างค่มู ือการใช้รูปแบบยเู ลริ ์นนิง 7) สรา้ งแบบประเมนิ รปู แบบยูเลิร์นนงิ 8) ตรวจสอบคุณภาพของรปู แบบยูเลริ ์นนิง โดยผู้เชี่ยวชาญ 9) ทดสอบประสิทธภิ าพของรูปแบบยูเลิรน์ นิง ซง่ึ เปน็ นักศกึ ษา กล่มุ เลก็ ทมี่ คี ณุ สมบตั ิใกลเ้ คยี งกบั กลุ่มตัวอยา่ ง 10) นำผลท่ไี ดม้ าปรบั ปรุงแกไ้ ขใหพ้ ร้อมกอ่ นนำไปทดลองใชจ้ ริง
89 ขนั้ ตอนการดำเนนิ การ ผลผลติ 5. พัฒนาแผนการกำกบั กจิ กรรมทส่ี อดคล้องกับการเรียนรู้ตามรูปแบบยู แผนกำกบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ เลริ ์นนิงดว้ ยวีดทิ ัศนส์ ถานการณ์แบบมปี ฏิสมั พันธแ์ ละการสะทอ้ นคดิ เพือ่ ตามรูปแบบยเู ลิรน์ นงิ ด้วยวีดิทัศน์ สง่ เสริมความสามารถในการแก้ปญั หาของนกั ศึกษาทางไกลระดบั ปรญิ ญา ตรีในมหาวทิ ยาลยั เปดิ โดยมขี ้นั ตอนในการสร้างและพัฒนาดงั นี้ สถานการณแ์ บบมปี ฏิสมั พนั ธ์ และการสะทอ้ นคิดเพ่อื สง่ เสริม 5.1 ศกึ ษาและวเิ คราะหร์ ูปแบบกิจกรรมการเรียนในแต่ละขั้นตอนของ ความสามารถในการแกป้ ญั หา กระบวนการเรยี นร้ตู ามแนวคดิ และข้ันตอนของการศกึ ษาทางไกล ของนักศึกษาทางไกลระดับ ปรญิ ญาตรีในมหาวทิ ยาลยั เปดิ 5.2 ศกึ ษาหลักการ แนวคิด จากเอกสาร ตำรา นำไปปรึกษาอาจารย์ ประจำสาขาวิชานิติศาสตรใ์ นดา้ นรายละเอียดของเนื้อหา กระบวนการจดั กิจกรรมการเรียนรตู้ ามขน้ั ตอนการเรียนร้ดู ว้ ยรูปแบบยเู ลริ ์นนิงดว้ ยวดี ิ ทัศน์สถานการณแ์ บบมีปฏิสมั พันธ์และการสะทอ้ นคิดฯ โดยกำหนดวตั ถ ประสงค์หรอื กำหนดเป้าหมายการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนให้สอดคล้อง เน้ือหาและขน้ั ตอนตา่ ง ๆ 5.3 เขยี นแผนกำกบั กจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยใช้ระยะเวลาในการทดลอง 4 สปั ดาห์ 5.4 นำแผนกำกบั กจิ กรรมการเรียนรตู้ ามรปู แบบยูเลิรน์ นงิ ดว้ ยวดี ทิ ศั น์ สถานการณ์แบบมปี ฏสิ มั พันธแ์ ละการสะท้อนคิดฯ ใหอ้ าจารย์ทปี่ รกึ ษา ตรวจสอบความถกู ต้องและปรับปรงุ แผนจัดการเรยี นรู้ตามคำแนะนำของ อาจารยท์ ปี่ รกึ ษาวิทยานิพนธ์ 5.5 นำแผนกำกบั กจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามรูปแบบยเู ลริ น์ นงิ ดว้ ยวีดทิ ศั น์ สถานการณแ์ บบมปี ฏสิ ัมพนั ธ์และการสะท้อนคดิ ฯ ไปใหผ้ เู้ ชย่ี วชาญดา้ น กฎหมาย จำนวน 5 คน ตรวจสอบความเหมาะสม 5.6 ทำการปรับปรงุ แกไ้ ขเพอื่ ใชเ้ ป็นแนวทางในการจดั กจิ กรรมการ ทดลองตอ่ ไป
90 ขัน้ ตอนการดำเนนิ การ ผลผลติ พฒั นาเครื่องมอื ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ไดแ้ ก่ เครือ่ งมือในการเก็บรวบรวม ไดแ้ ก่ 1 แบบวดั ความสามารถในการแก้ปญั หา 1. แบบวัดความสามารถในการ 2 แบบประเมินพฤตกิ รรมการสะทอ้ นคดิ 3 แบบสอบถามความคิดเห็นของผเู้ รียนทม่ี ตี อ่ รปู แบบยูเลิรน์ นงิ ดว้ ยวดี ิ แกป้ ญั หา 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการ ทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏสิ ัมพันธแ์ ละการสะทอ้ นคิดเพ่อื สง่ เสริม ความสามารถในการแกป้ ัญหาของนักศกึ ษาทางไกลระดับปริญญาตรใี น สะทอ้ นคดิ มหาวิทยาลยั เปดิ 3. แบบสอบถามความคดิ เห็นของ ผู้เรยี นทมี่ ตี ่อรปู แบบยูเลริ ์นนิงด้วย วีดทิ ัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏิสมั พันธแ์ ละการสะทอ้ นคดิ เพื่อ สง่ เสรมิ ความสามารถในการ แก้ปญั หาของนกั ศึกษาทางไกล ระดบั ปริญญาตรีในมหาวทิ ยาลยั เปิด แบบมาตรประมาณค่า 5 ระดบั ภาพท่ี 3.2 ขั้นตอนการวิจัยระยะท่ี 1 การพฒั นารปู แบบยูเลิร์นนิงดว้ ยวีดทิ ศั นส์ ถานการณ์ แบบมปี ฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคดิ เพ่ือส่งเสรมิ ความสามารถในการแกป้ ญั หา ของนักศึกษาทางไกลระดบั ปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปดิ
91 การวิจยั ระยะที่ 2 การศกึ ษาผลการพัฒนารูปแบบการเรยี นร้เู คลอ่ื นที่ด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏสิ ัมพันธแ์ ละการสะทอ้ นคิดเพ่อื ส่งเสริมความสามารถในการแกป้ ญั หาของนักศึกษาทางไกล ระดบั ปรญิ ญาตรใี นมหาวิทยาลยั เปดิ ขั้นตอนการดำเนนิ การวิจัยระยะที่ 2 ผลผลติ ข้นั ตอนการดำเนินการ 1. ศกึ ษาผลการพัฒนารปู แบบยเู ลิรน์ นงิ ดว้ ยวดี ิทศั น์สถานการณแ์ บบมี ขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการทดลองใช้ ปฏสิ มั พันธแ์ ละการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสรมิ ความสามารถในการแกป้ ัญหาของ รปู แบบ ได้แก่ นักศกึ ษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวทิ ยาลัยเปิด โดยมีขน้ั ตอนดังน้ี 1. คะแนนดา้ น 1.1 ขนั้ เตรยี มกลมุ่ ตวั อยา่ งเพอ่ื ใช้ในการทดลอง ความสามารถในการ 1.2 ขัน้ เตรยี มเครอื่ งมอื ทใี่ ช้ในการทดลอง แก้ปัญหากอ่ นและหลัง 1.3 ขน้ั ดำเนินการทดลองใช้รูปแบบยเู ลริ น์ นงิ ดว้ ยวีดทิ ศั นส์ ถานการณ์แบบมี ทดลอง ปฏสิ มั พันธแ์ ละการสะทอ้ นคดิ เพ่ือสง่ เสริมความสามารถในการแกป้ ญั หาของ นักศกึ ษาทางไกลระดบั ปรญิ ญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด มขี ั้นตอนดังต่อไปนี้ 2. ขอ้ มลู จากแบบประเมิน การสะท้อนคดิ 1) ระยะที่ 1 เตรียมความพรอ้ มก่อนใช้ 2) ระยะท่ี 2 กิจกรรมการเรียนการสอน 3. ขอ้ มลู ความคิดเห็นของ 3) ระยะที่ 3 การวัดและประเมนิ ผลหลังใช้ ผู้เรียนที่มตี อ่ รูปแบบยเู ลริ ์ 1.4 รวบรวมและวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั น้ี นนงิ ด้วยวดี ทิ ศั น์สถานการณ์ 1) แบบวดั ความสามารถในการแก้ปญั หา แบบมปี ฏสิ มั พันธ์และการ 2) แบบประเมินพฤตกิ รรมการสะทอ้ นคดิ สะทอ้ นคดิ เพ่อื สง่ เสริม 3) แบบสอบถามความคดิ เหน็ ของผเู้ รยี นทมี่ ีต่อรปู แบบยูเลิรน์ นิงดว้ ย ความสามารถในการ วดี ทิ ัศน์สถานการณ์แบบมปี ฏสิ ัมพันธ์และการสะท้อนคิด แกป้ ัญหาของนักศกึ ษา 1.5 สรปุ ผลการทดลองใช้ ทางไกล 4. รูปแบบยูเลิรน์ นิงดว้ ย วดี ิทัศนส์ ถานการณแ์ บบมี ปฏสิ ัมพนั ธแ์ ละการสะท้อน คดิ เพอ่ื ส่งเสรมิ ความสามารถ ในการแกป้ ัญหาของนกั ศึกษา ทางไกลระดบั ปริญญาตรีใน มหาวิทยาลัยเปิด ภาพที่ 3.3 ขนั้ ตอนการวิจัยระยะท่ี 2 การศึกษาผลการพฒั นารูปแบบยเู ลริ ์นนงิ ดว้ ยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมปี ฏิสมั พนั ธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือสง่ เสริมความสามารถในการแกป้ ัญหา ของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวทิ ยาลยั เปดิ
92 ระยะท่ี 1 การพัฒนารูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อน คิ ด เพื่ อ ส่ งเส ริ ม ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใน ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า ข อ ง นั ก ศึ ก ษ า ท า ง ไก ล ร ะ ดั บ ป ริ ญ ญ า ต รี ใน มหาวิทยาลยั เปิด การวิจยั ในขั้นตอนนี้ มีวัตถปุ ระสงค์เพ่อื พฒั นารูปแบบยูเลริ ์นนงิ ดว้ ยวีดทิ ัศน์สถานการณ์แบบ มปี ฏสิ ัมพันธแ์ ละการสะท้อนคดิ เพื่อส่งเสรมิ ความสามารถในการแกป้ ัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับ ปริญญาตรใี นมหาวทิ ยาลยั เปิด โดยมรี ายละเอียดในการดำเนนิ การวจิ ยั ดงั นี้ ประชากรและตวั อยา่ งในการวจิ ยั 1. ประชากรและตัวอย่างในการวิจัย 1.1 ประชากรที่ใชใ้ นการวิจยั ไดแ้ ก่ 1.1.1 นักศึกษาทางไกล ระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด แบ่งเป็น นักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ท่ีลงทะเบียนการศึกษา 2561 ที่กำลังศึกษาอยู่โดยมีรหัส นักศกึ ษาต้งั แต่ปี 2556-2560 จำนวน 141,832 คน (กองแผนงาน, 2561) และนักศกึ ษามหาวิทยาลัย รามคำแหง ท่ีลงทะเบียนการศึกษา 2561 ท่ีกำลังศึกษาอยู่โดยมีรหัสนักศึกษาต้ังแต่ปี 2553-2561 จำนวน 98,508 คน(งานนโยบายและแผน, 2561) รวมทง้ั สิ้น 240,340 คน 1.1.2 ผู้เช่ียวชาญด้านเทคโนโลยีการศึกษาและด้านการจัดการเรียนการ สอนทางไกล 1.2 ตัวอย่างทใี่ ช้ในการวิจยั ไดแ้ ก่ 1.2.1 ตวั อย่างทใ่ี ชใ้ นการสอบถามความคิดเหน็ คอื 1) นักศึกษาทางไกล ระดับปริญญาตรใี นมหาวิทยาลยั เปิด จำนวน 384 คน โดยได้จำนวนมาจากการใช้ตารางสำเร็จรูปของเครจซี่และมอร์แกน ประมาณค่าสดั ส่วนของ ประชากรมากกว่าหรอื เทา่ กบั 100,000 คน (Krejcie & Morgan, 1970) 2) ผู้เช่ียวชาญด้านเทคโนโลยีการศึกษาและด้านการจัดการเรียน การสอนทางไกล จำนวน 3 คน โดยมีเกณฑ์การคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญคือ ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมี คุณสมบัติเป็นอาจารย์ผู้สอนหรือผู้มีประสบการณ์ในการสอนอย่างน้อย 3 ปีและ/หรือเป็นผู้มี ประสบการณ์ในการเขียนหนังสือหรือตำราเรยี น หรืองานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องในด้านเทคโนโลยีการศึกษา และด้านการจัดการเรียนการสอนทางไกล (ดูรายละเอียดในภาคผนวก ก) 1.2.2 ตัวอย่างท่ี ใช้ใน การท ดลอง คือ นั กศึกษ ามห าวิท ยาลัย สุโขทยั ธรรมาธริ าช จำนวน 45 คน โดยการสุม่ กลุ่มตวั อย่างท่ีไม่ใช้ความนา่ จะเป็น (Non-Probability Sampling) โดยวธิ กี ารคัดเลือกแบบอาสาสมัคร (Voluntary Selection) (ธานนิ ทร์ ศิลป์จารุ, 2551) เคร่อื งมือทีใ่ ช้ในการวิจัย 1. แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพและความต้องการของนักศึกษาเก่ียวกับรูปแบบ ยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถใน การแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด (ดูรายละเอียดในภาคผนวก ข)
93 2. แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญเกี่ยวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา ของ นักศึกษาทางไกลระดับปรญิ ญาตรีในมหาวทิ ยาลยั เปิด (ดรู ายละเอยี ดในภาคผนวก ข) 3. ร่างรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อ ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด (ดูรายละเอียดในภาคผนวก ข) 4. รปู แบบยเู ลิร์นนงิ ด้วยวีดิทัศน์สถานการณแ์ บบมปี ฏิสัมพนั ธแ์ ละการสะทอ้ นคิดเพ่ือส่งเสริม ความสามารถในการแกป้ ญั หาของนักศึกษาทางไกลระดบั ปริญญาตรีในมหาวทิ ยาลยั เปิด - คู่มือการใช้รูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิด เพ่อื ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปญั หาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวทิ ยาลัยเปิด - แบบประเมินคุณภาพรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการ สะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีใน มหาวทิ ยาลัยเปิด (ดูรายละเอียดในภาคผนวก ข) 5. แผนการกำกบั กจิ กรรมทส่ี อดคล้องกบั การเรยี นรตู้ ามรปู แบบยเู ลริ น์ นง่ิ ด้วยวดี ิทศั น์ สถานการณ์แบบมปี ฏสิ ัมพันธ์และการสะท้อนคดิ เพอ่ื สง่ เสริมความสามารถในการแกป้ ญั หาของ นักศึกษาทางไกลระดบั ปรญิ ญาตรีในมหาวทิ ยาลัยเปิด (ดูรายละเอียดในภาคผนวก ข) เครอื่ งมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 1. แบบวดั ความสามารถในการแกป้ ญั หา 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการสะทอ้ นคิด 3. แบบสอบถามความคิดเห็นของผ้เู รียนทีม่ ีต่อรูปแบบยูเลริ น์ นงิ ดว้ ยวีดทิ ัศน์สถานการณ์แบบ มปี ฏสิ ัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแกป้ ัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับ ปรญิ ญาตรใี นมหาวทิ ยาลยั เปิด วธิ ีการสร้างเครือ่ งมือที่ใช้ในการวจิ ัย มขี ัน้ ตอนดงั น้ี 1. แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพและความต้องการของนักศึกษาเก่ียวกับรูปแบบ ยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถใน การแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด (ดูรายละเอียดในภาคผนวก ข) โดยผวู้ ิจัยดำเนนิ การตามลำดบั ขนั้ ตอน ดังนี้ 1.1 ศึกษาแนวคิดทฤษฎแี ละงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบยเู ลิร์นนิงด้วย วีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา ของนักศกึ ษาทางไกลระดบั ปริญญาตรีในมหาวทิ ยาลยั เปิด โดยมีรายละเอียด ดังน้ี 1) ข้อมลู เกี่ยวกบั การศึกษาทางไกล ด้านความหมาย หลักการองค์ประกอบ หลักของการศึกษาทางไกล เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการกำหนดขอบข่ายของรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วย วดี ิทศั นส์ ถานการณแ์ บบมปี ฏิสมั พันธแ์ ละการสะท้อนคดิ 2) ข้อมูลเก่ียวกับการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิง ด้านความหมาย คุณลักษณะ การเปรียบเทียบกระบวนทัศน์การเรียนรู้ของการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิง สภาพแวดล้อม โครงสร้าง
94 พื้นฐาน และปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิง เพื่อกำหนดเป็นองค์ประกอบ ของรูปแบบยเู ลริ ์นนิงดว้ ยวีดิทศั นส์ ถานการณแ์ บบมีปฏิสมั พันธแ์ ละการสะท้อนคิด 3) ข้อมูลเก่ียวกับวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์ เพื่อกำหนดเป็น องคป์ ระกอบของรปู แบบยเู ลิรน์ นงิ ดว้ ยวีดทิ ศั น์สถานการณ์แบบมปี ฏิสมั พันธ์และการสะท้อนคิด 4) ข้อมูลเก่ียวกับการสะท้อนคิด ด้านความหมาย ลักษณะ ปัจจัยที่ เก่ียวข้องกับการสะท้อนคิด กระบวนการ และการจัดการเรียนรู้โดยการสะท้อนคิด เพ่ือกำหนดเป็น องคป์ ระกอบในส่วนของกระบวนการเรียนการสอน 5) ข้อมูลเก่ียวกับความสามารถในการแก้ปัญหา ด้านความหมาย กระบวนการและข้ันตอนการแก้ปัญหา ทฤษฎีท่ีเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหา และแนวทางการวัด ความสามารถในการแก้ปัญหา เพ่ือกำหนดเป็นองค์ประกอบของรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณแ์ บบมปี ฏิสมั พนั ธ์และการสะท้อนคดิ 1.2 นำข้อมูลที่ได้มาสร้างแบบสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาทางไกลระดับ ปรญิ ญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด เก่ยี วกับสภาพและความต้องการของนักศึกษาท่มี ีต่อรปู แบบยูเลิร์นนิง ด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์ แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความส ามารถในการ แก้ปัญหา ลักษณะของแบบสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาจำนวน 3 ตอน 12 หน้า เป็นการ ผสมผสานระหว่างข้อคำถามแบบปิดและข้อคำถามแบบเปิด ข้อคำถามแบบปิดเป็นประเภทแบบ ตรวจสอบรายการ โดยข้อคำถามแต่ละข้อจะมีตัวเลือกเดียวแต่บางข้อคำถามอาจให้เลือกตอบได้ มากกว่า 1 ตัวเลือก ส่วนข้อคำถามแบบเปิด ลักษณะของข้อคำถามจะเป็นการตั้งคำถามโดยเปิด โอกาสใหผ้ ู้ตอบแสดงความคิดเหน็ หรือขอ้ เสนอแนะได้อยา่ งเสรี 1.3 นำร่างของแบบสอบถามไปให้อาจารย์ท่ีปรึกษาตรวจสอบ ความเหมาะสมแล้ว ปรับแก้ไขตามคำแนะนำของอาจารย์ปรึกษา 1.4 นำแบบสอบถามไปใหผ้ ้เู ชีย่ วชาญจำนวน 3 ทา่ น (ดรู ายละเอยี ดในภาคผนวก ก) ตรวจสอบความเทย่ี งตรงเชิงเน้ือหา (Content validity) ผลการหาค่าดชั นคี วามสอดคลอ้ ง (Index of Item Objective Congruence: IOC) พบว่าค่า IOC ของแบบสอบถามมีค่าเท่ากับ 0.95 ซึ่งมีค่า เทา่ กับ 0.5 ขึน้ ไป สามารถนำไปใช้กบั กลุม่ ตวั อย่างได้ (พิชติ ฤทธ์ิจรูญ, 2547) 1.5 นำข้อเสนอแนะที่ได้รบั จากผู้เชย่ี วชาญมาปรับปรุงแก้ไขเนอ้ื หาและข้อคำถามใน แบบสอบถามที่ยงั ไม่สมบรู ณ์กอ่ นท่ีจะนำไปใช้จริง 1.6 ผู้วิจัยดำเนินการส่งแบบสอบถามสำหรับนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรี จำนวน 384 ชุด ให้กับนักศึกษา ระหว่างช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2561ได้รับแบบสอบถามคืน จำนวน 384 ชุด คิดเป็นร้อยละ 100 โดยผู้วิจัยติดต่อประสานงานกับสำนักบริการการศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ติดต่อประสานงานกับอาจารย์ท่ีเป็นหัวหน้าวิทยากรและวิทยากร ประจำกลุ่มการฝึกปฏิบัติเสริมทักษะเพ่ือขออนุญาตแจกแบบสอบถามให้กับนักศึกษา และ ประสานงานนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงในแต่ละคณะ โดยใช้แบบสอบถามออนไลน์ ซ่ึงได้รับ ความรว่ มมืออย่างดี 1.7 นำผลที่ได้จากการตอบแบบสอบถามสำหรับนักศึกษามาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ สถิตบิ รรยายโดยคำนวณหาคา่ ความถ่ีและรอ้ ยละ สรุปและวเิ คราะห์ผล
95 2. แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา ของ นักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด (ดูรายละเอียดในภาคผนวก ข) โดยผู้วิจัย ดำเนนิ การตามลำดบั ข้ันตอน ดังน้ี 2.1 ศึกษาแนวคิดทฤษฎีและงานวจิ ัยท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบยเู ลิร์นนิงด้วย วีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา ของนักศกึ ษาทางไกลระดบั ปริญญาตรีในมหาวทิ ยาลยั เปิด โดยมรี ายละเอียด ดังน้ี 1) ข้อมลู เกี่ยวกับการศึกษาทางไกล ด้านความหมาย หลักการองค์ประกอบ หลักของการศึกษาทางไกล เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการกำหนดขอบข่ายของรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วย วีดทิ ัศนส์ ถานการณ์แบบมีปฏสิ ัมพันธ์และการสะท้อนคิด 2) ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิง ด้านความหมาย คุณลักษณะ การเปรียบเทียบกระบวนทัศน์การเรียนรู้ของการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิง สภาพแวดล้อม โครงสร้าง พ้ืนฐาน และปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเรียนรู้แบบยูเลิร์นนิง เพ่ือกำหนดเป็นองค์ประกอบ ของรปู แบบยูเลิร์นนงิ ด้วยวีดทิ ศั นส์ ถานการณ์แบบมปี ฏิสมั พันธแ์ ละการสะท้อนคิด 3) ข้อมูลเกี่ยวกับวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์ เพ่ือกำหนดเป็น องค์ประกอบของรูปแบบยูเลิรน์ นิงดว้ ยวดี ทิ ศั นส์ ถานการณ์แบบมปี ฏิสัมพันธแ์ ละการสะทอ้ นคิด 4) ข้อมูลเกี่ยวกับการสะท้อนคิด ด้านความหมาย ลักษณะ ปัจจัยท่ี เกี่ยวข้องกับการสะท้อนคิด กระบวนการ และการจัดการเรียนรู้โดยการสะท้อนคิด เพื่อกำหนดเป็น องค์ประกอบในส่วนของกระบวนการเรียนการสอน 5) ข้อมูลเก่ียวกับความสามารถในการแก้ปัญหา ด้านความหมาย กระบวนการและข้ันตอนการแก้ปัญหา ทฤษฎีที่เก่ียวข้องกับการแก้ปัญหา และแนวทางการวัด ความสามารถในการแก้ปัญหา เพื่อกำหนดเป็นองค์ประกอบของรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมปี ฏสิ ัมพนั ธ์และการสะท้อนคดิ 2.2 นำข้อมูลที่ได้มาสร้างแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างที่มีคำถามแบ่งออกเป็น 3 ประเดน็ จำนวนข้อคำถามย่อย 29 คำถาม เพ่อื สมั ภาษณ์ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญเก่ียวกับรปู แบบ ยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถใน การแกป้ ญั หาของนกั ศกึ ษาทางไกลระดับปรญิ ญาตรีในมหาวทิ ยาลยั เปดิ 2.3 นำร่างของแบบสัมภาษณ์ไปให้อาจารย์ท่ีปรึกษาตรวจสอบ ความเหมาะสมแล้ว ปรบั แกไ้ ขตามคำแนะนำของอาจารยป์ รึกษา 2.4 นำแบบสัมภาษณ์ไปให้ผู้เช่ียวชาญจำนวน 3 ท่าน (ดูรายละเอียดในภาคผนวก ก) ตรวจสอบความเท่ียงตรงเชงิ เนือ้ หา (Content validity) ผลการหาคา่ ดัชนคี วามสอดคลอ้ ง (Index of Item Objective Congruence: IOC) พบว่าค่า IOC ของแบบสัมภาษณ์มีค่าเท่ากับ 0.71 ซ่ึงมีค่า เท่ากับ 0.5 ข้นึ ไป สามารถนำไปใชก้ ับกลมุ่ ตัวอย่างได้ (พชิ ิต ฤทธจิ์ รญู , 2547) 2.5 นำข้อเสนอแนะท่ีได้รับจากผูเ้ ช่ียวชาญมาปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาและข้อคำถามใน แบบสัมภาษณ์ที่ยงั ไมส่ มบรู ณก์ ่อนทจี่ ะนำไปใช้จริง
96 2.6 นัดหมายเพื่อสัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญเก่ียวกับการจัดการเรียน การสอนทางไกล จำนวน 3 คน (ดูรายละเอียดในภาคผนวก ก) โดยมีเกณฑ์การคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญ คอื ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมีคณุ สมบัติเป็นอาจารย์ผู้สอนหรือผู้มีประสบการณ์ในการสอนอย่างน้อย 3 ปแี ละ/หรือเป็นผู้มีประสบการณ์ในการเขียนหนังสือหรือตำราเรียน หรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้องในด้าน เทคโนโลยีการศกึ ษาและด้านการจดั การเรียนการสอนทางไกล สมั ภาษณ์เสร็จสิน้ จำนวน 3 คน 2.7 นำความคิดเหน็ ของผู้เชย่ี วชาญที่ไดจ้ ากการสมั ภาษณ์มาสรปุ และวิเคราะหผ์ ล ทั้งน้ีผู้วิจัยศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพและความต้องการของนักศึกษาที่มีต่อรูปแบบ ยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิด ศึกษาความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญท่ีได้จากการสัมภาษณ์รวมถึงข้อมูลจากประเด็นทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น นำมาวิเคราะห์ และสรุปสาระสำคัญของข้อมูลเพื่อนำมากำหนดเป็นองค์ประกอบและข้ันตอนของรูปแบบยูเลิร์นนิง ด้ วย วีดิ ทั ศน์ ส ถาน การ ณ์ แบ บ มี ป ฏิ สั มพั น ธ์แล ะการส ะท้ อน คิด เพื่ อส่ง เส ริมคว ามส ามารถใน การ แก้ปัญหาของนกั ศกึ ษาทางไกลระดบั ปริญญาตรีในมหาวิทยาลยั เปิด 3. ร่างรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือ ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด (ดู รายละเอยี ดในภาคผนวก ข) ผู้วิจัยดำเนินการร่างรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการ สะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีใน มหาวิทยาลัยเปิด โดยนำข้อมูลที่ได้จากข้ันตอนท่ี 1 เป็นพ้ืนฐานในการสร้างร่างรูปแบบฯ โดยผู้วิจัย ดำเนินการตามลำดบั ขัน้ ตอน ดังนี้ 3.1 ผู้วิจัยนำข้อมูลสำคัญท่ีได้จากการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพ้ืนฐานท่ีเกี่ยวข้อง กับการพัฒนารูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือ ส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด มา พจิ ารณาและกำหนดเป็นองคป์ ระกอบและขนั้ ตอนการเรียนรขู้ องรูปแบบฯ 3.2 ประเมินความเหมาะสมของรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับ ปรญิ ญาตรีในมหาวิทยาลยั เปดิ 1) นำร่างรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และ การสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกล ระดับปริญญาตรีใน มหาวทิ ยาลัยเปิด ใหอ้ าจารยท์ ่ปี รึกษาวทิ ยานพิ นธต์ รวจสอบแลว้ ปรับปรุงตามคำแนะนำ 2) นำรา่ งรูปแบบยเู ลิรน์ นิงทป่ี รับปรุงแกไ้ ขแล้วเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 7 ท่าน (ดูรายละเอียดในภาคผนวก ก) ซึ่งได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) ได้แก่ 1) ผเู้ ชี่ยวชาญด้านการสอนทางไกล 2) ผู้เชีย่ วชาญดา้ นเทคโนโลยีการศึกษา 3) ผู้เชยี่ วชาญด้าน การจัดการเรียนรู้แบบการสะท้อนคิด และ 4) ผู้เช่ียวชาญด้านการสอนเพ่ือส่งเสริมความสามารถใน การแก้ปญั หา ผู้เชยี่ วชาญในแต่ละด้านมีคณุ สมบตั ิเป็นอาจารย์ผู้สอนหรือผู้มีประสบการณ์ในการสอน อย่างน้อย 3 ปีและ/หรือเป็นผู้มีประสบการณ์ในการเขียนหนังสือหรือตำราเรียน หรืองานวิจัยท่ี
97 เก่ียวข้องในแต่ละด้าน โดยเรียบเรียงเป็นข้อคำถามในแต่ละขั้นตอน เพ่ือให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาและ ให้ข้อเสนอแนะในการส่อื ความหมาย ด้านความครอบคลุมเนื้อหา ด้านความเหมาะสมในการนำไปใช้ รวมถงึ การให้ขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เตมิ 3) นำผลการประเมินความเหมาะสมของร่างรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดฯ มาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน ความหมายของระดับคะแนน และการแปลความหมายค่าคะแนนเฉล่ียความเหมาะสมของร่างรูปแบบ ยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดที่ออกแบบข้ึน โดยเป็นแบบ ประมาณค่า 5 ระดับตามแนวคิดตามแนวคิดของลิเคิร์ท (Likert’s scale, 1932 อ้างถึงใน พิชิต ฤทธ์จิ รญู , 2544) ซ่ึงมเี กณฑ์การประเมินดังนี้ 5 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นว่าข้อความนั้นมคี วามเหมาะสมมากทส่ี ดุ 4 หมายถึง มีความคดิ เหน็ ว่าขอ้ ความน้ันมคี วามเหมาะสมมาก 3 หมายถงึ มีความคดิ เห็นวา่ ข้อความนั้นมีความเหมาะสมปานกลาง 2 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นวา่ ข้อความนน้ั มีความเหมาะสมนอ้ ย 1 หมายถงึ มีความคิดเหน็ ว่าขอ้ ความนน้ั มคี วามเหมาะสมน้อยทีส่ ดุ การแปลความหมายของคะแนนเฉลีย่ มีการแปลความหมายดังน้ี คา่ เฉลยี่ ระหวา่ ง 4.50-5.00 หมายถงึ มีความเหมาะสมมากท่สี ดุ ค่าเฉลี่ยระหว่าง 3.50-4.49 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมมาก ค่าเฉลี่ยระหวา่ ง 2.50-3.49 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมปานกลาง คา่ เฉลย่ี ระหว่าง 1.50-2.49 หมายถงึ มีความเหมาะสมนอ้ ย ค่าเฉลยี่ ระหวา่ ง 1.00-1.49 หมายถึง มคี วามเหมาะสมนอ้ ยท่สี ุด 3.3 ปรับปรุงแก้ไขร่างรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์ และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกล ระดับปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัยเปิด ตามทผ่ี เู้ ช่ียวชาญได้ทำการตรวจสอบและให้คำแนะนำ 4. รปู แบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทศั นส์ ถานการณแ์ บบมีปฏิสมั พันธแ์ ละการสะทอ้ นคิดเพื่อส่งเสริม ความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด โดยมี ขัน้ ตอนการออกแบบและพัฒนา ดงั น้ี ข้ันตอนการพัฒนารูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และ การสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกล ระดับปริญญาตรีใน มหาวิทยาลัยเปิด 1) ผลิตวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์ ผู้วิจัยผลิตรายการวีดิทั ศน์เพื่อ การศกึ ษาจำนวน 5 รายการ รายการละ 10 นาที โดยดำเนินการดงั น้ี (1.1) ข้ันเตรียมการผลิตรายการ ประกอบด้วย การกำหนดประเด็น/เน้ือหา ท่ีจะผลิตเป็นวีดิทัศน์ จัดทำตัวอย่างสถานการณ์ปัญหา จัดทำบทละครที่ใช้สถานการณ์ โดยมีการ ดำเนินงานตามโครงสรา้ งของการเลา่ เรือ่ งแบบสามองก์ คือการเปดิ เร่อื ง การพฒั นาเรือ่ ง และการสรุป
98 จบเร่ือง จากน้ันเตรียมฉากรายการ ประสานงานผู้แสดงหรือวิทยากรและผู้ดำเนินรายการ และจอง หอ้ งผลติ รายการ (ดรู ายละเอียดที่ ภาคผนวก ค) (1.2) ข้ันผลิตรายการ ประกอบด้วย การถ่ายทำรายการในสตูดโิ อและนอก สถานท่ี โดยแสดงสถานการณ์ปัญหาทีเ่ กี่ยวข้องกบั เน้ือหาหรือประเด็นที่กำหนดไว้และวิทยากรเป็นผู้ นำเสนอวิธกี ารแก้ปัญหาผ่านการระบุปัญหา วิเคราะหส์ าเหตขุ องปัญหา ขอ้ มูลที่จะนำมาใช้แก้ปัญหา นำเสนอวธิ ีการแก้ปัญหา และตรวจสอบผลจากการแก้ปัญหา รูปแบบรายการท่ีผสมระหว่างบรรยาย ประกอบภาพ สนทนา และเป็นแบบละครที่มีการใช้สถานการณ์เพ่ือเป็นแนวทางการศึกษาเรียนรู้ วธิ ีการแก้ปัญหาและทำกิจกรรมปฏิสัมพันธ์โดยให้นักศึกษาสะท้อนคิดเป็นกิจกรรมสอดแทรกระหว่าง รับชมวีดิทัศน์ ซ่ึงจะมีผลป้อนกลับเป็นแนวตอบคำถามและเกร็ดความรู้เช่ือมโยงสู่กระบวนการ แกป้ ัญหา (1.3) ขั้นสร้างปฏิสัมพันธ์ โดยใช้การสร้างด้วยภาษา HTML5 จาก http://www.playposit.com/ ด้วยการใช้เท คนิคการป ฏิสัมพั นธ์แบบแท รกคำถาม ตาม กระบวนการสะท้อนคิด โดยนำวดี ิทัศน์ท่ีใช้สถานการณ์ ทจี่ ัดทำในขนั้ การเตรียมการผลิต มาเป็นโครง เรื่องสำหรับการกำหนดจังหวะของการถามและการสร้างปฏิสัมพันธ์ โดยคำถามน้ันเป็นคำถาม สะท้อนคิดตามกระบวนการสะท้อนคิดท่ีผู้วิจัยสังเคราะห์มา 5 ข้ันตอนคือ (1) ขั้นอธิบายสถานการณ์ และปัญหาทีเ่ กดิ ขึ้น (2) ขัน้ อธิบายความรู้สึกตอ่ สถานการณ์ (3) ขนั้ บอกแนวคิด/หลักการ/ความเช่อื ท่ี สนบั สนนุ การกระทำ (4) ข้ันนำข้อสรุปไปปฏิบตั ิ (5) ข้ันสะท้อนคดิ การเรียนร้/ู ประสบการณ์ใหม่ท่ตี า่ ง จากเดิม เมื่อผู้เรียนทำกิจกรรมสะท้อนคิดในแต่ละข้ันตอนแล้วจะมีผลป้อนกลับเป็นแนวตอบคำถาม และเกร็ดความรู้เชื่อมโยงสู่กระบวนการแก้ปัญหาให้ผู้เรียนได้ศึกษาเพิ่มเติม รายละเอียดของ โครงสรา้ งดงั ปรากฎในตารางท่ี 3.1 น้ี ต า ร า งที่ 3.1 ก ารป ฏิ สั ม พั น ธ์ ด้ ว ย ก ารส ะ ท้ อ น คิ ด ต า ม โค ร งส ร้างก าร เล่ าเร่ือ งข อ ง วดี ิทศั น์สถานการณ์แบบมปี ฏสิ ัมพันธ์ โครงสร้างการเล่าเรื่องแบบสามองก์ การปฏิสมั พันธ์ การสะทอ้ นคิด 5 ขน้ั ตอน ปฏสิ มั พันธแ์ บบให้เนอื้ หา โดยให้ องกท์ ี่ 1 ตอนต้น ผู้เรยี นอา่ นเนอ้ื หา ทำความเข้าใจ และ อธิบายสถานการณ์ (การเปิดเรอื่ ง) และปัญหาท่เี กิดขน้ึ - ผู้ดำเนินรายการนำเข้าสู่บทเรยี น คลิก ยนื ยัน อธิบายความรสู้ กึ ตอ่ สถานการณ์ และให้ความรูเ้ บ้อื งต้น บอกแนวคิด/หลักการ/ความเช่ือที่ การแทรกคำถามการสะทอ้ นคิด สนับสนุนการกระทำ องกท์ ี่ 2 ตอนกลาง ข้ันตอนที่ 1 (การพฒั นาเร่ือง) นำข้อสรปุ ไปฏิบัติ - นำเสนอสถานการณ์ การแทรกคำถามการสะท้อนคดิ - ผดู้ ำเนินรายการนำเข้าสู่ ขน้ั ตอนท่ี 2 กระบวนการสะทอ้ นคดิ การแทรกคำถามแบบเลือกตอบ ขน้ั ตอนที่ 3 การแทรกคำถามการสะท้อนคดิ ขั้นตอนที่ 3 การแทรกคำถามแบบเลอื กตอบ ข้ันตอนที่ 4
99 โครงสรา้ งการเลา่ เรอ่ื งแบบสามองก์ การปฏสิ มั พนั ธ์ การสะทอ้ นคดิ 5 ข้ันตอน การแทรกคำถามการสะทอ้ นคดิ ขน้ั ตอนท่ี 4 องกท์ ี่ 3 ตอนปลาย ปฏสิ ัมพันธ์แบบใหเ้ นื้อหา โดยให้ (การสรุปจบเรอ่ื ง) ผูเ้ รยี นอ่านเนือ้ หา ทำความเขา้ ใจ และ - วิทยากรอธิบายเฉลยตาม สถานการณข์ ้างต้น คลกิ ยนื ยนั - ผดู้ ำเนินรายการอธิบายทบทวน ความรู้ทีน่ กั ศึกษาไดร้ ับในการสอน การแทรกคำถามการสะท้อนคดิ การสะทอ้ นคิดการเรยี นรู้ คร้งั นี้ ข้นั ตอนท่ี 5 /ประสบการณ์ใหม่ทแ่ี ตกต่างจาก - ผู้ดำเนินรายการถามผูเ้ รยี นตาม เดิม กระบวนการสะทอ้ นคิดและกล่าว สรปุ ปฎิสัมพันธ์ตรวจสอบผลการเรยี น โดย ใหผ้ เู้ รียนเรียกดูผลคะแนน และคลิก ยนื ยัน (1.4) ข้ันประเมินผลรายการวีดิทัศน์เพื่อการศึกษา โดยเป็นการประเมิน ราย ก ารต าม ระ บ บ ก ารผ ลิ ต ส่ื อ ก ารศึ ก ษ าท างไก ล ข อ งส ำนั ก เท ค โน โล ยี ก ารศึ ก ษ า มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช โดยให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่านประเมินรายการวีดิทัศน์เพื่อ การศึกษา (ดูรายละเอียดท่ี ภาคผนวก ก) คุณสมบัติของผู้ประเมินรายการวีดิทัศน์เพ่ือการศึกษาคือ เปน็ อาจารย์ประจำสาขา หรอื อาจารยส์ ำนักเทคโนโลยีการศึกษา หรือ เป็นผมู้ ีประสบการณ์การผลิต รายการประจำสำนกั เทคโนโลยีการศกึ ษาไม่น้อยกวา่ 3 ปี ตารางที่ 3.2 การประเมินคุณภาพสอ่ื วิดที ศั น์สถานการณ์แบบมีปฏสิ ัมพันธ์ ขอ้ คำถาม ระดบั ความเหมาะสม ���̅��� SD ความหมาย 1. รายการท่นี ำเสนอตรงกบั ประเด็น 4.67 0.58 มากที่สุด 2. รูปแบบการนำเสนอดว้ ยวีดทิ ศั น์สถานการณ์ 5.00 0.00 มากทสี่ ุด แบบมีปฏสิ ัมพนั ธ์มีความเหมาะสม 3. การใช้สถานการณต์ วั อยา่ งมีความเหมาะสม 5.00 0.00 มากที่สุด 4. ความสอดคลอ้ งของจงั หวะปฏิสัมพนั ธ์กบั 4.67 0.58 มากทส่ี ดุ กระบวนการสะท้อนคดิ ในแต่ละข้นั 5. ภาพส่ือความหมายตรงตามเน้อื หา 5.00 0.00 มากท่สี ดุ 6. คณุ ภาพดา้ นเทคนิค 5.00 0.00 มากที่สุด • ขนาดและรปู แบบของตวั หนงั สอื 5.00 0.00 มากท่ีสดุ • ความชดั เจนของเสียงหลัก (เสยี งบรรยาย , วิทยากร, ผ้ดู ำเนนิ รายการ)
100 ขอ้ คำถาม ระดับความเหมาะสม ���̅��� SD ความหมาย • ความชดั เจนของเสยี งประกอบ (ดนตรี , 5.00 0.00 มากท่ีสุด เสยี งแบ็คกราวด์, เสียงพเิ ศษ) 5.00 0.00 มากที่สดุ • ความคมชดั ของภาพหลัก (ภาพวทิ ยากร) 5.00 0.00 มากทส่ี ุด • ความคมชัดของภาพประกอบ 4.93 0.12 มากทส่ี ดุ เฉลยี่ จากตาราง 3.2 พบว่า ในภาพรวมของการประเมินคุณภาพส่ือวิดีทัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏิสัมพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าส่ือวิดีทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์ มีความเหมาะสมมาก ท่สี ุด ( x̅ = 4.93, SD = 0.12) เมอ่ื พิจารณาเป็นรายข้อพบวา่ รูปแบบการนำเสนอด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมปี ฏิสัมพันธ์ การใช้สถานการณ์ตัวอย่าง ภาพส่ือความหมายตรงตามเน้ือหา และคุณภาพด้านเทคนิค มีความ เหมาะสมมากทสี่ ดุ ( x̅ = 5.00, SD = 0.00) ท้ังนี้ผู้เช่ียวชาญทั้ง 3 คน ได้สรุปวา่ รายการน้ีควรออกอากาศหรือเผยแพร่ได้ และระบุถึงส่ิง ท่ีน่าสนใจของวีดิทัศน์ว่า วีดิทัศน์มีความทันสมัย มีตัวอย่างสถานการณ์ที่สมมติขึ้นมา ทำให้ผู้เรียน เข้าใจมากยิ่งขึ้น คำถามสำหรับกระตุ้นให้ผู้เรียนได้สะท้อนคิดหรือตอบคำถามจะช่วยเพิ่มความ น่าสนใจในการเรียนมากย่ิงข้ึน และมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบในสื่อวีดิทัศน์ท่ีสอดคล้องกับเนื้อหาเป็น ระยะ ๆ นอกจากนี้ยังให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไขดังน้ี วิทยากรพูดตามตัวอักษรของกราฟิก มากไปหน่อยควรอธิบายเพม่ิ เติมมากขึ้น และเพิ่มคำสำคัญ หรอื จุดเน้นบนวีดทิ ัศนเ์ พือ่ ให้ผู้เรยี นจดจำ ไดง้ า่ ย 2) พัฒนารูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการ สะท้อนคิดฯ ผู้วิจัยพัฒนารูปแบบยูเลิร์นนิง (Ujalearn U-learning for all-เสิร์ฟความรู้สู่คนอยาก เรียน) (ดูรายละเอียดท่ี ภาคผนวก ค) โดยการดำเนินงานในคร้ังนี้ ได้นำข้ันตอนท่ี 5 ของขั้นตอน การศึกษาทางไกลของ สุมาลี สังข์ศรี (2549) ข้ันที่ 5 พัฒนาสื่อ ที่ประกอบด้วยขั้นการวางแผน ขั้น ผลิตสื่อ ขั้นประเมินหรือทดสอบประสิทธิภาพส่ือ และ ขั้นตอนการดำเนินงานของระบบการเรียนการ สอนทางไกลของ วิจติ ร ศรีสอา้ น (2543) มาปรับใช้มีขั้นตอนดงั นี้ (2.1) กำหนดวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ กำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ วเิ คราะหผ์ ู้เรยี น และกำหนดภาพรวมของรปู แบบยูเลริ น์ นงิ (2.2) เขยี นสตอรบี อร์ด หน้าจอของรูปแบบ และผังงาน โดยกำหนดส่ิงที่จะ ปรากฏบนหน้าจอ ลำดับขั้นตอนของกิจกรรม แถบปุ่ม การปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียนและการเชื่อมโยง ระหว่างหนา้ จอในแต่ละหนา้ (ดังภาพที่ 3.4 และ 3.5) (2.3) ออกแบบการใช้เครื่องมือการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วย วีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพนั ธ์และการสะท้อนคิดเพื่อทำกิจกรรมและสรา้ งปฏิสมั พันธท์ างการ เรียนรว่ มกัน
101 (2.4) ให้อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบตามท่ีออกแบบ เครื่องมือท่ีใช้ โปรแกรมทเ่ี กีย่ วขอ้ ง แล้วปรับปรุงแก้ไข (2.5) รูปแบบยูเลิร์นนิง (Ujalearn U-learning for all-เสิร์ฟความรู้สู่คน อยากเรียน) โดยจะแบ่งออกเปน็ ข้ันตอนได้ ดงั นี้ (1) สร้างรปู แบบยูเลิร์นนิง ซึ่งเป็นรูปแบบหลักของการจัดการการ เรียนรู้แบบยูเลิร์นนิง และใช้เป็นตัวนำเข้าสู่เน้ือหาบทเรียนและกิจกรรมต่าง ๆ ซ่ึงจะพัฒนาด้วย WORDPRESS มชี ื่อว่า Ujalearn U-learning for all-เสริ ์ฟความรู้สูค่ นอยากเรยี น ภาพที่ 3.4 สตอรบี อรด์ หนา้ จอของรูปแบบยเู ลิรน์ นิง Ujalearn U-learning for all-เสิรฟ์ ความรู้สูค่ นอยากเรยี น
102 ภาพท่ี 3.5 โครสรา้ งผงั งานของรปู แบบยเู ลริ น์ นงิ Ujalearn U-learning for all-เสริ ์ฟความร้สู คู่ นอยากเรยี น (2) ใช้โปรแกรมสำหรับสร้างภาพกราฟิกมาใช้ออกแบบออกแบบ กราฟิก และภาพประกอบท่ีจะใช้ตกแต่งและปรากฏบนเว็บไซต์ โดยคำนึงถึง สตอรีบอร์ด (Storyboard) ให้มคี วามเหมาะสมและนา่ สนใจตามผงั งาน (Flowchart) ทไี่ ด้ออกแบบเอาไว้ (2.6) สร้างคู่มือการใช้รูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดฯ ในรูปแบบวีดิทัศน์ และ แบบไฟล์ PDF โดยนำรายละเอียดเสนอต่อ อาจารย์ท่ีปรึกษาเพื่อพิจารณาความถูกต้องและเหมาะสม จากนั้นผู้วิจัยปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำ ของอาจารยท์ ่ปี รกึ ษา (2.7) สร้างแบบประเมินรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับ ปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด (ดูรายละเอียดที่ ภาคผนวก ข) ซึ่งผู้วิจัยได้พัฒนาข้อคำถามท่ี เหมาะสมกบั การประเมนิ โดยแบ่งคำถามในการประเมนิ ออกเป็น 3 ส่วนคือ
103 (1) ออกแบบรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิด จำนวน 16 คำถาม (2) ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ (3) ข้อสรุปจากการประเมินรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมปี ฏิสัมพันธแ์ ละการสะทอ้ นคดิ (2.8) ตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบยูเลิร์นนิงที่พัฒนาบน WORDPRESS ไปให้ผู้เช่ียวชาญ จำนวน 3 ท่าน (ดูรายละเอียดท่ี ภาคผนวก ก) โดยใช้เกณฑ์ประเมินคุณภาพเป็น แบบประมาณค่า 5 ระดับตามแนวคิดตามแนวคิดของลิเคิร์ท (Likert’s scale, 1932 อ้างถึงใน พิชติ ฤทธจ์ิ รูญ, 2544) ซ่ึงมีเกณฑ์การประเมนิ ดังนี้ 5 หมายถงึ มีความคิดเหน็ ว่าข้อความน้ันมีความเหมาะสมมากทส่ี ุด 4 หมายถึง มีความคิดเหน็ ว่าขอ้ ความนน้ั มีความเหมาะสมมาก 3 หมายถึง มีความคดิ เห็นวา่ ข้อความนนั้ มีความเหมาะสมปานกลาง 2 หมายถึง มีความคดิ เหน็ วา่ ขอ้ ความนัน้ มีความเหมาะสมน้อย 1 หมายถงึ มคี วามคดิ เหน็ วา่ ขอ้ ความนนั้ มีความเหมาะสมน้อยทีส่ ดุ การแปลความหมายของคะแนนเฉล่ีย มีการแปลความหมายดงั นี้ คา่ เฉล่ยี ระหว่าง 4.50-5.00 หมายถึง มีความเหมาะสมมากท่สี ดุ ค่าเฉลี่ยระหว่าง 3.50-4.49 หมายถงึ มีความเหมาะสมมาก คา่ เฉลี่ยระหว่าง 2.50-3.49 หมายถึง มีความเหมาะสมปานกลาง คา่ เฉลี่ยระหวา่ ง 1.50-2.49 หมายถึง มคี วามเหมาะสมนอ้ ย ค่าเฉลย่ี ระหวา่ ง 1.00-1.49 หมายถึง มีความเหมาะสมน้อยทีส่ ดุ ตารางท่ี 3.3 การประเมินคุณภาพส่ือด้านการออกแบบรปู แบบยูเลริ น์ นิงด้วยวดี ิทัศน์สถานการณ์แบบ มปี ฏสิ ัมพนั ธแ์ ละการสะท้อนคดิ ขอ้ คำถาม ระดับความเหมาะสม ���̅��� SD ความหมาย 1. ความสะดวกรวดเรว็ และงา่ ยในการ 4.67 0.58 มากทส่ี ดุ ลงทะเบยี นเพอื่ เขา้ ใชง้ านในระบบ 2. การออกแบบหนา้ จอของบทเรยี นมสี ัดสว่ นท่ี 4.33 0.58 มาก เหมาะสมและสวยงาม 3. ขนาดและชนิดของตวั อักษรใชส้ ีสนั สะดดุ ตา 4.67 0.58 มากที่สุด อ่านงา่ ย มีความเหมาะสม 4. กิจกรรมการเรียนในแต่ละขน้ั ตอนมีความ 4.33 0.58 มาก นา่ สนใจและเหมาะสมกับผู้เรยี น 5. มีวธิ ีการใช้งานในแต่ละข้ันอยา่ งชัดเจนและ 4.33 0.58 มาก ความเหมาะสม
104 ข้อคำถาม ระดบั ความเหมาะสม ���̅��� SD ความหมาย 6. สามารถเขา้ ถึงส่ือการเรียนการสอนที่นำเสนอ 4.67 0.58 มากท่ีสุด ไว้ไดง้ ่าย และรวดเรว็ 7. แสดงการมอบหมายงานในแต่ละสัปดาหข์ อง 4.00 1.00 มาก ผเู้ รียนอย่างชดั เจน 8. คุณภาพด้านภาพและเสียงของคลิปวีดทิ ัศนม์ ี 5.00 0.00 มากทส่ี ุด ความชัดเจน ไม่มสี ิง่ รบกวน 9. วิธีการนำเสนอเนอ้ื หาในรูปแบบคลิปวดี ิทัศน์ 4.67 0.58 มากที่สดุ ตรงประเดน็ ชัดเจน เขา้ ใจงา่ ย 10. มปี ฏสิ ัมพันธ์ระหวา่ งผ้เู รียนกับเน้อื หาที่ 5.00 0.00 มากทีส่ ดุ หลากหลาย เช่น ปฏิสัมพนั ธแ์ บบใหเ้ นอ้ื หา ปฏิสมั พันธแ์ บบเลือกตอบ และปฏิสมั พันธ์แบบ 5.00 0.00 มากทส่ี ดุ พิมพ์ตอบ 11. การสะท้อนคิดในแต่ละข้ันสอดคลอ้ งลำดับ 4.67 0.58 มากที่สุด ขน้ั ของการนำเสนอเนื้อหาในรปู แบบคลปิ วีดทิ ศั น์ 12. ความสะดวก รวดเร็วและงา่ ยในการตอบ 4.67 0.58 มากทส่ี ุด คำถามหรือทำกจิ กรรมของผูเ้ รยี นบนวดี ทิ ศั น์ 13. ความสะดวก รวดเร็ว และงา่ ยในการทำ 5.00 0.00 มากทส่ี ุด แบบทดสอบของผู้เรียนบนวิดที ัศน์ 14. ความสะดวก รวดเรว็ และง่ายในการแสดงผล 4.67 0.58 มากที่สดุ ป้อนกลับให้กับผู้เรยี นหลังจากผู้เรยี นทำกิจกรรม 15. ความสะดวก รวดเร็วและง่ายในการ 4.00 0.00 มาก ตรวจสอบผลการเรียนของผเู้ รยี น 16. มีการประยุกต์ใชเ้ คร่ืองมือในรูปแบบยเู ลิร์ 4.60 0.24 มากท่ีสดุ นนิงท่ีหลากหลายและเหมาะสมกบั ผ้เู รียน เฉล่ีย จากตารางที่ 3.3 พบว่า ในภาพรวมของการประเมินคุณภาพสื่อด้านการออกแบบรูปแบบ Ujalearn ผเู้ ชี่ยวชาญมีความเห็นว่าสื่อมีความเหมาะสมมากท่ีสุด ( x̅ = 4.60, SD = 0.24) โดยพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า คุณภาพด้านภาพและเสียงของคลิปวีดิทัศน์มีความชัดเจน ไม่ มีส่ิงรบกวน มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับเนื้อหาท่ีหลากหลาย เช่น ปฏิสัมพันธ์แบบให้เนื้อหา ปฏิสัมพันธ์แบบเลือกตอบ และปฏิสัมพันธ์แบบพิมพ์ตอบ การสะทอ้ นคิดในแต่ละข้ันสอดคล้องลำดับ ข้ันของการนำเสนอเน้ือหาในรูปแบบคลิปวีดิทัศน์ และความสะดวก รวดเร็วและง่ายในการแสดงผล ป้อนกลับใหก้ บั ผ้เู รยี นหลงั จากผู้เรียนทำกจิ กรรม มคี ่าเฉลีย่ สูงสดู ( x̅ = 5.00, SD = 0.00) ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญท้ัง 3 คน ได้สรุปว่า รูปแบบมีความเหมาะสมดีแล้วสามารถนำไปทดลองได้ พร้อมทั้งใหข้ ้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไขดังน้ี การเข้าใช้งานระบบไม่ยุ่งยาก ไม่ซบั ซ้อน แต่ควรมี
105 การจัดลำดบั โครงสร้างเน้ือหาการเรยี นรู้ให้ชดั เจน บทเรียนทอ่ี ยู่บนระบบควรใช้สี ขนาดและตวั อักษร ใหน้ า่ สนใจขึ้น (2.9) ทดสอบประสิทธิภาพของรูปแบบยูเลิร์นนิงโดยการทดสอบแบบหนึ่ง ต่อหนึ่ง และทดสอบกลุ่มเล็กซึ่งเป็นนักศึกษาท่ีมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยสังเกต พฤตกิ รรมในขณะท่นี ักศึกษาทดลองใช้งาน สัมภาษณ์และนำข้อมูลมาปรับปรุงแกไ้ ขกอ่ นนำไปทดลอง จริง ซ่งึ จากการสอบถามผู้เรียนพบว่า การใช้งานในคร้ังแรกคอ่ นข้างยาก ถ้าผู้เรียนไมอ่ ่านคำชีแ้ จงโดย ละเอียด อาจมีการศึกษาข้ามขั้นตอนได้ แต่ถ้าอ่านจากคำชี้แจงและปฏิบัติตามจะสามารถศึกษาได้ ตามแผนการเรียน รวมทั้งเครื่องมือช่วยเหลือท่ีจัดเตรียมไว้โดยผู้สอน ช่วยให้ผู้เรียนสามารถซักถาม และชว่ ยใหเ้ รยี นรู้ได้ตามขน้ั ตอน (2.10) นำผลท่ีได้มาปรับปรุงแก้ไขให้พร้อมก่อนนำไปทดลองใช้จริง โดยได้ ปรับแก้ไขขนาดของข้อความ สี และข้ันตอนการเข้าระบบ และการเช่ือมโยงในส่วนต่าง ๆ ของระบบ ใหส้ อดคลอ้ งกับเวลาเรยี นของแต่ละสปั ดาห์ 5. พัฒนาแผนการกำกับกิจกรรมที่สอดคล้องกับการเรยี นรตู้ ามรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของ นักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด (ดูรายละเอียดที่ ภาคผนวก ข) โดยมีข้ันตอน ในการสรา้ งและพฒั นาดังน้ี 5.1 ศึกษาและวิเคราะห์รูปแบบกิจกรรมการเรียนในแต่ละข้ันตอนของกระบวนการ เรยี นรู้ตามแนวคดิ และขั้นตอนการศึกษาทางไกล แล้วเขยี นแผนการจดั การเรยี นรู้ จากการวิเคราะห์เนื้อหา ผู้วิจัยได้เสนอแผนการจัดการเรียนรู้ท่ีใช้การนำเสนอ เน้ือหาด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์ โดยประเด็นหลักของเน้ือหาเป็นเร่ืองการปลอม เอกสาร โดยอ้างอิงเน้ือหาตามหลักสูตรปริญ ญ าตรี สาขาวิชานิติศาสตร์มหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช โดยเลือกหน่วยการเรียนของชุดวิชาท่ีเก่ียวข้องกับความผิดเกี่ยวกับการปลอม แปลง 5.2 ศึกษาหลักการ แนวคิด จากเอกสารและงานวิจัยที่เก่ียวข้อง นำไปปรึกษา อาจารย์ประจำสาขาวิชานิติศาสตร์ในดา้ นรายละเอียดของเนื้อหา กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามข้ันตอนการเรียนรู้ด้วยรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการ สะท้อนคดิ ฯ โดยกำหนดวัตถปุ ระสงค์หรือกำหนดเป้าหมายการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรียนใหส้ อดคล้อง เนอ้ื หาและขัน้ ตอนตา่ ง ๆ 5.3 เขียนแผนกำกับกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ระยะเวลาในการทดลอง 4 สัปดาห์ โดยมรี ายละเอียดดังนี้ 1) การวางแผนก่อนการทดลอง (1.1) เตรียมความพร้อมของส่ือการสอน เคร่ืองมือ และอุปกรณ์ ได้แก่ วีดิทศั นส์ ถานการณ์ Smartphone Tablet การเช่อื มตอ่ อนิ เทอรเ์ น็ต ระบบสนบั สนนุ ผเู้ รยี น (1.2) เตรียมความพร้อมของแผนการจัดการเรียนการสอน คู่มือ การปฏบิ ัติสำหรับผูเ้ รยี น และเครื่องมอื ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล
106 (1.3) ประชาสัมพันธ์การเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนและ ลงทะเบยี นเรียน 2) ดำเนินการทดลองใช้รูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏิสัมพันธแ์ ละการสะท้อนคดิ ฯ ทพ่ี ฒั นาขึน้ (2.1) ปฐมนิเทศการใช้งานรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมปี ฏิสมั พันธ์และการสะทอ้ นคดิ ฯ (2.2) วัดความสามารถในการแกป้ ญั หากอ่ นเรียน (2.3) ดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏสิ มั พันธแ์ ละการสะทอ้ นคดิ (2.4) ให้ผู้เรยี นทำกิจกรรมการสะท้อนคิด ตารางท่ี 3.4 รายละเอียดขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของ นักศึกษาทางไกลระดบั ปรญิ ญาตรีในมหาวิทยาลัยเปดิ กิจกรรมการเรียนรู้ ผลลัพธ์ ขัน้ ตอนที่ 1 ขั้นเตรียมการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (กอ่ นสปั ดาห์ท่ี 1-สปั ดาห์ท่ี 1) ก่อนเรยี น (ก่อนสปั ดาห์ที่ 1) ประชาสัมพันธ์การเข้าร่วมกิจกรรมการ ผู้เรียนสนใจสมัครเข้าเรียนรู้ในระบบบริหารจัดการ เรียนรู้และลงทะเบียนเรียน (ใช้เวลาก่อน เรียนรู้ตามรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์ สปั ดาห์ท่ี 1) แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดฯ และผู้เรียน กรอกฟอร์มสมัครเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ใน รูปแบบ Ujalearn สปั ดาหท์ ่ี 1 (ใช้เวลา 1 ชั่วโมง) ผู้เรียนรู้และเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับเป้าหมายและ ปฐมนิเทศ (ใชเ้ วลา 10 นาท)ี วัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ ขั้นตอนและวิธีการเรียนรู้ เครื่องมือเทคโนโลยีที่นำมาใช้ และช่องทางการ ติดตอ่ สอ่ื สาร ผู้เรียนสามารถประเมินตนเองได้ว่ามีความสามารถใน ทดสอบผ้เู รยี นก่อนเรยี น (ใชเ้ วลา 30 นาที) การแกป้ ัญหาอยใู่ นระดบั ใด ข้นั ตอนท่ี 2 ข้นั จดั การเรียนร้ดู ้วยวดี ทิ ัศนส์ ถานการณ์แบบมปี ฏิสัมพันธ์และการสะทอ้ นคิด (สปั ดาหท์ ่ี 1-4) สปั ดาห์ท่ี 1 (ใชเ้ วลา 1 ชั่วโมง) - รบั ชมวีดทิ ัศน์สถานการณ์แบบมปี ฏสิ ัมพนั ธ์ - ผู้เรียนสามารถอธิบายสถานการณ์หรือปัญหาท่ี (Interactive scenarios video: ISV) ตอนที่ เกดิ ข้ึนจากสถานการณไ์ ด้ 1 คดีอาญา ตอน ปลอมเอกสาร และสะทอ้ น - ผู้เรียนสามารถอธิบายความรู้สึกของตนเองท่ีมีต่อ
107 กจิ กรรมการเรียนรู้ ผลลัพธ์ คดิ การเรียนรู้ด้วยกิจกรรมตามขั้นตอนที่ 1-5 สถานการณไ์ ด้ คือ - ผู้เรียนสามารถรวบรวมข้อมูลด้วยการบอกแนวคิด/ 1 อธิบายสถานการณแ์ ละปญั หาทเ่ี กิดขน้ึ หลกั การ/ความเชื่อท่สี นับสนุนการกระทำของตวั ละคร 2 อธิบายความรูส้ ึกต่อสถานการณ์ ในสถานการณ์ได้ 3 บ อกแน วคิด/หลักการ/ความ เช่ือที่ - ผเู้ รยี นสามารถหาข้อสรุปของปัญหาจากสถานการณ์ สนับสนุนการกระทำ ได้ และสามารถตรวจสอบผลการแกป้ ญั หาได้ 4 นำขอ้ สรปุ ไปปฏบิ ัติ - ผู้เรียนสามารถนำความรู้จากสถานการณ์ ไป 5 สะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ท่ี ประยกุ ตใ์ ช้ในสถานการณท์ ีแ่ ตกต่างได้ ต่างจากเดมิ - ประเมนิ ผลด้วยแบบประเมนิ พฤติกรรมการ สะท้อนคดิ ทุกข้ันตอน สปั ดาห์ท่ี 2 (ใชเ้ วลา 1 ชัว่ โมง) - รับชมวีดิทศั น์สถานการณ์แบบมปี ฏิสัมพนั ธ์ - ผู้เรียนสามารถอธิบายสถานการณ์หรือปัญหาที่ (Interactive scenarios video: ISV) ตอนท่ี เกิดขน้ึ จากสถานการณไ์ ด้ 2 คดีอาญา ตอน ปลอมเอกสารตอนที่ 2 - ผู้เรียนสามารถอธิบายความรู้สึกของตนเองท่ีมีต่อ และสะท้อนคิดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมตาม สถานการณไ์ ด้ ขน้ั ตอนท่ี 1-5 คอื - ผู้เรียนสามารถรวบรวมข้อมูลด้วยการบอกแนวคิด/ 1 อธบิ ายสถานการณแ์ ละปัญหาท่ีเกดิ ข้นึ หลักการ/ความเช่อื ทส่ี นบั สนุนการกระทำของตวั ละคร 2 อธบิ ายความรสู้ ึกต่อสถานการณ์ ในสถานการณไ์ ด้ 3 บ อกแน วคิด/หลักการ/ความ เช่ือท่ี - ผเู้ รียนสามารถหาข้อสรุปของปัญหาจากสถานการณ์ สนับสนนุ การกระทำ ได้ และสามารถตรวจสอบผลการแก้ปัญหาได้ 4 นำข้อสรุปไปปฏบิ ัติ - ผู้เรียนสามารถนำความรู้จากสถานการณ์ ไป 5 สะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ท่ี ประยุกตใ์ ชใ้ นสถานการณท์ แ่ี ตกตา่ งได้ ตา่ งจากเดิม - ประเมนิ ผลดว้ ยแบบประเมินพฤติกรรมการ สะทอ้ นคดิ ทกุ ขนั้ ตอน สปั ดาห์ท่ี 3 (ใชเ้ วลา 1 ช่วั โมง) - รับชมวีดทิ ัศนส์ ถานการณแ์ บบมีปฏิสัมพนั ธ์ - ผู้เรียนสามารถอธิบายสถานการณ์หรือปัญหาท่ี (Interactive scenarios video: ISV) ตอนที่ เกดิ ขนึ้ จากสถานการณไ์ ด้ 3 คดีอาญา ตอน กรอกข้อความซึ่งมีลายมือ - ผู้เรียนสามารถอธิบายความรู้สึกของตนเองท่ีมีต่อ ชื่อของผู้อื่น และสะท้อนคิดการเรียนรู้ด้วย สถานการณไ์ ด้ กิจกรรมตามข้นั ตอนท่ี 1-5 คอื - ผู้เรียนสามารถรวบรวมข้อมูลด้วยการบอกแนวคิด/ 1 อธิบายสถานการณ์และปัญหาทเี่ กดิ ข้นึ หลักการ/ความเชื่อทสี่ นบั สนนุ การกระทำของตวั ละคร 2 อธบิ ายความร้สู กึ ต่อสถานการณ์ ในสถานการณ์ได้ 3 บ อกแน วคิด/หลักการ/ความ เช่ือท่ี - ผ้เู รียนสามารถหาข้อสรุปของปัญหาจากสถานการณ์ สนบั สนนุ การกระทำ ได้ และสามารถตรวจสอบผลการแก้ปญั หาได้ 4 นำขอ้ สรุปไปปฏบิ ัติ - ผู้เรียนสามารถนำความรู้จากสถานการณ์ ไป
108 กจิ กรรมการเรียนรู้ ผลลัพธ์ 5 สะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ท่ี ประยกุ ต์ใช้ในสถานการณท์ ี่แตกต่างได้ ต่างจากเดิม - ประเมนิ ผลด้วยแบบประเมนิ พฤติกรรมการ สะทอ้ นคดิ ทกุ ขัน้ ตอน สปั ดาห์ท่ี 4 (ใช้เวลา 1 ช่ัวโมง) - รบั ชมวีดทิ ศั นส์ ถานการณ์แบบมปี ฏสิ ัมพันธ์ - ผู้เรียนสามารถอธิบายสถานการณ์หรือปัญหาที่ (Interactive scenarios video: ISV) ตอนท่ี เกิดขน้ึ จากสถานการณ์ได้ 4 คดีอาญา ตอน กรอกข้อความซ่ึงมีลายมือ - ผู้เรียนสามารถอธิบายความรู้สึกของตนเองท่ีมีต่อ ชื่อของผู้อื่น ตอนที่ 2 และสะท้อนคิดการ สถานการณไ์ ด้ เรียนรดู้ ้วยกจิ กรรมตามขั้นตอนที่ 1-5 คือ - ผู้เรียนสามารถรวบรวมข้อมูลด้วยการบอกแนวคิด/ 1 อธิบายสถานการณ์และปญั หาท่ีเกิดขึน้ หลกั การ/ความเชื่อทส่ี นบั สนนุ การกระทำของตวั ละคร 2 อธบิ ายความรสู้ กึ ต่อสถานการณ์ ในสถานการณไ์ ด้ 3 บ อกแน วคิด/หลักการ/ความ เชื่อที่ - ผู้เรยี นสามารถหาข้อสรุปของปัญหาจากสถานการณ์ สนบั สนนุ การกระทำ ได้ และสามารถตรวจสอบผลการแก้ปญั หาได้ 4 นำขอ้ สรปุ ไปปฏบิ ัติ - ผู้เรียนสามารถนำความรู้จากสถานการณ์ ไป 5 สะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ท่ี ประยุกต์ใช้ในสถานการณท์ ี่แตกตา่ งได้ ตา่ งจากเดมิ - ประเมนิ ผลดว้ ยแบบประเมินพฤติกรรมการ สะท้อนคดิ ทกุ ข้ันตอน ขัน้ ตอนที่ 3 ขนั้ ประเมินผลหลงั การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ (สปั ดาห์ที่ 4) สปั ดาหท์ ี่ 4 (ใชเ้ วลา 30 นาที) ทดสอบผ้เู รียนหลงั เรยี น (ใช้เวลา 30 นาท)ี ความสามารถในการแก้ปญั หา (2.5) เมื่อสิ้นสุดแตล่ ะขน้ั ตอนจะมีผลป้อนกลบั และเกร็ดความรูใ้ ห้ ผเู้ รยี นบรู ณาการกับทักษะการแก้ปัญหา (2.6) เมื่ อ สิ้ น สุ ด การด ำเนิ น กิ จก รรม ก ารเรียน ก ารส อ น วัดความสามารถในการแก้ปญั หาหลงั เรยี น (2.7) สอบถามความคดิ เห็นของนักศกึ ษาต่อการเรยี นการสอนตาม รปู แบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทศั นส์ ถานการณแ์ บบมีปฏิสัมพนั ธ์และการสะทอ้ นคิดฯ 5.4 นำแผนกำกับกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์ แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดฯ ให้อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบความถูกต้องและปรับปรุงแผน จดั การเรยี นรู้ตามคำแนะนำของอาจารยท์ ่ปี รึกษาวิทยานิพนธ์ 5.5 นำแผนกำกับกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์ แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดฯ ไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านเน้ือหาวิชาท่ีเก่ียวข้อง ผู้เชี่ยวชาญด้าน การสะท้อนคิด และผู้เช่ยี วชาญด้านการแก้ปัญหา ท่ีมีประสบการณ์ด้านการสอนในมหาวิทยาลัยท่ีใช้ ระบบการเรียนการสอนแบบทางไกล จำนวน 5 คน (ดูรายละเอียดที่ภาคผนวก ก) ตรวจสอบความ เท่ียงตรงเชิงเนื้อหา (Content validity) ผลการหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item
109 Objective Congruence: IOC) พบว่าค่า IOC ของแบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหามีค่า IOC เท่ากับ 0.93 ซึ่งมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 ข้ึนไป สามารถนำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างได้ (พิชิต ฤทธ์ิ จรญู , 2544, 2547) 5.6 ทำการปรับปรุงแก้ไขเพอื่ ใช้เปน็ แนวทางในการจัดกจิ กรรมการทดลองต่อไป วธิ ีการสร้างเคร่ืองมอื เก็บรวบรวมขอ้ มลู มีขนั้ ตอนดงั นี้ 1. แบบวดั ความสามารถในการแกป้ ัญหา ประกอบด้วยแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียน ซ่ึงเป็นแบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลือก เร่ิม ด้วยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์หรือปัญหา แล้วใช้คำถามด้วยแบบทดสอบแบบปรนัยที่ เกี่ยวข้องท่ีเป็นการวัดความสามารถในการแก้ปัญหา 5 ประการ คือ 1) ความสามารถในการระบุ ปัญหา 2) ความสามารถในการตั้งสมมติฐาน 3) ความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูล 4) ความสามารถในการตรวจสอบสมมติฐาน 5) ความสามารถในการสรุปข้อเฉลยของปัญหา (ดรู ายละเอยี ดในภาคผนวก ข) โดยมีขัน้ ตอนการสร้างเครอื่ งมอื ดังตอ่ ไปน้ี 1.1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยทีเ่ ก่ียวข้องกบั การพฒั นาแบบวัดความสามารถในการ แก้ปัญหา จากนั้นเขียนสถานการณ์ปัญหา นำข้ันตอนการแก้ปัญหามาตั้งเป็นโจทย์คำถาม ท้ังสาเหตุ ของปัญหาและแนวทางการแก้ปญั หา จำนวน 6 สถานการณ์ ในการวิจัยครั้งน้ีผู้วิจัยกำหนดการวัดและประเมินผลความสามารถในการแก้ปัญหา โดยใช้แบบทดสอบความสามารถในการแก้ปัญหาของ ธนัทณัฏฐ์ ฉัตรภัครัตน์ (2556) และ ณัฐกร สงคราม (2553) เป็นแนวทางในการสร้างแบบทดสอบ ซึ่งผู้วิจัยสร้างแบบทดสอบโดยอาศัยหลักการ แก้ปัญหา 5 ข้ัน คือ 1. ข้ันระบุปัญหา 2. ข้ันการวิเคราะห์สาเหตุปัญหา 3. ขั้นศึกษารวบรวมข้อมูล เพ่ือแก้ปัญหา 4. ขั้นนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาได้ 5. ข้ันตรวจสอบผลการแก้ปัญหาได้ ซึ่งในการวัดผล ประเมินผลความสามารถในการแก้ปัญหาน้ัน ก็จะต้องมีเน้ือหาที่เกี่ยวข้องกับกับมาตรฐาน สาระการ เรียนรูท้ กี่ ำหนดไวใ้ นหลักสูตร 1.2 สร้างแบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหา โดยนำมโนทัศน์ (Concept) และ คำสำคัญจากสถานการณ์ ปัญหาวิชากฎหมายทั้ง 6 สถานการณ์มาต้ัง แบ่งเป็นก่อนเรียน 3 สถานการณ์ 15 ข้อ และหลังเรียน 3 สถานการณ์ 15 ข้อ แล้วสร้างเป็นแบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลือก ตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผิดหรือไม่ตอบได้ 0 คะแนน รวมท้ังสิ้น 30 คำถาม 30 คะแนน แล้วนำต้นแบบของแบบวดั ไปใหอ้ าจารย์ทีป่ รกึ ษาตรวจสอบความเหมาะสม 1.3 นำแบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาท่ีปรับแก้จากคำแนะนำของอาจารย์ท่ี ปรึกษาแล้วไปให้ผู้เช่ียวชาญท่ีมีประสบการณ์ด้านการสอนเกี่ยวกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 คน (ดูรายละเอยี ดท่ี ภาคผนวก ก) ตรวจสอบความเที่ยงตรงเชงิ เนอื้ หา (Content validity) ผลการหาค่า ดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence: IOC) พบว่าค่า IOC ของแบบวัด ความสามารถในการแก้ปัญหามีค่า IOC เท่ากับ 0.96 ซึ่งมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 ข้ึนไป สามารถ นำไปใช้กับกลุม่ ตัวอยา่ งได้ (พิชติ ฤทธ์จิ รญู , 2544) 1.4 นำแบบวัดความสามารถในการแกป้ ัญหาไปทดลองกับกลุ่มนักศึกษาที่ไม่ใช่กลุ่ม ทดลอง จำนวน 30 คนเพ่ือหาระดับความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนกและความเที่ยงของแบบทดสอบ และคัดเลือกข้อสอบที่มีความยากง่าย ก่อนเรียน 15 ข้อ และหลังเรียน 15 ข้อ ซึ่งผลการวิเคราะห์
110 พบว่ามีค่าอยู่ระหว่าง .20 ถึง .80 และมีอำนาจจำแนกต้ังแต่ .20 ขึ้นไป และค่าความเช่ือมั่นของ แบบทดสอบทั้งชุดในสูตรของ KR-20 ได้ค่าความเช่ือมั่น 0.82 ถือว่านำไปใช้ในการทดสอบเพ่ือวัด ความสามารถในการแกป้ ญั หาได้ (พชิ ิต ฤทธ์ิจรญู , 2544) 2. แบบประเมินพฤติกรรมการสะท้อนคิด เป็นแบบข้อคำถามแบบอัตนัย ประกอบด้วย ส่วน ขอ้ คำถามทผี่ ู้วจิ ัยดำเนนิ การสร้าง (ดูรายละเอียดในภาคผนวก ข) ดงั นี้ 2.1 ศึกษาเอกสารท่ีเกี่ยวข้องกับการออกแบบการวัดและประเมินผลการเรียนรู้และ ระเบียบวีธีวิจยั ทางสงั คมศาสตร์ 2.2 กำหนดลักษณะของแบบประเมินพฤติกรรมการสะท้อนคิดเป็นแบบอัตนัย ประกอบด้วยคำถามของกระบวนการสะท้อนคิด 5 ข้ันตอน คอื (1) ขน้ั อธิบายสถานการณ์และปัญหาที่ เกิดขึ้น (Describe experience) (2) ข้ันอธิบายความรู้สึกต่อสถานการณ์ (Feeling) (3) ข้ันบอก แนวคิด/หลักการ/ความเช่ือท่ีสนับสนุนการกระทำ (Theoretical) (4) ข้ันนำข้อสรุปไปปฏิบัติ (Experiment (5) ข้ันสะท้อนคิดการเรียนรู้/ประสบการณ์ใหม่ที่ต่างจากเดิม (Reflect learning/new experience) 2.3 สร้างแบบประเมินแบบรูบริกส์โดยกำหนดเกณฑ์การประเมินผล โดยนำเกณฑ์ การให้คะแนนจาก ธนัทณัฏฐ์ ฉัตรภัครัตน์ (2556) และ ดุจเดือน เขียวเหลือง (2556) มาปรับใช้ให้ สอดคลอ้ งกบั แบบประเมนิ พฤติกรรมการสะทอ้ นคดิ (ดูรายละเอยี ดในภาคผนวก ข) ดังน้ี การประเมินการการสะทอ้ นคิดใช้เกณฑ์การพจิ ารณา 5 ระดบั ดงั น้ี 4 หมายถึง ตอบกจิ กรรมได้ถูกตอ้ งครบถ้วน (100%) 3 หมายถึง ตอบกิจกรรมได้ถกู ต้องเกือบครบถว้ น (75%) 2 หมายถึง ตอบกจิ กรรมไดถ้ กู ตอ้ งเพยี งครึง่ หนึ่ง (50%) 1 หมายถงึ ตอบกิจกรรมไดถ้ กู ตอ้ งเพยี งส่วนน้อยและยงั ไมช่ ดั เจน (25%) 0 หมายถงึ ตอบกจิ กรรมไมถ่ ูกต้อง ไม่ชดั เจน หรอื ไม่แสดงความคดิ เห็นใด ๆ โดยกำหนดเกณฑก์ ารแปลความหมายคะแนนเฉลยี่ พฤติกรรมการสะทอ้ นคดิ ดงั น้ี ค่าเฉลี่ยระหว่าง 3.50-4.00 หมายถึง นักศึกษามีพฤติกรรมการสะท้อนคิดใน รายการนัน้ ในระดบั ดีมาก ค่าเฉลี่ยระหว่าง 2.50-3.49 หมายถึง นักศึกษามีพฤติกรรมการสะท้อนคิดใน รายการนน้ั ในระดับดี ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.50-2.49 หมายถึง นักศึกษามีพฤติกรรมการสะท้อนคิดใน รายการนนั้ ในระดบั พอใช้ ค่าเฉล่ียระหว่าง 0.50-1.49 หมายถึง นักศึกษามีพฤติกรรมการสะท้อนคิดใน รายการนั้นในระดับควรปรบั ปรุง ค่าเฉลี่ยระหว่าง 0.00-0.49 หมายถึง นักศึกษามีพฤติกรรมการสะท้อนคิดใน รายการนน้ั ในระดับควรปรับปรงุ มากท่ีสดุ 2.4 ผู้วิจยั นำแบบประเมินพฤติกรรมการสะท้อนคิดที่พัฒนาข้ึนให้ อาจารย์ทีป่ รึกษา วทิ ยานิพนธ์ตรวจสอบความถูกต้องและเหมาะสม พร้อมกบั ปรบั แกต้ ามข้อเสนอแนะ
111 2.5 ผู้วิจัยนำแบบประเมินท่ีปรับปรุงตามข้อเสนอแนะจากอาจารย์ที่ปรึกษา วิทยานิพนธ์ไปให้ผู้เช่ียวชาญด้านเน้ือหาวิชาที่เก่ียวข้อง ผู้เช่ียวชาญด้านการสะท้อนคิด และ ผู้เช่ียวชาญด้านการแก้ปัญหา ที่มีประสบการณ์ด้านการสอนในมหาวิทยาลัยท่ีใช้ระบบการเรียนการ สอนแบบทางไกล จำนวน 5 คน (ดูรายละเอียดที่ภาคผนวก ก) ตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา (Content validity) ซ่ึงผู้เช่ียวชาญเสนอแนะให้ปรับคำให้ชัดเจนขึ้น ผลการหาค่าดัชนีความ สอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence: IOC) พบว่าค่า IOC ของแบบประเมิน พฤติกรรมการสะท้อนคิดมีค่า IOC เท่ากับ 0.85 ซ่ึงมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 ขึ้นไป สามารถ นำไปใช้กับกล่มุ ตวั อย่างได้ (พิชติ ฤทธิ์จรญู , 2544) 3. แบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เรียนท่มี ีตอ่ รูปแบบยเู ลริ ์นนงิ ด้วยวีดทิ ศั น์สถานการณแ์ บบ มปี ฏสิ ัมพันธ์และการสะท้อนคดิ เพ่ือส่งเสรมิ ความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับ ปรญิ ญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด (Ujalearn) (ดูรายละเอียดท่ี ภาคผนวก ข) โดยมีขั้นตอนในการสร้าง และตรวจสอบคุณภาพดังนี้ 3.1 ศึกษาเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการสอบถามความคิดเห็นของผู้เรียนท่ีมี ต่อรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริม ความสามารถในการแกป้ ัญหาของนักศึกษาทางไกลระดบั ปริญญาตรใี นมหาวิทยาลยั เปดิ 3.2 สร้างแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของ นักศึกษาทางไกลระดับปรญิ ญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด หลังจากการทดลองใช้ ซ่ึงแบบสอบถามความ คิดเหน็ ประกอบไปดว้ ย การสอบถามผู้เรียนในด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในข้ันเตรียมการ กอ่ นการเรียนการสอน ขั้นดำเนินการจัดการเรียนการสอน และภาพรวมต่อกระบวนการจัดการเรียน การสอน จากน้นั นำแบบสอบถามความคิดเห็นที่สร้างขน้ึ ไปให้อาจารย์ทปี่ รึกษาวิทยานพิ นธ์ตรวจสอบ ความถูกต้องและความเหมาะสม โดยเป็นแบบประมาณค่า 5 ระดับตามแนวคิดของลิเคิร์ท (Likert’s scale, 1932 อ้างถึงใน พิชิต ฤทธ์ิจรญู , 2544) ซึ่งมเี กณฑก์ ารประเมนิ ดงั นี้ 5 หมายถงึ มคี วามคดิ เหน็ ว่าข้อความนั้นมคี วามเหมาะสมมากที่สุด 4 หมายถงึ มีความคดิ เห็นว่าขอ้ ความนั้นมีความเหมาะสมมาก 3 หมายถงึ มคี วามคิดเหน็ ว่าขอ้ ความน้ันมคี วามเหมาะสมปานกลาง 2 หมายถงึ มคี วามคิดเหน็ ว่าข้อความนั้นมีความเหมาะสมนอ้ ย 1 หมายถึง มคี วามคดิ เห็นวา่ ข้อความนัน้ มีความเหมาะสมนอ้ ยทีส่ ุด การแปลความหมายของคะแนนเฉล่ียความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิ ทศั น์สถานการณแ์ บบมีปฏสิ ัมพนั ธ์และการสะทอ้ นคิด เพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแกป้ ัญหา ของ นกั ศึกษาทางไกล ระดบั ปรญิ ญาตรใี นมหาวิทยาลยั เปดิ มกี ารแปลความหมายดังน้ี คา่ เฉล่ียระหว่าง 4.50-5.00 หมายถึง มคี วามความคิดเหน็ เก่ียวกับรูปแบบยูเลิร์นนิง ดว้ ยวีดทิ ศั นส์ ถานการณ์แบบมีปฏิสัมพนั ธแ์ ละการสะทอ้ นคดิ ในระดับมากท่สี ุด คา่ เฉล่ียระหวา่ ง 3.50-4.49 หมายถึง มีความความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบยเู ลิร์นนิง ด้วยวีดทิ ศั น์สถานการณแ์ บบมีปฏสิ มั พันธ์และการสะท้อนคดิ ในระดบั มาก
112 คา่ เฉล่ียระหวา่ ง 2.50-3.49 หมายถึง มคี วามความคิดเหน็ เก่ียวกับรปู แบบยูเลิร์นนิง ด้วยวีดิทศั น์สถานการณ์แบบมีปฏสิ มั พันธ์และการสะทอ้ นคดิ ในระดับปานกลาง คา่ เฉล่ียระหวา่ ง 1.50-2.49 หมายถึง มคี วามความคิดเหน็ เก่ียวกับรปู แบบยเู ลิรน์ นิง ดว้ ยวดี ทิ ศั นส์ ถานการณแ์ บบมปี ฏสิ ัมพนั ธแ์ ละการสะท้อนคิดในระดับน้อย ค่าเฉล่ียระหวา่ ง 1.00-1.49 หมายถึง มีความความคิดเห็นเกี่ยวกบั รูปแบบยเู ลิร์นนิง ด้วยวีดิทศั นส์ ถานการณแ์ บบมีปฏิสมั พันธ์และการสะท้อนคดิ ในระดับน้อยทีส่ ุด 3.3 ผู้วิจัยนำแบบสอบถามความความคิดเห็นที่ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของ อาจารยท์ ่ีปรึกษาวิทยานิพนธไ์ ปให้ผ้เู ชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการศึกษา จำนวน 3 คน (ดูรายละเอียด ที่ภาคผนวก ก) ตรวจสอบความเท่ียงตรงเชิงเนื้อหา (Content validity) ซ่ึงผู้เชี่ยวชาญเสนอแนะให้ ปรับคำให้ชัดเจนข้ึน ผลการหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item Objective Congruence: IOC) พบว่าค่า IOC ของแบบประเมินพฤติกรรมการสะท้อนคิดมีค่า IOC เท่ากับ .98 ซ่ึงมีค่ามากกว่า หรอื เทา่ กับ 0.5 ข้ึนไป สามารถนำไปใชก้ ับกล่มุ ตวั อย่างได้ (พิชิต ฤทธิ์จรญู , 2544) ระยะท่ี 2 การศกึ ษาผลการพัฒนารูปแบบยูเลริ ์นนิงด้วยวดี ิทศั น์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และ การสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกล ระดับปริญญาตรี ในมหาวทิ ยาลัยเปิด การวิจัยในขั้นตอนน้ี มีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาผลการใช้ รูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของ นักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด และเพ่ือศึกษาความคิดเห็นของผู้เรียนท่ีมีต่อ รูปแบบการเรียนรู้เคล่ือนท่ีด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริม ความสามารถในการแกป้ ญั หาของนักศึกษาทางไกลระดบั ปริญญาตรใี นมหาวทิ ยาลยั เปิด ผู้วิจัยดำเนินการทดลองใช้รูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และ การสะท้อนคิดฯ ออกแบบการทดลองโดยกำหนดรูปแบบของการวิจยั คร้ังน้ี คอื ใช้ระเบยี บวธิ ีการวจิ ัย ก่ึงทดลอง (Quasi Experimental Research) โดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงทดลองเบื้องต้น (Pre- Experimental Design) แบบแผนในการทดลองเป็นแบบทดสอบก่อนและหลังทดสอบ (One Group Present - Posttest Design) (ดังแสดงในรูปภาพท่ี 3.6) E O1 X O2 ภาพที่ 3.6 แสดงรปู แบบท่ีใช้ในการทดลอง E หมายถงึ กลมุ่ ทดลอง X หมายถึง การทดลองการเรียนด้วยรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมี ป ฏิ สัมพั น ธ์และการสะท้ อน คิ ด เพ่ื อส่ งเส ริมความสาม ารถใน การแก้ปั ญ ห า จำนวน 4 สัปดาห์ O1 หมายถงึ การทดสอบก่อนเรียน โดยแบบวดั ความสามารถในการแก้ปญั หากอ่ นเรียน
113 O2 หมายถึง การทดสอบหลังเรยี น โดยแบบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาหลังเรยี น โดยแบ่งการดำเนนิ การวิจัยออกเปน็ 5 ขนั้ ตอนย่อยดงั น้ี ข้นั ตอนที่ 1 ขนั้ เตรยี มกล่มุ ตวั อย่างเพอื่ ใชใ้ นการทดลอง กลุ่มตัวอย่างท่ีใช้ในการทดลองรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์ และการสะท้อนคิด คือ นักศึกษาทางไกล ระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด จำนวน 45 คน โดย การสุ่มกลุ่มตัวอย่างท่ีไม่ใช้ความน่าจะเป็น (Non-probability Sampling) โดยวิธีการคัดเลือกแบบ อาสาสมัคร (Voluntary Selection) โดยผู้วิจัยขอความร่วมมือ จากนักศึกษาท่ีสนใจเรียน ได้ ประชาสัมพันธ์รับสมัครนักศึกษา ซ่ึงมีเกณฑ์คือ ต้องเป็นนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีใน มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ไม่จำกัดสาขา ระดับชั้น และเป็นผู้ท่ียินดีเข้าร่วมตลอดระยะเวลาที่ กำหนด ขน้ั ตอนท่ี 2 เตรียมเครอ่ื งมอื ท่ใี ชใ้ นการทดลอง เครือ่ งมอื ทีใ่ ช้ในการทดลอง ประกอบด้วยเครือ่ งมอื 2 ประเภทคอื 1. รูปแบบยเู ลิรน์ นิงดว้ ยวีดิทัศน์สถานการณแ์ บบมีปฏิสมั พันธแ์ ละการสะท้อนคิดเพ่ือสง่ เสริม ความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดบั ปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด 2. เครอ่ื งมือท่ีใช้ในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล จำนวน 3 ชุด ได้แก่ แบบทดสอบความสามารถใน การแก้ปัญหา แบบประเมินพฤติกรรมการสะท้อนคิด และแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เรียนท่ีมี ต่อรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริม ความสามารถในการแก้ปัญหาของนกั ศึกษาทางไกลระดบั ปริญญาตรีในมหาวทิ ยาลัยเปิด ขั้นตอนที่ 3 ดำเนินการทดลองใช้รูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกล ระดับปริญญาตรใี นมหาวทิ ยาลยั เปดิ มีข้นั ตอนการดำเนนิ การทดลองแบง่ เปน็ 3 ระยะ ดงั นี้ ระยะท่ี 1 เตรยี มความพรอ้ มก่อนใช้ (สปั ดาหท์ ี่ 1) 1. การวางแผนก่อนการทดลอง 1.1 เตรียมความพร้อมของส่ือการสอน เครื่องมือ และอุปกรณ์ ไดแ้ ก่ สถานการณป์ ัญหา Smartphone Tablet การเชื่อมต่ออินเทอรเ์ น็ต ระบบสนบั สนนุ ผเู้ รียน 1.2 เตรยี มความพร้อมของแผนการจัดการเรียนการสอน คู่มือการ ปฏบิ ัตสิ ำหรับผู้เรยี น และเครื่องมือในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 1.3 ประชาสัมพันธ์การเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนการสอนและ ลงทะเบียนเรียน 2. ดำเนินการทดลองใช้รูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏสิ ัมพันธ์และการสะทอ้ นคิดฯ ท่พี ฒั นาข้ึน 2.1 ปฐมนิเทศการใชง้ านรปู แบบยูเลิร์นนิงดว้ ยวีดทิ ัศน์สถานการณ์ แบบมปี ฏสิ ัมพนั ธ์และการสะทอ้ นคิดฯ 2.2 วดั ความสามารถในการแกป้ ัญหากอ่ นเรยี น
114 ระยะท่ี 2 กจิ กรรมการเรยี นการสอน (สปั ดาหท์ ี่ 1-4) 1. ดำเนินกิจกรรมการเรียนจากรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์ แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกล ระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด โดยการศึกษาจากรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์ แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคดิ ฯ และทำกิจกรรมตามคำส่ังของรูปแบบ ซึ่งในแตล่ ะสัปดาหจ์ ะมี กิจกรรมตามข้ันตอนการสะท้อนคิดทั้ง 5 ข้ันตอนให้ผู้เรียนสะท้อนคิดในระหว่างรับชมวีดิทัศน์ สถานการณแ์ บบมปี ฏิสมั พันธ์ในสัปดาหน์ ั้น ๆ 2. เมื่อสิ้นสุดแต่ละข้ันตอนจะมีผลป้อนกลับ และเกร็ดความรู้ให้ผู้เรียน บูรณาการกบั ทกั ษะการแกป้ ัญหา ระยะที่ 3 การวดั และประเมนิ ผลหลงั ใช้ (สัปดาห์ที่ 4) 1. เม่ือสิ้นสุดการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอน วัดความสามารถในการ แก้ปญั หาหลังเรียน 2. สอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาต่อการเรียนการสอนตามรูปแบบ ยูเลริ น์ นิงดว้ ยวีดทิ ศั นส์ ถานการณแ์ บบมปี ฏิสมั พันธแ์ ละการสะทอ้ นคดิ ฯ ขั้นตอนท่ี 4 รวบรวมและวิเคราะหข์ อ้ มูล ผวู้ ิจัยดำเนินการเก็บรวบรวมและวิเคราหข์ ้อมูล ดังน้ี การเก็บรวบรวมข้อมลู ดำเนินการดังน้ี 1. แบบวัดความสามารถในการแกป้ ัญหา 2. แบบประเมนิ พฤติกรรมการสะท้อนคิด 3. แบบสอบถามความคิดเห็นของผ้เู รยี นที่มีต่อรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบ มีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสรมิ ความสามารถในการแกป้ ัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับ ปรญิ ญาตรใี นมหาวทิ ยาลัยเปดิ การวิเคราะห์ขอ้ มูล 1. เปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหา โดยการทดสอบความแตกต่างก่อนเรียนและ หลังเรียน ใช้สถิติทดสอบที แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (T-test Dependent) โดยมีช่วงคะแนนแตกต่าง กันระดับละ 2 คะแนน (ธนัทณัฏฐ์ ฉัตรภัครัตน์, 2556) ซ่ึงการวิเคราะห์คะแนนความสามารถในการ แก้ปญั หาตามหลักเกณฑด์ งั น้ี คะแนนระหว่าง 14-15 หมายถงึ มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หาระดบั ดีมาก คะแนนระหวา่ ง 12-13 หมายถึง มคี วามสามารถในการแกป้ ญั หาระดบั ดี คะแนนระหวา่ ง 10-11 หมายถงึ มีความสามารถในการแกป้ ัญหาระดบั ปานกลาง คะแนนระหวา่ ง 8-9 หมายถงึ มีความสามารถในการแก้ปัญหาระดบั พอใช้ คะแนนระหว่าง 6-7 หมายถึง ต้องปรับปรุงความสามารถในการแกป้ ัญหา คะแนนระหวา่ ง 0-5 หมายถงึ ไมผ่ ่านเกณฑ์ 2. วเิ คราะหค์ ่าคะแนนพฤตกิ รรมการสะท้อนคดิ ด้วยคา่ เฉลีย่ และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน โดย กำหนดเกณฑก์ ารแปลความหมายดังนี้
115 ค่าเฉลี่ยระหว่าง 3.50-4.00 หมายถึง นักศึกษามีพฤติกรรมการสะท้อนคิดในรายการนั้นใน ระดบั ดีมาก ค่าเฉลี่ยระหว่าง 2.50-3.49 หมายถึง นักศึกษามีพฤติกรรมการสะท้อนคิดในรายการน้ันใน ระดบั ดี ค่าเฉล่ียระหว่าง 1.50-2.49 หมายถึง นักศึกษามีพฤติกรรมการสะท้อนคิดในรายการน้ันใน ระดบั พอใช้ ค่าเฉลี่ยระหว่าง 0.50-1.49 หมายถึง นักศึกษามีพฤติกรรมการสะท้อนคิดในรายการน้ันใน ระดบั ควรปรับปรงุ ค่าเฉล่ียระหว่าง 0.00-0.49 หมายถึง นักศึกษามีพฤติกรรมการสะท้อนคิดในรายการนั้นใน ระดบั ควรปรับปรุงมากท่ีสุด 3. วิเคราะห์ระดับความคิดเห็นเก่ียวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิด ด้วยสถิติค่าเฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน โดยเป็น แบบประมาณค่า 5 ระดับตามแนวคิดของลิเคิร์ท (Likert’s scale, 1932 อ้างถึงใน พิชิต ฤทธ์ิจรูญ, 2544) ซึง่ มีเกณฑ์การประเมนิ ดงั น้ี 5 หมายถงึ มีความคิดเหน็ ว่าข้อความนน้ั มีความเหมาะสมมากที่สดุ 4 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นวา่ ข้อความนนั้ มีความเหมาะสมมาก 3 หมายถึง มีความคิดเห็นว่าข้อความนัน้ มคี วามเหมาะสมปานกลาง 2 หมายถงึ มีความคดิ เหน็ วา่ ข้อความนัน้ มคี วามเหมาะสมน้อย 1 หมายถงึ มีความคดิ เห็นวา่ ข้อความนั้นมคี วามเหมาะสมนอ้ ยที่สดุ ทงั้ น้ีผู้วิจัยกำหนดเกณฑก์ ารแปลความหมายดงั น้ี ค่าเฉล่ียระหว่าง 4.50-5.00 หมายถึง มีความความคิดเห็นเก่ียวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วย วดี ทิ ศั น์สถานการณ์แบบมปี ฏสิ มั พนั ธ์และการสะทอ้ นคิดในระดับมากท่ีสดุ ค่าเฉล่ียระหว่าง 3.50-4.49 หมายถึง มีความความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วย วดี ทิ ัศนส์ ถานการณแ์ บบมีปฏสิ มั พันธแ์ ละการสะทอ้ นคิดในระดบั มาก ค่าเฉลี่ยระหว่าง 2.50-3.49 หมายถึง มีความความคิดเห็นเก่ียวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วย วดี ทิ ศั นส์ ถานการณแ์ บบมปี ฏิสมั พันธแ์ ละการสะทอ้ นคิดในระดับปานกลาง ค่าเฉล่ียระหว่าง 1.50-2.49 หมายถึง มีความความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วย วดี ทิ ัศน์สถานการณแ์ บบมีปฏสิ ัมพันธ์และการสะทอ้ นคดิ ในระดับน้อย ค่าเฉล่ียระหว่าง 1.00-1.49 หมายถึง มีความความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วย วดี ิทัศนส์ ถานการณแ์ บบมปี ฏสิ มั พนั ธแ์ ละการสะทอ้ นคิดในระดบั น้อยที่สุด ข้นั ตอนที่ 5 สรุปผลการทดลองใช้ สรุปผลการทดลองใช้รูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการ สะทอ้ นคดิ ของกลุ่มตวั อยา่ ง
116 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู 1. วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉล่ีย และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน เพ่ืออธิบาย ขอ้ มูลทัว่ ไป 2. วเิ คราะห์ขอ้ มูลเพื่อเปรียบเทยี บคะแนนความสามารถในการแก้ปญั หาก่อนเรยี น และหลัง เรยี น ของกลุ่มทดลอง โดยใช้ t-test dependent 3. วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาต่อการเรียนการสอนตาม รูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดฯ โดยใช้สถิติค่าเฉล่ีย และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน
บทท่ี 4 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู การวิจัยน้ีเป็นการพัฒนารูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และ การสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีใน มหาวิทยาลัยเปิด เป็นการวิจัยเชิงพัฒนา (Research and Development) ท้ังนี้ผู้วิจัยนำเสนอ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลแบ่งเปน็ 3 ตอน ดงั น้ี ตอนที่ 1 ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาเก่ียวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา และผล การศึกษาความคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญเก่ียวกับเกี่ยวกับรูปแบบยูเลิรน์ นงิ ด้วยวีดิทัศน์สถานการณแ์ บบ มปี ฏสิ ัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสรมิ ความสามารถในการแกป้ ัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับ ปริญญาตรีในมหาวิทยาลยั เปิด ตอนที่ 2 ผลการพัฒนารูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการ สะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีใน มหาวิทยาลัยเปดิ ตอนที่ 3 ผลการศึกษาผลการพัฒนารูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับ ปรญิ ญาตรใี นมหาวทิ ยาลยั เปดิ ตอนที่ 1 ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาเก่ียวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหา และผลการศึกษาความคิดเห็นของผู้เช่ียวชาญเก่ียวกับเก่ียวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของ นักศกึ ษาทางไกลระดบั ปริญญาตรีในมหาวทิ ยาลัยเปิด แบ่งเปน็ 2 ตอนยอ่ ย ดังนี้ ตอนที่ 1.1 ศึกษาความคิดเห็นเก่ียวกับสภาพและความต้องการของนักศึกษาจาก แบบสอบถามเก่ียวกับรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิด เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาของนักศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด สามารถสรปุ ผลการวเิ คราะห์ ข้อมลู ไดด้ งั นี้
118 ตารางท่ี 4.1 จำนวนและร้อยละสถานภาพท่วั ไปของนกั ศึกษา นกั ศกึ ษา ขอ้ มูล รายละเอยี ด จำนวน รอ้ ยละ เพศ ชาย 151 39.32 หญิง 233 60.68 อายุ 384 100.00 รวม มหาวิทยาลยั เปดิ ทีท่ า่ น 2 0.52 ศึกษาอยู่ ตำ่ กวา่ 17 ปี 245 63.80 คณะ/สาขาวิชาท่ีกำลงั 18-36 ปี 125 32.55 ศกึ ษา 37-52 ปี 12 3.13 53 ปีขน้ึ ไป 384 100.00 รวม 61 15.89 323 84.11 มหาวทิ ยาลยั รามคำแหง 384 100.00 มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช 119 30.99 รวม 61 15.89 60 15.63 คณะบริหารธรุ กิจ/สาชาวชิ าวทิ ยาการจดั การ 48 12.50 คณะนติ ิศาสตร/์ สาขาวชิ านิตศิ าสตร์ คณะศกึ ษาศาสตร/์ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ 30 7.81 คณะสาธารณสขุ ศาสตร/์ สาขาวชิ า 25 6.51 วิทยาศาสตร์สขุ ภาพ 17 4.43 สาขาวชิ าเกษตรศาสตรแ์ ละสหกรณ์ 10 2.60 คณะรัฐศาสตร์/สาขาวชิ ารัฐศาสตร์ 7 1.82 คณะมนษุ ยศาสตร์/สาขาวชิ าศลิ ปศาสตร์ คณะสื่อสารมวลชน/สาขาวิชานเิ ทศศาสตร์ 3 0.78 คณะวทิ ยาศาสตร์/สาขาวชิ าวิทยาศาสตร์ 3 0.78 และเทคโนโลยี สาขาวชิ ามนุษยนเิ วศศาสตร์ 1 0.26 (แขนงวิชาวิทยาการอาหารและโภชนาการ) 384 100.00 คณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์/สาขาวชิ าเศรษฐศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ รวม
119 ขอ้ มูล รายละเอียด นกั ศกึ ษา วฒุ กิ ารศกึ ษาสงู สดุ จำนวน ร้อยละ ตำ่ กว่าปรญิ ญาตรี ปริญญาตรี 138 35.94 ปริญญาโท 191 49.74 ปริญญาเอก 52 13.54 รวม 3 0.78 384 100.00 จากตารางท่ี 4.1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพท่ัวไปของนักศึกษาพบว่า นักศึกษาส่วน ใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 60.68) ส่วนที่เหลือเป็นเพศชาย (ร้อยละ 39.32) มีอายุ 18-36 ปี มาก ท่ีสุด (ร้อยละ 63.80) รองลงมาคือ 37-52 ปี (ร้อยละ 32.55) และ 53 ปีขึ้นไป (ร้อยละ 3.13) โดย ศกึ ษาในมหาวทิ ยาลยั เปิดช่ือมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราชมากท่ีสดุ (ร้อยละ 84.11) ศึกษาอยคู่ ณะ บริหารธุรกิจ/สาชาวิชาวิทยาการจัดการ มากที่สุด (ร้อยละ 30.99) รองลงมาคือคณะนิติศาสตร์/ สาขาวิชานิติศาสตร์ (ร้อยละ 15.89) และคณะศึกษาศาสตร์/สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ (ร้อยละ 15.63) น้อยท่ีสุดคือคณะวิศวกรรมศาสตร์ (ร้อยละ 0.26) ในส่วนของวุฒิการศึกษาสูงสุดพบว่า มีวุฒิ การศกึ ษาปรญิ ญาตรีมากท่ีสุด (ร้อยละ 49.74) รองลงมาคือตำ่ กว่าปรญิ ญาตรี (ร้อยละ 35.94) ตารางท่ี 4.2 จำนวนและร้อยละสถานภาพทางการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงานของ นักศกึ ษา ข้อมลู รายะเอยี ด นกั ศกึ ษา สถานภาพทางการศกึ ษา จำนวน ร้อยละ ศึกษาควบคู่กับการทำงาน ประสบการณ์การทำงาน ศกึ ษาแบบเตม็ เวลา 353 91.93 รูปแบบประสบการณ์การ ศกึ ษาควบคกู่ บั การเรยี นมหาวิทยาลยั ระบบปดิ 21 5.47 ทำงาน อื่น ๆ 8 2.08 รวม 2 0.52 มี 384 100.00 ไมม่ ี รวม 369 96.09 แบบเต็มเวลา 15 3.91 แบบไมเ่ ตม็ เวลา 384 100.00 รวม 192 52.03 177 47.97 369 100.00 จากตารางที่ 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพทางการศึกษาและประสบการณ์ในการ ทำงานของนักศึกษาพบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่ศึกษาควบคู่กับการทำงาน (ร้อยละ 91.93) ส่วนที่เหลือ ศึกษาแบบเต็มและศึกษาควบคู่กบั การเรยี นมหาวทิ ยาลัยในระบบปดิ โดยศึกษาแบบเต็มเวลา (ร้อยละ 5.47) ส่วนใหญ่มีประสบการณ์การทำงาน (ร้อยละ 96.09) โดยมีประสบการณ์การทำงานแบบเต็ม เวลา (ร้อยละ 52.03) รองลงมาคือประสบการณก์ ารทำงานแบบไม่เต็มเวลา (รอ้ ยละ 47.97)
120 ตารางท่ี 4.3 จำนวนและร้อยละส่ือการสอนท่นี ักศกึ ษาเคยเรียนรู้ผา่ นมา ข้อมลู รายะเอียด นกั ศกึ ษา จำนวน รอ้ ยละ สือ่ การสอนทเี่ คยเรยี นรู้* สื่อสงิ่ พมิ พ์ (เอกสาร/ตำรา) *ตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ ส่อื อเิ ล็กทรอนนิกส/์ คอมพิวเตอร์ 345 29.69 ส่ือการเรียนรผู้ ่านระบบเครอื ข่าย 234 20.14 อนิ เทอร์เนต็ 221 19.02 วิทยโุ ทรทศั น/์ วดี ิทศั น์ สอื่ วิดีโอ/วีดิทัศนแ์ บบมปี ฏสิ ัมพนั ธ์ 167 14.37 วทิ ยุกระจายเสียง 144 12.39 อ่ืน ๆ 49 4.22 รวม 2 0.17 1,162 100.00 จากตารางท่ี 4.3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลสื่อการสอนท่ีนักศึกษาเคยเรียนรู้ผ่านมาพบว่า นักศึกษาเคยเรียนรู้ด้วยส่ือสิ่งพิมพ์ (เอกสาร/ตำรา) มากที่สุด (ร้อยละ 29.69) รองลงมาคือ ส่อื อิเล็กทรอนนิกส์/ คอมพวิ เตอร์ (ร้อยละ 20.14) และส่ือการเรียนรู้ผา่ นระบบเครือขา่ ยอนิ เทอร์เน็ต (รอ้ ยละ 19.02) ตารางที่ 4.4 จำนวนและร้อยละประสบการณ์การเรียนทางไกลผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (E-learning) และวัตถุประสงคข์ องการติดตามรับชมรายการ ข้อมูล รายะเอยี ด นกั ศึกษา จำนวน รอ้ ยละ ประสบการณก์ ารเรยี น เคย ทางไกลผา่ นระบบเครอื ขา่ ย ไม่เคย (ขา้ มไปขอ้ 13) 194 50.52 อินเทอรเ์ น็ต 190 49.48 รวม ถา้ เคย ท่านมปี ระสบการณ์ ประจำ (4-5 ครัง้ ต่อชุดวชิ า) 384 100.00 การเรยี นทางไกลผ่านระบบ เป็นบางคร้งั (2-3 ครัง้ ตอ่ ชดุ วชิ า) 30 14.08 เครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ นาน ๆ ครัง้ (1 ครง้ั ต่อชุดวชิ า) 94 44.13 (E- learning) ตามข้อใด 89 41.79 รวม 213 100.00
121 ขอ้ มลู รายะเอยี ด นกั ศกึ ษา จำนวน ร้อยละ วัตถปุ ระสงค์ของการติดตาม เพื่อทบทวนเนื้อหาสาระสำคญั ของหน่วย รับชมรายการผา่ นระบบ การเรยี น 179 52.80 เครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต (E-learning) เพื่อการมีส่วนรว่ มในกิจกรรมการสอน เช่น 107 31.57 การสะท้อนคดิ การแสดงความคดิ เห็น เกี่ยวกบั สถานการณใ์ ดสถานการณ์หนึ่ง 51 15.04 การทำแบบฝึกหดั 2 0.59 เพื่อมโี อกาสปรึกษาอาจารยผ์ สู้ อนและ 339 100.00 สนทนาระหว่างผู้เรียน อนื่ ๆ รวม จากตารางท่ี 4.4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลประสบการณ์การเรียนทางไกลผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ต (E-learning) พบว่า นักศึกษาเคยมีประสบการณ์การเรียนทางไกลผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ต (E-learning) (ร้อยละ 50.52) โดยเคยเรียนเป็นบางคร้ัง (2-3 ครั้งต่อชุดวิชา) (ร้อยละ 44.13) เมื่อพิจารณาวัตถุประสงค์ของการตดิ ตามรับชมรายการ พบวา่ เพ่ือทบทวนเนอื้ หาสาระสำคัญ ของหน่วยการเรียนมากที่สุด (ร้อยละ 52.80) รองลงมาคือ เพ่ือการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการสอน เช่น การสะท้อนคดิ การแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับสถานการณใ์ ดสถานการณ์หน่งึ การทำแบบฝึกหัด เป็นตน้ (ร้อยละ 31.57) ตารางท่ี 4.5 จำนวนและร้อยละปฏสิ ัมพันธ์ทางการเรยี นทางไกลผ่านระบบเครือข่ายอินเทอรเ์ นต็ (E- learning) ข้อมลู รายะเอียด นกั ศึกษา จำนวน ร้อยละ ปฏิสมั พนั ธท์ างการเรียน ผเู้ รียนกับเนื้อหาวชิ า/บทเรยี น/ส่ือการเรยี น ทางไกลผ่านระบบเครอื ข่าย ผเู้ รียนกบั ผ้สู อน 183 85.12 อนิ เทอร์เน็ต (E-learning) ผูเ้ รียนกับผู้เรียน 22 10.23 รวม 10 4.65 215 100.00 จากตารางท่ี 4.5 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูลปฏิสัมพันธ์ทางการเรียนทางไกลผ่านระบบเครือข่าย อินเทอร์เน็ต (E-learning) พบว่า นักศึกษาเคยมีประสบการณ์การเรียนผ่านปฏิสัมพันธ์ผู้เรียนกับ เนื้อหาวิชา/บทเรียน/สือ่ การเรยี น (ร้อยละ 85.12) รองลงมาคอื ผู้เรียนกับผู้สอน (ร้อยละ 10.23) และ ผูเ้ รียนกบั ผ้เู รยี น (ร้อยละ 4.65)
122 ตารางที่ 4.6 จำนวนและร้อยละสือ่ การสอนท่นี ักศกึ ษาเคยเห็นผ้สู อนใช้ในการสอนทางไกลผ่านระบบ เครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต (E-learning) ข้อมลู รายะเอียด นกั ศึกษา จำนวน ร้อยละ ส่ือการสอนท่ีทา่ นเคยเห็น นำเสนอด้วยโปรแกรมนำเสนอ 184 24.59 ผู้สอนใชใ้ นการสอน (PowerPoint) 141 18.85 ทางไกลผา่ นระบบ นำเสนอด้วยสอื่ มัลตมิ เี ดยี (Multimedia) 137 18.32 เครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต นำเสนอดว้ ยไฟล์ภาพ เสยี ง ท่ีอปั โหลดไวบ้ น 112 14.97 (E-learning)* อินเทอร์เน็ต (Podcast) 102 13.64 70 9.36 นำเสนอด้วยโปรแกรมสรา้ งเอกสาร (Word 2 0.27 processing) 748 100.00 นำเสนอด้วยไฟลว์ ดี ิทัศน์ดจิ ทิ ัล นำเสนอดว้ ยวีดทิ ศั นแ์ บบมปี ฏสิ มั พนั ธ์บน อนิ เทอรเ์ นต็ (Interactive video) อน่ื ๆ รวม *ตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ จากตารางท่ี 4.6 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลส่ือการสอนที่นักศึกษาเคยเห็นผู้สอนใช้ในการสอน ทางไกลผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (E-learning) พบว่า สื่อการสอนท่ีนักศึกษาเคยเห็นผู้สอนใช้ ในการสอนทางไกลผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (E-learning) มากท่ีสุด ได้แก่ นำเสนอด้วย โปรแกรมนำเสนอ (PowerPoint) (ร้อยละ 24.59) รองลงมาคือการนำเสนอด้วยสื่อมัลติมีเดีย (Multimedia) (ร้อยละ 18.85) และการนำเสนอด้วยไฟล์ภาพ เสียง ที่อัปโหลดไว้บนอินเทอร์เน็ต (Podcast) (ร้อยละ 18.32) และน้อยท่ีสุดคือนำเสนอด้วยวีดิทัศน์แบบมีปฏิสัมพันธ์บนอินเทอร์เน็ต (Interactive video) (ร้อยละ 9.36) ตารางที่ 4.7 จำนวนและร้อยละวสั ดุ อุปกรณ์หรือเทคโนโลยีทน่ี ักศึกษาเคยใช้ในการเรยี นรู้ ข้อมลู รายะเอียด นักศกึ ษา จำนวน รอ้ ยละ วสั ดุ อปุ กรณห์ รือ เครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ (Social เทคโนโลยที นี่ กั ศกึ ษาเคย Networking) 229 14.20 ใชใ้ นการเรยี นรู*้ จดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ (e-mail) 176 10.91 155 9.62 โทรศพั ทแ์ ละการสง่ ข้อความ (SMS) 155 9.62 ส่อื มลั ติมีเดีย (Multimedia) 145 9.00 จดหมายหรอื ไปรษณยี บตั ร (mail) 109 6.76 บทเรียนอิเลก็ ทรอนิกส์ (E-learning)
123 ขอ้ มลู รายะเอียด นกั ศกึ ษา จำนวน รอ้ ยละ คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (CAI) หนังสอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (E-book) 106 6.58 วีดทิ ัศน์ดิจิทลั (Video on Demand) 106 6.58 กระดานเสวนา (Webboard) 79 4.90 วกิ ิ (wiki) 71 4.40 เวบ็ ประยกุ ต์ (Web Application) 68 4.22 บล็อก (blog) 60 3.72 ระบบบริหารการจัดการเรยี นรู้ (Moodle) 53 3.29 วีดิทศั นแ์ บบมปี ฏสิ มั พนั ธ์ (Interactive video) 44 2.73 วีดิทศั น์ท่มี ีการใชส้ ถานการณ์ (Scenario video) 32 1.98 อ่นื ๆ รวม 23 1.43 *ตอบได้มากกวา่ 1 คำตอบ 1 0.06 1,612 100.00 จากตารางที่ 4.7 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลวัสดุ อปุ กรณห์ รือเทคโนโลยีท่ีนกั ศึกษาเคยใช้ในการ เรยี นรู้ พบว่า วัสดุ อุปกรณ์หรอื เทคโนโลยีที่นกั ศกึ ษาเคยใช้ในการเรียนรมู้ ากทส่ี ดุ ไดแ้ ก่ เครอื ขา่ ย สังคมออนไลน์ (Social Networking) (ร้อยละ 14.20) รองลงมาคอื จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (e-mail) (รอ้ ยละ 10.91) และโทรศัพท์และการส่งขอ้ ความ (SMS) เทา่ กบั ส่อื มลั ติมเี ดยี (Multimedia) (ร้อยละ 9.62) นอกจากน้ียงั พบวา่ วสั ดุ อุปกรณ์หรือเทคโนโลยที ่นี กั ศึกษาเคยใชใ้ นการเรียนรนู้ อ้ ย ท่ีสุดคอื วดี ิทัศน์แบบมีปฏิสัมพันธ์ (Interactive video) (ร้อยละ 1.98) และวดี ิทัศนท์ มี่ ีการใช้ สถานการณ์ (Scenario video) (รอ้ ยละ 1.43) ส่วนท่ี 1: องค์ประกอบของรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์ และการสะท้อนคดิ ตารางที่ 4.8 จำนวนและร้อยละของความคดิ เหน็ เกีย่ วกบั ลักษณะของปฏสิ ัมพนั ธ์ รูปแบบทีเ่ หมาะสม สำหรับผู้เรียน และการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏสิ มั พันธแ์ ละการสะท้อนคดิ ขอ้ มูล รายะเอียด นกั ศึกษา จำนวน รอ้ ยละ ลกั ษณะปฏสิ มั พันธข์ อง ปฏิสัมพันธผ์ ู้เรยี นกับเนอื้ หา ผเู้ รียนรปู แบบยูเลิรน์ นงิ ปฏิสัมพันธผ์ ูเ้ รยี นกบั ผสู้ อน 305 46.63 ปฏสิ มั พนั ธผ์ ู้เรยี นกบั ผู้เรียน 223 34.10 ดว้ ยวดี ทิ ัศนส์ ถานการณ์ อ่ืน ๆ 123 18.81 แบบมปี ฏสิ มั พันธแ์ ละการ สะท้อนคดิ * รวม 3 0.46 654 100.00
124 ข้อมูล รายะเอยี ด นักศกึ ษา จำนวน รอ้ ยละ รูปแบบยูเลริ ์นนงิ ด้วยวดี ิ เปน็ การใชส้ ถานการณใ์ นการสอน ทำ 272 34.04 ทัศน์สถานการณ์แบบมี กจิ กรรมการเรียนการสอน เพ่ืออธบิ าย 206 25.78 ปฏสิ ัมพนั ธแ์ ละการสะทอ้ น ยกตัวอย่างหรือสถานการณ์ทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับ 195 24.41 คิด ทเ่ี หมาะสมสำหรบั เนือ้ หาสาระในบางประเดน็ ทย่ี ากแก่การทำ 125 15.64 ผ้เู รียนควรมลี กั ษณะ ความเขา้ ใจ 1 0.13 อย่างไร* เป็นการสอนเพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการ 799 100.00 279 36.86 ของผูเ้ รยี นและใหผ้ ู้เรียนมีความรูเ้ พมิ่ ขึน้ เพือ่ 239 31.57 พัฒนาศกั ยภาพของตนเองไดอ้ ยา่ งต่อเน่อื ง 236 31.18 3 0.39 ผา่ นกระบวนการเรยี นรทู้ เี่ ปิดโอกาสให้ 757 100.00 ผเู้ รยี นศกึ ษาหาความรดู้ ว้ ยตนเอง เรา้ ความสนใจดว้ ยวดี ทิ ศั น์แบบมี ปฏสิ ัมพนั ธ์ ทบทวนเนอื้ หาสาระ เชน่ การ สะท้อนคดิ การแสดงความคดิ เหน็ เกีย่ วกับ สถานการณ์ใดสถานการณห์ นงึ่ การทำ แบบฝึกหัด เป็นการสอนเพอื่ แก้ไขข้อบกพร่องทางการ เรียนของผู้เรียนเพือ่ ใหผ้ เู้ รียนบรรลุ วตั ถปุ ระสงค์ท่ีกำหนดไว้ อื่น ๆ รวม การจัดสภาพแวดล้อมที่ มคี ูม่ อื เพ่อื ช้แี จงข้ันตอนและแนะนำวธิ ีการ เอ้อื ต่อรูปแบบยเู ลริ น์ นิง เรียนรู้อยา่ งครบถว้ นและชดั เจน ดว้ ยวดี ทิ ัศนส์ ถานการณ์ มกี ารใชเ้ คร่อื งมอื การตดิ ต่อสื่อสารท่ี แบบมปี ฏสิ มั พันธ์และการ หลากหลายเพ่อื ใชต้ ดิ ตอ่ ประสานงานได้ สะท้อนคิดทเ่ี หมาะสม อย่างทนั ทว่ งที สำหรับผ้เู รียนควรเป็น มเี น้ือหาและแหลง่ ทรพั ยากรการเรียนรู้ อย่างไร* เพิม่ เติมใหก้ บั ผเู้ รยี น อ่ืน ๆ รวม *ตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ จากตารางที่ 4.8 ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ความคิดเห็นเก่ยี วกบั ลักษณะของปฏสิ ัมพันธ์ รปู แบบ ท่ีเหมาะสมสำหรับผู้เรียน และการจัดสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์ สถานการณ์แบบมีปฏิสมั พันธ์และการสะท้อนคิด พบวา่ ลักษณะปฏสิ ัมพันธข์ องผเู้ รียนที่นกั ศกึ ษาเห็น ด้วยมากที่สุดคือ ปฏิสัมพันธ์ผู้เรียนกับเน้ือหา (ร้อยละ 46.63) รองลงมาคือปฏิสัมพันธ์ผู้เรียนกับ ผู้สอน (ร้อยละ 34.10) และเมื่อสอบถามถึงลักษณะที่เหมาะสมของรูปแบบ พบว่า เป็นการใช้
125 สถานการณ์ในการสอน ทำกิจกรรมการเรียนการสอน เพื่ออธิบาย ยกตัวอย่างหรือสถานการณ์ท่ี เก่ียวข้องกับเนื้อหาสาระในบางประเด็นท่ียากแก่การทำความเข้าใจมากท่ีสุด (ร้อยละ 34.04) รองลงมาคือ เป็นการสอนเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เรียนและให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น เพือ่ พัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างตอ่ เน่ืองผา่ นกระบวนการเรียนรู้ท่ีเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนศึกษาหา ความรู้ด้วยตนเอง (ร้อยละ 25.78) และเร้าความสนใจด้วยวีดิทัศน์แบบมีปฏิสัมพันธ์ ทบทวนเน้ือหา สาระ เช่น การสะท้อนคิด การแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง การทำ แบบฝึกหดั (รอ้ ยละ 24.41) นอกจากนี้นักศึกษาเห็นว่า สภาพแวดล้อมท่ีเอ้อื ต่อรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วย วีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดมากท่ีสุดคือ มีคู่มือเพ่ือชี้แจงข้ันตอนและ แนะนำวิธีการเรียนรู้อย่างครบถ้วนและชัดเจน (ร้อยละ 36.86) และมีการใช้เคร่ืองมือการ ตดิ ต่อส่ือสารทหี่ ลากหลายเพ่ือใช้ตดิ ตอ่ ประสานงานได้อยา่ งทันท่วงที (ร้อยละ 31.57) ตารางที่ 4.9 จำนวนและร้อยละของความคิดเห็นเกี่ยวกับเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับ ผ้เู รยี น ขอ้ มลู รายะเอยี ด นักศกึ ษา จำนวน รอ้ ยละ เครอ่ื งมอื และเทคโนโลยีที่ เครือข่ายสงั คมออนไลน์ (Social เหมาะสมสำหรับผู้เรียนทจี่ ะ Networking) 219 12.57 ใช้ในรปู แบบยเู ลิรน์ นงิ ดว้ ย วีดิทศั น์สถานการณแ์ บบมี ส่ือมัลตมิ เี ดีย (Multimedia) 204 11.71 ปฏิสัมพันธ์และการสะทอ้ น 203 11.65 คิด* จดหมายอิเล็กทรอนกิ ส์ (e-mail) 143 8.21 130 7.46 *ตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ โทรศพั ทแ์ ละการสง่ ข้อความ (SMS) 121 6.95 109 6.26 คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) 101 5.80 97 5.57 บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E-learning) 74 4.25 กระดานเสวนา (Webboard) จดหมายหรอื ไปรษณียบัตร (mail) 74 4.25 หนงั สืออิเลก็ ทรอนิกส์ (E-book) 67 3.85 วีดทิ ศั นแ์ บบมีปฏสิ ัมพันธ์ (Interactive 58 3.33 video) 56 3.21 วีดิทัศนด์ จิ ทิ ลั (Video on Demand) 53 3.04 บล็อก (blog) 33 1.89 เว็บประยกุ ต์ (Web Application) 0 0.00 ระบบบริหารการจัดการเรียนรู้ (Moodle) 1,742 100.00 วีดิทศั นท์ มี่ ีการใชส้ ถานการณ์ (Scenario video) วิกิ (wiki) อืน่ ๆ รวม
126 จากตารางที่ 4.9 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นเก่ียวกับเครื่องมือและเทคโนโลยีท่ี เหมาะสมสำหรับผู้เรียน พบว่า นักศึกษาส่วนมากเห็นว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Networking) มีความเหมาะสมมากท่ีสุด (ร้อยละ 12.57) รองลงมาคือส่ือมัลติมีเดีย (Multimedia) (ร้อยละ 11.71) และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) (รอ้ ยละ 11.65) โดยนักศึกษาเห็นว่าเครื่องมือ และเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมสำหรับผู้เรียนน้อยที่สุดคือ วกิ ิ (wiki) (ร้อยละ 1.89) รองลงมาคือวีดิทัศน์ท่ี มีการใช้สถานการณ์ (Scenario video) (รอ้ ยละ 3.04) ตารางที่ 4.10 จำนวนและร้อยละของความคิดเห็นเกี่ยวกับการประเมินผลที่สะท้อนการเรียนรู้ของ ผูเ้ รียน ข้อมูล รายะเอียด นักศึกษา จำนวน ร้อยละ รปู แบบการประเมินผลท่ี ประเมนิ จากผลคะแนนสอบ สะท้อนการเรียนรู้ไดด้ ี ประเมินจากคะแนนกิจกรรม 69 17.97 ทีส่ ุด ประเมินจากผลการสอบและคะแนนกจิ กรรม 42 10.94 รวม 273 71.09 384 100.00 จากตารางที่ 4.10 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับการประเมินผลที่สะท้อนการ เรียนรู้ของผู้เรียน พบว่า นักศึกษาส่วนมากเห็นว่าการประเมินจากผลการสอบและคะแนนกิจกรรม มากท่ีสุด (ร้อยละ 71.09) รองลงมา ประเมินจากผลคะแนนสอบ (ร้อยละ 17.97) และประเมินจาก คะแนนกจิ กรรมนอ้ ยที่สดุ (ร้อยละ 10.94) ส่วนที่ 2: วิธีการเรยี นการสอนรปู แบบยูเลิร์นนิงดว้ ยวีดิทศั นส์ ถานการณแ์ บบมีปฏิสมั พนั ธ์ และการสะท้อนคิด ตารางที่ 4.11 จำนวนและร้อยละของความคิดเหน็ เกย่ี วกับการเตรียมความพร้อมให้กับผู้เรยี น ข้อมลู รายะเอียด นกั ศกึ ษา จำนวน ร้อยละ การเตรยี มความพร้อมในการ เอกสารและคลิปวดี ทิ ัศน์ เรยี นแบบยเู ลริ ์นนงิ ดว้ ยวดี ิ เอกสารคู่มือสำหรบั การสอน 149 38.80 ทัศน์สถานการณ์แบบมี วีดิทศั นแ์ นะนำวิธกี ารเรียน 127 33.07 ปฏสิ ัมพันธ์และการสะท้อน 108 28.13 รวม คดิ ควรเลอื กใชส้ อื่ ชนดิ ใด 384 100.00 จากตารางที่ 4.11 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นเก่ียวกับการเตรียมความพรอ้ มให้กับ ผู้เรียน พบว่า นักศึกษาส่วนมากเห็นว่าควรเลือกใช้ส่ือเอกสารและคลิปวีดิทัศน์มากที่สุด (ร้อยละ
127 38.80) รองลงมา เอกสารคูม่ ือสำหรับการสอน (รอ้ ยละ 28.13) และวีดิทัศนแ์ นะนำวิธีการเรยี นน้อย ท่สี ดุ (รอ้ ยละ 28.13) ตารางที่ 4.12 จำนวนและรอ้ ยละของความคดิ เหน็ เก่ยี วกับการปฐมนิเทศ ขอ้ มลู รายะเอยี ด นักศกึ ษา จำนวน รอ้ ยละ วิธีการปฐมนเิ ทศเพื่อชีแ้ จง ผูส้ อนเปน็ ผูอ้ ธบิ ายดว้ ยตนเอง ทำความเข้าใจเกย่ี วกบั จดั ทำวดี ทิ ศั นใ์ หผ้ เู้ รียนและแสดงบนระบบฯ 145 37.76 วธิ กี ารเรยี น จดั ทำเอกสารให้ผูเ้ รยี นและแสดงบนระบบฯ 138 35.94 รวม 101 26.30 384 100.00 จากตารางท่ี 4.12 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มลู ความคดิ เห็นเก่ียวกับการปฐมนเิ ทศ พบวา่ นกั ศึกษา ส่วนมากเห็นว่าการปฐมนิเทศเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเก่ียวกับวิธีการเรียน ควรให้ผู้สอนเป็นผู้อธิบาย ด้วยตนเองมากท่ีสุด (ร้อยละ 37.76) รองลงมา จัดทำวีดิทัศน์ให้ผู้เรียนและแสดงบนระบบฯ (ร้อยละ 35.94) และจัดทำเอกสารใหผ้ เู้ รียนและแสดงบนระบบฯน้อยทสี่ ดุ (ร้อยละ 26.30) ตารางท่ี 4.13 จำนวนและร้อยละของความคิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะและรูปแบบของวีดิทัศน์ที่ เหมาะสมต่อการเรียนรู้ ขอ้ มูล รายะเอียด นกั ศกึ ษา รูปแบบวดี ทิ ศั น์ท่ีทำให้ จำนวน ร้อยละ เข้าใจเนือ้ หาสาระของ บรรยายประกอบภาพ รายการไดด้ ี* สนทนา 269 32.49 ละคร บทบาทสมมติ 212 25.60 ลักษณะของรูปแบบวีดิ สารคดี 152 18.36 ทัศนท์ ี่นา่ สนใจ* เกมโชว์ วาไรต้ี 130 15.70 อน่ื ๆ 64 7.73 รวม มีภาพประกอบหลากหลายทงั้ ภาพน่งิ และ 1 0.12 เคลอื่ นไหว 828 100.00 เป็นวีดิทศั นแ์ บบมปี ฏิสมั พนั ธ์ ตอบโตผ้ ู้ใช้ 278 33.50 ด้วยคำถาม สอดแทรกละคร บทบาทสมมติ 213 25.66 มีเสยี งดนตรีบรรเลง มกี ารให้รางวัล รายงานความกา้ วหนา้ 165 19.88 อนื่ ๆ 104 12.53 รวม 69 8.31 1 0.12 830 100.00
128 ขอ้ มูล รายะเอียด นักศกึ ษา จำนวน ร้อยละ ถา้ นำวีดทิ ศั น์มา เปน็ วีดิทัศนบ์ รรยายประกอบภาพ ประกอบการเรยี นแบบยู เป็นวดี ิทศั นส์ ัน้ ๆ ความยาวไมเ่ กนิ 10 นาที 242 26.28 เลริ น์ นงิ วดี ิทศั น์นน้ั ควรมี 187 20.30 ลักษณะอย่างไร* เปน็ รายการสารคดี 98 10.64 เปน็ ละคร หรอื การใชส้ ถานการณ์ที่ 137 14.88 ทา่ นคิดวา่ รูปแบบ เกยี่ วขอ้ ง ปฏสิ มั พันธใ์ ดท่ที ำให้ทา่ น เป็นวีดิทัศนแ์ บบปฏิสัมพนั ธ์ 133 14.44 เขา้ ใจเน้อื หาไดด้ ีทีส่ ดุ 124 13.46 เป็นวดี ิทัศนส์ ถานการณแ์ บบมีปฏสิ ัมพันธ์ *ตอบได้มากกวา่ 1 คำตอบ 0 0.00 อ่ืน ๆ 921 100.00 รวม 180 46.87 การแทรกคำถามระหว่างวดี ทิ ัศน์ด้วยการ 113 29.43 หยดุ ตอบ 51 13.28 การแทรกภาพเคล่อื นไหวและจดุ สนใจ 40 10.42 การตั้งคำถามระหว่างวดี ิทัศน์ขณะเล่น 384 100.00 การแทรกภาพอนิ โฟกราฟกิ รวม จากตารางที่ 4.13 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะและรูปแบบของ วีดิทัศน์ที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ พบว่า รูปแบบของวีดิทัศน์ที่ทำให้นักศึกษาเข้าใจเน้ือหาสาระได้ดี มากท่ีสุด ได้แก่ บรรยายประกอบภาพ (ร้อยละ 32.49) รองลงมาคือสนทนา (ร้อยละ 25.60) และ ละคร บทบาทสมมติ (ร้อยละ 18.36) โดยลักษณะของรปู แบบวีดิทัศน์ท่ีน่าสนใจ คือ มีภาพประกอบ หลากหลายท้ังภาพน่ิงและเคลื่อนไหวมากที่สุด (ร้อยละ 33.50) รองลงมาคือเป็นวีดิทัศน์แบบมี ปฏิสัมพันธ์ ตอบโต้ผู้ใช้ด้วยคำถาม (ร้อยละ 25.66) และสอดแทรกละคร บทบาทสมมติ (ร้อยละ 19.88) และเม่ือนำวีดิทัศน์มาประกอบการเรียนแบบยูเลิร์นนิงฯ วีดิทัศน์น้ันควรมีลักษณะคือ เป็น วีดิทัศน์บรรยายประกอบภาพ (ร้อยละ 26.28) รองลงมาคือ เป็นวีดิทัศน์สั้นๆ ความยาวไม่เกิน 10 นาที (ร้อยละ 20.30) และเป็นละคร หรือการใชส้ ถานการณ์ทเี่ กย่ี วข้อง (ร้อยละ 14.88) และเม่ือถาม ถึงรูปแบบปฏิสัมพันธ์ที่ทำให้นักศึกษาเข้าใจเน้ือหาได้ดีที่สุด มากท่ีสุดคือ การแทรกคำถามระหว่าง วีดิทัศน์ด้วยการหยดุ ตอบ (ร้อยละ 46.87) รองลงมาคือ การแทรกภาพเคล่ือนไหวและจุดสนใจ (ร้อย ละ 29.43) และการต้ังคำถามระหว่างวีดิทัศนข์ ณะเล่น (ร้อยละ 13.28)
129 ตารางท่ี 4.14 จำนวนและร้อยละของความคิดเหน็ เกย่ี วกับเครอื่ งมอื ระหวา่ งการเรียนรู้ ข้อมลู รายะเอยี ด นกั ศึกษา จำนวน ร้อยละ ในระหวา่ งเรยี นดว้ ย เครือขา่ ยสังคมออนไลน์ (Social Networking) วีดทิ ัศน์สถานการณ์แบบมี จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ (e-mail) 232 27.89 ปฏิสมั พันธ์ การวเิ คราะห์ หอ้ งสนทนา (Chat Room) 169 20.31 ปญั หาจากสถานการณ์ กระดานเสวนา (Webboard) 145 17.43 และสะทอ้ นคิดเพ่อื ระบบบริหารจัดการเรยี นรู้ (Moodle) 126 15.14 แก้ปญั หาผ่านชอ่ งทางใด บล็อก (blog) 99 11.90 จึงจะเหมาะสมสำหรับ อนื่ ๆ 61 7.33 ทา่ น* รวม 0 0.00 *ตอบได้มากกวา่ 1 คำตอบ 832 100.00 จากตารางที่ 4.14 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับเคร่ืองมือระหว่างการเรียนรู้ พบว่า เคร่ืองมือที่เหมาะสมในระหว่างเรียนด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์ การวิเคราะห์ ปัญหาจากสถานการณ์และสะท้อนคิดเพื่อแก้ปัญหามากที่สุด ได้แก่ เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Networking) (ร้อยละ 27.89) รองลงมาคือ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) (ร้อยละ 20.31) และ นอ้ ยที่สดุ คอื บลอ็ ก (blog) (ร้อยละ 7.33) ตารางท่ี 4.15 จำนวนและร้อยละของความคิดเหน็ เกยี่ วกบั แหล่งคน้ คว้าข้อมลู สำหรับการเรยี นรู้ ขอ้ มลู รายะเอียด นกั ศึกษา จำนวน รอ้ ยละ แหลง่ คน้ ควา้ ขอ้ มลู สำหรบั แหล่งรวมขอ้ มลู จากเวบ็ ไซต์ (Online การเรียนรทู้ ี่เหมาะสม Portal) 170 44.27 ไฟล์ภาพ เสยี ง หรือวดี ิทศั น์ท่ีอปั โหลดไว้ บนอนิ เทอรเ์ น็ต (Podcast) 142 36.98 วารสารอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-Journal) อนื่ ๆ 71 18.49 รวม 1 0.26 384 100.00 จากตารางท่ี 4.15 ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู ความคิดเห็นเก่ียวกบั แหล่งค้นคว้าข้อมลู สำหรับการ เรียนรู้พบว่า แหล่งค้นคว้าข้อมูลสำหรับการเรยี นรู้ท่ีนกั ศึกษาเหน็ ดว้ ยมากท่สี ดุ ไดแ้ ก่ แหล่งรวมขอ้ มูล จากเว็บไซต์ (Online Portal) (ร้อยละ 44.27) รองลงมาคอื ไฟล์ภาพ เสียง หรอื วดี ิทัศน์ท่ีอัปโหลดไว้ บนอนิ เทอรเ์ นต็ (Podcast) (ร้อยละ 36.98) และวารสารอิเล็กทรอนกิ ส์ (E-Journal) (รอ้ ยละ 18.49)
130 ตารางที่ 4.16 จำนวนและรอ้ ยละของความคิดเห็นเก่ียวกับวิธกี ารวัดและประเมนิ ผล ข้อมูล รายะเอยี ด นักศกึ ษา จำนวน ร้อยละ การวดั และการประเมนิ ผล ผสู้ อน ผูเ้ รียนและเพ่ือนประเมนิ ผลรว่ มกัน หลังจากการเรยี นผา่ น ผ้สู อนและผู้เรียนประเมนิ ผลร่วมกัน 153 39.85 ผูส้ อนเป็นผ้ปู ระเมนิ ผลงานแต่เพียงผเู้ ดยี ว 151 39.32 รปู แบบยเู ลริ น์ นงิ ด้วยวีดิ ผู้เรยี นเป็นผปู้ ระเมนิ ผลงานกันเอง 57 14.84 ทศั น์สถานการณ์แบบมี 23 5.99 ปฏสิ ัมพนั ธแ์ ละการ รวม สะทอ้ นคดิ 384 100.00 จากตารางท่ี 4.16 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นเก่ียวกับวิธีการวัดและประเมินผล พบว่า นักศึกษามีความคิดเห็นเก่ียวกับวิธีการวัดและประเมินผลมากท่ีสุด ได้แก่ ผู้สอน ผู้เรียนและ เพ่ือนประเมินผลร่วมกัน (ร้อยละ 39.85) รองลงมาคือ ผู้สอนและผู้เรียนประเมินผลร่วมกัน (ร้อยละ 39.32) และผสู้ อนเป็นผู้ประเมนิ ผลงานแตเ่ พียงผเู้ ดยี ว (รอ้ ยละ 14.84) ส่วนท่ี 3: กิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมี ปฏิสมั พันธ์และการสะท้อนคิด ตารางที่ 4.17 จำนวนและร้อยละของความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีกระตุ้นความสนใจในกิจกรรมการ เรยี นรู้ ขอ้ มูล รายะเอยี ด นักศกึ ษา จำนวน ร้อยละ วิธกี ารกระตนุ้ ความสนใจ กระตนุ้ ดว้ ยการใชส้ ื่อทหี่ ลากหลาย เช่น ไฟล์ ท่ีผู้สอนใช้กระตนุ้ ความ ภาพ เสยี ง วีดิทศั น์แบบมีปฏิสมั พนั ธ์ 108 28.13 สนใจให้เรยี นรไู้ ดด้ ีที่สุด กระต้นุ ดว้ ยการนำเสนอคำถามทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับ 98 25.52 เนือ้ หา 91 23.70 กระต้นุ ดว้ ยการเปิดโอกาสใหท้ ่านมสี ว่ นร่วม ในการเรยี น 87 22.65 กระตุน้ ด้วยการใชส้ ถานการณใ์ นโลกความ 0 0.00 เป็นจริงทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั เนอ้ื หา 384 100.00 อ่นื ๆ รวม จากตารางท่ี 4.17 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับวิธีกระตุ้นความสนใจใน กิจกรรมการเรียนรู้ พบว่า วิธีการกระตุ้นความสนใจท่ีผู้สอนใช้กระตุ้นความสนใจของนักศึกษามาก ท่สี ุด ได้แก่ กระต้นุ ดว้ ยการใชส้ ่ือทหี่ ลากหลาย เชน่ ไฟล์ภาพ เสยี ง วดี ิทศั น์แบบมปี ฏิสัมพันธ์ (รอ้ ยละ
131 28.13) รองลงมาคือ กระตุ้นด้วยการนำเสนอคำถามที่เก่ียวข้องกับเน้ือหา (ร้อยละ 25.52) และ กระตุ้นดว้ ยการเปดิ โอกาสใหท้ า่ นมีส่วนร่วมในการเรียน (รอ้ ยละ 23.70) ตารางที่ 4.18 จำนวนและร้อยละของความคดิ เหน็ เกยี่ วกับลักษณะการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน ขอ้ มูล รายะเอียด นักศึกษา จำนวน ร้อยละ ลักษณะของกจิ กรรมการ สะทอ้ นคิดหลงั จากเรยี นรดู้ ว้ ยวดี ทิ ัศนแ์ ล้ว เรยี นการสอนด้วยการ สะท้อนคดิ ระหว่างชมวดี ทิ ศั น์ 242 63.02 สะทอ้ นคดิ อืน่ ๆ 131 34.12 รวม 11 2.86 384 100.00 จากตารางที่ 4.18 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับลักษณะการจัดกิจกรรมการ เรยี นการสอน พบวา่ ลักษณะการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนดว้ ยการสะทอ้ นคิดท่ีนกั ศึกษาเหน็ ด้วย มากที่สุด ได้แก่ สะท้อนคิดหลังจากเรียนรู้ด้วยวีดิทัศน์แล้ว (ร้อยละ 63.02) รองลงมาคือ สะท้อนคิด ระหว่างชมวดี ิทศั น์ (รอ้ ยละ 34.12) ตารางที่ 4.19 จำนวนและร้อยละของความคิดเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่นำมาใช้นำเสนอเน้ือหาผ่าน รปู แบบยเู ลิร์นนงิ ดว้ ยวีดทิ ศั นส์ ถานการณ์แบบมปี ฏิสมั พนั ธแ์ ละการสะท้อนคิด ข้อมูล รายะเอยี ด นกั ศึกษา จำนวน รอ้ ยละ เทคโนโลยที ี่เหมาะสมเพ่ือ สื่อมลั ตมิ เี ดีย (Multimedia) นำมาใช้นำเสนอเน้อื หาผา่ น คอมพิวเตอรช์ ว่ ยสอน (CAI) 233 19.43 รปู แบบยเู ลริ ์นนิงด้วยวีดิ บทเรยี นอเิ ล็กทรอนกิ ส์ (E-learning) 176 14.68 ทศั นส์ ถานการณแ์ บบมี ระบบบริหารการจดั การเรยี นรู้ (Moodle) 163 13.60 ปฏิสัมพันธ์และการสะท้อน วดี ทิ ัศนด์ ิจทิ ลั (Video on Demand) 115 9.59 คดิ * หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) 113 9.42 วดี ทิ ัศนท์ มี่ ีการใชส้ ถานการณ์ (Scenario 112 9.34 *ตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ video) 102 8.51 วดี ทิ ัศนแ์ บบมีปฏสิ มั พนั ธ์ (Interactive video) 100 8.34 เว็บประยกุ ต์ (Web Application) อน่ื ๆ 85 7.09 รวม 0 0.00 1,199 100.00
132 จากตารางท่ี 4.19 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีท่ีนำมาใช้นำเสนอ เนื้อหาผ่านรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิด พบว่า เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมเพ่อื นำมาใชน้ ำเสนอเนอื้ หาผ่านรปู แบบยเู ลริ ์นนิงด้วยวีดทิ ัศนส์ ถานการณ์แบบมี ปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดที่นักศึกษาเห็นด้วยมากท่ีสุด ได้แก่ ส่ือมัลติมีเดีย (Multimedia) (ร้อย ละ 19.43) รองลงมาคือ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) (ร้อยละ 14.68) และบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E-learning) (ร้อยละ 13.60) สว่ นที่ 4: ความสามารถในการแกป้ ญั หา ตารางท่ี 4.20 จำนวนและรอ้ ยละของความคิดเห็นเกยี่ วกับความสามารถในการแก้ปญั หา ข้อมูล รายะเอยี ด นักศึกษา จำนวน ร้อยละ ลกั ษณะปัญหาทจ่ี ะ ปัญหาท่ีมีโครงสร้างชดั เจน นำมาใช้เพื่อฝึก ปัญหาที่มโี ครงสร้างไมช่ ัดเจน 165 42.97 ความสามารถในการ ผสมผสานปัญหาที่มโี ครงสรา้ งชัดเจน 46 11.98 แก้ปญั หา ควรเป็นปัญหา และปญั หาท่ีมโี ครงสร้างไมช่ ัดเจน 173 45.05 ประเภทใด รวม ประสบการณ์การเรียน ไมม่ ี 384 100.00 ทางไกลวชิ าทีส่ ง่ เสรมิ การ มี 224 58.33 แก้ปัญหา รวม 160 41.67 คิดว่าความสามารถในการ สำคญั 384 100.00 แก้ปัญหามีความสำคัญ ไมส่ ำคญั 378 98.44 รวม บทบาทผู้เรยี นต่อการจดั เรียนกับสถานการณ์ 6 1.56 กิจกรรมการเรียนการสอน สรุปเรื่องราว 384 100.00 เพ่อื พฒั นาความสามารถ การตีความ 272 18.94 ในการแก้ปัญหา* สะทอ้ นคดิ 213 14.83 ต้งั สมมตฐิ าน 169 11.77 การรวบรวมและการจดั ประเภทขอ้ มลู 167 11.63 ตัดสินใจ 159 11.07 วิพากษว์ จิ ารณ์ 159 11.07 อน่ื ๆ 155 10.80 รวม 141 9.82 1 0.07 1,436 100.00
133 ข้อมูล รายะเอียด นกั ศึกษา บทบาทผสู้ อนต่อการ จำนวน ร้อยละ พัฒนาความสามารถใน จัดกิจกรรมการเรียนโดยการใช้ การแกป้ ัญหา* สถานการณต์ ่าง ๆ ใหใ้ กล้เคยี งกบั ชีวติ 260 24.10 จริง *ตอบได้มากกว่า 1 คำตอบ ฝึกใหเ้ ปน็ คนชา่ งสงั เกต เกิดความสงสัย 182 16.87 และอยากรู้คำตอบ 178 16.50 ฝกึ ใหค้ ิดจากส่ิงท่งี ่ายไปสู่ระดับที่ยาก 177 16.40 ข้ึน สรา้ งบรรยากาศในการเรยี นรู้ให้เกดิ 172 15.94 ความกระตือรือร้น อยากรู้ อยาก สืบเสาะเพื่อค้นหาคำตอบ 110 10.19 เลือกปัญหาทท่ี า้ ทายความสนใจ มี 0 0.00 ความเกีย่ วพันกับสิ่งทเี่ รยี นหรือ ชีวติ ประจำวนั 1,079 100.00 ให้การเสริมแรงและให้กำลังใจอย่าง สม่ำเสมอ อื่น ๆ รวม จากตารางท่ี 4.20 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลความคดิ เหน็ เก่ียวกับความสามารถในการแก้ปัญหา พบว่า ลักษณะปัญหาที่จะนำมาใช้เพื่อฝึกความสามารถในการแก้ปัญหามากที่สุด ได้แก่ ผสมผสาน ปัญหาที่มโี ครงสร้างชัดเจนและปัญหาที่มีโครงสรา้ งไมช่ ัดเจน (ร้อยละ 45.05) รองลงมาคือ ปัญหาที่มี โครงสรา้ งชดั เจน (รอ้ ยละ 42.97) นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่มีประสบการณ์การเรียนทางไกลผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (E-learning) ในวิชาท่ีส่งเสริมการแก้ปัญหา (ร้อยละ 45.05) ส่วนท่ีเหลือน้ันมีประสบการณ์การเรียน ทางไกลผ่านระบบเครือข่ายอนิ เทอร์เน็ต (E-learning) ในวชิ าท่ีสง่ เสริมการแก้ปัญหา (รอ้ ยละ 41.67) และนกั ศึกษาเกอื บท้ังหมดคดิ วา่ ความสามารถในการแก้ปัญหาน้นั มีความสำคัญ (ร้อยละ 98.44) และนักศึกษาเห็นว่า บทบาทของนักศึกษากับกิจกรรมการเรียนการสอนเพ่ือพัฒนา ความสามารถในการแก้ปัญหานักศึกษามากท่ีสุด ได้แก่ เรียนกับสถานการณ์ (ร้อยละ 18.94) รองลงมาคือ สรุปเร่ืองราว (ร้อยละ 14.83) และการสะท้อนคิด (ร้อยละ 11.63) เมื่อพิจารณาถึง บทบาทของผู้สอน พบว่า จัดกิจกรรมการเรียนโดยการใช้สถานการณ์ต่าง ๆ ให้ใกล้เคียงกับชีวิตจริง (ร้อยละ 24.10) รองลงมาคือ ฝึกให้เป็นคนช่างสังเกต เกิดความสงสัยและอยากรู้คำตอบ (ร้อยละ 16.40)
134 ส่วนท่ี 5: ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะอ่นื ๆ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความคิดเห็นเก่ียวกับความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ ของ นักศึกษาเก่ียวกับสภาพและความต้องการของนักศึกษาจากแบบสอบถามเกี่ยวกับรูปแบบยูเลิร์นนิง ด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการสะท้อนคิดเพ่ือส่งเสริมความสามารถในการ แกป้ ัญหาของนกั ศึกษาทางไกลระดับปริญญาตรใี นมหาวทิ ยาลัยเปิด สามารถแบง่ ออกเป็น 3 สว่ นดังน้ี 1. องค์ประกอบของรูปแบบยูเลิร์นนิงด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมีปฏิสัมพันธ์และการ สะทอ้ นคิด นักศึกษาเสนอแนะเพ่ิมเติมว่า การเรียนออนไลน์ถ้าจัดการระบบดีและมีทุกวิชาจะดีมาก เนื่องจากเป็นส่ิงควรนำมาใช้เพ่ือกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้แบบสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและ ผู้สอน รูปแบบบยูเลิร์นนิงส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ท่ีอยู่ในวัยทำงาน วัยกลางคน ซ่ึงบุคคลต่าง ๆ น้ี มักมี ประสบการณ์ในการทำงานในด้านต่าง ๆ ทำให้การสะท้อนคิดด้วยวิดีทัศน์น้ันมีประสิทธิภาพมากข้ึน มีความเข้าใจได้ดีย่ิงข้ึน และสนับสนุนการเรียนรู้มากย่ิงขึ้น โดยองค์ประกอบของรูปแบบยูเลิร์นนิง ด้วยวีดิทัศน์สถานการณ์แบบมปี ฏิสัมพนั ธแ์ ละการสะท้อนคิด ตามความคิดเหน็ ของนักศึกษา สามารถ แบง่ ได้ 5 ปจั จยั ดังนี้ บคุ ลากร ผู้เรียน ผู้สอน ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีประสบการณ์ ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่ามีผลงานหรือทำงาน สำเรจ็ กจิ กรรมการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ควรแบ่งเปน็ สว่ นคำนำ ส่วนเน้ือหา บทสรุป กิจกรรม และถามตอบ ควร คำนึงถึงห้วงเวลาไม่นานจนเกินไป มีการสะท้อนความคิดและกระบวนการเนื้อหาที่ดี ผู้เข้าระบบ สามารถถามตอบได้ ปฏิสัมพันธ์ได้ทันทีรวดเร็ว สามารถสะท้อนความคิดเห็นและทำให้เกิดการ ปรับปรงุ ให้สอดคล้องกับสิง่ ท่ีผู้เรียนสนใจ เขา้ ใจถึงสถานการณ์จริง ทำให้ผู้เรียนกระตือรือร้นในการ เรียน สือ่ การเรยี นร/ู้ ปฏสิ ัมพันธ์ ส่ือการเรียนรู้ท่ีใช้ ควรเป็นสื่อที่มีรูปแบบที่หลากหลาย เน้ือหาแปลกใหม่ ไม่ควรใช้ภาพน่ิง หรือการบรรยายมากเกินไป เป็นส่ือมัลติมีเดีย มีการบรรยายประกอบภาพ เป็นเว็บไซต์ หรือคลิป วิดีโอ ถ้าเป็นวีดิทัศน์ ควรมีรูปแบบท่ีดูแล้วสบายตา ไม่ใส่ข้อมูลท่ีรกตามากเกินไป เพ่ือให้สามารถ ศึกษา โดยใช้สายตาได้ในเวลานาน ควรแทรกคำถามและเนื้อหาระหว่างวิดีโอ โดยครอบคลุมทั้ง ผบู้ รรยาย ภาพประกอบ ประเด็นการสอน และการต้ังคำถาม การเรียนรู้ในรูปแบบสื่อวีดิทัศน์แบบมีสถานการณ์ ควรมีสถานการณ์ท่ีหลากหลาย ที่ สอดคล้องกับบทเรียน ทำให้ผู้เรียนเข้าใจในเน้ือหามากขึ้น เข้าศึกษาได้ง่าย ไม่ซับซ้อน จัดให้มี ภาพประกอบท่หี ลากหลาย สามารถโต้ตอบกันได้ เพอื่ ให้ผู้เรียนไดว้ ิเคราะห์ และสังเคราะห์ โดยการ สะท้อนความคิดจากสถานการณ์ต่าง ๆ จากวีดีทัศน์ และสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ใหม่ สามารถ อธิบายปญั หาสถานการณ์ แก้ไขปัญหาสถานการณ์และเรยี นรู้ประสบการณใ์ หม่ ๆ ได้