ก นวัตกรรมเครื่องดูดอากาศจากพดั ลมสง่ ลมเยน็ (เครื่องปรบั อากาศ) คณะผู้จัดทา นายจักราวุธ ชยั มุณี นายณัฐพล อาจหาญ นางสาวฟาริดา สัญสาราญ นายสเุ มธ คงมณี นางสาววชนัญชดิ า สขุ อม่ิ อาจารย์ที่ปรึกษา นางรัชณี กรรไพเราะ รายงานฉบับน้ีเป็นส่วนหนงึ่ ของวิชาโครงงานเพ่ือพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอเมอื งนครศรธี รรมราช สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดนครศรีธรรมราช
ก กติ ติกรรมประกาศ โครงงานนวัตกรรมการรีไซเคิลเคร่ืองดูดอากาศจากพัดลมส่งลมเย็น (เครื่องปรับอากาศ) น้ีสาเร็จได้ ด้วยความร่วมมือของสมาชิกในกลุ่มและรับการช่วยเหลือ สนับสนุนจาก หลายๆ ท่านก่อนอ่ืนต้องขอกราบ ขอบพระคุณ นายศุภชัย สกุลแก้ว ผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ เมืองนครศรีธรรมราช และนางรัชณี กรรไพเราะ ครู กศน.ดาบลโพธิ์เสด็จ ให้การสนับสนุน คาแนะนา และ คาปรึกษา ในสิ่งท่ีเป็นประโยชน์เก่ียวกับโครงงาน อีกท้ังยังช่วยเหลือการทดลองโครงงานจนโครงงานสาเร็จ ลลุ ่วงไปด้วยดี คณะผู้จัดทาจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงขอกราบขอบพระคุณ บิดา มารดา ผู้ปกครองของ คณะผู้จัดทา ทใี่ ห้คาปรกึ ษาในเรือ่ งตา่ ง ๆ รวมท้ังเป็นกาลงั ใจทดี่ ีเสมอมา สุดทา้ ยน้ีขอขอบคณุ เพือ่ นนักศกึ ษา กศน.ตาบลโพธ์ิเสด็จ ท่ีช่วยให้คาแนะนาและเป็นกาลงั ใจเสมอมา จนโครงงานนี้สาเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี สมาชิกในกลุ่มขอมอบแด่ผู้มีพระคุณทุกท่าน และขอกราบขอบพระคุณ มา ณ โอกาสน้ี คณะผจู้ ัดทา
สารบัญ ข เรอ่ื ง หน้า กติ ตกิ รรมประกาศ ก ข สารบญั 1 3 บทท่ี 1 บทนา 6 10 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง 11 บทที่ 3 วิธกี ารดาเนินงาน บทที่ 4 ผลการศึกษา และอภิปรายผล บทที่ 5 สรปผุ ลและอภิปรายผล
1 บทท่ี1 บทนา ที่มาและความสาคัญของโครงงาน ปัจจุบันโลกน้ันได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะความร้อนหรืออุณหภูมิที่มี อุณหภูมิสูงข้ึนอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากสภาวะโลกร้อนซึ่งเกิดจากการแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ มากจนเกินไปจึงทาให้มีอุณหภูมิสูงข้ึน และประเทศไทยต้ังอยู่ในเขตร้อนทางซีกโลกเหนือ(North Tropical Zone) ซ่ึงอยู่ระหว่างเส้นศูนย์สูตร (Equator) และเส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์(Tropic of Cancer) ด้วย อทิ ธิพลของตาแหน่งที่ตั้งทาใหป้ ระเทศไทยมโี อกาสได้รับแสงสวา่ งจากดวงอาทิตย์เตม็ ที่ สง่ ผลใหม้ นษุ ย์มีความ ต้องการท่ีจะสร้างหรือประดิษฐค์ ิดค้นระบบปรับอากาศ เพื่อช่วยให้ร่างกายของมนุษย์และสิง่ แวดลอ้ มมีอากาศ ท่ีเย็นสบายทาให้อารมณ์ดี สดช่ืน แจ่มใส และมีความสุขในการน่ังทางานหรือการใช้ชีวิตร่วมกับระบบปรับ อากาศในรูปแบบที่แตกต่างกัน และปัจจุบันประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงทาให้มีอากาศร้อนจึงทาให้มีการใช้ เครือ่ งปรับอากาศและเครอื่ งทาความเย็นอย่างแพร่หลาย พบเหน็ ไดท้ ้ังในภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ เช่น เครื่องทาน้าเย็น ตู้แช่เย็น เคร่ืองปรับอากาศ เป็นต้น ระบบการทาความเย็นโดยทั่วไปจะเป็น ระบบอดั ไอ(Vapor compression system) ซ่งึ เปน็ ระบบทมี่ ีประสทิ ธภิ าพการทาความเยน็ สงู ปจั จบุ นั พลังงาน ไฟฟา้ ทีใ่ ช้ไฟฟา้ มีมากมายหลายอย่าง เช่น พัดลม มกี ารใชง้ านมากขนึ้ ทุกวัน เพราะเป็นสง่ิ อานวยความสะดวก ในการดาเนินชีวิตประจาวัน ทั้งใช้ในการประกอบอาชีพต่าง ๆ พลังงานไฟฟ้ายังเป็นส่วนหน่ึงในการใช้ชีวิต ท่ี คอย ใหค้ วามสะดวกสบายแก่มวลมนุษย์ในปัจจุบัน เพราะฉะน้ันควรใช้พลังงานไฟฟ้าทไ่ี ดถ้ ูกผลิตข้นึ มาน้ีอยา่ ง คุ้มค่า เพราะเป็นพลังงานท่ีมีใช้อย่างจากัด การประหยัดพลังงานไฟฟ้าท่ีใช้ควบคุม การทางานของพัดลม ดังนัน้ ทางคณะผ้จู ัดทาจึงได้มีแนวคิดท่ีจะประดิษฐ์“เคร่อื งดูดอากาศจากพัดลมสง่ ลมเย็น (เคร่ืองปรับอากาศ)” ขึ้น เพอื่ ชว่ ยในการประหยดั พลังงานไฟฟ้าและยงั เป็นการนาความรู้ที่ได้มาประยุกตใ์ นชีวติ ประจาวันอีกดว้ ย ทางคณะผู้จัดทาจึงคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ เครื่องดูดอากาศจากพัดลมส่งลมเย็น (เคร่ืองปรับอากาศ) เพื่อ ชว่ ยในการลดโลกรอ้ นและยังเป็นการนาความรทู้ ่ีได้มาประยุกต์ในชีวติ ประจาวันอีกด้วยดังน้ันกลุ่มของข้าพเจ้า จึงได้พยายามคิดค้นนาพัดลมแอร์โบวเวอร์เก่ามาดัดแปลงให้สามารถนากลับมาใช้ในรูปแบบใหม่ ด้วยการทา “เครื่องดูดอากาศจากพัดลมส่งลมเย็น (เครอ่ื งปรับอากาศ)” ทาให้สวยงาม ลดรายจา่ ย ลดขยะ และกลายเป็น รายไดเ้ สริมใหแ้ กน่ ักศกึ ษาดว้ ย วตั ถุประสงค์ของโครงงาน 1. เพื่อศึกษาหลักการนาวัสดุที่ใชแ้ ลว้ มาสร้างเป็นนวัตกรรมสิง่ ใหม่ 2. เพื่อนาพัดลมแอร์โบวเวอร์เก่ามาประยุกต์เป็นเครื่องดูดอากาศจากพัดลมสง่ ลมเย็น (เครื่องปรบั อากาศ) ใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ไดจ้ ริง 3. เพ่ือลดขยะไม่สร้างมลพษิ และไม่ทาลายส่ิงแวดลอ้ ม
2 ขอบเขตของโครงงาน 1. ศึกษาการทาเครื่องดูดอากาศจากพดั ลมสง่ ลมเยน็ (เคร่ืองปรับอากาศ) 2. หลักการนาพดั ลมแอร์โบวเวอร์วสั ดุที่ใชแ้ ล้ว มาสร้างเป็นนวัตกรรมสิ่งใหม่ 3. ระยะเวลา : เดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ. 2564 ถงึ เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 4. สถานที่ : กศน.ตาบลโพธเ์ิ สด็จ สมมติฐาน พดั ลมแอร์โบวเวอร์สามารถนามาเป็นเคร่ืองดูดอากาศจากพัดลมส่งลมเย็น (เคร่ืองปรับอากาศ)ได้ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รบั 1. มีความรู้ความสามารถในการทาเครื่องดดู อากาศจากพดั ลมส่งลมเยน็ (เครอ่ื งปรับอากาศ) 2. สามารถลดขยะไมส่ รา้ งมลพิษและไม่ทาลายสภาพแวดล้อม
3 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ ก่ียวข้อง ในการทาโครงงานเคร่ืองดูดอากาศจากพัดลมสง่ ลมเย็น (เครอ่ื งปรบั อากาศ) กลมุ่ ผศู้ กึ ษาไดร้ วบรวม แนวคิดทฤษฎีและหลกั การตา่ ง ๆ จากเอกสารและงานวิจยั ท่ีเกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ 1.เคร่ืองปรับอากาศ เคร่ืองปรับอากาศหรือเรียกเป็นภาษาพูดว่า แอร์ (Air conditioner, aircon) คือเคร่ืองใช้ไฟฟ้าท่ีใช้ สาหรบั ปรับอณุ หภมู ิของอากาศในเคหสถาน เพื่อใหม้ นุษยไ์ ด้อาศัยอย่ใู นที่ท่ไี มร่ ้อนหรือไม่เย็นจนเกินไป หรือใช้ รักษาภาวะอากาศให้คงท่ีเพ่ือจุดประสงค์อ่ืน เคหสถานในเขตศูนย์สูตรหรือเขตร้อนชื้น มักมีการติดตั้ง เคร่ืองปรบั อากาศเพ่ือลดอุณหภูมิใหเ้ ยน็ ลง ตรงข้ามกับในเขตอบอนุ่ หรือเขตข้ัวโลกใช้เพื่อเพ่ิมอุณหภมู ใิ ห้สูงขึ้น (อาจเรียกว่า เครื่องทาความร้อน) เครื่องปรับอากาศมีทั้งแบบตั้งพ้ืน ติดผนัง และแขวนเพดาน ทางานด้วย หลักการการถ่ายเทความร้อน กล่าวคือ เมื่อความร้อนถ่ายเทออกไปข้างนอก อากาศภายในห้องจะมีอุณหภูมิ ลดลง เป็นต้น และเคร่อื งปรับอากาศอาจมคี วามสามารถในการลดความช้นื หรือการฟอกอากาศให้บริสุทธดิ์ ้วย 2.ไฟฟ้ากระแสตรง ไฟฟา้ กระแสตรง หมายถงึ \"กระแสไฟฟ้าทม่ี ที ิศทางไหลไปในทศิ ทางเดียวเสมอคือไหลจากขัว้ บวกไปสู่ ขวั้ ลบ (กระแสสมมตุ )ิ กระแสจะไหลจากแหลง่ กาเนดิ ไฟฟ้าผ่านตัวนาเข้าไปทางานยังอปุ กรณ์ไฟฟ้าแลว้ ไหล กลับแหลง่ กาเนิดโดยไม่มีการไหลกลบั ขั้วจากลบไปบวก\" 3.แหลง่ กาเนิดไฟฟา้ แหล่งกาเนดิ ไฟฟา้ คือ แหล่งกาเนดิ ทที่ าให้เกดิ ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าระหวา่ งปลายทั้งสองของตัวนา อยู่ตลอดเวลาและทาให้เกิดกระแสไฟฟ้าผ่านตวั นาอยตู่ ลอดเวลา ไดแ้ ก่ ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่ เคร่ืองกาเนดิ ไฟฟ้า เปน็ ต้น แหล่งกาเนดิ ไฟฟา้ ทคี่ วรทราบมีดงั นี้ เซลลไ์ ฟฟา้ เคมี ประกอบด้วย ขว้ั ไฟฟ้าบวก ขั้วไฟฟ้าลบและสารเคมภี ายในเซลล์ เม่อื เกดิ ปฏิกริ ยิ า เคมภี ายในเซลล์จะทาให้เกดิ ความต่างศักย์ไฟฟ้าระหวา่ งขว้ั เซลลเ์ ม่ือต่อเซลล์ไฟฟา้ เคมเี ข้ากับวงจรไฟฟา้ จะทาให้เกดิ กระแสไฟฟ้าในวงจได้ เซลล์ไฟฟา้ เคมี แบ่งออกได2้ ประเภท ไดแ้ ก่ 1. เซลล์ปฐมภูมิ(primary cell) โดยลักษณะของ เซลล์ไฟฟ้าปฐมภูมิ เม่ือใช้ไปนานๆ ความ ต่างศักยไ์ ฟฟ้าจะลดลงจนกระทัง่ ใช้ต่อไปไม่ได้ เชน่ ถา่ นไฟฉายท่วั ๆ ไป 2. เซลล์ทุติยภูมิ(secondary cell) เม่ือใช้ไฟฟ้าลดลงแล้วสามารถทาให้ความต่างศักย์ไฟฟ้า เพ่ิมขึ้นได้โดยการอัดไฟหรือประจไุ ฟ (charge) เช่นแบตเตอร่ีรถยนต์เคร่ืองกาเนิดไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ท่ี แปลงพลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้าโดยอาศัยหลักการเหน่ียวนาแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น ไดนาโม หลักการทางานเมอ่ื ทาใหแ้ กนไดนาโมหมนุ จะเกดิ ความต่างศกั ย์ไฟฟา้ ทข่ี ้ัวทั้งสองของไดนาโม
4 4.คู่ควบความร้อน (thermocouple) คูค่ วบความร้อน เปน็ แหล่งกาเนดิ ไฟฟ้าทีป่ ระกอบดว้ ยโลหะ 2 ชนิด โลหะหนึ่งพร้อมท่จี ะให้ อเิ ลก็ ตรอนอิสระ มากกวา่ อกี โลหะหนึ่ง เช่น เม่ือนาทองแดงและเหล็ก มาต่อปลายท้ังสองขา้ งเขา้ ด้วยกนั ดังรูป ทาให้ปลายท้งั สองมีอณุ หภูมิต่างกนั ปลายขา้ งหนง่ึ เยน็ ปลายอีกข้างหน่ึงรอ้ นจึงเปน็ เหตใุ หเ้ กดิ ความต่าง ศกั ย์ไฟฟา้ ข้นึ ปรากฏการณน์ ้เี รยี กวา่ Thermoelectric effect ทาใหม้ กี ระแสไฟฟ้าเกดิ ข้นึ เล็กน้อยคคู่ วบ ความรอ้ นสามารถนาไปสรา้ งเปน็ อปุ กรณว์ ดั อณุ หภูมิทเี่ รียกว่าเทอร์มอมเิ ตอร์ค่คู วบความร้อนซง่ึ ใชว้ ัดในท่ที ีม่ ี อณุ หภูมิ เช่น ในเตาอบ เปน็ ตน้ 5.ไฟฟา้ กระแสสลบั ไฟฟ้ากระแสสลบั (Alternating current) เปน็ กระแสไฟฟา้ ทเ่ี กิดจากการเคล่ือนที่ของอิเล็กตรอนจาก แหล่งจ่ายไฟไปยงั อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ใดๆ โดยมีการเคล่อื นทีก่ ลบั ไปกลับมาตลอดเวลา สาหรับแหลง่ จ่ายไฟน้ันมา จากเครือ่ งกาเนิดไฟฟา้ กระแสสลับ ซ่งึ มีอยู่ 3 ชนิดคอื ไฟฟ้ากระแสสลบั เฟสเดยี ว สองเฟส และสามเฟส ใน ปจั จบุ นั นยิ มใชเ้ พียง2ชนิดเท่านน้ั คอื กระแสไฟฟา้ สลับเฟสเดยี วกบั สามเฟส 6.ไฟฟา้ กระแสสลบั เฟสเดียว (Single Phase) ลกั ษณะการเกดิ ไฟฟ้ากระแสสลบั คือ ขดลวดชดุ เดยี วหมุนตัดเสน้ แรงแม่เหลก็ เกิดแรงดนั กระแสไฟฟ้า ทาให้กระแสไหลไปยงั วงจรภายนอก โดยผ่านวงแหวน และแปลงถ่าน ดงั กล่าวมาแล้ว จะเห็นได้ ว่าเมื่อออกแรงหมุนลวดตัวนาได้ 1 รอบ จะได้กระแสไฟฟ้าชุดเดียวเท่านั้น หรือที่เรียกว่า ไฟฟ้ากระแสสลับ เฟสเดียว ถา้ ตอ้ งการใหไ้ ด้ปริมาณกระแสไฟฟา้ เพิ่มข้ึน กต็ ้องใช้ลวดตวั นาหลายชุดไว้บนแกนทห่ี มุน ดงั น้ันใน การออกแบบขดลวดของเครื่องกาเนดิ ไฟฟา้ กระแสสลับถา้ หากออกแบบ ชุดขดลวดบนแกนให้เพม่ิ ข้ึนอีก 1 ชดุ แลว้ จะได้กาลังไฟฟ้าเพ่มิ ขนึ้ 7.ไฟฟ้ากระแสสลบั สามเฟส (Three Phase) เป็นการพัฒนามาจากเครื่องกาเนิดไฟฟา้ กระแสสลับชนิดหน่งึ เฟส และสองเฟส โดยการออกแบบจดั วาง ขดลวดบนแกนทีห่ มุนของเคร่ืองกาเนดิ นั้น เปน็ 3ไฟฟ้ากระแสสลบั ท่มี ีรูปคลนื่ ของกระแสไฟฟ้าเพียง 1 รูปคลืน่ เราเรียกวา่ ไฟฟ้ากระแสสลับ 1 เฟส (Single phase) และถา้ เครอื่ งกาเนดิ ไฟฟ้ากาเนดิ ไฟฟ้าออกมา พร้อมกนั 2 รูปคลน่ื เราก็เรยี กว่า ไฟฟ้ากระแสสลับ 2 เฟส และถา้ มี 3 รูปคล่ืน เรากเ็ รยี กว่า ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส ดังรูปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส ซึ่งเรานิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันเพราะให้แรงดันไฟฟ้าได้2 ระดับคือ 380 โวลต์ และ 220 โวลต์ รปู คล่นื แตล่ ะรปู คลน่ื เรยี กวา่ เฟส A เฟส B และเฟส C ตามลาดบั 8. การไหลของกระแสสลับ การไหลของกระแสสลับกลับไปกลบั มาครบ 1 รอบ เรยี กวา่ 1 ไซเคลิ (Cycle) หรอื 1 รูปคลื่น และ จานวนรูปคลื่นทัง้ หมดในเวลาที่ผา่ นไป 1 วนิ าที เรยี กว่า ความถ่ี (Frequency) ซ่ึงความถไี่ ฟฟ้ามหี นว่ ยวดั เป็น รอบตอ่ วนิ าที หรอื รูปคลน่ื ตอ่ วนิ าที หรอื ไซเคลิ ต่อวนิ าที มีหน่วยย่อเปน็ \"เฮริ ตซ\"์ (Hertz) สาหรบั ความถ่ี ไฟฟ้าในประเทศไทยเท่ากับ 50 เฮิรตซ์ สาหรับบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา จะมีค่า 60 Hzไฟฟ้า กระแสสลับที่ใช้ในบ้านพักอาศัย ส่วนใหญ่ใช้ไฟฟา้ กระแสสลับเฟสเดียว (Single Phase)ระบบการส่งไฟฟ้าจะ ใช้ สายไฟฟ้า 2 สายคือ สายไฟฟ้า 1 เส้น และสายศูนย์(นิวทรอล) หรือเราเรียกกันว่า สายดินอีก 1 สาย
5 สาหรับบ้านพักอาศัยในเมืองบางแห่งอาจจะใช้เคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ ชนิดพิเศษ จะต้องใช้ไฟฟ้าชนิดสามเฟส ซ่ึงจะให้ กาลังมากกว่า เช่น มอเตอร์เคร่ืองสูบน้าในการบาบัดน้าเสีย ลิฟต์ของอาคารสูง ๆ เป็นตน้ จากโครงงานทท่ี าได้ นาแนวคิดของนักวิทยาท่ีช่ือว่า “ชอยเลอร์ วีลเลอร์” โดย “ชอยเลอร์ วีลเลอร์”ได้ผลิตพัดลมไฟฟ้าท่ีเราใช้กัน ในชวี ิตประจาวัน ซ่งึ มนุษยเ์ ราต้องการความสะดวกสบายเพ่มิ ข้นึ เรื่อยๆ 9.มอเตอรไ์ ฟฟา้ มอเตอรไ์ ฟฟา้ เปน็ เครือ่ งกลไฟฟ้าชนดิ หนงึ่ ทเี่ ปล่ียนแปลงพลังงานไฟฟ้ามาเปน็ พลงั งานกล มอเตอร์ ไฟฟา้ ที่ใชพ้ ลังงานไฟฟ้าเปลี่ยนเป็นพลังงานกลมีทง้ั พลงั งานไฟฟา้ กระแสสลบั และพลังงานไฟฟา้ กระแสตรง มอเตอรป์ ระกอบด้วยขดลวดทพี่ นั รอบแกนโลหะท่ีวางอยรู่ ะหวา่ งข้วั แมเ่ หลก็ โดยเมื่อผ่านกระแสไฟฟ้าเขา้ ไป ยังขดลวดท่ีอยรู่ ะหวา่ งขัว้ แม่เหล็ก จะทาใหข้ ดลวดหมนุ ไปรอบแกน และเมอื่ สลับขัว้ ไฟฟ้า การหมุนของ ขดลวดจะหมุนกลบั ทศิ ทางเดิม ในงานอุตสาหกรรม มอเตอรม์ หี ลายแบบหลายชนดิ ซึง่ ควรเลอื กใช้งานให้ เหมาะสมกับงานท่เี ก่ียวข้อง 10.มอเตอร์ มอเตอร์ (Motor) มี 2 ประเภท คอื 1. มอเตอร์กระแสตรง (DC Motor) มอเตอรก์ ระแสตรง (DC Motor) เป็นมอเตอร์ทตี่ อ้ งใช้ไฟฟ้า กระแสตรงผ่านเขา้ ไปในขดลวดอาร์เมเจอร์เพ่ือทาให้เกดิ การดดู และผลักกันของแมเ่ หล็กถาวรกบั แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าทเ่ี กดิ จากขดลวดมอเตอรจ์ งึ หมุนได้ 2. มอเตอรก์ ระแสสลับ (AC Motor) มอเตอรก์ ระแสสลับ (AC Motor)เป็นมอเตอรท์ ี่ต้องใช้กับไฟฟ้า กระแสสลบั โดยใช้หลักการดดู และผลักกันของแม่เหล็กถาวรกบั แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าจากขดลวดมาทาให้เกิดการ หมนุ ของมอเตอร์ มอเตอรไ์ ฟฟา้ กระแสสลับแบ่งออกเปน็ 3 ชนดิ ได้แก่ 1. มอเตอรไ์ ฟฟ้ากระแสสลับชนดิ 1 เฟส หรอื เรียกวา่ ซงิ เกลิ เฟสมอเตอร(์ A.C. Sing Phase) 2. มอเตอร์ไฟฟ้าสลับชนดิ 2 เฟสหรือเรียกว่าทูเฟสมอเตอร์ (A.C.Two phase Motor) 3. มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับชนิด 3 เฟสหรือเรียกว่าทีเฟสมอเตอร์ (A.C. Three phase Motor) ขอ้ ควรระวงั ในการใชเ้ คร่อื งใช้ไฟฟา้ ท่ีมีมอเตอร์เป็นสว่ นประกอบ หา้ มใชเ้ ครื่องใชป้ ระเภทนใ้ี นช่วงที่ไฟตก หรอื แรงดนั ไฟฟ้าไม่ถงึ 220 โวลต์ เน่ืองจากมอเตอรจ์ ะไม่ หมุนและทาใหเ้ กิดกระแสไฟฟา้ ดนั กลับ จะทาให้ขดลวดรอ้ นจัดจนเกดิ ไหม้เสียหายได้ ขณะทม่ี อเตอรก์ าลัง หมุนจะเกิดการเหนี่ยวนาไฟฟ้าข้นึ ทาใหเ้ กดิ กระแสไฟฟา้ ซ้อนข้นึ ภายในขดลวด แต่มที ศิ ทางการไหลสวนทาง กับกระแสไฟฟ้าทม่ี าจากแหล่งกาเนดิ พลังงานไฟฟ้าเดิม ทาใหข้ ดลวดของมอเตอร์ไมร่ ้อนจนเกิดไฟไหม้ได
6 บทท3ี่ วธิ กี ารดาเนินงาน ในการทาโครงงานเครื่องดดู อากาศจากพดั ลมสง่ ลมเยน็ (เครอื่ งปรับอากาศ) กลุม่ ผศู้ ึกษามขี ้นั ตอน การดาเนนิ โครงงาน ดังต่อ ไปนี้ 1.สว่ นประกอบ 1. พัดลมแอร์โบวเวอร์ 1 ตวั 2. ขาเหล็กพร้อมน็อตยดึ กาแพง 6 ชุด 3. สายไฟ ตามความยาวจากพัดลมถงึ สวิตซ์ไฟ 1 เสน้ 4. กลอ่ งสวติ วไ์ ฟแบบเปดิ -ปิด 1 ชุด 5. รางสายไฟหรือก๊บิ ยดึ สายไฟ 2.เครอ่ื งมือ 1. สว่านไฟฟ้า 2. ประแจตามขนาดน็อตยดึ กาแพง 3. กาวซลิ โิ คน 4. อุปกรณต์ ่อพ่วงสายไฟ 3.วธี ีตดิ ตั้ง 1. วดั ขนาดของพดั ลมแอร์โบวเวอร์ให้เหมาะกบั ระยะกาแพง ควรตดิ ตงั้ ไวด้ า้ นบนของกาแพง
7 2. วดั ระยะสาหรับการเจาะกาแพงใหไ้ ด้มุมเพ่ือตดิ ตง้ั ขาเหลก็ ทั้ง 6 จดุ โดยเน้นทัง้ 4 มมุ และจุด ก่งึ กลางทงั้ บนและลา่ ง 3. เจาะกาแพงตามทว่ี ัดระยะท้ัง 6 จุด และติดต้ังขาเหล็กใหม้ ั่นคง และอุดรอยแตกดว้ ยกาวซลิ ิโคน
8 4. เจาะหรือยึดพดั ลมแอรโ์ บวเวอรก์ บั ขาเหล็กให้มนั่ คง 5. ตดิ ต้งั สายไฟจากมอเตอรไ์ ปจนถงึ สวติ ซ์ไฟและจากสวิตว์ไฟไปจนถึงสายไฟหลกั พร้อมรางสายไฟ หรอื ก๊บิ ยดึ สายไฟ
9 6. ทดลองเปดิ -ปิดสวิตซเ์ พื่อตรวจสอบความเรยี บรอ้ ย
10 บทท่ี 4 ผลการศกึ ษา และอภิปรายผล จากการทาโครงงานเรื่องการเคร่ืองดูดอากาศจากพัดลมส่งลมเย็น (เคร่ืองปรับอากาศ) ซึ่งเป็นการ นาเอาพัดลมแอร์โบวเวอร์ ที่ไม่ใช้แล้วนากลับมาทาเป็นเคร่ืองดูดอากาศจากพัดลมส่งลมเย็ น (เครื่องปรับอากาศ) โดยใช้การออกแบบเข้ามาช่วยเพ่ิมมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ มีวัตถุประสงค์หลักเพอ่ื ยืดอายุวัสดุ ใหเ้ ปน็ ขยะช้าลง ชะลอการเกิดขยะ เพม่ิ มูลค่าให้กับของเหลือใช้ ให้สามารถใชต้ ่อไปได้และเป็นได้มากกว่าขยะ เหลอื ใช้ ทั้งยงั สามารถเพม่ิ มูลคา่ ในตัวเปน็ ผลิตภัณฑท์ ี่ตอบสนองความหลากหลายของผู้ใช้งาน สามารถใชง้ าน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนาไปใช้งานได้จริง ราคาถูกแข็งแรง รูปลักษณะสอดคล้องกับการใช้ งาน มี ความเรียบง่าย สามารถเคลื่อนย้ายไปยังพื้นท่ีหรือสถานท่ีที่ต้องการได้สะดวก สามารถจัดรูปแบบการวางได้ อย่างหลากหลาย
11 บทท่ี 5 สรปผุ ลและอภิปรายผล สรปุผลโครงงานเครื่องดูดอากาศจากพัดลมส่งลมเย็น (เคร่ืองปรับอากาศ) จากการทาโครงงาน สรุปผลการศึกษาได้ ดงั น่ี เครื่องดูดอากาศจากพัดลมส่งลมเย็น (เครื่องปรับอากาศ) เป็นการนาพัดลมแอร์โบวเวอร์ที่หลายคน คิดว่าไร้ประโยชน์ นากลับมาทาเป็นเครื่องดูดอากาศจากพัดลมส่งลมเย็น (เคร่ืองปรับอากาศ ประยุกต์ใช้ เพ่ือให้เกิดการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนในการจัดอานวยความสะดวกต่อการใช้งาน มีความ แข็งแรง ทนทาน สามารถใช้งานได้ในทุกพ้ืนที่และถ่ายเพอากาศได้ และสามารถเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนอง ความต้องการของผู้ใช้งาน ลดการสร้างมลพิษให้กับสภาพแวดล้อม เป็นการกาจัดยางรถยนต์ลดขยะ และยัง สามารถเพ่ิมมูลค่าและใช้เวลาว่างประโยชน์และยังสามารถนาไปเพิ่มรายได้ลดปริมาณขยะเป็นมิตรต่อ สง่ิ แวดลอ้ มอีกด้วย ปญั หาจากทาโครงงาน 1. ปัญหาในด้านเครื่องมือและอุปกรณย์ ังไมม่ ีความชานาญในการใช้ 2. ปัญหาอาจไมป่ ฏิบัติตามแผนงานทวี่ างไว้อย่างเปน็ ขัน้ ตอน ข้อเสนอแนะ จากการดาเนินงานได้พบปัญหาและอุปสรรคในการดาเนินการหลายอย่าง จึงมีแนวทางในการพัฒนา เพอ่ื ให้การผลมปี ระสิทธภิ าพซึ่งแนวทางในการพัฒนา ดังนี้ 1. ต้องพยายามที่จะเรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ เพราะการใช้เคร่ืองมือถ้าใช้ผิดวิธีก็สามารถท่ีจะก่อให้เกิด อนั ตรายต่อรา่ งกาย และสิ้นเปลอื งประมาณในการจัดซอื้ มาทดแทนถ้าเกดิ ความเสียหาย 2. ต้องมีการหาความรู้หรือหาข้อมูลต่าง ๆมาเป็นแนวทางในการปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการ ดาเนนิ งานตอ่ ไป 3. สามารถพัฒนาต่อยอดการทากระถางต้นไม้จากล้อยางรถยนต์เป็นผลิตภัณฑ์อ่ืน ๆจากความคิด สรา้ งสรรคจ์ ากวัสดทุ ีค่ งทนสามารถสร้างอาชีพได้
12 บรรณานุกรม กระทรวงพลังงาน. [ม.ป.ป]. คณุ ลักษณะของอาคาร BUILDING FEATURES. ค้นเมือ่ 15 พฤศจกิ ายน 2564, จาก http://www2.dede.go.th/bhrd/displaycenter/index.php ณัฐกาญจน์ อุดมสจั จพนั ธ.์ุ (2559, สิงหาคม). อิทธิพลของระยะเวลาของกรอยู่ในพื้นท่เี ปล่ยี นถา่ ยต่อ การรับรอู้ ุณหภูมิในห้องปรับอากาศ. ปรญิ ญานพิ นธก์ ารศึกษามหาบัณฑิต,มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร.์ กรงุ เทพๆ. ธรี พจน์ เวศพนั ธ์ุ, นิศากร สมสขุ , ธรี พงศ์ บรริ ักษ์ และสมบัติ ทฆี ทรัพย์. [ม.ป.ป]. การใชพ้ ลงั งานของ เครอื่ งปรบั อากาศแบบเคล่อื นท่ีใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสดุ . วารสารวชิ าการมหาวิทยาลัยอีสเทริ น์ เอเชีย, หน้า49-55.
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: