Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แบบเรียนคอมพิวเตอร์ เรื่อง รอบรู้เรื่องคอมพิวเตอร์

แบบเรียนคอมพิวเตอร์ เรื่อง รอบรู้เรื่องคอมพิวเตอร์

Published by scvhhddu, 2021-09-13 07:53:58

Description: แบบเรียนคอมพิวเตอร์ เรื่อง รอบรู้เรื่องคอมพิวเตอร์

Search

Read the Text Version

รอบรูเ ร่อื งคอมพวิ เตอร ผู้จัดทำา นาย ธีภทั ร์ เรอื งฤทธ์ิ

ร ะ บ บ ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ ความหมายของระบบคอมพวิ เตอร์ คอมพวิ เตอร์ (Computer) มคี วามหมายตามพจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ.2554หมายถงึ เครือ่ งอิเล็กทรอนกิ ส์แบบ อัตโนมตั ิ ท�ำ หนา้ ที่เสมอื นสมองกล ใชส้ ำ�หรบั แก้ปญั หาต่างๆ ทงั้ ท่งี ่าย และซบั ซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ หมายถึง อปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนกิ สท์ ม่ี คี วามสามารถในการ ประมวลผลแบบอัตโนมัติ เม่ือรบั ค�ำ สงั่ หรอื ขอ้ มลู เขา้ มาทางอุปกรณน์ �ำ เข้า ประมวลผลจนได้ผลลพั ธ์หรือสารสนเทศตามท่ตี ้องการและแสดง ผลลัพธ์ออกมาทางอุปกรณแ์ สดงผล อกี ทงั้ ยังสามารถจดั เกบ็ ข้อมูลหรือ สารสนเทศเหลา่ น้ันลงในส่อื จัดเกบ็ ขอ้ มลู เชน่ ฮารด์ ดสิ ก์ แฟลชไดรฟ์ ระบบ (System) หมายถึง ขั้นตอนการปฏบิ ตั งิ านทมี่ กี ารกำ�หนดอยา่ ง ชดั เจนอาจจะอยูใ่ นรปู ของเอกสาร สอ่ื อิเล็กทรอนิกส์ หรอื โดยวิธกี าร อื่น ๆ เพอ่ื ให้ได้ผลลัพธ์ตามท่ีตอ้ งการ มอี งคป์ ระกอบ คอื ปัจจยั น�ำ เขา้ กระบวนการ ผลผลิต และข้อมูลป้อนกลบั ซง่ึ มคี วามสมั พนั ธ์เชอื่ มโยงกนั ระบบคอมพวิ เตอร์ (Computer System) หมายถึง ชดุ อุปกรณข์ อง คอมพวิ เตอรท์ ่ีเชอ่ื มต่อ เข้าดว้ ยกันและสามารถท�ำ งานรว่ มกันไดโ้ ดยมี การก�ำ หนดชุดค�ำ สั่งหรอื โปรแกรมควบคมุ เพอื่ ใหช้ ุด อปุ กรณท์ �ำ หนา้ ท่ี ประมวลผลขอ้ มูลโดยอัตโนมัตแิ ละได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

ระบบ (System) หมายถึง ขั้นตอนการปฏิบัติงานทีม่ กี ารกำ�หนดอยา่ ง ชัดเจนอาจจะอยู่ในรปู ของเอกสาร สอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ หรอื โดยวธิ ีการ อื่น ๆ เพอ่ื ให้ไดผ้ ลลพั ธ์ตามทต่ี อ้ งการ มีองคป์ ระกอบ คือ ปจั จัยน�ำ เขา้ กระบวนการ ผลผลิต และข้อมลู ปอ้ นกลับ ซง่ึ มีความสมั พันธเ์ ชอ่ื มโยงกัน ระบบคอมพวิ เตอร์ (Computer System) หมายถึง ชดุ อปุ กรณ์ของ คอมพวิ เตอรท์ ีเ่ ชือ่ มตอ่ เขา้ ดว้ ยกันและสามารถท�ำ งานร่วมกนั ได้โดยมี การกำ�หนดชดุ ค�ำ สั่งหรอื โปรแกรมควบคมุ เพ่ือให้ชุด อุปกรณ์ทำ�หนา้ ท่ี ประมวลผลข้อมลู โดยอัตโนมตั ิและไดผ้ ลลัพธ์ตามที่ตอ้ งการ

Computer organization Hardware 1. ฮารด์ แวร์ (Hardware) 1 Software 2 2. ซอฟตแ์ วร์ (Software) 3. ขอ้ มูล/สารสนเทศ 3 (Data/Information) 4 4. บคุ คลากร (Peopleware) 5 5. กระบวนการทาำ งาน (Documentation/Procedure)

01 ฮารด แวรจะไมส ามารถ ทาํ งานดว ยตัวเองเดี่ยว ๆ ได ฮาร์ดแวร์ (Hardware) จะตอ งนํามาตอ เชอ่ื มเพื่อ ทํางานรวมกันเปน ระบบท่ี สงิ่ ทมี่ องเห็นและจบั ตอ ง เรยี กวา \"ระบบคอมพิวเตอร สมั ผัสไดท ง้ั หมดทเี่ กี่ยวขอ ง (Computer System)ทีม่ ี กบั คอมพิวเตอร ไมว า จะเปน โครงสรา งของระบบจะ ตวั เครือ่ งคอมพิวเตอร (Case) ทาํ งานตามโปรแกรมหรอื เมนบอรด (Mainboard) ซอฟตแ วรท เ่ี ขียนขึ้น และอุปกรณตอพวงรอบขา ง (Peripheral) ที่เกย่ี วขอ ง เชน ฮารด ดิสก แปน พมิ พ เมาส หนว ยประมวลผลกลาง จอภาพ เครือ่ งพิมพ และ อุปกรณอืน่ ๆ

02 ซอฟต์แวร์ (Software) ตอ งการได โดยโปรแกรมหรือ ชุดคําสัง่ นน้ั จะเขยี นจาก หมาย ถงึ โปรแกรม ภาษาตา ง ๆ ทมี่ นุษยสรา งข้ึน (Program) หรอื ชดุ คาํ สั่งที่ เรียกวา ภาษาคอมพวิ เตอร ควบคมุ ใหเครอื่ งคอมพวิ เตอร (Programming Language) ทํางานใหไ ดผลลพั ธตามที่ ภาษาใดภาษาหนึ่ง และมี ตอง การ ซ่ึงคอมพิวเตอร โปรแกรมเมอร ฮารด แวรที่ประกอบออกมา (Programmer) หรอื นกั เขียน จากโรงงานจะยังไมส ามารถ โปรแกรมเปนผใู ช ทาํ งานไดใน ทันที ตอ งมี ภาษาคอมพิวเตอรเหลา นัน้ ซอฟตแ วรซ งึ่ เปน โปรแกรม เขียนซอฟตแ วรแ บบ ตาง ๆ หรือชดุ คาํ สงั่ ทีส่ ง่ั ใหฮารด แวร ข้ึนมา ทาํ งานตาม ซอฟต์แวรร์ ะบบ (System Software) ซอฟตแ วรท่ีทําหนา ทจ่ี ัดการและควบคมุ ทรัพยากร ตา ง ๆ ของคอมพวิ เตอร และอํานวยความสะดวกดา น เคร่ืองมือสาํ หรับการทาํ งานพ้ืนฐานตา ง ๆ ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ (Application Software) ซอฟตแวรทีส่ รา งหรือพฒั นาข้นึ เพือ่ ใชงาน ดานใดดานหน่งึ โดยเฉพาะตามท่ผี ใู ชต อ งการ

03 ซ่งึ อาจนาํ มาจําแนกเปน รายงานตา งๆ เกย่ี วกบั ขอ้ มูล/สารสนเทศ บคุ ลากรในหนว ยงานได หรือ (Data/Information) ขอมลู เกย่ี วกบั ตวั เลขมาตรๆ ไฟฟา ของบานแตละหลงั ก็ใช ขอ มูลตางๆ ทเ่ี รานํามาให สาํ หรับคํานวณเปน ปรมิ าณ คอมพวิ เตอรท ําการ ไฟฟา ทใี่ ชในแตล ะเดอื น แลว ประมวลผลคํานวณ หรือ คดิ เปนเงนิ ท่ีจะตอ งชําระ กระทาํ การอยางใดอยา งหนึ่ง ใหกบั การไฟฟา ฯ ใหไ ดมาเปนผลลัพธที่เรา ตอ งการ ยกตัวอยางเชน ขอมูลบคุ ลากรเกย่ี วกบั รายละเอียดประวตั ิสวนตวั ประวัติการศึกษาหรอื ประวัติ การทํางาน

04 หลายอยา ง ซง่ึ ไมสามารถทํา ดวยตวั เองได ถา หากไมใ ชผูท่ี บคุ ลากร รเู รอื่ งคอมพิวเตอรมากนัก (Peopleware) เราจึงถอื วา บคุ ลากร เปน สวนประกอบทส่ี าํ คัญของ เจา หนาท่ปี ฏบิ ตั ิงานตา งๆ ระบบคอมพวิ เตอร และผูใชเครือ่ งคอมพิวเตอร ในหนว ยงานนนั้ ๆ บุคลากร ดานคอมพวิ เตอรน ั้น มี ความสาํ คัญมาก เพราะการ ใชเ คร่ืองคอมพิวเตอรทาํ งาน ตา งๆ น้นั จะตองมีการ จัดเตรยี มเปลย่ี นระบบ จดั เตรียมโปรแกรม ดําเนินการตางๆ เจา หนา ทีป่ ฏิบัติการ (Operator) บุคลากรทเ่ี กยี่ วขอ งกับระบบ (System) ผูจ ดั การศูนยประมวลผลคอมพวิ เตอร (Electronic Data Processing Manager) ผูใชค อมพวิ เตอร (Computer user)

05 นอกจาก น้นั เมอื่ การใช มาตรฐาน ชวยใหก าร กระบวนการทาำ งาน ประสานงาน ระหวาง (Documentation/ หนวยงานยอยๆ ราบรื่น การ Procedure) จัดซอ้ื จดั หา ตลอดจนการ บํารงุ รักษาเครื่อง เปน ขั้นตอนการทาํ งาน คอมพิวเตอร และซอฟตแวร เพ่ือใหได ผลลพั ธหรือ ก็จะงายข้นึ เพราะทกุ ขอ สนเทศจากคอมพิวเตอร หนวยงานใชมาตรฐาน ในการทาํ งานกับคอมพิวเตอร เดยี วกัน จาํ เปน ท่ีจะตองใหผใู ชเขาใจ ขั้นตอนการทํางาน ตอ งมี ระเบียบปฏบิ ัติใหเ ปนแบบ เดียวกนั มกี ารจดั ทําคูมือการ ใชค อมพวิ เตอรใหทกุ คน เรียนรูและใชอ า งอิงได

HARD WARE หน่วยรับข้อมลู (Input Unit) ทาำ หน้าทีใ่ นการนำาเขา้ ข้อมูลหรอื คาำ สัง่ เข้าสู่เคร่อื งคอมพวิ เตอร์เช่น คีย์บอรด์ เมาส์ ไมโครโฟน สแกนเนอร์เปน ตน้ หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit) ทำาหน้าท่ใี นการทาำ งานตามคำาสัง่ ทบ่ี รรจุอยใู่ นตัวซพี ียู ประมวลผลข้อมลู ในลักษณะของการคาำ นวณและเปรยี บเทียบ โดยรับขอ้ มลู จากหนว่ ยนาำ เข้า ขอ้ มลู แลว้ ทำาการประมวลผลและจดั เกบ็ ขอ้ มูลไว้ทห่ี นว่ ยเกบ็ ข้อมลู และ ทาำ การสง่ ผลลัพธท์ ไี่ ดจ้ ากการประมวลออกสู่หน่วยแสดงผลให้ผ้ใู ช้ตอ่ ไป หนว่ ยแสดงผล ( Output Unit) ทำาหน้าท่ีในการแสดงผลลพั ธ์ท่ไี ดจ้ ากการประมวลผลเพื่อใหผ้ ใู้ ช้ สามารถดผู ลลพั ธ์ท่เี กดิ ขนึ้ ได้ เช่น จอภาพ เครอ่ื งพมิ พ์ ลำาโพง

HARD WARE หนว่ ยเกบ็ ข้อมลู (Storage Device) 1) หน่วยเกบ็ ข้อมลู หลกั หรอื หนว่ ยความจำาหลัก (Primary Storage หรอื Main Memory) ทำาหน้าท่ีเกบ็ โปรแกรมหรอื ขอ้ มูลทรี่ บั มาจากหนว่ ยนำาเขา้ ข้อมลู เพื่อ เตรยี มส่งให้กบั หนว่ ยประมวลผลกลางเพื่อทาำ การประมวลผลและรบั ผลลัพธท์ ไี่ ด้ จากการประมวลผลเพือ่ ส่งออกหน่วยแสดงผล อาจแยกได้เปน 2 ชนิด คอื แรม (RAM : Random Access Memory) ท่สี ามารถอ่านและเขียนขอ้ มลู ไดใ้ น ขณะทีเ่ ปดเครอื่ งอยู่แตเ่ มอื่ ปด เครอื่ งข้อมลู ในแรมจะหายไป รอม (ROM : Read Only Memory) เปนหนว่ ยความจำาที่อา่ นไดอ้ ยา่ งเดียว 2) หนว่ ยเก็บข้อมูลสำารอง (Secondary Storage) เปน หนว่ ยที่ทาำ หน้าทจี่ ดั เกบ็ ขอ้ มลู หรือโปรแกรมตา่ ง ๆ ทจ่ี ะปอ้ นเขา้ สหู่ น่วยความจำาหลกั ภายในเครอ่ื ง ก่อน ทาำ การประมวลผลและเกบ็ ผลลพั ธ์จากการประมวลผล ข้อมลู ภาพ ข้อมูลเพลง ไฟล์ทถ่ี กู บันทึกดว้ ยโปรแกรมต่าง ๆ ซง่ึ ข้อมลู จะยงั คงเกบ็ อยแู่ ม้วา่ จะเปด หรอื ปด เครื่องคอมพิวเตอรก์ ต็ าม เชน่ ฮาร์ดดิสก์ แฟลชไดรฟ์

ขน้ั ตอนท่ี 1 รับขอ้ มลู ขน้ั ตอนที่ 2 ประมวลผลขอ้ มูล ข้ันตอนที่ 3 จดั เกบ็ ข้อมูล ขน้ั ตอนท่ี 4 แสดงผลขอ้ มูล

หลกั การทาำ งานของคมอพิวเตอร์ หลกั การทำางานของคมอพิวเตอร์ การทาํ งานของคอมพิวเตอรจ ะเร่ิม จากผูใ ชป อนขอ มลู ผา นทางอุปกรณ อุปกรณของหนว ยสงออก เชน ของหนว ยรบั เขา (Input device) จอภาพ หรอื เครื่องพิมพ เชน คียบอรด เมาส ขอ มูลจะถกู นอกจากนี้เราสามารถบันทกึ ขอมูลที่ เปลยี่ นใหเ ปนสญั ญาณดิจิทลั อยูในอนาคต โดยการอา นขอมูลท่ี ประกอบดวยเลข 0 และ 1 แลว บนั ทึกในสอื่ ดังกลา วผา นทางเครื่อง สง ตอไปยังหนว ยประมวลผลกลาง ขบั หรอื ไดรฟ (drive) การสง ผาน เพอื่ ประมวลผลตามคาํ ส่ัง ในระหวาง ขอ มลู ไปยังหนว ยตา งๆ ภายในระบบ การประมวลผลขอมูลจะถกู เกบ็ ไวท ี่ คอมพวิ เตอรจะผานทางระบบบสั (Random Access Memory: (bus) อปุ กรณของหนว ยรบั เขา และ RAM) ทาํ หนา ทเี่ กบ็ ขอมูลจากการ สง ออก จะเช่ือมตอ กบั ตัวเครอ่ื งท่ี ประมวลผลเปนการช่ัวคราว เรียกวา ซสิ เต็มยูนิต (System unit) ขณะเดยี วกัน อาจมคี ําสง่ั ใหนํา มี เคส (case) เปน โครงยดื ให ผลลัพธจ ากการประมวลผลดังกลาว อปุ กรณตา งๆประกอบกัน ไปแสดงผลผา นทางอุปกรณผา นทาง

องคป์ ระกอบของระบบสอ่ื สารข้อมูล 1. ผสู้ ่ง (Sender) ผสู้ ่งในทนี่ หี้ มายถงึ อปุ กรณท์ ่ีทาำ หนา้ ท่ใี นการจดั สง่ ขอ้ มลู ข่าวสาร ซึง่ สามารถเปน ไดท้ ง้ั คอมพวิ เตอรโ์ ทรศพั ท์กล้องวิดโี อ เปน ตน้ 2. ผู้รับ (Receiver) ผรู้ บั คอื อปุ กรณ์ท่ีใช้สาำ หรับรบั ข่าวสารทส่ี ่งมาจากผสู้ ่ง เช่น คอมพวิ เตอร์ โทรศพั ท์วทิ ยุ โทรทัศนเ์ ปนต้น 3. ข่าวสาร (Message) ขา่ วสารประกอบดว้ ยขอ้ มลู หรอื สารสนเทศทไี่ ด้สง่ มอบระหว่างกนั ซ่งึ สามารถเปนได้ทั้งข้อมูลท่ี เปนข้อความ ตัวเลข รปู ภาพ เสยี ง วดิ โี อ หรือมลั ตมิ ีเดีย

องค์ประกอบของระบบส่ือสารข้อมูล 4. สื่อกลาง (Media) สอ่ื กลาง หมายถงึ ส่ือกลางส่งขอ้ มูลท่ีใชใ้ นการส่ือสาร (Transmission media) ซงึ่ อาจเปน สือ่ กลางประเภทสาย เชน่ สายเคเบิล สายโทรศัพท์ และ สื่อกลางประเภทไรส้ าย เช่น คลนื่ วิทยุ ซง่ึ ส่ือกลาง ดงั กลา่ วทำาหนา้ ทใี่ นการให้ ข้อมลู สามารถเดนิ ทางจากต้นทางไปยังปลายทางได้ 5. โพรโตคอล (Protocol) โพรโตคอล เปนกฎเกณฑ์หรอื ข้อตกลงทใี่ ช้ในการสอ่ื สารขอ้ มลู เพ่ือให้การสอื่ สารระหว่างอปุ กรณ์นนั้ มคี วามเขา้ ใจในทศิ ทาง เดยี วกันและสามารถสอื่ สารกนั ได้หากไม่มโี ปรโตคอลแลว้ อุปกรณ์ ทง้ั สองอาจจะติดตอ่ กนั ไดแ้ ต่ไมส่ ามารถสอื่ สารกนั ได้เช่นเดียวกนั กบั มีบคุ คล 2 คนที่ตอ้ งการพบปะกนั และเมอ่ื ไดพ้ บกนั แลว้ แต่กลับ สนทนากนั ไมร่ ูเ้ รอื่ ง เน่อื งจากคนหนึ่งพูดภาษาไทยและอกี คนหนง่ึ พูดภาษาญป่ี นุ ซึ่งทงั้ สองไดม้ ี การตดิ ต่อกันแลว้ แตไ่ มส่ ามารถ สื่อสารระหว่างกันไดอ้ ย่างเขา้ ใจ

องค์ประกอบขอ้ มูลขา่ วสาร 4) สือ่ ผสม 3) รปู ภาพ (Multimedia) เปน (Image) เปน ขอ้ มูลทีผ่ สมลักษณะ ข้อมูลทเี่ ปน ของทัง้ รปู ภาพ เสยี ง รูปภาพ เช่น การ และข้อความเขา้ สแกนภาพเขา้ ด้วยกัน โดยสามารถ คอมพวิ เตอร์ เคลอื่ นไหวได้ ภาพถา่ ย เปน ต้น 2) เสียง (Voice) 1) ขอ้ ความ (Text) เปนเสียงทม่ี นษุ ย์ เปนขอ้ มูลท่อี ยู่ใน หรืออปุ กรณ์ รปู อักขระหรอื บางอย่างเปนตัว เอกสาร สรา้ งข้นึ มา

พฒั นาการของการ สื�อสารขอ้ มลู การเปลี่ยนแปลงทางสงั คมของโลก นบั ต้งั แตม่ นษุ ยไ์ ด้มี การรวมกลมุ่ กนั เปนสังคมขนาดใหญต่ งั้ แตโ่ บราณนนั้ ก็ เรมิ่ มกี ารสอ่ื สารเกิดขึน้ ความเจรญิ กา้ วหนา้ ของการ สอ่ื สารก่อนที่จะมาถงึ ปัจจุบนั นั้น ยอ่ มมพี ฒั นาการมา ยาวนาน ก่อนทจี่ ะมียคุ ของการส่ือสารนนั้ ยคุ โบราณเปน ยคุ ที่มนษุ ยม์ ีการใชภ้ าษาในการตดิ ต่อส่อื สารกนั อยา่ ง จำากัด แตไ่ ดผ้ ลดเี พราะมีคนจาำ นวนนอ้ ยการส่ือสารจงึ ไม่ ซบั ซ้อน สว่ นใหญ่จะสื่อสารกันดว้ ยการใชท้ ่าทาง หรือ แม้กระทง่ั การใช้สญั ลักษณต์ า่ งๆ เช่น การวาดภาพตาม ผนังถาำ้ มากกวา่ การใชภ้ าษาในการสือ่ สารซ่ึงกันและกัน การสื่อสารในยคุ นี้เปน การสอ่ื สารกลุ่มยอ่ ยเทา่ นนั้ เช่อื ว่า ยงั ไม่มกี ารสอื่ สารแบบมวลชนเกดิ ขนึ้ ดังนั้นจึงสามารถ แบง่ การสอื่ สารออกได้เปน 3 ยุค

1. การสอ่ื สารยคุ โบราณ เปนการส่ือสารท่ีนยิ มใช้ในอดตี ซง่ึ ปัจจุบนั ไม่มกี ารสื่อสารดว้ ยวิธีนี้ หรอื ไม่นยิ มใช้การส่ือสารประเภท นแี้ ลว้ การสื่อสารในยุคโบราณจะกระทาำ เพอ่ื ตอบสนองต่อความ ตอ้ งการขนั้ พืน้ ฐานของมนษุ ย์ ใช้ถา่ ยทอดขอ้ มูลทีไ่ มม่ คี วาม สลบั ซับซ้อน และตัวกลางทีใ่ ชม้ ักจะมปี ระสิทธิภาพนอ้ ย และไม่มี ความสะดวกรวดเรว็ ในการส่ือสาร ตัวอยา่ งการส่ือสารในยุค โบราณ

พฒั นาการของการส่ือสารข้อมูล ภาพบนผนังถา้ำ หรอื กอ นหิน การ เปน การสื่อสารของ วาดภาพบนผนงั ถํ้า บุคคลสมยั โบราณเพ่ือ จดั เปนการสอื่ สาร บอกเลา วถิ ชี ีวติ ของ รปู แบบแรกของ ตนเอง ดว ยการใชส ี ธรรมชาติหรอื กอ นหิน มนษุ ย ทย่ี ังมี ขดี เขยี นและวาดภาพ หลักฐานปรากฏให ตาง ๆ ไวบนผนังถ้ํา เห็นไดในปจ จบุ นั ภาพฝาผนังของมนุษยส์ มัยโบราณ ภาพบนผนงั ถา้ำ

พฒั นาการของการสอ่ื สารขอ้ มลู ควนั ไฟ ประเภทนมี้ ีความ เปน การสอ่ื สารโดยใช ผิดพลาดไดงาย กลมุ ของควันไฟแทน เนอ่ื งจากควนั ไฟอาจ สญั ลกั ษณตาง ๆ เพ่ือ เปลี่ยนแปลงไดต าม ส่อื สารไปยงั ผรู ับสาร สภาพอากาศ ทาํ ให โดยผูส ง สารจะตองกอ เกิดการตีความหรอื กองไฟในท่ีสูงเพื่อให แปลสญั ลกั ษณน้ัน ๆ ผูร ับสารสามารถ ผดิ พลาด มองเหน็ ไดจ าก ระยะไกล การสื่อสาร การจุดควนั ไฟเพอ่ื ส่อื สารในสมยั โบราณ ควนั ไฟ

พฒั นาการของการสอื่ สารขอ้ มลู นกพริ าบสื่อสาร ที่ขาหรอื แขวนท่ีคอ เปนการสือ่ สารโดยใช ของนกพริ าบ แลว ให สัตวเปนตัวกลางหลัก ผรู บั สารรอรบั สารได ในการสอ่ื สาร โดยใช จากรงั หรอื ที่อยูของ ธรรมชาตใิ นการรู นกพิราบ การส่ือสาร ทิศทางของนกพิราบที่ ดวยการใชน กพริ าบ จะเดนิ ทางกลบั รงั หรือ ทอี่ ยขู องมนั ไดไ มวาจะ สามารถรักษา ถูกสงมาจากท่ใี ดมกี าร ความลับของขอมูล ผกู ขอความหรือขอ มูล ไดเ ปนอยา งดี ส้ัน ๆ การส่ือสารโดยใชน้ กพิราบ นกพิราบสือ่ สาร

พฒั นาการของการส่ือสารข้อมลู ม้าเร็ว ท่บี ังคบั มาและมา เปนการสื่อสารโดยใช เปน หลัก ทําให มนษุ ยแ ละสตั วเ ปน สามารถส่ือสารหรือ ส่ือกลางในการสอ่ื สาร สง ขอ มูลไดรวดเรว็ ทาํ ใหก ารสอื่ สารมี รักษาความลับของ ประสทิ ธิภาพมากกวา ขอมลู และสง ขอ มูล การว่ิงผลดั เนื่องจาก ไปยงั ผูรบั สารได ประสิทธภิ าพของการ ถูกตองกวาการ สื่อสารข้ึนอยูกับบุคคล ส่ือสารดว ยการ วิ่งผลดั การใช้ม้าเรว็ เพื่อการตดิ ต่อสอ่ื สาร มา้ เรว็

2. การสอ่ื สารยุคอตุ สาหกรรม เปนการส่อื สารที่ยงั นยิ มใชใ้ น ปัจจบุ นั แต่มแี นวโนม้ ทจ่ี ะเลิกใชใ้ นอนาคต เนอื่ งจากมเี ทคโนโลยี ท่ีสง่ เสรมิ การสือ่ สารใหม่ ๆ เขา้ มาแทนที่ การสอ่ื สารยคุ อตุ สาหกรรมจะมุง่ เนน้ ประสิทธภิ าพมากกวา่ การสอ่ื สารยคุ โบราณ ตัวอย่างการสือ่ สารในยคุ อุตสาหกรรม เช่น

พฒั นาการของการสอ่ื สารขอ้ มลู โทรศัพทห์ รือเทเลโฟน (Telephone) เปนการสื่อสารสองทศิ ทางพรอมกัน แตสามารถรับและสงขอมูลไดใน รูปแบบเสียงเทานั้น โดยผูส่อื สารทงั้ สองฝายจะตองมีโทรศัพทเพื่อใชในการ สอ่ื สาร เวลาส่อื สารจะเปนเวลาจรงิ ในชวงนนั้ ๆ (Real Time) หากผูรับ ขอ มลู ไมอยูหรอื มีความผดิ พลาดดานเวลาก็จะทาํ ใหก ารสอื่ สารไมสามารถ ทําได โทรศัพทมีพฒั นาการตอ เนอ่ื งและยาวนานโดยเปนพืน้ ฐานของการ พฒั นาโทรศพั ทแบบไรส ายหรือโทรศัพทแ บบพกพา การใชโทรศัพทจะตอง ติดตง้ั เครอื่ งรบั เคร่ืองสง และสายโทรศัพทในพ้นื ทท่ี ่ีใหบริการหรือมี สายโทรศพั ทจ ากหนว ยงานท่ีใหบ ริการเทาน้ัน จงึ นิยมตดิ ตัง้ ในท่ีอยอู าศยั สํานักงาน และสถานท่ีสาธารณะตา ง ๆ ผูใชไ มจําเปน ตองมีความรดู า น เทคโนโลยีการสือ่ สารมากนัก โทรศัพทป ระเภทนจ้ี ะใชร ะบบการทํางานแบบ แอนะลอ็ ก (Analog) โดยใชสายโทรศัพทเปน ตัวกลางในการรบั และสงขอมูล

พฒั นาการของการสือ่ สารขอ้ มลู โทรสารหรอื แฟกซ์ (Fax) พัฒนามาจากการส่ือสารประเภทโทรศัพท เพื่อใหส ามารถสง ขอ มลู ใน รูปแบบตวั อักษรหรือขอ ความไปยงั ผรู บั สารไดม ากกวา ขอมูลเสยี งเพยี งอยาง เดยี ว มีลกั ษณะการใชงานเหมือนโทรศัพท ในการสงขอมูลดวยโทรสารผูส ง สารและผูรับสารจะตองเปด ใชเคร่อื งโทรสารจงึ จะสามารถสง ขอมลู ได และ ไมส ามารถสง ขอมลู เอกสารผานโทรสารไดพ รอมกับการสงขอ มลู เสียง การ สอ่ื สารดวยโทรสารน้ี ขอมลู ตน ฉบบั จะยังคงอยูท่ผี ูสง สาร โดยผรู บั สาร จะตอ งมกี ระดาษสําหรบั คัดลอกขอมูลท่สี ง ไปยงั ปลายทาง

พฒั นาการของการสื่อสารขอ้ มูล จดหมายและพัสดุ (Letter and Inventories) เปนการสอ่ื สารในรปู แบบด้งั เดิมโดยใชบ รกิ ารในการสงจดหมายและพัสดุ จากหนวยงานใหบริการการส่อื สาร คิดอัตราคาบริการตามนํา้ หนกั และ ระยะทางในการสงจดหมายและพัสดุ ซึ่งการส่อื สารดวยวธิ กี ารน้ีไดรับการ ยอมรับและนา เชอ่ื ถือกวา การสอ่ื สารในรปู แบบอน่ื สามารถกําหนด ระยะเวลาในการสื่อสารไดแนน อน และสามารถสง ขอมลู ไดในปรมิ าณมาก สงขอมลู ไดท กุ รูปแบบ และมพี ้นื ทใี่ หบรกิ ารท่วั โลก

3. การสือ่ สารในยคุ ปจั จบุ ันหรอื การส่อื สารยคุ โลกไรส้ าย เปน การ สอ่ื สารท่ีมุ่งเนน้ ความสะดวกสบายของผ้ใู ชแ้ ละประสิทธิภาพของ ข้อมูลท่ีใช้ในการสอื่ สารเปน หลกั ผสู้ อ่ื สารจะตอ้ งมีความรดู้ า้ น เทคโนโลยีเปน อยา่ งดี จงึ จะสามารถสอ่ื สารไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ

พฒั นาการของการสอ่ื สารขอ้ มูล ไวไฟ (Wi-Fi) เปนระบบเช่อื ตออุปกรณท่ีทาํ งานบนเครือขายคอมพิวเตอรไ รส าย (Wireless LAN) โดยใชคล่นื สญั ญาณวทิ ยทุ าํ ใหสามารถตดิ ตอ สื่อสารขอมูล ไดร ะหวางอุปกรณน ้นั ๆ ปจจุบันนิยมติดตัง้ อุปกรณรบั และสงสัญญาณ ไวไฟในคอมพิวเตอรแบบพกพา เพ่ือใหสามารถคน หาสญั ญาณไวไฟท่ีสงมา จากคอมพิวเตอรท ่เี ชอื่ มตอ อินเทอรเน็ต ทําใหค อมพิวเตอรแ บบพกพานั้น สามารถเชอื่ มตออินเทอรเ น็ตไดดว ย ผูใ ชไวไฟสามารถตดิ ตอสื่อสารไดด ว ย ขอ มูลทุกรูปแบบทีอ่ ยูในรูปแบบของไฟลข อ มลู แตจ ะมีความเรว็ ในการ สอื่ สารนอยกวาการสือ่ สารในระบบเครือขายที่ใชสายรบั และสง สัญญาณ

พฒั นาการของการสอ่ื สารขอ้ มูล ไปรษณียอ์ เิ ล็กทรอนกิ สห์ รอื อีเมล (Electronic Mail หรือ E-Mail) เปนการใชค อมพิวเตอรสง ขอ ความในรูปของจดหมายอเิ ลก็ ทรอนกิ สไปยงั บุคคลอ่ืน การสือ่ สารนผ้ี ใู ชจ ะตอ งมีที่อยทู างไปรษณยี อ ิเล็กทรอนกิ สของ ผูร บั หรืออเี มลแอดเดรส (E-Mail Address) เชน [email protected] ผูส ง ไปรษณยี อ เิ ลก็ ทรอนกิ สสามารถสงขอมูล เวลาใดกไ็ ด เนื่องจากขอมลู ท่ีสงไปจะฝากไวบ นเครอื ขา ยคอมพวิ เตอร เมอ่ื ผู รับเขา สูร ะบบและเรียกใชบริการกจ็ ะไดรบั ขอ ความโดยไมตอ งรอใหเ วลา ตรงกัน นอกจากนยี้ งั สามารถสง ขอ มูลไดห ลายรูปแบบในปริมาณทมี่ ากกวา การสงขอ ความผานทางโทรศพั ทเคล่อื นท่ี (Short Message) และสามารถ สง ขอ มูลไปยังผรู ับหลาย ๆ คนไดใ นเวลาเดียวกัน

พฒั นาการของการสอ่ื สารขอ้ มูล บลทู ทู (Bluetooth) เปน ระบบเชื่อมตออุปกรณอิเลก็ ทรอนกิ สเพ่อื ส่อื สารระหวา งอุปกรณน ้ัน ๆ โดยอาศยั คลน่ื ความถีห่ รือสญั ญาณวทิ ยุ ตัวอยา งการเช่ือมตอบลูททู เชน การเชือ่ มตอ ระหวางคอมพิวเตอรแบบพกพากบั โทรศพั ทเ คลอื่ นที่ การเช่อื ตอ ระหวา งโทรศพั ทเ คลอ่ื นท่กี บั สมอลลท อลก (Small talk) บลูทูทสามารถ เชอ่ื มตอเพ่อื ส่อื สารขอมลู ไดใ นระยะทางใกล ๆ ไมเ กนิ 10 เมตร ทาํ ใหต อง ส่อื สารขอ มูลในระยะทางใกลกวา การสื่อสารดว ยไวไฟ นอกจากนี้บลูทูทยังมี ประสทิ ธิภาพดานความเรว็ ในการสือ่ สารนอ ยกวาไวไฟอีกดว ย

พฒั นาการของการสื่อสารขอ้ มลู การสนทนาออนไลนห์ รือแชท (Chat) เปนการสนทนาระหวางบุคคลหรือกลุม บุคคล ปจ จบุ ันสามารถพัฒนาใหใ ช ภาพกราฟก ภาพการตนู หรอื ภาพเคลอื่ นไหวตาง ๆ แทนภาพผสู อ่ื สารได นอกจากการสนทนาแลว ผใู ชย งั สามารถแลกเปลี่ยนขอมลู ที่มลี ักษณะเปน ไฟลอิเลก็ ทรอนกิ สไ ดอ กี ดวย การสนทนาแบบนี้เปน การสนทนาแบบโตตอบ ในเวลาเดยี วกัน ดังนัน้ ผูสอ่ื สารจงึ ตอ งออนไลนพรอ มกัน การสนทนา ออนไลนใ นบางโปรแกรมจะมีการแบงการสนทนาออกเปน หอ ง ๆ หรือเปน กลมุ สนทนา โดยผใู ชทงั้ สองฝา ยจะตองมีโปรแกรมสาํ หรับใชส นทนา

พฒั นาการของการสอ่ื สารขอ้ มูล วดี ีโอทางไกล (Video Conferencing) เปนการส่อื สารขอ มูลโดยการสงภาพและเสยี งจากฝา ยหนึ่งไปสูอีกฝา ยหน่งึ การใชว ดิ ีโอทางไกลตอ งมีอุปกรณส าํ หรับบนั ทกึ ภาพและอุปกรณบันทึกเสียง โดยทภ่ี าพและเสยี งทีส่ งไปนั้นสามารถแสดงเปน ภาพเคล่ือนไหวทมี่ ีเสยี ง ประกอบได ปจจุบันหลายหนวยงานนําวธิ ีส่อื สารแบบวิดีโอทางไกลมาใช เพ่ือการประชมุ มากขนึ้ เพราะชว ยใหห นวยงานประหยดั ทั้งเวลาและ คา ใชจา ยในการเดนิ ทาง ตัวอยางการใชประโยชนวิดีโอทางไกล เชน การนาํ วดิ ีโอทางไกลมาใชทางการศกึ ษา ทําใหน กั เรียนสามารถรบั ฟงการบรรยาย จากอาจารยซ่งึ อยูอกี ท่หี นึ่งไดโดยไมต องเดินทางไปเรียนดว ยตนเอง และยงั สามารถโตตอบระหวา งคสู นทนาได เนอ่ื งจากมกี ลองดจิ ทิ ลั ไมโครโฟน และ ลาํ โพง ซึง่ เปนอุปกรณท่ีทําใหทงั้ สองฝา ยเห็นและไดยินเสียงซึง่ กันและกนั

01 Super Computer 02 Mainframe Computer 03 Personal Computer 04 Workstation Computer 05 Wearable Computer

ประเภทคอมพวิ เตอร์ 1. ซุปเปอร์คอมพวิ เตอร์ (Super Computer) เปน เครอ่ื งประมวลผลข้อมลู ทีม่ คี วามสามารถใน การ ประมวลผลสงู ที่สดุ โดยทั่วไปสร้างข้ึนเปนการเฉพาะเพ่ือ งานด้านวทิ ยาศาสตรท์ ตี่ อ้ งการการประมวลผลซบั ซอ้ น และตอ้ งการความเรว็ สูง เช่น งานวจิ ยั ขีปนาวุธ งาน โครงการอวกาศสหรฐั (NASA) งานสอ่ื สารดาวเทยี ม หรอื งานพยากรณ์อากาศ เปน ตน้ ซูเปอรค์ อมพวิ เตอร์ ทาำ งานได้เร็ว และมปี ระสทิ ธภิ าพสงู กวา่ คอมพิวเตอรช์ นดิ อน่ื การทซ่ี เู ปอรค์ อมพิวเตอรท์ าำ งานได้เรว็ เพราะมีการ พัฒนาใหม้ ีโครงสร้างการคาำ นวณพิเศษ เช่น การคำานวณ แบบขนานท่ีเรยี กว่า เอ็มพีพี (Massively Parallel Processing : MPP) ซ่งึ เปนการคาำ นวณทก่ี ระทาำ กับ ข้อมลู หลาย ๆ ตัวในเวลาเดยี วกนั

ประเภทคอมพวิ เตอร์ 2. เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์(Mainframe Computer) เปน เครอื่ งประมวลผลข้อมูลท่ีมสี ่วนความจำาและ ความเรว็ น้อยซปุ เปอรค์ อมพิวเตอร์ สามารถทาำ งานใน ระบบเครอื ขา่ ย (Network) ไดเ้ ปน อย่างดี โดย สามารถเชอื่ มต่อไปยังอปุ กรณ์ทเ่ี รยี กวา่ เครอ่ื งปลายทาง (Terminal) จาำ นวนมากได้ สามารถทำางานได้พร้อมกนั หลายงาน (Multi Tasking) และใชง้ านได้พรอ้ มกัน หลายคน (Multi User) ปกตเิ ครอื่ งชนดิ นนี้ ิยมใชใ้ นธรุ กจิ ขนาดใหญ่ มรี าคาตง้ั แตส่ ิบล้านบาทไปจนถึงหลายรอ้ ย ล้านบาท ตัวอย่างของเครื่องเมนเฟรมทใ่ี ช้กันแพรห่ ลายก็ คือ คอมพิวเตอร์ของธนาคารทเี่ ชอ่ื มตอ่ ไปยังตู้ ATM และ สาขาของธนาคารทว่ั ประเทศนน่ั เอง

ประเภทคอมพวิ เตอร์ 3.คอมพิวเตอร์สว่ นบุคคล (Personal Computer) เปน เครื่องประมวลผลขอ้ มูลขนาดเลก็ มีสว่ นของ หนว่ ยความจาำ และความเรว็ ในการประมวลผลน้อยทสี่ ดุ สามารถใช้งานได้ด้วยคนเดยี ว จึงมักถูกเรียกว่า ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer ) ปัจจุบนั ไมโครคอมพิวเตอรม์ ีประสิทธิภาพสงู กวา่ ในสมัยก่อนมาก อาจเท่ากับหรือมากกว่าเครือ่ งเมนเฟรม ในยุคกอ่ น นอกจากนั้นยงั ราคาถูกลงมาก ดงั น้ันจงึ เปนท่ี นยิ มใชม้ าก ทง้ั ตามหน่วยงานและบรษิ ทั หา้ งรา้ น ตลอดจนตามโรงเรยี น สถานศกึ ษา และบ้านเรือน บริษทั ทีผ่ ลติ ไมโครคอมพวิ เตอรอ์ อกจำาหนา่ ย ได้แก่ Acer , Apple, Compaq, Dell, IBM เปนตน้

ประเภทคอมพวิ เตอร์ 4.คอมพวิ เตอร์สว่ นบุคคล (Personal Computer) เปน เครือ่ งประมวลผลข้อมลู ขนาดเลก็ มสี ว่ นของ หนว่ ยความจาำ และความเรว็ ในการประมวลผลน้อยทส่ี ดุ สามารถใช้งานไดด้ ว้ ยคนเดยี ว จึงมักถูกเรียกว่า ไมโครคอมพิวเตอร์ (Micro Computer ) ปัจจุบนั ไมโครคอมพิวเตอรม์ ีประสทิ ธิภาพสงู กว่า ในสมัยก่อนมาก อาจเทา่ กบั หรอื มากกวา่ เครื่องเมนเฟรม ในยุคกอ่ น นอกจากนั้นยังราคาถกู ลงมาก ดังน้ันจึงเปนท่ี นิยมใชม้ าก ทัง้ ตามหนว่ ยงานและบรษิ ทั ห้างรา้ น ตลอดจนตามโรงเรยี น สถานศึกษา และบ้านเรอื น บริษัท ทผี่ ลิตไมโครคอมพวิ เตอรอ์ อกจำาหนา่ ย ได้แก่ Acer , Apple, Compaq, Dell, IBM เปน ตน้

ประเภทคอมพวิ เตอร์ 5.Wearable Computer เปน คาำ นิยามของอปุ กรณ์ อิเล็คทรอนคิ สค์ อมพวิ เตอรข์ นาดเล็กที่สามารถตดิ ต้ังกบั ส่วนตา่ งๆ ของร่างการมนษุ ยไ์ ด้ในการใช้งาน เพือ่ ทำาให้ การใชง้ านอปุ กรณ์เหลา่ นน้ั สะดวกงา่ ยได้ และสามารถนำา ติดตัวไปท่ีใดกไ็ ด้ ใหเ้ หมาะสมกบั ยุคน้ีที่อปุ กรณ์ คอมพวิ เตอร์ มขี นาดเล็กลงกวา่ สมัยกอ่ นมาก และมีราคา ถกู ลงอกี ด้วย Wearable Computer ถกู สร้างมาเพ่ือ นาำ มาใชง้ านในประโยชนต์ า่ งๆ ขนึ้ อย่กู บั การประยกุ ตใ์ ช้ รวมถึงแอพพลิเคชน่ั ทส่ี รา้ งมาให้สอดคล้องกบั การทาำ งาน แบบแยกเดียว (Stand alone) หรือทาำ งานร่วมกบั อุปกรณอ์ ย่าง Smartphone, Tablet ตวั อย่าง ไดแ้ ก่ อปุ กรณ์ที่ทำางานเปน เซน็ เซอร์ตวั วดั คา่ ของหนว่ ยตา่ งๆ ทีต่ อ้ งการ เช่น เซ็นเซอร์วัดระยะของการ

ประเภทคอมพวิ เตอรต์ าม วตั ถุประสงค์ของการใชง้ าน 1) คอมพวิ เตอรเ์ พือ่ งานเฉพาะกิจ (Special Purpose Computer) หมายถงึ เคร่ืองประมวลผลข้อมลู ทีถ่ ูก ออกแบบตัวเคร่อื งและโปรแกรมควบคุใหท้ าำ งานอย่างใด อยา่ งหนง่ึ เปนการเฉพาะ เปน ตน้ 2)คอมพวิ เตอรเ์ พื่องานอเนกประสงค์ (General Purpose Computer) หมายถงึ เครอื่ งประมวลผลขอ้ มลู ทม่ี ีความยดื หยนุ่ ในการทาำ งาน โดยไดร้ บั การออกแบบให้ สามารถประยุกต์ใชใ้ นงานประเภทตา่ ง ๆ ได้ เปน ต้น”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook