ชีวประวตั ิ \"สนุ ทรภู่\" สุนทรภู่ กวีสำคัญสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เกิดวันจันทร์ เดือน 8 ข้ึน 1 คำ ปีมะเมีย จุลศักรำช 1148 เวลำ 2 โมงเช้ำ หรือตรงกับวันที 26 มิถุนำยน พ.ศ. 2329 เวลำ 08.00 น. นันเอง ซึงตรงกับสมัยรัชกำลที 1 แหง่ กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ ณ บริเวณด้ำนเหนอื ของพระรำชวงั หลัง (บริเวณสถำนีรถไฟบำงกอกน้อยปัจจุบัน) บิดำ ของท่ำนเป็นชำวกรำ อำเภอแกลง จงั หวัดระยอง ชอื พอ่ พลับ ส่วนมำรดำเป็นชำวเมืองฉะเชิงเทรำ ชือแม่ช้อย สันนิษฐำนวำ่ มำรดำเป็นข้ำหลวงอยใู่ นพระรำชวังหลัง เชือว่ำหลังจำกสุนทรภู่เกิดได้ไม่นำน บิดำมำรดำก็หย่ำ รำ้ งกัน บิดำออกไปบวชอยู่ทีวดั ปำ่ กรำ ตำบลบ้ำนกรำ อำเภอแกลง อันเป็นภูมิลำเนำเดิม ส่วนมำรดำได้เข้ำไป อยู่ในพระรำชวังหลัง ถวำยตัวเป็นนำงนมของพระองค์เจ้ำหญิงจงกล พระธิดำในเจ้ำฟ้ำกรมหลวงอนุรักษ์ เทเวศร์ ดงั นัน้ สุนทรภู่จึงได้อยู่ในพระรำชวังหลังกับมำรดำ และได้ถวำยตัวเป็นข้ำในกรมพระรำชวังหลัง ซึง สนุ ทรภ่ยู ังมนี ้องสำวตำ่ งบดิ ำอกี สองคน ชอื ฉมิ และนมิ อกี ดว้ ย \"สนุ ทรภู่\" ได้รบั กำรศกึ ษำในพระรำชวงั หลงั และทวี ัดชีปะขำว (วัดศรีสุดำรำม) ต่อมำได้เข้ำรับรำชกำร เปน็ เสมยี นนำยระวำงกรมพระคลังสวน ในกรมพระคลังสวน แต่ไม่ชอบทำงำนอืนนอกจำกแต่งบทกลอน ซึง สำมำรถแต่งไดด้ ีตง้ั แต่ยังรุ่นหนมุ่ เพรำะตัง้ แต่เยำว์วัยสุนทรภู่มีนิสัยรักแต่งกลอนยิงกว่ำงำนอืน คร้ังรุ่นหนุ่มก็ ไปเปน็ ครสู อนหนงั สอื อย่ทู วี ดั ศรสี ุดำรำมในคลองบำงกอกนอ้ ย ไดแ้ ตง่ กลอนสุภำษิตและกลอนนิทำนขึ้นไว้ เมือ อำยุรำว 20 ป.ี ต่อมำสุนทรภู่ลอบรักกับนำงข้ำหลวงในวังหลังคนหนึง ชือแม่จัน ซึงเป็นบุตรหลำนผู้มีตระกูล จึงถูก กรมพระรำชวังหลังกร้ิวจนถึงให้โบยและจำคุกคนทั้งสอง แต่เมือกรมพระรำชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. 2349 จึงมกี ำรอภัยโทษแก่ผู้ถูกลงโทษทั้งหมดถวำยเป็นพระรำชกุศล หลังจำกสุนทรภู่ออกจำกคุก เขำกับแม่ จันก็เดินทำงไปหำบิดำที อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และมีบุตรด้วยกัน 1 คน ชือ “พ่อพัด” ได้อยู่ในควำม อปุ กำระของเจำ้ ครอกทองอยู่ ส่วนสุนทรภกู่ ับแม่จันกม็ เี รอื งระหองระแหงกันเสมอ จนภำยหลังก็เลิกรำกันไป หลังจำกน้นั สุนทรภู่ กเ็ ดนิ ทำงเขำ้ พระรำชวงั หลัง และมีโอกำสได้ตดิ ตำมพระองค์เจ้ำปฐมวงศ์ในฐำนะ มหำดเลก็ ตำมเสดจ็ ไปในงำนพธิ ีมำฆบูชำ ทีอำเภอพระพทุ ธบำท จังหวัดสระบุรี เมือปี พ.ศ. 2350 และเขำก็ได้ แต่ง \"นิรำศพระบำท\" พรรณนำเหตุกำรณ์ในกำรเดินทำงครำวนี้ด้วย และหลังจำก \"นิรำศพระบำท\" ก็ไม่ ปรำกฏผลงำนใด ๆ ของสุนทรภู่อกี เลย จนกระทังเข้ำรับรำชกำรในปี พ.ศ. 2359 ในรัชสมัยรัชกำลที 2 สุนทรภู่ได้เข้ำรับรำชกำรในกรมพระ อำลักษณ์ และเป็นทีโปรดปรำนของพระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัย จนแต่งตั้งให้เป็นกวีทีปรึกษำ และคอยรับใชใ้ กล้ชิด เนืองจำกเมือครั้งทีพระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัยทรงแต่งกลอนบทละครใน เรือง \"รามเกียรต์ิ\" ตดิ ขัดไมม่ ผี ู้ใดตอ่ กลอนไดต้ ้องพระราชหฤทยั จึงโปรดให้สุนทรภู่ทดลองแต่ง ปรากฏว่า แตง่ ได้ดีเปน็ ท่ีพอพระทัย จึงทรงพระกรณุ าฯ เลื่อนให้เป็น \"ขุนสุนทรโวหาร\" ต่อมำในรำว พ.ศ. 2364 สนุ ทรภู่ต้องติดคุกเพรำะเมำสุรำอำละวำดและทำร้ำยท่ำนผู้ใหญ่ แต่ติดอยู่ไม่ นำนก็พ้นโทษ เนืองจำกพระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัยทรงติดขัดบทพระรำชนิพนธ์เรือง \"สังข์ ทอง\" ไม่มใี ครแต่งไดต้ ้องพระทัย ทรงให้สุนทรภูท่ ดลองแต่งกเ็ ป็นทีพอพระรำชหฤทยั ภำยหลังพ้นโทษ สุนทรภู่ ไดเ้ ปน็ พระอำจำรยถ์ วำยอกั ษรสมเด็จพระเจ้ำบรมวงศ์เธอ เจ้ำฟ้ำอำภรณ์ พระรำชโอรสในรชั กำลที 2 และ เชือ กนั ว่ำสนุ ทรภแู่ ตง่ เรอื ง \"สวสั ดริ ักษำ\" ในระหว่ำงเวลำนี้ ซึงในระหว่ำงรับรำชกำรอยู่น้ี สุนทรภู่แต่งงำนใหม่กับ แมน่ ิม มีบตุ รดว้ ยกันหนึงคน ช่อื \"พ่อตาบ\" \"สนุ ทรภู่\" รับรำชกำรอย่เู พียง 8 ปี เมอื ถงึ ปี พ.ศ. 2367 พระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัยเสด็จ สวรรคต หลงั จำกน้นั สุนทรภู่ก็ออกบวชทีวัดรำชบูรณะ (วัดเลียบ) อยู่เป็นเวลำ 18 ปี ระหว่ำงนั้นได้ย้ำยไปอยู่
วดั ตำ่ ง ๆ หลำยแหง่ ไดแ้ ก่ วดั เลยี บ, วัดแจ้ง, วัดโพธิ์, วัดมหำธำตุ และวัดเทพธิดำรำม ซึงผลจำกกำรทีภิกษุภู่ เดนิ ทำงธดุ งคไ์ ปทีต่ำง ๆ ทัวประเทศ ปรำกฏผลงำนเป็นนริ ำศเรอื งต่ำง ๆ มำกมำย งำนเขียนชิ้นสุดท้ำยทีภิกษุ ภู่แตง่ ไวก้ ่อนลำสกิ ขำ คือ รำพันพิลำป โดยแตง่ ขณะจำพรรษำอย่ทู วี ดั เทพธิดำรำม พ.ศ. 2385 ทั้งน้ี ระหว่ำงที ออกเดินทำงธุดงค์ ภิกษุภู่ได้รับกำรอุปกำระจำกพระองค์เจ้ำลักขณำนุคุณจนพระองค์ประชวรสิ้นพระชนม์ สุนทรภู่จึงลำสิกขำ รวมอำยพุ รรษำทบี วชไดป้ ระมำณ 10 พรรษำ สนุ ทรภอู่ อกมำตกระกำลำบำกอยู่พักหนึงจึง กลบั เขำ้ ไปบวชอกี คร้งั หนึง แตอ่ ยู่ได้เพยี ง 2 พรรษา ก็ลาสิกขา และถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้าน้อย หรือสมเด็จ เจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอศิ เรศรงั สรรค์ พระราชวังเดมิ รวมท้งั ได้รบั อปุ การะจากกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพอีก ด้วย ในสมัยรัชกำลที 4 เมอื พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกล้ำเจ้ำอยูห่ ัว ไดค้ รองรำชย์ ทรงสถำปนำเจ้ำฟ้ำ กรม ขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระบำทสมเด็จพระป่ินกล้ำเจ้ำอยู่หัว ประทับอยู่วังหน้ำ (พระบวรรำชวัง) สุนทรภู่จึง ได้รับพระรำชทำนบรรดำศักด์ิเป็น \"พระสุนทรโวหาร\" ตำแหน่งเจ้ำกรมพระอำลักษณ์ฝ่ำยบวรรำชวังในปี พ.ศ. 2394 และรบั รำชกำรต่อมำได้ 4 ปี กถ็ งึ แก่มรณกรรมใน พ.ศ. 2398 รวมอำยุได้ 70 ปี ในเขตพระรำชวัง เดมิ ใกล้หอนงั ของพระยำมนเทียรบำล (บัว) ทเี รียกชือกันวำ่ \"หอ้ งสนุ ทรภู\"่ สำหรับทำยำทของสุนทรภู่นั้น เชือกันว่ำสุนทรภู่มีบุตรชำย 3 คน คือ\"พ่อพัด\" เกิดจำกภรรยำคนแรก คือแม่จัน \"พ่อตำบ\" เกิดจำกภรรยำคนทีสองคือแม่นิม และ \"พ่อนิล\" เกิดจำกภรรยำทีชือแม่ม่วง นอกจำกนี้ ปรำกฏชอื บุตรบญุ ธรรมอกี สองคน ชอื \"พอ่ กลัน\" และ \"พอ่ ชบุ \" อยา่ งไรกต็ าม ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงตราพระราชบัญญัตินามสกุลขึ้น และตระกูลของสุนทรภู่ได้ใช้ นามสกุลตอ่ มาวา่ \"ภู่เรอื หงส\"์
รายช่ือผลงาน งานประพนั ธข์ องสนุ ทรภ่เู ทา่ ทม่ี กี ารค้นพบในปจั จบุ ันมีปรากฏอยเู่ พยี งจานวนหนงึ่ และสูญหายไป อกี เปน็ จานวนมาก ถึงกระนนั้ ตามจานวนเท่าที่คน้ พบก็ถอื ว่ามีปริมาณค่อนข้างมาก เรยี กได้ว่า สนุ ทรภู่ เป็น \"นกั แต่งกลอน\" ท่ีสามารถแตง่ กลอนไดร้ วดเรว็ หาตัวจับยาก ผลงานของสนุ ทรภเู่ ท่าทค่ี ้นพบใน ปจั จบุ นั มีดังตอ่ ไปนี้ นิราศ นิราศเมืองแกลง (พ.ศ. 2349) - แตง่ เม่ือหลังพ้นโทษจากคุก และเดินทางไปหาพ่อทเ่ี มอื งแกลง นริ ำศพระบำท (พ.ศ. 2350) - แตง่ หลังจำกกลับจำกเมืองแกลง และตอ้ งตำมเสดจ็ พระองค์เจ้ำปฐม วงศ์ไปนมสั กำรรอยพระพทุ ธบำททีจงั หวดั สระบรุ ีในวนั มำฆบูชำ นิรำศภูเขำทอง (ประมำณ พ.ศ. 2371) - แต่งโดยสมมุตวิ ่ำ เณรหนพู ดั เป็นผู้แต่ง ไปนมัสกำรพระ เจดยี ์ภูเขำทองทจี ังหวดั อยธุ ยำ นริ ำศสุพรรณ (ประมำณ พ.ศ. 2374) - แตง่ เมอื ครัง้ ยงั บวชอยู่ และไปค้นหำยำอำยวุ ัฒนะทจี งั หวัด สุพรรณบุรี เป็นผลงำนเรอื งเดยี วของสุนทรภู่ทแี ต่งเปน็ โคลง นริ ำศวัดเจ้ำฟ้ำ (ประมำณ พ.ศ. 2375) - แต่งเมือครั้งยงั บวชอยู่ และไปคน้ หำยำอำยุวฒั นะตำมลำย แทงทีวดั เจ้ำฟำ้ อำกำศ (ไมป่ รำกฏว่ำทจี รงิ คอื วัดใด) ทีจงั หวัดอยธุ ยำ เทพ สนุ ทรศำรทูลเสนอว่ำ นริ ำศ ดังกลำ่ วเป็นผลงำนของพดั ภู่เรอื หงส์ บุตรของสุนทรภู่[52] นิรำศอิเหนำ (ไม่ปรำกฏ, คำดวำ่ เป็นสมัยรชั กำลที 3) - แต่งเปน็ เนอื้ เรอื งอเิ หนำรำพันถึงนำงบุษบำ เทพ สนุ ทรศำรทลู เสนอวำ่ นิรำศดังกลำ่ วเปน็ ผลงำนของกรมหลวงภูวเนตรนรนิ ทรฤทธ[์ิ 52] รำพันพิลำป (พ.ศ. 2385) - แต่งเมือคร้ังจำพรรษำอยู่ทีวดั เทพธิดำรำม แลว้ เกิดฝนั ร้ำยว่ำชะตำขำด จึงบนั ทึกควำมฝันพรอ้ มรำพนั ควำมอำภัพของตัวไว้เปน็ \"รำพันพิลำป\" จำกน้ันจึงลำสกิ ขำบท นริ ำศพระประธม (พ.ศ. 2385) - เชือว่ำแตง่ เมอื หลังจำกลำสกิ ขำบทและเข้ำรับรำชกำรใน พระบำทสมเดจ็ พระปิน่ เกลำ้ เจำ้ อย่หู วั ไปนมสั กำรพระประธมเจดีย์ (หรอื พระปฐมเจดีย์) ทเี มืองนครชยั ศรี นริ ำศเมืองเพชร (พ.ศ. 2388) - แตง่ เมอื เข้ำรับรำชกำรในพระบำทสมเด็จพระป่นิ เกลำ้ เจำ้ อยหู่ ัว เชือ วำ่ ไปธุระรำชกำรอย่ำงใดอย่ำงหนงึ นริ ำศเรอื งน้มี ฉี บบั ค้นพบเน้ือหำเพิมเติมซึง อ.ล้อม เพง็ แกว้ เชอื ว่ำ บรรพบรุ ษุ ฝ่ำยมำรดำของสนุ ทรภเู่ ป็นชำวเมอื งเพชรบุรี นิทาน โคบตุ ร : เชื่อว่าเป็นงานประพนั ธ์ชิน้ แรกของสนุ ทรภู่[11] เปน็ เร่ืองราวของ \"โคบตุ ร\" ซึ่งเปน็ โอรส ของพระอาทิตยก์ ับนางอัปสร แต่เตบิ โตข้ึนมาด้วยการเล้ยี งดขู องนางราชสีห์ พระอภยั มณี : คำดวำ่ เริมประพันธ์ในสมยั รชั กำลที 2 และแต่ง ๆ หยดุ ๆ เรอื ยมำจนถงึ สมัยรชั กำลที 4 เป็นผลงำนช้นิ เอกของสุนทรภู่ ไดร้ บั ยกยอ่ งจำกวรรณคดีสโมสรให้เปน็ สุดยอดวรรณคดไี ทยประเภท กลอนนทิ ำน พระไชยสุรยิ ำ : เป็นนทิ ำนทีสนุ ทรภ่แู ตง่ ด้วยฉันทลักษณป์ ระเภทกำพย์หลำยชนดิ ไดแ้ ก่ กำพยย์ ำนี 11 กำพย์ฉบัง 16 และกำพยส์ รุ ำงคนำงค์ 28 เปน็ นิทำนสำหรับสอนอ่ำน เนอ้ื หำเรียงลำดับควำมง่ำยไป ยำก จำกแม่ ก กำ แมก่ น กง กก กด กบ กม และเกย เชือว่ำแต่งขึ้นประมำณ พ.ศ. 2383 - 2385
ลักษณวงศ์ : เป็นนทิ ำนแนวจกั ร ๆ วงศ์ ๆ ทนี ำโครงเรืองมำจำกนิทำนพืน้ บำ้ น แต่มีตอนจบทแี ตกต่ำง ไปจำกนิทำนทวั ไปเพรำะไมไ่ ด้จบด้วยควำมสขุ แต่จบด้วยงำนสมโภชศพนำงทพิ เกสร ชำยำของลักษณ วงศท์ ีสิน้ ชวี ิตด้วยกำรสังประหำรของลักษณวงศเ์ อง สิงหไกรภพ : เชอื ว่ำเรมิ ประพันธ์เมอื ครง้ั ถวำยอักษรแด่เจำ้ ฟ้ำอำภรณ์ ภำยหลังจึงแตง่ ถวำยกรมหมนื อปั สรสดุ ำเทพ และนำ่ จะหยดุ แตง่ หลงั จำกกรมหมนื อัปสรสดุ ำเทพสน้ิ พระชนม์ สิงหไตรภพเป็นตัว ละครเอกทแี ตกต่ำงจำกตวั พระในเรอื งอนื ๆ เนอื งจำกเปน็ คนรกั เดยี วใจเดียว สุภาษิต สวัสดริ กั ษา : คาดวา่ ประพนั ธใ์ นสมยั รัชกาลที่ 2 ขณะเปน็ พระอาจารยถ์ วายอกั ษรแดเ่ จา้ ฟ้า อาภรณ์ เพลงยำวถวำยโอวำท : คำดวำ่ ประพนั ธ์ในสมัยรัชกำลที 3 ขณะเปน็ พระอำจำรยถ์ วำยอกั ษรแดเ่ จ้ำฟำ้ กลำงและเจำ้ ฟำ้ ป๋วิ สภุ ำษติ สอนหญงิ : เป็นหนึงในผลงำนซึงยงั เปน็ ทเี คลือบแคลงว่ำ สุนทรภู่เป็นผูป้ ระพนั ธจ์ รงิ หรอื ไม่ เทพ สุนทรศำรทูลเสนอวำ่ น่ำจะเป็นผลงำนของภู่ จุลละภมร ศษิ ย์ของสุนทรภเู่ อง[52] บทละคร มกี ารประพนั ธไ์ วเ้ พยี งเร่ืองเดียวคอื อภัยนรุ าช ซึง่ เขียนขนึ้ ในสมัยรัชกาลที่ 4 เพ่อื ถวายพระองค์ เจ้าดวงประภา พระธิดาในพระบาทสมเด็จพระปนิ่ เกล้าเจ้าอยู่หวั บทเสภา ขุนช้างขนุ แผน เสภำพระรำชพงศำวดำร บทเห่กล่อมพระบรรทม นา่ จะแต่งขึน้ สาหรับใชข้ ับกล่อมหมอ่ มเจา้ ในพระองคเ์ จา้ ลกั ขณานุคณุ กบั พระเจ้าลกู ยาเธอใน พระบาทสมเด็จพระป่นิ เกลา้ เจา้ อยหู่ ัว[9] เท่าทพ่ี บมี 4 เรอื่ งคือ เห่เรืองพระอภัยมณี เห่เรอื งโคบตุ ร เห่เรืองจบั ระบำ เห่เรอื งกำกี
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: